เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์โลก => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ย. 11, 14:15



กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ย. 11, 14:15
กระทู้นี้เกิดจากอินทรเนตรส่องเจอข่าวเล็กๆข่าวหนึ่งของอังกฤษ   เป็นเรื่องการแข่งม้าประจำปีที่แอสคอท   งานนี้ถือกันว่าเป็นงานออกหน้าออกตาสำหรับเซเล็บอังกฤษ   ผู้ชายแต่งชุดออกงานเป็นพิธีรีตอง   ผู้หญิงก็แต่งตัวหรู สวมหมวกเข้าชุด ประกวดประขันกันสุดฤทธิ์    
หนุ่มสาวไฮโซคนไหนจะประกาศตัวแฟนอย่างเป็นทางการก็พาไปงานนี้  เพราะจะมีนักข่าวไปทำข่าวกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน     เจ้านายอังกฤษก็เสด็จงานนี้เป็นประจำ
ถ้าใครนึกไม่ออก   ตัวอย่างงานแข่งม้าที่แอสคอท  คือในฉากแข่งม้าใน My Fair Lady ที่แต่งชุดดำสลับขาวอลังการกันทั้งงานไงล่ะคะ
กลับมาในข่าวที่อ่านเจอ  เจ้าฟ้าหญิงแอนน์เสด็จงานนี้  มีภาพที่สื่อถ่ายให้เห็น ขณะทรงสนทนาอยู่กับชายวัยเจ็ดสิบเศษคนหนึ่ง  ชื่อนายพลแอนดรูว์ ปาร์คเกอร์-โบว์ลส์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ย. 11, 14:19
ขอเกริ่นตอนเริ่มเรื่องไว้แค่นี้  ก่อนจะย้อนอดีตกลับไปที่เจ้าหญิงแอนน์

คนไทยจำนวนมากรู้จักเจ้าหญิงแสนงามไดอาน่า แม้ว่าสิ้นพระชนม์ไปนานหลายปีแล้ว    ปัจจุบันก็รู้จักเจ้าหญิงเคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ที่เพิ่งผ่านพิธีอภิเษกสมรสมาไม่นานนี้เอง     แต่คงมีจำนวนน้อยที่รู้จักเจ้าฟ้าหญิงแอนน์  ทั้งๆทรงเป็นเจ้าหญิงที่สำคัญยิ่งองค์หนึ่งของอังกฤษ  คือเป็นเจ้าฟ้าพระธิดาองค์เดียวของพระราชินีนาถเอลิซาเบธ   เป็นพระขนิษฐาหรือพระน้องนางองค์ถัดมาจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
********************************
เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ประสูติเมื่อค.ศ. 1950   ปีนี้ พระชันษาครบ 61  ประสูติเมื่อพระมารดายังเป็นเจ้าหญิงเอลิซาเบธพระธิดาองค์ใหญ่ในกษัตริย์อังกฤษขณะนั้น คือพระเจ้าจอร์ชที่ 6   พอพระชันษาได้สองขวบ พระอัยกาก็สวรรคต  พระมารดาทรงขึ้นครองราชย์ จึงทรงย้ายทั้งครอบครัวจากพระตำหนักคลาเรนซ์ไปประทับอยู่ที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม ซึ่งเป็นพระราชวังที่ประทับเป็นทางการของกษัตริย์อังกฤษ

ในรูปคือเจ้าฟ้าหญิงแอนน์เมื่อแรกประสูติ  พระมารดา และพระบิดา เจ้าชายฟิลลิป ดยุคแห่งเอดินเบอระ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ย. 11, 15:49
ตอนเล็กๆมีกันสองคนพี่น้องที่จะเล่นด้วยกันได้  แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ก็เป็นเด็กนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง   ชาร์ลส์เป็นเด็กชายใจอ่อน  อ่อนไหว ขี้อาย    ส่วนแอนน์ก็กลับเป็นเด็กหญิงดื้อและเฮี้ยว  จนน่าจะกลับเพศกัน

สมัยนั้น ลูกผู้ลากมากดีไม่ต้องไปโรงเรียนตั้งแต่อนุบาล  แต่พ่อแม่จะจ้างครูพี่เลี้ยง (governess) มาสอนให้ที่บ้าน   เหมือนแหม่มแอนนาเคยมาถวายพระอักษรพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ 4 ของสยาม      เจ้าชายเจ้าหญิงก็เช่นกัน  มีครูมาถวายพระอักษรตลอดจนดูแลเรื่องเสวยเรื่องบรรทม  เป็นครูผู้หญิงชื่อแคทเธอรีน พีเบิลส์   

รูปซ้าย เจ้าหญิงแอนน์  รูปขวา เจ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงแอนน์  สตรีที่ยืนอยู่คือสมเด็จยาย  หรือ "ควีนมัม" พระราชินีเอลิซาเบธในพระเจ้าจอร์ชที่ 6 พระอัยกา


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ย. 11, 18:33
จนกระทั่งโตพอสมควร  เจ้าชายเจ้าหญิงก็แยกกันไปเข้าโรงเรียน

เจ้าหญิงแอนน์เสด็จไปเข้าโรงเรียนประจำของรัฐ    ชื่อ Beneden School อยู่ในมณฑล Kent   ผลการเรียนจะว่าแย่ก็ไม่ถึงกับแย่ เพราะได้ A มา 2 วิชา   แต่จะว่าดีก็ไม่ดีแน่นอน เพราะได้ 0 ถึง 6 วิชา 
จากนั้น  ทรงไปเล่าเรียนภาษาต่อที่  Berlitz School of Language ซึ่งตั้งอยู่ที่ Oxford Street  ในลอนดอน    เป็นอันจบแค่นั้น  เจ้าหญิงไม่ได้ศึกษาต่อขั้นมหาวิทยาลัย   
เจ้าหญิงโปรดกีฬากลางแจ้ง  ไม่ชอบตำรา ไม่ชอบงานฝีมือเย็บปักถักร้อย     สิ่งที่ชอบเป็นชีวิตจิตใจคือขี่ม้า   ม้าเป็นสัตว์ที่ทรงขลุกอยู่ได้ด้วยทุกเวลาอย่างเมื่อไม่หน่าย   จนถึงขั้นเป็นตัวแทนของอังกฤษลงแข่งในกีฬาโอลิมปิคปี 1976

   


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ย. 11, 18:40
แอนน์เมื่อพระชันษา 13  เป็นเพื่อนเจ้าสาวรุ่นเยาว์ในงานสมรสของเจ้าหญิงอเลกซานดรา พระญาติสนิท  กับออนเนอระเบิลแองกัส โอกิลวี่


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ย. 11, 22:22
เมื่อพระชันษา 18  ชีวิตวัยเรียนก็จบลง   เจ้าหญิงแอนน์ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ปฏิบัติพระภารกิจต่างๆทั้งในประเทศและนอกประเทศ  แบ่งเบาพระราชภารกิจของพระมารดา
ในรูปนี้ ตามเสด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธเสด็จเยือนออสเตรียอย่างเป็นทางการ เมื่อพระชันษา 18 ปี


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 พ.ย. 11, 10:55
ถ้าเป็นสมัยโบราณ  เมื่อเจ้าหญิงองค์ใดองค์หนึ่งเป็นสาว ก็จะถูกกำหนดให้ไปอภิเษกสมรสกับเจ้าชายหรือว่าที่กษัตริย์ในอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง  ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันเป็นส่วนตัว   แต่เจ้าหญิงแอนน์ทรงเติบโตขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  ไม่เหลือประเพณีนี้อยู่อีกแล้ว   จึงมีอิสระเสรีพอจะพบปะชายหนุ่ม สามารถคบหาดูใจกันได้  เพื่อจะนำไปสู่การแต่งงาน

ก่อนหน้านี้  สมเด็จน้าของเจ้าหญิง  เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตก็เคยนำทาง ด้วยการเสกสมรสกับชายสามัญชื่อแอนโทนี่ อาร์มสตรอง โจนส์มาแล้ว    จากนั้นอีกไม่นาน   พระญาติสนิทเจ้าหญิงอเลกซานดราก็ทรงสมรสไปกับชายเชื้อสายขุนนาง ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้า   จะว่าไปก็เหลือเจ้าชายอยู่ไม่กี่องค์แล้วในยุคของแอนน์

ชายหนุ่มที่สามารถพิชิตพระทัยเจ้าหญิงได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เป็นนายทหารหนุ่มลูกผู้ดี จบจากโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์สต์  สามารถเข้านอกออกในวังได้อย่างสะดวก เพราะ "ควีนมัม" หรือสมเด็จยายโปรดปรานเขามาก    
เจ้านายและผู้ดีอังกฤษสมัยนั้น(หรือแม้แต่สมัยนี้)มีธรรมเนียมอะไรคล้ายๆกับผู้ดีเก่าในนิยายไทยรุ่นเก่า คือให้คะแนนนิยมกันที่เทือกเถาเหล่ากอ      พ่อหนุ่มหรือแม่สาวคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร  ตระกูลไหน   อ๋อ ลูกคุณนั่นน่ะหรือ  ฉันรู้จักพ่อรู้จักแม่ดี  
เมื่อรู้จักเชื้อสาย  ท่านผู้ใหญ่ก็เอ็นดูไว้ก่อน

นายทหารหนุ่มคนนั้นชื่อแอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ โบว์ลส์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 พ.ย. 11, 11:09
แอนดรูว์เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ และเป็นนักรักที่เก่งฉกาจ    สาวน้อยสาวใหญ่หลงใหลได้ปลื้มเขากันทั่วเมือง    แต่แอนดรูว์ก็ก้าวจากหญิงสาวสามัญไปจนลูกผู้ดีมีตระกูลขึ้นมาหมายปองดอกฟ้า   แล้วก็ผูกไมตรีด้วยจนสำเร็จ    
นอกจากเสน่ห์แบบขุนแผนแล้ว  แอนดรูว์ยังเก่งหาตัวจับยากเรื่องขี่ม้า  ซึ่งเป็นกีฬาที่เจ้าหญิงโปรดปรานมากที่สุด    นิสัยที่สอดคล้องกันทำให้สนิทกันง่าย    เจ้าหญิงแอนน์เองก็ทรงหลงรักเขาจนถอนองค์ไม่ขึ้น  ถึงกับรำพันกับพระสหายสนิทว่า  ผู้ชายคนนี้แหละเป็น 'ชายเดียวในดวงใจ' ของฉัน

ความรักของทั้งสองคนเริ่มต้นราวๆช่วงต้นของทศวรรษที่ 1970s ซึ่งแอนน์เป็นหญิงสาววัยแค่ 20 ต้นๆ  ส่วนขุนแผนอังกฤษคนนี้แก่กว่า 11 ปี อยู่ในวัยฉกรรจ์ที่จัดเจนโลก     ดูๆก็เหมือนนิยายรักหวานจ๋อยระหว่างสาวน้อยกับหนุ่มใหญ่  ต่างคนต่างก็ประคับประคองกันมาได้ด้วยดี
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่สุดที่ทำให้แต่งงานกันไม่ได้  คือแอนดรูว์เป็นคาทอลิค    ส่วนเจ้าหญิงเป็นโปรแตสแตนท์นิกายเชิชออฟอิงแลนด์ ที่กษัตริย์เป็นศาสนูปถัมภก     พระธิดาของพระราชินีนาถจะไปเสกสมรสกับคนต่างนิกายได้อย่างไร   โดยเฉพาะนิกายที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาหลายร้อยปี

ดังนั้น  ถึงรักกันมากแค่ไหน  ทั้งคู่ก็จำต้องกล่าวคำอำลากันไปตามทางใครทางมัน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ย. 11, 10:10
ในเวลาเดียวกับที่เจ้าหญิงแอนน์มีความรักอยู่กับพันตรีแอนดรูว์    เจ้าชายชาร์ลส์ซึ่งเป็นหนุ่มเต็มตัวก็เป็นหนุ่มเนื้อหอมที่สุดในประเทศ เพราะตำแหน่งรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์หนุนหลังอยู่    ทั้งๆโดยพระนิสัย และบุคลิกประจำพระองค์ ไม่ใช่หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์  ถึงกระนั้นก็ทรงมีพระสหายสาวๆมากหน้าหลายตาแวดล้อม   ล้วนแต่สาวสวยผู้ลากมากดี

ในจำนวนนี้มีสาวไฮโซสุดเปรี้ยวคนหนึ่งชื่อ คามิลล่า ชานด์   เป็นธิดาของนายทหารแห่งกองทัพบกซึ่งต่อมาลาออกจากกองทัพมาทำธุรกิจค้าไวน์  เขาและภรรยามีเงินทองมากพอจะให้การศึกษาลูกสาวได้อย่างดี   คามิลลาเรียนหนังสือที่โรงเรียนสตรี Queens Gate School  ในลอนดอน  พอจบก็ไปเรียนต่อฟินิชชิ่งสกูลในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นโรงเรียนอบรมสาวๆลูกผู้ดี ให้รู้จักออกงานสังคม จัดบ้าน จัดงานเลี้ยง  เผื่อสำหรับเวลาออกเรือนไปกับสามีผู้ดีระดับเดียวกัน

คามิลลาเป็นเด็กสาวหัวโจกมาตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียน   ขนาดปีนขึ้นไปแอบสูบบุหรี่บนหลังคาโรงเรียนเพื่อหลบสายตาครู   นิสัยเป็นคนเฮฮาร่าเริง เปิดเผย และใจถึง  เป็นที่ชื่นชมแกมยำเกรงของเพื่อนสาวๆที่ใจไม่ถึงเท่า     เมื่อแตกเนื้อสาว  หล่อนก็เริ่มคบหนุ่มๆ   ตั้งแต่เพื่อนวัยเดียวกันยังไม่ประสีประสากับเรื่องนี้   ว่ากันว่าคามิลล่ามีประสบการณ์บนเตียงกับเพื่อนหนุ่ม ตั้งแต่ก่อนออกงานเดบูตองเมื่ออายุ 17 เสียด้วยซ้ำไป

งานเดบูตอง ในยุคนั้นเป็นงานที่พ่อแม่ผู้มีฐานะดีจัดขึ้นให้ลูกสาว ฉลองในโอกาสที่อายุครบ 17 หรือ 18  เป็นการแนะนำต่อสังคมว่า...ลูกสาวฉันเป็นสาวแล้วนะจ๊ะ    พร้อมจะมีคู่ได้แล้ว   
ก่อนหน้านี้ย้อนหลังไปสัก 50-60 ปี   เดบูตองหมายถึงว่าสาวๆพวกนี้จะต้องแต่งชุดขาวยาว   นั่งรถไปเข้าคิวเรียงแถวคอยเข้าเฝ้าถวายคำนับหน้าพระที่นั่งเป็นพิธีรีตอง  แต่ล่วงมาถึงสมัยทศวรรษ 1970s พิธีนี้ยกเลิกไปแล้ว  พ่อแม่ก็เลยต้องจัดงานให้ลูกตัวเองแทน

ในภาพนี้คือคามิลล่าเมื่อเป็นเดบูตอง แต่งชุดราตรีสีดำ เป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว   ถ่ายคู่อย่างเป็นทางการกับแม่ของเธอ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ย. 11, 10:21
คามิลล่าอยู่ในแวดวงไฮโซ  ใกล้ชิดราชสำนัก  จึงเป็นโอกาสที่จะได้พบเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์   นิสัยปราดเปรียวใจถึง คุยสนุก ติดดินไม่ถือเนื้อถือตัว ชอบขี่ม้าและกีฬากลางแจ้งราวกับผู้ชาย  เป็นเสน่ห์ของหญิงสาวเจนโลกที่เจ้าชายพอพระทัยทันทีตั้งแต่แรกพบ
เจ้าชายชาร์ลส์เป็นผู้ชายขี้ประหม่า ใจอ่อนและขี้อาย    จึงทรงชอบให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายรุกเข้ามาหา  มากกว่าจะทรงรุกเข้าไปเอง  ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงที่สามารถตามพระทัยได้ทุกอย่าง ก็ยิ่งโปรดมากขึ้น

ว่ากันว่า ชาร์ลส์ชอบคามิลล่ามากจนถึงขั้นอยากลงเอยกับหญิงสาวคนนี้อย่างจริงจัง   แต่ว่าราชสำนักซึ่งเข้มงวดกับความประพฤติของหญิงสาวผู้มีสิทธิ์จะเป็น"ว่าที่เจ้าสาว"ของเจ้านายของตน  ได้สืบประวัติคามิลล่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน    แล้วฟันธงลงไปว่า ประวัติของหล่อนเสียหายเกินกว่าจะขึ้นเป็นควีนแห่งสหราชอาณาจักรในอนาคตได้

เรื่องนี้จะว่าไป  อาจถูกมองว่าเป็นสองมาตรฐาน    แต่เป็นสองมาตรฐานที่คนอังกฤษผู้เคร่งประเพณียอมรับกันในสมัยนั้น    ถ้าคุณเป็นสาวอังกฤษ ที่เป็นสามัญชน หรือว่าเป็นลูกผู้ลากมากดีแต่ว่าไม่มีบทบาทเป็นที่รู้จักในสาธารณะ      คุณจะคบหาผู้ชายมากี่คนก่อนแต่งงานก็ไม่มีใครเดือดร้อน รวมทั้งเจ้าบ่าวของคุณด้วย    
แต่ถ้าเมื่อไรคุณไปคบกับเจ้าชาย ทำท่าว่าจะได้เป็นพระชายาละก็    ประวัติคุณจะถูกนำมากลั่นกรองละเอียดยิ่งกว่ากรองแป้ง     เพราะทันทีที่ข่าวปรากฏออกไป สื่อจะขุดคุ้ยประวัติผู้หญิงคนนั้นย้อนหลังไปจนถึงบรรพบุรุษ   ถ้าเจออะไรที่เป็นเรื่องฉาวโฉ่ได้ สื่อจะกระพือข่าวเล่นงานไม่ยั้ง  
จากนั้น ราชสำนักก็ที่รักษาภาพลักษณ์ของความดีงามมาตลอด ก็จะด่างพร้อยเสื่อมเสีย


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ย. 11, 10:38
หญิงสาวหลายคนที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เคยควงคู่อยู่รู้ข้อนี้ดี    หลายคนจึงหนาวๆร้อนๆ ไม่กล้าจะคืบหน้ามากกว่านั้น  เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เรื่องลี้ลับส่วนตัวที่เคยคึกคะนองมากับหนุ่มอื่นๆ กลายเป็นพาดหัวข่าวให้คนรู้ไปทั่วโลก      อีกหลายคนก็รู้ว่าการกลายเป็นควีนในอนาคตไม่ใช่เรื่องง่าย   ต้องแบกพระราชภารกิจ ขนบธรรมเนียมและความกดดันอีกสารพัด  ที่จะทำให้เป็นบ้าไปง่ายๆ หากว่าไม่ได้เป็นเจ้ามาแต่กำเนิด จนชินกับเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่เยาว์

คามิลล่าก็เป็นคนหนึ่งที่ฉลาดพอจะตระหนักถึงปัญหาใหญ่ 2 ข้อนี้      และไม่อยากจะเสี่ยงเข้าไปเจอให้เจ็บตัวเปล่าๆ     แต่หล่อนฉลาดพอจะรู้ว่ามีเส้นทางอีกทางหนึ่งที่ปลอดภัย สบายใจและมีหน้ามีตาไม่น้อย  นั่นคือการไปเป็นพระสนมลับ อย่างที่คุณทวดหญิงของหล่อนเคยเป็นมาแล้ว

ทวดของคามิลล่าชื่อมิสซิส อลิซ แคปเปล  มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่ก็จริง  แต่ก็เข้าไปเป็นพระสนมของปรินออฟเวลส์ พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย จนได้     เธอมีคฤหาสน์หลังงามอยู่เป็นของตัวเอง ที่ปรินซ์ออฟเวลส์ผู้ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7  (ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เสด็จไปเยี่ยมเยียนเป็นประจำ    เธอดำรงตำแหน่งลับนี้อย่างเปิดเผยจนตลอดรัชกาล   เป็นที่รู้จักในราชสำนัก มีความเป็นอยู่โอ่อ่าอย่างเศรษฐินี   มีหน้ามีตา เป็นที่ยำเกรงในหมู่พระสหายและข้าราชบริพาร แถมไม่ต้องแบกงานหลวงให้ปวดหัวด้วย


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ย. 11, 20:05
ตั้งแต่เริ่มรู้จักกันจนมิตรภาพเปลี่ยนเป็นสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาว  คามิลล่าเป็นแขกประจำ ณ ที่ประทับของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในพระราชวังบัคกิ้งแฮมอยู่บ่อยๆ   แต่ก็รู้ว่ารักเร้นของหล่อนก็มีได้แค่นี้  ไม่อาจคาดหวังอะไรมาก   ในเวลานั้นชาร์ลส์ผู้อ่อนวัยกว่าหล่อน 1 ปียังพระชันษาไม่ถึง 25 ด้วยซ้ำ  โปรดที่จะอยู่เป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมท่ามกลางเพื่อนสาวๆอีกหลายคน  ไม่มีท่าทีว่าจะสละโสด

ด้วยเหตุนี้  คามิลล่าก็เลยเล็งไปยังหนุ่มอื่นที่เป็นดอกไม้ใกล้มือมากกว่านั้น    ดีกว่าปล่อยตัวเองให้แก่ขึ้นคานไปเปล่าๆ     หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือหนุ่มเจ้าเสน่ห์ แอนดรูว์ ปาร์คเกอร์ โบวล์ส อดีตคนรักของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์
ต่อมา เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ซึ่งขณะนั้นทรงเข้ารับราชการอยู่ในกองทัพเรือ จำต้องอำลาสาวๆไปฝึกทางทะเลอยู่นาน  ทางนี้คามิลล่าก็ตัดสินใจเข้าสู่พิธีวิวาห์กับแอนดรูว์ อย่างสมเกียรติสมฐานะ
จากนั้น คามิลล่า ชานด์ ก็กลายเป็นมิสซิสคามิลล่า ปาร์คเกอร์ โบว์ลส์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 11, 11:02
ทางฝ่ายเจ้าหญิงแอนน์ เมื่อเลิกรากับแอนดรูว์แล้ว ก็ทรงมีพระสหายชายที่ใกล้ชิดอีกคนหนึ่ง  ชื่อริชาร์ด มี้ด  เป็นนักกีฬาขี่ม้ายอดเยี่ยมของอังกฤษ  ได้เหรียญทองโอลิมปิคมาแล้วทั้งระดับทีมและเดี่ยว    ด้วยนิสัยที่สอดคล้อง เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเรื่องกีฬาขี่ม้าและชอบม้า   เจ้าหญิงก็พอพระทัยเขามาก  จนมีข่าวลือว่าริชาร์ด มี้ดคนนี้แหละจะได้เป็นว่าที่พระสวามี
แต่ผู้ที่ยื่นมือเข้ามาขัดขวาง จนริชาร์ดกระเด็นไป  ก็คือเจ้าชายฟิลิป พระบิดาของเจ้าหญิง   เพราะทรงเห็นว่ามี้ดแก่กว่าเจ้าหญิงถึง 14 ปี   อายุห่างกันเกินกว่าจะครองคู่ด้วยกันได้


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 11, 11:05
อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงแอนน์พบชายหนุ่มอีกคน เป็นนักกีฬาขี่ม้าระดับเหรียญทองโอลิมปิค  รับราชการเป็นนายทหารสังกัดกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ ชื่อร้อยเอกมาร์ค ฟิลลิปส์  ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว   คราวนี้ได้รับไฟเขียวจากสมเด็จยายว่าเหมาะสมกันดี แม้ว่าเขาไม่มีเชื้อสายขุนนางก็ตาม

ขาเม้าท์ซุบซิบว่า เจ้าหญิงอกหักกับข่าวแอนดรูว์จะเข้าสู่พิธีวิวาห์กับอดีตพระสหายหญิงของเจ้าฟ้าชาร์ลส์   ก็เลยตัดสินพระทัยตกลงพระทัยเสกสมรสในปีเดียวกัน คือปี 1973   กับชายหนุ่มรูปหล่อ นิสัยตรงกันคือรักม้า และเป็นนักกีฬาขี่ม้าเชี่ยวชาญพอกัน   


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 11, 11:05
ในรูปนี้ เจ้าหญิงโชว์แหวนหมั้นแซฟไฟร์ประดับเพชรที่มาร์ค ฟิลลิปส์มอบให้   ทั้งคู่หมั้นกันเงียบๆ 6 สัปดาห์ก่อนหน้านี้  ก่อนจะประกาศเรื่องหมั้นอย่างเป็นทางการ    และเข้าพิธีสมรสกันในเดือนพฤศจิกายน 1973  หลังคามิลล่าและแอนดรูว์แต่งงานกันไปในเดือนกรกฎาคม


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 11, 11:07
เจ้าฟ้าหญิงแอนน์กับร้อยเอกมาร์ค ฟิลลิปส์ ถ่ายรูปคู่กันอย่างเป็นทางการ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 11, 12:39
ภาพวันวิวาห์ของเจ้าหญิงแอนน์  เมื่อ 14 พฤศจิกายน 1973


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 11, 13:11
ก่อนหน้านี้   สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธมีพระราชประสงค์จะแต่งตั้งร้อยเอกมาร์ค ฟิลลิปส์เป็นขุนนาง เช่นเดียวกับเคยแต่งตั้งนายโทนี่ อาร์มสตรอง โจนส์เป็นเอิร์ลแห่งสโนว์ดอนเมื่อเขาแต่งงานกับเจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต    ทั้งนี้เพื่อให้บุตรธิดาที่เกิดมาจะได้มีฐานันดรศักดิ์นำหน้าเป็นลอร์ดและเลดี้    ไม่ใช่เป็นนายและนางสาวอย่างชาวบ้านทั่วไป   ในเมื่อมีแม่เป็นเจ้าฟ้าหญิง
แต่ว่ามาร์ค ฟิลลิปส์ ไม่ยอมท่าเดียว   เขาปฏิเสธเรื่องนี้ เจ้าหญิงแอนน์ก็พลอยเห็นด้วยกับเจ้าบ่าว  ว่าในเมื่อเขาอยากเป็นสามัญชนเต็มขั้นก็แล้วแต่เขา     ด้วยเหตุนี้พระโอรสธิดาของเจ้าหญิงที่เกิดมาทั้ง 2 คน คือมาร์ค ฟิลลิปส์ และซาร่า ฟิลลิปส์  จึงเป็นหลานยายของสมเด็จพระราชินีนาถ ที่เป็นสามัญชน    โตขึ้นก็เป็นนายและนางสาวธรรมดาๆ 

มาร์คเกิดเมื่อค.ศ. 1977  ในรูปนี้ เขาถ่ายคู่กับพระราชวงศ์ทางฝ่ายแม่ จากซ้าย เจ้าชายฟิลลิป  เสด็จตา   เจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์    เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์  สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 11, 13:15
ในปี 1981  เจ้าหญิงแอนน์ก็ทรงมีพระธิดาอีก 1 คน คือซาร่า ฟิลลิปส์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 11, 15:01
นำเทียร่าหรือรัดเกล้าเพชรของพระราชินีแต่ละองค์ ที่ทรงสวม ในแต่ละสมัยมาให้ดูกัน
จากซ้าย พระราชินีอเลกซานดรา พระราชินีของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7   สมเด็จทวดของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์
ควีนมัม หรือพระราชินีเอลิซาเบธ ของพระเจ้าจอร์ชที่ 6   สมเด็จยายของเจ้าฟ้าหญิงแอนน
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ  สมเด็จแม่ ทรงสวมเทียร่านี้ในวันอภิเษกสมรส
และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ สวมเทียร่าอันเดียวกันในวันวิวาห์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 11, 20:02
ขอตัดฉากกลับมาที่คามิลล่าและแอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ โบวล์ส์ อีกครั้ง

หลังสมรสแล้ว  ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วๆไปก็คงยุ่งอยู่กับครอบครัว ดูแลสามีและลูกตามแบบแม่บ้านที่ดี   แต่ว่าคามิลล่าและแอนดรูว์เป็นอีกแบบ  ครอบครัวก็อยู่ส่วนครอบครัว   ความสุขส่วนตัวก็อีกเรื่อง   เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กลับมาพบว่าเพื่อนหญิงแต่งงานไปแล้ว   พระองค์ก็กลับโปรดที่จะใกล้ชิดหล่อนเช่นเดิมหรือมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก   จนคามิลล่ากลายเป็นพระสหายหญิงที่สนิทชิดใกล้ที่สุดคนหนึ่งในบรรดาเพื่อนต่างเพศของเจ้าชาย

อ่านพบว่า พระนิสัยของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์โปรดมีพระสหายหญิงที่มีสามีแล้ว  เหตุผลมีหลายอย่าง  อย่างแรกคือทรงรู้ว่าพวกหล่อนตระหนักว่าจะมาคาดหวังอะไรเกินเลยไปกว่านี้ไม่ได้    อย่างที่สองคือ พวกหล่อนจะต้องปิดปาก ซ่อนเร้นเรื่องส่วนพระองค์ไว้สุดความสามารถ เพื่อไม่ให้ตกเป็นข่าวอื้อฉาว กระทบกระเทือนครอบครัว    ทำให้พระองค์เองก็พลอยปลอดภัยจากสื่อหนังสือพิมพ์ไปด้วย   ดีกว่าสาวๆที่มักจะเผลอคุยโอ่ให้เพื่อนๆฟัง แล้วรั่วไหลถึงสื่ออย่างง่ายดาย  ถึงขั้นนั้นเมื่อไร   ทางออกอย่างเดียวก็คือทรงต้องตัดความสัมพันธ์กับหล่อนทันที   
อย่างที่สามคือด้วยรสนิยมส่วนตัว  โปรดผู้หญิงแบบกระดังงาลนไฟหรือไก่แก่แม่ปลาช่อน มากกว่าสาวหน้าใสๆ ไม่ค่อยประสีประสา     ผู้หญิงสาวๆไม่ค่อยรู้พระทัยว่าโปรดอะไรบ้าง  ส่วนผู้หญิงที่มีชีวิตคู่แล้วจะรู้ใจผู้ชายดีกว่า มีชั้นเชิงและประสบการณ์ที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายได้มากกว่าด้วย

คามิลล่าก็มีครบถ้วนทุกประการ 


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 11, 10:35
คามิลล่ากับแอนดรูว์มีลูกด้วยกัน 2 คนคือทอม  เกิดปลายปี 1974  และลอร่า เกิดในปี 1978   เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงรับเป็นพ่อทูนหัว(godfather) ให้ลูกชายของเธอ  และโปรดปรานลูกสาวของเธอมาก   ขนาดออกปากว่าอยากจะมีลูกสาวเองสักคนหนึ่ง
เมื่อเจ้าหญิงไดอาน่าประสูติพระโอรสองค์รอง คือเจ้าชายแฮร์รี่   เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ออกพระโอษฐ์ว่าผิดหวัง  เพราะทรงอยากมีพระธิดา เหมือนคามิลล่ามีลอร่า


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 11, 10:54
คามิลล่าดำรงพระสหายหญิงที่สนิท เป็นที่ไว้วางพระทัยของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์มาหลายปี   ขนาดมีชื่อแฝงเป็นโค้ดที่รู้ระหว่างกัน คือ "เฟร็ด" กับ "แกลดดิส"    เจ้าชายทรงเชื่อถือและไว้วางใจหล่อนมาก    
เมื่อคามิลล่าทูลขอให้ซื้อตำหนักไฮโกรฟ  ซึ่งเป็นคฤหาสน์ในชนบทใกล้ลอนดอน   ขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป  และที่สำคัญคืออยู่ใกล้บ้านหล่อน  เจ้าชายก็ทรงซื้อเพื่อจะมาพักผ่อนสุดสัปดาห์ที่นี่



กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 11, 11:53
เมื่อพระชันษามากขึ้นถึง 30  ในฐานะรัชทายาท เจ้าชายมีหน้าที่จะมีครอบครัวและมีรัชทายาทลำดับต่อไปเสียที  จะลอยละล่องเป็นหนุ่มโสดอยู่อย่างนี้ย่อมไม่สมควร   เจ้าชายฟิลิปพระบิดาก็ทรงเร่งรัดในเรื่องนี้มาก   เจ้าชายทรงหันไปปรับทุกข์กับคามิลล่า  หล่อนก็เกลี้ยกล่อมให้เห็นสมควรว่าเจ้าชายถึงเวลาอภิเษกสมรสได้แล้ว

ในตอนนั้นเอง เจ้าชายก็ทรงพบสาวน้อยวัย 19 ชื่อเลดี้ไดอาน่า สเปนเซอร์   ซึ่งสวย ชาติตระกูลดีและไม่มีประวัติแปดเปื้อนหมองมัว 
ทรงแนะนำให้เธอไปรู้จักกับคามิลล่าในฐานะ "พระสหายสนิท"
คามิลล่าเห็นสาวน้อยคนนี้ ก็เปิดไฟเขียวให้เจ้าชายทรงเลือก   หล่อนดูออกว่า ผู้หญิงคนนี้ยังเด็ก ไม่ประสีประสา  ถึงได้เป็นพระชายาก็ไม่อาจโน้มน้าวพระทัย จนมีอิทธิพลเหนือเจ้าชายได้อยู่ดี


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 11, 15:09
เหตุการณ์ต่อจากนั้นก็เป็นอย่างที่โลกรู้ๆกัน  คือเจ้าหญิงไดอาน่าทรงพบรักเร้นระหว่างเจ้าชายชาร์ลส์กับคามิลล่า ซึ่งเป็นที่รู้กันเปิดเผยในหมู่พระสหายที่ห้อมล้อมเจ้าชายอยู่      ในพระตำหนักไฮโกรฟ  คามิลล่าก็รับหน้าที่แม่งานเวลามีดินเนอร์หรืองานเลี้ยงส่วนพระองค์ของเจ้าชาย   ไม่ใช่พระชายา

แม้ว่าเจ้าหญิงไดอาน่าพยายามแก้ไขปัญหาชีวิตคู่  แต่พระชายาซึ่งเป็นที่รักของคนอังกฤษและเป็นที่ชื่นชมไปทั่วโลก  กับพระโอรสน่ารัก 2 พระองค์ เป็นสิ่งที่ไม่อาจผูกพระทัยเจ้าชายชาร์ลส์เท่ากับคามิลล่าเพียงคนเดียว    ชีวิตคู่ของเจ้าชายกับเจ้าหญิงมาถึงทางแยกแบบทางใครทางมัน  หลังเจ้าหญิงประสูติเจ้าชายแฮร์รี่พระโอรสองค์ที่สอง      เท่ากับว่าเธอทำหน้าที่สร้างรัชทายาทได้ถึง 2 องค์แล้ว ก็หมดหน้าที่เพียงแค่นั้น


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 28 พ.ย. 11, 17:15
กราบเรียนอาจารย์เทาชมพู

ขอเรียนว่าไม่ค่อยได้ลอกอินบ่อยนัก แต่ได้เข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอและไม่แอบหลับค่ะ  ;D


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 28 พ.ย. 11, 18:02
 :'(น่าสงสาร เจ้าหญิงไดอาน่ามากๆเลยนะคะ อุตส่าห์เสียชีวิตวัยสาวเพื่อมาผลิตทายาทให้แก่ราชวงศ์อังกฤษเท่านั้น เจ้าฟ้าชายชาร์ลทรงพระทัยร้ายมาก หรือว่าความรักทำให้คนตาบอดมันจะใช้ได้กับทุกผู้ทุกนาม


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 11, 19:09
คุณ sirinawadee -  ยินดีที่ได้เห็นอีกครั้งค่ะ  ล็อคอินนี้หายไปนานทีเดียว
คุณ giggsmay   -   ชีวิตจริงมักจะเป็นอย่างที่เราไม่อยากให้เป็น อย่างนี้ละค่ะ   

ยินดีที่มีสมาชิกมากระแอมกระไอให้เสียงกันบ้างค่ะ  ไม่งั้นกระทู้นี้เงียบจนนึกว่าหลับกันไปทั้งห้องแล้ว

มาเล่าต่อ

ถ้าจะถามว่า หลายปีที่เกิดเรื่องรักสามเส้าระหว่างเจ้าชาย เจ้าหญิงและคามิลล่า  เส้าที่สี่คือแอนดรูว์ ปาร์กเกอร์-โบว์ลส์ทำอะไรอยู่
คำตอบคือเขาก็ไม่ทำอะไร  นอกจากทำงานไปตามหน้าที่จนเลื่อนขึ้นเป็นนายพลจัตวา     ด้านส่วนตัวก็เก็บตัวอยู่เงียบๆ เย็บปากสนิท  จนสังคมเกือบลืมไปว่าสามีของคามิลล่าก็ยังมีตัวตนอยู่   ไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน

ถ้าถามว่าแอนดรูว์รู้เรื่องไหม คำตอบคืออยู่เต็มอกเรื่องภรรยาและเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์    แต่เขากับคามิลล่ามีลูกสองคนที่ยังอยู่ในวัยรุ่น  ยังไม่โตพ้นอกพ่อแม่     ถ้าเป็นผู้ชายไทยอาจจะทนไม่ได้กับเรื่องพรรค์นี้   แต่ผู้ชายอังกฤษอย่างแอนดรูว์รู้ว่า เขาไม่ใช่ผู้ชายคนแรกในประวัติศาสตร์อังกฤษที่ภรรยาเป็นพระสนมลับของเจ้านายทั้งๆสามีก็ยังนั่งหัวโด่อยู่ในบ้าน
ผู้ชายในอดีตกาลเหล่านั้นต่างก็ไม่มีใครเคยตีโพยตีพายขึ้นมา    ต่างคนก็ต่างยอมดำรงสภาพสามีตามกฎหมายไปจนตาย หรือไม่ก็หย่าหากว่าภรรยาเป็นฝ่ายประสงค์จะหย่า  แต่คามิลล่าก็ไม่เห็นมีท่าทีว่าอยากเป็นแม่ม่าย   หล่อนยังเต็มใจได้ชื่อว่ามิสซิสคามิลล่า ปาร์กเกอร์ โบว์ลส์อยู่อย่างนั้น

ข้างล่างนี้คือคฤหาสน์โบลไฮด์เมเนอร์ บ้านของคามิลล่ากับแอนดรูว์  ที่อยู่ใกล้พระตำหนักไฮโกรฟของเจ้าชายชาร์ลส์แค่ขับรถไปราวๆครึ่งชั่วโมง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 11, 19:28
เหตุผลอีกอย่างคือ แอนดรูว์นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิค     การหย่าร้างเป็นเรื่องต้องห้าม  จะได้รับอนุญาตต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคบชู้ (ทั้งนี้ไม่รวมความผิดอื่นๆเช่นการทำร้ายร่างกาย  ซึ่งจะเข้าข่ายประกาศให้สมรสเป็นโมฆะได้)   
แต่ถ้าเขากล่าวหาภรรยาว่านอกใจ ก็ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์    หลักฐานน่ะหาไม่ยากหรอก เพราะเป็นเรื่องลับที่ปิดกันให้แซ่ดอยู่แล้ว  แต่มันยากตรงเปิดเผย  โดยเฉพาะเมื่อมือที่สามเป็นถึงรัชทายาทของราชบัลลังก์อังกฤษ   แอนดรูว์จะต้องเอาอาชีพและอนาคต  เผลอๆก็ชีวิตเข้าเสี่ยงทีเดียวถ้าทำเช่นนั้น

แต่จะว่าแอนดรูว์ระทมขมขื่นมากมายก็คงไม่เชิง   เพราะเขาเองก็มี "คนรู้ใจ" ในชีวิตส่วนตัว ช่วยปลอบใจจากสภาพพะอืดพะอมระหว่างเขากับคามิลล่าอยู่เหมือนกัน   เธอชื่อโรสแมรี่ พิตแมน  แม่ม่ายทรงเครื่อง อดีตภรรยาของนายพลคนหนึ่งซึ่งหย่าขาดจากสามีเมื่อค.ศ. 1991

แอนดรูว์กับโรสแมรี่
v


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 พ.ย. 11, 00:06
แวะเข้ามาบอกอีกคนว่าตามอ่านกระทู้นี้แบบเงียบๆ ครับ

วันนึงแวะเข้ามาดู 3-4 รอบ ว่ากระทู้มีการ update หรือยัง เพียงแต่ไม่กล้าส่งเสียงดังเท่านั้น



กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: rin51 ที่ 29 พ.ย. 11, 08:36
แอบเข้าห้องเงียบๆอีกหนึ่งคน ครับ อาจารย์ 


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 11, 10:39
ค่อยๆยกมือจากหลังชั้นขึ้นมาทีละคน  สวัสดีค่ะ
จะซักถาม ออกความเห็น หรือชวนคุยก็ได้นะคะ   ไม่มีข้อห้ามว่าต้องฟังอย่างเดียว
 ;D

ย้อนกลับมาทางฝ่ายเจ้าหญิงแอนน์   หลังจากเสกสมรสไปกับร้อยเอกมาร์ค ฟิลลิปส์ เหมือนตอนจบของเทพนิยายที่เจ้าหญิงได้ครองคู่กับอัศวินหนุ่ม     เจ็ดแปดปีต่อมา เวลาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าชีวิตไม่มีอะไรเหมือนเทพนิยาย   ตั้งแต่ซาร่าลูกสาวคนที่สองยังเล็ก    พ่อกับแม่ก็เริ่มร้าวฉานกัน   
มาร์คลาออกจากราชการทหารมาทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับม้าที่เป็นความชำนาญพิเศษของเขา    เปิดคลีนิครักษาม้าและเปิดโรงเรียนสอนขี่ม้าหลายแห่งรวมทั้งในสกอตแลนด์ด้วย   เขาทุ่มเทเวลาอยู่กับงาน ห่างไกลครอบครัว   ส่วนเจ้าหญิงแอนน์ประทับอยู่ที่ตำหนักส่วนพระองค์ชื่อตำหนักแกทโคมบ์ในกลอสเตอร์เชอร์ กับพระโอรสธิดาเล็กๆ    เพื่อนๆของมาร์คซึ่งทำท่าว่ารู้ตื้นลึกหนาบางดีก็บอกว่า ทั้งคู่อยู่กันเพื่อลูกเท่านั้น  ส่วนตัวนั้นหมดอาลัยไยดีกันไปนานแล้ว

พระตำหนักแกทโคมบ์
v


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 11, 10:42
ทางออกของเจ้าหญิงคือทรงหันไปทำงานสาธารณกุศลอย่างแข็งขัน   ปีๆหนึ่งเสด็จออกงานกุศลหลายร้อยงาน   ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์สมาคมและมูลนิธิหลายแห่งด้วยกัน    
ในบรรดาเจ้านายทั้งหมด เจ้าหญิงทรงมีพระกรณียกิจต่อประชาชนมากที่สุด   ทั้งๆงานพวกนี้เป็นงานเหน็ดเหนื่อยและแห้งแล้งไม่น่าสนุกตรงไหน ประชาชนอังกฤษก็รู้  เจ้าหญิงก็เสด็จไปอย่างยิ้มแย้มเป็นมิตร และเต็มอกเต็มใจทักทายเจ้าภาพและประชาชนอย่างเป็นกันเอง  ผิดจากเมื่อก่อนเป็นคนละคน    
ข้อนี้ทำให้ประชาชนซึ่งไม่ค่อยจะชอบเจ้าหญิงมาก่อนเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงเจ้าอารมณ์ และถือองค์ห่างเหินกับชาวบ้าน  กลับมาชื่นชมพระกรณียกิจในช่วงทศวรรษ 1980s กันมาก


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 11, 11:17
ทั้งเจ้าหญิงแอนน์และมาร์คไม่ได้ปกปิดเรื่องต่างคนต่างอยู่    เมื่อเสด็จไปร่วมพิธีแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่ลอสแองเจลิสในค.ศ. 1984   เจ้าหญิงกับพระสวามีก็แยกพักกันในโรงแรมคนละแห่ง     
เมื่อจบงาน กลับมาอังกฤษ  มาร์คตรงไปสกอตแลนด์ ส่วนเจ้าหญิงเสด็จออกงานพระกรณียกิจต่างๆในลอนดอนถึง 42  งานภายใน 21 วัน   พอมาร์คกลับจากสกอตแลนด์มาบ้าน เจ้าหญิงก็เสด็จเยือนทัสมาเนียและนิวซีแลนด์     มาร์คกลับมาค้างคืนที่พระตำหนักช่วงอีสเตอร์ แค่ 5 วันก็กลับไปสกอตแลนด์อีก

ข่าวลือกระเส็นกระสายออกมาทางหนังสือพิมพ์แทบลอยด์เป็นครั้งคราวว่ามีมือที่สามสี่ห้าเข้ามาพัวพัน     ชื่อของมาร์คถูกโยงเข้ากับผู้หญิงมากหน้าหลายตา ที่ดังที่สุดเห็นจะเป็นแอนเจล่า ริปปอน  พิธีกรสาวซึ่งร่วมงานกับมาร์คทำชีวประวัติของเขา    อีกคนก็คือซาร่า พิลกริม พนักงานดูแลม้า ซึ่งมีข่าวว่าไปควงอยู่กับมาร์คในกรุงโรม       แต่มาร์คปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่าไม่จริง

แอนเจล่า ริปปอน
v


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 11, 11:21
ส่วนเจ้าหญิงแอนน์ก็ถูกซุบซิบว่าโปรดดาราชายคนหนึ่งเป็นพิเศษถึงขั้นทรงเชิญไปเป็นแขก ณ พระตำหนักแกทโคมป์ ได้ร่วมโต๊ะเสวยกับพระโอรสธิดา  เขาชื่อแอนโทนี่ แอนดรูส์   เคยมีคลิปหนังอยู่ในกระทู้ "ฉากประทับใจในหนังเก่า"  เล่นเรื่อง The Scarlet Pimpernel  และต่อมาเล่นเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8  พระปิตุลาของเจ้าหญิงแอนน์ ที่สละราชบัลลังก์ไปสมรสกับนางซิมป์สัน

แต่ข่าวลือเรื่องนี้ก็เป็นแบบไฟไหม้ฟาง   ฮือฮาชั่วประเดี๋ยวประด๋าว  ไม่มีอะไรในกอไผ่

แอนโทนี  แอนดรูส์
v


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 11, 18:55
ชีวิตคู่ของเจ้าหญิงแอนน์และมาร์คดำเนินไปแบบร้าวลึกถึง 15 ปี จนกระทั่งถึงค.ศ. 1888    จู่ๆก็มีข่าวประหลาดโผล่ขึ้นมาเหมือนฟ้าผ่ากลางแดด   
หนังสือพิมพ์เดอะซันพาดหัวข่าวว่ามีจดหมายส่วนพระองค์จำนวนหนึ่งถูกขโมยออกไปจากตำหนักของเจ้าหญิงแอนน์    จดหมายเหล่านี้หลุดไปถึงมือหนังสือพิมพ์ เดอะ ซัน ซึ่งอ้างว่ามีมือมืดนิรนามส่งมาให้    เดอะซัน เลี่ยงกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการพาดหัวข่าวว่า " โจรกรรมลายพระหัตถ์จากในวัง   "เดอะซัน" ส่งให้ตำรวจสก๊อตแลนด์ยาร์ดตรวจสอบ"  แล้วลงภาพถ่ายจดหมายเป็นหลักฐาน 

จดหมาย 4 ฉบับที่ว่าเป็นจดหมายรัก เขียนถึงเจ้าหญิง พร่ำรำพันความในใจอย่างหวานหยดย้อย   เหมือนจดหมายเด็กหนุ่มอายุสัก 18-19  เขียนถึงนางในฝัน     ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับเซกซ์หรือพฤติกรรมบนเตียง    หากบรรยายถึงสายลมแสงแดดและความในใจอันซาบซึ้ง    ราวกับเพลงรักในยุค 1960s


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 11, 19:00
ส่วนสำคัญที่ประชาชนทั้งอังกฤษตาค้างไปตามๆกัน  คือจดหมายเหล่านี้เขียนโดยนายทหารเรือหนุ่ม หนึ่งในราชองครักษ์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ    ชื่อทิโมธี ลอเรนซ์  วัย 34 ปี  อ่อนกว่าเจ้าหญิง 4 ปี
ส่วนราชสำนักบัคกิ้งแฮมแทนที่จะหุบปากสนิท ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดสืบหาตัวขโมยไปตามหน้าที่  ก็กลับออกมายืนยันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน  ว่าเป็นเรื่องจริง   เป็นจดหมายที่นายทหารเรือหนุ่มคนหนึ่งเขียนถึงเจ้าหญิงแอนน์จริงๆ

นับแต่วันนั้น  ทิโมธี ลอเรนซ์ ผู้ที่สาธารณชนไม่เคยได้ยินชื่อ ก็กลายเป็นเป้าให้สปอตไลท์ฉายจับไปทั่วอังกฤษในพริบตา   โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ประเภทซุบซิบเบื้องหลังคนดัง     หน้าตาของเขาเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 11, 19:01
เพื่อนๆของทิโมธีดาหน้ากันออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหญิงแอนน์และนายทหารเรือเกิด "ปิ๊ง" กันตั้งแต่แรกรู้จัก         ตอนเขาป่วยเป็นงูสวัดต้องนอนแซ่วอยู่ในที่พัก  ก็เสด็จไปเยี่ยม   
ทิโมธีกลายเป็นพระสหายสนิทที่เจ้าหญิงไว้วางพระทัยปรับทุกข์ปรับร้อนให้ฟัง จนกระทั่งเห็นอกเห็นใจกัน   ฝ่ายชายนั้นหลงรักเจ้าหญิงจนถอนตัวไม่ขึ้น ถึงกับเขียนจดหมายโรแมนติครำพันความในใจ    แล้วหลุดไปถึงหนังสือพิมพ์จนเป็นเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา

หนึ่งปีต่อมาหลังจากข่าวนี้   เจ้าหญิงแอนน์กับมาร์ค ฟิลลิปส์ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะแยกกัน   หลังจากนั้นอีก 3 ปี คือค.ศ. 1992  ก็หย่าขาดจากกันตามกฎหมาย


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 30 พ.ย. 11, 10:39
เนื้อหาวิชาน่าสนใจมากค่ะ จนนักเรียนต้องแอบเข้ามาดูวันละหลายๆ ครั้ง (ทั้งที่ทำงาน)

รอติดตามอย่างใจจดใจจ่อค่ะ



กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 11, 13:22
มรสุมชีวิตแห่งบัคกิ้งแฮมไม่ได้เกิดขึ้นลูกเดียว    ชีวิตสมรสของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับเจ้าหญิงไดอาน่าก็มาถึงจุดอับปาง ในระยะเดียวกัน       
หลังจากทนออกงานด้วยกันแบบหน้าชื่นอกตรมมาตั้งแต่เจ้าชายแฮร์รี่ประสูติ     เจ้าหญิงไดอาน่าก็หมดความอดทนในค.ศ. 1990  นอกจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ไม่มีท่าทีจะยอมห่างจากคามิลล่า  ยิ่งวันก็ยิ่งติดกันหนึบราวกับคู่รักวัยรุ่น    ยิ่งเมื่อเสด็จเยือนต่างประเทศ   คามิลล่าก็บินไปจองห้องโรงแรมห้าดาวรออยู่ตามเส้นทางขากลับ เพื่อเจ้าชายจะเสด็จไปหาทันทีที่เสร็จพระกรณียกิจในประเทศนั้น      ส่วนเจ้าหญิงก็ต้องเสด็จกลับอังกฤษไปตามลำพัง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 11, 13:27
     เจ้าชายไม่ค่อยจะเหมือนผู้ชายอื่น ตรงที่ยิ่งวันก็ยิ่งไม่โปรดพระชายา  ความสาวความสวยของภรรยาที่มักเป็นความภูมิใจของสามีทั่วไป  กลายเป็นความรู้สึกน้อยหน้าว่าตัวเองไม่เด่นเท่า   นิสัยและรสนิยมส่วนตัวก็ไปกันคนละทิศละทาง   
     เจ้าชายโปรดขี่ม้า ตอนเด็กๆเจ้าหญิงเคยตกม้าขาหักจนกลัวม้าไปเลย    เจ้าชายชอบไปพักเงียบๆที่สกอตแลนด์หรือในชนบท  นั่งเงียบๆตกปลาได้ทั้งวัน   เจ้าหญิงชอบเสียงเพลง  ชอบเต้นรำ  ชอบช็อปปิ้ง    ส่วนคามิลล่านั้นชอบทุกอย่างที่เจ้าชายชอบและตามใจได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง
     เจ้าหญิงมีนิสัยเป็นมิตรกับสื่อมวลชน คลุกคลีกับคนจนคนเจ็บคนป่วยอย่างไม่รังเกียจ อย่างที่ไม่เคยมีเจ้านายองค์ไหนทำมาก่อน  จนกลายเป็นเจ้านายยอดนิยมในสายตาประชาชน  ก็ยิ่งทำให้เจ้าชายรำคาญหนักเข้าไปอีก  จนถึงกับแสดงความเย็นชาใส่จนออกนอกหน้า    บางทีอาจจะทรงคิดว่าเจ้าหญิงไดอาน่าทนได้ก็ทนไป    ถ้าทนไม่ได้ก็เป็นปัญหาของเจ้าหญิงเอง ไม่ใช่ปัญหาของเจ้าชาย

     ในยุคสมัยก่อนหน้าเจ้าหญิงไดอาน่า   ควีนหลายองค์ในประวัติศาสตร์อังกฤษก็อกไหม้ไส้ขมกับพระสนมลับกันมาไม่น้อยกว่ากัน   แต่ไม่มีองค์ไหนเลือกวิธีประท้วงหรือโวยวาย   ทุกองค์ถ้าไม่กล้ำกลืนฝืนทนแบบไม่รู้ไม่ชี้   ก็อาจจะใจดียอมรับเมียน้อยให้ปรากฏตัวในราชสำนักตามสบาย       
    เจ้าชายกับคามิลล่าเลือกเลดี้ไดอาน่ามาเป็นพระชายาก็คงจะหวังว่า เด็กสาวอย่างเธอคงไม่หาญจะต่อกร    ถึงรู้ทีหลังก็คงปล่อยเลยตามเลย    ยังไงเสียก็ได้ตำแหน่งเจ้าหญิงมาปลอบใจอยู่แล้ว


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 11, 17:06
     เจ้าหญิงไดอาน่าไม่ใช่ผู้หญิงเมื่อ 100 ปีก่อน ขณะที่เจ้าชายยังทำเหมือนผู้ชายยุคนั้นอยู่    ปี 1992 ปีเดียวกันกับที่เจ้าหญิงแอนน์หย่าขาดจากมาร์ค ฟิลลิปส์   เจ้าหญิงไดอาน่าก็ทนสภาพทรมานใจต่อไปไม่ไหว    จึงประทานสัมภาษณ์ให้แอนดรูว์ มอร์ตัน  นักเขียนอังกฤษเขียนชีวประวัติ ชื่อ Diana: Her True Story’ ปี 1992. และตอนต่อมาในเรื่อง ‘Diana: Her New Life’, พิมพ์ในปี 1994   กลายเป็นหนังสือเบสเซลเลอร์ดังระเบิดไปทั่วโลกทั้งสองเล่ม
    ในหนังสือ เจ้าหญิงเปิดเผยถึงปัญหาในชีวิตคู่อย่างตรงไปตรงมา  ว่ามีคามิลล่า ปาร์คเกอร์ โบว์ลส์แทรกเป็นยาดำอยู่ตรงกลาง  นับเป็นความอาจหาญที่ไม่เคยมีใครกระทำต่อราชวงศ์อังกฤษมาก่อน     ผลก็คือการตอบโต้ด้วยมือลึกลับ  ส่งเทปลับมาแฉโพยกับหนังสือพิมพ์ว่าเจ้าหญิงก็มีพระสหายชายที่สนิทกันเป็นพิเศษเหมือนกัน ชื่อเจมส์ กิลบี้    ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเยาว์
    เทปนั้นแอบอัดคำพูดปรับทุกข์และแสดงความสนิทสนมเป็นพิเศษของคนทั้งสอง เช่นเจมส์เรียกเจ้าหญิงว่า darling  และ squidgy  หนังสือพิมพ์ก็รับลูก  เอามาแฉลงหน้ากระดาษให้ได้คนอ่านไปทั่วประเทศ  กลายเป็นหอกเล่มใหญ่พุ่งเข้าแทงเจ้าหญิงหลังจากเพิ่งได้รับความเห็นใจมาหมาดๆ    ดิสเครดิตว่าทรงประพฤติตัวไม่สมควรเช่นกัน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 11, 17:09
ราชสำนักยื่นมือเข้ามาถือข้างฝ่ายเจ้าชาย    เพราะสิ่งที่เจ้าหญิงทำถือเป็นการสั่นคลอนชื่อเสียงของพระราชวงศ์อย่างรุนแรง    เพราะเจ้าชายจะถูกหรือผิดก็ไม่ควรเอาไปประจานให้โลกภายนอกรู้

จากนั้นก็คือสมรสที่ขาดสะบั้น   นายกรัฐมนตรีออกข่าวแถลงการประกาศแยกกันเป็นทางการในปลายปี 1992 นี้เอง  

ปี 1993  หนังสือพิมพ์เริ่มแบ่งออกเป็น 2 ค่าย ถือหางเจ้าหญิงและเจ้าชาย เกิดศึกสาดโคลนกันทางสื่อ ที่เรียกว่า War of the Waleses หรือศึกเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์
ฝ่ายไหนถือหางฝ่ายเจ้าหญิงก็ขุดคุ้ยเรื่องเจ้าชายและคามิลล่า   ฝ่ายไหนถือหางฝ่ายเจ้าชายก็ขุดคุ้ยเรื่องเจ้าหญิงขึ้นมาบ้าง   พวกของเจ้าหญิงประณามรักเร้นของเจ้าชายและคามิลล่าว่าเลวร้ายและไม่มียางอาย    พวกของเจ้าชายก็ขนพระสหายและข้าราชบริพารเก่าๆออกมาประณามเจ้าหญิงว่าเป็นคนอารมณ์ร้าย เอาแต่ใจ พยายามกีดกันพระสหายสนิทที่แวะล้อมเจ้าชายอยู่ให้พ้นทาง   แล้วก็ไล่มหาดเล็กเก่าแก่ออกไปไม่รู้ว่ากี่คนต่อกี่คน  เพื่อจะครอบงำเจ้าชายให้อยู่หมัดฯลฯ

การ์ตูนล้อภาพ  สามคนบนเตียงเดียว


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 11, 19:11
เรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่สุด ที่กลายเป็นข่าวโอชะที่สุดสำหรับหนังสือพิมพ์   คือการแฉเทปลับทางฝ่ายเจ้าชาย ไม่น้อยหน้าที่เจ้าหญิงถูกแฉมาแล้ว
คำพูดคุยของเจ้าหญิงกับเจมส์ กิลบียังเป็นคำเรียกกันแบบปลอบประโลม  ไม่ได้ลงลึกถึงเรื่องอย่างว่า   แต่ที่หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ของอังกฤษหามาได้ในปี 1993 นั้นเด็ดกว่า  คือแฉคำพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างเจ้าชายกับคามิลล่า ที่โทรหากันตั้งแต่ปี 1989    นอกจากจะเปิดเผยรักเร้นระหว่างทั้งสองว่าร่วมเตียงกันมานานแล้ว  เรื่องที่ช็อคซีนีม่าไปทั่วประเทศอังกฤษก็คือเซกซ์โฟนโจ่งแจ้งไม่มีกระดากปากแบบคู่ขาพูดกัน   และคนพูดเรื่องพรรค์นี้เต็มปากอย่างชื่นมื่นก็ไม่ใช่ใครอื่น  นอกจากเจ้าชายนั่นเอง

เจ้าชายชาร์ลส์ทรงคิดอย่างไรก็ไม่แน่   อาจจะอยากตอบโต้ หรือไม่ก็ขอความเห็นใจ ที่ต้องแบกปี๊บคลุมพระเศียรมาหลายระลอกเต็มที     ตั้งแต่ไดอาน่าให้สัมภาษณ์ในปี 1992 จนตกเป็นข่าวในเทปลับ ขายหน้าไปทั่วโลก  ไม่รวมข่าวใส่สีใส่ไข่ในแทบลอยด์กระหน่ำรายวันก็ว่าได้  ก็เลยประทานสัมภาษณ์กับเดวิด ดิมเบิลบี  เรื่องส่วนพระองค์อย่างหมดเปลือก     

ทรงโยนความผิดส่วนหนึ่งให้เจ้าชายฟิลลิปที่ทรงบังคับพระโอรสมากจนเกินไป    อีกส่วนหนึ่งก็ทรงแก้ตัว ไม่ยอมรับข้อหาคบชู้นอกใจพระชายา  แม้ยอมรับว่าทรงมีหญิงอื่น  แต่ก็เป็นเพราะทรงถือว่าชีวิตสมรสในตอนนั้นล่มไปแล้วเรียบร้อย


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 11, 19:12
    คำยอมรับของเจ้าชาย จะทำให้คนอังกฤษเห็นใจขึ้นมาบ้างหรือไม่ก็ตาม แต่ส่งส้มให้หล่นทับแอนดรูว์ ปาร์คเกอร์ โบว์ลส์    คือในเมื่อภรรยาตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วประเทศ  ก็ทำให้เขาสามารถฟ้องหย่าจากคามิลล่าได้สำเร็จ  หลังจากทนมีหนามยอกอกมานานถึง 21 ปี   ทั้งคู่ตกลงหย่ากันด้วยดีในปี 1995   โดยไม่มีข่าวทะเลาะเบาะแว้งให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน     
   ลูกทั้งสองอยู่กับแม่  ส่วนพ่อก็แต่งงานใหม่กับโรสแมรี่ พิตแมนซึ่งเป็นคนรู้ใจของเขามานานหลายปี


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 11, 20:14
    ดูจากความประพฤติของแอนดรูว์   ถ้าไม่ใช่เป็นคนฉลาดเป็นกรด   รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี  ก็คงเป็นคนนิสัยไม่มีพิษภัยอะไรกับผู้อื่น   เห็นได้จากเขาก็ยังเป็นที่ยอมรับของราชสำนัก  เพราะไม่เคยวางตัวเป็นปรปักษ์กับเจ้าชายชาร์ลส์  แม้แต่ภรรยาที่นอกใจมานานจนฉาวโฉ่ไปทั่วโลก  ก็หย่ากันอย่างเรียบร้อย  มีข่าวว่ายังเป็นเพื่อนที่ดีกันอยู่   คามิลล่ากับโรสแมรี่ก็มีมิตรภาพที่ดีต่อกัน
    ในงานอภิเษกสมรสครั้งที่สองของเจ้าชายกับคามิลล่า   แอนดรูว์ก็ได้รับเชิญเป็นแขกร่วมงานด้วย  และ 14 ปีต่อมาเมื่อภรรยาคนที่สองเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง  คามิลล่าก็ไปร่วมงานศพราวกับเป็นญาติสนิทคนหนึ่ง


คามิลล่าไปร่วมงานศพของโรสแมรี่ ปาร์คเกอร์ โบว์ลส์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 11, 15:38
    ที่เห็นๆได้คือท่ามกลางสงครามข่าวที่สาดโคลนกันไป แฉโพยกันมา และเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังที่แฉกันออกมาทีไรก็ขายดีทุกครั้ง   อดีตสามีของคามิลล่าไม่เคยเปิดปากให้สัมภาษณ์กับสื่อไหนทั้งสิ้น     เพื่อนฝูงเขาทุกคนก็ไม่เคยถูกหนุนหลังให้ออกมากระซิบให้ข่าวแทนเจ้าตัว     เขาไม่เขียนหนังสือเปิดเผยเบื้องหลัง   ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น  นอกจากอยู่อย่างเงียบเชียบมาตั้งแต่แรกจนบัดนี้
การวางตัวของแอนดรูว์เป็นที่พอใจของราชสำนัก(ซึ่งรวมความถึงเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ด้วย) เป็นอย่างมาก

กลับมาเรื่องเจ้าหญิงไดอาน่าอีกทีนะคะ

หลังจากแยกกันอยู่เป็นทางการกับเจ้าชาย   เจ้าหญิงก็เป็นข่าวอื้อฉาวขึ้นมาครั้งใหญ่อีก  เมื่อหนังสือพิมพ์แทบลอยด์แฉเบื้องหลังรักเร้นของเจ้าหญิงกับนายทหารหนุ่มรูปหล่อเจมส์ เฮวิตต์ซึ่งเคยเป็นครูสอนฝึกม้าให้เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่     
ฝ่ายชายหักหลังเจ้าหญิงด้วยการกินในที่ลับขายในที่แจ้ง แลกกับเงินก้อนโตจากหนังสือพิมพ์   (ดิฉันสงสัยว่าจะมีเงินจากแหล่งที่ไม่เปิดเผยด้วย) พอได้เงินง้างปาก   นายคนนี้ก็เปิดโปงออกมาหมดเปลือก  ว่าเริ่มเป็นชู้กันมาตั้งแต่ปี 1987 แล้วแอบสัมพันธ์ต่อเนื่องกันมายาวนานจนถึง 1992 


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 11, 15:47
พอข่าวนี้พาดหัวอื้อฉาวไปทั่วโลก  เจ้าหญิงไดอาน่าตัดสินใจให้สัมภาษณ์ในรายการทีวี  สารภาพอย่างหมดเปลือกเช่นกันถึงอาการป่วยโรคบูลิเมีย  อาการซึมเศร้าหลังคลอด ตลอดจนความระทมทุกข์ที่ต้องเผชิญตลอดเวลาที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์มีคามิลล่าอย่างไม่เกรงใจ   
ส่วนเรื่องเฮวิตต์ เจ้าหญิงไม่บ่ายเบี่ยง  หากยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าทรงหลงรักเจมส์ เฮวิตต์จริงๆ     ทรงหลงเชื่อผู้ชายคนนี้แม้แต่ตอนที่หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวขึ้นมาแล้ว  เขาก็ยังหลอกเธอว่าไม่มีอะไรต้องวิตก     พอเกิดเรื่องเฮวิตต์ก็หลบหน้าออกนอกประเทศ ทิ้งให้เจ้าหญิงเผชิญเรื่องเลวร้ายอยู่ตามลำพัง    สุดท้าย  สิ่งที่เจ้าหญิงยืนกรานหนักแน่นคือ ไม่ว่าจะเผชิญปัญหาหนักขนาดไหน  แต่ก็จะทรงทำหน้าที่แม่ ให้ความรักและเอาใจใส่พระโอรสทั้งสอง  ซึ่งเจ้าหญิงถือว่าเป็นหน้าที่เหนือสิ่งอื่นใด

รูปนี้ ไดอาน่าให้สัมภาษณ์ทีวี อย่างหมดเปลือกเช่นกัน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 11, 16:03
คำสารภาพอย่างจริงใจของเจ้าหญิงชนะใจประชาชน   แทนการประณามว่าสงสารและเห็นใจว่าเจ้าหญิงตกเป็นเหยื่อของชายโฉด   เพราะทุกคนก็รู้กันว่าเจ้าชายชาร์ลส์ทรงแยกกับพระชายาตั้งแต่เจ้าชายแฮร์รี่คลอดออกมาในปี 1984   เมื่อเจ้าหญิงทรงพบเฮวิตต์ในอีก 3 ปีต่อมา  ก็เท่ากับอยู่ในฐานะหญิงโสด      กระแสจึงหันพุ่งปลายหอกไปที่ฝ่ายชาย  คำประณามเฮวิตต์ ก็แพร่สะพัดไปทุกหนทุกแห่ง    ได้ชื่อว่าเป็นชายที่ถูกเกลียดชังพอๆกับคามิลล่าทีเดียว
ทางราชสำนักคิดตรงกันข้าม   เสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธไม่สามารถทนสงครามสาดโคลนนี้ได้อีกต่อไป     จึงทรงเรียกเจ้าชายและเจ้าหญิงมาให้ตกลงหย่ากันเป็นทางการเสียที  เจ้าชายชาร์ลส์ตกลงหย่าทันที  แต่เจ้าหญิงไดอาน่าขอประวิงเวลาไว้อีก 3 เดือน   จนเดือนกุมภาพันธ์ 1996  ข่าวหย่าสะเทือนโลกก็ถูกแถลงจากราชสำนัก


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 11, 16:11
แม้ว่าพ้นจากตำแหน่งสะใภ้หลวงแล้ว   เจ้าหญิงยังมีสิทธิ์ใช้ว่า ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ต่อไปอีก  แต่ไม่มีคำ รอยัล ไฮเนสประกอบพระนาม      และได้สินสมรสจากเจ้าชายมาอีกก้อนใหญ่
ถ้ามองโดยรวม  การหย่าขาดถือเป็นชัยชนะของเจ้าชายชาร์ลส์และคามิลล่าโดยสมบูรณ์  เพราะนับจากนี้  เจ้าหญิงก็พ้นทางไป  ไม่มีใครมาขวางกั้นคนทั้งสองได้อีก

อย่างไรก็ตาม  การพ้นจากราชสำนักไม่ได้ทำให้เจ้าหญิงไดอาน่าตกกระป๋องเงียบหายไปจากสังคมไปอย่างที่หลายคนคาดคิด   ตรงกันข้าม เธอก็ยังได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วทุกมุมโลกเช่นเดิม   ไม่ว่าจะขยับไปทางไหน      สื่อก็ยังตามทำข่าวกันเอิกเกริกเหมือนเคย   ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งราชินีอังกฤษในอนาคตมาค้ำประกัน

เรื่องอื้อฉาวทั้งหมดในอดีตไม่ได้ทำให้ไดอาน่าเสียคะแนนนิยมจากประชาชน      แม้แต่ข่าวที่เธอเข้าไปพัวพันกับชายหนุ่มหลายคนในฐานะตัวเก็งคู่สมรสคนใหม่ ก็ไม่ได้ทำให้ไดอาน่าเสียหายอยู่ดี   เพราะทุกคนก็เอาใจช่วยอยากให้เธอเจอผู้ชายดีๆสักคน พอจะชดเชยความทุกข์ในอดีตได้บ้าง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 11, 17:25
     ไดอาน่าเป็นผู้หญิงอาภัพเรื่องคู่    เจอผู้ชายกี่คนๆก็ไม่เห็นท่าทีว่าจะลงเอยกันได้สักที     มีแต่ข่าวลือกับคนนั้นคนนี้  แล้วก็จบกันไป 
    หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นศัลยแพทย์หัวใจชาวปากีสถาน ชื่อนายแพทย์ฮาสนัท ข่าน  ซึ่งไม่อาจจะแหวกกำแพงประเพณีมาแต่งงานกับหญิงที่ไม่ใช่อิสลามิกชน  มิหนำซ้ำยังหย่าร้างมาแล้ว       เจ้าหญิงพยายามทุกทางที่จะฝ่าด่านไปให้ได้ รวมทั้งเดินทางไปเยี่ยมพ่อแม่ของนายแพทย์ เผื่อจะให้พวกเขาใจอ่อนลงบ้าง   แต่ก็ล้มเหลว   
     หลังจากคบกันมา 2 ปี  ทั้งคู่ก็แยกทางกันในที่สุด  นายแพทย์เย็บปากเอาไว้ถึง 11 ปี ก่อนจะเปิดเผยเรื่องนี้ออกมา


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 10:21
    หลังจากเลิกกับหมอข่านไม่กี่วัน  เจ้าหญิงก็มีข่าวกับชายหนุ่มคนใหม่ให้สื่อตาลุกหูผึ่งขึ้นมาอีก    มิหนำซ้ำ   รายนี้ไม่ธรรมดา เขาชื่อนายโดดี้ เป็นหนุ่มเชื้อสายอียิปต์ ทายาทชายคนเดียวของนายโมฮัมหมัด เอล-ฟาเยด เจ้าของห้างแฮร์รอดส์ โรงแรมริทซ์ที่ปารีส  ทีมฟุตบอลฟูแลม และธุรกิจอะไรต่อมิอะไรอีกมาก   สรุปได้คำเดียวว่ารวยล้นฟ้า

     โดดี้เป็นผู้อำนวยการสร้างหนังฮอลลีวู้ดหลายเรื่องเช่น Chariots of Fire, Breaking Glass, F/X, F/X2, Hook, and The Scarlet Letter  เป็นไฮโซเพลย์บอย มีชีวิตส่วนตัวหรูหรา  ชอบเป็นข่าวคนดังในสังคม   เมื่อได้โอกาสก้าวเข้ามาสนิทกับหญิงสาวที่ดังยิ่งกว่าดาราฮอลลีวู้ด  ก็ยิ่งกว่าส้มทองคำหล่นลงมาทั้งเข่ง    
    


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 10:22
   โดดี้ถอนหมั้นนางแบบชาวอเมริกันอย่างไม่ไยดี       ขมีขมันเชิญเจ้าหญิงและพระโอรสทั้งสองไปเป็นแขกพิเศษในเรือยอทสุดหรูของพ่อเขา ล่องทะเลริเวียร่าฝรั่งเศสและสเปน กันอย่างสำราญ   ปาปารัสซี่สอดรู้สอดเห็น แอบไปถ่ายภาพเพื่อเอามาขายสื่อ  ก็ได้ภาพเด็ดของคนทั้งสองขณะอาบแดดกันอยู่       
   ข่าวพระสหายชายรายล่าสุดพุ่งแรงแซงข่าวอื่น    เพราะโดดี้ไม่ปิดบังความสนิทชิดเชื้อ   มีข่าวกระพือออกมาว่าถึงขั้นว่าจะหมั้น  แสดงว่าคราวนี้เอาจริงขั้นจะร่วมหอลงโรง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 10:36
โดยไม่มีใครคาดฝัน  อุบัติเหตุช็อคโลกก็เกิดขึ้น
คืนวันที่  31 สิงหาคม 1997หนึ่งเดือนกว่าหลังจากโดดี้ก้าวเข้ามาในชีวิตเจ้าหญิง   ทั้งคู่อยู่ในปารีส  นัดกินอาหารค่ำกัน   ก่อนจะนั่งรถเบนซ์กลับไปโรงแรม  สื่อไปมะรุมมะตุ้มทำข่าวอยู่ด้านหน้าภัตตาคาร ทั้งสองแอบหลบออกทางด้านหลัง   พอขึ้นรถได้ปาปารัสซี่ก็ไล่กวดตามรถมาไม่ละลด
เมื่อมาถึงอุโมงค์ถนน Pont de l'Alma  คนขับของโดดี้เร่งความเร็วรถขึ้นจนเสียหลัก พุ่งเข้าชนกำแพงข้างทาง      โดดี้และคนขับตายคาที่  ส่วนเจ้าหญิงบาดเจ็บสาหัส แล้วมาสิ้นพระชนม์ที่โรงพยาบาล    รอดคนเดียวคือองครักษ์ที่บาดเจ็บขั้นโคม่า

เห็นสภาพพังยับเยินของรถเบนซ์แล้ว  ไม่น่าเชื่อ  คนขับของโดดี้ขับด้วยความเร็วกี่ร้อยไมล์กัน  เวลาเสียหลักถึงชนแรงจนพังยับไม่มีชิ้นดีขนาดนี้   


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: rin51 ที่ 02 ธ.ค. 11, 11:36

ติดตาม เรื่องราวอยู่ตลอด
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นที่เศร้าสะเทือนจิตใจ คนที่รัก เลดี้ไดอาน่า อย่างมาก
อยากทราบว่า พอเกิดเหตุการ์ขึ้นทางราชวงศ์อังกฤษ คิดอย่างไร บ้างครับ
   


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 11:49
ขออนุญาตคุณเทาชมพู นำคำบอกเล่าของ คุณวิกกี้ (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2_%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B9%8C) มาช่วยตอบ

ปฏิกิริยาจากราชวงศ์

ปฏิกิริยาของราชวงศ์ต่อการสิ้นพระชนม์ของไดอานาสร้างความไม่พอใจและขุ่นเคืองให้กับประชาชนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งในเวลานั้นสมาชิกราชวงศ์ต่างประทับอยู่ที่ปราสาทบัลมอรัล พระราชวังฤดูร้อนในสกอตแลนด์ และทั้งหมดทรงตัดสินพระทัยว่าจะไม่เสด็จกลับลอนดอนเพื่อร่วมพิธีพระศพ การตัดสินพระทัยของสมเด็จพระราชินีเช่นนี้ทำให้พระองค์ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชนอย่างหนัก เพราะราชวงศ์ยังยึดติดอยู่กับราชประเพณีโบราณอย่างเข้มงวด และไม่ใส่พระทัยต่อพระโอรสทั้งสองของไดอานาที่กำลังเศร้าโศกต่อการจากไปของพระมารดา และทำให้สื่อมวลชนให้ความเห็นว่าเย็นชาเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้น การปฏิเสธลดธงราชวงศ์ลงครึ่งเสาบนพระราชวังบักกิงแฮม ได้ทำให้หนังสือพิมพ์ในอังกฤษพาดหัวข่าวด้วยภาษาที่รุนแรงว่า "Where's our Queen? Where's her flag?"  ทั้งนี้ท่าทีของสำนักพระราชวังเป็นไปตามราชประเพณีข้อหนึ่ง ซึ่งการเชิญธงราชวงศ์ขึ้นสู่ยอดเสาบนพระราชวังบักกิงแฮมจะกระทำต่อเมื่อสมเด็จพระราชินีประทับอยู่ในพระราชฐานเท่านั้น แต่ในเวลานั้นพระองค์กำลังประทับอยู่ในสกอตแลนด์ นอกจากนี้ธงประจำพระองค์ไม่เคยเชิญลงครึ่งเสาเพราะพระมหากษัตริย์ไม่เคยสวรรคตเนื่องจากกษัตริย์องค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์ทันที

ในที่สุด สำนักพระราชวังยอมเชิญธงยูเนียนแจ็กขึ้นสู่ยอดเสาของพระราชวังบักกิงแฮมแทน โดยลดธงลงครึ่งเสาซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่มีการเชิญธงยูเนี่ยนแจ็กขึ้นสู่ยอดเสาของพระราชวังบักกิ้งแฮม และหลังจากเสด็จพระราชดำเนินไปร่วมพิธีพระศพของไดอานา สมเด็จพระราชินีเสด็จกลับสก็อตแลนด์ทันทีในเวลาเที่ยงของวันเดียวกัน และตั้งแต่นั้นมาธงยูเนียนแจ็กจะขึ้นสู่ยอดเสาเมื่อสมเด็จพระราชินีไม่อยู่ในพระราชฐาน

สมเด็จพระราชินีทรงเห็นด้วยให้มีการถ่ายทอดสดพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อเจ้าหญิงแห่งเวลส์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ BBC ในเย็นวันที่ ๔ กันยายน

 :(


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 11:53
ปฏิกิริยาจากสาธารณชน

ผู้คนหลายล้านคนยืนต่อแถวยาวกว่า ๖ กิโลเมตร ตั้งแต่พระราชวังเคนซิงตันจนถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์  ด้านหน้ามหาวิหารและลานในไฮด์ปาร์กต่่างแน่นขนัดไปด้วยประชาชนที่รับชมพิธีศพบนหน้าจอขนาดใหญ่และการกล่าวคำไว้อาลัยจากบุคคลสำคัญที่เข้าร่วมพิธี รวมทั้งตัวแทนจากองค์กรการกุศลที่ไดอานาได้เป็นผู้อุปถัมภ์ ผู้เข้าร่วมพิธีที่มีชื่อเสียงได้แก่ นางฮิลลารี่ ร็อดแฮม คลินตัน (ภริยาของประธานาธิบดีบิล คลินตัน แห่งสหรัฐอเมริกา), นางเบนาเด็ต ชีรัค (ภริยาของประธานาธิบดีฌ้าค ชีรัค แห่งฝรั่งเศส) และดาราชื่อดังหลายคน เช่น ลูเซียโน พาวาร็อตติ และนักร้องที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าหญิงอย่าง เอลตัน จอห์น และจอร์จ ไมเคิล ซึ่งเอลตันได้ขับร้องเพลง Candle in the Wind ที่ประพันธ์เนื้อร้องขึ้นใหม่เพื่ออุทิศให้แก่พระองค์  พิธีนี้ได้มีการถ่ายทอดผ่านดาวเทียม มีผู้รับชมกว่า ๒.๕ พันล้านคนทั่วโลก

ในการนี้ราชประเพณีอันเก่าแก่ได้ถูกละเลยเพิกเฉย เนื่องจากแขกในพิธีได้ปรบมือให้กับคำไว้อาลัยของเอิร์ลสเปนเซอร์ น้องชายของเจ้าหญิงไดอานา ที่วิจารณ์สื่อมวลชนและราชวงศ์ต่อการที่พวกเขาปฏิบัติต่อพี่สาวของเขาอย่างเผ็ดร้อน  หลังเสร็จสิ้นพิธีที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ โลงพระศพถูกนำขึ้นรถเดมเลอร์เพื่อเดินทางต่อไปยังคฤหาสน์อัลธอร์พเพื่อทำพิธีฝังพระศพอย่างเป็นส่วนตัว  เกือบตลอดเส้นทางที่ขบวนรถพระศพขับผ่าน ประชาชนได้ร่วมกันโยนดอกไม้ใส่ขบวนรถเพื่อแสดงความไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย

พระศพถูกฝังภายในอาณาเขตของคฤหาสน์อัลธอร์พ บนเกาะกลางทะเลสาบ ภายในโลงพระศพ ไดอานาฉลองพระองค์ชุดเดรสแขนยาวสีดำของแคทเธอรีน วอล์กเกอร์ พระหัตถ์ทั้งสองกุมสร้อยประคำของขวัญจากแม่เทเรซา ผู้ที่เสียชีวิตสัปดาห์เดียวกับพระองค์

ในปีพ.ศ. ๒๕๔๑ คฤหาสน์ได้เปิดให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการที่เกี่ยวพระองค์และเดินเล่นรอบทะเลสาบบริเวณสุสานของไดอานา รายได้จากการเข้าชมผลงานและนิทรรศการที่อัลธอร์พได้บริจาคให้แก่กองทุนอนุสรณ์ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

๔ สัปดาห์หลังการสิ้นพระชนม์ อัตราการฆ่าตัวตายทั่วประเทศอังกฤษและเวลส์เพิ่มสูงขึ้น ๑๗ % และการทำร้ายตัวเองพุ่งสูงกว่า ๔๔.๓ % เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติเดิมในรอบ ๔ ปี นักวิจัยเห็นว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราการฆ่าตัวตายมีสาเหตุจากปรากฏการณ์ "แสดงตัวตน" ของผู้คนที่ส่วนใหญ่ที่ความกดดันคล้ายคลึงกับไดอานา คือ ผู้หญิงวัย ๒๕ − ๔๔ ปี ที่กลุ่มนี้ฆ่าตัวตายมากกว่า ๔๕ %

แม้ว่าเจ้าหญิงไดอานาจะสิ้นพระชนม์ไปนานหลายปีแล้ว แต่ความสนใจในชีวิตของพระองค์ยังคงอยู่ อนุสรณ์ที่ใช้รำลึกชั่วคราวที่หน้าอุโมงค์ปองต์ เดอ ลัลมา ชื่อ "ฟลามม์ เดอ ลา ลิเบอร์เต้" ที่มีความสัมพันธ์กับรูปปั้นอนุสาวรีย์เทพีสันติภาพในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ของขวัญจากชาวฝรั่งเศส โดยหลังเกิตอุบัติใหม่ ๆ ชาวปารีเซียงและนักท่องเที่ยวได้เขียนถ้อยคำไว้อาลัยทิ้งไว้บนฐานของ "ฟลามม์ เดอ ลา ลิเบอร์เต้" แต่ต่อมาข้อความถูกลบออกและไม่ได้ใช้เป็นอนุสรณ์อย่างเป็นทางการอีกต่อไป แต่ว่านักท่องเที่ยวยังคงลักลอบเขียนข้อความทิ้งไว้อยู่เรื่อย ๆ

สำหรับอนุสรณ์ถาวรคือ น้ำพุอนุสรณ์แด่ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ในไฮดปาร์ก ที่ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗

ไดอานา ฟรานเซส เจ้าหญิงแห่งเวลส์อยู่ในโพลสำรวจของ BBC ในปี ๒๕๔๕ ในหัวข้อ "ชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่" ลำดับที่ ๓ แซงหน้า ชาร์ลส์ ดาร์วิน (อันดับ ๔), วิลเลี่ยม เช็กสเปียร์ (อันดับ ๕) และไอแซค นิวตัน (อันดับ ๖)

ในปีพ.ศ. ๒๕๔๖ สำนักพิมพ์มาร์เวลคอมิกส์ ประกาศตีพิมพ์การ์ตูน X-Statix ของปีเตอร์ มิลลิแกน นักเขียนการ์ตูนล้อเลียน ในตอน Di Another Day (Di คือ Diana อ้างอิงจากชื่อจากภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ตอน Die Another Day) ล้อเลียนการฟื้นคืนชีพของไดอานาด้วยพลังมหัศจรรย์ สร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนจำนวนมากและตอน Di Another Day ถูกสั่งระงับหยุดพิมพ์ทันที  บริษัทเฮลิโอกราฟ สร้างเกมจำลองบทบาท Diana: Warrior Princess ผลงานของมาร์คัส แอล. โรวแลนด์ ที่ดัดแปลงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ ๒๐ จนกลายเป็นเรื่องเหนือจินตนาการ

เควิน คอสเนอร์ ดาราฮอลลีวู้ดชื่อดังที่เคยเข้าเฝ้าเจ้าหญิงไดอานา ผ่านซาร่าห์ เฟอร์กูสัน ดัชเชสแห่งยอร์ก ได้ออกมาอ้างว่าเคยรบเร้าให้เจ้าหญิงไดอานาร่วมแสดงภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "The Bodyguard" ซึ่งนำแสดงโดย คอสเนอร์ และวิทนีย์ ฮุสตัน แต่ต่อมาสำนักพระราชวังบักกิ้งแฮมได้ออกมาปฏิเสธว่าคำกล่าวอ้างของคอสเนอร์ว่าไม่มีมูลความจริง

 :(


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 12:06
อ้างถึง
และทำให้สื่อมวลชนให้ความเห็นว่าเย็นชาเกินไป
คำว่าเย็นชา  แปลมาจากอังกฤษว่า cold  คนไทยมักแปลว่าเย็นชา  ที่จริงความหมายตรงๆ คือใจดำ
ถ้าดูหนังเรื่อง She ที่เฮเลน มิร์เรนเล่นเป็นควีนเอลิซาเบธได้เก่งจนได้รางวัลตุ๊กตาทองดารานำหญิงยอดเยี่ยม    จะเห็นว่าในหนังก็เอาประเด็นเรื่องร่วม/ไม่ร่วมงานพระศพเจ้าหญิง เป็นประเด็นร้อนในเรื่องเหมือนกัน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 12:06
หนึ่งในประชาชนที่อาลัยเจ้าหญิงไดอาน่า


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 12:31
ช่อดอกไม้ ตุ๊กตาหมี หัวใจ จำนวนมหาศาล ที่ประชาชนนำมาวางแสดงความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 12:33
พระราชวงศ์และญาติที่มาร่วมงานพระศพ  จากซ้ายเจ้าชายฟิลิป  พระสวามีสมเด็จพระราชินีฯ   เจ้าชายวิลเลียม  เอิร์ลแห่งสเปนเซอร์น้องชายของเจ้าหญิง เจ้าชายแฮร์รี่พระโอรสองค์เล็ก และเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 12:54
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในงานพระศพ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 12:55
จากวันนั้น ถึงวันนี้


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 16:06
คนที่ทำใจไม่ได้มากที่สุดคือนายโมฮัมเหม็ด อัล-ฟาเยด มหาเศรษฐีพ่อของโดดี้ผู้สูญเสียลูกชายคนเดียว   
เขาปักใจเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นแผนลอบสังหารเจ้าหญิงและลูกชายของเขา  คนบงการที่นายโมฮัมเหม็ดระบุในศาล ในเวลาต่อมาเมื่อมีการพิจารณาคดีสิ้นพระชนม์  คือ เจ้าชายฟิลิป พระบิดา  และเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ 


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 16:13
     อุบัติเหตุมีบางอย่างเป็นเงื่อนงำให้คนเคลือบแคลงจริงๆเสียด้วย  ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สืบสวนของฝรั่งเศสพบเศษกระจกไฟท้ายหล่นกระจายอยู่    ไม่ยักใช่รถเมอเซเดส-เบนซ์ 280S ที่เจ้าหญิงกับโดดี้นั่งมา   แต่เป็นรถเฟียต อูโน ผลิตระหว่างปี 1983-1989 พร้อมกับรอยขูดสีขาวที่ติดอยู่ด้านข้างของรถเบนซ์  ซึ่งสีขาวนี้ตรงกับสีที่ใช้พ่นรถเฟียต อูโนโดยทั่วไป
    ทางการฝรั่งเศสสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ว่า การที่รถเมอร์เซเดสชนกับรถเฟียต อูโน ทำให้รถของเจ้าหญิงไดอาน่าควบคุมไม่ได้จนแฉลบออกนอกทาง ไปกระแทกกำแพงด้านข้างของอุโมงค์ แล้วเสียหลักหมุนไปฟาดเข้ากับอีกข้างจนรถพังยับทั้งคัน
    ส่วนรถเฟียตอูโนไม่ยักสะท้านสะเทือน  แค่กระจกท้ายแตก   คนขับก็ยังขับต่อไปได้ด้วยเครื่องยนต์ที่เป็นปกติ   เห็นได้จากเขาพารถอันตรธานหายแว้บไปทางไหนก็ไม่มีใครเห็น    ภายในไม่กี่วินาที เมื่อปาปารัสชี่ห้อรถมาถึง และเข้ามุงอยู่รอบรถของโดดี้   ตำรวจฝรั่งเศสก็ยังหาเจ้าของรถเฟียตไม่พบจนบัดนี้
    เอารูปรถเบนซ์ 280s กับรถเฟียตอูโนมาให้ดูค่ะ    จะเห็นว่าเบนซ์เป็นรถใหญ่แข็งแรงมาก  ส่วนเฟียตอูโนคันเล็กนิดเดียว  ลองชนกับเบนซ์แรงจนเบนซ์เสียหลัก  ชนกำแพงพังพินาศทั้งคันแบบนี้   แต่เฟียตกลับไม่ระคายผิว  ตัวถังและเครื่องยนต์ของเฟียตต้องแข็งแรงเหมือนหุ้มเกราะทีเดียว


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 11, 16:55
ในตอนแรก ตำรวจฝรั่งเศสหาตัวรถเฟียตและคนขับไม่เจอ  แต่ 3 ปีต่อมา  ก็เกิดคดีขึ้นมาอีกคดีหนึ่งที่นายโมฮัมเหม็ดเชื่อว่าพัวพันกับอุบัติเหตุในคืนนั้น
นั่นก็คือมีช่างภาพฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อนายเจมส์ Andanson (ไม่แน่ใจว่านามสกุลแกออกเสียงฝรั่งเศสว่าอะไร  เพราะดูแล้วเหมือนอังกฤษ)  เป็นหนึ่งในปาปารัสชี่ที่ติดตามทำข่าวเจ้าหญิงกับโดดี้มาหลายวันแล้ว    คืนเกิดเหตุเขาก็อยู่ในฝรั่งเศส  ทีสำคัญเขาเป็นเจ้าของรถเฟียตอูโนสีขาว
เดือนพฤษภาคม ปี 2000 มีผู้พบศพช่างภาพคนนี้ถูกไฟคลอกอยู่ในรถบีเอ็มดับบลิว  ในป่าละเมาะแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของฝรั่งเศส   ทำให้เกิดข่าวลือว่า  เขาทำงานให้กรมสืบราชการลับของอังกฤษ   แล้วถูกฆ่าตัดตอน
แต่เมื่อมีการสอบสวนคดี   ภรรยาเขาให้การว่าคืนนั้นสามีไม่ได้ไปปารีส แต่อยู่บ้านในเมืองลินนิแยร์  ซึ่งห่างปารีสไป 170 ไมล์  เขาเพิ่งกลับมาจากทำข่าวไดอาน่าในประเทศซาดิเนีย  เหนื่อยมากก็เลยพักผ่อนอยู่บ้านทั้งวันไปจนกลางคืน ก่อนจะออกเดินทางจากบ้านตอนตีสี่เพื่อบินไปทำงานที่เกาะคอร์ซิกา
ส่วนการตายของสามี  ภรรยาให้การว่าเธอเชื่อว่าเขาฆ่าตัวตาย   ส่วนรถเฟียตอูโน  มีอยู่คันหนึ่งจริง แต่แทบจะไม่ได้ขับออกถนนเลย

ในเมื่อพยานให้การแข็งขันอย่างนี้  นายโมฮัมเหม็ดก็หมดหลักฐานไปอีก 1 เรื่อง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 03 ธ.ค. 11, 16:28
นั่งหลังห้องมาหลายวันแล้วครับวันนี้ขออยู่หน้าห้อง ครับ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 19:04
     หนังสือพิมพ์อังกฤษหลายฉบับเริ่มขุดคุ้ยสาเหตุของโศกนาฏกรรมในคืนนั้น  แล้วรายงานเหตุผิดปกติหลายจุดเช่น
-    จู่ๆรถยนต์ก็เปลี่ยนเส้นทางไปยังอุโมงค์ Pont de L’Alma ทั้งๆจุดหมายเดิมของเจ้าหญิงกับโดดี้คือไปโรมแรมริทซ์ที่ฝ่ายชายเป็นเจ้าของ
-     วิทยุสื่อสารของตำรวจในกรุงปารีสเกิดใช้การไม่ได้โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่รถยนต์แล่นเข้าอุโมงค์  ทำให้ตอนเกิดเหตุร้าย  ไม่สามารถติดต่อสื่อสารเพื่อขอรับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที
-    อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย กล้องวิดีโอวงจรปิดภายในอุโมงค์ใช้การไม่ได้  ทำให้ไม่มีภาพบันทึกอุบัติเหตุขณะเกิดขึ้น
-   พยานผู้ร่วมเหตุการณ์คือปาปารัสชี่ที่ห้อรถตามมา  เอ่ยว่าได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายระเบิดในขณะเกิดเหตุ
-   รถพยาบาลใช้เวลาถึง 1 ชม.กับ 10 นาที ในการเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลเพียง 3 ไมล์เท่านั้น   ทำให้ไม่สามารถจะพาเจ้าหญิงไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา

ภาพที่ถ่ายในรถก่อนเกิดอุบัติเหตุ  จะเห็นคนขับและบอดี้การ์ดถูกแสงไฟจากแฟลชปาปารัสชี่ ส่องจ้าเข้าตา   ส่วนเจ้าหญิงทรงเหลียวไปทางด้านหลังรถ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 11, 19:08
    กรมตำรวจปารีสสอบสวนคดีโดยไม่ได้ติดใจประเด็นข้างบน  แต่มุ่งไปที่สาเหตุของรถชน    ใช้เวลาในการสอบสวนนานกว่า 2 ปีก็สรุปออกมาว่า เป็นอุบัติเหตุ  
     สาเหตุที่คร่าชีวิตเจ้าหญิงไดอาน่า และ โดดี้ อัล ฟาเยด มาจากความประมาทของ นายอองรี ปอล คนขับรถ เนื่องจากอยู่ในสภาพเมาสุรา   ตรวจศพพบมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่าที่กฎหมายของฝรั่งเศสกำหนดถึง 2 เท่า  เขาขับรถด้วยความเร็วสูงเกินกำหนด   คือ 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง   เหตุผลอีกอย่างคือคนสามคนในรถไม่มีใครรัดเข็มขัดนิรภัยเลยสักคน  เมื่อรถชนเสาอุโมงค์โดยแรงจึงเป็นอันตรายถึงชีวิต
     ที่แย้งกันคือคนรอดชีวิตในรถมีคนเดียวเป็นบอดี้การ์ดชื่อเทรเวอร์ รีส โจนส์ เพราะรัดเข็มขัดนิรภัย   หลายปีต่อมา เมื่ออังกฤษพิจารณาคดีนี้ขึ้นมาอีกครั้ง  เขาก็มาให้การว่าเขาไม่เห็นนายอองรี  ปอลดื่มเหล้าในค่ำนั้น
       รีส โจนส์บอกว่า“ผมไม่ได้สนใจว่าเขาดื่มอะไร ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแอลกอฮอล์ เพราะเขาดูปกติดี ผมไม่เห็นว่าเขาจะมีอาการเมาแต่อย่างใด เขาก็เป็นเหมือนที่ผมรู้จักก่อนหน้านี้”
       รีสบาดเจ็บสาหัส แต่รอดตายมาได้  สูญเสียความจำไปพักใหญ่หลังประสบอุบัติเหตุ  เขาให้การว่าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแผนลอบปลงพระชนม์เจ้าหญิงตามที่นายโมฮัมเหม็ด  พ่อของโดดี้อ้างถึงแต่อย่างใด  เขายืนยันว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนดังกล่าว
      
    รูปนายอองรี พอล คนขับของโดดี้ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 11, 15:46
     เมื่อไปอ่านประวัติของนายอองรี ปอล  พบว่าเขาทำงานกับโดดี้มา 11 ปีแล้ว   ไม่ใช่คนขับรถธรรมดาๆ แต่มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงแรมริทซ์ที่นายโมฮัมเหม็ดเป็นเจ้าของ  ได้ใบอนุญาตขับเครื่องบินมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 1974  กล่าวกันว่าปอลชอบเช่าเครื่องบินไว้ขับเที่ยวจากปารีสไปลอเรียง
     เมื่อวันที่ 28 เดือนสิงหาคมปี 1997 สามวันก่อนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์  นายปอลเพิ่งผ่านการตรวจร่างกายประจำปีสำหรับนักบิน เพื่อดูความพร้อมทางกายภาพ     เขาผ่านการตรวจ ได้คำรับรองว่าไม่มีปัญหาด้านแอลกอฮอล์ทั้งในเลือดและในตับ   พ่อแม่ของปอลบอกว่าถ้าพอลติดสุราละก็  คงปรากฏผลอยู่ในการตรวจนี้แน่ แต่ก็ไม่มีอะไรชี้ให้เห็นว่านายพอลเป็นคนชอบกินเหล้าจนมีผลเสียกับร่างกาย
     อาชีพคนขับรถของมหาเศรษฐี ซึ่งกุมชีวิตนายเอาไว้ในมือ พอๆกับกุมพวงมาลัย ไม่ใช่ว่าแค่ขับรถได้นิ่ม หรือรู้ถนนหนทางดีเท่านั้น    แต่ต้องเป็นบอดี้การ์ดสำคัญอีกคนหนึ่ง  รู้จักรักษาชีวิตให้บุคคลสำคัญอย่างนายด้วย    ปอลเคยถูกส่งไปฝึกด้านรักษาความปลอดภัยที่เมืองสตุตการ์ท  ประเทศเยอรมนี  ถึงสองครั้งในการฝึกอบรมพิเศษจัดโดยบริษัทรถเบนซ์   เพื่อฝึกเทคนิคการพานายและรถให้รอดปลอดภัย ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นถูกจี้โดยผู้ก่อการร้าย หรือถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่   เพราะเรื่องพรรค์นี้อาจเกิดกับบุคคลสำคัญอย่างนายเขาเมื่อวันไหนเวลาไหนก็ได้


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 11, 15:49
    ในเมื่อมีข้อมูลอย่างนี้  จึงทำให้เกิดกระแสคำถามว่า คนที่ทำงานกับนายมานานตั้ง 11 ปี  ไม่บกพร่องเรื่องหน้าที่มาโดยตลอด     เหตุไฉนจึงปล่อยตัวเองให้ดื่มเหล้าจนเกินขอบเขต ในคืนที่มีหน้าขับรถให้นายและเจ้าหญิงซึ่งเป็นคนสำคัญระดับโลก    นอกจากนี้  ขนาดเครื่องบินยังขับได้  เรื่องขับรถในปารีสก็เรื่องจิ๊บๆ     
     เมื่อเร่งรถหนีปาปารัสชี่กลุ่มเดียว   คนที่ผ่านงานมาตั้ง 11 ปีจะขับผลีผลามจนเฉี่ยวรถเฟียตเล็กๆคันหนึ่ง  แล้วเสียหลักพารถชนอุโมงค์พังยับทั้งคันได้ง่ายขนาดนั้นเทียวหรือ     ไม่น่าเป็นไปได้สำหรับคนที่ถูกฝึกมาแล้วเรื่องขับรถรับมือกับผู้ก่อการร้ายและโจรเรียกค่าไถ่

     เงื่อนงำช็อคโลกอีกเรื่องหนึ่งซึ่งมาเปิดเผยทีหลัง  เริ่มจากปี 1995  เมื่อเจ้าหญิงไดอาน่าทรงหย่ากับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์  ทนายความฝ่ายเจ้าหญิงชื่อลอร์ดมิชคอน  ได้รับคำบอกเล่าจากไดอาน่าว่าเธอกำลังถูกหมายหัวสังหาร  โดยฝ่ายวางแผนทำให้ดูเป็นอุบัติเหตุ  ให้เธอตายหรือบาดเจ็บสาหัส กลายเป็นผู้ไม่สมประกอบ    เพื่อเจ้าชายชาร์ลส์จะได้เสกสมรสใหม่ได้สะดวก ไม่มีข้อกีดขวาง
     เมื่อได้ฟังลอร์ดมิชคอนก็จดลงเป็นบันทึกทันที   สองปีต่อมาเมื่อเกิดอุบัติเหตุในปารีส    ไม่กี่วันหลังจากนั้นเขาก็ส่งบันทึกคำบอกเล่าของเจ้าหญิง  ซึ่งเรียกกันทีหลังว่า Mishcon note  ให้กับลอร์ดคอนดอน  ผู้บัญชาการตำรวจ

ภาพของลอร์ดมิชคอน ผู้ถึงแก่กรรมในปี 2006


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 11, 15:58
     ทั้งลอร์ดมิชคอนและลอร์ดคอนดอน เห็นพ้องต้องกันว่าจะปกปิดเรื่องมิชคอนโน้ตเป็นเอกสารลับ   ไม่กระโตกกระตากออกมาให้สื่อมวลชนรู้     เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้   เพราะยังไม่ได้พิสูจน์ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่  เปิดเผยออกไปก็เกรงว่าประชาชนจะแตกตื่นกันเข้าไปใหญ่
   แต่เรื่องที่เข้าใจยากก็คือ  ผู้บัญชาการปิดเงียบสนิทเป็นความลับสุดยอดจริงๆ   แม้แต่กรมตำรวจปารีสซึ่งกำลังสอบสวนคดีอยู่ยังไม่รู้เรื่องมิชคอนโน้ต    ทั้งๆเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นหลักฐานข้อหนึ่งในแนวทางสืบสวน    ผู้บัญชาการตำรวจอังกฤษไม่ส่งเรื่องนี้ให้ทางฝรั่งเศสใช้เป็นเบาะแสในการสืบสวน ว่ามีอะไรในกอไผ่หรือไม่  นอกเหนือจากอุบัติเหตุธรรมดาๆ

v
ลอร์ดคอนดอน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 11, 16:02
 คำกล่าวที่ว่าความลับไม่มีในโลก ใช้ได้ในเรื่องนี้จริงๆ

      ต่อมาในปี 2003   มีคดีเล็กๆคดีหนึ่ง ที่ตอนแรกประชาชนไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก   กล่าวคือนายพอล เบอร์เรลล์มหาดเล็กประจำพระองค์ของเจ้าหญิงถูกราชสำนักแจ้งความจับในข้อหาขโมยทรัพย์สินของเจ้าหญิงนายเก่า    แต่ข้อหานี้ถูกถอนกลางคัน  นายพอล เบอร์เนลล์ก็เเลยรอดตะรางไปได้  
     ราชสำนักถอนแจ้งความ  เนื่องจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธโปรดให้ระงับเรื่องนี้   เพราะทรงจำได้ว่านายเบอร์เรลล์เคยทูลไว้แล้วว่าเขาจะรักษาข้าวของส่วนพระองค์ดังกล่าวไว้เพื่อความปลอดภัย   ข้อหาก็เลยตกไป  
    ของพวกนี้ไม่ใช่เครื่องเพชรเครื่องทอง  แต่เป็นพวกกระเป๋า ถุงมือ  พระรูปเจ้าหญิงและพระโอรสพร้อมด้วยลายเซ็น กับจดหมายส่วนพระองค์จำนวนหนึ่ง

นายพอล เบอร์เรลล์
v


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 11, 16:05
    10 เดือนต่อมาหลังจากรอดจากแจ้งความ  นายเบอร์เรลล์ก็ช็อคคนทั่วโลกด้วยการเปิดเผยจดหมายส่วนพระองค์ของเจ้าหญิงที่ทรงเขียนถึงเขาด้วยลายพระหัตถ์
    ตอนหนึ่งบอกว่า
    "ฉันกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในเดือนตุลาคม    อยากจะมีใครสักคนกอดฉันไว้แล้ว ให้กำลังใจฉัน ให้เข้มแข็งต่อไป
    ชีวิตฉันช่วงนี้กำลังตกอยู่ในอันตรายถึงที่สุด   สามีฉันกำลังวางแผนให้เกิด"อุบัติเหตุ" ในรถยนต์ ด้วยการทำให้เบรคเสีย  ส่วนฉันก็ได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างหนัก กลายเป็นคนไม่สมประกอบ   เพื่อเปิดทางสะดวกให้เขาจะแต่งงานกับทิกกี้ (หมายถึงเลจจี้-เบิร์ก  พี่เลี้ยงของพระโอรส)ส่วนคามิลลาก็แค่นางนกต่อ   เราทุกคนถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้ชายคนหนึ่ง  ตรงตามความหมาย"


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ธ.ค. 11, 12:40
ผมได้แต่ติดตามอ่าน ความที่ไม่ได้สนใจเรื่องพรรค์นี้มาก่อน อ่านแล้วก็ได้แต่ปลงในพฤติกรรมมนุษย์ที่ไม่เข้าใครออกใคร ทุกชาติทุกภาษาทุกเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะมีฐานะสูงส่งเทียมฟ้าหรืออนาถาติดดินก็ล้วนแต่อยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม กิเลศบางตัวเช่นราคะ คนหล่อ สวย รวย และมีเกียรติ มักกะมีโอกาสให้ถลำไปเสพย์ได้มากกว่าคนหาเช้ากินค่ำ ที่ไม่มีเวลาจะไปฟุ้งซ่านอย่างอื่นนอกจากจะนอนก่ายหน้าผากเรื่องปากเรื่องท้อง

เมื่อใครละเมิดศีลละเมิดธรรมไปแล้ว ก็ต้องรับผลของมันด้วย ไม่ช้าก็เร็ว

เจ้าหญิงไดอาน่าคงมีกรรมอย่างอื่นอีกด้วย พระองค์จึงต้องทรงประสพชะตากรรมที่น่าอเน็ดอนาจ รูปนี้เป็นรูปที่หลุดมาในเวป ขอโทษด้วยหากแรงไป ส่วนคนอื่นที่ตายคาที่นั้น สภาพศพใช้ปลงอศุภกรรมฐานได้เลย

ใครอยากดู ใช้ภาษาไทยค้นหานะครับ ถ้าใช้ภาษาอังกฤษจะไม่เจอ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 13:28
ภาพนี้แรงจริงๆ  ดิฉันใจไม่ถึง เลยไม่กล้านำลง  ท่าน Navarat.C ใจถึงกว่า  สมาชิกเรือนไทยจึงมีโอกาสได้เห็นทั่วกัน  

เห็นแล้ว ทำให้ปลงได้ว่าชีวิตคนเกิดมาก็เท่านี้    ไม่มีใครหนีพ้นเกิด แก่ เจ็บ ตาย    ระหว่างมีชีวิตอยู่  ยังมีโอกาสจะประกอบคุณงามความดีก็ทำเสีย    เราก็ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะเกิดเป็นอะไร  มีโอกาสมากเท่าชาตินี้หรือเปล่า

เจ้าหญิงไดอาน่าได้ประกอบกรรมดีต่อเพื่อนมนุษย์ไว้มาก  เรื่องหนึ่งในจำนวนนี้ที่เห็นชัดคือทรงคลุกคลีกับคนป่วยโรคเอดส์โดยไม่รังเกียจ    อย่างที่ไม่มีเจ้านายองค์ไหนทำมาก่อน   สร้างความอบอุ่นใจ  จุดความหวังให้คนป่วยเหล่านี้ขึ้นมาอีกครั้ง  พลอยทำให้สังคมหันมาเมตตาและเห็นใจคนป่วยโรคเอดส์ด้วย    เธอจึงเป็นที่รักของประชาชน
ส่วนเรื่องส่วนตัวของเจ้าหญิงนั้น ก็เป็นความอาภัพอีกเรื่องหนึ่งของผู้หญิง    ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเจอสภาพเมียหลวง     และผู้ชายที่เข้ามาเพื่อหวังเอาเปรียบ แต่ไม่มีความจริงใจให้
เรื่องเมียน้อย   ผู้หญิงไทยดูเหมือนจะทนเก่งและปลงตกเก่งกว่าผู้หญิงฝรั่ง    

****************
      กลับมาเรื่องนายพอล เบอร์เรลล์
      เขากลายเป็นสามล้อถูกหวย เมื่อชื่อเสียงดังเปรี้ยงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในข้ามคืน      สื่อไหนๆก็อยากสัมภาษณ์  รายการทีวีก็อยากเชิญไปเปิดเผยประเด็นลับ   เงินทองไหลมาเทมาเข้ากระเป๋า   เขาตัดสินใจเขียนหนังสืออัตชีวประวัติชื่อ A Royal Duty เล่าถึงชีวิตการทำงานในวังบัคกิ้งแฮม ในฐานะมหาดเล็กชั้นผู้น้อยของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธมาก่อนจะได้เลื่อนขึ้นเป็นมหาดเล็กประจำพระองค์ของเจ้าหญิงไดอาน่า
      แน่ละว่าจุดขายของหนังสือไม่ใช่ชีวิตนายเบอร์เรลล์   แต่เป็นเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัวของเจ้านายที่สาธารณชนไม่มีโอกาสล่วงรู้    ข้าเก่าเต่าเลี้ยงเท่านั้นถึงจะล่วงรู้
        มีคนอ่านจำนวนมากมองว่านายพอล เบอร์เรลล์ใส่สีตีไข่ผสมเข้าไปในเรื่องไม่น้อย    เพราะแกเขียนยกตัวเองว่าแกเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าหญิงมากกว่ามหาดเล็ก   แกเป็นคนเดียวที่ใกล้ชิดที่สุด  ในแต่ละวัน แกก็เป็นบริวารคนสุดท้ายที่ได้อยู่กับเจ้าหญิงจนกระทั่งถึงเวลาเข้าบรรทม       ไม่ว่าเรื่องนั้นหรือเรื่องนู้นแกก็รู้ดีกว่าใคร   เวลาเจ้าหญิงเศร้าโศกว้าเหว่ขาดคนปรึกษา แกก็เป็นคนปลอบใจเจ้าหญิงมาไม่รู้กี่หนแล้ว  


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 13:30
    พฤติกรรมความในนำออกของนายพอล เบอร์เรลล์ทำให้เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่กริ้วมาก   ถึงกับประณามต่อสื่ออย่างเปิดเผย  ว่าข้าเก่าคนนี้ทรยศ ขายนายได้ลงคอ   ถ้าจงรักภักดีจริง ก็ควรหุบปากให้สนิท     
    ในโลกภายนอกที่กระหายหิวการบริโภคข่าวคนดัง  ถ้านายพอลหุบปากก็ย่อมไม่ได้อะไร    แต่การเปิดปากครั้งนี้ว่ากันว่าแกได้เงินไปประมาณ 5 ล้านปอนด์     จากนั้นแกก็อพยพลูกเมียไปอยู่ที่ฟลอริดา ส่งลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกา     แต่ล่าสุด  นายพอลอำลาอเมริกากลับมาลอนดอนตามลำพัง   บอกว่าคิดถึงบ้าน  เขาเปิดกิจการร้านขายดอกไม้เล็กๆ  ด้วยเงิน 50000 ปอนด์ที่เจ้าหญิงทิ้งไว้ให้ในพินัยกรรม    แล้วปฏิเสธว่าไม่ได้เงินมากมายถึง 5 ล้านอย่างที่เป็นข่าว


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 13:35
ใครอยากดู ใช้ภาษาไทยค้นหานะครับ ถ้าใช้ภาษาอังกฤษจะไม่เจอ

Princess Diana Crash Pictures (http://www.google.co.th/search?hl=th&biw=1024&bih=600&gbv=2&tbm=isch&sa=1&q=Princess+Diana+Crash+Pictures&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2&oq=Princess+Diana+Crash+Pictures&aq=f&aqi=g-L1&aql=&gs_sm=s&gs_upl=61171l63734l0l65218l6l6l0l5l5l0l344l344l3-1l1l0)

 :(


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 13:45
    เรื่องที่นายพอล เบอร์เรลล์ออกมาแฉมีตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้ สาธารณชนไม่ได้สนใจเท่าไหร่     คนนั้นคือหญิงสาวชื่อทิกกี้ เลจจ์-เบิร์ก      แต่พอนายพอลบอกว่า ผู้หญิงคนนี้แหละเป็นรักเร้นครั้งใหม่ ที่เจ้าหญิงไดอาน่าระบุว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะเสกสมรสด้วย  ไม่ใช่คามิลล่า   ชื่อหล่อนก็ฮือฮาดังระเบิดเถิดเทิงในข้ามคืน
    ทิกกี้เป็นใคร  คำตอบคือหล่อนมีชื่อจริงว่าอเลกซานดรา เลจจ์-เบิร์ก  เป็นสาวผู้ดีมีตระกูลที่เคยเป็นนางกำนัลของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์มาก่อน  แล้วเปลี่ยนมาเป็นพี่เลี้ยงของเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่ ตามที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงเลือกมาเองในปี 1993 เมื่อทรงแยกกันอยู่กับเจ้าหญิงไดอาน่าแล้ว
    เจ้าหญิงไดอาน่าไม่โปรดผู้หญิงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบริวารฝ่ายเจ้าชายเต็มตัว    ทิกกี้เองก็มีท่าทีเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเจ้าหญิงอย่างเปิดเผย  ถึงกับยกตัวเองข่มการเลี้ยงพระโอรสของเจ้าหญิงอย่างไม่เกรงใจ  ว่า
    "ฉันให้เจ้าชายได้ในสิ่งที่สมควรในวัยนี้  พาไปที่โล่งแจ้งอากาศบริสุทธิ์  ให้ปืนล่าสัตว์ กับม้า  ส่วนแม่น่ะ กลับให้แต่ไม้ตีเทนนิส   กะกล่องข้าวโพดคั่ว เวลาไปดูหนัง"
      มิหนำซ้ำ หล่อนยังแสดงความกร่างด้วยการเรียกเจ้าชายวิลเลียมกับแฮร์รี่ว่า  "ไอ้หนู" ("my babies")  ซึ่งไม่มีข้าราชบริพารคนไหนกล้าเรียกเจ้านาย


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 13:49
     เจ้าหญิงไดอาน่าไม่โปรดทิกกี้เอามากๆ หลายเรื่อง   เรื่องหนึ่งคือหล่อนสูบบุหรี่จัดมวนต่อมวน  แล้วสูบเวลาอยู่กับเจ้าชายเล็กๆทั้งสององค์เสียด้วย    เจ้าหญิงไดอาน่าทนไม่ได้  แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กลับไม่ถือสา ยังโปรดปรานและไว้พระทัยหล่อนเป็นอันดี ทางสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธก็ทรงมีพระเมตตาหล่อน  มิได้ทรงเห็นด้วยกับเจ้าหญิงไดอาน่าว่าทิกกี้ไม่สมควรกับตำแหน่งพี่เลี้ยง          สื่อที่เชียร์ฝ่ายเจ้าชาย ลงความเห็นว่าเจ้าหญิงไดอาน่าทรงอิจฉาพี่เลี้ยงสาวของพระโอรส    เพราะไม่อยากให้เจ้าชายทั้งสองติดพี่เลี้ยงมากกว่าพระมารดา
     ในวัง  เจ้าหญิงไดอาน่ามีข้าราชบริพารที่ภักดีฝ่ายเจ้าหญิงเหมือนกัน  เวลามีเรื่องตื้นลึกหนาบางในวัง พวกนี้ก็คาบข่าวมาทูล  เรื่องหนึ่งในจำนวนนั้นคือเขาปิดกันให้แซ่ดว่า ทิกกี้ไปทำแท้งลูกที่เกิดจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์    จริงหรือไม่ก็ตาม  เจ้าหญิงก็ทรงเชื่อเพราะเข้าทางอยู่แล้ว  จนกระแหนะกระแหนหล่อนต่อหน้าแขกอื่นว่า "เสียใจด้วยนะเรื่องเด็ก"  
     ทิกกี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ   ให้ทนายยื่นโนติสมาให้เจ้าหญิงเพื่อกล่าวขอโทษหล่อนอย่างเป็นทางการ    แต่ไม่มีคำตอบจากเจ้าหญิง  ทนายความของเจ้าหญิงหาทางออกด้วยการซีรอกซ์โนติสแจกไปตามสื่อ  เป็นการปรามหนังสือพิมพ์มิให้ลงข่าวนี้ มิฉะนั้นจะโดนฟ้องเรียกค่าเสียหาย

     ส่วนเรื่องซุบซิบกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์นั้น  ทั้งคู่ปฏิเสธ  ทิกกี้เพียงแต่ยอมรับว่าหล่อนเคยปลื้มเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แบบวัยรุ่นคลั่งดารา     เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ก็เมตตาหล่อนอยู่ไม่น้อย  แม้ว่าทิกกี้ทำอะไรหมิ่นเหม่ เหมือนจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งพระพี่เลี้ยงอยู่ประจำ  แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง   เพราะเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ปรานีหล่อน    ส่วนคามิลล่ากับทิกกี้ไม่ถูกกันเลย


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 13:52
ข่าวของทิกกี้เงียบลงไปเมื่อหล่อนแต่งงานในปี 1999  ทิกกี้ไม่เชิญคามิลล่ามาเป็นแขกในพิธีวิวาห์  เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่เสด็จมาร่วมงาน แต่เจ้าชายชาร์ลส์มิได้เสด็จมา อ้างว่าทรงติดงานอื่น  ต่อมาหล่อนมีลูก 2 คน   เจ้าชายแฮร์รี่ทรงรับเป็นพ่อทูนหัวให้ลูกชายคนโต     ส่วนเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ก็ยังติดต่อกับทิกกี้และเสด็จมาเป็นแขกประจำที่บ้านของหล่อนในปี 2006  งานสำคัญๆของพระราชวงศ์ ทิกกี้ก็ได้รับเชิญเสมอ
ทิกกี้กับคามิลล่าคงจะประสานความเข้าใจกันได้ในภายหลัง   หล่อนจึงได้รับเชิญไปร่วมงานที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จัดให้คามิลล่าด้วย
ล่าสุดในงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมและเคท มิดเดิลตัน   ทิกกี้ก็ได้รับเชิญตามเคยของหล่อน  นับว่าราชสำนักยังต้อนรับทิกกี้ด้วยดี


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 15:57
ผู้ที่มานั่งเงียบกริบกันอยู่ในชั้น จะคุยกันบ้างก็ได้นะคะ   ;D

หลายปีผ่านไป  คดีสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่าก็ยังไม่พ้นจากความสนใจของประชาชน   มีนายโมฮัมเหม็ด อัล ฟาเยดเป็นหัวหอกในการหาหลักฐานและให้ข่าวเป็นระยะ   จนเรื่องนี้ถูกนำมาพิจารณาอีกครั้งช่วงระหว่างปี  2004-2007  
ในปี 1007 ศาลอังกฤษตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ตามคำร้องของ นายไมเคิล เบอร์เจส รองผู้อำนวยการสถาบันชันสูตรศพ ที่นำเรื่องสู่ศาล  รื้อฟื้นคดีเจ้าหญิงให้รู้ถึงสาเหตุแท้จริงของการสิ้นพระชนม์  ว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุ  แต่เป็นการวางแผนอย่างแยบยล    ในตอนแรกศาลจะพิจารณาเป็นคดีลับ  แต่แล้วก็เปลี่ยนใจให้สาธารณชนร่วมฟังได้ เนื่องจากได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก

นายโมฮัมเหม็ดขึ้นให้การด้วย เขาให้การอย่างมั่นใจว่าเจ้าชายฟิลิปและเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์อยู่เบื้องหลัง     แต่คำให้การของนายโมฮัมเหม็ดก็มีกระแสถูกวิจารณ์ไปในทำนองว่าตลก ไม่น่าเชื่อถือ  คล้ายๆจะเป็นตาแก่เพี้ยนๆอะไรสักคนที่หลงเชื่อผิดๆหัวปักหัวปำอยู่คนเดียว

V
นายไมเคิล เบอร์เจส


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 16:00
      ศาลอังกฤษใช้เวลาในการสอบสวนเกือบ 6 เดือนและสอบปากคำพยานกว่า 250 ปาก  รวมทั้งเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ด้วย  ในที่สุดคำตัดสินออกมาว่า  ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า เจ้าชายฟิลิป ดยุค แห่งเอดินเบอระ รวมถึงหน่วยข่าวกรอง หรือหน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ ของอังกฤษมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า และ นายโดดี้ อัล-ฟาเยด  สรุปอีกทีว่าเป็นอุบัติเหตุอย่างที่กรมตำรวจปารีสเคยสรุปมาแล้ว   ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
    หลังจากเรียกร้องและวิ่งเต้นสืบสวนมายาวนานในคดีนี้  นายโมฮัมเหม็ดก็ถอดใจ  ประกาศยุติการต่อสู้คดีสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงและการเสียชีวิตของนายโดดี้  ที่เขาสู้มายาวนานถึง 10 ปี   โดยอ้างเหตุผลว่าเห็นแก่พระโอรสทั้งสองของเจ้าหญิงแห่งเวลส์ผู้ล่วงลับ

    แต่นายโมฮัมเหม็ดก็ไม่วายเป็นข่าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขาออกมาทิ้งระเบิด ให้สัมภาษณ์ ''เดอะ เนชันแนล เอ็นไคว์เรอร์'' เตือน เคท มิดเดิลตัน เมื่อมีข่าวออกมาว่าเธอจะเข้าสู่พิธีเสกสมรสกับเจ้าชายวิลเลียม    ว่าให้ระวังการมุ่งร้ายหมายขวัญจากเจ้าชายฟิลิปและคามิลล่า  ถ้าหากว่าเคทเป็นที่นิยมของประชาชน เกินหน้าเกินตาคนอื่นมากเกินไป
     นายโมฮัมเหม็ดสรุปว่า
    ''เคท ก็เหมือนกับเจ้าหญิงไดอาน่า เธอไม่รู้ว่าต้องแลกกับอะไรตอนตัดสินใจให้คำปฏิญาณในพิธีวิวาห์กับราชวงศ์วินด์เซอร์"
   


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 16:09
ผ่านไป 14 ปี  ศพของเจ้าหญิงไดอาน่ายังนอนสงบอยู่ในสุสาน ซึ่งสร้างเป็นวิหารเล็กๆ บนเกาะน้อยในบริเวณคฤหาสน์อัลธรอป ของตระกูลสเปนเซอร์   
เอิร์ลแห่งสเปนเซอร์น้องชายของเจ้าหญิง เจ้าของคฤหาสน์เปิดให้ประชาชนเข้าไปเยี่ยมชมและเคารพศพได้  รายได้ทั้งหมดจากนักท่องเที่ยวจะนำไปสมทบให้มูลนิธิที่ตั้งขึ้นเพื่อเจ้าหญิงไดอาน่า


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 16:12
หลุมฝังศพของเจ้าหญิงไดอาน่า


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 16:16
ส่วนนายโมฮัมเหม็ด อัล ฟาเยดก็สร้างอนุสรณ์ไว้ให้เจ้าหญิงและนายโดดี้เหมือนกัน  ในห้างแฮร์รอด ซึ่งเป็นกิจการของเขา
ภาพซ้ายเป็นรูปปั้นเจ้าหญิงกับนายโดดี้กำลังจับมือกันเริงระบำ เหมือนจะโผบินขึ้นสวรรค์ โดยเหนี่ยวขานกอัลบาทรอสซึ่งกางปีกพาเหาะขึ้นไป
ส่วนภาพขวา  นอกจากรูปในกรอบวางคู่กัน ยังมีของที่ระลึกคือแก้วแชมเปญที่เจ้าหญิงทรงดื่มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกจากภัตตาคารคืนนั้น ยังมีรอยลิปสติคเปื้อนขอบแก้ว   กับแหวนที่นายโดดี้ซื้อมาหมาดๆ เพื่อจะมอบให้เจ้าหญิง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 16:25
ส่วนตัวละครเอกของเราในกระทู้นี้ อีกคู่หนึ่ง คือเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับคามิลล่าก็แฮปปี้เอนดิ้งกันไปตามที่คาดหวัง   ทั้งสองสมรสกันเมื่อปี 2005  
คามิลล่าได้ตำแหน่งเป็นเจ้า  มีคำว่า"เฮอร์ รอยัล ไฮเนส " นำหน้า และมีบรรดาศักดิ์เป็นดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์  

ภาพนี้ถ่ายกับบุตรธิดาของเจ้าบ่าวเจ้าสาว
จากซ้าย เจ้าชายแฮรี่  และเจ้าชายวิลเลียม   ขวาคือลอร่า และทอม ปาร์คเกอร์-โบว์ลส์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 16:29
ความชื่นมื่นของเจ้าชายแห่งเวลส์ และดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 16:34
ความไม่ชื่นมื่นของหนังสือพิมพ์
v
v
ภาพบนไม่มีคำอธิบาย
ภาพล่างเป็นภาพล้อเจ้าชายแฮรี่ เมื่อมีข่าวว่าเจ้าชายเอาเครื่องหมายสวัสดิกะของนาซีมาติดแขนเสื้อ    
ในรูปพ่อถามลูกชายว่า  "นี่ แฮรี่  ลูกไปไหนๆทั้งๆมีไอ้อะไรทุเรศนั่นเกาะติดบนแขนได้ยังไงกันน่ะ"  ลูกชายก็ย้อนพ่อว่า "ผมกำลังจะถามพ่ออย่างเดียวกันฮะ"


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 16:47
ต่อไปจะย้อนกลับไปที่ตัวเอกในตอนเริ่มกระทู้   คือเจ้าฟ้าหญิงแอนน์  ว่าทรงมีชีวิตเป็นอย่างไรหลังจากหย่าขาดจากมาร์ค ฟิลลิปส์แล้ว


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 06 ธ.ค. 11, 19:04
มายกมือแสดงตัวครับ  ว่ายังติดตามอย่างเหนียวแน่น เข้ามาวันละ 3-4 รอบ  ย้ายจากหลังห้องมากลางห้องแล้ว  ตอนนี้กำลังตามหารูปโหดๆ อื่นๆ เพื่อไว้ดูให้ปลง ตามที่ท่านลุง Navarat.C บอก แต่ยังหาไม่ได้ เพราะไม่รู้ใช้ keyword อะไร


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 19:16


Princess Diana Crash Pictures (http://www.google.co.th/search?hl=th&biw=1024&bih=600&gbv=2&tbm=isch&sa=1&q=Princess+Diana+Crash+Pictures&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2&oq=Princess+Diana+Crash+Pictures&aq=f&aqi=g-L1&aql=&gs_sm=s&gs_upl=61171l63734l0l65218l6l6l0l5l5l0l344l344l3-1l1l0)

 :(
ค่อยๆชูมือขึ้นมาอีกหนึ่งคน  ;D
คุณประกอบหาคำว่า Princess Diana Crash Pictures หรือคลิกเข้าไปที่ตัวอักษรสีน้ำเงิน ข้างบนนี้ค่ะ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ธ.ค. 11, 21:35
ผมโพส์ตข้อความสุดท้ายแล้ว ก็ขับรถมาทำงานที่พิษณุโลกคนเดียวแบบเสียวๆไปตลอดทาง มาถึงนี่กระทู้ก็ไปไกลแล้ว

ถ้าคุณประกอบยังสนใจ ลองให้กูเกินหาคำว่า เจ้าหญิงไดอาน่า อุบัติเหตุดูครับ
แล้วจะขับรถอย่างระแวดระวังไปช้าๆอย่างผม


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 06 ธ.ค. 11, 22:03
เข้ามาเรียนว่า ตามเข้าไปตาม keyword ไทยแล้วครับ  ตามประสานักเรียนชั้นดี  เอิ่ม ปลงได้ใจดีมาก ดีว่าดูตอนอิ่มข้าวไปแล้วนะเนี่ย ::)


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 22:04
ค่อยๆยืนขึ้นมาทีละคน  เป็นโอกาสอินเทอร์มิชชั่นสักพัก

คิดว่าท่านทั้งหลายที่เข้ามาอ่าน น่าจะชำนาญขับรถทั้งทางใกล้ทางไกล  บางท่านอาจจะเคยซิ่งมาเมื่อวัยรุ่นด้วยซ้ำ

ถ้ามองเรื่องอุบัติเหตุแบบไม่ติดใจว่าเป็นเงื่อนงำ     แต่เป็นอุบัติเหตุของจริงตามที่ศาลตัดสิน    ท่านทั้งหลายคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นคะ  นายปอลแกถึงเสียหลักพารถพังยับไปทั้งคัน
รายละเอียดที่ได้มาคือ แกขับรถเบนซ์ 280S  ด้วยความเร็ว 126 ก.ม./ช.ม.  ไปตามถนนสายว่างๆในปารีสตอนเที่ยงคืน   ลงไปในอุโมงค์  มีรถเฟียตอูโนสีขาวไล่กวดมาจนกระทั่งเบียดรถเบนซ์   แต่ไม่ได้ชน  
รถเฟียตไม่เสียหลัก และไม่เป็นไร  ขับเร็วจี๋หายไปได้ แต่เบนซ์เสียหลัก ปัดเข้าชนผนังอุโมงค์ แล้วหมุนไปชนอีกฝั่งหนึ่ง จนพังยับทั้งคัน  
นายปอลแกเหยียบเบรคกะทันหันหรือไร?

สำหรับคนขับรถที่ชำนาญ  ถ้าเจอรถเบียดเข้ามาแบบนี้ เขาทำกันอย่างไรคะ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 07 ธ.ค. 11, 00:36
เอ่อ  คุณครูถาม แต่คนอื่นๆ นั่งเงียบกันหมด  เลยต้องเสนอหน้าวิเคราะห์บ้าง

ลองไปดูพวก graphic simulation เหตุการณ์อุบัติเหตุดูด้วย ว่ามันเกิดแถวไหน ต้นอุโมงค์ หรือกลางอุโมงค์
รวมถึงดูว่าถนนมันแคบหรือกว้างแค่ไหน


ขับความเร็วมากกว่า 120 ในถนนมอเตอร์เวย์ที่กว้างโล่ง คงไม่มีปัญหา แต่สำหรับถนนเมือง แม้จะสองเลน แต่ไม่ได้กว้างมาก
รถขับมาเร็วขนาดนั้น ต้องเข้าอุโมงค์ที่ไหล่ทางไม่มี ถนนจะยิ่งแคบ
แถมจากถนนปกติ ก่อนลงอุโมงค์ทางจะลาดลง รถขับเร็วมาก ทั้งตัวรถหนัก โมเมนตั้มที่มี อาจทำให้รถเกิดการร่อนลอยตอนที่ถนนลาดลงได้
พอร่อนตอนจะลงอุโมงค์ อาจทำให้มีอาการเสียหลัก ควบคุมรถยาก ยิ่งถ้ามีสิ่งกีดขวางทำให้ต้องหลบ
คนขับอาจเผลอตกใจกระทันหัน เหยียบเบรค หรือหักพวงมาลัยมากไป ทำให้รถหมุนได้ ถ้าเป็นถนนธรรมดาก็ไม่เป็นไรมาก นี่ในอุโมงค์ เลยปะทะเสาเข้าเต็มๆ


โดยส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นการจัดฉากให้เกิดอุบัติเหตุครับ  เพราะการจะจัดฉากให้เกิดอุบัติเหตุให้ตายได้แนบเนียนขนาดนี้ ทำได้ยาก และต้องมีปัจจัยเสริมหลายๆ ด้าน เช่น

จะทำยังไงให้คนขับขับด้วยความเร็วสูงขนาดที่เกิดเหตุแล้วต้องตายแน่ๆ
ถ้าคนนั่งคาดเข็มขัดนิรภัยหละ
ถ้าทำให้เกิดการชนแล้ว จะบังคับยังไงให้การชนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
รถคันที่เกิดเหตุ Benz S class ความปลอดภัย น้ำหนักรถหายห่วง เมื่อเกิดเหตุต่างๆ โอกาสรอดตายมากกว่าตายมากๆ เอารถเล็กกว่ามากไปปาดให้เสียหลัก รถเล็กมีโอกาสเสียหลักเอง คว่ำเองมากกว่า
ขนาดหนังฮอลลีวู๊ด จะจัดฉากรถคว่ำที ยังต้องตรวจย้ำกันจนแน่ใจ ทดลองแล้วทดลองอีก กว่าจะถ่ายทำได้ หน่วยล่าสังหารไม่น่าวางแผนเตรียมการได้แม่นยำขนาดนี้ได้ง่ายๆ
ถ้าทำจริงคงใช้ทีมงานมหาศาล ปิดลับไม่ได้อีก


ลองมองปฏิบัติการต่างๆ ที่ใช้หน่วยพิเศษผ่านการฝึกมาอย่างดี เช่นการล่าสังหารบินลาดิน  การบุกยึดเครื่องบินที่ถูกจี้ของ Air France  หรือการบุกสถานทูตอิหร่านของหน่วย SAS
ขนาดนั่นเป็นปฏิบัติการที่วางแผนมาอย่างดี โดยทีมปฏิบัติการที่ผ่านการฝึกฝนมาแบบสุดๆ ถึงเวลาจริงยังมีข้อผิดพลาดจนมีการสูญเสียบาดเจ็บล้มตาย หรือไม่ราบลื่น


ถ้าผมเป็นทีมสังหารเจ้าหญิง  จัดฉากให้เครื่องบินตก หรือมีสิบล้อประสานงากับรถเจ้าหญิง น่าจะทำได้ง่ายกว่าเยอะ แนบเนียนกว่า รับประกันผลงานได้มากกว่า
นี่ไม่ได้หมายความว่าการพยายามลอบสังหารเจ้าหญิงไม่มี  อาจจะมี แต่ไม่น่าใช่งานนี้   อุบัติเหตุนี้น่าจะเป็นเหตุบังเอิญมากกว่า


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ธ.ค. 11, 06:51
ในฐานะที่ผมมีประสพการณ์ในการขับBenz S class รุ่นBodyนี้หลายปี และครั้งหนึ่งเคยนั่งรถที่เพื่อนฝรั่งเศสขับลอดอุโมงค์ในปารีสดังกล่าว ตอนถึงจุดที่เกิดเขาก็บอกว่า ตรงนี้แหละ ผมก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกประหลาดที่จะทำให้รถชั้นเลิศขนาดนั้นจะพังยับอย่างที่เห็น นอกจากจะวิ่งด้วยความเร็วสูงมากเข้าปะทะในมุมฉากกับกำแพง ต้องอุทานถามเขาว่า แล้วมันเกิดอะไรขึ้น เขาก็ร่ายยาวแต่สรุปว่า ไม่ทราบเหมือนกัน

ผมก็รอลุ้นที่ท่านอาจารย์ใหญ่เขียนอยู่นี่แหละ ว่าจะเฉลยข้อมูลลับอะไรออกมาอีก

แต่ตอนนี้เชื่อว่าเป็นความผิดของคนขับ จะเมาหรือไม่เมาก็สุดแล้วแต่ คงตกใจที่มีรถปาดเข้ามา คงนึกว่าจะเข้ามาถ่ายภาพหรือจะทำร้ายนาย จึงหักหลบแทนที่จะแตะเบรค รถจึงไปปะทะกำแพงด้านข้างก่อน ก่อนจะหมุนตัวเปลี่ยนทิศไปปะทะกำแพงฝั่งตรงข้ามแบบพุ่งเข้าชนเต็มๆหน้า

ผมเคยดูหนังสารคดีการทดสอบระบบนิรภัย ถ้ารถเข้าชนกำแพงในลักษณะนั้น แค่ความเร็ว๖๐กม./ชม. ก็ตายกันหมดแล้วทั้งคนขับคนนั่งถ้าไม่รัดเข็มขัด ถ้ารัดและมีAirbagช่วยด้วย จึงจะรอด

แต่คนขับรถครั้งนั้น เหยียบมาที่๑๒๖ รถดีอย่างไรก็ยับเป็นกระดาษ (ความจริงก็เป็นความเร็วปกติที่ใครๆก็ขับกัน เวลาเดินทางไกลผมก็ใช้ความเร็วระดับนีั ยกเว้นเมื่อวานขับปิ๊กอัพโฟร์วีลรุ่นเก๋ากึ๊ก พอเกินร้อยแล้วรู้สึกเสียวๆ ถนนหลังน้ำท่วมก็แย่ แถมรูปที่บอกไปนั่นยังตามหลอนอีก)

แล้วผมก็ไม่เชื่อว่าจะมีใครวางแผนฆาตกรรมที่ว่า เพราะหากเอารถเบาๆอย่างนั้นไปกระแทกเบนซ์เบอร์นี้ ถ้าคนขับสติดีๆก็ทำอะไรไม่ได้แน่นอนครับ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 11, 09:22
ดิฉันก็ยังก้ำกึ่งระหว่างอุบัติเหตุกับฆาตกรรม      เพราะจะว่าไป ทางหนึ่งก็เห็นด้วยกับท่านทั้งสองว่ามานี่ละค่ะ  ว่าเป็นผลของการขับรถเร็ว

ลองวาดภาพเหตุการณ์ดู    นายอองรี ปอลห้อรถหนีปาปารัสชี่ตามคำสั่งนาย   วิ่งเข้าอุโมงค์ด้วยความเร็วสูง  มีปาปารัสชี่คนหนึ่งขับเฟียตอูโน่สีขาวไล่กวดมาติดๆ แซงขึ้นมา เพื่อเก็บภาพของเจ้าหญิงและนายโดดี้ขณะนั่งในรถ   
 
ใครที่เคยไปฝรั่งเศส  หรือดูหนังที่ถ่ายทำในฝรั่งเศสคงนึกออกว่า  กฎจราจรที่นั่นเขาวิ่งกันเลนขวา  ตรงกันข้ามกับบ้านเรา   พวงมาลัยและคนขับจึงอยู่ด้านซ้ายของรถ    เวลาแซงขึ้นหน้า   รถที่เร็วกว่าจะแซงซ้าย ไม่ใช่แซงขวาอย่างในเมืองไทย      พอแซงซ้ายขึ้นไป คนในรถเฟียตก็กดแฟลชถ่ายแว้บเข้าให้   
แสงแฟลชสว่างจ้าเข้าเต็มหน้าคนขับ ทำให้นายปอลตาพร่ามองอะไรไม่เห็น   แกก็เลยหักหลบ  รถชนเข้ากับเสาที่ผนังอุโมงค์เต็มแรง   ผลเป็นอย่างที่เห็นๆกัน
ส่วนเจ้าของเฟียตอูโน่ก็ตกใจกับเหตุการณ์   กลัวความผิดจะมาถึงตัว  เลยห้อแน่บหนีหายไป

แต่อีกใจหนึ่งก็ยังรู้สึกว่ามันมีอะไรทะแม่งๆอยู่       ไม่ต้องเรื่องอื่นไกล   เอาเรื่องเฟียตอูโน่นี่แหละค่ะ   

ดิฉันแปลกใจว่าทำไมตำรวจฝรั่งเศสหาเบาะแสรถคันนี้ไม่ได้จนแล้วจนรอด      ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดในประเทศไทย  เชื่อฝีมือตำรวจไทยของเราว่ายังไงเสียก็หารถคันนี้เจอชัวร์ๆ
ถ้าไม่มีเส้นมีสายมาขวางกลาง และ ถ้าเจ้าของไม่ได้ชื่อไอ้ปี๊ดซะอย่าง  ;) 

ฝรั่งเศสซึ่งน่าจะมีระบบป้องกันอาชญากรรมและระบบการสืบสวนที่รัดกุมสมกับเป็นประเทศเจริญแล้ว   ไม่น่าปล่อยให้ปาปารัสชี่ซึ่งตอนหัวค่ำก็ยังรวมกลุ่มกันอยู่ในภัตตาคาร เห็นหน้าเห็นตากันว่าใครบ้าง  ตกดึกกลับลอยนวลหายไปหลังจากปาดรถคันสำคัญ   

จะว่าไป รถเฟียตอูโน่ น่าจะถูกตำรวจให้ความสนใจมากๆ  เพราะอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุอย่างแท้จริงก็ได้  ไม่ใช่ความประมาทของนายปอลที่ขับรถเร็วจนเสียหลัก   
เพราะมือชั้นนายพอล  ต่อให้ขับรถเร็วขนาดนั้น   ถ้าไม่มีอะไรมาทำให้เสียหลัก แกจะเสียหลักได้ยังไง

จะว่าแกดื่มเข้าไปหนัก  แกก็มีประสบการณ์ขับรถให้นายมา 11 ปี ขับเครื่องบินเที่ยวเล่นเป็นงานอดิเรก  แกจะต้องระวังเรื่องกินเหล้าอยู่มาก   โดยเฉพาะเมื่อขับรถให้นาย
โทษการขับรถขณะดื่มสุรามึนเมาเป็นโทษหนักในเมืองฝรั่ง     ถ้าถูกจับได้ นายปอลอาจถูกยึดใบอนุญาต  และหมดอนาคตกับนายโดดี้แน่นอน     กฎหมายบ้านเมืองเขาไม่ได้เห็นเป็นเรื่องเล็กๆปรับห้าร้อยบาท หรือแค่เตือนว่าท่านอย่าทำอีกนะครับ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 11, 09:38
เรื่องที่ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือลอบสังหาร  เป็นเรื่องแตกประเด็นออกไปได้อีกยาว   เรียกว่า Death of Diana, Princess of Wales conspiracy theories

ก่อนอื่นขออธิบายสำหรับท่านที่ยังไม่เคยได้ยินคำว่า  conspiracy theory  ว่ามันคืออะไร
ภาษาไทย แปลคำนี้ว่าทฤษฎีสมคบคิด    หมายถึงทฤษฎีที่พยายามอธิบายเหตุการณ์สำคัญบางอย่าง ว่าเป็นผลมาจากการวางแผนลับของขบวนการหรือองค์การ     หรือพูดอีกที คือเหตุการณ์สำคัญทางด้านการเมือง สังคม วิทยาศาสตร์ ฯลฯ จริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นกัน  หากแต่ถูกวางแผนสมคบกันโดยองค์การสำคัญ  เพื่อตบตาประชาโลก
ทฤษฎีสมคบคิดมีร้อยแปดพันเรื่อง  เรื่องหนึ่งที่ชาวเรือนไทยอาจเคยได้ยินก็คือเรื่องที่ว่ามนุษย์อวกาศคนแรกไม่ได้ไปเหยียบดวงจันทร์จริง   เป็นการจัดฉากในห้องส่งโดยรัฐบาลสหรัฐหรือไม่ก็องค์การนาซ่า หลอกประชาชน



กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 11, 10:13
เรื่องอุบัติเหตุ  หรือลอบสังหาร ถ้าท่านใดอยากจะถาม  หรืออยากออกความเห็นเพิ่มเติมก็เชิญได้เลยค่ะ   ระหว่างยังไม่มีใครกระแอมกระไอให้เสียงขึ้นมาอีก   ดิฉันจะเล่าเรื่องเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ไปก่อน

หลังจากจดหมายรักของทิโมธี ลอเรนซ์ ถูกสื่อนำมาแฉ เป็นเหตุให้ทั่วโลกรู้ถึงรักเร้นของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์   เจ้าหญิงก็ทรงหย่าขาดจากร้อยเอกมาร์ค ฟิลลิปส์  เมื่อวันที่  23 เมษายน 1992    หลังจากแยกกันอยู่มานานหลายปีเต็มที
เจ็ดเดือนกว่าต่อมา ทรงสมรสใหม่กับทิโมธี ลอเรนซ์ ในวันที่ 12 ธันวาคม, 1992 ที่สกอตแลนด์   ในฐานะแม่ม่าย ไม่อาจทรงเข้าพิธีวิวาห์ในโบสถ์ในลอนดอนได้  ต้องไปทำพิธีในโบสถ์ Crathie Parish Church ที่สกอตแลนด์แทน เพราะที่นั่นยินยอมให้ผู้ที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้วเข้าพิธีวิวาห์ครั้งที่สองในโบสถ์ได้

ทิโมธีไม่ได้บรรดาศักดิ์ขุนนาง    แต่ว่าเขาทำงานแข็งขัน  ไต่ระดับในหน้าที่การงานขึ้นมาด้วยดี ในสิบกว่าปีก็เลื่อนยศจนเป็นพลเรือโท สังกัดกระทรวงกลาโหม    ล่าสุดในเดือนมิถุนายน ปี 2011  นี้เองก็ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นอัศวิน  มีคำว่า Sir  นำหน้าชื่ออย่างเต็มภาคภูมิ

v
ภาพวันวิวาห์กับเจ้าหญิงแอนน์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 11, 10:39
    ประชาชนจำนวนมาก เห็นใจเจ้าหญิง    และคิดว่าหลังจากผิดหวังกับสามีรูปหล่อเจ้าชู้อย่างมาร์ค ฟิลลิปส์  เจ้าฟ้าหญิงแอนน์น่าจะมีชีวิตสมรสใหม่ที่ราบรื่นเสียที    เพราะพระสวามีคนที่สองเป็นผู้ชายแบบตรงข้ามกับคนแรก    
    ทิโมธี ลอเรนซ์เป็นคนเงียบ ๆสุภาพเรียบร้อย   ไม่เจ้าชู้  ไม่เคยมีข่าวพัวพันกับผู้หญิง    และไม่มีข้อขัดแย้งกับลูกเลี้ยงทั้งสอง     ตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนกระทั่งก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ  โดยไม่ต้องอาศัยบารมีของภรรยา
    แต่ก็นั่นแหละ  ผู้ชายดีก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้ชีวิตคู่ไปรอด  ถ้าไม่มีองค์ประกอบดีๆอย่างอื่นมาส่งเสริม

    อินทรเนตรกระซิบบอกมาจากหลายเว็บด้วยกันถึงเรื่องปัญหาชีวิตคู่ที่เริ่มก่อตัวขึ้น หลังน้ำผึ้งเริ่มจะขม        จริงเท็จยังไงกรุณาใช้วิจารณญาณ  หรือว่าไปค้นคว้าหาอ่านเอาเอง
    ข้อหนึ่งคือ ทิโมธีผู้เป็น"เขยเจ้า" เจอปัญหาทำนองเดียวกับ "สะใภ้เจ้า" อย่างเจ้าหญิงไดอาน่า  แต่หนักกว่า
    ความเป็นสามัญชนทำให้เขาไม่เป็นที่ยอมรับของราชสำนัก   พระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ก็ยังเคยชินกับปฏิบัติต่อเขาเหมือนเมื่อครั้งเป็นราชองครักษ์ (หรือถ้าจะเรียกว่านายทหารติดตาม น่าจะเห็นภาพชัดกว่า   คำว่าราชองครักษ์ฟังหรูหราสง่างามเกินไป)  คืออยู่ในระดับเดียวกับมหาดเล็ก    ทิโมธีต้องคอยเปิดประตูหรือรินไวน์ถวายสมเด็จพระราชินีเหมือนเดิม  ตามที่ทรงเคยชิน   ทำให้เขาอึดอัดใจมาก
    


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 11, 10:54
    ข้อที่สองคือ  ทิโมธีไม่ถนัดเรื่องขี่ม้า ผิดกับเจ้าหญิงที่ทรงเชี่ยวชาญระดับโอลิมปิค  ทรงใช้เวลาขลุกอยู่กับม้าเกือบตลอดวัน   นอกจากเขาไม่ถนัดแล้วยังไม่สนใจกีฬาประเภทนี้อีกด้วย   แม้เขาเต็มใจตามเสด็จเวลาเจ้าหญิงต้องไปงานพิธีการต่างๆ   เขาก็ไม่สนุกที่จะไปงานสังคมไฮโซทั้งหลาย  รวมทั้งงานแข่งม้าที่แอสคอท ที่เจ้าหญิงพลาดไม่ได้ในทุกปี 
    ในที่สุดก็กลายเป็นว่า ยิ่งนานปี ตำแหน่งงานสูงขึ้น  ทิโมธีก็ใช้เวลาอยู่ในแฟลตที่ลอนดอนเพื่อจะไปทำงานที่กระทรวงกลาโหม
มากกว่าจะอยู่ที่ตำหนักแกทโคมป์ที่กลอสเตอร์เชอร์กับเจ้าหญิง    เพื่อนฝูงของเขาก็มีกลุ่มหนึ่ง  พระสหายของเจ้าหญิงก็มีอีกกลุ่มหนึ่ง
    เจ้าหญิงไปทาง  พระสวามีก็ไปอีกทาง  ห่างกันออกไปทุกที   แต่ว่าเวลาออกงาน ก็ยังออกด้วยกัน  ทิโมธียังตามเสด็จอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 11, 11:02
   ข้อสามคือพระโอรสธิดาของเจ้าหญิง ทั้งเดวิดและซาร่า เข้ากับพ่อเลี้ยงไม่ได้     ไม่ใช่ว่าทิโมธีใจร้ายหรือทำตัวไม่ดี  แต่เด็กหนุ่มสาวทั้งสองรักพ่อ เทิดทูนพ่อว่าเป็นวีรบุรุษของลูกๆ   อะไรๆพ่อก็เก่งไปหมด     พ่อเลี้ยงอย่างทิโมธีจึงไม่เป็นที่รักและนับถือของลูกเลี้ยง  ทำให้เป็นปัญหาคาราคาซัง กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมายาวนาน    

   ข้อสี่ก็คือ ความรักของเจ้าหญิงแอนน์กับทิโมธีเกิดขึ้นเพราะเขาผ่านเข้ามาในจังหวะทรงอ่อนแอที่สุดพอดี   สามีคนแรกทอดทิ้ง  ผู้ชายคนที่สองมาหลงรักเทิดทูนบูชา ผู้หญิงคนไหนเจอแบบนี้ก็มักใจอ่อนเอาง่ายๆ   แต่เมื่อแต่งไปแล้ว  ก็พบว่านิสัยเข้ากันไม่ได้   ขาเม้าท์ลือว่าเจ้าหญิงเป็นผู้หญิงวางอำนาจและหัวสูง  ส่วนสามีก็เป็นผู้ชายเรียบร้อยไม่มีปากไม่มีเสียง อ่อนกว่าเจ้าหญิงตั้ง 4 ปี   ไม่สามารถทำให้ภรรยาเกรงใจได้    
   เจ้าหญิงก็คงพยายามทนด้วยหวังว่าอะไรจะดีขึ้น  แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นจนแล้วจนรอด  ในที่สุดก็ทรงเบื่อพระสวามี    ก็เลยแยกกันอยู่เช่นเดียวกับคนแรก    แต่ที่ไม่หย่ากันก็เพราะสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธไม่ทรงเห็นด้วย  ทรงอยากให้พระธิดาประคับประคองชีวิตคู่ต่อไป  ดีกว่าจะหย่าอีกเป็นครั้งที่สอง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 11, 11:05
รูปนี้  จากซ้ายเจ้าฟ้าหญิงแอนน์  คนกลาง มาร์ค ฟิลลิปส์ พระสวามีคนแรก  คนขวาคือทิโมธี ลอเรนซ์
เจ้าหญิงแอนน์ยังคงรักษาความเป็นมิตรกับพระสวามีคนแรกไว้    เมื่อพบกันก็ทรงทักทายปราศรัยด้วยดีเหมือนเพื่อนเก่า    ส่วนทิโมธีรู้สึกยังไงเมื่อร่วมวงด้วย    ดูได้จากสีหน้า


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 11, 16:56
ความรักของเจ้าหญิงกับทิโมธี  ถ้าสุนทรภู่มีโอกาสได้เห็น  ท่านก็คงจะออกปากว่า
เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก              แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นรักจางห่างเหินไปเนิ่นนาน                    แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล

แปดปีหลังสมรส  ข่าวลือเรื่องเจ้าหญิงทรงแยกกันอยู่กับทิโมธี ลอเรนซ์ ก่อตัวขึ้นในปี 2001  เสียงซุบซิบเริ่มหนาหูขึ้นทุกที ทั้งๆทั้งสองก็ยังออกงานกันตามปกติ  หลายปีต่อมาข่าวลือก็ยังออกมาเรื่อยๆ ไม่ยักเงียบหาย จนในที่สุด หนังสือพิมพ์ลงอย่างเปิดเผยตั้งแต่ค.ศ. 2007 ว่าพลเรือโททิโมธี ลอเรนซ์ พำนักอยู่ในแฟลทที่ลอนดอน  ส่วนเจ้าหญิงก็อยู่ที่ตำหนักแกทโคมบ์ห่างออกไปในมณฑลกลอสเตอร์เชอร์   
แสดงว่ามาถึงตอนนี้  ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ปิดบังอีกแล้ว   เพียงแต่ไม่ได้แถลงออกมาเป็นทางการเท่านั้น


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 11, 16:58
ในปี 2010 นี้เอง ข่าวใหม่ที่สื่อตาลุกวาวก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง     เมื่อเห็นว่าในพิธีแข่งม้าที่แอสคอท ซึ่งเจ้าหญิงเสด็จไปร่วมงานตามลำพัง    ขณะที่ทิโมธียังคงทำงานอยู่ในออฟฟิศที่ไวท์ฮอลล์ ลอนดอน     แอนดรูว์ ปาร์คเกอร์-โบว์ลส์  พ่อม่ายหมาดๆเพราะโรสแมรี่ ภรรยาเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 5 เดือนก่อน  ก็ไปงานนี้ และได้เข้าเฝ้าเจ้าหญิงด้วย   
แอนดรูว์เป็นถ่านไฟเก่าของเจ้าหญิงแอนน์  ใครๆก็จำได้   สายตาคนทั้งงานและสื่อจึงจับตามองกันเป๋ง ขณะเจ้าหญิงดำเนินทอดน่องเคียงข้างไปกับเขา   ทรงยิ้มย่องผ่องใสอย่างไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก   แอนดรูว์เองก็มีท่าทียิ้มแย้ม สบายๆ  ไม่ขัดเขิน     
เขาเป็นคนที่รู้จักวางตัวได้ดี ไม่มากไม่น้อยเกินไปกับเจ้านายและพระสหาย  สมกับเป็นคนมีเชื้อมีสาย   คุ้นเคยกับเจ้าใหญ่นายโตมาแต่เล็ก      ผิดกับทิโมธีซึ่งมักจะเกร็งอย่างเห็นชัดเวลาอยู่ท่ามกลางสายตาคนอื่น


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 11, 17:02
จากวันแข่งม้าที่แอสคอท    หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าบัดนี้ แอนดรูว์กลายเป็นแขกประจำของตำหนักแกทโคมบ์     ในปี 2011    พระโอรสธิดาของเจ้าหญิงต่างก็สมรส แยกครอบครัวไปหมดแล้ว  เช่นเดียวกับแอนดรูว์ซึ่งมีหลานปู่หลานตาแล้ว  เขาก็อยู่ตามลำพัง ไม่มีครอบครัวเป็นภาระ   
ก็ยังไม่มีใครเดาได้ว่า เหตุการณ์ภายหน้าจะเป็นอย่างไร      แต่ก็มีคนคาดคะเนไว้ล่วงหน้าว่า มันคงอลเวงกันไม่ใช่น้อย  ถ้าหากว่าเจ้าหญิงทรงหย่าขาดจากเซอร์ทิโมธี ลอเรนซ์  แล้วมาเสกสมรสเป็นครั้งที่สามกับถ่านไฟเก่า  เพราะถ่านไฟเก่านั้น ก็คือสามีเก่าของคามิลล่า ผู้กลายมาเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าหญิงเต็มตัว
สื่อเรียกความสัมพันธ์สี่คนอลเวงนี้ว่า Royal Merry-Go-Round

ถ้านับความเกี่ยวดอง  ก็คือ แอนดรูว์จะเป็นสามีเก่าของภรรยาของพี่ชายของภรรยาเขาเอง  และเจ้าหญิงจะเป็นภรรยาของสามีเก่าของพี่สะใภ้ของพระองค์   ส่วนเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ก็เป็นสามีใหม่ของภรรยาของน้องเขย...

จบกระทู้ไว้แค่นี้ดีกว่า   เขียนอีกเดี๋ยวลำดับผิดเสียเปล่าๆ แค่นี้ก็มึนหัวพอแล้วค่ะ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 07 ธ.ค. 11, 19:54
อ้าว ไหงปิด course ดื้อๆ ซะแล้วหละครับ  นักเรียนกำลังมันส์เลย
ยังอยากรู้เรื่องคาวๆ อื่นๆ ของราชวงศ์อีกครับ เช่นเฟอร์กี้ หรือรุ่นหลานที่เป็นเจ้าหญิงที่พฤติกรรมไม่ดีอื่นๆ อีก

แล้วเรื่องเจ้าชายแฮรี่  มีข่าวลือกันบ้างไหมครับว่าไม่ใช่ลูกของเจ้าฟ้าชาย  เพราะหน้าตาไม่เหมือนพ่อไม่เหมือนพี่ ผมก็แดง
แถมตอนนี้ทั้งพ่อทั้งพี่ชาย หัวล้านกันหมดแล้ว ตัวน้องชายผมยังเต็ม ผมก็สงสัยว่าเป็นลูกแท้ๆ หรือเปล่า


จริงๆ แล้วจากที่ถามๆ คนอังกฤษรอบข้าง(ตอนนี้อยู่ในอังกฤษครับ) ไม่มีใครเป็น royalist หรือรักราชวงศ์เลย
บางคนออกแนวไม่ชอบและแอนตี้สถาบันด้วยซ้ำ  ดูข่าวตอนช่วงพิธีแต่งงานเมื่อเดือนเมษาที่แล้ว  คนอังกฤษที่ชอบราชวงศ์มีราว 47% เองมั๊งครับ จำตัวเลขแน่นอนไม่ได้
คนทางใต้จะมีสัดส่วนที่ชอบราชวงศ์มากกว่าทางเหนือ ผมอยู่ทางเหนือซะด้วย


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 07 ธ.ค. 11, 21:28
อย่าเพิ่งจบกระทู้เลยค่ะ..กำลังสนุกเชียว.. ;D
ตามอ่านมาตลอดค่ะ ที่ไม่กระแอมกระไอ...
เพราะอาจารย์เล่าได้เพอร์เฟคทั้งเรื่องและภาพประกอบค่ะ
อ่านเพลิน ชวนติดตามมากค่ะ ... เล่าต่อนะคะ...นะคะ..


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 10:25
อ้าว ปิดคอร์สแล้ว นักเรียนไม่ยอมให้ปิด  :-\
งั้นจะให้เล่าต่อเรื่องอะไรล่ะคะ

ก่อนอื่น ตอบคำถามคุณประกอบก่อน
- เรื่องของเฟอร์กี้ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกแย่กับผู้หญิงคนนี้มาก    จะให้เล่าก็ต้องดูก่อนว่าคนอ่านจะได้แง่คิดอะไรบ้าง
อย่างเรื่องเจ้าฟ้าหญิงแอนน์และเจ้าหญิงไดอาน่า อ่านแล้วก็ยังมีคนเห็นใจเธอ ในความดีด้านสาธารณกุศลที่เธอทำ   แต่เฟอร์กี้นี่ไม่น่าจะเป็นกรณีเดียวกันเลย
- เรื่องเจ้าชายแฮร์รี่ตกเป็นข่าวเม้าท์ว่าเป็นลูกเกิดจากเจมส์ เฮวิตต์  ขาเม้าท์พูดกันมานานแล้วค่ะ    
ความเป็นจริงคือเฮวิตต์และเจ้าหญิงไดอาน่าพูดตรงกันว่า มีความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่ปี 1987 จนถึง 1992    ส่วนเจ้าชายแฮร์รี่ประสูติตั้งแต่ปี 1984  
ที่ว่าหัวไม่ล้านเหมือนพ่อกับพี่ชาย   ก็ทรงเป็นหนุ่มอายุ 26 เท่านั้นเองนะคะ    รออีกสักสิบปีแล้วค่อยมาดูกันใหม่
เจ้าชายแฮร์รี่มีพระเกศาสีแดง    ทำให้เป็นอีกข้อที่โยงเข้ากับสีผมของเ ฮวิตต์    แต่คนอาจลืมไปว่าเอิร์ลแห่งสเปนเซอร์น้องชายเจ้าหญิงก็ผมแดงแบบเดียวกัน   ข้อนี้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์สังเกตเห็นตั้งแต่เข้ามาเยี่ยมพระโอรสประสูติใหม่   ทรงบ่นว่า ผมแดงเหมือนสเปนเซอร์เลย  


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 10:27
จากซ้าย เจมส์ เฮวิตต์   เจ้าชายแฮร์รี่ และเอิร์ลแห่งสเปนเซอร์  น้าชายของเจ้าชาย
เจ้าชายเหมือนใครมากกว่ากัน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 10:31
อีกอย่างหนึ่ง ราชองครักษ์ยืนยันว่าเจ้าชายแฮร์รี่เป็นพระโอรสของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แน่นอน    ดูได้จากมือ
พวกราชวงศ์วินด์เซอร์ มีนิ้วแบบเดียวกันหมด คือนิ้วอ้วนป้อม


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 11:17
กลับไปดูใน notepad ที่ร่างเรื่องนี้ไว้   พบรักเร้นอีกเรื่องของมาร์ค ฟิลลิปส์ พระสวามีคนแรกของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ที่ยังไม่ได้นำมาลง  เลยขอลงไว้ตรงนี้

ตอนที่ยังไม่ได้หย่าขาดตามกฎหมายกับเจ้าฟ้าหญิงแอนน์  ในปี 1983   มาร์คพบครูสาวสอนวิชาศิลปะชื่อเฮเธอร์ ทอนคิน  ซึ่งเข้ามาฝึกขี่ม้าในโรงเรียนสอนขี่ม้าของเขาในนิวซีแลนด์   ปีต่อมาทั้งคู่เจอกันอีก   แล้วก็มีนัดกันก่อนจบลงในโรงแรมที่มาร์คพักอยู่
เดือนต่อมา เฮเธอร์พบว่าเธอตั้งครรภ์   ตอนนั้นมาร์คกลับไปอังกฤษแล้ว  เธอโทรทางไกลไปหาเขาที่ตำหนักแกทโคมบ์ เพื่อบอกข่าวนี้    เขาบอกให้เธอไปทำแท้ง  แต่เธอตัดสินใจเก็บเด็กเอาไว้


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 11:17
เดือนสิงหาคม ปี 1985  เธอคลอดลูกสาวออกมาคนหนึ่ง ชื่อเฟลิซิตี้ ทอนคิน   แม้ว่าแจ้งให้มาร์ครู้   เขาก็ไม่เชื่อและไม่ยอมรับว่าเป็นลูก  จนมีการพิสูจน์ DNA กันในปี 1992  ปีที่เขาหย่าจากเจ้าฟ้าหญิงแอนน์พอดี
ผลแสดงว่าหนูน้อยเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา  มาร์คก็เลยจ่ายค่าเลี้ยงดูให้  แต่ไม่ได้แต่งงานกับแม่ของเด็ก  เช็คที่เขาจ่ายให้เฮเธอร์เป็นเวลา 5 ปี ระบุว่า "ค่าที่ปรึกษาโรงเรียนฝึกม้า"  เฮเธอร์เอาเงินจำนวนนี้ส่งลูกสาวเข้าเรียนที่โรงเรียนสตรี Diocesan School for Girls ในเมืองเอบซอม  โอ๊คแลนด์
จนทุกวันนี้เฟลิซิตี้ก็ยังอยู่เงียบๆในนิวซีแลนด์  ไม่มีโอกาสพบพี่ชายพี่สาวต่างแม่ และไม่ได้รับการยอมรับเข้าตระกูลฝ่ายพ่อ    เป็นข่าวอยู่ประปรายบางครั้ง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 11:21
รูปซ้าย เฟลิซิตี้กับแม่ ตอนยังเยาว์  รูปขวา - หนูเป็นสาวแล้ว


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 12:43
ถ้าถามว่ามาร์ค ฟิลลิปส์ อยู่ที่ไหนทำอะไร    คำตอบคือเขาแต่งงานใหม่เมื่อค.ศ. 1997  กับลูกสาวมหาเศรษฐีชาวอเมริกันชื่อแซนดี้ ฟลูเกอร์ เป็นนักกีฬาขี่ม้าที่เก่งกาจเหมือนสามี


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 12:46
มาร์คกับแซนดี้มีลูกสาวคนหนึ่งชื่อสเตฟานี   ปัจจุบันพ่อแม่ลูกอยู่ในอังกฤษ


v
คนขวาคือซาร่า ลูกสาวของมาร์คกับเจ้าหญิงแอนน์   ส่วนคนซ้ายคือสเตฟานี น้องต่างมารดา




กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 14:04
จริงๆ แล้วจากที่ถามๆ คนอังกฤษรอบข้าง(ตอนนี้อยู่ในอังกฤษครับ) ไม่มีใครเป็น royalist หรือรักราชวงศ์เลย
บางคนออกแนวไม่ชอบและแอนตี้สถาบันด้วยซ้ำ  ดูข่าวตอนช่วงพิธีแต่งงานเมื่อเดือนเมษาที่แล้ว  คนอังกฤษที่ชอบราชวงศ์มีราว 47% เองมั๊งครับ จำตัวเลขแน่นอนไม่ได้
คนทางใต้จะมีสัดส่วนที่ชอบราชวงศ์มากกว่าทางเหนือ ผมอยู่ทางเหนือซะด้วย
การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า  ส่งผลลบต่อคะแนนนิยมของประชาชนที่มีต่อพระราชวงศ์อยู่มาก  แต่จากการสำรวจ คนอังกฤษส่วนใหญ่ก็ยังอยากให้มีสถาบันกษัตริย์ต่อไป   ไม่ได้อยากเป็นสาธารณรัฐ   

อังกฤษเขาทำโพลเรื่องพระราชวงศ์อยู่สม่ำเสมอ    ตอนเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เสกสมรสกับคามิลล่า ก็ทำโพลสำรวจคะแนนนิยมในตัวพระชายาคนที่สอง  ปรากฏว่าคามิลล่าได้ 25%  แปลว่าประชาชนคนอังกฤษ 1 ใน 4 คนเชียร์เธอ  อีก 3 คนไม่จำเป็นต้องบอกว่าคิดอะไร   
แต่ในปี 2011  เมื่อสำรวจอีก  พบว่าคะแนนนิยมในตัวคามิลล่าตกกราวรูดลงมา ได้แค่ 14 %  คือใน 7 คน มี 1 คนเท่านั้นที่ยกมือให้  แสดงว่าหลายปีที่คามิลล่ากลายมาเป็นเจ้านายอีกคนหนึ่ง   เธอไม่สามารถชนะใจประชาชนได้อย่างที่เจ้าหญิงไดอาน่าเคยทำ ...
  ชนะใจได้แต่เจ้าชายชาร์ลส์องค์เดียว


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ธ.ค. 11, 14:38
                 ระหว่างที่รออาจารย์ ขอคั่นรายการด้วยเรื่อง งานพระศพเจ้าหญิงไดอาน่า ครับ

               คัดจากบทความที่ "ลุงเมฆ" (ไมเคิล ไรท) เขียนถึง ปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงรุนแรง
ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอังกฤษที่ได้เห็นจากงานพระศพนี้

               ชาวเรือนไทยที่เคยชมหนังเรื่อง The Queen ที่เล่าเรื่องควีนในช่วงงานศพนี้คงจะติดตาม
เหตุการณ์ในช่วงนี้ได้อย่างออกรสเป็นพิเศษ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ธ.ค. 11, 14:44
          มรณานุสติเนื่องในงานพระศพ เจ้าหญิงไดอาน่า

...............

                    ท่านผู้อ่านควรทราบว่า ตามประเพณีฝรั่ง -

          ๑. นางไดอาน่าไม่มีสิทธิ์รับธงราชวงศ์คลุมโลง
          ๒. ไม่เคยมีการวางดอกไม้หน้าวังมาก่อน
          ๓. ชาวอังกฤษไม่เคยร้องไห้อย่างเปิดเผยเป็นจำนวนมากรวมกันโดยไม่ถือชนชั้น ไม่ถือสีผิว
          ๔. ไม่เคยมีคนตบมือกันในมหาวิหาร
          ๕. ไม่เคยมีใครตบมือให้ขบวนแห่ศพ
          ๖. ไม่เคยมีใครโยนดอกไม้ใส่รถแห่ศพ

                งานศพครั้งนี้จัดลำบากมาก เพราะฐานะของไดอาน่าไม่แน่ชัด ท่านเป็นเจ้าหญิงและเป็น
พระมารดาของอนาคตกษัตริย์  แต่ท่านหย่าร้างกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และถูกถอดยศ Royal Highness
เสียแล้ว ท่านไม่เป็นสามัญชน แต่ท่านก็ไม่เป็นสมาชิกพระราชวงศ์
                ดังนั้น โบราณราชประเพณี (Ropyal Protocol) ไม่มีกฎเกณฑ์ที่จะจัดงานพระศพ(หรือศพ)
อย่างไร นอกจากนั้นยังมีความบาดหมางระหว่างพระราชวงศ์กับพระองค์ ในขณะที่เธอเป็นที่นิยมชมชอบ
ในหมู่ประชาชนอย่างมาก
              
                ในที่สุดสำนักพระราชวังจำเป็นต้องประกาศว่าจะจัด งานศพที่ไม่เหมือนงานอื่นสำหรับ
คนที่ไม่เหมือนใคร (a unique funeral for a unique person)

            งานนี้เริ่ม "ไม่เหมือน" เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์บินไปรับศพที่ปารีสโดยนำธงโบราณ
ประจำราชวงศ์ไปคลุมโลงศพทำให้คนอังกฤษส่วนใหญ่รู้สึกทั้งงงและตื้นตันใจ

              งานนี้ยิ่งแปลกเมื่อประชาชนเริ่มหลั่งไหลมาวาง "ทะเลดอกไม้" หน้าวัง ทุกรุ่นอายุ,ทุกสีผิว,
ทุกชนชั้นปะปนไม่ถือตัว เรียกได้ว่าไม่เป็นอังกฤษกันเสียแล้ว มันเหลือเชื่อจริงๆ เพราะสังคมอังกฤษ
โดยปกติแยกกันอยู่ มีแต่สงครามเท่านั้นที่จะทำให้ประชาชนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ธ.ค. 11, 14:48
           ในวันเสาร์ที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ในงานที่มหาวิหาร Westminster เกิดเหตุการณ์
ที่ประหลาดที่สุด เมื่อประชาชนไฮแจ๊กงาน Unique Funeral แล้วยึดมาเป็น People's Funeral
             หลายคนต่างหลั่งน้ำตาอย่างไม่ละอายต่อกัน แล้วเมื่อเอิร์ล สเปนเซอร์ น้องชายไดอาน่า
กล่าวคำปรารภที่แสนขมขื่นและรุนแรง ประชาชนทั้งในและนอกวิหารต่างตบมือกันเป็นเวลานาน

                รถเคลื่อนออกจากวิหารแล้ว เกิดมีการตบมือเป็นคลื่นตลอดระยะทางตามถนนหนทาง และ
มีการโยนดอกไม้ใส่รถศพจนดูเป็นงานวิวาห์ หรืองานแห่แม่พระในยุโรปตอนใต้

               เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏในวัฒนธรรมหรือประวัติศาสตร์อังกฤษมาก่อน
               งานศพของเจ้าหญิงไดอาน่าเป็นงานศพของวัฒนธรรมเก่าและการเกิดของวัฒนธรรมใหม่


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ธ.ค. 11, 14:51
             วัฒนธรรมเก่าของอังกฤษเสียชีวิตนานมาแล้วหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่ไม่มีใคร
ทำศพให้ หรือว่าอีกนัยไม่มีใครเผชิญหน้ากับปัญหา

           เมื่ออังกฤษเสียเมืองขึ้นที่สำคัญ ก็ได้กลายจากจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดเป็นเกาะเล็กๆ โดดเดี่ยว
ไร้ทรัพยากร ไร้อำนาจที่แท้จริง แต่ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับปัญหานี้ ดังนั้นวัฒนธรรมอังกฤษจะเปลี่ยนแปลง
วิวัฒนาหรือ "เกิดใหม่" ไม่ได้ ฐานะของอังกฤษเปลี่ยนไปมาก คือยากจนลงและมีความขัดแย้งมากขึ้น
แต่วัฒนธรรมอังกฤษยังจอดอยู่ในรูปจักรวรรดิเดิม

           ลักษณะดังกล่าวจะเห็นได้ชัดที่สุดในพฤติกรรมของราชวงศ์ที่วางตนห่างประชาชนและเหนือมนุษย์
ที่มีน้ำรักและน้ำตา พระนางเจ้าอลิซเบธที่ ๒ ทรงเป็นพระราชาธิบดีที่หาที่ผิดไม่ได้ แต่ท่านเหมาะสำหรับ
สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ มากกว่าปัจจุบัน
           ในทางตรงกันข้าม เจ้าหญิงไดอาน่า เป็นระเบิดสมัยใหม่สำหรับราชวงศ์อังกฤษที่
"กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก"
           ในชีวิต เจ้าหญิงไดอาน่าไม่มีอำนาจ ไม่สามารถดัดแปลงวัฒนธรรมอังกฤษหรือพฤติกรรมราชวงศ์
จึงถูกขับไล่และถอดยศจนกลายเป็น "เจ้าหญิงที่อยู่นอกพระบรมวงศ์"

           ทันใดที่หนังสือพิมพ์พาดหัวว่า Princess Diana is Dead โลกทรรศน์ของชาวอังกฤษ
เกิดกลับตาลปัตร   และ
             พระนางเจ้าคงตรัสว่า What can we do? What can we say?
พระราชวังเงียบไปหลายวัน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ธ.ค. 11, 14:56
             เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แก้สถานการณ์ได้ชั่วคราวโดยเร่งรีบไปรับศพ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ธุระของท่าน
เพราะท่านหย่าร้างกันแล้ว แล้วนำธงราชวงศ์มาคลุมโลงอย่างสง่างาม
             ขณะที่พระนางเจ้าอลิซเบธที่ ๒ แม่ผัวที่ใหญ่ที่สุดของแม่ผัวทั้งหลายในโลกเก็บตัวในวัง
ไม่เอ่ยคำอาลัยแม้แต่คำเดียว ก็น่าเห็นใจ ยากที่เจ้าของวัฒนธรรมเก่าจะแสดงความทุกข์นักหนา
กับความตายของลูกสะใภ้ที่นำสไตล์สมัยใหม่มาท้าทาย

              งานพระศพเจ้าหญิงไดอาน่า มิได้เป็นเพียงงานพระศพของเจ้าหญิงองค์หนึ่งที่ก่อ
ความรำคาญแก่ราชวงศ์ แต่เป็นงานศพของจักรวรรดินิยมและวัฒนธรรมเก่าของอังกฤษทั้งหมด

                 การสูญเสียครั้งนี้เป็นตัวจี้ ตัวเร่ง ตัวกระตุ้น ทำให้ประชาชนชาวอังกฤษเปลี่ยนนิสัย
ปรับปรุงวัฒนธรรมให้ทันสมัยภายในไม่กี่วัน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ธ.ค. 11, 14:58
            ชาติ "ผู้ดี" ที่ไม่รู้จักแสดงอารมณ์ได้ฝึกร้องไห้ต่อหน้าศพคนอื่นโดยไม่อาย
ได้ฝึกตบมือในกรณีที่ไม่สมควรตบ ได้ฝึกโยนดอกไม้ในงานศพ
            ที่สำคัญที่สุดคือ "ผู้ดี" อังกฤษได้ลืมชนชั้นวรรณะโดยสิ้นเชิง(จะชั่วคราวหรือตลอด
ผมยังไม่กล้าตัดสิน)

           ผมกล้าเสนอว่า ชาวอังกฤษได้เผชิญหน้ากับปัญหาที่ทรมานใจอย่างยิ่ง แล้วตื่น
เปลี่ยนแปลง และเกิดใหม่ วัฒนธรรมอังกฤษได้เกิดใหม่เช่นกัน และไม่มีวันจะเหมือนเดิม
             ชาวอังกฤษจะเสีย "เหล็กในหัวใจ" ที่เป็นลักษณะจักรวรรดินิยม(ก็เสียไปนานแล้ว)
แต่ได้ความเป็นมนุษย์กลับคืนมาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัจจุบันและอนาคต

จากหนังสือ(รวมบทความ) ฝรั่งหายคลั่ง(หรือยัง?) ไมเคิล ไรท


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 16:51
คุณ SILA เข้ามาร่วมวงอีกท่านหนึ่งแล้ว หลังจากซุ่มเงียบอยู่นาน     กระทู้นี้เห็นทีจะไปได้ยาว  ;D
กรุณาช่วยกันคนละไม้ละมือ  อย่างนี้ดีแล้วค่ะ   ดิฉันคุยอยู่คนเดียวจะหมดแรงเร็ว

ตอนนี้ หาหัวข้อยืดอายุกระทู้มาได้อีกเรื่อง

ปัญหาอีกข้อหนึ่งที่ยังไม่มีใครออกมาแถลงให้กระจ่าง คือ   วันหนึ่งในภายหน้าเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ เสด็จสู่สวรรคาลัยไปตามอายุขัย  ใครจะขึ้นครองราชย์ต่อไป
คำถามนี้ฟังเผินๆ ไม่มีอะไรยุ่งยาก  ในเมื่อทุกคนก็รู้ว่าตามกฎมนเทียรบาล   เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ดำรงตำแหน่งรัชทายาท ที่เรียกกันว่าเจ้าชายแห่งเวลส์  ก็ต้องขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ถัดไปอยู่แล้ว     แต่ชาวอังกฤษจำนวนมาก รวมทั้งสื่อด้วย ก็ช่วยกันนับอายุอย่างไม่เกรงอกเกรงใจเลยว่า ขณะนี้สมเด็จพระราชินีมีพระชนม์ 85 พรรษาแล้ว (ประสูติค.ศ. 1926  หรือ พ.ศ. 2469)  ส่วนเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์พระชันษา 63 ปี (ประสูติ ค.ศ. 1948 หรือ พ.ศ. 2491) 
ถ้าหากว่าสมเด็จพระราชินีมีพระชนม์ยืนยาวถึง 101 ปีเหมือน "ควีนมัม"สมเด็จแม่ของพระองค์    คืออีก 16 ปีข้างหน้า   ตอนนั้นเจ้าชายชาร์ลส์ก็พระชันษา 79 เข้าไปเกือบ 80 แล้ว    ทรงพระชราเกินกว่าจะรับพระราชกรณียกิจหนักๆของพระเจ้าแผ่นดิน   

ถึงตอนนี้ก็เถอะ  พระชันษา 63 ก็เป็นอย่างนี้   อีกสัก 5-6 ปี ก็จะชรายิ่งกว่านี่อีก  ไม่ต้องถึง 16 ปีหรอก


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 16:58
ต่อให้ยังไม่ชราขนาดนี้     คะแนนนิยมของเจ้าชายก็หล่นวูบตั้งแต่มีข่าวอื้อฉาวเรื่องคามิลล่า     ยิ่งเจ้าหญิงไดอาน่าเป็นที่รักของประชาชนมากเท่าใด  เจ้าชายก็คะแนนตกมากเท่านั้น      คามิลล่ากลายเป็นผู้หญิงที่ถูกเกลียดชังมากที่สุดในประเทศ

การตัดสินพระทัยเสกสมรสกับคามิลล่า   เพื่อทำให้เรื่องลับๆกลายเป็นเรื่องถูกต้องตามกฎหมาย   พร้อมกับพิสูจน์รักแท้ของคนทั้งสอง ไม่ได้ช่วยให้คะแนนดีขึ้น เพราะคามิลล่าไม่อาจชนะใจสื่อหรือประชาชนได้จนแล้วจนรอด   เจ้าชายก็เลยเหมือนถูกฉุดให้ดิ่งลงเหวไปด้วย
ถ้าเป็นที่รักของประชาชน  รูปพวกนี้คงไม่หลุดออกมาตามหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: rin51 ที่ 08 ธ.ค. 11, 17:22
ติดภาระกิจ...ขาดหายไปหลายวัน กลับมาลงชื่อ ครับ
ผมต้องไล่อ่านย้อนหลังมาจนถึงหน้านี้   มีตัวละคร มากมายที่เข้ามาสร้างเรื่องราว ในราชวงศ์อังกฤษ
ได้อ่านแล้วมีแทบทุกอารมณ์ทั้งหัวเราะ ระคน เศร้า....
ยังไม่อยากให้ถึงตอนจบเลยครับ...อาจารย์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 17:24
นอกจากประวัติอื้อฉาวผิดศีลธรรมในสายตาประชาชน ที่คามิลล่าแก้ตัวไม่ขึ้น    อีกเรื่องที่เธอถูกสื่อและประชาชนวิจารณ์อย่างไม่ชอบใจมากที่สุดคือบุคลิกภาพและการแต่งกาย     เพราะคนที่อยู่ในสายตาของสาธารณชนเป็นประจำ   จำเป็นต้องสร้างบุคลิกให้ดูดี   นอกจากเดินเหินยืนนั่งสง่างาม   ทรงผมเสื้อผ้าก็ต้องเหมาะเจาะกับกาลเทศะ รูปร่างและวัย  
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่สร้างเครดิตให้ตัวเองเท่านั้น แต่เป็นการให้เกียรติสายตาประชาชนที่จับจ้อง  ว่าพวกเขาต้องไม่ระคายตาเมื่อมองเห็น

ที่จริง  คนดังๆมีดีไซเนอร์หรือทีมงานคอยให้คำปรึกษาเรื่องพวกนี้ทั้งนั้น     คามิลล่าก็คงจะมี  แต่เป็นยังไงก็ไม่ทราบ ถึงออกมาให้ถูกสับเละอยู่เป็นประจำ  ตั้งแต่เสื้อผ้า ทรงผม บุคลิก   ว่าเฉิ่ม เชย  ไม่มีรสนิยม  
ดูตัวอย่างล่าสุด คือหมวกของคามิลล่า ในชุดที่สวมไปร่วมงานสมรสหรูหราของซาร่า ฟิลลิปส์ ธิดาของมาร์ค ฟิลลิปส์กับเจ้าฟ้าหญิงแอนน์   มีกอ-ดอกไม้รกๆกระจายอยู่บนหัว ทำเอาประชาชนกลืนน้ำลายเอื๊อกไปตามๆกัน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 17:42
เสื้อผ้าของคามิลล่าเมื่อตามเสด็จเจ้าชายชาร์ลส์เยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ แต่เสื้อผ้าหลวมตามสบายเกินไป
ชุดนี้เป็นผ้าบาง   เวลาก้าวเดิน จะแนบเนื้อมองเห็นทรวดทรงจนไม่น่าดู   
นอกจากนี้ผมเธอยังแห้งเป็นกระเซิงอีกด้วย


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 17:44
ใครหนอแต่งตัวให้คามิลล่าให้ออกมาแบบนี้   เมื่อเทียบกับเจ้าหญิงไดอาน่า  จะเห็นความเรียบร้อยถูกกาลเทศะที่ผิดกันมาก


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 08 ธ.ค. 11, 18:09
ใครหนอแต่งตัวให้คามิลล่าให้ออกมาแบบนี้   เมื่อเทียบกับเจ้าหญิงไดอาน่า  จะเห็นความเรียบร้อยถูกกาลเทศะที่ผิดกันมาก

เดาเอาว่าเธอคงออกแบบเอง..............ให้ช่างทำตามสั่ง
เพราะเชื่อว่าอาร์ติสต์ใดออกแบบให้เธอดูเหมือนสาวรุ่นเช่นนี้-ย่อมหากินในวงการไม่ได้แน่

คามิลล่าน่าเป็นสตรีที่น่าสงสารและน่าเห็นใจที่สุดในศตวรรษก็ว่าได้ เพราะเธอคงต้องจมในกองทุกข์-ทุกข์ที่ถูกหลอนด้วยความงามความน่ารักและการครองใจคนครึ่งค่อนโลกของเลดี้ไดฯ
เธอช่างน่าเห็นอกเห็นใจมากจริงๆ แม้กระทั่งในวันนี้ เชื่อว่าจริยาวัตรอันงดงามของเลดี้ไดฯก็คงยังหลอนเธออยู่


และทุกข์นั้นนั่นเองกดดันเธอให้ต้องทำตัวเป็นประดุจดังโคลนนิ่งเจ้าหญิงแห่งเวลส์-แต่ไม่สำเร็จ


 :(


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 20:32
ในเมื่อเจ้าชายชาร์ลส์และคามิลล่ากู้เรือไม่ขึ้น   ยิ่งนานวันยิ่งจะอับปางไปตามวัย     สายตาของสื่อและประชาชนจำนวนมาก จึงพุ่งมาจับที่เจ้านายคู่ใหม่ในวัยหนุ่มสาว   มีภาพลักษณ์สวยงามน่าชื่นชม  ไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อย   คือเจ้าชายวิลเลียมและแคทเธอรีน  ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์

คนอังกฤษหวังว่า ทั้งสองจะเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของยุค   พาอังกฤษออกพ้นวังวนของความยุ่งเหยิงในอดีต   ทำให้ประเทศมีประมุขที่เหมาะสมเชิดหน้าชูตา เหมือนครั้งสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธและเจ้าชายฟิลิปทรงเป็นตัวอย่างที่ดีมาแล้ว  เมื่อครั้งครองราชย์ใหม่ๆในค.ศ. 1952


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 20:55
เรื่องมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น   เพราะทางเดียวที่จะเป็นไปได้ คือเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะต้องสละสิทธิ์ในราชบัลลังก์เสียก่อน เพื่อให้สิทธิ์นี้ผ่านลงไปถึงพระโอรส     แต่จนบัดนี้ก็ไม่มีท่าทีว่าเจ้าชายจะมีพระดำริในเรื่องนี้      แสดงว่ายังไงเสียพระองค์ก็เตรียมขึ้นครองราชย์ตามกฎการสืบราชบัลลังก์อยู่ดี
มันก็เลยนำมาสู่ปัญหาปวดหัวอีกข้อ คือ คามิลล่าจะอยู่ในฐานะอะไร   พระราชินีงั้นหรือ?

เรื่องนี้ รัฐบาลและราชสำนักเตรียมหาคำตอบเอาไว้แล้วว่า  ในเมื่อเป็นสตรีที่หย่าร้างมาแล้ว   คามิลล่าไม่มีสิทธิ์นั่งบนราชบัลลังก์อังกฤษในฐานะพระราชินี      หล่อนเป็นได้แต่เพียง ปรินเซสคอนสอร์ท    คือหมายถึงคู่สมรสของพระเจ้าแผ่นดิน หากแต่ไม่ใช่ควีน  


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 20:59
คำนี้ไม่รู้ว่ารอยอินให้คำจำกัดความว่าอะไร  แต่ถ้าแปลตรงตัวก็คือเจ้าหญิงพระชายา     ทำนองเดียวกับสมัยวิคตอเรียนเมื่อปลายศตวรรษที่ 19    สมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรียทรงมีเจ้าชายอัลเบิร์ตพระสวามีเป็นปรินซ์คอนสอร์ท     คือแม้ภรรยาเป็นพระราชินี  แต่สามีไม่ได้เป็นพระราชา

ดังนั้นในอนาคต  อังกฤษก็จะมีพระเจ้าชาร์ลส์ (หรือแล้วแต่ว่าเจ้าชายจะทรงเลือกพระนามอะไรอื่นเมื่อขึ้นครองราชย์  ไม่จำเป็นต้องเป็นพระนามชาร์ลส์ก็ได้)  กับเจ้าหญิงพระชายา ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์   แต่ไม่ใช่พระราชินีคามิลล่า  

ปีก่อน  เรื่องนี้ก็ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษออกมาพูดทำนองสนับสนุนคามิลล่า  ให้เป็นพระราชินี  โดยบอกว่า " ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคามิลล่า"  เรื่องนี้ก็รู้กันว่าเป็นความประสงค์ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์มานานแล้ว    
ทั้งๆโพลของอังกฤษสองโพล เพิ่งประกาศผลตรงกันว่าอยากให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์สละสิทธิ์เพื่อให้เจ้าชายวิลเลียมขึ้นครองราชย์แทน

เรื่องนี้ต้องคอยดูกันยาว
v
พระราชินีในอนาคต(ทั้งคู่?)


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 21:17
เคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ เป็นผู้หญิงแต่งตัวเรียบร้อย  ไม่มากไม่น้อยเกินไป


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 21:24
บางครั้งเคทก็แต่งตัวในสไตล์ของเจ้าหญิงไดอาน่า


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 21:28
คามิลล่าก็แต่งตัวในสไตล์เจ้าหญิงไดอาน่าเหมือนกัน
แต่...ไม่เหมือน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 08 ธ.ค. 11, 21:45
จากความเห็นส่วนตัวหลังจากตามอ่านข่าวจากสื่อต่างๆ  ดูเหมือนข่าวของเจ้าหญิงเคท จะมีน้อยกว่าข่าวของน้องสาวเสียอีก

เคทจะค่อนข้างเก็บตัวกว่าเจ้าหญิงไดอาน่า แล้วก็ดูติดดินกว่า  การออกงานสังคมต่างๆ ก็ดูจะน้อยกว่าไปด้วย
ทำให้แม้จะเป็นที่นิยม อาจจะไม่ได้รับความรักจากมวลชนเท่าเจ้าหญิงไดอาน่า ที่เป็นจุดศูนย์กลางความสนใจเสมอ แต่ในอนาคตข้างหน้าคงต้องรอดูอีกยาว

แต่นี่อาจจะทำให้ชีวิตสมรสยืนยาวหรือมีความสุขกว่าก็ได้   ไม่ทำตัวเด่น ไม่ขอเป็นจุดสนใจ ใช้ชีวิตให้ธรรมดาที่สุด


เจ้าหญิงไดอาน่านี่น่าสงสาร เคยอ่านจากไหนจำไม่ได้แล้วว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ถูกเลือกมาแต่งงานกับเจ้าฟ้าชาย เพราะไดอาน่าไม่ใช่คนฉลาดนัก แต่มีพื้นเพดี
ทำให้น่าจะควบคุมง่าย แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม
ไดอาน่ามีเสน่ห์ต่อคนอื่น แต่ไม่มีต่อสวามี ส่วนคามิลล่ามีเสน่ห์ต่อสวามี แต่ไม่มีต่อคนอื่น


เคยอ่านอีกเช่นกันว่าในราชวงศ์อังกฤษ ยังมีพิธีรีตรองอยู่มาก  ขนาดลูกๆ ตอนเด็กๆ จะไปหาพระมารดาที่เป็นพระราชินี ยังต้องนัดหมายล่วงหน้า ไม่ใช่ลูกอยากหาแม่จะวิ่งไปหาได้เลย
แถมแม่ลูกติดต่อกันทางจดหมาย แม้จะมีห้องนอนใกล้ๆ กัน ก็ไม่ใช่ว่าลูกจะไปหาแม่หรือพูดคุยกับแม่ได้ทุกเวลา   ต้องส่งเป็นจดหมายซะยังงั้น
อันนี้อ่านมานานแล้ว  จำไม่ได้ว่าจากที่ไหน ไม่ยืนยันว่าจริงด้วยหรือไม่นะครับ   เล่าเพื่อประกอบให้กระทู้มีอรรถรสเท่านั้น


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 21:57
เห็นด้วยค่ะว่าเคททำตัวเรียบและเงียบเชียบ    ถือว่าเป็นความฉลาดอย่างหนึ่ง    เพราะยิ่งทำตัวเด่นเท่าใดก็ยิ่งไม่ดีกับตัวเองมากเท่านั้น
ผู้หญิงที่ยืนอยู่บันไดขั้นบนเหนือเคทก็ยังมีอีกถึงสองคน  คือสมเด็จพระราชินี และคามิลล่า  เคทก็ไม่ควรทำอะไรซู่ซ่าเกินหน้า  และไม่เกินเจ้าชายวิลเลียมขวัญใจประชาชนด้วย

คงจำได้ว่าสาเหตุหนึ่งที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ไม่โปรดเจ้าหญิงไดอาน่า คือหลังเสกสมรส ไดอาน่าก็เปลี่ยนจากเด็กสาวหน้าตาดีแต่ขี้อายมาเป็นสาวเฉิดโฉม   ไปไหนก็มีสปอตไลท์จับอยู่ที่ตัว    สื่อและประชาชนตื่นเต้น เห่อเจ้าหญิงจนมองข้ามเจ้าชายไปหมด    ทำให้เจ้าชายไม่โปรดเอามากๆ ที่เหมือนกับสู้พระชายาไม่ได้

เมื่อเป็นแขกเกียรติยศรับเชิญไปที่ทำเนียบขาว    เจ้าหญิงไดอาน่าแต่งชุดดำสวยยิ่งกว่าดารา   ออกเต้นรำกับจอห์น ทราโวลต้าซึ่งตอนนั้นยังหนุ่มหล่อ  ไม่อ้วนเผละแก่งั่กอย่างตอนนี้      จุดสนใจของทั้งงานก็ไปอยู่ที่เจ้าหญิงคนเดียว    ส่วนเจ้าชายเหมือนจะถูกลืมไปเลย
เจ้าหญิงทรงทำเพราะหวังว่าเจ้าชายจะภูมิใจในตัวพระชายา    แต่เจ้าชายก็...เราก็รู้ๆกันว่าตรงกันข้าม  



กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 11, 22:13
ผมได้แต่ติดตามอ่าน ความที่ไม่ได้สนใจเรื่องพรรค์นี้มาก่อน อ่านแล้วก็ได้แต่ปลงในพฤติกรรมมนุษย์ที่ไม่เข้าใครออกใคร ทุกชาติทุกภาษาทุกเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะมีฐานะสูงส่งเทียมฟ้าหรืออนาถาติดดินก็ล้วนแต่อยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม กิเลศบางตัวเช่นราคะ คนหล่อ สวย รวย และมีเกียรติ มักกะมีโอกาสให้ถลำไปเสพย์ได้มากกว่าคนหาเช้ากินค่ำ ที่ไม่มีเวลาจะไปฟุ้งซ่านอย่างอื่นนอกจากจะนอนก่ายหน้าผากเรื่องปากเรื่องท้อง

เมื่อใครละเมิดศีลละเมิดธรรมไปแล้ว ก็ต้องรับผลของมันด้วย ไม่ช้าก็เร็ว
 

นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ
นตฺถิ โทสสโม กลิ
นตฺถิ ขนฺธสมา ทุกฺขา
นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ

ไม่มีไฟใดเสมอด้วยราคะ
ไม่มีโทษใดเสมอด้วยโทสะ
ไม่มีทุกข์ใดเสมอด้วยเบญจขันธ์
ไม่มีสุขใดเสมอด้วยความสงบ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 09 ธ.ค. 11, 14:06
มารายงานตัวว่ายังติดตามการเรียนการสอนอยู่ค่ะ

เห็นภาพเจ้าหญิงเทียบกับคามิลล่าแล้วนึกถึงเรื่องรีเบคกาค่ะ เหมือนที่นางเอกเรื่องรีเบคกาบอกตัวเองว่า ถ้าเขา (รีเบคกา) ยังอยู่ ก็ยังพอจะสู้กันได้ ความสวยงามของเขาพอนานไปก็คงจะลดน้อยลง แต่นี่คู่ต่อสู้เล่นจากไปทั้งที่ยังสาวยังสวย ยังเป็นที่รักของใครต่อใคร คามิลล่าพยายามยังไงก็ตามไม่ทัน

คามิลล่าชนะอย่างเดียวก็คือ เธอได้ความรักจากชายที่สมรสด้วยเท่านั้น

...ทั้งวังเขาชังเจ้านัก แต่พี่รักเจ้าคนเดียว...


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ธ.ค. 11, 15:35
ผู้หญิงเหมือนดอกไม้     เปล่งประกายเมื่อวัยเยาว์
กาลผ่านก็เหี่ยวเฉา        ปลงเสียเจ้าอนิจจัง

(http://www.reurnthai.com/rtimages/RW2402x43.jpg)

หนุ่มเหน้าสาวสวยคู่นี้

ยังจำได้ไหม

ใครเอ่ย

 ;D



กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 11, 22:31
จำได้ซีคะ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 10 ธ.ค. 11, 00:23
เจ้าฟ้าชายชาร์ลน่าจะทรงอภิเษกกับคามิลล่าไปซะตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาวกันไม่น่าจะมาแต่งเอาตอนเหี่ยวแล้วทั้งคู่เลย ทำให้คนดีๆอย่างเจ้าหญิงไดอาน่าต้องมารับเคราะห์ที่ต้องมาเจอคนทั้ง 2 อย่างหวานอมขมกลืน ยิ่งอ่านแล้วยิ่งสงสาร+เห็นใจ เจ้าหญิงมากๆๆๆๆ แค่เอาเจ้าหญิงมาเพื่อเป็นเครื่องจักรผลิตรัชทายาทเท่านั้น ไม่รู้เจ้าฟ้าชายชาร์ลท่านทรงเคยเห็นใจใครมั่งนอกจากใจพระองค์เอง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 11, 19:51
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธทรงมีพระโอรสธิดา 4 องค์ เรียงตามลำดับอายุคือ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์  เจ้าฟ้าหญิงแอนน์  เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์ และเจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ด
มีหลานย่าหลานยาย 8 องค์และคน   มีทุกวัยทั้งแต่หนุ่มใหญ่สาวใหญ่ไปจนทารก  
มาดูกันนะคะว่าใครบ้าง

๑  พระโอรสเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์     เจ้าชายวิลเลียม (ประสูติ 1982) และเจ้าชายเฮนรี่ หรือเรียกกันว่าแฮร์รี่ (ประสูติ 1984)


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 11, 19:55
๒  โอรสธิดาของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์  เนื่องจากร้อยเอกมาร์ค ฟิลลิปส์ผู้พ่อเป็นคนสามัญ และไม่ขอพระราชทานยศขุนนาง   ลูกๆจึงเป็นสามัญชน  ได้แก่ปีเตอร์  (เกิดปี 1977) และซาร่า (เกิดปี 1981)  สองคนนี้แก่กว่าเจ้าชายวิลเลียม
ทั้งคู่สมรสไปแล้ว


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 11, 19:58
๓  เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์  ดยุคแห่งยอร์ค   มีพระธิดา ๒ องค์คือเจ้าหญิงบีอาทริส  (ประสูติปี 1988) และเจ้าหญิงยูเจนี(ประสูติปี 1990) แห่งยอร์ค


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 11, 20:06
หมวกของเจ้าหญิงบีอาทริสที่ทรงสวมในงานอภิเษกเจ้าชายวิลเลียมและเคท มิดเดิลตัน  คุณประกอบขัดหูขัดตาเอามากๆ   กลายเป็นหมวกฮือฮาที่สุดในงาน  เสียงกล่าวขวัญอื้ออึง จนหนังสือพิมพ์เอาไปล้อกันเกรียวกราว


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 11, 20:08
หมวกหรือพระมาลาแต่ละใบของเจ้าหญิงก็สะดุดตาไม่น้อย


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 11, 20:30
๔  เจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ด  เอิร์ลแห่งเวสเซกซ์   เสกสมรสกับหญิงสาวสามัญชื่อโซฟี   มีบุตรธิดาเล็กๆสองคนที่ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย แต่มีบรรดาศักดิ์ตามแบบบุตรธิดาขุนนาง ตามยศของพระบิดา   คือเลดี้หลุยส์ และเจมส์  วิสเคานท์เซฟเวิร์น


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 10 ธ.ค. 11, 20:37
หมวกบันลือโลกของเจ้าหญิงบีอาทริสใบนี้ ได้รับการประมูลเป็นมูลค่าสูงถึง 81,000 ปอนด์ หรือเกือบ 4 ล้านบาท
โดยรายได้ที่ได้จากการประมูลในครั้งนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเพื่อช่วยเหลือเด็ก
ผ่านองค์การยูนิเซฟและองค์กรการกุศล Children in Crisis ของประเทศอังกฤษ
เจ้าหญิงบีอาทริสยังได้ทรงกล่าวอวยพรก่อนการปิดประมูลด้วยว่า
"ข้าพเจ้าหวังว่าใครก็ตามที่เป็นผู้ชนะการประมูลครั้งนี้จะมีความสุขกับหมวกใบนี้เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้ามี"


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 10 ธ.ค. 11, 21:57
ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ ยังอุตส่าห์จำได้ว่าผมชอบหมวกใบนี้มาก  :-X  :-X  :-X


หลังงานแต่งงานของเจ้าชายวิลเลียม รู้สึกว่าสิ่งที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำกล่าวถึงของคนมากที่สุดในงานนี้
แทนที่จะเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว หรือชุดแต่งงานของเคท
ดันกลายเป็นหมวกใบนี้ ที่ทรมานคนใส่ด้วย เพราะตอนนั่งในรถต้องก้มตลอดเวลา  แถมตลกเพราะคนมาแซวกันว่าเหมือนฝารองชักโครก
กับปิปปา มิดเดิลตั้นไปแทนซะงั้น  สองคนนี้ขโมยซีนในงานกันเห็นๆ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 11, 22:01
เจ้าหญิงคงจะรู้น่ะซีคะ ว่า ถ้าจะขโมยซีนต้องทำยังไง   เพราะเคยสวมหมวกดีๆเรียบร้อยได้เรื่องได้ราว(ดูรูปขวา)มาหลายงานแล้ว   ไม่มีใครสนใจซักคน
คนที่ไม่ชอบหมวกใบนี้ก็เห็นอย่างเดียวกับคุณประกอบ คือเหมือนฝารองชักโครก
(ชักสงสัยว่าคนออกแบบก็ตั้งใจให้เหมือนจริงๆด้วย)


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 11, 22:03
หมวกหวานๆ ใบนี้ก็ไม่มีใครสนใจ     เอาละ  พอเอาชักโครกมา ก็ได้ผลดังระเบิด


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 11, 22:05
หมวกของเจ้าหญิงยูเจนียังไม่แปลกพอค่ะ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 11, 11:05
หญิงสาวคนนี้คือโซฟี  เคานเตสแห่งเวสเซกซ์  ชายาของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดพระโอรสองค์สุดท้องของสมเด็จพระราชินีนาถ     เนื่องจากเธอมีส่วนคล้ายไดอาน่า   ก็เลยถูกประโคมข่าวเมื่อเข้ามาเป็นพระราชวงศ์ เหมือนจะมาเป็นตัวแทนของไดอาน่า
แต่โซฟีไม่ทำอะไรซู่ซ่า จึงไม่ค่อยเป็นข่าวนัก  เจ้าชายกับเธอมักเก็บตัวเงียบๆ โดยเฉพาะลูกสองคนแทบจะไม่ได้มีข่าวออกทางสื่อเลยนอกจากจำเป็น

แต่โซฟีก็ไม่รอดจากเป็นเหยื่อของสื่อ     นักข่าวแทบลอยด์แอบอัดเทปลับที่เธอพล่ามมากไปหน่อย พูดพาดพิงถึงการหย่าร้างของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอาน่า    กับพูดถึงเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดโดยไม่ได้ตั้งใจ     พอเอามาพาดหัวข่าวก็เลยกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปอีกครั้ง   
แต่พิจารณาแล้วก็น่าเห็นใจว่าโซฟีทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มากกว่ามีเจตนาร้าย     เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเห็นใจพระชายา  เรื่องนี้ก็เลยเงียบหายเป็นคลื่นกระทบฝั่งไป

ส่วนเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ถูกกล่าวหาจากสื่อว่าใช้ตำแหน่งส่งเสริมให้กับธุรกิจบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ของตัวเอง    เจ้าชายก็เลยลาออก แล้วหันมาเน้นการทำงานเพื่อสาธารณกุศลแทน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 11, 09:45
ขอจบกระทู้( เพราะนึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรอีก)  ด้วยเพลงที่เอลตัน จอห์นเล่น

http://www.youtube.com/watch?v=_Efz3s7QiM8

"แคนเดิลอินเดอะวินด์" (Candle in the Wind) แต่งทำนองโดยเซอร์ เอลตัน จอห์น เนื้อเพลงโดย เบอร์นีย์ ทอพีน เป็นเพียงเก่าตั้งแต่ 1973 เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่มาริลิน มอนโร และต่อมาได้ใช้เป็นเพลงในพระราชพิธีพระศพของไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ด้วย

ในปี 1997 เซอร์เอลตัน จอห์นได้นำเพลงนี้มาร้องไว้อาลัยไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ในงานพิธีพระศพนั้น เป็นการร้องสดเพียงครั้งเดียวของเขา  เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่ "ฮิต" ติดอันดับในเวลาต่อมา ในปี 2006 ทำสถิติเป็นเพลงที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก

ท่อนที่ประทับใจคนฟังที่สุดคือ "Your candle's burned out long before...your legend ever will...." (เทียนชีวิตของเธอดับไปก่อนนานแล้ว  แต่เรื่องราวของเธอจะไม่มีวันจางหายไป)


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: mrpzone ที่ 08 มิ.ย. 12, 02:49
ก่อนอื่น ก็ต้องขออภัยต่อท่านเจ้าเรือนและผู้อ่านทุกท่าน ที่ขุดกระทู้เก่ามาตอบ เนื่องด้วยอยากเสริมสาระกระทู้เปรียบเทียบเนื้อเพลง Candle in the Wind ที่ขับร้องโดย เซอร์ เอลตัน จอห์น (http://th.wikipedia.org/wiki/เอลตัน_จอห์น) ทั้ง 2 เวอร์ชัน เพิ่มเติมต่อผู้ที่สนใจครับ

Candle in the Wind เวอร์ชันแรก (1973) เพื่อไว้อาลัยแก่ มาริลิน มอนโร

5GLwA4P3QDk
(ที่มา - http://www.youtube.com/watch?v=5GLwA4P3QDk)

โค๊ด:
Goodbye Norma Jean
Though I never knew you at all
You had the grace to hold yourself
While those around you crawled
They crawled out of the woodwork
And they whispered into your brain
They set you on the treadmill
And they made you change your name

And it seems to me you lived your life
Like a candle in the wind
Never knowing who to cling to
When the rain set in
And I would have liked to have known you
But I was just a kid
Your candle burned out long before
Your legend ever did

Loneliness was tough
The toughest role you ever played
Hollywood created a superstar
And pain was the price you paid
Even when you died
Oh the press still hounded you
All the papers had to say
Was that Marilyn was found in the nude

Goodbye Norma Jean
From the young man in the 22nd row
Who sees you as something as
more than sexual
More than just our Marilyn Monroe
   

สำนวนแปลโดยคุณ Dr.Batty จาก Candle in the wind - ดวงเทียนในสายลม (http://xn--c-twfaw3hsa2blbc9bi5b6cl3toa.blogspot.com/2009/10/candle-in-wind.html)

โค๊ด:
ลาก่อน นอร์ม่อนยีน
แม้ว่าฉันจะไม่รู้จักเธอเลย
เธอก็มีความสง่างามที่จะถือครองไว้กับตัว
แม้ใครๆที่อยู่รายรอบตัวเธอ
ค่อยๆแสดงตัวออกมา
แล้วก็กระซิบใส่สมองของเธอ
พวกเขาจัดให้เธอทำงานจำเจ
และพวกเขาก็เปลี่ยนชื่อของเธอ

และมันเหมือนดังที่ปรากฏต่อฉัน ว่าเธอใช้ชีวิตอยู่
เหมือนดวงเทียนเล่มหนึ่งในสายลม
ไม่เคยรู้เลยว่า จะยึดเหนี่ยวผู้ใดไว้
ในยามเมื่อฝนสาดมา
และฉันได้อยากรู้จักเธอไปแล้ว
แต่ฉันเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง
ดวงเทียนของเธอดับลงนานแล้ว ก่อนที่
ตำนานของเธอจะจบลง

ความโดดเดี่ยวนั้นแสนยาก
เป็นบทบาทที่ยากเย็นที่สุดเท่าที่เธอเคยแสดง
ฮอลิวูดสร้างซุปเปอร์สตาร์คนหนึ่ง
และความเจ็บปวดคือราคาที่คุณจ่ายไป
แม้กระทั่งเมื่อคุณตายไปแล้ว
โอ้ หนังสือพิมพ์ยังคงตามรังควานเธออยู่
ทุกฉบับต้องพูดว่า
มาริลีนถูกค้นพบในแบบที่โป๊เปลือย

ลาก่อน นอร์ม่อนยีน
จากชายหนุ่มที่นั่งในแถวที่ 22
ผู้ซึ่งมองเธอที่ฐานะที่เป็นคนหนึ่ง
มากกว่ามองในเรื่องเซ็กส์
มากกว่าเป็นแค่มารีลีน มอนโร ของพวกเรา

และ Candle in the Wind 1997 (1997) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Goodbye England's rose เพื่อใช้เป็นเพลงในพระราชพิธีพระศพของเจ้าหญิงไดอาน่า

A8gO0Z818j4
(ที่มา - http://www.youtube.com/watch?v=A8gO0Z818j4)

โค๊ด:
Goodbye England's rose
many you ever grow in our hearts
you were the grace that placed itself
where lives were torn apart
you called out to our country
and you whipered belong to those in pain
Now you belong to heaven
and the stars spell out your name

And it seems to me your lived your life
like a candle in the wind
never fading with the sunset
when the rain set in
And your footsteps will always fall here
along England's greenest hills
your candle's burned out long before
your legend ever will

Loveliness we've lost
these empty days without your smile
this torch we'll always carry
for our nation's golden child
And even though we try
the truth birngs us to tears
all our words cannot express
the joy you brought us though the years

Goodbye England's rose
from a country lost without your soul
who'll miss the wings of you compassion
more than you'll ever know

และข้างล่างนี้คือสำนวนแปลที่ได้เผยแพร่จากคุณ masterqza จากกระทู้ Candle in the Wind-แสงเทียนในสายลม (บทเพลงสรรเสริญแด่เจ้าหญิงไดอาน่า) (http://top-manga.darkbb.com/t126-topic)

โค๊ด:
ลาก่อน กุหลาบแห่งอังกฤษ
พระองค์จะอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป
พระองค์คือความงดงามที่ตราตรึง
ในที่ซึ่งพรากชีวิตจากกัน
พระองค์เรียกหาประเทศชาติของเรา
และกระซิบปลอบผู้ทุกข์ทรมาน
บัดนี้ พระองค์เป็นของสรวงสวรรค์
และหมู่ดวงดาวจะขานชื่อพระองค์

นั่นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกราวกับว่าพระองค์ยังมีชีวิตอยู่
เหมือนกับแสงเทียนในสายลม
ไม่เคยหายเลือนหายไปกับดวงตะวันที่ลับฟ้า
เมื่อฝนโปรยปรายลงมา
รอยเท้าของพระองค์จะปรากฎตลอดไป
เคียงคู่กับหุบเขาที่เขียวขจีของอังกฤษ
แม้แสงเทียนชีวิตของพระองค์จะมอดดับไปนาน
แต่ตำนานของพระองค์จะเป็นอมตะ

เราสูญเสียสิ่งที่รัก
วันเวลาว่างเปล่าเมื่อไร้รอยยิ้มของพระองค์
พวกเราจะชูคบเพลิงอันนี้ตลอดไป
เพื่อนำทางแก่ลูกหลานของเรา
แต่ไม่ว่าเราจะพยายามอย่างไร
ความจริงก็ทำให้เราร้องไห้
ไม่มีคำพูดใดๆจะบรรยายความรู้สึก
ถึงความสูขที่พระองค์มอบให้เราในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ลาก่อนดอกกุหลาบแห่งอังกฤษ
จากประเทศที่สูญเสีย ไร้ซึ่งวิญญาณของพระองค์
จากคนที่จะรำลึกถึงปีกแห่งความเมตตาของพระองค์
มากเกินกว่าที่พระองค์จะหยั่งรู้

เนื้อเพลง เสียงเปียนโน และน้ำเสียงของ เซอร์ เอลตัน จอห์น ขณะขับร้อง ทำให้ผู้รับฟังรับชมพระราชพิธีจำนวนมากกลั้นน้ำตาไม่อยู่ แม้กระทั่งจนทุกวันนี้

เซอร์ เอลตัน จอห์น กล่าวว่า.. "เขาไม่เคยขับร้องที่ใดอีก ยกเว้นตามคำขอของ ดยุคแห่งเคมบริดจ์หรือเจ้าชายแฮร์รี่" ที่ผ่านมาเราจะเคยได้ยินเพียงสองครั้ง คือ ครั้งแรกระหว่างในพระราชพิธีพระศพของเจ้าหญิงไดอาน่า และอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นานนักเพื่อบันทึกลงแผ่นซิงเกิ้ล (ที่มา: Wikipedia (http://en.wikipedia.org/wiki/Candle_in_the_Wind) | หมายเหตุ: เข้าใจว่า หากจะมีการร้องบนเวทีคอนเสิร์ตในภายหลังอยู่บ้าง ก็น่าจะขออนุญาตเรียบร้อยแล้วครับ)

หากเนื้อเพลง สำนวนแปล หรือข้อความใด มีความคลาดเคลื่อนไปบ้างก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: Wanlayanon ที่ 05 ธ.ค. 12, 07:23
เพิ่งอ่านจบค่ะ สนุกมาก เป็นนักเรียนใหม่เข้าห้องช้าไปหน่อย ขออภัยด้วยค่ะ ;D


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: Fire Queen ที่ 18 มี.ค. 13, 19:15
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูลและภาพประกอบ
น่าสนใจมากๆ
อธิบายได้น่าติดตามมาก

โดยส่วนตัวแล้ว สนใจประวัติศาสตร์ราชวงค์อังกฤษมาก
และมีแฟนเป็นคนอังกฤษอะค่ะ

เคยเถียงกันอยู่เหมือนกัน เรื่องเจ้าหญิงไดอาน่าและเจ้าฟ้าชายชาร์ล
แฟนให้เหตุผลว่า...
"เธอยังไม่รู้อะไรอีกมากเกี่ยวกับเลดี้ไดอาน่าและเจ้าฟ้าชายชาร์ล
เจ้าหญิงไดอาน่า ไม่ได้เป็นนางฟ้าอย่างที่ทุกคนคิด.."
ไอ่เราก็อดคิดไม่ได้ว่า แฟนลำเอียง เข้าข้างเจ้าฟ้าชายชาร์ลรึปล่าว
แต่ก็ต้องจบประเด็นไป เพราะไม่อยากทะเลาะกันเลยเถิดอะค่ะ

ปล. ไม่ได้จะโจมตีเลดี้ไดอาน่าแต่อย่างไดนะคะ เป็นแฟนคลับเธอเหมือนกัน
แค่อยากจะให้เห็นอีกมุมมองนึงของคนอังกฤษเท่านั้นเองค่ะ

ปล.2 ยังไงจะติดตามผลงานต่อไปนะคะ






กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 มี.ค. 13, 14:12
ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ปุถุชน   ย่อมมีคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ     เจ้าหญิงไดอาน่าหรือเจ้าชายชาร์ลส์ ก็จะมีทั้งคนรักและคนชังเช่นเดียวกันค่ะ ไม่ได้เว้น
เสียดาย น่าจะถามแฟนต่อไปว่า เจ้าหญิงไดอาน่าไม่ดีตรงไหน เผื่อจะได้คำตอบมาลงกระทู้นี้บ้าง   
แค่อยากรู้คำตอบ ฟังเฉยๆก็ได้ ไม่เห็นจะต้องทะเลาะกัน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 20 มี.ค. 13, 23:33
หนีไปเที่ยวเวลส์มา 3-4 วัน เพิ่งไปดูปราสาทที่เค้าทำพิธีแต่งตั้งเจ้าฟ้าชายชาลส์เปนเจ้าชายแห่งเวลส์  เข้ากับกระทู้นี้


ถ้าอยากรู้ว่าเจ้าหญิงไดอาน่าไม่ดีอย่างไร มีหนังสือเล่มนึงชื่อเร้นรักราชินี ของสำนักพิมพ์มติชนเล่าเรื่องนี้ไว้ครับ (เร้นรักราชินี (Sex with the Queen)) เอาคร่าวๆ ก็คือไดอาน่าเป็นหญิงสาวสวยแต่หัวทึบ ไม่ฉลาด แต่เข้าสังคมและเล่นกับสื่อเก่ง แต่ดันทำตัวเด่นกว่าสวามีซะอีก  ดังนั้นจึงไม่เข้ากับเจ้าชายชาลส์นัก ทั้งเรื่องการแย่งซีน  เอาอกเอาใจก็ไม่เป็น  ทั้งไม่สามารถทำตัวเป็นคู่คิด คู่ชีวิตได้ ชาลส์เองก็ไม่ใช่คนฉลาด ได้เมียทึบเลยยิ่งแย่ ชีวิตคู่เลยไปกันไม่ได้ ชาลส์เลยไปมุ่งหาคนรักเก่า ไดอาน่าก็ยิ่งอาละวาด    ในหนังสือจะเล่าถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของไดอาน่าที่ทำให้เป็นที่น่าอิดหนาระอาใจของคนรอบข้างด้วย ทั้งเรื่องอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อาละวาด ฯลฯ


ถ้าไดอาน่าฉลาด คงไม่สิ้นคิดขนาดเลือกเศรษฐีแขกที่นอกจากวันๆ ถลุงเงินพ่อแล้วก็ไม่ได้มีคุณงามความดีอะไรแบบนายอัลฟาเยดมาเป็นคู่ควง



กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 มี.ค. 13, 20:00
หนังสือเล่มนี้ เท่าที่คุณประกอบสรุปดูจะเทความผิดลงมาที่ฝ่ายหญิง     สรุปได้ว่า ถ้าหากว่าไดอาน่าเป็นคนฉลาดจริง ก็ไม่ควรจะเข้าสังคม ควรเก็บตัวเงียบๆ     และไม่เล่นกับสื่อ   ควรทำตัวเป็นช้างเท้าหลังของสามี  เอาอกเอาใจสามี    ทำตัวเป็นคู่ชีวิตเจ้าชายชาร์ลส์ได้อย่างดี  แม้ว่าจะมียัยคามิลลาอยู่อีกทั้งคนก็ไม่มีปัญหาอะไร     ต่อให้ชาร์ลส์ยังมีกิ๊กอย่างสม่ำเสมอ เธอก็ไม่ประท้วง   รักษาอารมณ์ได้ราบเรียบเสมอต้นเสมอปลาย    ไม่ทำอะไรให้ใครตำหนิได้เลย   จนเป็นที่รักของคนรอบข้าง
 
ถ้าทำได้อย่างนี้ จะเรียกว่าฉลาด    แต่อย่าลืมหมายเหตุว่า ไอคิวควรจะสัก 60-80  ก็จะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น



กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 21 มี.ค. 13, 23:12
ฮิฮิ รู้สึกเหมือนโดนรังสีอำมหิตท่านอาจารย์ใหญ่ซะแล้ว  ;D  :D  :D


แห่ะๆ ผมบอกคร่าวๆ ตามที่หนังสือเล่มนั้นให้ภาพไว้ครับ  จริงแท้แค่ไหนก็ไม่รู้  เพราะเรื่องชีวิตคู่นี่มันพูดยาก ภาพบางอย่างที่ฉายออกมาให้สาธารณะชนรับรู้กับภาพความเป็นจริงข้างหลังมันอาจจะต่างกัน 


ผมไม่ได้บอกว่าเจ้าหญิงไดอาน่าไม่ดีหรือทำตัวไม่ดี หรือโทษเจ้าชายชาลส์หรือชู้รักว่าไม่ดี เพราะเรื่องพวกนี้มันซับซ้อนและอยู่ที่ว่าจะมองในมุมไหน  ถ้าจะโทษผมก็ต้องโทษสำนักพระราชวังและผู้มีส่วนในการตัดสินใจที่เลือกเจ้าหญิงมาเป็นคู่ครองเจ้าชายและมาเป็นว่าที่พระราชินีอังกฤษ เพราะเจ้าหญิงไดอาน่าถ้าจำไม่ผิดเรียนหนังสือไม่จบด้วยซ้ำ อายุก็น้อยกว่าเจ้าชายมาก แต่งงานก็ตั้งแต่อายุ 19-20 พัฒนาการทางอารมณ์ การแก้ปัญหา การตัดสินใจน่าก็ยังไม่ดี แถมไม่มีใครคอยสอนให้ซะด้วย  คนอย่างเจ้าชายเองทั้งชีวิตก็ไม่เคยรู้จักจะต้องเอาใจใคร  ก็น่าสงสารเจ้าหญิงตรงนี้


ในสายตาผม เจ้าชายชาลส์เป็นผู้ชายธรรมดาๆ  มากๆ  นอกจากฐานันดรที่สูงแล้วก็ไม่ได้มีอย่างอื่นพิเศษแต่อย่างใด ทั้งรูปร่างหน้าตา  หน้าที่การงาน ประวัติการเรียน ฯลฯ  เรียกได้ว่าเป็นคนธรรมดาค่าเฉลี่ย ไม่มีอะไรโดดเด่นจนจะเป็นที่จดจำในหน้าประวัติศาสตร์ในฐานะบุคคลที่ยิ่งใหญ่แต่อย่างใด   แถมต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้ร่มเงาของพระราชินีอลิซาเบธ พระมารดาที่ตัวชาลส์เองเรียกได้ว่าปรีชาสามารถสู้ไม่ได้ซักด้าน  สำหรับคนหนุ่มๆ ที่ต้องมีศักดิ์ศรีค้ำคอชีวิตในกรงทองแบบเจ้าชายอย่างนี้ก็น่าเห็นใจเหมือนกัน(แต่ไม่สงสาร)  ดังนั้นคนที่จะอยู่กับคนแบบเจ้าชายได้ต้องฉลาดพอที่จะเป็นเพื่อนคู่คิดเจ้าชายได้ด้วย


เมื่อแต่งงานกับเจ้าหญิงแสนสวย ถ้าเจ้าหญิงฉลาดพอจะเข้าใจข้อจำกัดตรงนี้ สามารถใช้เสน่ห์ที่มีอย่างล้นเหลือเกื้อหนุนหรือนำพาเจ้าชายให้มีส่วนร่วมในเรื่องต่างๆ สร้างบทบาททั้งในฐานะภรรยาที่ดีและคู่ชีวิตก็พอจะประคับประคองชีวิตคู่ไปได้  เจ้าหญิงไม่จำเป็นต้องเก็บตัวไม่เล่นกับสื่อหรือเป็นช้างเท้าหลังหรอกครับ แต่จะต้องระวังบทบาทของตัวเอง  เด่นได้แต่อย่าเป็นภัย  ต้องฉลาดพอที่จะไม่เด่นกว่า ทำตัวเป็นจุดสนใจกว่าพระสวามี   หรือให้ดีไปกว่านั้นต้องมีศิลปะที่จะให้เกียรติและดึงพระสวามีเข้ามามีส่วนร่วมกับความเด่นด้วยซึ่งตรงนี้เจ้าหญิงขาด  เมื่อสวามีออกนอกลู่นอกทางก้ต้องมีศิลปในการดึงกลับมาแบบเนียนๆ ไม่ใช่โวยวายหรือฟูมฟายแต่ใช้วิธีทำให้พระสวามีเห็นค่าและรู้สึกว่าเจ้าหญิงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพระองค์   เรื่องพวกนี้มันออกจะอธิบายยากครับ  แต่ผมทันเห็นบทบาทการออกมาสัมภาษณ์สื่อเรื่องการคบชู้เพื่อแก้แค้นราชวงศ์อังกฤษ หรือการควงคนนั้นคนนี้ของเจ้าหญิง ขนาดตอนนั้นผมยังเด็กๆ แต่ยังรู้สึกเลยว่าเป็นวิธีที่ไม่ฉลาด


ได้อ่านประวัติศาสตร์พวกกษัตริย์ราชินีอังกฤษหรือในยุโรปมาหลายพระองค์  ได้เห็นกษัตริย์บางพระองค์ที่รักราชินีของตนอย่างล้นเหลือ  บางองค์รักแต่ราชินีของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว  ก็ต้องวิเคราะห์แล้วว่าในยุคที่กษัตริย์ยังทรงอำนาจมากกว่าปัจจุบันนี้ หานางสนมก็ไม่ยากและเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ทำไมราชินีบางพระองค์ถึงสามารถมัดใจพระสวามีได้ถึงเพียงนั้น ราชินีเหล่าต้องมีอะไรบางอย่างที่เจ้าหญิงไดอาน่าไม่มี


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 มี.ค. 13, 09:30
เมื่อแต่งงานกับเจ้าหญิงแสนสวย ถ้าเจ้าหญิงฉลาดพอจะเข้าใจข้อจำกัดตรงนี้ สามารถใช้เสน่ห์ที่มีอย่างล้นเหลือเกื้อหนุนหรือนำพาเจ้าชายให้มีส่วนร่วมในเรื่องต่างๆ สร้างบทบาททั้งในฐานะภรรยาที่ดีและคู่ชีวิตก็พอจะประคับประคองชีวิตคู่ไปได้  เจ้าหญิงไม่จำเป็นต้องเก็บตัวไม่เล่นกับสื่อหรือเป็นช้างเท้าหลังหรอกครับ แต่จะต้องระวังบทบาทของตัวเอง  เด่นได้แต่อย่าเป็นภัย  ต้องฉลาดพอที่จะไม่เด่นกว่า ทำตัวเป็นจุดสนใจกว่าพระสวามี   หรือให้ดีไปกว่านั้นต้องมีศิลปะที่จะให้เกียรติและดึงพระสวามีเข้ามามีส่วนร่วมกับความเด่นด้วยซึ่งตรงนี้เจ้าหญิงขาด  

แหย่คุณประกอบด้วยทัศนะเรื่องผู้หญิงของคุณจิตร ภูมิศักดิ์

สหายเอ๋ย
วานเฉลยว่าสตรีสวยที่ไหน
สวยที่ตาซึ้งงามหวามหวิวใจ
สวยที่แก้มอำไพผ่องชมพู...?

สหายเอ๋ย
คำเฉลยต่อไปนี้เข้าทีไหม...

สวยเพราะเป็นช้างเท้าหน้าขวาหรือซ้าย
เทียมเท่าชายเชิดความรักในศักดิ์ศรี
ใช่แขวนชีพไว้กับผัวชั่วตาปี
ใช้ความสามารถที่มีกอบกิจกรรม


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3276.0;attach=9565;image)


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มี.ค. 13, 10:03
คุณประกอบเจอหมัดหนักจากจิตร ภูมิศักดิ์     ;)  เอาผ้าเย็นประคบไหมคะ 

มาฟังธรรมะบ้างสักข้อ  ว่าด้วยสมชีวิตธรรม คือ ธรรมของการอยู่ร่วมกัน ได้แก่
ศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา

ดูกรคฤหบดีและคฤหปตานี
ถ้าภรรยาและสามีทั้งสอง หวังจะพบกันและกันทั้งในปัจจุบัน
ทั้งในสัมปรายภพไซร้ ทั้งสองเทียวพึงเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน
ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น ย่อมได้พบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ ฯ

สามีภรรยาที่จะอยู่กันได้ด้วยดี  ไม่ใช่กล้ำกลืนฝืนทนอยู่    แม้จากโลกนี้ไปแล้วทั้งคู่ก็ยังได้พบกันอีกในสัมปรายภพ   คือคู่ที่เสมอกันด้วยศีล ศรัทธา(ความเชื่อ) ปัญญา และจาคะ(การเสียสละให้อีกฝ่ายหนึ่ง)


ได้อ่านประวัติศาสตร์พวกกษัตริย์ราชินีอังกฤษหรือในยุโรปมาหลายพระองค์  ได้เห็นกษัตริย์บางพระองค์ที่รักราชินีของตนอย่างล้นเหลือ  บางองค์รักแต่ราชินีของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว  ก็ต้องวิเคราะห์แล้วว่าในยุคที่กษัตริย์ยังทรงอำนาจมากกว่าปัจจุบันนี้ หานางสนมก็ไม่ยากและเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ทำไมราชินีบางพระองค์ถึงสามารถมัดใจพระสวามีได้ถึงเพียงนั้น ราชินีเหล่าต้องมีอะไรบางอย่างที่เจ้าหญิงไดอาน่าไม่มี

เปล่า  ราชินีเหล่านั้นไม่ได้มีเสน่ห์ยาแฝดหรือฉลาดอัจฉริยะจนมัดพระสวามีอยู่หมัด   แต่ทั้งสองพระองค์ที่อยู่กันมาด้วยดี  รักเดียวใจเดียวต่อกันจนตาย    เพราะพระราชาเป็นชายที่รู้จักหน้าที่ของสามี  และได้หญิงที่รู้หน้าที่ของภรรยา  ต่างคนต่างเสมอกันด้วยศีล ศรัทธา ปัญญา และจาคะ   ก็เลยอยู่กันได้ราบรื่น  ไม่มีบุคคลที่สามสี่ห้าเข้ามาแทรกกลางได้สำเร็จ

แต่ถ้าถามว่าต้องต่างคนต่างดีจึงจะอยู่กันได้ใช่ไหม คำตอบคือไม่ใช่    ถ้าต่างคนต่างเลวเสมอกันก็อยู่กันได้จนตายเหมือนกัน   เหมือนโจรอยู่กับนางโจร  ย่อมไปกันได้ดีกว่าโจรอยู่กับแม่พระ     แต่อยู่แล้วชีวิตดีหรือเลวนั้นอีกเรื่องค่ะ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 22 มี.ค. 13, 13:30
อยากสรุปเบาๆ ว่า ผู้ชายทนผู้หญิงฉลาด (เกินตัวเอง) ทั้งนั้น ไม่ว่าชาติไหนก็ตาม

อย่างที่คุณประกอบอธิบายมา เห็นด้วยค่ะ แต่ก็สงสัยว่าเราจะหาความพรั่งพร้อมทั้งสมอง ความงาม รู้จักเข้าใจปมด้อยของสามี และวางตัวได้เหมาะสมถึงเพียงนั้นจากสาวน้อยอายุ 20 คนไหนได้

ฝ่ายชายเองกว่าจะแต่งงานก็อายุ 30 กว่า เป็นผู้ใหญ่มากแล้ว หากไม่ได้รักได้ชอบจริงจัง ก็น่าจะมีความกล้าหาญพอจะพูดออกมาตรงๆ ไม่ใช่กล้ำกลืนฝืนอยู่ไปทั้งที่ภรรยาช่างขัดหูขัดตา จะพูดจะทำอะไรดูมันเด่นดังเกินหน้าไปเสียหมด

ถ้ายืนยันแต่แรกว่าไม่แต่ง ก็ไม่ต้องลากเอาชีวิตของผู้หญิงอีกคนมาพัวพันให้ล่มจมกันไปทั้งสองฝ่าย โชคดีว่าไดอาน่าหาทางออกให้ตัวเองด้วยการทำงานสังคมเป็นส่วนใหญ่ หากเธอเลือกหาทางออกอื่นๆ เช่น นั่งเครื่องบินไปออกรายการที่อเมริกา เล่าเรื่องในบ้าน หรือเขียนหนังสือแฉ ทาง “บ้านสามี” เกรงจะงานเข้ากว่านี้



กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 22 มี.ค. 13, 13:31
อ้าว ไวไปหน่อย ขอแก้ค่ะ

ผู้ชายทนผู้หญิงฉลาด (เกินตัวเอง) ไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าชาติไหนก็ตาม


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มี.ค. 13, 13:47
ผู้หญิงโง่ ผู้ชายก็ทนไม่ได้เหมือนกันค่ะ    ดูในกรณีเจ้าชายแอนดรูว์กับเฟอร์กี้ซีคะ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 22 มี.ค. 13, 16:42
ผู้หญิงโง่ ผู้ชายก็ทนไม่ได้เหมือนกันค่ะ    ดูในกรณีเจ้าชายแอนดรูว์กับเฟอร์กี้ซีคะ

ฮิฮิ   ;D  ;D  ;D


นอกเรื่องมานิดนึง  มาอยู่ที่อังกฤษได้รู้จักกับครูฝรั่งสาวน้อยคือความสาวเหลือน้อยคนนึงเป็นอาสาสมัครมาสอนภาษาอังกฤษฟรีให้คนต่างชาติในเมืองผม สามีแกเป็นตำรวจและเป็นหนึ่งในทีมที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนคดีอุบัติเหตุของเจ้าหญิงไดอาน่า  แกบอกว่าสามีแกไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุครับ แต่รายละเอียดลึกๆ แกก็ไม่บอก จะถามก็ไม่ได้ ก็เป็นข้อมูลอีกด้าน เพราะผมมองว่าถ้าเป็นการจัดฉากฆาตกรรมนี่มันทำยากสุดๆ เลย แต่ผู้มีสวนเกี่ยวข้องกับการสืบสวนบอกว่าไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ  ::)  ::)  ::)


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 23 มี.ค. 13, 11:08
ดูยังไง ก็น่ารัก  ;D


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: simmuileng ที่ 03 เม.ย. 13, 11:46
สวัสดีคะ เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกคะ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: Danxiote ที่ 05 ก.ค. 13, 08:44
แอบอ่านมาตั้งแต่ปีใหม่ ขออนุญาตมาเช็คชื่อ (ตอนตลาดวาย)


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ค. 13, 09:48
สวัสดีทั้งสองท่านค่ะ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ส.ค. 13, 19:22
รื้อกระทู้นี้ขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้ง    เพราะมีข่าวนี้ขึ้นมาค่ะ

 New Evidence Princess Diana Was “Killed by a Member of the British Military” Being Investigated

Sky News
August 17, 2013

New information that alleges Princess Diana was murdered has been passed to Scotland Yard through military sources, according to the Metropolitan Police.

The information, thought to include the allegation that the Princess of Wales, Dodi al Fayed and their driver were killed by a member of the British military, will be assessed by officers from the Specialist Crime and Operations Command.

It was passed to the police by the parents-in-law of a former soldier, according to Sky sources.

The deaths of the Princess Diana and Mr. Al Fayed in Paris in 1997 were investigated and examined during a 90-day inquest led by Lord Justice Scott Baker at the Royal Court of Justice in 2007.

—————————–

BBC refuses to mention the actual allegation that Diana was “killed by a member of the British military” in the report below – already busy covering up the story!

http://www.infowars.com/new-evidence-princess-diana-was-killed-by-a-member-of-the-british-military-being-investigated-by-scotland-yard/


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ส.ค. 13, 19:28
ข่าวนี้ก็ยังคลุมๆเครือ ๆ อ้ำๆอึ้งๆยังไงพิกลเหมือนพูดไม่เต็มปาก

พอจับประเด็นได้ว่ามี "ข้อมูลใหม่" ส่งถึงสก๊อตแลนด์ยาร์ดหรือกองบัญชาการตำรวจของอังกฤษ  ว่าเจ้าหญิงไดอาน่า นายโดดี้เพื่อนชายและคนขับรถ ถูก "ฆาตกรรม" โดยนายทหารในกองทัพอังกฤษ
แหล่งข่าวของ Sky บอกว่าข้อมูลนี้ถูกส่งมาโดย "พ่อตาแม่ยาย" ของอดีตทหารผู้หนึ่ง ถึงสำนักงานตำรวจ  แต่พออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมก็บอกว่า ตำรวจจะไม่รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่

http://www.youtube.com/watch?v=Bo8r3eFCPjg


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 12:58
ใครสนใจอ่านได้ที่นี่ค่ะ
http://www.mirror.co.uk/news/uk-news/princess-diana-death-cops-probe-2179191
 Princess Diana death: Cops probe sensational claim she was killed by the SAS

The allegation emerged at the second court martial of Sergeant Danny Nightingale, who was found guilty of illegally possessing a gun and ammunition

Police are investigating a sensational claim that the SAS was involved in the death of Princess Diana, reports Sean Rayment.

The allegation emerged at the second court martial of Sergeant Danny Nightingale, who was found guilty of illegally possessing a gun and ammunition.

It came in a letter to the elite unit’s commanding officer by the parents-in-law of a special forces sniper, known only as Soldier N, who was Sgt Nightingale’s former housemate and a key witness for the prosecution.

The letter said Solider N boasted the SAS “was behind Princess Diana’s death”.

The Ministry of Defence, the Royal Military Police and the Service Prosecuting Authority have known of its existence and the claim since it was sent in September 2011.

The seven-page hand-written letter – a copy of which has been seen by the Sunday People – also makes allegations over Soldier N’s behaviour towards his wife and her family following the collapse of the couple’s marriage.

It is understood that the SAS passed the letter to the Service Prosecuting Authority prior to the start of the Sgt Nightingale trial.

All references to the paramilitary force were removed by the SPA before it released the document to the court.

The letter says: “He (Soldier N) also told her (his wife) that it was the XXX who arranged Princess Diana’s death and that has been covered up.”

Scotland Yard said: “The Metropolitan Police Service is scoping information that has recently been received in relation to the deaths of Diana, Princess of Wales and Dodi Fayed and assessing its relevance and credibility.

“The assessment will be carried out by officers from the Specialist Crime and Operations command.”

The former Harrods owner Mohamed Fayed has long maintained the car crash that killed Diana, his son Dodi – who was her lover – and their driver Henri Paul in Paris on August 31, 1997, was a conspiracy involving the British state.

A 2008 inquest jury returned an unlawful killing verdict.

It was a tip-off from Soldier N’s estranged wife that led to a Glock 17 pistol being found in Nightingale’s room at a Hereford house the SAS colleagues shared.

Soldier N pleaded guilty to possessing another Glock, a grenade and ammunition. He was sentenced to two years in jail.

Nightingale, 38, from Crewe, Cheshire, was sentenced to two years’ military detention, suspended for 12 months, after being found guilty at a retrial last month.

His initial 18-month sentence was quashed after a campaign by wife Sally.

The MoD said: “This is a matter for the civilian police authorities.”



กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 14:51
เรื่องนี้น่าจะเงียบหายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง     เพราะแค่ว่าทหารชั้นประทวนหน่วยสไนเปอร์คนหนึ่งทะเลาะกับเมีย  แล้วหลุดปากออกมาว่าเขารู้เรื่องมือสังหารไดอาน่าว่าเป็นทหาร SAS  พ่อตาแม่ยายก็เลยทำรายงานแจ้งขึ้นไป
ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรมากไปกว่านายคนนี้พูดพล่อยๆออกมา     ก็คงจะกลายเป็นว่าสอบสวนแล้วไม่มีมูลความจริง   ส่งพ่อทหารตัวดีนั่นไปรักษาโรคประสาท  จบ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 21 ส.ค. 13, 15:23
กรรมก็มาตกที่ทหารคนนั้น เพราะโรงพยาบาลอังกฤษปัจจุบันขึ้นชื่อว่าไม่ได้มาตรฐาน ยิ่งเป็นโรงพยาบาลบ้า (จริงๆ แล้วควรเรียก mental health services) ยิ่งน่ากลัวที่สุด ว่ากันว่าคนอังกฤษกลัวคำว่า institution (ในแง่ mental) นี้มากครับ คนปกติโดนส่งเข้าไปกลับออกมาก็ไม่เหมือนเดิม คนบ้าเข้าไปคงไม่ต้องพูดถึง มีซุบซิบกันว่าพวก Establishment เริ่มจัดการพวกที่ต่อต้านราชวงศ์อย่างเข้มข้น นางพยาบาลที่ฆ่าตัวตายเมื่อคราวก่อนที่โดนนักข่าวออสเตรเลียนหลอกถามนั้นก้เชื่อว่าเป็นการปราม ตัวผมเองไม่เคยเห็นพยาบาลฝรั่งที่อ่อนแอเลย เห็นคุณป้าพยาบาลยิ้มๆ นั่นน่ากลัวมาก อ่อนนอกแข็งในทุกรายครับ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 13, 15:39
นางพยาบาลที่ฆ่าตัวตายเมื่อคราวก่อนที่โดนนักข่าวออสเตรเลียนหลอกถามนั้นก้เชื่อว่าเป็นการปราม ตัวผมเองไม่เคยเห็นพยาบาลฝรั่งที่อ่อนแอเลย เห็นคุณป้าพยาบาลยิ้มๆ นั่นน่ากลัวมาก อ่อนนอกแข็งในทุกรายครับ
สำหรับท่านที่ยังไม่ทราบเรื่องที่คุณ hobo เอ่ยถึง ขอเล่าว่าเป็นเรื่องน่าสลดใจมาก    เมื่อเจ้าหญิงเคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ทรงพระครรภ์ เสด็จไปฝากท้องที่โรงพยาบาล King Edward VII's Hospital Sister Agnes   สื่อก็พยายามจะล้วงความลับเจาะข่าวเบื้องลึกกันยกใหญ่   ในจำนวนนี้มีสื่อทางวิทยุรายหนึ่งออกอากาศที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย   ผู้รายงานข่าวสองคนหญิงชายเล่นร้ายกาจถึงขั้นปลอมเสียงอ้างเป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ และเจ้าชายชาร์ลส์ โทรไปถามอาการ    พยาบาลรายนี้รับสาย หลงเชื่อก็เลยต่อสายให้พยาบาลที่ดูแลพระอาการของเจ้าหญิงเคทอยู่
ความแตกออกมาภายหลัง  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลออกมาแถลงข่าวหลอกลวงนี้     3 วันต่อมา  มีผู้พบศพพยาบาลชาวอินเดียวัย 46 ปีคนนี้ผูกคอตายในห้องพักในโรงพยาบาล    ทางการรายงานว่าเป็นการฆ่าตัวตาย


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.ย. 13, 09:42
มีข่าวจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า วันนี้ว่าอังกฤษจะรื้อฟื้นคดีสิ้นพระชนม์ของไดอาน่าขึ้นมาอีก
http://www.naewna.com/inter/68902
 17 ก.ย.56 เว็บไซต์เดลิเมล์ ของอังกฤษ รายงานว่า คดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า ถูกรื้อขึ้นมาสืบสวนอีกครั้ง หลังมีหลักฐานชี้ว่า อาจเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง โดยได้รับข้อมูลจากภรรยาคนในหน่วยงานสเปเชียลแอร์เซอร์วิส (SAS) หรือหน่วยรบพิเศษของกองทัพอากาศ ว่ามีคนส่องไฟใส่หน้าคนขับรถของเจ้าหญิง จนนำมาซึ่งอุบัติเหตุ พร้อมเผยเป็นคำสั่งจากคนในราชวงศ์เอง

รายงานระบุว่า สำนักงานตำรวจนครหลวงของอังกฤษ หรือ สกอตแลนด์ ยาร์ด ได้ตัดสินใจรื้อคดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่าขึ้นมาสอบสวน หลังเหตุเกิดขึ้นนานกว่า 16 ปี เพราะมีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อนนั้น เป็นการฆาตกรรมไม่ใช่อุบัติเหตุ

โดยจากการรวบรวมหลักฐานพยานตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อุบัติเหตุอันน่าเศร้าในครั้งนั้น อาจเกิดขึ้นจากฝีมือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วย SAS และจากคำเปิดเผยของภรรยานายทหารนายหนึ่ง ได้ระบุว่า สามีของเธอเล่าให้เธอฟังว่า หน่วย SAS มีความสามารถที่จะปลงพระชนม์เจ้าหญิงไดอาน่าอย่างแนบเนียน อุบัติเหตุในครั้งนั้น เกิดจากการส่องไฟใส่หน้าคนขับรถของเจ้าหญิง ขณะเดินทางผ่านอุโมงค์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จนทำให้คนขับรถตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน จนนำมาซึ่งอุบัติเหตุที่ช็อกคนทั่วโลก ทั้งนี้ ปฏิบัติการของหน่วย SAS ในครั้งนั้น ได้รับคำสั่งมาจากคนในราชวงศ์เอง ที่ไม่พอใจที่เจ้าหญิงไดอาน่าทรงคบหากับชายมุสลิม


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 18 ก.ย. 13, 08:03
ได้อ่านข่าวพาดหัวของอังกฤษว่าจะมีการื้อฝื้นคดีเจ้าหญิงไดอนาขึ้นมาอีก ผมเลยถือโอกาสเขียนถึงเรื่องนี้ ตอนนั้นกระทู้ไปเร็วมากกลัวจะเป็นการขัดจังหวะครับ

เรื่องที่จะเล่าคือเรื่องของทิกกี้ เลจจ์-เบิร์ก ที่ท่านอาจารย์ได้เล่าไว้ในกระทู้นี้ ที่ความคิดเห็นที่ 78 ทุกคนคงจำหนุ่มน้อยผมสีทองคนนี้ได้ หนุ่มน้อยคนนี้คือ Tom Pettifer ลูกชายของทิกกี้ ส่วนที่ Tom จะเป็นน้องชายต่างมารดาของเจ้าชายวิลเลียมและแฮรี่แห่งเวลลส์นั้นมิอาจทราบได้ ตอนนี้เจ้าชายวิลเลียมลาออกจากราชการทหาร โดนหนังสือพิมพ์อังกฤษประชด และแดกดันว่าไม่เข้มแข็ง คนอังกฤษได้เสียเจ้าชายให้แก่ครอบครัวมิดเดิลตันไปเสียแล้ว


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 18 ก.ย. 13, 08:05
อีกสักรูป น่ารักจริงๆ มีชีวิตชีวา คงคิดว่างานแต่งงานของผมเอง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ย. 13, 17:12
ทอมกับแม่ - ทิกกี้ในปัจจุบัน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ย. 13, 11:18
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1379312875&grpid&catid=06&subcatid=0600
ช็อก เป็นเรื่อง! ผู้ดีฟื้นสอบคดี"เจ้าหญิงไดอาน่า" หลังได้ข้อมูล"คนในราชวงศ์"สั่ง"ปลงพระชนม์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 16 กันยายนว่า หน่วยงานตำรวจสก๊อตแลนด์ ยาร์ด ของอังกฤษได้ตัดสินใจฟื้นคดีปริศนาเจ้าหญิงไดอาน่า สิ้นพระชนม์ จากเหตุการณ์รถยนต์ที่พระองค์ทรงนั่งพร้อมนายโดดี้ อัล ฟาเยด เพื่อนชาย ประสบอุบัติเหตุในอุโมงค์กรุงปารีส ภายหลังได้ข้อมูลสำคัญจากภรรยาสมาชิกหน่วยภารกิจพิเศษกองทัพอากาศ (SAS) ว่า เจ้าหญิงไดอาน่าถูกลอบปลงพระชนม์ในลักษณะก่อเหตุปิดบังอำพรางอย่างแนบเนียน

รายงานระบุว่า ผู้เปิดเผยข้อมูลนี้เป็นสมาชิกหน่วยปฏิบัติภารกิจพิเศษของกองทัพอากาศอังกฤษ ซึ่งเป็นครูฝึกบินของเจ้าชายวิลเลี่ยม และอดีตเจ้าหน้าที่สไนเปอร์ โดยเจ้าหน้าที่รายนี้ ซึ่งถูกระบุว่าชื่อว่า "นายทหารเอ็น ระบุว่า เจ้าหญิงไดอานาได้ถูกลอบปลงพระชนม์จากสมาชิกของหน่วยโดยทางอ้อม จากการปล่อยแสงไฟใส่ดวงตาของโชเฟอร์ผู้ขับรถยนต์ดังกล่าว ทำให้โชเฟอร์ตาพร่าและทำให้เขาขับรถชนอุโมงค์

การเปิดเผยนี้ส่งผลทำให้สก๊อตแลนด์ ยาร์ด ได้ตัดสินใจที่จะฟื้นคดีประวัติศาสตร์นี้ที่ผ่านไปแล้วกว่า 16 ปี หลังจากได้สัมภาษณ์ภรรยาของผู้เปิดเผยข้อมูลนี้โดยหญิงรายนี้อ้างว่าสามีของเธอได้บอกเธอว่า มือปืนได้ถูกสั่งจากสมาชิกราชวงศ์ เพราะไม่พอใจเจ้าหญิงไดอาน่าที่คบหากับบุคคลมุสลิม นอกจากนี้ เธอยังเผยว่า มีการจัดฉากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างซับซ้อน โดยขณะเกิดเหตุที่กลุ่มปาปาราซซี่รุมติดตามเจ้าหญิงไดอานาและนายโดดี้ มีรถยนต์สีขาว และมอเตอร์ไซค์ 1 คัน เป็นของสมาชิกหน่วยภารกิจพิเศษกองทัพอากาศ และคาดว่าการสอบสวนจะสามารถค้นหาเทปบันทึกเสียงที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงอ้างว่ามีการลอบดักฟังโทรศัพท์ของเจ้าหญิงไดอาน่า

ขณะที่การสอบสวนจะมีขึ้นในวันนี้จากบุคคลสำคัญในหน่วยงานความมั่นคงอังกฤษ เกี่ยวกับประเด็นว่า มีการใช้อุปกรณ์ไฮเทคดักฟังโทรศัพท์มือถือของเจ้าหญิงไดอาน่าและนายโดดี้ ก่อนจะเกิดเหตุโศกนาฏกรรม โดยการสอบสวนของสก๊อตแลนด์ ยาร์ด ยังมีขึ้นหลังจากการไต่สวนของทางการฝรั่งเศสระบุว่า ภาพกล้องวงจรปิดในช่วงชม.สุดท้ายของเจ้าหญิงไดอานาซึ่งหายไปนั้น พบว่าถูกเก็บไว้ในสถานที่ลับ โดยแหล่งข่าวซึ่งขอให้ปกปิดชื่อ บอกว่า แน่นอนว่าเจ้าหญิงไดอานาได้ถูกดักฟังการสนทนาอยู่ตลอดเวลาในช่วงนั้น 


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ย. 13, 11:28
   ข่าวการรื้อฟื้นคดีอุบัติเหตุของไดอาน่าไม่ใช่เรื่องใหม่    แต่เป็นเรื่องโผล่วอบๆแวบๆขึ้นมาเป็นระยะสามสี่ปีครั้ง   จากนั้นก็ดับหายไปเหมือนผีกระสือ   ข่าวมักจะออกมาซ้ำๆกันว่ามีบุคคลปริศนาที่เกี่ยวข้องออกมาเปิดเผยข้อมูล    จะว่าไปก็ไม่ใช่ข้อมูลใหม่ เช่นกรณีนี้ การสาดแสงไฟเข้าเต็มหน้าคนขับก็เป็นหลักฐานที่เห็นกันมาแต่แรกแล้ว  แต่ถือว่าเป็นเหตุบังเอิญหรือสุดวิสัย      หรืออดีตมหาดเล็กรับใช้ออกมาเปิดเผยจดหมายที่เจ้าหญิงไดอาน่ารู้ตัวว่าจะถูกลอบสังหาร    แต่แล้วข่าวเหล่านี้ก็ถูกบรรเลงด้วยเพลงคลื่นกระทบฝั่งไปตามระเบียบ
 
    สายตาจากโลกภายนอกมอง 2 ทางคือ   เป็นการขายข่าวของหนังสือพิมพ์ที่ยังหยิบข่าวนี้มาขายได้เสมอ  แบบเดียวกับข่าวมนุษย์ต่างดาวโผล่ที่โน่นที่นี่   จึงไม่ควรเก็บมาเป็นสาระ       กับอีกทางคือก็มีความพยายามจะเปิดเผยความจริงออกมาจริงๆ   แต่แล้วก็เจอตอ  ทำให้ข่าวสะดุดหยุดกึกหายไปอีก
    ข้อหลังนี้ พออธิบายได้ว่าถ้าไดอาน่าถูกกำจัดจริงๆ ไม่ใช่อุบัติเหตุ     ผู้กำจัดเธอก็ไม่ใช่นายหมูนายแมวอะไรที่จะถูกจับได้เหมือนตอนจบของหนังนักสืบฮอลลีวู้ด    แต่ต้องเป็นบุคคลหรือขบวนการที่ทำงานช็อคโลกโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับได้     และคงมีเหตุผลว่า ให้มันเงียบๆกันไปเสียดีกว่าจะขุดคุ้ยขึ้นมา  ไม่งั้นจะยิ่งเสียหายหนักขึ้นไปอีก


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 มิ.ย. 16, 10:07
ดึงกระทู้นี้ขึ้นมาอีกครั้ง   เพราะข่าวฉาวล่าสุด ในรูปข้างล่างนี้ค่ะ
เป็นภาพปกจากหนังสือแมกกาซีนแทบลอยด์ คือสิ่งพิมพ์ประเภทลงข่าวคนดัง ในเรื่องก๊อสสิปซุบซิบนินทาทั้งหลาย  ไม่ใช่ข่าวทางการ

Globe  เป็นสื่อ ออกในอเมริกา แต่เล่นข่าวราชวงศ์อังกฤษ  ล่าสุดจัดหนักจัดเต็ม ว่าเจ้าชายชาร์ลส์องค์รัชทายาทนั้น เป็นเกย์


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 มิ.ย. 16, 13:06
หลักฐานที่ Globe นำมาแสดง


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 มิ.ย. 16, 13:07
อีกรูปหนึ่งค่ะ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: กะออม ที่ 03 มิ.ย. 16, 13:29
ภาพในหนังสือไม่ใช่เรื่องจริงค่ะ
น่าจะมาจากซีรีส์  The Winsors เป็นการนำคนหน้าเหมือนมาแสดงละคร
ออกแนวตลก ตอนนี้มี 6 ตอน


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 มิ.ย. 16, 14:32
ถ้าในซีรี่ส์มีฉากนี้ด้วยก็เป็นอันเคลียร์ค่ะ
แต่ยังไม่เห็นสื่ออังกฤษเอารูปเจ้าหนุ่มในภาพออกมายืนยันว่าเป็นนักแสดงในเรื่อง

ที่จะเล่าต่อไปนี้   มันมีอะไรในวังบัคกิ้งแฮมมากกว่านั้นค่ะ


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 มิ.ย. 16, 14:39
ตัวแสดงใน The Windsors ค่ะ  ใครเล่นเป็นใคร คงดูกันออก


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 มิ.ย. 16, 16:26
ยิ่งค้นยิ่งเจออะไรที่พอจะเอามาตั้งกระทู้ใหม่ได้   เชิญตามอ่านได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6533.new#new (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6533.new#new)


กระทู้: รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮม
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 07 ต.ค. 16, 01:33
มาลงชื่อเรียนวิชาเก่าครับ น่าสนใจทีเดียวกับประเด็นเจ้าหญิงไดอาน่า