เรือนไทย

General Category => วิเสทนิยม => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 12, 11:50



กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 12, 11:50
กระทู้นี้ต่อมาจากกระทู้  อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (2)
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5439.msg116366;topicseen#msg116366
ตามคำขอของคุณ sirinawadee ที่ขอให้เล่าถึงอาหารการกินในบ้านเศรษฐีชนบท อย่างบ้านของพ่อแม่แอลแมนโซ พระเอกของลอร่า บ้าง

ในเรื่องนี้  พระเอกในวัยเด็กกินอยู่อุดมสมบูรณ์กว่านางเอกมาก    เพราะพ่อทำไร่ไถนาได้ผลดีอยู่ในเขตชนบทนอกเมืองมาโลน รัฐนิวยอร์ค   พ่อมีรายได้งามจากฝึกม้าไว้ขาย   เลี้ยงวัวและแกะ   ขายพืชผลจากไร่ และผลผลิตทางการเกษตรอย่างเนย   ครอบครัวจึงมีความเป็นอยู่สุขสบายเท่าที่เกษตรกรจะมีได้



กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 12, 14:07
ในบทแรกของเรื่องนี้ เปิดฉากเมื่อพระเอกของเรื่องอายุเกือบจะเก้าขวบ  เดินฝ่าความหนาวและหิมะไปโรงเรียนกับพี่ชายหนึ่งและพี่สาวอีกสอง      ที่โรงเรียนไม่มีอาหารให้กิน   เด็กๆต้องเอาอาหารกลางวันไปกินกันเอง   แม่ก็เลยจัดทำอาหารใส่กล่องไปให้ลูกๆไว้กินมื้อกลางวัน
Eliza Jane  opened the dinner-pail on her desk. It held bread-and-butter and sausage, doughnuts and apples,and four delicious apple-turnovers, their plump crusts filled with melting slices of apple and spicy brown juice.

อาหารที่เอาติดตัวไปกิน ล้วนเป็นชนิดไม่ต้องอุ่นบนเตา และไม่ใช่ของเหลวอย่างซุปที่จะหกง่าย   เป็นอาหารง่ายๆหยิบจากกล่องขึ้นมากินได้เลย มีขนมปังทาเนย กับไส้กรอก   (ไส้กรอกในที่นี้คือไส้กรอกอเมริกัน  รูปร่างเหมือนทอดมัน หรือหมูสับปั้นเป็นก้อนทอด  ไม่ใช่ไส้กรอกยาวๆอย่างที่เรารู้จักกัน)  โดนัทและลูกแอปเปิ้ลสด

รูปนี้คือไส้กรอกอเมริกัน แบบที่เคยอธิบายไว้แล้วนะคะ ในกระทู้ (2)


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 12, 14:16
Four delicious apple-turnovers, their plump crusts filled with melting slices of apple and spicy brown juice.
ที่อาจไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยคือของกินที่เรียกว่า เทิร์นโอเวอร์    แต่ถ้าเห็นรูปแล้วก็อาจจะคุ้นๆว่ามีขายตามเบเกอรี่ในบ้านเรา แต่เราเรียกว่า พาย
เทิร์นโอเวอร์เป็นของกินประเภทเดียวกับพาย  ทำด้วยแป้งแล้วใส่ไส้ด้วยอะไรสารพัดอย่างตั้งแต่เนื้อวัว เนื้อหมู ไปจนแอปเปิ้ลและเบอรี่     แต่ว่าไม่ได้ปนกันนะคะ   ถ้าจะทำเป็นของคาวก็ใช้เนื้อสัตว์เป็นไส้ แบบเดียวกับพายเนื้อและพายไก่      ถ้าจะทำเป็นของหวานหรืออาหารว่างเบาๆ ก็ใช้ไส้ผลไม้      เครื่องปรุง มีเครื่องเทศผสมเข้าไปด้วยให้ออกรสชาติ  เช่นอบเชยเป็นต้น
เทิร์นโอเวอร์ถือเป็นของกินแบบเดียวกับแซนด์วิช  คือไม่ใช่ของหนักท้อง แต่ก็ไม่ถึงกับเบาขนาดขนมเค้กหรือไอศกรีม   รูปร่างแบบเดิมคือแป้งสี่เหลี่ยมแล้วพับทบกันเป็นสามเหลี่ยม อบให้สุก มีไส้เนื้อสัตว์หรือผลไม้อยู่ภายใน     



กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 12, 14:19
แต่เทิร์นโอเวอร์ ถ้าจะทำให้แปลกออกไป หรือโก้ขึ้นก็ราดครีมลงไปเป็นเส้นๆ ให้หวานขึ้น   หรือไม่ก็ทำเป็นรูปเหมือนขนมแป้งสิบของเรา   อย่างหลังนี้น่าจะทอดมากกว่าอบ     เพราะเทิร์นโอเวอร์ทำได้ทั้งอบให้สุก และทอดให้สุก
ไปๆมาๆ หน้าตาจะคล้ายกะหรี่พัฟ หรือกะหรี่ปั๊บในบ้านเรา


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 04 ธ.ค. 12, 09:42
มารายงานตัวและจะนั่งหน้าโดยไม่หลับเลยค่ะ

ขอบพระคุณมากค่ะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 12, 11:56
เลิกเรียน แอลแมนโซเดินกลับบ้านพร้อมพี่ๆ  เนื่องจากในฤดูหนาว ค่ำเร็วมาก   กว่าเขาจะมาถึงบ้านก็เกือบมืด  ช่วยพ่อทำงานในคอกสัตว์เสร็จก็เข้าบ้าน เพื่อกินอาหารค่ำกับพ่อแม่
ฉากนี้  เป็นฉากชวนน้ำลายไหล  เมื่อผู้เขียนบรรยายถึงอาหารมื้อค่ำที่อุดมสมบูรณ์

Almanzo ate the sweet, mellow baked beans.He ate the bit of salt pork that melted like cream in his mouth. He ate mealy boiled potatoes, with brown ham-gravy. He ate the ham. He bit deep into velvety bread spread with sleek butter, and he ate the crisp golden crust. He demolished a tall heap of pale mashed turnips, and a hill of stewed yellow pumpkin. Then he sighed, and tucked his napkin deeper into the neckband of his red waist.And he ate plum preserves and strawberry jam,and grape jelly, and spiced watermelon-rind pickles. He felt very comfortable inside. Slowly he ate a large piece of pumpkin pie.

สมัยนี้  หมอบอกว่าอาหารเย็นควรเป็นของเบาๆ ไม่หนักท้อง   หนุ่มสาวบางคนที่กลัวอ้วนก็งดมื้อเย็นไปเลย    แต่ในปลายศตวรรษที่ 19  อาหารเย็นเป็นมื้อหลัก กินกันเป็นล่ำเป็นสัน    พ่อแม่ของแอลแมนโซปลูกพืชผลและเลี้ยงสัตว์ไว้กินเนื้อเอง จึงมีอาหารกินกันไม่อั้นในบ้าน อ่านแค่ย่อหน้านี้ก็คงมองเห็นได้นะคะ
ตอนอ่าน  รู้สึกว่า อื้อฮือ เด็กอายุ 9 ขวบ กินอาหารเย็นขนาดนี้เชียวหรือ   ของกินมีสัก 10 อย่างเห็นจะได้


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 12, 11:59
Almanzo ate the sweet, mellow baked beans.He ate the bit of salt pork that melted like cream in his mouth.
แอลแมนโซกินถั่วอบ  และหมูเค็มที่ละลายเหมือนครีมอยู่ในปาก   แสดงว่าแม่อบหมูได้เก่งมาก  นิ่มจนไม่ต้องเคี้ยวก็ว่าได้  หมูเค็มทำจากหมูปนมัน  จึงนุ่มมากกว่าเนื้อหมูอย่างเดียว      ทั้งสองอย่างนี้เป็นอาหารจานเดียวกัน เพราะถั่วอบ เป็นอาหารที่ไม่ใช่แค่อบถั่วให้สุกเฉยๆ แต่ราดน้ำตาลเมเปิ้ลและใส่หมูเค็มปนลงไปด้วยเวลาเอาเข้าเตาอบ  ให้มีรสทั้งหวานและเค็ม ปนรสมันๆของถั่ว

รูปข้างล่างนี้คือถั่วอบใส่มันหมูเค็ม ค่ะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 12, 12:31
He ate mealy boiled potatoes, with brown ham-gravy.
มันฝรั่งต้มที่ว่านี้คือปอกเปลือกออกแล้วต้มทั้งลูก   ถ้าหากว่าลูกเล็กก็ต้มไปทั้งลูกโดยไม่ต้องผ่าซีก   แต่ถ้าเป็นลูกใหญ่ก็หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะต้มสุก
รสชาติมันฝรั่งจะจืดๆ  จึงต้องมีน้ำเกรวี่เค็มๆมันๆไว้ชูรส    ในที่นี้แม่ทำน้ำเกรวี่จากหมูแฮม แทนซอส ให้กินด้วยกัน 

ภาพข้างล่างนี้คือมันฝรั่งต้มสุก  ส่วนภาพที่สองคือน้ำเกรวี่ทำจากหมูแฮม


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: ปรุงใจ ที่ 04 ธ.ค. 12, 12:47
อ่านที่แอลแมนโซกินแล้วรู้สึกอิ่มอร่อยตาม "เด็กชายชาวนา" เป็นตอนโปรดค่ะ อ่านแล้วมีแต่ความสุข มีฉากบรรยายอาหารเยอะ ล้วนแล้วแต่น่าชิม ชอบตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน แล้วเด็ก ๆ แอบทำไอศกรีมกับตังเมกินกัน โดยเฉพาะตังเมที่แอลแมนโซแอบเอาไปให้ลูซี่ (?) หมูแสนรักกินจนติดฟัน อ้าปากแทบไม่ออก
สำหรับอาหารที่ตัวเองรู้สึกว่าเป็่นสัญลักษณ์ของแอลแมนโซ คือแพนเค้กที่วางซ้อนเป็นตั้ง ๆ ราดไซรัปจนชุ่ม แอลแมนโซคงทำแพนเค้กเก่งเป็นพิเศษนะคะ เพราะเห็นแสดงฝีมือในตอนฤดูหนาวอันแสนนานด้วย


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 12, 13:23
ขอต้อนรับคุณปรุงใจมาช่วยชิมอาหาร(ด้วยสายตา)ในเรื่องนี้ค่ะ     อาหารการกินในเรื่องนี้มีให้พรรณนาได้ทุกบทเลยทีเดียว


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 12, 22:07
He ate the ham. He bit deep into velvety bread spread with sleek butter, and he ate the crisp golden crust.
แอลแมนโซกินหมูแฮม    กินขนมปังเนื้อหนานุ่มที่ทาเนยหนาเป็นมัน   แสดงว่าแผ่นหนาทั้งขนมปังและเนยที่ทาอย่างไม่อั้น  แล้วก็ยังกินเปลือกขนมปังกรอบๆที่ปิ้งจนเหลืองเป็นทองอีกด้วย
ขนมปังที่ทาเนยจนเห็นเป็นมันลื่น คงจะต้องทาหนาขนาดนี้


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 06 ธ.ค. 12, 14:00
เอลแมนโซกินเก่งจริงๆ ค่ะ อ่านแล้วนึกภาพตามทีไรก็อิ่มแทนทุกที แม่เอลแมนโซเลี้ยงเองก็ยังบ่นว่าลูกกินเก่งจัง อาจจะเป็นด้วยวัยกำลังกินกำลังนอน แถมช่วยงานหนักในไร่ด้วยมังคะ

ส่วนตัวอ่านแล้วชอบวิธีการเลี้ยงลูกของบ้านนี้ค่ะ ให้กินอาหารมีประโยชน์ ไม่ตามใจ ไม่เอาใจ ฝึกให้ทำงานและมีความรับผิดชอบแต่เล็ก


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 12, 09:43
เห็นด้วยเต็มๆค่ะ    ชาวไร่ชาวนาฝรั่งสมัยโน้นก็คล้ายชาวไร่ชาวนาของเรา คือฝึกลูกให้ช่วยงานพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก     โตขึ้นแค่เป็นวัยรุ่น ก็รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว   
ลอร่าเองพออายุ 15  ก็ไปเป็นครูสอนหนังสือทั้งๆยังเรียนไม่จบ เพื่อหาเงินมาช่วยพ่อแม่ส่งเสียพี่สาวที่เรียนอยู่ในวิทยาลัยคนตาบอด    แอลแมนโซเองก็ช่วยงานในนาพ่อตั้งแต่อายุ 9 ขวบ   พอโตเป็นหนุ่มอายุ 18 ก็เดินทางมาภาคตะวันตก ทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง
อย่างว่าละค่ะ คนสมัยนั้นอายุสั้นกว่าสมัยนี้  เขาเลยเป็นผู้ใหญ่เร็ว  ลอร่าอายุ 15  ก็ไปเป็นครูสอนหนังสือ หารายได้มาช่วยพ่อแม่ส่งเสียครอบครัวแล้ว

กลับมาที่อาหารเย็นของแอลแมนโซค่ะ
He demolished a tall heap of pale mashed turnips, and a hill of stewed yellow pumpkin.
อาหารอย่างต่อไปคือหัวผักกาดขาวบด กองพูนสูงอยู่ในชาม   และฟักทองกวน ซึ่งไม่ได้กินเปล่าๆ น่าจะกินกับอะไรอีกสักอย่าง เช่นทาบนขนมปัง
รูปซ้ายคือหัวผักกาดขาวบดละเอียด และขวาคือฟักทองกวน


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 12, 11:14
And he ate plum preserves and strawberry jam,and grape jelly, and spiced watermelon-rind pickles
อาหารสี่อย่างข้างบนนี้  สามอย่างเป็นประเภทแยมทาขนมปัง คือ  plum preserves ,strawberry jam และ  grape jelly
ทั้งพลัม สตรอเบอรี่ และองุ่น
ผลไม้ทั้งหมดนี้ อาจปลูกในไร่หรือว่าขึ้นเองตามทุ่งนาก็ได้    ในสมัยนั้น มีทั้งสองแบบ    ในเรื่องนี้เข้าใจว่าขึ้นเองตามทุ่งนามากกว่า  ไร่นาของพ่อมีไว้ปลูกข้าวโพด และข้าวอย่างอื่นที่ได้ราคากว่านี้

พวกเราคงรู้จักแยมทั้ง ๓ ประเภทดีแล้วนะคะ มีขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต หาไม่ยาก   แต่เอารูปมาลงไว้ให้น้ำลายหกเล่นๆ

อ่านจากบรรยาย ลำดับวิธีกินอาหารของแอลแมนโซ คือกินอาหารในจานใหญ่ ซึ่งพ่อตักให้  มีรวมกันหลายอย่างในจานเหมือนอาหารบุฟเฟ่ต์    กินจนหมดแล้วถึงค่อยตักแยมที่คงจะใส่ชามเอาไว้บนโต๊ะต่างหาก มาปาดกินกับขนมปังที่แยกอยู่ในจานเล็กอีกจานหนึ่ง
เขากินแยมหลายชนิด ก็แสดงว่ากินขนมปังหลายแผ่น


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 12, 11:22
And he ate plum preserves and strawberry jam,and grape jelly, and spiced watermelon-rind pickles.
นอกจากกินแยมทาขนมปังแล้ว  แอลแมนโซกินเปลือกแตงโมดองใส่เครื่องเทศด้วย       หน้าตาในรูปคล้ายๆเปลือกแตงโมแช่อิ่มของเรา    รสชาติหวานอมเปรี้ยว ส่วนเครื่องเทศที่ว่านี้คืออบเชย
อาหารชนิดนี้คงเป็นอาหารชนิดท้ายๆของมื้อ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 12, 11:31
He felt very comfortable inside. Slowly he ate a large piece of pumpkin pie.
หลังจากกินเข้าไปจนอิ่มแล้ว ก็มาถึงของหวานรายการท้าย คือพายผลไม้  ในที่นี้แม่ทำพายฟักทองมาวางบนโต๊ะ  ลูกชายขนาดอิ่มแล้วยังกินเข้าไปอีกชิ้นใหญ่
ขนมพายที่แม่ทำให้พ่อ แม่ ลูกๆ 4 คน และครูที่มาค้างอยู่ด้วยในบ้าน  น่าจะเป็นพายฟักทองขนาดมหึมาทีเดียว   แล้วตัดแบ่งเป็นชิ้นสามเหลี่ยม ให้หยิบกินกันคนละชิ้นหรืออาจจะสองชิ้นก็ได้ถ้ามีเหลือพอ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 12, 11:37

สำหรับอาหารที่ตัวเองรู้สึกว่าเป็่นสัญลักษณ์ของแอลแมนโซ คือแพนเค้กที่วางซ้อนเป็นตั้ง ๆ ราดไซรัปจนชุ่ม แอลแมนโซคงทำแพนเค้กเก่งเป็นพิเศษนะคะ เพราะเห็นแสดงฝีมือในตอนฤดูหนาวอันแสนนานด้วย

รอยัลพี่ชายแอลแมนโซยอมรับว่าแม้แต่แม่ก็ยังสู้แอลแมนโซไม่ได้เรื่องทำแพนเค้ก     ในสมัยนั้นเขากินแพนเค้กกันทีละหลายสิบแผ่น  เพราะตั้งหนึ่งมี 10 แผ่น   เป็นอาหารพิเศษกินกันในวันอาทิตย์      ลูกๆกินกันคนละหลายๆตั้ง   มีเนยป้ายและราดน้ำเชื่อมทำจากน้ำตาลเมเปิ้ล เรียกว่าเมเปิ้ลไซรัป จนชุ่ม
เคยลองกิน  ทั้งมันทั้งหวาน  คนที่ชอบกะปิน้ำพริกปลาทู กินเข้าไปแผ่นเดียวก็อาจจะเลี่ยนจนหยุดแค่นั้น


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: ปรุงใจ ที่ 07 ธ.ค. 12, 13:59
การดื่มน้ำชาเป็นอีกเรื่องที่สงสัยมานานค่ะ มีอยู่ตอนหนึ่งที่พี่สาวคนโตของแอลแมนโซ ที่ชื่ออิไลซา เจน เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนกุลสตรีอะไรสักอย่าง แล้วมาบอกให้พ่อเปลี่ยนการดื่มน้ำชาจากจานรองถ้วยเป็นดื่มจากถ้วยแทน แสดงว่าคนยุคบุกเบิกดื่มน้ำชาจากจานรองถ้วยหรือคะ การดื่มจากถ้วยน้ำชาเพิ่งมานิยมในสมัยหลัง ๆ หรือคะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 12, 14:32
การดื่มชาจากจานรองเป็นธรรมเนียมที่ทำกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ค่ะ  ดื่มกันเป็นของธรรมดาสมัยวิคตอเรียน   ธรรมเนียมนี้มาจากยุโรปในหลายๆประเทศรวมทั้งอังกฤษด้วย    ดิฉันก็ไม่ทราบว่าบรรพบุรุษของแอลแมนโซมาจากประเทศไหน   แต่น่าจะมาจากอังกฤษเพราะแอลแมนโซเล่าว่าชื่อเขามาจากบรรพบุรุษที่ไปรบในสงครามครูเสด (ในยุคกลางของยุโรป) แล้วมีชายชาวอาหรับมาช่วยชีวิตไว้    จึงถือเป็นประเพณีว่าทุกชั่วคนจะต้องมีคนในสกุลไวลเดอร์ชื่อแอลแมนโซ  เพี้ยนจากภาษาอาหรับว่า อัล มันซู
ว่ากันว่าเมื่อชาเดินทางจากจีนไปยุโรปนั้น  เพื่อให้น้ำชาเย็นเร็วๆ  คนอังกฤษเทลงในถ้วยรอง  ซึ่งเป็นจานก้นลึกคล้ายๆถ้วยจีน    ต่อมาก็พัฒนาเป็นจานรองแบบที่ใช้กันมาจนทุกวันนี้    ความกว้างของจานรองทำให้ไอร้อนระเหยไปได้เร็ว    กลายเป็นธรรมเนียมดื่มกันเป็นปกติ  
จนปลายศตวรรษที่ 19   คนมีการศึกษาจึงยกเลิกการดื่มน้ำชาจากจาน กลับมาดื่มจากถ้วยโดยตรง


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ธ.ค. 12, 15:41

สำหรับอาหารที่ตัวเองรู้สึกว่าเป็่นสัญลักษณ์ของแอลแมนโซ คือแพนเค้กที่วางซ้อนเป็นตั้ง ๆ ราดไซรัปจนชุ่ม แอลแมนโซคงทำแพนเค้กเก่งเป็นพิเศษนะคะ เพราะเห็นแสดงฝีมือในตอนฤดูหนาวอันแสนนานด้วย

รอยัลพี่ชายแอลแมนโซยอมรับว่าแม้แต่แม่ก็ยังสู้แอลแมนโซไม่ได้เรื่องทำแพนเค้ก     ในสมัยนั้นเขากินแพนเค้กกันทีละหลายสิบแผ่น  เพราะตั้งหนึ่งมี 10 แผ่น   เป็นอาหารพิเศษกินกันในวันอาทิตย์      ลูกๆกินกันคนละหลายๆตั้ง   มีเนยป้ายและราดน้ำเชื่อมทำจากน้ำตาลเมเปิ้ล เรียกว่าเมเปิ้ลไซรัป จนชุ่ม
เคยลองกิน  ทั้งมันทั้งหวาน  คนที่ชอบกะปิน้ำพริกปลาทู กินเข้าไปแผ่นเดียวก็อาจจะเลี่ยนจนหยุดแค่นั้น

แพนเค้กรูปแรก เป็นเซรามิค กินเข้าไป ฟันร่วงหมดแน่ อิอิ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ธ.ค. 12, 15:44
การดื่มชาจากจานรองเป็นธรรมเนียมที่ทำกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ค่ะ  ดื่มกันเป็นของธรรมดาสมัยวิคตอเรียน   ธรรมเนียมนี้มาจากยุโรปในหลายๆประเทศรวมทั้งอังกฤษด้วย    ดิฉันก็ไม่ทราบว่าบรรพบุรุษของแอลแมนโซมาจากประเทศไหน   แต่น่าจะมาจากอังกฤษเพราะแอลแมนโซเล่าว่าชื่อเขามาจากบรรพบุรุษที่ไปรบในสงครามครูเสด (ในยุคกลางของยุโรป) แล้วมีชายชาวอาหรับมาช่วยชีวิตไว้    จึงถือเป็นประเพณีว่าทุกชั่วคนจะต้องมีคนในสกุลไวลเดอร์ชื่อแอลแมนโซ  เพี้ยนจากภาษาอาหรับว่า อัล มันซู
ว่ากันว่าเมื่อชาเดินทางจากจีนไปยุโรปนั้น  เพื่อให้น้ำชาเย็นเร็วๆ  คนอังกฤษเทลงในถ้วยรอง  ซึ่งเป็นจานก้นลึกคล้ายๆถ้วยจีน    ต่อมาก็พัฒนาเป็นจานรองแบบที่ใช้กันมาจนทุกวันนี้    ความกว้างของจานรองทำให้ไอร้อนระเหยไปได้เร็ว    กลายเป็นธรรมเนียมดื่มกันเป็นปกติ  
จนปลายศตวรรษที่ 19   คนมีการศึกษาจึงยกเลิกการดื่มน้ำชาจากจาน กลับมาดื่มจากถ้วยโดยตรง

คนอังกฤษมีรสนิยมในการดื่มชายามบ่าย เป็นการหรูหรามาก โถชาเป็นเครื่องเงินอย่างดี แก้วชาทำด้วยเซรามิกอย่างหรู บิสกิต สโคน เนย เสริฟมาบนถาดสูงซ้อนกันสามชั้น เป็นวัฒนธรรมการดื่มน้ำชาที่ฟู่ฟ่าหรูหรา


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 08 ธ.ค. 12, 19:42
เมื่อกว่า 15 ปีมาแล้ว รสนิยมการดื่มชาหรือกาแฟจากจานรองนี้ยังมีให้เห็นอยู่ในพม่า เห็นอยู่ได้ทั่วไปตลอดเส้นทางจากย่างกุ้งถึงมัณฑะเลย์  แต่ไม่เห็นในวงราชการและในกลุ่มคนที่พอจะมีฐานะ ไม่ทราบว่าเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใดแล้ว


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 12, 20:22
เป็นความรู้ใหม่ค่ะว่าพม่ายังดื่มน้ำชาจากจานรอง    คงเป็นวัฒนธรรมที่รับมาเมื่ออังกฤษเข้าครอบครองพม่าตั้งแต่สมัยพระเจ้าสีป่อ ตรงกับรัชกาลที่ ๓ ของไทย


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 12, 21:11
คนอังกฤษมีรสนิยมในการดื่มชายามบ่าย เป็นการหรูหรามาก โถชาเป็นเครื่องเงินอย่างดี แก้วชาทำด้วยเซรามิกอย่างหรู บิสกิต สโคน เนย เสริฟมาบนถาดสูงซ้อนกันสามชั้น เป็นวัฒนธรรมการดื่มน้ำชาที่ฟู่ฟ่าหรูหรา

นำรูปมาประกอบค่ะ
ชุดน้ำชาเงินสมัยวิคตอเรียน   ถ้วยชากระเบื้องอย่างดี  และขนมหวานที่กินกับน้ำชา    ดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของอังกฤษ เพราะฉะนั้นชุดน้ำชา รวมผ้าปูโต๊ะ ลายกุหลาบจึงเป็นลายคลาสสิค


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 09 ธ.ค. 12, 02:13
ที่ยุโรปยังมีหลายประเทศที่ทำอยู่ครับ
เห็นคำถามคุณปรุงใจหลายวันแล้วแต่ผมไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงอย่างไรเลยรอท่านอื่นมาตอบก่อน ครั้งแรกเลยผมเจอที่เบลเยี่ยม ดื่มกาแฟกันระหว่างเวลาพักก่อนอาหารกลางวัน
อาจารย์ผมเองเพิ่งเกษียณปีที่แล้ว (65) เป็น ศ.ดร. แต่ไม่ได้ดื่มจากจานรองโดยตรงนะครับ พอดื่มกาแฟหมดก็เอาน้ำร้อนๆ เทบนจานรองแล้ววนๆ จากนั้นก็เทกลับใส่แก้วอีกที ดร.คนญี่ปุ่นที่ไปด้วยกันมองแบบตาไม่กระพริบ ฝรั่งประหยัดกันมากครับ น้ำตาลก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆ ยังมีที่ตัดเลยครับ แต่ดื่มจากจานนั้นสาเหตุหลักๆ น่าจะเป็นเพราะร้อนไม่อยากรอดังที่หลายท่านอธิบายด้านบน


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 ธ.ค. 12, 15:31
ร้านกาแฟที่ภูเก็ต(ชาวเมืองเรียกโกปี้)สมัยก่อนแถววงเวียนน้ำพุ เช้าๆชาวบ้านจะนิยมไปนั่งเพราะใกล้ตลาดสดเทศบาล โกจะรินกาแฟใส่ถ้วยแก้วที่มีจานกระเบื้องรองจนล้นปรี่ทั้งแก้วทั้งจานมาเสริฟ ถือว่าเป็นการแถม คนสั่งจะเอาแก้วออกก่อนแล้วค่อยๆบรรจงประคองจานขึ้นมาซดจนหมด หลังจากนั้นจะวางแก้วลงในจาน แล้วค่อยๆซดกาแฟจากแก้วต่อไป

ผมไม่ได้ไปภูเก็ตมานานนับสิบปีแล้ว ไม่ทราบว่าวัฒนธรรมนี้ยังอยู่หรือไม่อยู่แล้ว


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 12, 19:14
ไม่เข้าใจวิธีกินจากจานจนแล้วจนรอดค่ะ  ว่ามันสะดวกง่ายดายตรงไหน
พอเข้าใจ  ว่าเทน้ำชาใส่จานมันอาจจะช่วยให้ไอร้อนระเหยได้เร็ว       แต่ลักษณะจานรองแบนๆ มันไม่เอื้อต่อเทน้ำชาเข้าปากเอาเสียเลย   
ถ้าไม่ประคับประคองให้ดี และไม่รู้วิธีเอียงจาน   ชาอาจจะไหลบ่าลงมาเป็นแผ่นแบบน้ำตก เทลงบนเสื้อและกางเกงแทนจะเข้าปาก  ผิดกับกินจากถ้วยก้นลึก น้ำชาไหลเข้าปากได้น้อยกว่า


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 12, 19:15
อินเดียก็มีธรรมเนียมดื่มชาจากจานรองเหมือนกันนะคะ     


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ธ.ค. 12, 19:29
ไม่เข้าใจวิธีกินจากจานจนแล้วจนรอดค่ะ  ว่ามันสะดวกง่ายดายตรงไหน
พอเข้าใจ  ว่าเทน้ำชาใส่จานมันอาจจะช่วยให้ไอร้อนระเหยได้เร็ว       แต่ลักษณะจานรองแบนๆ มันไม่เอื้อต่อเทน้ำชาเข้าปากเอาเสียเลย   
ถ้าไม่ประคับประคองให้ดี และไม่รู้วิธีเอียงจาน   ชาอาจจะไหลบ่าลงมาเป็นแผ่นแบบน้ำตก เทลงบนเสื้อและกางเกงแทนจะเข้าปาก  ผิดกับกินจากถ้วยก้นลึก น้ำชาไหลเข้าปากได้น้อยกว่า

ลองทำดูเลยครับ จะได้คำตอบว่า การเทเอียง ๆ ค่อย ๆ นำชาร้อน ๆ เข้าปากต้องทำด้วยความระวัง ค่อย ๆ ดูด และบางครั้งจะมีเสียงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการซดชา เสียงกับอากาศจะไหลเข้าริมปาก ทำให้ชาหายจากความร้อนอีกด้วยครับ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 12, 20:22
ลองทำดูเลยครับ จะได้คำตอบว่า การเทเอียง ๆ ค่อย ๆ นำชาร้อน ๆ เข้าปากต้องทำด้วยความระวัง ค่อย ๆ ดูด และบางครั้งจะมีเสียงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการซดชา เสียงกับอากาศจะไหลเข้าริมปาก ทำให้ชาหายจากความร้อนอีกด้วยครับ

เสียงซดชาดังเอื๊อกๆ รึเปล่าคะ   ;)

นี่ ผู้ดีอังกฤษต้องกรีดนิ้วจับหูถ้วยชา  แล้วค่อยๆจิบอย่างแนบเนียน เงียบกริบแบบคุณป้าคนนี้   ขืนซดจากจานรองดังโฮก  (หรือจะเอื๊อก) ก็ตาม  จะต้องถูกมองลอดแว่นอีกหลายครั้ง


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 12, 21:23
แม้ว่ากินอาหารค่ำกันอย่างอิ่มหนำสำราญแล้ว   เมื่อเสร็จอาหารเย็น   ครอบครัวของแอลแมนโซก็ยังไม่หยุดกินอยู่ดี    :o  เมื่อล้างถ้วยชามทำงานประจำวันเสร็จแล้ว   ทุกคนก็มานั่งกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ก่อนถึงเวลาเข้านอน
พ่อขึ้นมาจากห้องใต้ดิน(ที่ใช้เก็บผักผลไม้และเครื่องดื่มแทนตู้แช่ในฤดูหนาว)  นำเหยือกใหญ่บรรจุน้ำไซเดอร์ และลูกแอปเปิ้ลสดๆขึ้นมาด้วย
ส่วนรอยัลพี่ชายของแอลแมนโซคั่วข้าวโพดในเตา   จากนั้นก็เอาเนยเหลวเคล้าให้ทั่ว    กินข้าวโพดคั่ว แอปเปิ้ลสด และน้ำไซเดอร์ก่อนนอน 
When the work was done, Father came up thecellar stairs, bringing a big pitcher of sweet cider and a panful of apples. Royal took the corn-popper and a pannikin of popcorn.
When the big dishpan was heaping full of fluffy white popcorn, Alice poured melted butter over it, and stirred and salted it. It was hot and crackling crisp, and deliciously buttery and salty, and everyone could eat all he wanted to.
ในนี้บอกเสียด้วยว่า จะกินข้าวโพดคั่วมากเท่าไรก็ไม่มีใครว่า      สมัยนั้นเขากินกันจุจริงๆ  :o


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 09 ธ.ค. 12, 21:30
เรื่องรินชาหรือกาแฟลงในจานรองแล้วจิบหรือดื่มจากจานรองนี้  ผมได้รับฟังคำอธิบายมาอีกอย่างหนึง อย่างน้อยก็สองคนในต่างทวีป ว่าเป็นการสอนหรือบอกกล่าวให้คนท้องถิ่นที่อยู่ในอาณัติกระทำ (ในรูปของ licking)  เพื่อให้มีความแตกต่างไปจากการปฏิบัติของเจ้าขุนมูลนายที่ดื่มจากปากถ้วย     ผมก็เลยขอเดาต่อเอาว่า อาจจะเป็นเพราะว่าถ้วยใส่กาแฟและชาของคนที่เป็นเจ้าขุนมูลนายนั้นเป็นถ้วยมีหูจับ  เมื่อถ้วยของคนในอานัติเป็นถ้วยที่ไม่มีหูจับ ก็เลยบอกว่าเทลงใส่จานซิจะได้ไม่ร้อนมือ จะได้จิบได้สะดวกขึ้น   ซึ่งก็เลยมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า การเทกาแฟหรือชาลงในจานรองนั้น มักจะเห็นอยู่ในประเทศที่เคยอยู่ในอาณัติของประเทศเจ้าของอาณานิคมใดๆมาก่อน ซึ่งถ้วยกาแฟหรือชาที่เสิร์ฟมานั้นก็จะเป็นลักณะของถ้วยหรือแก้วที่ไม่มีหูจับที่จะเสิร์ฟมาพร้อมกับจานรอง      



กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 12, 21:43
ในตอนกินอาหารเย็น  พ่อของแอลแมนโซก็กินน้ำชาจากจานรอง ขณะกินอาหาร เหมือนเราอาหารเย็นแล้วต้องมีน้ำเปล่ากำกับด้วย
ชาในจานรองไม่ได้ดื่มจนหมดแล้วพอ  แต่เติมแล้วเติมอีก
Father blew on the tea in his saucer. He tasted  it, then drained the saucer and poured a little more tea into it.
ผู้เขียนบรรยายว่า พ่อเป่าน้ำชาในจานรองให้คลายร้อน แสดงว่าน้ำชาที่รินลงมาน่าจะร้อนจัดควันฉุยทีเดียว  พ่อก็ลองจิบ แล้วพอรู้สึกว่าอุ่นพอกินได้ ก็ดื่มจากจานรองจนหมด  แล้วเติมน้ำชาลงไปอีกนิดหน่อย    ครั้งที่สองคงไม่เต็มจานเหมือนครั้งแรก
ข้อสังเกตของคุณตั้งเรื่องการดื่มชาในอาณานิคม มีน้ำหนักอยู่มาก     อเมริกาโดยเฉพาะรัฐทางตะวันออก ที่พ่อของแอลแมนโซอาศัยอยู่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษเป็นส่วนใหญ่   วัฒนธรรมนี้อาจมาจากดั้งเดิมเมื่อครั้งอเมริกายังไม่เป็นประเทศเสรีแยกตัวออกจากอังกฤษ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 12, 21:49
ในตอนนี้พูดถึงเครื่องดื่มอีกอย่างคือ แอปเปิ้ลไซเดอร์     เมื่ออ่านนิยายชุดนี้ครั้งแรก ไม่รู้ว่ามันคืออะไร  รู้จากผู้แปลเพียงว่าทำจากแอปเปิ้ลหมัก     ต่อมามีโอกาสเห็นของจริง  ลองดื่มแล้วไม่ชอบ มันฉุนๆคล้ายผสมเหล้า ไม่อร่อย  ก็เลยไม่กินอีก   
จนบัดนี้ก็ไม่รู้วิธีทำว่าหมักยังไงแบบไหน   สไตล์เดียวกับน้ำหมักของป้าเช็งหรือไม่      ข้อสำคัญคือไม่รู้ว่าจัดเข้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเปล่านะคะ     
ถ้าหากว่ามีแอลกอฮอล์จากการหมักก็ต้องถือว่าชาวบ้านสมัยนั้นไม่ถือว่าเป็นเครื่องดองของเมา   ให้เด็กๆกินได้   แต่ถ้าไม่มีแอลกอฮอล์ ก็จัดเป็น soft drink  ปลอดภัยแก่คนทุกวัย
ได้แต่หารูปมาให้ดู    สมัยนี้ถ้าจะกินก็ง่ายมาก  ไม่ยากเหมือนสมัยแอลแมนโซ  เพราะเขามีขายสำเร็จรูป   เปิดขวดเทกินได้เลย จะผสมนั่นผสมนี่ลงไปเป็นคอกเทลก็ยังได้ค่ะ

ใครรู้จักแอปเปิ้ลไซเดอร์ กรุณาอธิบายเพิ่มเติมด้วยจะขอบคุณมาก


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 10 ธ.ค. 12, 19:29
ที่พอจะรู้และเคยเห็นอุปกรณ์การทำนะครับ
   
apple cider ก็คือ น้ำจากผลแอบเปิลสดที่ได้มาจากการบีบคั้น  สมัยเดิมนั้นก็ใช้ถังไม้ที่มีร่องอยู่รอบตัว ใส่ผลแอบเปิลสดลงไป ปิดด้วยฝาไม้ แล้วใช้คานไม้ต่อก้านกดลงไปบนฝาไม้นั้น บีบกดขยี้ลงไปด้วยแรงมากๆ ก็จะได้น้ำแอบเปิลผสมกับผงเนื้อชิ้นเล็กๆที่แหลกละเอียดออกมา (เป็นเครื่องเดียวกันกับที่ใช้คั้นน้ำจากผลองุ่น)  น้ำแอบเปิลสดนี้มีสองแบบคือแบบขุ่นข้น (ไม่กรองเอาเนื้อออก) และแบบใส (กรองเอาเนื้อออก)   สำหรับผมนั้นเห็นว่า น้ำแบบขุ่นข้นให้รสชาติและความอร่อยมากกว่าชนิดกรองแล้วมาก คือได้รสสัมผัสกับส่วนที่เป็นเนื้อด้วย

เครื่องบีบคั้นนี้ หรือเครื่องหีบนี้ มีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก พบเห็นอยู่ตามใต้ถุนของบ้านในชนบท ผมไม่เคยเห็นในสหรัฐฯเลย เคยเห็นแต่ในยุโรปเท่านั้น ตัวถังไม้ที่ใช้บรรจุองุ่นหรือแอบเปิลมีขนาดเส้นผ่าศุนย์กลางเพียงประมาณ 60 - 80 ซม. เท่านั้น แต่ตัวคานไม้ที่แขวนอยู่เพื่อให้เป็นน้ำหนักกดทับนั้น คือท่อนเสาไม้สี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 8x8 นิ้ว ยาวประมาณ 4 - 5 เมตร

เรื่องของเรื่องก็ไปอยู่ตรงที่ น้ำแอบเปิลและน้ำองุ่นนี้มันมีความหวานอยู่ในตัว หากไม่แช่เย็นแล้วทิ้งไว้ไม่กี่วันมันก็จะมีรสเปรี้ยว เมื่อตอนเริ่มมีรสเปรี้ยวนั้น มันก็กลายเป็นยาช่วยย่อยอาหาร   ฝรั่งผิวขาวนั้นเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์ที่มีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร จึงต้องการกินของที่เป็นกรดเพื่อไปช่วยย่อย   เมื่อรสชาติเปรี้ยวจัด มันก็กลายเป็นของที่เสียแล้วสำหรับกรณ๊การใช้กินเป็นน้ำผลไม้คั้น  แต่กลับเป็นของดีที่ใช้ในการทำอาหาร คือกลายเป็นน้ำส้มสายชูหมัก  เลยจากจุดนี้ต่อไปก็จะเกิดแอลกอฮอลล์ กินแล้วเมาได้ กลายเป็นไวน์ผลไม้ไป  ซึ่งจะมีดีกรีความแรงอยู่ที่ประมาณ 5 - 6 %   หากยังรู้สึกว่าดีกรีไม่แรงพอ ก็เอาไปกลั่น ก็จะกลายเป็นเหล้าที่เรียกว่า Brandy   กรณีน้ำจากแอบเปิลก็จะได้เหล้าที่คนฝรั่งเศสเรียกกันว่า Calvados  ในสหรัฐฯก็จะรู้จักกันในชื่อของ Moonshine (หรือเหล้าเถื่อน) ซึ่งมีการลักลอบทำกันมากในย่านตอนกลางและใต้ของเทือกเขา Appalachian โดยเฉพาะแถบรัฐ Kentucky, Tennessee และรอยต่อกับรับ North Carolina     หากเป็นเหล้ากลั่นมาจากน้ำองุ่นก็เป็นเหล้าที่เราเรียกกันในองค์รวมโดยทั่วๆไปว่า Cognac

ย้อนกลับมาเรื่องของ apple cider    ตามที่กล่าวมาแล้วว่า น้ำแอบเปิลและน้ำองุ่นคั้นนั้น มีทั้งแบบไม่กรองและแบบกรอง  น้ำขุ่นข้นแบบไม่กรองนี้ เมื่อออกรสเปรี้ยว เขาเรียกว่า Must (มูส) ง่ายๆก็คือกำลังเริ่มมีแอลกอฮอลล์เป็นของมึนเมา  มีคนจำนวนมากชอบกินมูสนี้   ในหน้าหนาวก็เอาไปอุ่นให้ร้อนกินแก้หนาวได้ดี (คงจะมึนนิดๆ) จะแช่ให้เย็นก็อร่อยดี กินแทนน้ำในระหว่างอาหารเย็นก็เข้ากับอาหารได้ดี     
เรื่องจึงไปเกิดอยู่ว่า แอลกอฮอลล์เป็นเรื่องที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต การผลิตเองโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจจะผิดกฎหมายได้  แอบเปิลไซเดอร์จึงกลายเป็นของที่คนทำและคนที่ดื่มกินต้องระระวัง อาจจะถูกจับได้ว่ากินเหล้าเถื่อน   เส้นแบ่งตรงเรื่องของความมีปริมาณของแอลกอฮอลล์นี้เอง ทำให้ชื่อเสียงของแอบเปิลไซเดอร์เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง  เข้าใจว่าในสหรัฐฯเองมีกฏหมายกำหนดให้น้ำแอบเปิลที่ใส่ขวดขายจะต้องเป็นน้ำที่กรองแล้วและจะต้อง pasteurized ด้วย เพื่อมิให้เกิดมีการหมักเป็นแอลกอฮอลล์ได้ต่อไป

คงพอได้ความนะครับ  เท่าที่พอจะมีความรู้ครับ   


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 12, 19:48
There was oatmeal with plenty of thick cream and maple sugar. There were fried potatoes, and the golden buckwheat cakes, as many as Almanzo wanted to eat, with sausages and gravy or with butter and maple syrup.
There were preserves and jams and jellies and doughnuts. But best of all Almanzo liked the spicy apple pie, with its thick,rich juice and its crumbly crust. He ate two big wedges of the pie.

แอลแมนโซเข้านอนตอนสามทุ่ม  ตื่นตีห้าไปรีดนมวัว ทำงานในคอกเสร็จแล้วจึงกลับมากินอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน     ข้างบนนี้คือรายชื่อของกินที่ตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหาร     อ่านแล้วก็คงเห็นภาพ ว่าจำนวนมากกว่าอาหารเช้าสมัยนี้หลายเท่าตัวค่ะ   ยังไม่ทันกิน อ่านรายชื่อก็จะอิ่มแล้ว
นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยแป้ง และน้ำตาล   มองไม่เห็นผักอยู่ตรงไหนเลย  ฤดูหนาวคงหาผักกินได้ยากโดยเฉพาะผักสด  

อย่างแรกที่บรรยายไว้ คือ oatmeal  มันเป็นซีเรียล(cereal) ชนิดหนึ่งทำจากข้าวโอ๊ตบดละเอียดตากแห้ง แล้วเอามาต้ม ทำเป็นอาหารเช้า  เวลากินก็ไม่ได้กินเปล่าๆ  แต่ปรุงรสให้อร่อย แบบเดียวกับกินซีเรียล    
ปัจจุบันนี้ มักจะเติมแค่นม ถ้ากลัวอ้วนก็เลือกใส่นมพร่องมันเนย    แต่สมัยของแอลแมนโซ นอกจากไม่กลัวความมันแล้วยังไม่กลัวความหวานอีกด้วย
โอ๊ตมีลนอกจากนม  จึงใส่น้ำเชื่อมทำจากน้ำตาลเมเปิ้ลผสมลงไปด้วย   ออกมาทั้งทั้งหวานทั้งมัน  


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 12, 19:55
เพิ่งเห็นค.ห.คุณตั้งเรื่องแอปเปิ้ลไซเดอร์   ขอบคุณที่อธิบายให้กระจ่างขึ้นค่ะ

เพราะดิฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่พ่อของแอลแมนโซไปจ้างเขาทำน้ำไซเดอร์เก็บไว้ดื่มตลอดปี   มีแอลกอฮอล์อยู่ด้วยหรือไม่     เพราะให้ลูกเล็กๆกินด้วย     พอดีนึกได้ว่าฝรั่งไม่กลัวเหล้า   เหล้าบรั่นดีถือว่าเป็นยานอกเหนือจากเป็นเหล้า  ดังนั้นแอลกอฮอล์น้อยๆจากไซเดอร์  ถือว่าสบายมากสำหรับเด็กอายุ 9 ขวบ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 12, 20:23
There were fried potatoes, and the golden buckwheat cakes, as many as Almanzo wanted to eat.

กินโอ๊ตมีลเข้าไปหนึ่งชาม  ยังไม่จบแค่นั้น ยังมันฝรั่งทอดตามมาอีก    มันฝรั่งที่ว่านี้หั่นเป็นแว่นแล้วทอดจนสุก  ซึ่งจะสุกแค่ไหนก็แล้วแต่ฝีมือแม่บ้านว่าทอดนานแค่ไหนถึงจะอร่อย  อาจจะดิบๆสุกๆ คือทั้งนิ่มและกรอบ  นิ่มตรงกลางกรอบตรงริม หรือบางชิ้นก็นิ่มบางชิ้นก็เกรียม   แต่ไม่ได้ทอดจนกรอบอย่างมันฝรั่งเลย์ที่เรากินกัน  เพราะไม่ได้ฝานบางขนาดนั้น

บวกจากโอ๊ตมีล  จานนี้นี่ก็เป็นแป้งอย่างที่สองแล้วนะคะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 12, 20:43
มาถึงคำที่ปวดหัวสำหรับดิฉันอีกคำหนึ่งคือ buckwheat cakes   คำว่า cakes ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าขนมเค้ก  แต่หมายถึงแพนเค้ก ซึ่งเป็นอาหารเช้าของคนอเมริกัน    ข้อนี้พอเข้าใจ 
ส่วนบั๊ควีท ตอนแรกเข้าใจผิดว่าเป็นข้าวสาลีชนิดหนึ่ง    มารู้ทีหลังว่าไม่ใช่    มันเป็นพืชอีกชนิดหนึ่ง จัดเข้าประเภทพืชทอดยอด  ปลูกกันเป็นทุ่ง  เมล็ดคล้ายเมล็ดทานตะวัน เปลือกนอกแข็ง แต่เนื้อในนุ่ม เอาไปทำแป้งได้

ข้างล่างนี้คือทุ่งบั๊ควีท และเมล็ดบั๊ควีท ที่เอามาทำแป้ง


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 12, 20:45
แม้ว่าบัควีทปลูกกันในอเมริกามากที่สุด แต่ผู้บริโภครายใหญ่สุดกลับเป็นญี่ปุ่น     เขาบอกว่าชาวญี่ปุ่นนิยมใช้แป้งบัควีทผสมกับแป้งข้าวสาลี เพื่อทำโซบะ หรือ เส้นบะหมี่ญี่ปุ่น เส้นจะนุ่มเหนียวและกรุบกว่าเส้นบะหมี่ที่ทำจากแป้งข้าวสาลีล้วนๆ 
ผลิตผลสำคัญอีกอย่างคือเปลือกเมล็ดบัควีท ทำเป็นไส้หมอนขายในญี่ปุ่นด้วยราคาค่อนข้างแพง เพราะหนุนแล้วจะยืดหยุ่นยุบตัวลงตามรูปของศีรษะและต้นคอ  นำออกมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย

แต่ตอนนี้กลับมาดูแพนเค้กบั๊ควีทที่แอลแมนโซกินกันก่อนว่าหน้าตาอย่างไร      สังเกตว่าแป้งบั๊ควีทสีคล้ำกว่าแป้งสาลี  เวลาเอามาทำแพนเค้ก  ขนมก็เลยสีคล้ำไปด้วยค่ะ
(หวังว่ารูปนี้คงไม่ใช่เซรามิคอีกนะคะ  ฟันจะร่วงเอา ;))


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 12, 10:51
with sausages and gravy or with butter and maple syrup.
แพนเค้กบั๊ควีท กินกับไส้กรอก (แบบอเมริกัน)   และมีเกรวี่  เนย กับน้ำเชื่อมเมเปิ้ล แทนซอสเอาไว้ปรุงรส

หารูปแพนเค้กราดน้ำเชื่อม กับไส้กรอก มาให้ดูกันค่ะ  ในรูปนี้เขาแถมแอปเปิ้ลสดหั่นเป็นชิ้นๆลงไปด้วย


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 11 ธ.ค. 12, 18:34
ไม่เคยกินแพนเค็กที่ทำจากแป้ง buckwheat ครับ  เคยแต่กินโซบะที่ทำจากบั๊กวีทจริงๆ อร่อยกว่าที่ทำมาจากแป้งผสม หรือเส้นโซบะเทียมมากๆ   ในญี่ปุ่นบั๊ควีทปลูกกันมากในพื้นที่ของเมือง Nagano   เส้นโซบะที่ทำจากบั๊ควีทจะนุ่มแต่ไม่เหนียวเหมือนเส้นบะหมี่ หากจะเทียบเคียงก็คงจะเหมือนกับกินข้าวเสาให้ (ค่อนข้างร่วน ไม่มียาง) ซึ่งจะต่างไปจากขาวหอมมะลิ (มียางและนิ่ม)   โซบะจากบั๊ควีทจะอร่อยด้วยตัวเส้นของมันเองเพียงกินกับน้ำซุบปรุงรสให้จัดสักหน่อย ก็คงจะให้ความรู้สึกของความต่างระหว่างกินข้าวเสาให้ราดแกงรสจัดกับกินข้าวหอมมะลิราดแกง


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 12, 18:52
โซบะที่ทำจากบั๊ควีท ในเมืองไทยน่าจะมีขายในร้านอาหารญี่ปุ่น  แต่ไม่รู้ว่าที่ไหนบ้าง   ไม่เคยเป็นนักชิมเสียด้วยค่ะ
 
There were preserves and jams and jellies and doughnuts. But best of all Almanzo liked the spicy apple pie, with its thick,rich juice and its crumbly crust. He ate two big wedges of the pie.
จากนั้นก็มีอาหารเช้าจำพวกแยม ให้กินกับขนมปังอีกชุดใหญ่  สังเกตได้ว่าแอลแมนโซบรรยายแยมไว้หลายชนิด ก็คงกินเข้าไปทุกอย่าง   และบอกว่ามีขนมโดนัทให้กินเสียด้วย    
โดนัทเป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งที่ดิฉันไม่เข้าใจว่าเป็นของคาว ของหวาน หรือของว่างกันแน่     ดูเหมือนจะเป็นได้ทั้ง ๓ อย่าง    เพราะนำมาวางรวมกับอาหารเช้าประเภทขนมปังและแยม   หรือโดนัทอาจจะกินพร้อมแยมก็ได้  
เอ่ยถึงโดนัท  เราก็จะเห็นภาพขนมรูปกลมมีรูตรงกลาง  เคลือบน้ำตาลสีๆ หรือช็อคโกแลตให้หวานจัด  (รูปซ้ายมือ)    แต่โดนัทที่แม่ของแอลแมนโซทำเป็นโดนัทแบบโบราณ  (รูปทางขวามือ)    แม่ใช้วิธีนวดแป้งเป็นท่อนกลมยาวแล้วบิดเป็นเกลียวครั้งเดียว     ไม่ได้เป็นเกลียวหลายท่อนอย่างขนมเกลียวในบ้านเรา    
สมัยก่อนที่อาหารการกินต้องทำโดยแม่บ้าน หาซื้อไม่ได้   เพื่อประหยัดเวลา  แม่บ้านชอบทำโดนัทแบบนี้  เพราะเมื่อหย่อนลงในกระทะใส่น้ำมันร้อนๆ   โดนัทเกลียวแบบนี้จะบิดตัวได้เอง  พลิกตัวให้สุกได้โดยคนทำไม่ต้องคอยพลิกกลับด้านล่างขึ้นมาข้างบน อย่างโดนัทรูปกลมๆ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 12, 18:56
บ้านเรามีขนมชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายๆโดนัทโบราณของอเมริกัน  วิธีทำก็น่าจะคล้ายกันคือผสมแป้ง ทำเป็นท่อนยาวแล้วบิด ทอดน้ำมันร้อนๆ      แต่ดิฉันจำชื่อไม่ได้ว่าอะไร
ดูจากอินทรเนตร ในเว็บนี้คนทำเรียกว่าขนมเปีย  คนละอย่างกับขนมเกลียว


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 12, 18:59
But best of all Almanzo liked the spicy apple pie, with its thick,rich juice and its crumbly crust. He ate two big wedges of the pie.
ส่งท้ายรายการอาหารเช้าด้วยพายแอปเปิ้ล  ซึ่งตัดแบ่งเป็นชิ้น    แต่ละชิ้นก็ใหญ่ๆทั้งนั้น  ในเมื่อบ้านนี้ให้ลูกกินอาหารอย่างอิ่มหมีพีมัน  แอลแมนโซจึงกินถึง 2 ชิ้นใหญ่ๆโดยไม่มีใครว่า
ดูจากอาหารเช้าในบ้าน  คนสมัยนั้นต้องใช้แรงงานมากทีเดียว    เพราะทุกอย่างสำเร็จด้วยแรงคน ไม่มีเครื่องจักรทุ่นแรง    ไปโรงเรียนก็ไม่มีรถไปส่ง ต้องเดินกันไปสองหรือสามไมล์กว่าจะถึง ในฤดูหนาวที่หิมะตกหนัก   เด็กๆจึงต้องกินแป้งและน้ำตาลมากให้ร่างกายอบอุ่น    ถ้าเป็นสมัยนี้ กินแบบนี้  หมอคงจะต้องจับเด็กลดน้ำหนักกันเป็นการใหญ่


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 12, 09:34
คนสมัยนั้นมีไอศกรีมกินในฤดูร้อน   เพราะเก็บน้ำแข็งเอาไว้ตั้งแต่ในฤดูหนาว      พ่อจ้างลูกจ้างมาตัดน้ำแข็งที่จับตัวอยู่เหนือทะเลสาบ ออกเป็นก้อนสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ แล้วเข็นเข้าไปในโรงเก็บน้ำแข็ง     รักษาความเย็นเอาไว้ด้วยขี้เลื่อย  มันจะไม่ละลายแม้แต่อากาศเปลี่ยนเป็นอุ่นขึ้น
ลูกชายทั้งสองช่วยพ่อทำงานด้วย     ส่วนแม่ก็ทำอาหารมื้อกลางวันอย่างอร่อยเตรียมไว้ให้   โดยเฉพาะของโปรดของแอลแมนโซ คือแอปเปิ้ลทอดกับหัวหอม

Almanzo said that what he liked most in the world was fried apples'n'onions.

แอปเปิ้ลทอด(หรือผัด) กับหัวหอมเป็นอาหารแบบชนบท    กินแทนสลัด  จะใส่แค่แอปเปิ้ลและหัวหอม หรือใส่เบคอนลงไปด้วยก็ได้   ให้ออกรสหวานเค็มระคนกัน     อย่างในภาพซ้าย
ในสมัยโน้น  แม่ใช้น้ำมันจากหมูเค็มหรือเบคอนมาทอด   แต่สมัยนี้นิยมใช้เนยแทน    ส่วนน้ำตาลทรายแดงจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้  แต่สมัยโน้นเขากินหวานกันอยู่แล้ว  แอปเปิ้ลกับหัวหอมจึงมีน้ำตาลทรายแดงปรุงรสด้วย


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 12, 13:05
Almanzo ate four large helpings of apples' n'onions fried together. He ate roast beef and brown gravy, and mashed potatoes and creamed carrots and boiled turnips, and countless slices of buttered bread with crab-apple jelly.
"It takes a great deal to feed a growing boy,"Mother said. And she put a thick slice of birds'-nest pudding on his bare plate, and handed him the pitcher of sweetened cream speckled with nutmeg.
Almanzo poured the heavy cream over the apples nested in the fluffy crust. The syrupy brown juice curled up around the edges of the cream.Almanzo took up his spoon and ate every bit.

มาดูกันนะคะ  ว่าแอลแมนโซกินอะไรบ้างเป็นอาหารกลางวัน     หลังจากกินอาหารเช้าอิ่มหนำสำราญมาแล้ว
อย่างแรกประเดิมด้วยแอปเปิ้ลทอดกับหัวหอมชามมหึมา ที่แอลแมนโซขอเติมถึง 4 ครั้ง  (แปลว่าชามใหญ่จริงๆ น่าจะเกือบเท่ากาละมัง)  ต่อมาคือเนื้ออบราดน้ำเกรวี่   มันฝรั่งบด  หัวผักกาดเหลือง(แครอท) ราดครีม  และหัวผักกาด(ขาว)ต้ม   ตามมาด้วยขนมปังทาเนยและแยมทำด้วยแอปเปิ้ลชนิดเล็กรสเปรี้ยว  อีกนับไม่ถ้วน  :o
รูปข้างล่าง เนื้ออบราดน้ำเกรวี่ และมันฝรั่งบด


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 12, 13:08
 หัวผักกาดเหลือง(แครอท) ราดครีม


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 12, 13:13
หัวผักกาดขาวต้ม


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 12, 13:21
ขนมปังทาเยลลี่ทำจากแครปแอปเปิ้ล


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 12, 13:51
"It takes a great deal to feed a growing boy,"Mother said. And she put a thick slice of birds'-nest pudding on his bare plate, and handed him the pitcher of sweetened cream speckled with nutmeg.

เมื่อจบของคาวแล้ว    ถึงเวลากินของหวานส่งท้ายอันได้แก่พุดดิ้ง   พุดดิ้งก็เป็นอาหารอีกอย่างที่อธิบายยากเหมือนกัน   เพราะเป็นของหวานก็ได้ของคาวก็ได้   แบบเดียวกับขนมพาย    
ในอเมริกาและอังกฤษมีวิธีทำพุดดิ้งไม่เหมือนกันค่ะ    พุดดิ้งในอเมริกามีส่วนผสมหลักคือนมกับไข่   ส่วนพุดดิ้งอังกฤษมีหลากหลาย หวานบ้างคาวบ้าง อย่างคาวก็คือพุดดิ้งไส้เนื้อและไต (steak and kidney pie) คุณตั้งอาจจะเคยกิน  ส่วนดิฉันได้ยินชื่อแล้วก็ไม่นึกอยากแตะเลยค่ะ

แม่ของแอลแมนโซทำพุดดิ้งที่เรียกว่าพุดดิ้งรังนก    ขนมพุดดิ้งชนิดนี้ตามประวัติบอกว่ามาจากสวีเดน  และนิยมกันในช่วงกลางศตวรรษที่ 19    เป็นได้ว่าแม่ของแอลแมนโซอาจจะมีเชื้อสายสวีเดน
พุดดิ้งรังนกที่ทำคงไม่หวาน    แม่จึงทำครีมหวานโรยผงลูกจันทน์เพื่อราดเวลากิน     รูปซ้ายคือพุดดิ้งรังนก  รูปขวาคือครีมหวานใส่ผงลูกจันทน์


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 13 ธ.ค. 12, 21:09
เมื่อจบของคาวแล้ว    ถึงเวลากินของหวานส่งท้ายอันได้แก่พุดดิ้ง   พุดดิ้งก็เป็นอาหารอีกอย่างที่อธิบายยากเหมือนกัน   เพราะเป็นของหวานก็ได้ของคาวก็ได้   แบบเดียวกับขนมพาย   
ในอเมริกาและอังกฤษมีวิธีทำพุดดิ้งไม่เหมือนกันค่ะ    พุดดิ้งในอเมริกามีส่วนผสมหลักคือนมกับไข่   ส่วนพุดดิ้งอังกฤษมีหลากหลาย หวานบ้างคาวบ้าง อย่างคาวก็คือพุดดิ้งไส้เนื้อและไต (steak and kidney pie) คุณตั้งอาจจะเคยกิน  ส่วนดิฉันได้ยินชื่อแล้วก็ไม่นึกอยากแตะเลยค่ะ
พุดดิ้งรังนกที่ทำคงไม่หวาน    แม่จึงทำครีมหวานโรยผงลูกจันทน์เพื่อราดเวลากิน     รูปซ้ายคือพุดดิ้งรังนก  รูปขวาคือครีมหวานใส่ผงลูกจันทน์

ทำให้นึกถึง Rice pudding จะให้เป็นของหวานก็เพียงใส่น้ำตาลทำให้หวาน   ว่าแต่ว่าขนมอะไรของไทยที่เข้าข่ายเป็นพุดดิ้งบ้างครับ

แน่ะ มีการใช้ผงลูกจันทร์แล้ว 

ทำให้นึกถึงเมนูแอบเปิล ไม่เห็นมีการกล่าวถึงการใช้อบเชยช่วยชูกลิ่นและรสเลย


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 12, 21:17
ที่คล้ายพุดดิ้งในบ้านเรา คือข้าวยาคูค่ะ   อีกอย่างคือคัสตาร์ด    ส่วน rice pudding ดูจากรูปแล้วเหมือนข้าวต้มนม ใส่น้ำตาล   ไม่นึกอยากกินอีกเหมือนกัน

But best of all Almanzo liked the spicy apple pie, with its thick,rich juice and its crumbly crust. He ate two big wedges of the pie.
แอลแมนโซชอบกินพายแอปเปิ้ลใส่เครื่องเทศ    คนเขียนไม่ได้บอกว่าเครื่องเทศนั้นคืออะไร    ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นอบเชยอย่างที่คุณตั้งตั้งข้อสังเกต


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ธ.ค. 12, 10:37
One at a time they would be dug out, and Mother would  make ice-cream and lemonade and cold egg-nog.
น้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ ที่กลบด้วยขี้เลื่อยจะแข็งตัวอยู่ตั้งแต่ฤดูหนาวถึงฤดูร้อน     พอถึงฤดูร้อนก็จะเอาออกมาทีละก้อน   แม่จะทำไอศกรีม  น้ำมะนาว(ใส่น้ำแข็ง) และเอ๊กน้อก

ไอศกรีมและน้ำมะนาว คนไทยรู้จัก แต่เอ๊กน้อกคืออะไร    ครั้งแรกที่ไปต่างแดน ไปเดินหาเอ๊กน้อกในซูเปอร์  พบว่ามีขายเป็นกล่องก็ซื้อกลับมากินที่บ้าน
พบว่ามันเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่ง เป็นน้ำนมหรือครีมค่อนข้างข้น  รสชาติหวานแสบไส้     บางคนก็เอาไปประดิดประดอยใส่เหล้ารัมลงไปบ้าง   หรือบีบวิปครีมบนผิวหน้าบ้าง    แต่ยังไงก็ยังไงหวานจัดอยู่นั่นเอง  เลยกินได้ไม่หมดถ้วยจนแล้วจนรอด

ในยุคของหนังสือเล่มนี้  เมื่อพ่อจ้างคนมาทำงานในไร่ตลอดวัน   แม่จะทำเอ๊กน้อกปนน้ำแข็ง ให้แอลแมนโซหิ้วใส่ถังไปให้คนงานดื่มกัน   เพื่อจะได้มีแรงทำงานกลางแดดจัด    พ่อเชื่อว่าคนงานจะทำงานได้ทั้งวันถ้ามีเอ๊กน้อกให้ดื่มเพียงพอ    เมื่อนึกถึงความหวานของเครื่องดื่มชนิดนี้ ก็พอนึกออกว่ามันต้องให้พลังงานมากทีเดียว ชดเชยกับพลังงานที่เสียไปตั้งแต่เช้ายันค่ำ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 14 ธ.ค. 12, 19:49
ผมรู้จัก eggnog มาตั้งแต่เด็ก เมื่อครั้งคุณแม่พยายามสรรหาทำของกินแปลกๆให้คุณพ่อทานเพื่อความสดชื่นและบำรุงร่างกาย (คุณพ่อผมเป็นหมอคนเดียวประจำอยู่ในโรงพยาบาลในต่างจังหวัด คงนึกสภาพออกนะครับว่า OPD มีคนไข้เป็นร้อย ผ่าตัด ทำคลอด ชัณสูตรพลิกศพ และงานสังคมอื่นๆ ทุกวัน ฯลฯ)  ที่จำได้คือ แม่ใช้ไข่ไก่สด ตีให้เข้ากับนมสด ใส่น้ำตาล แล้วแช่เย็น (ในตู้เย็นสมัยนั้นที่ใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด)   ผมว่าไม่อร่อยและไม่น่ากินเลย ซึ่งพ่อก็โอเค แต่พ่อก็ดูจะนิยมการ relax กับการกรึ๊บพร้อมกับแกล้มดีๆไม่ได้


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 12, 09:15
ในเรื่องนี้ บรรยายถึงอาหารเย็น อาหารเช้า และอาหารกลางวัน  ทำให้เราเห็นว่าฝรั่งสมัยก่อนเขากินกันมากขนาดไหน  โดยเฉพาะคนใช้แรงงาน   ทำให้พลอยรู้จักอาหารพื้นบ้านของชาวไร่ชาวนาอเมริกันเมื่อปลายศตวรรษก่อนด้วย   ยังไม่หมดแค่นี้ค่ะ  เขายังมีอาหารพิเศษวันอาทิตย์ด้วย
วันอาทิตย์ถือเป็นวันพิเศษ    คือวันที่พระเจ้าประทานให้เป็นวันหยุดพักผ่อนของมนุษย์หลังจากทำงานหนักมา 6 วัน   ผู้นับถือศาสนาเคร่งครัดจึงจัดกิจกรรมวันอาทิตย์ไว้เป็นพิเศษ     ทำตัวไม่ซ้ำแบบกับวันอื่นๆ   อย่างแรกคือต้องอาบน้ำให้สะอาดตั้งแต่คืนวันเสาร์  พร้อมสำหรับตื่นเช้ามาก็แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดดีที่สุด  ออกจากบ้านไปโบสถ์ ฟังเทศน์ แล้วกลับมาพักผ่อนในตอนบ่ายไปจนกระทั่งค่ำ  ห้ามทำงานใดๆ   เด็กๆแม้แต่จะเล่นก็ไม่ได้   ต้องพักจริงๆ   บ่ายวันอาทิตย์จึงเป็นบ่ายที่น่าเบื่อที่สุดไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก

เรื่องอาบน้ำนี้ฝรั่งเขาไม่ได้อาบวันละ 2 เวลาอย่างเรา    อากาศหนาวจัด    อาบกันสัปดาห์ละหนก็พอค่ะ ไม่งั้นผิวแตกหมด     สมัยโน้น อาบน้ำเป็นเรื่องใหญ่เพราะต้องไปตักน้ำใส่ถังอาบเองแล้วเทน้ำทิ้ง  ไม่ได้เปิดก๊อกหรือฝักบัวอย่างสะดวกสบายอย่างสมัยนี้      เสื้อผ้าก็เหมือนกัน เขามี 2 ประเภทคือเสื้อผ้าใส่ทำงานทุกวัน  กับเสื้อผ้าใส่วันอาทิตย์เวลาไปโบสถ์       ในเรื่องนี้แม่ของแอลแมนโซทอผ้าเองจากขนแกะที่เลี้ยงเอง  ตัดเย็บเสื้อเอง  ลูกๆจึงมีเสื้อผ้าดีๆ แต่ก็มีเท่าที่จำเป็น ไม่เกิน 3-4  ชุด   ไม่ได้มีเป็นสิบๆชุดอย่างสมัยนี้


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 12, 09:41
อาหารวันอาทิตย์ก็เป็นอาหารพิเศษกว่าวันอื่นเช่นกัน    มาดูกันนะคะว่าแม่ทำอะไรเป็นพิเศษ

SUNDAY

Mother was making stacked pancakes because this was Sunday.The big blue platter on the stove's hearth was full of plump sausage cakes; Eliza Jane was cutting apple pies and Alice was dishing up the oatmeal, as usual.
But the little blue platter stood hot on the back of the stove, and ten stacks of pancakes rose in tall towers on it.Ten pancakes cooked on the smoking griddle,and as fast as they were done Mother added another cake to each stack and buttered it lavishly and covered it with maple sugar. Butter and sugar melted together and soaked the fluffy pancakes and dripped all down their crisp edges.That was stacked pancakes. Almanzo liked them better than any other kind of pancakes.

วันอาทิตย์ แม่ทำแพนเค้กชนิดซ้อนกันเป็นตั้งๆ ให้กินเป็นพิเศษตอนเช้า  นอกเหนือจากอาหารประจำ คือไส้กรอก  พายแอปเปิ้ล และโอ๊ตมีล 
ถ้าท่านที่อ่านกระทู้นี้เกิดงงว่าแพนเค้กมันไม่ได้ซ้อนกันเป็นตั้งๆอย่างในรูปก่อนหน้านี้หรือ  ขออภัยที่ทำให้สับสน   แพนเค้กที่กินกันวันธรรมดา ใส่จานมาหลายแผ่นก็จริงแต่เขากินกันทีละแผ่น  ขอเติมอีกก็ได้     แต่แพนเค้กวันอาทิตย์นี้ เขากินกันคนละตั้ง   ไม่ได้กินกันทีละแผ่นสองแผ่นอย่างแพนเค้กธรรมดา
แอลแมนโซกำลังโต  กินทีละหลายๆตั้ง    คิดว่าขนาดของแพนเค้กคงเล็กกว่าแพนเค้กธรรมดา ไม่งั้นคงกินไม่ไหว
แพนเค้กของแม่ ทอดให้ฟูนุ่มและตรงริมๆกรอบ   แม่ทาเนยให้ทั่วแผ่นแล้วเอาน้ำตาลเชื่อมราด  เนยกับน้ำตาลก็ซึมเข้าด้วยกันเข้าไปในเนื้อ   ใครชอบหวานคงกินได้ไม่เบื่อ

เมื่อแอลแมนโซโตเป็นหนุ่ม  ออกจากบ้านไปผจญภัยอยู่ในดินแดนนักบุกเบิกทางตะวันตก    ไม่มีแม่หรือพี่สาวน้องสาวตามมาทำอาหารให้กิน ก็เลยต้องหัดทำแพนเค้กเอง     ในหนังสือบอกว่าแอลแมนโซทำได้อร่อยมาก  แม้แต่แม่ยังสู้ไม่ได้


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 12, 09:02
แม่เตรียมอาหารกลางวันวันอาทิตย์เอาไว้ตั้งแต่คืนวันเสาร์  เพราะวันอาทิตย์ไม่มีการทำงานใดๆแม้แต่หุงต้มอาหารการกินก็ถือเป็นงาน 
 
In thepantry Mother was filling the six-quart pan with boiled beans, putting in onions and peppers and the piece of fat pork, and pouring scrolls of molasses over all. Then Almanzo saw her open the flour barrels. She flung rye flour and cornmeal into the big yellow crock, and stirred in milk and eggs and things, and poured the big baking-pan full of the yellow-gray rye'n'injun dough.

แม่ทำถั่วอบจากถั่วที่ต้มจนนิ่มแล้ว  ปรุงรสด้วยหัวหอมและพริกไทยและมันหมู  ราดน้ำเชื่อมลงไปจนทั่วก่อนเอาเข้าเตาอบ ให้มันค่อยๆสุกไปจนได้ที่ในวันรุ่งขึ้น
ขนมปังที่แม่ทำเป็นอาหารพิเศษในวันอาทิตย์  คือขนมปังแป้งไรย์   ขนมปังชนิดนี้มีส่วนผสมระหว่างแป้งข้าวไรย์ แป้งข้าวโพ  นม และไข่  ออกมาเป็นแป้งสีเหลืองปนเทา   อบจนสุกเป็นก้อนขนมปัง

รูปข้างล่างคือขนมปังแป้งไรย์     มีวิธีทำอยู่ในลิ้งค์นี้ค่ะ
http://recipes.sparkpeople.com/recipe-detail.asp?recipe=327994


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 19 ธ.ค. 12, 19:32
ขอย้อนกลับไปที่ ค.ห. 56 เรื่องแพนเค็ก

นึกขึ้นได้ว่า แถบที่พักชายทะเลของไทยที่ฝรั่งนิยมไปพักผ่อนกันนั้น ก็มีการสร้างสรรอาหารเช้าชนิดหนึ่งขึ้นมา เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวยาวนานมานับสิบๆปีแล้ว  ชื่อว่า banana pancake    ไม่ทราบต้นตอว่าเป็นฝรั่งตั้งชื่อให้หรือชาวบ้่านตั้งชื่อกันเอง   มันก็คือกล้วยหอมผ่าครึ่งหรือผ่าเป็นแผ่นสามชิ้นตามยาวราดด้วยนมข้นหวาน  เห็นฝรั่งนักท่องเที่ยวนิยมสั่งกินกัน ขายดีทีเดียว    คิดเอาเองว่าอีกไม่นานอาจจะเป็นอาหารอีกชื่อหนึ่งในตระกูลเคร๊ปประจำถิ่นของโลก


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 12, 20:12
เรียกความทรงจำกลับคืนมา
กล้วยหอมราดนมข้นที่ว่า เคยกินเป็นของหวานตอนเด็กๆค่ะ   นมข้นต้องแช่ตู้เย็นให้เย็นเฉียบก่อนนำมาราด     อร่อยนักเชียว
นมข้นเข้ากับกล้วยหอมได้ดี   แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นกล้วยน้ำว้าหรือกล้วยไข่ละก็  ออกมาไม่เป็นสับปะรด

เข้าใจว่าดัดแปลงมาจากกล้วยหอมราดครีม  ซึ่งเป็นของหวานของฝรั่ง  แต่ไม่ทราบว่าต้นกำเนิดมาจากยุโรปชาติไหนค่ะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 12, 20:23
Mother was in the pantry, setting the top crust on the Sunday chicken pie. Three fat hens were in the pie, under the bubbling gravy. Mother spread the crust and crimped the edges, and the gravy showed through the two pine-trees she had cut in the dough. She put the pie in the heating-stove's oven, with the beans and the rye'n'injun bread.

พายไก่เป็นอาหารอร่อย และค่อนข้างโก้สำหรับชาวบ้าน     เพราะต้องเลี้ยงไก่เอง ถึงจะมีสิทธิ์กิน       จึงได้รับเกียรติอยู่บนโต๊ะในวันอาทิตย์ด้วย       บ้านของแอลแมนโซมีพ่อแม่ลูกหกคน  พ่อก็ทำงานหนัก   ลูกชายก็กินจุทั้งคู่     พายไก่จึงต้องทำขนาดเบ้อเร่อกว่าพายธรรมดาทั่วไป    เห็นได้จากพายไก่ที่ทำทุกวันอาทิตย์นั้น  แต่ละครั้ง แม่ใช้ไก่ตัวอ้วนๆถึง 3 ตัวเป็นไส้ของพาย    แสดงว่าพายนั้นขนาดน่าจะเท่ากาละมังใบย่อมๆทีเดียวละค่ะ
ผิดกับบ้านลอร่าซึ่งมี 6 คนเช่นกันแต่กินพายฟักทองดิบขนาดเท่าชามใบเดียว   ตามประสาชาวนาจนๆ

รูปพายไก่ที่นำมาให้ดูนี้  แสดงให้เห็นว่าเนื้อไก่แช่ในน้ำเกรวี่ที่อบไว้เป็นเนื้อในของแป้งพายนั้นเขาใส่กันไว้อย่างไร    ผู้เขียนเล่าว่าน้ำเกรวี่ปริ่มขึ้นมาบนรอยที่เจาะไว้บนหน้าพาย    แสดงว่าน้ำขลุกขลิกในพายนั้นทำไว้ฉ่ำทีเดียว


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 12, 20:41
He felt a little better when he sat down to the good Sunday dinner. Mother sliced the hot rye'n'injun bread on the bread-board by her plate.Father's spoon cut deep into the chicken-pie; he scooped out big pieces of thick crust and turned up their fluffy yellow under-sides on the plate. He poured gravy over them; he dipped up big pieces of tender chicken, dark meat and white meat sliding from the bones. He added a mound of baked beans and topped it with a quivering slice of fat pork. At the edge of the plate he piled dark-red beet pickles. And he handed the plate to Almanzo.Silently Almanzo ate it all. Then he ate a piece of pumpkin pie, and he felt very full inside. But he ate a piece of apple pie with cheese.

อาหารกลางวันวันอาทิตย์ของแอลแมนโซ ล้วนน่าอร่อย  ผู้เขียนบรรยายเห็นภาพจนคนอ่านน้ำลายหก  จึงไม่ควรอ่านขณะท้องยังว่างอยู่   ;)
พ่อเป็นคนตักอาหารแจกแม่และลูกๆทุกคน    พ่อใช้ช้อนคันใหญ่จ้วงตักลงไปในชามพาย  ตักแป้งชิ้นใหญ่หนาขึ้นมาแล้วพลิกให้เห็นข้างใต้ เห็นเนื้อฟูเหลือง    ตักน้ำเกรวี่จากพายราดลงไป    แล้วจึงตักเนื้อไก่ที่อบไว้จนนิ่ม ทั้งเนื้อขาและเนื้อส่วนอกที่เปื่อยนุ่ม  จนกระทั่งล่อนหลุดออกมาจากกระดูก   แสดงว่านุ่มจนไม่ต้องเคี้ยวเลยก็ว่าได้
อาหารบนจานนอกจากพายไก่  ก็มีถั่วอบซึ่งด้านบนโรยด้วยมันหมูนิ่มๆ    และยังมีผักดองแก้เลี่ยนอีกกองหนึ่งด้วย


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 12, 20:46
At the edge of the plate he piled dark-red beet pickles.
หัวบีตสีแดงแก่ ดองเป็นผักดอง


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 12, 20:53
Then he ate a piece of pumpkin pie, and he felt very full inside. But he ate a piece of apple pie with cheese.

พายฟักทอง


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 12, 21:10
But he ate a piece of apple pie with cheese.
พายฟักทองและพายแอปเปิ้ล กินเป็นของหวาน   มีเสริมอีกอย่างคือกินกับเนยแข็งซึ่งมีรสเค็ม   ทำให้เนยแข็งกลายเป็นส่วนประกอบของของหวานไป
เนยแข็งเป็นของกินอีกอย่างที่กินกันได้หลายแบบ    นับดูแล้วก็เวียนหัวพอใช้       เนยของฝรั่งมีทั้งเนยอ่อน butter  และเนยแข็ง cheese  เนยอ่อนเอาไว้ทาขนมปังเป็นของกินเบสิค  ข้อนี้ไม่ต้องสงสัย   กินเป็นส่วนประกอบของแพนเค้กซึ่งเป็นแป้งเหมือนกัน
ส่วนเนยแข็ง ที่นึกออกตอนนี้คือกินกับไวน์เป็นของแกล้มเหล้า   แบ่งเกรดแบ่งประเภทกันสารพัดอย่างซึ่งดิฉันไม่มีความรู้ (เพราะไม่กินเหล้า)     คิดว่าท่านอื่นๆในกระทู้นี้คงจะมีความรู้เรื่องไวน์กับเนยแข็งอยู่ไม่มากก็น้อย ก็เชิญวิสัชนาตามอัธยาศัยนะคะ

นอกจากกินกับไวน์ เนยแข็งแผ่นๆเอามาเป็นไส้ของขนมปังชิ้นกลมๆยัดไส้เนื้อบดและผักสลัด เป็นชีสเบอร์เกอร์   เนยแข็งผสมมะเขือเทศและแป้งกรอบ  เป็นพิซซ่า  เนยแข็งกินกับขนมปังบิสกิ้ต เป็นกับแกล้มหรือของว่างก็ได้   

รูปข้างล่างนี้คือเนยแข็งกับไวน์ค่ะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 12, 21:15
ชีสเบอร์เกอร์(ซ้าย) เนยแข็งกับบิสกิ้ต(ขวา)


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 12, 09:25
บ้านของแอลแมนโซเป็นทุ่งนานอกเมือง   มีป่าละเมาะนอกเมืองที่ผลไม้ป่าขึ้นอยู่เกลื่อนกลาด    เก็บกินได้ตามสบาย ไม่ต้องปลูก  ในเรื่องบรรยายว่ามีลูกวินเทอร์กรีนเบอรี่ สตรอเบอรี่ป่า และบลูเบอรี่
แม่กับพี่สาวของแอลแมนโซเก็บผลไม้ป่ามากวนทำแยมและเยลลี่กินกันตลอดปี     แม่ทำพายผลไม้ให้ลูกๆกินอีกด้วย 

ข้างล่างนี้ ซ้ายบนคือลูกวินเทอร์กรีนเบอรี่  ออกลูกสีแดงสด  ใบยังเขียวอยู่ในฤดูหนาว    ใบไม้ชนิดนี้เอามาหมักทำกลิ่นผลไม้ไว้ใส่ขนมและคุกกี้ได้
ขวาบน  บลูเบอรี่ ทำพายและเค้ก
ข้างล่าง  คือสตรอเบอรี่ป่า  ลูกเล็กๆขึ้นเองในป่า   แตกต่างจากสตรอเบอรี่ชนิดปลูก ที่ลูกโตกว่า  เป็นอย่างที่เราปลูกกันทางภาคเหนือ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 21 ธ.ค. 12, 20:15
ยังไม่เห็นมีการกล่าวถึง Rhubarb บ้างเลยครับ 

ต้น Rhubarb เป็นทั้งสมุนไพรยา และใช้ทำอาหารหวานก็ได้
 
ผมเข้าใจเอาเองว่าเป็นพืชที่ปลูกง่านและชาวบ้านจะนิยมปลูกกัน

ยาธาตุน้ำแดงซึ่งเป็นหนึ่งในตำหรับยาสามัญประจำบ้านนั้น ก็มีส่วนผสมของสารที่สกัดมาจากต้น rhubarb (Rhubarb Tincture)


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ธ.ค. 12, 20:46
ไม่มีจริงๆละค่ะ      :o
ในนิยายชุดบ้านเล็ก มีการกล่าวถึงสมุนไพรแบบรวมๆ ว่าเก็บเอาไว้ในห้องใต้หลังคา ตลอดฤดูหนาว     มีรากไม้บางอย่างที่ฝนรับประทานเป็นยาแก้ไข้     มีขี้ผึ้งทามือที่ทำเคี่ยวจากไขมันหมู   
แต่ไม่มีรูบาร์บ 
ไปถามน้องกู๊กว่าชื่อภาษาไทยว่าอะไร  ได้มาจากเว็บดิกชันนารีว่า "โกฐน้ำเต้า"     แต่ดูหน้าตาในรูปแล้วห่างไกลมาก   ออกจะคล้ายคึ่นไช่แต่ต้นเป็นสีแดง
คุณสมบัติที่เอามาทำแยมก็ได้ ทำไอศกรีมรสเปรี้ยวก็ได้  ออกจะเป็นทำนองเดียวกับสตรอเบอรี่นะคะ

ในยุคของผู้เขียน รูบาร์บอาจจะไม่มีใครปลูกในรัฐดาโกต้าใต้ที่นางเอกอยู่ และรัฐนิวยอร์คแถวบ้านที่พระเอกอยู่ก็ได้ค่ะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 12, 15:22
ในนิยายชุดบ้านเล็ก  คริสต์มาสถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่จะข้ามไปมิได้      เด็กชายชาวนาอย่างแอลแมนโซฉลองคริสต์มาสอย่างสนุกสนานและอิ่มหนำสำราญ     แม่ทำอาหารพิเศษที่พิเศษยิ่งกว่าอาหารวันอาทิตย์   ปีหนึ่งจะได้กินหนเดียว  คือห่านอบ และหมูหัน(แบบฝรั่ง)  และยังมีอาหารอร่อยๆอย่างอื่นทั้งเค้ก คุกกี้ และพาย

The kitchen was full of delicious smells. Newlybaked bread was cooling, frosted cakes and cookies and mince pies and pumpkin pies filled the pantry shelves, cranberries bubbled on the stove.Mother was making dressing for the goose.
After supper Mother put the stuffed, fat goose and the little pig into the heater's oven troast slowly all night

ในอังกฤษ ห่านถือว่าเป็นอาหารของคนจนในการเลี้ยงฉลองคริสต์มาส     อาหารจานเด็ดของคริสต์มาสคือไก่งวง     พ่อของลอร่ายิงไก่งวงป่ามาเป็นอาหารคริสต์มาสสมัยอพยพไปอยู่กลางทุ่งกว้างในแคนซัส     แต่เมื่อมาอยู่ดาโกต้าใต้ ต้องเลี้ยงหมูไก่ไว้กินเอง  คริสต์มาสจึงมีแต่ไก่อบ       ส่วนแอลแมนโซ  เห็นจะเป็นเพราะพ่อไม่ได้ทำฟาร์มไก่งวงไว้  จึงไม่มีไก่งวงกิน   แต่พ่อเลี้ยงหมูไว้ ลูกๆจึงมีหมูหัน (ซึ่งย่างทั้งตัวในเตาอบ  ไม่ได้แยกชิ้น) เป็นอาหารพิเศษ 
ส่วนห่านนั้นก็ยัดไส้ เช่นเดียวกับไก่งวง   ในเรื่องไม่ได้บอกรายละเอียดว่าห่านฝีมือแม่ยัดไส้ด้วยอะไรบ้าง บอกแต่ว่าอย่างหนึ่งในนั้นคือใบเสจ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 12, 15:29
He looked at the crisp, crackling little pig lying on the blue platter with an apple in its mouth.
ผู้เขียนว่าลูกหมูที่เป็นอาหารพิเศษ  หนังเหลืองกรอบ   ก็คงมีลักษณะเป็นหมูหัน เพียงแต่เขาอบในเตาอบซึ่งใช้ฟืนสุมอยู่ข้างใต้ ย่างรุมๆไปตลอดคืน   ปากคาบลูกแอปเปิ้ล ตามแบบที่นิยมกันอยู่ในสมัยนั้น


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 12, 15:32
ของเคียงที่นิยมกินกับไก่ง่วง  หรือหมูย่าง คือเยลลี่แครนเบอรี่   


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 12, 17:30
He looked at the big bowl of cranberry jelly,and at the fluffy mountain of mashed potatoes with melting butter trickling down it.He looked at the heap of mashed turnips, and the golden baked squash, and the pale fried parsnips.

ภาพข้างล่าง  เยลลี่แคนเบอรี่    มันฝรั่งบด   หัวผักกาดขาวบด  พาสนิปทอด


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 12, 17:32
golden baked squash


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 12, 08:59
อาหารในวันคริสต์มาสยังไม่หมดแค่นี้  ยังตั้งอยู่บนโต๊ะอีกมากมาย     ผู้เขียนบรรยายว่าเต็มเพียบไปทุกตารางนิ้วบนโต๊ะใหญ่
สำหรับเด็กอายุ ๑๐ ขวบ   อาหารคริสต์มาสคงเหมือนสวรรค์ทีเดียว  โดยเฉพาะเมื่อมีของโปรดของเขา คือ แอปเปิ้ลทอดกับหัวหอมด้วย

He swallowed hard and tried not to look anymore. He couldn't help seeing the fried apples'n'onions, and the candied carrots.

เคยอธิบายเรื่องแอปเปิ้ลทอด(หรือผัด) กับหัวหอม ไว้แล้ว   กินเป็นสลัดชนิดหนึ่ง     จึงขอลงรูปให้ดูกันอีกทีค่ะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 12, 09:04
the candied carrots   เป็นแครอทผัดหวาน  คือผัดกับเนย ใส่น้ำตาลทรายแดง  รสชาติคงออกมาคล้ายๆแครอทเชื่อม แต่ไม่หวานเท่า


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 12, 18:43
He couldn't help gazing at the triangles of pie, waiting by his plate; the spicy pumpkin pie, the melting cream pie, the rich, dark mince oozing from between the mince pie's flaky trusts

แม่ทำขนมพายไว้หลายชนิด   นอกจากพายไก่ที่กินเป็นของคาว ก็มีพายผลไม้ที่กินส่งท้ายรายการเป็นของหวาน   เนื่องจากฉลองคริสต์มาส  มีญาติมาร่วมงานกันหลายคน  แม่จึงทำพายหลายชนิดไว้ให้กินกันตามใจชอบ  ตัดจากชามใหญ่เป็นชิ้นสามเหลี่ยมส่งให้แต่ละคนได้ง่าย
มีพายฟักทอง ซึ่งน่าจะเป็นพายที่กินกันเป็นประจำเพราะว่าพ่อปลูกฟักทองเอง     ต่อมาคือพายครีม   ซึ่งใช้แป้งทำแบบพายอย่างธรรมดา  แต่ว่าข้างบนใส่ครีมที่ตีจนฟู     อาจจะเติมผลไม้อย่างอื่นเช่นกล้วย มะนาว ลงไปเพิ่มรสก็ได้   แต่ลักษณะเฉพาะตัวคือหน้าครีมหนาเป็นพิเศษ รสหวานเหมือนไอศกรีม

รูปข้างล่างคือพายครีมชนิดต่างๆค่ะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ธ.ค. 12, 08:15
mince pie เป็นพายอีกชนิดหนึ่งที่อธิบายยาก    เพราะส่วนผสมมีทั้งเนื้อสัตว์ ไขมันและผลไม้แห้ง  ที่อธิบายยากคือรสชาติมันมีทั้งคาวและหวาน   แต่กินเป็นของหวาน    นิยมทำในเทศกาลคริสต์มาส   ไม่ได้กินกันเป็นอาหารประจำวัน
ไส้ที่เรียกว่ามินซ์มี้ทคือเนื้อสัตว์ที่ผสมปนกันทั้งเนื้อวัว และเนื้อหมู  (บางแห่งก็ใช้เนื้อแกะด้วย)  ใส่ผลไม้แห้งหวานๆลงไป   แล้วอบให้สุกโดยมีแป้งพายห่อหุ้มอยู่


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ธ.ค. 12, 12:53
For a while he slowly nibbled bits from his second piece of fruitcake. Then he put the fruity slice in his pocket and went out to play.

ฟรุทเค้ก หรือเค้กผลไม้  เป็นขนมเค้กที่ใส่ผลไม้แห้งหลายชนิดลงไปในเนื้อแป้ง เช่นเชอรี่ องุ่นแห้งหรือลูกเกต แล้วอบให้สุกเช่นเดียวกับขนมเค้กทั่วไป
เค้กชนิดนี้ไม่มีหน้าครีม  เวลากินก็หั่นแบ่งเป็นชิ้นๆวางในจาน   มิน่าเล่า  แอลแมนโซถึงหยิบขนมเค้กชนิดนี้ใส่กระเป๋าติดตัวไปเล่นได้   ไม่ต้องกลัวเลอะเทอะ
 


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 15:23
แอลแมนโซไปเที่ยวงานวันชาติ  ในงานนี้ มีคนขายเครื่องดื่มคือน้ำมะเน็ดสีชมพู ใส่น้ำแข็ง    คำว่าน้ำมะเน็ดคือการออกเสียง lemonade  โดยลิ้นคนไทยสมัยก่อน    ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คือน้ำมะนาว

"Step this way, step this way! Ice-cold lemonade, pink lemonade, only five cents a glass! Onlyhalf a dime, ice-cold pink lemonade! The twentieth part of a dollar!
 
น้ำมะนาวโดยธรรมชาติควรเป็นสีเหลืองตามสีมะนาว     แต่ว่าน้ำมะเน็ดในสมัยของแอลแมนโซ นิยมย้อมสีเป็นสีชมพูกันทั่วไป  วิธีทำก็ง่ายมากคือคั้นมะนาวผสมลงในน้ำสะอาด    เติมน้ำเชื่อม  กับน้ำคั้นจากลูกแครนเบอรี่สีแดงสด  ใส่เพียงอ่อนๆ  ก็กลายเป็นน้ำมะเน็ดสีชมพู


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 13, 15:36
เมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน ในยุคของแอลแมนโซ ยังเป็นยุคที่ "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว(สาลี) " อุดมสมบูรณ์    ถ้าพ่อกับแอลแมนโซอยากกินปลาก็ไม่ต้องไปซื้อ   แค่ถือเบ็ดไปที่แม่น้ำเทร้าต์ใกล้ๆบ้านแล้วตกปลาเอาเอง  ก็จะได้ปลามาเต็มถัง
จากนั้นก็เอาปลาสดๆนั้นมาตัดหัว  ขอดเกล็ด ควักไส้ ล้างให้สะอาด     แม่เอาปลาไปชุบผงแป้งข้าวโพด เป็นปลาชุบแป้งทอดให้กินอย่างอร่อยในมื้อเย็น

They cut off the heads of the fish and they scraped off the silvery scales, and they cut the fish open and stripped out their insides. The big milk-pan was full of trout, and Mother dipped them in cornmeal   and fried them for dinner.


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ม.ค. 13, 21:30
พ่อกับแม่ทำงานหนักมาตลอดปี  ต้องพักผ่อนกันบ้าง  ในรอบปีพ่อกับแม่จึงไปพักอยู่กับญาติหนึ่งสัปดาห์ ทิ้งให้ลูกๆดูแลบ้านกันเอง
พอแมวไม่อยู่ หนูก็ร่าเริง   เด็กๆรีบไปทำไอศกรีมกัน กินกับขนมเค้กแทนที่จะกินอาหารธรรมดาๆอย่างทุกวัน
ไอศกรีมเป็นของหายากและราคาแพง   เพราะส่วนประกอบคือน้ำตาลทรายขาวซึ่งเป็นของแพงสำหรัยชาวบ้านทั่วไป   ต้องซื้อหามาจากร้านของชำ   
แม้พ่อแม่ของแอลแมนโซเป็นเจ้าของไร่นาฐานะร่ำรวย   ก็มีน้ำตาลทรายเอาไว้สำหรับโอกาสพิเศษเมื่อมีแขกมาหา แล้วต้องเลี้ยงกาแฟหรือขนมให้แขกเท่านั้น   ส่วนน้ำตาลที่ใช้ประจำวันคือน้ำตาลเคี่ยวที่รองจากต้นเมเปิ้ล  ทำได้เอง ไม่ต้องซื้อ


Almanzo ran after Royal to the ice-house. They dug a block of ice out of the sawdust and put it in a grain sack. They laid the sack on the back porch and pounded it with hatchets till the ice was crushed. Alice came out to watch them while she whipped egg-whites on a platter. She beat them with a fork, till they were too stiff to slip when she tilted the platter.
Eliza Jane measured milk and cream, and dipped up sugar from the barrel in the pantry. It was not common maple sugar, but white sugar bought from the store. Mother used it only when company came. Eliza Jane dipped six cupfuls,then she smoothed the sugar that was left, andyou would hardly have missed any.


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ม.ค. 13, 21:31
She made a big milk-pail full of yellow custard.They set the pail in a tub and packed the snowy crushed ice around it, with salt, and they covered it all with a blanket. Every few minutes they took off the blanket and uncovered the pail, and stirred the freezing ice-cream.
When it was frozen, Alice brought saucers andspoons, and Almanzo brought out a cake and the butcher knife. He cut enormous pieces of cake,while Eliza Jane heaped the saucers. They could eat all the ice-cream and cake they wanted to; noone would stop them.At noon they had eaten the whole cake, and almost all the ice-cream.

วิธีทำไอศกรีมในเรื่องนี้  คือไอศกรีมคัสตาร์ด   เริ่มตั้งแต่เอาก้อนน้ำแข็งออกมาจากโรงเก็บน้ำแข็ง ทุบเป็นก้อนเล็กๆ  เตรียมไว้แช่ไอศกรีมให้แข็ง
ส่วนผสมของไอศกรีมที่บรรยายไว้ คือ ไข่ขาวตีจนฟูแข็ง ผสมน้ำตาลทรายขาว  ทำจนเป็นคัสตาร์ดสีเหลือง  แล้วก็ใส่ลงในถัง อัดน้ำแข็งที่ทุบแล้วลงรอบๆ ใส่เกลือลงไปให้เย็นจัด  แช่เย็นคัสตาร์ดจนกระทั่งแข็งตัวเป็นไอศกรีม


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: ศานติ ที่ 08 ม.ค. 13, 21:29
แต่เทิร์นโอเวอร์ ถ้าจะทำให้แปลกออกไป หรือโก้ขึ้นก็ราดครีมลงไปเป็นเส้นๆ ให้หวานขึ้น   หรือไม่ก็ทำเป็นรูปเหมือนขนมแป้งสิบของเรา   อย่างหลังนี้น่าจะทอดมากกว่าอบ     เพราะเทิร์นโอเวอร์ทำได้ทั้งอบให้สุก และทอดให้สุก
ไปๆมาๆ หน้าตาจะคล้ายกะหรี่พัฟ หรือกะหรี่ปั๊บในบ้านเรา
แป้งสำเร็จรูปใช้ทำ turnover เอามาทำกะหรี่ฟัพได้ง่ายมากครับ เขาเรียก puff pastry วางขายใน freezer ของร้าน เป็นแผ่นสี่เหลื่ยม 8x8 นิ้ว เอามาตัดเป็นสี่ชิ้น ใส่ไส้ (ผมใช้สูตรแกงกะหรี่แต่ทำให้รสจัดกับแห้งกว่าปกติ) แล้วพับเป็นสามเหลี่ยม เอาน้ำแตะขอบให้แป้งติดกัน เอาเข้าเตาอบ พอสู้ทำแบบทำที่เมืองไทยได้ ดูเหมือนจะมีน้ำมันน้อยกว่าเพราะไม่ได้ทอดในน้ำมันมากๆ ทำง่ายกว่าเยอะด้วย


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ม.ค. 13, 10:17
^


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ม.ค. 13, 10:28
อีกตอนหนึ่งที่บรรยายอาหารการกินเอาไว้เต็มหน้า คือตอนแอลแมนโซไปเที่ยวงานออกร้านประจำปี    เอาฟักทองที่ปลูกได้ไปประกวด
ในงานมีอาหารมื้อกลางวันเลี้ยงกันที่ห้องอาหารของโบสถ์ อย่างอิ่มหนำ
อาหารส่วนใหญ่เคยบรรยายไว้ในบทก่อนๆแล้ว จึงไม่เล่าซ้ำ  เช่นหมูแฮม  ไก่ ไก่งวง ถั่วอบ  ถั่วต้ม   ขอเล่าแต่เพียงอาหารที่ยังไม่เคยเอ่ยถึงมาก่อน

At last he and Father got places at the long table in the dining-room. Everyone was merry, talking and laughing, but Almanzo simply ate.
He ate ham and chicken and turkey, and dressing and cranberry jelly; he ate potatoes and gravy, succotash, baked beans and boiled beans and onions,and white bread and rye'n'injun bread, and sweet pickles and jam and preserves. Then he drew along breath, and he ate pie.

อย่างแรกคือถั่วต้มกับหัวหอม  หน้าตาเป็นอย่างนี้ค่ะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ม.ค. 13, 13:10
ซัคโคทาช(succotash)  เป็นอาหารจานผัก กินแบบสลัด    ส่วนประกอบขั้นเบสิคคือข้าวโพดกับเมล็ดถั่วชนิดไหนก็ได้  ใช้เนยแทนน้ำมันหมูผัดให้เข้ากัน 
บางตำรับก็ทำให้หรูหราขึ้น ด้วยการใส่มะเขือเทศหั่นชิ้นลงไปด้วย  บางทีก็มีพริกหยวกสีแดงสีเขียวใส่ลงไปรวมกัน ให้มีกลิ่นรสอร่อยขึ้น
เป็นอาหารง่ายๆแบบนิวอิงแลนด์   ทำกันโดยแม่บ้านชนบทสำหรับวันขอบคุณพระเจ้า


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ม.ค. 13, 13:28
When he began to eat pie, he wished he had eaten nothing else. He ate a piece of pumpkin pie and a piece of custard pie, and he ate almost a piece of vinegar pie. He tried a piece of mince pie, but could not finish it. He just couldn't do it.There were berry pies and cream pies and vinegar pies and raisin pies, but he could not eat anymore.

เด็กอายุเก้าขวบอย่างแอลแมนโซคงจะชอบพายผลไม้(ที่กินเป็นของหวาน)มาก  ถึงกับเสียดายที่กินอย่างอื่นลงกระเพาะไปก่อนแล้ว แทบไม่เหลือเนื้อที่ให้กินขนมพายได้มากเท่าต้องการ     
รอบตัวพ่อหนูมีพายสารพัดชนิด    จะค่อยๆไล่ไปทีละอย่างนะคะ

ตอนที่เด็กๆทำไอศกรีมกินกันเอง คัสตาร์ดมาในรูปของครีมแช่เย็นจนแข็ง     แต่ถ้าเทลงไปในชามมีแผ่นแป้งห่อหุ้มอยู่ อบให้สุก ก็กลายเป็นพายคัสตาร์ด    ตัวคัสตาร์ดเองทำจากไข่ขาวตีจนแข็ง ใส่น้ำตาลทรายขาว เติมนมและวานิลลา ตีเข้ากันจนได้ที่ ออกมาเป็นครีม   กินได้เหมือนขนมไส้ครีม 
 


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 13, 09:29
ตอนไปเรียนต่างแดน  ที่ซูปเปอร์ใกล้บ้านมีเค้กมะนาววางขายอยู่ ลองซื้อมากินรู้สึกอร่อยมาก เพราะรสหวานๆเปรี้ยวๆที่มีมะนาวผสม  ทำให้ไม่เลี่ยนเท่ากับเค้กรสหวานอย่างเดียว  ก็เลยกลายเป็นของโปรด

ฝรั่งบอกว่า vinegar pie  พรือพายน้ำส้ม(สายชู)  ก็เป็นแบบเดียวกัน    มันถูกดัดแปลงจากพายมะนาวในยุคที่แม่บ้านนักบุกเบิกจากยุโรปไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในอเมริกา  ในถิ่นที่ปลูกมะนาวไม่ขึ้น  แม่บ้านฝรั่งอเมริกันที่มีฝีมือจึงทดลองใช้น้ำส้มสายชูที่หาซื้อได้ตามร้านชำ หรือว่าหมักผลไม้เช่นแอปเปิ้ล ทำเอาเอง มาเป็นส่วนผสมของขนมพายและเค้ก    ปรับปรุงส่วนผสมให้ลงตัว  ก็ออกมาเป็นพายน้ำส้มสายชูรสกลมกล่อม
ส่วนประกอบอื่นๆก็อย่างเดียวกับขนมพาย   แป้ง น้ำตาลทราย  ไข่ขาว เนย  ละค่ะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 13, 10:20
mince pie  หรือพายมินซ์  เป็นขนมพายที่ถือกันว่าออกหน้าออกตา  ทำกันในโอกาสพิเศษอย่างวันคริสต์มาส  จึงมีอีกชื่อว่า Christmas pie   
พูดถึงราคาทุนแล้วพายมิ้นซ์สูงกว่าพายผลไม้และพายเนื้อสัตว์  เพราะผสมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน แถมเครื่องเทศอีกด้วย   กะว่าให้อร่อยกันถึงที่สุดน่ะแหละค่ะ    จึงทำกันในโอกาสพิเศษมากกว่ากินในชีวิตประจำวัน    โดยเฉพาะในอังกฤษ พายมินซ์ หรือคริสต์มาสพายเป็นที่รู้จักดีทีเดียว
ส่วนผสมของไส้พาย มีเนื้อสัตว์หลายชนิดปนกันที่เรียกว่ามินซ์มีท (mince meat) ถ้าเป็นแม่ชาวบ้านอย่างแม่ของแอลแมนโซก็เอาเนื้อวัวกับเนื้อหมูที่ทำกินเองในบ้านเคี่ยวปนเข้าด้วยกัน     นอกจากนี้ก็ใส่ผลไม้รวมลงไปด้วย และเคล้าด้วยเครื่องเทศ ขาดไม่ได้คืออบเชยและจันทน์เทศ   
ประวัติความเป็นมาของพายมิ้นซ์ ย้อนหลังไปถึงยุคกลางของยุโรป   เมื่อพวกชาวคริสต์ในอังกฤษและฝรั่งเศสไปทำสงครามครูเสดกับพวกตะวันออกกลาง     เมื่อเลิกสงครามกันแล้วก็นำวัฒนธรรมฝ่ายโน้นกลับมายุโรปหลายอย่างด้วยกัน  รวมทั้งอาหารการกิน  หนึ่งในนั้นก็คือไส้พายมินซ์ที่มีทั้งเนื้อสัตว์ ผลไม้แห้งรวม และเครื่องเทศ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 13, 10:21
พายมินซ์ที่ทำฉลองคริสต์มาส ตกแต่งหน้าตาสวยงามเหมาะกับโอกาสพิเศษ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 13, 14:13
raisin pies  หรือพายลูกเกด
ตอนเล็กๆ ลูกเกดหรือลูกองุ่นแห้งมีขายเป็นกล่องเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ    กินเข้าไปพบว่ารสหวานมาก   เขาไม่ได้มีไว้กินเปล่าๆ แต่มีไว้ใส่ขนมเค้ก 
เค้กที่ใส่ลูกเกดในสมัยนั้นก็คือ fruit cake  หรือเค้กผลไม้  มีผลไม้หลายอย่างในเนื้อขนม เท่าที่จำได้คือเชอรี่เชื่อมสีเขียวสีแดง และลูกเกด ต้องไปซื้อที่ร้านเสรีวัฒน์ สะพานหัน   
ตอนปีใหม่แม่ชอบทำเค้กชนิดนี้ ส่งเป็นของขวัญให้ญาติและเพื่อนฝูง   แต่ไม่ได้ทำพาย  สมัยนั้นคนไทยทั่วไปรู้จักเค้ก ไม่รู้จักพาย เพราะเบเกอรี่ยังไม่มีให้เห็นมากมายอย่างสมัยนี้ค่ะ

ส่วนพายลูกเกด  ก็คือใส่ไส้ด้วยลูกเกดเช่นเดียวกัน  เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า funeral pie  หรือขนมพายงานศพ  เพราะนิยมทำเป็นของกินประกอบในงานเลี้ยงที่เจ้าภาพจัดให้แขกผู้มาร่วมเคารพผู้ตายได้กินอะไรกันนิดหน่อยก่อนกลับบ้าน    คล้ายๆธรรมเนียมที่เรามีขนมเบเกอรี่ใส่กล่องแจกแขกในงานสวดพระอภิธรรมศพ
ที่เขาทำพายลูกเกดเพราะพายชนิดนี้ทำเก็บไว้ล่วงหน้าได้หนึ่งหรือสองวันโดยไม่เสียรสชาติ   ไม่จำเป็นต้องเอาออกจากเตาอบสดๆร้อนๆ ถึงจะกินอร่อย     เจ้าภาพที่มัววุ่นวายกับการจัดงาน ไม่มีเวลาอบขนมพายกันในวันงาน ก็เลยต้องเลือกขนมที่เก็บไว้ได้ข้ามวันข้ามคืน


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 17, 13:41
นึกว่ากระทู้นี้จบแล้ว  บังเอิญไปอ่าน Farmer Boy อีกครั้ง  พบว่ารายการอาหารในหน้าสุดท้ายยังไม่ได้เล่า  เลยต้องดึงกระทู้ขึ้นมาอีก

Almanzo went on eating. He was listening, but he was tasting the good taste of roast pork and apple sauce in every corner of his mouth. He took a long, cold drink of milk,

อาหารที่ว่านี้คือ roast pork    ซึ่งน่าจะเป็นหมูอบมากกว่าหมูย่าง  บางตำราก็อบหนังหมูเสียกรอบเหมือนหมูกรอบบ้านเรา     ผิดกันแต่ว่าของเราจิ้มซีอิ๊วรสเค็มๆ ใส่พริกให้ออกเผ็ด
แต่ของฝรั่งเขากินกับซอสแอปเปิ้ลรสหวาน


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 17, 13:49
and he reached for his pumpkin pie. He cut off the quivering point of golden-brown pumpkin, dark with spices and sugar. It melted on his tongue, and all his mouth and nose were spicy.

อย่างสุดท้ายที่จะเอ่ยถึงคือ ปายฟักทองใส่เครื่องเทศ  ผู้เขียนบรรยายว่าเป็นปายฟักทองสีน้ำตาลอมทอง   เป็นสีเข้มเพราะใส่เครื่องเทศและน้ำตาล
นี่ค่ะ ปายฟักทองใส่เครื่องเทศ สีออกมาแบบนี้


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 17, 13:50
เครื่องเทศที่ว่าอยู่ในรูปข้างล่าง


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 18 ก.ย. 17, 09:53
ดูเป็นพายที่น่าอร่อยจังค่ะ สำหรับคนไม่ชอบขนมที่มีหน้าครีมเยอะๆ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 19 ก.ย. 17, 22:22
เปิดมาเจอตอน 4 ทุ่มกว่า อูยย..... คุ้ยตู้เย็นแล้วกัน


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: พระนาย ที่ 10 ธ.ค. 17, 17:27
มาอ่านตอนท้องว่าง ต้องไปหาอะไรกินตามธรมมเนียม ขอบคุณสำหรับอาหารตาครับ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 17, 19:39
แวะเอาอาหารจานโปรดของแอลแมนโซมาให้ค่ะ  เป็นแอปเปิ้ลทอดกับหัวหอม   สมัยนั้นใช้มันหมูเค็มเป็นน้ำมันทอด   ไม่มีน้ำมันพืชอย่างยุคนี้


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: heha ที่ 13 ธ.ค. 17, 17:09
อ่านกระทู้อาหารฝรั่ง ช่วยผมนึกชื่ออาหารหน่อยครับ
เป็นถั่วฝักยาวและหอมเจียว ชื่อติดอยู่ริมฝีปาก อร่อยมากกก

-------
เย้ๆๆๆ เจอแล้วครับ Green Bean Casserole


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 17, 17:32
Green Bean Casserole หน้าตาน่ากินค่ะ
ดูส่วนผสมและวิธีทำ  ไม่ได้ผัดถั่วฝักยาวกับหัวหอม แต่ใช้วิธีเอาถั่วฝักยาวอบกับขนมปังป่น มีซุปครีมเห็ดข้นๆเป็นน้ำขลุกขลิก  เติมซอสถั่วเหลืองให้ออกรสเค็มๆ แล้วอบหัวหอมกระป๋องจนเหลือง
ถ้าเป็นเมืองไทย  เจียวหอมโรยลงไปน่าจะหอมกว่าเยอะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 13 ธ.ค. 17, 19:04
อีกวิธีการทำแบบง่ายๆครับ  ได้มาจากแม่ของเพื่อนฝรั่งเมื่อครั้งต้องเช่าห้องอยู่สมัยไปเรียนต่อครับ

เปิด green been 1 กระป๋อง เทลงกระทะที่ใส่น้ำมันเบค่อนเยอะๆผัดให้ถั่วสุกจนนิ่ม หรือเทลงหม้อที่มีน้ำมันเบค่อนแล้วตั้งไฟ คนให้ทั่วจนสุกนิ่ม (คล้ายกับการต้มถั่วในน้ำมันเบค่อน) เทน้ำมันเบค่อนออกจนดูว่าแห้งดีแล้ว เปิดกระป๋อง cream of mushroom soup เทใส่ลงไปในกระทะที่ยังคงร้อนอยู่นั้น คลุกเคล้ากันให้ทั่วแล้วก็จะได้จานอาหารที่ตั้งใจจะให้เป็นได้ทั้ง sauce หรือ casserole ขึ้นอยู่กับสัดส่วนระหว่างเนื้อ(ถั่ว) กับน้ำ(ครีม)   ไม่ต้องปรุงรสใดๆอีกเลยครับ

ใช้เป็น sauce ทานกับ rib eye steak  สุดยอด     ใช้เป็น green bean casserole เป็นจานผักแนมทานกับอาหารอื่นๆก็ได้

น้ำมันเบค่อน(bacon grease)เป็นของที่แม่บ้านฝรั่งแต่เก่าก่อนนิยมเทรวมเก็บไว้หลังจากการทอดเบค่อนแล้ว เพื่อนำไปใช้ทำอาหารต่างๆในภายหลัง   ต่างกับ lard ที่เป็นน้ำมันที่ได้โดยตรงจากการเจียวมันหมู


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 17, 19:14
ชวนน้ำลายหกมากค่ะ  น้ำมันเบคอนรสชาติเค็มมันกำลังดี  ไม่ต้องใส่ซอสถั่วเหลือง
ภาพนี้คือ rip eye steak


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 17, 19:17
ถ้าจะกินเนื้อสเต๊กส่วนซี่โครง  ชอบเมนูนี้
ริบอายสเต๊กย่างไฟแบบมิเดียมเวล ไม่เอาเนื้อแดงๆ กินกับแอสปารากัส มีกระเทียมย่าง(หรือทอด) จนสุกเหลืองโรยหน้าค่ะ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 13 ธ.ค. 17, 20:25
ถ้าได้กระเทียมกลีบใหญ่ๆ ทุบทั้งเปลือกเพียงให้แบะออก เอาลงทอดในน้ำมันร้อนๆ คะเนว่าข้างนอกเกรียมพอดีแต่เนื้อในสุกแต่ขาวนิ่ม  ก็จะเพิ่มรสชาติไปอีกแบบหนึ่ง  ยิ่งทานกับขากบทอดกระเทียมด้วยละก็ อืม์....อย่าบอกได้ใครเชียวเลยครับ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 17, 20:56
ขากบทอดกระเทียม


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: heha ที่ 13 ธ.ค. 17, 21:38
Green Bean Casserole หน้าตาน่ากินค่ะ

ถ้าเป็นเมืองไทย  เจียวหอมโรยลงไปน่าจะหอมกว่าเยอะ


หอมเจียวมาเป็นกระป๋อง กรุบกรอบ ซื้อมากินเปล่าๆ วางไม่ลง
ลองไปซื้อหอมเจียวที่ห้างยักษ์ค้าส่ง ราคากระปุกละ 100 บาทเศษ กินเป็นสแนคอร่อยไม่แพ้กันครับ


กระทู้: อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (3) ตอน เด็กชายชาวนา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ธ.ค. 17, 10:01
น่ากิน