เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์โลก => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 11, 10:59



กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 11, 10:59
นักท่องเที่ยวไทยที่ไปเที่ยวออสเตรีย  บางครั้งเมื่อเข้าไปในร้านขายของที่ระลึก หรือในร้านขายซีดีเพลงคลาสสิค ที่มีขายอยู่ทั่วไปในเวียนนาและเมืองอื่นๆ    อาจเจอรูปหญิงสาวสวยคนหนึ่ง พิมพ์อยู่บนปกซีดีบ้าง ในหนังสือท่องเที่ยว บ้าง
มีชื่อเรียกสั้นๆว่า Sissi  หรือบางแห่งก็สะกดว่า  Sisi

หญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่สาวงามสามัญชน   แต่เป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของออสเตรีย   พระนามอย่างเป็นทางการ คือ  Elizabeth, Empress of Austria
ถ้าเทียบกับอังกฤษ  เอลิซาเบธ หรือ "ซิสซี่"เทียบได้กับเจ้าหญิงไดอาน่า    คือเป็นขวัญใจและเป็นความภูมิใจของชาวออสเตรียพอๆกัน    อีกทั้งมีประวัติที่มีสีสันน่าทึ่ง  และน่าเศร้าพอกันอีกด้วย

ขอตั้งกระทู้เรียกคนดูไว้ก่อนนะคะ    


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 20 ต.ค. 11, 11:58
เข้ามาขอจองตั๋วไว้เลยครับ  ;D


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 11, 14:18
ย้อนหลังกลับไปในรัชกาลที่ 3 ในพ.ศ. 2380   ปีเดียวกับที่หมอบรัดเลย์กำลังผ่าตัดคนไข้พระสงฆ์ที่ถูกระเบิดจากดอกไม้ไฟในวัดประยุรวงศาวาส จนบาดเจ็บสาหัส  จำเป็นต้องตัดแขนทิ้งเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้   นับเป็นวิทยาการที่ทำให้สยามตื่นเต้นกันมาก  ผิดกับในซีกโลกตะวันตกที่รู้จักการรักษาผ่าตัดกันมาจนเป็นของธรรมดาแล้ว
ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี  เด็กหญิงคนหนึ่งกำเนิดมาในวันคริสต์มาสอีฟ  คือก่อนวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม 1 วัน  ถือเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานมาให้บิดามารดา  คือดยุคแมกซิมีเลียนแห่งบาวาเรียและดัชเชสลูโดวิก้า
เธอได้รับชื่อว่าเอลิซาเบธ อเมเลีย  ยูเจนี   แต่เรียกกันสั้นๆในครอบครัวว่า "ซิสซี่"

บิดาของซิสซี่มีตำแหน่งเป็นดยุคแห่งบาวาเรีย   ส่วนมารดาของเธอ-ดัชเชสแห่งบาวาเรีย  โดยกำเนิดคือเจ้าฟ้าหญิงลูโดวิก้า มีชาติกำเนิดสูงกว่าบิดา คือเป็นถึงเจ้าฟ้าหญิงพระราชธิดาของพระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 1 แห่งบาวาเรีย   
ทั้งสองเป็นพระญาติกัน    แต่ฝ่ายชายมีฐานันดรเป็นเพียงดยุค ไม่ใช่เจ้าชาย    ในสมัยที่ถือสากันเรื่องชาติกำเนิด  ก็ถือกันว่าเจ้าหญิงอภิเษกสมรสต่ำกว่าฐานะดั้งเดิม  แต่ก็ไม่มากจนถูกมองว่าเป็นเรื่องแหวกกำแพงประเพณี


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 11, 18:36
เจ้าหญิงลูโดวิก้ามีพระพี่นางอยู่สองพระองค์   องค์หนึ่งไม่มีบทบาทเท่าไร ก็เลยขอเว้นไม่เอ่ยถึง   แต่อีกหนึ่งมีบทบาทในชีวิตของซิสซี่มาก    ได้แก่เจ้าหญิงโซฟี  ซึ่งได้อภิเษกสมรสไปกับเจ้าชายเยอรมันแห่งราชวงศ์ฮัปสเบิร์ก  ทรงพระนามว่าอาชดยุคฟรานซ์ คาร์ล   เจ้าชายทรงเป็นพระราชโอรสองค์รองของจักรพรรดิ์ฟรานซิสที่ 1    ส่วนพระเชษฐาที่เป็นรัชทายาทนั้นต่อมาคือจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1
เจ้าชายเฟอร์ดินานด์มีโรคร้ายประจำพระองค์อยู่โรคหนึ่งที่รักษาไม่หาย  คือโรคลมชัก   โรคนี้ทำให้ไม่ทรงมีรัชทายาท  เจ้าหญิงโซฟีก็คาดหวังว่า วันหนึ่งในภายภาคหน้า ราชบัลลังก์ออสเตรียมีสิทธิ์ตกอยู่ในมือของพระโอรสของเธอแน่นอน หากว่าเธอมีทายาทให้พระสวามีได้   
อันที่จริง  การอภิเษกสมรสในสมัยนั้นไม่ได้แต่งกันเพราะความรัก    เจ้าหญิงโซฟีก็ไม่ได้ไยดีพระสวามีเท่าไร   แต่ก็อยู่กันไปได้ เพราะเจ้าหญิงเป็นคนสวย  รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีในราชสำนักดี  สมกับเป็นเจ้ามาแต่กำเนิด ก็ทำหน้าที่พระชายาเจ้าชายได้อย่างไม่มีอุปสรรค   แต่ใจของเธอไปทุ่มเทให้ลูกๆที่เกิดมาเสียมากกว่า  โดยเฉพาะพระโอรสองค์ใหญ่ เจ้าชายฟรานซ์ โจเซฟ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 11, 22:37
ความฝันของเจ้าหญิงโซฟีเป็นความจริงขึ้นมา เมื่อเหตุการณ์กบฏในประเทศตามมาด้วยความยุ่งยากทางการเมืองหลายอย่าง ทำให้พระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 1  ตกลงลาออกจากราชบัลลังก์อย่างไม่เกี่ยงงอน     ส่วนพระสวามีของเธอ  ก็สละสิทธิ์ที่จะสืบตำแหน่งต่อไป    ส้มทองคำจึงหล่นลงมาที่เจ้าชายฟรานซ์ โจเซฟ ซึ่งทรงเจริญวัยเป็นหนุ่มทันเวลาพอดี

ผู้หญิงอย่างอาชดัชเชสโซฟี เราก็พอจะเดาได้ว่าในเมื่อใฝ่ฝันจะปั้นลูกชายขึ้นมาครองราชอาณาจักรได้ขนาดนี้  คงไม่หยุดแค่นั้น แต่จะต้องยื่นมือเข้าไปจัดการกับชีวิตลูกทุกกระดิก   ตามแบบแม่ผู้มีอำนาจทั้งหลาย
อย่างหนึ่งที่แม่ๆแบบนี้  ไม่ว่าในประวัติศาสตร์ฝรั่งหรือละครหลังข่าวไทย ชอบทำซ้ำรอยเดียวกันนัก  ก็คือหาคู่ครองให้ลูกชายด้วยตนเอง  ไม่ชอบให้ลูกชายเลือกเมียตามใจชอบ
ผู้หญิงที่อาชดัชเชสหมายตาไว้ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล  แต่เป็นพระญาติใกล้เคียง พอพูดกันรู้เรื่อง  ได้แก่พระธิดาของพระขนิษฐาของเจ้าหญิง หรืออีกนัยหนึ่งเรียกอย่างชาวบ้านว่า "หลานป้า "นั่นเอง

จึงขอกลับมาเปิดฉากที่ปราสาทของท่านดยุคและดัชเชสแห่งบาวาเรีย อีกครั้ง


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 11, 23:04
ท่านดยุคและดัชเชสมีบุตรธิดาด้วยกัน 6 คน  สี่คนในจำนวนนี้เอ่ยข้ามไปก่อนเพราะไม่มีบทบาทอะไรนัก     มีอยู่สองคนที่มีบทบาท คือลูกคนที่สองและสาม ซึ่งเป็นลูกสาวทั้งคู่   พี่สาวชื่อ Helene (ออกเสียงว่าเฮเลนอ) น้องสาวคือเอลิซาเบธ หรือซิสซี่
เฮเลนอเป็นลูกสาวคนโปรดของแม่     เธอเป็นเด็กเรียบร้อยแบบกุลสตรี   กิริยาพาทีแช่มช้อย น่าชมเชยไปเสียทุกอย่าง เป็นลูกสาวประเภทที่แม่ทั้งหลายฝันอยากจะมี      ส่วนซิสซี่ที่อ่อนวัยกว่า 3 ปีนั้นตรงกันข้าม  เป็นเด็กกระโดกกระเดกจนดูเหมือนจะเป็นทอมอยู่รอมร่อ   ซุกซนชอบอยู่กลางแจ้ง ขี่ม้า  เลี้ยงสัตว์พวกนกหนูกระต่ายสารพัด  มอมแมมหน้าเป็นมันอยู่นอกปราสาททั้งวัน   

เจ้าหญิงลุโดวิก้าเป็นแม่ที่เข้มงวดเรื่องกิริยามารยาท    เฮเลนอก็ดีงามสมใจแม่    แม่เลยตั้งใจปั้นลูกสาวคนโตสุดฝีมือไม่สนใจลูกสาวคนรองนัก  ปล่อยให้ไปสนิทกับพ่อซึ่งชอบขี่ม้าเล่นกีฬากลางแจ้ง  เขียนโคลงกลอนแบบกวี      ซิสซี่ก็เจริญรอยไปทางพ่อ  ขี่ม้าตามพ่อไปไหนๆ และหัดเขียนโคลง   เธอไม่มีบันทึกส่วนตัว แต่รู้สึกอะไรแบบไหนก็เขียนเป็นโคลงเอาไว้

ซิสซี่โตขึ้นมาเป็นเด็กกล้า และเจ้าอารมณ์ ไม่เกรงกลัวใคร   ไม่เหมือนผู้หญิงสมัยนั้นที่จะต้องสงบเสงี่ยมเป็นผ้าพับไว้เข้าไว้      เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น  เธอเกิดไปปลื้มขุนนางหนุ่มเข้าคนหนึ่ง    ถ้าเป็นสมัยนี้ ก็คงไม่มีใครเดือดร้อน    เพราะมันก็ไม่ต่างกับวัยรุ่นคลั่งดาราหรือนักร้อง     
แต่เมื่อดัชเชสจับได้ว่าลูกสาวเขียนโคลงพร่ำเพ้อถึงขุนนางหนุ่มในสำนักของท่านบิดาเข้า     เจ้าหนุ่มเคราะห์ร้ายก็ถูกเนรเทศออกไปจากปราสาททันที   ไม่มีโอกาสจะชี้แจง  แม้ว่าเขาไม่ได้เป็นตัวการก็ตาม


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 11, 23:06
เฮเลนอกับซิสซี่


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 11, 10:30
เมื่อ puppy love ครั้งแรกของซิสซี่จบลง    ตามประสาวัยรุ่น  เธอก็ไม่ได้เศร้าโศกเสียใจอยู่กี่วัน   ไม่นานท่านบิดาและมารดาก็พาลูกๆไปเยี่ยมสมเด็จป้าโซฟี     ณ ที่พระราชวังของออสเตรีย  ซิสซี่พบเจ้าชายหนุ่มน้อยคาร์ล ลุดวิก พระโอรสองค์รองของสมเด็จป้าและเป็นพระอนุชาของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ   ซึ่งมีพระชันษาแก่กว่าเธอ 5 ปี
เจ้าชายหลงรักเจ้าหญิงวัยแรกรุ่นตั้งแต่รู้จักกัน   ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็เป็นที่ถูกพระทัยไปเสียหมด     แบบชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ทรงระดมส่งดอกกุหลาบและขนมหวานไปกำนัลอย่างไม่อั้น 

รักครั้งนี้ไม่เจออุปสรรคอย่างคราวแรก    ดัชเชสแห่งบาวาเรียเฝ้ามองลูกสาวและหลานชายด้วยความพอพระทัย   เธอเห็นว่าถ้าได้เขยอย่างเจ้าชายก็จะดูสมน้ำสมเนื้อกับลูกสาวเธออย่างดี  จึงมิได้ขัดขวางแต่อย่างใด    ปล่อยให้เด็กหนุ่มสาวทั้งสองได้สนิทสนมกันจนหมดวันพักผ่อน  ก็พาครอบครัวกลับมาที่ปราสาท

พระรูปเจ้าชาย  รูปนี้ทรงฉายเมื่อพระชันษา 30 กว่า ยังหารูปที่หนุ่มกว่านี้ไม่ได้ค่ะ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 11, 10:32
จากนั้น   ดัชเชสได้รับข่าวดีที่ทำให้ปลื้มเปรมขึ้นมาอีก คือพระพี่นางของเธอ  อาชดัชเชสโซฟีมีลายพระหัตถ์มาถึงอย่างหยดย้อย ว่ากำลังมองหาเจ้าสาวให้จักรพรรดิหนุ่มพระโอรสองค์ใหญ่     มองเห็นว่าธิดาคนใหญ่ของน้องสาว เฮเลนอ มีคุณสมบัติดีเป็นที่ต้องตาต้องใจ   จึงอยากจะให้เฮเลนอมาเป็นแขกพักที่พระราชวังในเมืองบัด อิชเชิล  เพื่อจะได้ทำความรู้จักมักคุ้นกับจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ

ดัชเชสแห่งบาวาเรียรับคำเชิญด้วยความปีติ   พร้อมกันนึกขึ้นมาได้ว่า ในเมื่อเจ้าชายคาร์ล ลุดวิกก็หลงรักซิสซี่อยู่     จะปล่อยโอกาสงามให้ผ่านไปเปล่าๆทำไมกันเล่า    ได้จังหวะดีแล้ว พาลูกสาวคนรองไปด้วยกันเสียเลย    เผื่อยังไงก็จะได้วางแผนเตรียมงานอภิเษกเสียทั้งคู่  ทั้งพี่สาวน้องสาว     
การได้เขยใหญ่เป็นจักรพรรดิ และเขยรองเป็นเจ้าชายพระอนุชาจักรพรรดิ  ย่อมทำให้เธอเองเป็นแม่ยายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในราชอาณาจักร


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 11, 13:14
ในตอนต้น ทุกอย่างก็ดูท่าทีว่าจะราบรื่นตามแผนการณ์ ที่ว่าที่แม่สามีและแม่ยายช่วยกันวางเอาไว้      จักรพรรดิหนุ่มพระชนม์ 23 พรรษาได้ทอดพระเนตรเห็นพระญาติสาวเฮเลนอ ก็มีท่าทีพอพระทัยเป็นอย่างมาก   ทรงต้อนรับอย่างดี ผูกไมตรีกับหญิงสาวจนกระทั่งดัชเชสแห่งบาวาเรียปลื้ม มองเห็นวิมานในอากาศลอยลงมาตรงหน้า

อย่างไรก็ตาม  เมื่อมีงานพระราชทานเลี้ยงดินเนอร์    เฮเลนอได้ที่นั่งติดกับจักรพรรดิ   ส่วนซิสซี่นั่งห่างออกไปตามลำดับฐานันดรศักดิ์     จะด้วยอะไรก็ตาม จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟก็เกิดละพระเนตรจากเฮเลนอไปเห็นน้องสาวของเธอเข้า   จากนั้น  โดยไม่มีใครทันเฉลียวใจเลยสักนิด     กามเทพก็ย่องเข้ามาทางข้างหลังแล้วแผลงศรปักอกพระราชาหนุ่มเข้าให้   ไม่ใช่กับหญิงสาววัย 18 ว่าที่คู่หมั้น แต่เป็นสาวรุ่นอายุ 15  ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยเลยสักนิดเดียว

ในสมัยนั้น ดินเนอร์อย่างอลังการและการจัดงานเต้นรำภายในพระราชวังเป็นของทำกันตามปกติธรรมดาของชนชั้นสูง   จึงไม่แปลก ที่จักรพรรดิสั่งให้กรมวังจัดงานเต้นรำขึ้นในหมู่พระราชวงศ์    ในงานนั้น แทนที่จะทรงจับคู่กับเฮเลนอตามปกติ   ก็ทรงขอซิสซี่มาเป็นคู่ลีลาศด้วยกันแทน
สิ่งที่สมเด็จป้าโซฟี และดัชเชสแห่งบาวาเรียมองข้ามไป คือถึงแม้ว่าซิสซี่จะแข็งกระโดกกระเดก   เจ้าอารมณ์  ชอบเล่นอะไรเหมือนเด็กผู้ชาย    แต่ในสายตาชายหนุ่มทั่วไปแล้ว   เธอเป็นหญิงงามกว่าพี่สาวมาก


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ต.ค. 11, 13:44
จักรพรรดิหนุ่มพระชนม์ 23 พรรษา


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 11, 16:28
^
คุณเพ็ญชมพูหาพระรูปได้งามมาก  

รักของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ เป็นรักแบบเดียวกับพระเอกส่วนใหญ่ในวรรณคดีมีกัน  คือเห็นปุ๊บรักปั๊บ  รักแล้วรักเลย  ไม่ยับยั้งชั่งใจใดๆทั้งสิ้น   ดังนั้นเฮเลนอผู้ซึ่งทำท่าจะเข้ารอบในรอบแรก ก็วืดจากเวทีไปชนิดไม่เห็นฝุ่น
พระราชาหนุ่มไม่เสียเวลารั้งรอ   แต่ประกาศกับพระมารดาทันทีว่าผู้หญิงที่ลูกขอเลือกเป็นจักรพรรดินีคู่บัลลังก์คือเอลิซาเบธลูกสาวคนรองของเสด็จน้า   ไม่ใช่ลูกสาวคนโต    ลูกตัดสินใจแน่นอนแล้ว ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจได้
ประวัติศาสตร์ไม่ได้เล่ารายละเอียด หรือเล่าแต่ดิฉันหาอ่านไม่พบ  ว่าอาชดัชเชสโซฟีตีโพยตีพายหรือสะอึกนิ่งอั้นด้วยแรงจุก เมื่อแผนที่วางไว้กับพระน้องนางล้มคว่ำลงในพริบตา     แต่จะเป็นอย่างไหนก็ตาม  แม่กับลูกชายจบการสนทนาลงแบบไม่สวยนัก   ลูกชายก็ดึงดันประกาศออกมาจนได้ว่า ทรงเลือกเอลิซาเบธ ซิสซี่เป็นคู่อภิเษก



กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 11, 16:29
เราคงจะมองกันออกว่า ในเหตุการณ์นี้มีผู้หญิงเกี่ยวข้องอยู่ 4 คน  ไม่มีใครมีความสุขเลยกับความสุขพระทัยของจักรพรรดิ   
คนแรกคืออาชดัชเชสโซฟี ซึ่งกริ้วโกรธเป็นอย่างยิ่งที่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเป็นแบบนี้     
คนที่สองคือดัชเชสแห่งบาวาเรีย ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก  จะปฏิเสธจักรพรรดิใครเล่าจะโง่หรือบ้าพอที่จะทำ     แต่จะตอบรับก็กระอักกระอ่วนเพราะไม่ใช่ความประสงค์ของเธอแม้แต่น้อย
คนที่สามซึ่งหัวใจสลาย หน้าแตกยับเยิน ฝันพังทลาย  คือเฮเลนอ   เธอเชื่อมาแต่แรกว่าตัวเองจะได้เป็นเจ้าสาวของจักรพรรดิหนุ่ม  พระองค์เองก็มีท่าทีพอพระทัยเธอเป็นอย่างดี     จู่ๆ หล่นจากวิมานยังไม่พอ   เธอต้องแบกความอัปยศกลับไปสู่บ้านในฐานะหญิงซึ่งชายไม่ปรารถนา    มันกลายเป็นโทษทัณฑ์อย่างแสนสาหัส  สำหรับหญิงสาวสูงศักดิ๋วัย 18 ที่เรียบร้อยอยู่ในกรอบประเพณีมาตลอด จนไม่อาจจะทนแบกรับไว้ได้
คนที่สี่ คือซิสซี่  ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวมาแต่แรก     พระเจ้าจักรพรรดิ์ฟรานซ์ โจเซฟแม้มิใช่ชายแก่  แต่ก็เป็นผู้ชายที่ไม่เคยอยู่ในสายตาหรือในความสนใจของเธอมาก่อน    ถ้าเทียบกับเจ้าชายพระอนุชาซึ่งเธอสนิทด้วยมากกว่า    เจ้าชายก็เข้าท่ากว่าหลายเท่า   เธอก็ได้แต่ระทมทุกข์  ว่ากลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายเสียมากกว่าจะเคราะห์ดีอย่างที่ใครๆคิด


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ต.ค. 11, 10:03
ผู้ชายอีกหนึ่งคนที่ไม่มีความสุข คือเจ้าชายคาร์ล ลุดวิกพระอนุชา    ในเมื่อสาวคนรักถูกฉกไปต่อหน้าต่อตา ซ้ำกลายมาเป็นพี่สะใภ้   ให้ต้องกล้ำกลืนฝืนทน
แต่ท่ามกลางความทุกข์เหล่านี้   ผู้ชายคนที่มีความสุขที่สุดก็คือจักรพรรดิหนุ่มผู้ซึ่งไม่ได้คำนึงว่าคนอื่นๆจะคิดยังไง    เมื่อสมหวังในตัวกุหลาบแรกแย้มดอกนี้  ก็ทรงทุ่มเทความรักความหลง พะเน้าพะนอซิสซี่จนออกนอกหน้า  จนกระทั่งหมดเวลา  ดัชเชสแห่งบาวาเรียจะต้องพาธิดากลับบ้าน   ข่าวก็ประกาศออกมาให้รู้ทั่วกันว่าซิสซี่อยู่ในฐานะ "พระคู่หมั้น" ของจักรพรรดิ

ผู้หญิงที่น่าสงสารที่สุดคือเฮเลนอ     เธอไม่อาจทำใจรับความผิดหวังและอัปยศได้อย่างหน้าชื่นอกตรมอย่างผู้หญิงโดยมาก   พอกลับถึงปราสาท  เธอก็หลบหลีกปลีกตัวเองออกจากผู้คนทั้งหมดแม้แต่พ่อแม่พี่น้อง  ขังตัวเองอยู่ในความวิเวก  ไม่พบปะ ไม่ทำกิจกรรมอะไรทั้งสิ้น    ใช้ชีวิตราวกับจะบวชเป็นชีมืด    ในขณะที่น้องสาวเองก็ต้องวุ่นวายอยู่กับภาระหนักที่หล่นลงมาบนบ่าอย่างไม่คาดคิด   คือเตรียมตัวเป็นจักรพรรดินีตั้งแต่อายุยังไม่เต็ม 16 ปี

หมายเหตุ  ชีมืด คือชีในคริสตศาสนาที่ปลีกตัวจากโลกภายนอก  ไม่พบปะผู้คน ใช้ชีวิตจำศีลภาวนาอยู่ตามลำพัง  

รูปข้างล่างคือ เฮเลนอ หรือเรียกชื่อเล่นว่า เนเน่ ค่ะ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ต.ค. 11, 10:25
ขณะที่ซิสซี่เตรียมตัวไปเป็นจักรพรรดินีแห่งออสเตรีย      เฮเลนอหรือเนเน่ก็ขังตัวเองอยู่กับความตรอมใจ  จนกระทั่งดัชเชสแห่งบาวาเรียผู้เป็นแม่ทนไม่ได้  ที่เห็นลูกรักของแม่มีอาการหนักขนาดนั้น   ยิ่งกลัวลูกสาวจะไปบวชเป็นชีมากเท่าไร เธอก็ยิ่งดิ้นรนหาทางออกให้เฮเลนอ
ขอเล่าถึงชีวิตของเฮเลนอก่อนจะตัดฉากไปถึงซิสซี่      เธอเก็บตัวหงอยเหงาอยู่ถึง 4 ปีจนอายุ 22  สมัยนั้นถือว่าล่วงเข้าวัยสาวแก่แล้ว    แม่จึงชักนำผู้ชายที่เหมาะสมมาให้เธอได้สำเร็จ   เขาผู้นั้นคือเจ้าชายแมกซิมิเลียน จากราชตระกูลทวน ฟอน ทักซิส  อันมั่งคั่ง    ดยุคแห่งบาวาเรียเชิญครอบครัวทวน ฟอน ทักซิสมาพักที่ปราสาทเพื่อจะล่าสัตว์ด้วยกัน    หนุ่มสาวทั้งสองก็มีโอกาสทำความรู้จัก
เจ้าชายทรงหลงรักเฮเลนอ  ส่วนเธอตอบรับไมตรีของเจ้าชายด้วยดี  ยังความยินดีปรีดาให้ดัชเชสผู้แม่อย่างยิ่ง      แม้ว่ามีอุปสรรคคือราชตระกูลของเจ้าชายด้อยกว่าทางฝ่ายหญิง ผู้เป็นหลานแท้ๆของพระราชาแห่งบาวาเรีย  ทำให้พระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 2 ไม่เต็มพระทัยจะอนุญาต   แต่อุปสรรคนี้ก็ลุล่วงไปได้ เมื่อซิสซี่ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งออสเตรีย ยื่นมือเข้ามาหนุนหลังพี่สาวและแม่  ทำให้พระราชทรงอนุญาตในที่สุด
ในที่สุด  ก็กลายเป็นว่าเฮเลนอผู้พลาดตำแหน่งราชินี กลับเป็นผู้หญิงโชคดี ได้สมรสด้วยความรัก  และอยู่กันเจ้าชายอย่างเป็นสุขตลอดชีวิตสมรสของเธอ

เจ้าชายแมกซิมิเลียน ทวน ฟอน ทักซิส


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ต.ค. 11, 21:17
ลืมบอกไปว่า ชีวิตสมรสแสนสุขของเฮเลนอสั้นมากค่ะ   อยู่กันได้ 7 ปี พระสวามีก็สิ้นพระชนม์ด้วยโรคไต

เทพนิยายมักลงเอยว่า แล้วเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็อยู่กันเป็นสุขตลอดไป   แต่ในประวัติศาสตร์ ยากที่จะเป็นเช่นนั้น

เทพนิยายทั้งหลายไม่เคยบอกว่าซินเดอเรลลา สโนไวท์และเจ้าหญิงนิทราต้องปรับตัวเมื่อแต่งงานเข้าวังไปกับเจ้าชายแล้ว    แต่ในชีวิตจริงของซิสซี่ เมื่อกลับมาถึงปราสาท ภาระหน้าที่ขนาดมหึมาของจักรพรรดินีก็ถูกทับถมลงมาบนบ่า   เธอต้องเรียนรู้ราชประเพณีอันเข้มงวดของราชสำนัก   เรียนรู้การแต่งกายให้ถูกต้องเหมาะสมกับตำแหน่งในโอกาสและพิธีต่างๆ   เรียนรู้บทบาทหน้าที่ของบรรดาข้าราชสำนักสำคัญๆที่จะต้องมารายล้อมอยู่รอบตัวเธอ    เรียนภาษาและประวัติศาสตร์ของออสเตรีย  เพื่อจะได้รู้เรื่องราชบัลลังก์และการปกครองที่เธอจะต้องใช้ ในอนาคตอันใกล้

จากเด็กสาวอายุ 15  ที่มีชีวิตสงบและสนุกสนานไปวันๆกับขี่ม้า เลี้ยงหมา เลี้ยงนกไปตามเรื่อง   เธอกลายเป็นคนสำคัญขึ้นมาทันทีทันควัน  มีบุคคลแปลกๆมาขอเข้าพบเธอไม่เว้นแต่ละวัน   จิตรกรแห่งราชสำนักเข้ามาวาดรูปเธอ    ดีไซเนอร์มาวัดตัวและให้ลองเสื้อผ้าหรูหราเหมาะสมกับตำแหน่งจักรพรรดินี    ช่างทองต่างก็มาเสนอเครื่องเพชรนิลจินดาให้ลองไม่เว้นแต่ละวัน  
ซิสซี่ถึงกับบ่นว่าเธอรู้สึกตัวเหมือนรังผึ้ง ที่มีแต่ผึ้งนานาชนิดบินว่อนเข้าๆออกๆเต็มไปหมด


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ต.ค. 11, 21:24
ซิสซี่มีโอกาสพบคู่หมั้นเพียง 3 วันเท่านั้นเมื่อจักรพรรดิเสด็จมาเยี่ยมเธอช่วงวันคริสต์มาส    แต่แล้วก็ต้องรีบกลับไปเวียนนา เพราะพระภารกิจในฐานะกษัตริย์รออยู่เต็มมือ      สิ่งที่ซิสซี่ไม่รู้ก็คือ ราชอาณาจักรออสเตรียกำลังเสื่อม    เริ่มมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าลุงของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟแล้ว   พระอนามัยที่อ่อนแอเพราะโรคลมชัก บวกกับพระปรีชาที่ไม่ค่อยจะสามารถนักทำให้อำนาจตกไปอยู่ในมือเสนาบดีมากเกินเหตุ  จนเกิดกบฏขึ้น   เมื่อสละราชบัลลังก์   หลานชายขึ้นครองแทน   อำนาจของออสเตรียก็ยังไม่แข็งแกร่งอย่างในอดีตอยู่ดี

6 เดือนหลังจากหมั้น    ซิสซี่ก็เดินทางจากปราสาทของเธอมาเวียนนา เข้าสู่พิธีอภิเษกสมรส กลายเป็นจักรพรรดินีเมื่ออายุได้ 16 ปี

รูปแรกคือซิสซี่ในชุดเจ้าสาว


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ต.ค. 11, 21:26
จักรพรรดิและจักรพรรดินี


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ต.ค. 11, 09:12
     ในฐานะเจ้าสาวคนสำคัญที่สุดในราชอาณาจักรออสเตรีย   บิดามารดาของซิสซี่เตรียม "ทรูโซ" ไว้ให้ลูกสาวอย่างโอ่อ่าสมเกียรติ  ประกอบด้วยเสื้อผ้าถึง 358 ชุด รองเท้า และเครื่องประกอบเสื้อผ้า      เมื่อมาถึงพระราชวัง  เข้าเฝ้าสมเด็จป้าโซฟี   เธอก็ได้พบบรรดานางพระกำนัลใหญ่น้อย มหาดเล็ก และข้าราชบริพารรออยู่เป็นกองทัพ

    ขออธิบายเพิ่มเติมว่า ทรูโซ หรือ trousseau  หมายถึงเสื้อผ้าที่เจ้าสาวเตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนแต่งงาน เพื่อจะนำไปใช้ในชีวิตใหม่ของเธอ   กินความรวมทั้งชุดชั้นนอก  ชุดชั้นใน  ตลอดจนชุดเครื่องนอนเช่นผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้านวม ด้วย   
    สมัยก่อนการแต่งงานเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของหญิงสาวอีกขั้นตอนใหญ่ในชีวิต    เสื้อผ้าทรูโซมีทั้งชุดวิวาห์  ชุดที่จะแต่งช่วงไปฮันนีมูน  และใช้ในชีวิตประจำวันหลังจากนั้น     เพราะไม่มีเสื้อผ้าสำเร็จรูปให้ซื้อได้ปีละ 365 + ชุดเหมือนสมัยนี้
    ถ้าเป็นเจ้าสาวชาวบ้านธรรมดา ก็จะเย็บทรูโซด้วยตัวเอง     ถ้าเป็นเจ้าสาวฐานะดี ก็จะสั่งช่างเย็บผ้ามาวัดตัว ตัดเสื้อผ้าใหม่ๆให้   ยิ่งฐานะในสังคมสูงเท่าไร  ทรูโซของเธอก็จะอลังการมากเท่านั้น


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ต.ค. 11, 10:08
ซิสซี่ไม่อาจมองเห็นล่วงหน้าได้ว่า  ชีวิตใหม่ที่ยิ่งใหญ่  มีความทุกข์โศกแสนสาหัสเข้าคิวรอกันอยู่เป็นขบวนยาวเหยียด   ซึ่งหางขบวนยาวไปจนนาทีสุดท้ายในชีวิตของเธอ
ส่วนหัวขบวน รอเธออยู่แล้วในพระราชวัง    ไม่ใช่ใครอื่น   นอกจากสมเด็จป้าโซฟี  แม่ผัวผู้ทรงอำนาจของเธอนั่นเอง

ทั้งๆซิสซี่เป็นหลานแท้ๆ เช่นเดียวกับเฮเลนอ     แต่อาชดัชเชสโซฟีก็ไม่ชอบหน้าซิสซี่ตั้งแต่แรก    เธอเห็นว่าเด็กสาวเป็นผู้หญิงกระโดกกระเดก ชอบขี่ม้าออกไปกลางแจ้ง   มากกว่าจะสงบเสงี่ยมอยู่ในกรอบประเพณี    เป็นเด็กหัวแข็งไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่    ยากแก่การปกครอง
ด้วยเหตุนี้ อาชดัชเชสจึงค้านเสียงแข็งไม่อยากได้ซิสซี่มาเป็นสะใภ้     แต่ในเมื่อขัดใจลูกชายไม่ได้    ความผิดทั้งหมดก็เลยเทไปลงที่ซิสซี่แทนที่จะโกรธจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ ที่ไม่เชื่อฟังแม่
เมื่อซิสซี่ได้ตำแหน่งจักรพรรดินี   เธอจึงได้แม่สามีแบบคุณนายน้อมแห่ง"วนิดา"  มาด้วยเป็นของแถมชิ้นใหญ่

ภาพของอาชดัชเชส


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 25 ต.ค. 11, 10:35
ทรงพระศิริโฉมงดงามยิ่งนัก

แต่ (แม่สามี) ท่าทางร้ายน่าดู  ;D


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ต.ค. 11, 10:38
เรื่อง แม่ผัวกับลูกสะใภ้ นี้เป็นเรื่องสากล

 ;D


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ต.ค. 11, 13:07
ซิสซี่กลายเป็นนกน้อยในกรงทอง   มีแม่ผัวเป็นคนถือกุญแจกรง  อาชดัชเชสโซฟีเป็นคนเข้มงวดเรื่องพิธีการและขนบธรรมเนียมประเพณี    เธอขีดกรอบให้ลูกสะใภ้อย่างเคร่งครัด    ส่วนซิสซี่ตรงกันข้าม   ความรักอิสระตั้งแต่เด็กทำให้เธอรังเกียจพิธีการทั้งหลายแหล่ที่ผูกมัดตัวเธออยู่    แม่ผัวลูกสะใภ้จึงปะทะกันไปเกือบทุกเรื่องก็ว่าได้

อาชดัชเชสออกคำสั่งห้าม ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนเรื่องใหญ่  เช่นมิให้จักรพรรดินีเสด็จไปช็อปปิ้งด้วยองค์เอง     ห้ามไปพำนักหรือท่องเที่ยวในชนบท   ถ้าจะไปก็ต้องแปรพระราชฐานอย่างเป็นทางการ      ห้ามแม้กระทั่งดื่มเบียร์  
ซิสซี่จะต้องทำตัวอยู่ในกรอบของพระราชินีแห่งราชสำนัก  ดำรงตนเหมือนพระราชินีก่อนหน้านี้หลายร้อยปี  ไม่กระดิกกระเดี้ยไปจากนั้น
อำนาจของแม่ผัวก้าวก่ายเข้ามาทุกตารางนิ้วในราชสำนัก      โดยที่จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ แม้ว่ารักซิสซี่สักเท่าใดก็ตาม  ก็ไม่ได้ห้ามพระมารดา

ความทุกข์อีกประการหนึ่งของซิสซี่ คือ แม้ว่าเธอเป็นที่รักของพระสวามีมากเท่าใดก็ตาม    เธอก็ไม่มีความสุขที่อยู่กับจักรพรรดิ  เพราะชีวิตที่ล้อมรอบเธออยู่ ขัดกับธรรมชาติของเธอโดยสิ้นเชิง



กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ต.ค. 11, 21:43
รูปโฉมงดงาม และบุคลิกปราดเปรียวมีชีวิตชีวา ทำให้จักรพรรดินีซิสซี่เป็นที่ชื่นชมของประชาชนมาก     ตรงข้ามกับชาวราชสำนักหัวเก่าที่จับผิดเธอไปเสียทุกย่างก้าว  ทำให้ซิสซี่ไม่มีความสุข   สามีของเธอก็เป็นชายที่ถือตัว  แสดงความรักไม่เป็น และมีภารกิจเต็มมืออยู่ตลอดเวลา     อำนาจในราชสำนักอยู่ในมือของสมเด็จป้าโซฟี  ผู้จ้องตีกรอบลูกสะใภ้อยู่ทุกทิศทุกทาง

หน้าที่สำคัญของจักรพรรดินี คือสร้างรัชทายาทให้ราชบัลลังก์    ซิสซี่ตั้งครรภ์และคลอด 2 ครั้ง แต่ก็ผิดหวังเมื่อเป็นธิดาทั้ง 2 ครั้ง ทรงพระนามว่าเจ้าหญิงโซฟีและเจ้าหญิงจิเซล่า   ความเศร้าโศกของเธอคือหนึ่งในจำนวนนี้ก็สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่เป็นทารก   ต่อเมื่อตั้งครรภ์ครั้งที่ 3   จึงได้รัชทายาทที่ทุกคนรอคอยมานาน  คือเจ้าชายรูดอล์ฟ

ซิสซี่ไม่มีโอกาสจะเลี้ยงดูโอรสธิดาทุกองค์เอง      เจ้าหญิงเจ้าชายน้อยๆถูกพรากจากแม่ไปอยู่ในมือสมเด็จย่า  ซึ่งเอาตัวไปเลี้ยงเสียเอง  ด้วยเหตุผลว่าจะได้เลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาอย่างถูกต้องสมเป็นเจ้าเป็นนาย  ทั้งๆซิสซี่เศร้าโศก  เธอก็ไม่อาจขัดขืนแม่ผัวผู้ทรงอำนาจได้อยู่ดี


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ต.ค. 11, 12:19
ในเมื่ออยู่ในตำแหน่ง แต่ไม่มีอำนาจในราชสำนัก     ซิสซี่ก็หันเข้าหาสิ่งเดียวที่เธอควบคุมได้ คือตัวเธอเอง   เธอกลายเป็นผู้หญิงที่เข้มงวดกับรูปร่างและความสวยงามจนเกินเหตุ เป็นการชดเชยกับสิ่งที่เธอขาด      สมัยนั้นผู้หญิงมีลูกแล้วมักจะปล่อยตัวให้อ้วนขึ้นตามธรรมชาติ  แต่ซิสซี่ควบคุมไม่ให้น้ำหนักเกิน 105 ปอนด์ สำหรับความสูง 5 ฟุต 6 นิ้ว   ด้วยการจำกัดอาหารอย่างเคร่งครัด  กินแต่น้ำผลไม้  และอาหารปรุงพิเศษ   ไม่กินของหวาน ไม่กินเนื้อ ไม่กินแป้ง อย่างคนอื่นๆ  เพื่อเอวเธอจะได้เล็กอยู่เพียง 20 นิ้ว เท่านั้น
เธอสร้างห้องมีเครื่องมือออกกำลังกายไว้ เพื่อจะได้ออกกำลังทุกวัน    ออกไปขี่ม้าวันละ 8 ชั่วโมงเป็นการออกกำลังกลางแจ้ง



กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ต.ค. 11, 12:29
เรื่องจู้จี้พิถีพิถันในความงาม เป็นที่เลื่องลือ    อย่างแรกคือซิสซี่มีผมสวยมาก  ผมของเธอหนา สีทองแดงเป็นมันเลื่อม ยาวสลวยจรดข้อเท้า   เมื่อตื่นนอน นางกำนัลจะต้องนำผ้าไหมสีขาวบริสุทธิ์มาคลุมไหล่ไว้ใต้ผม  ก่อนแปรงผมอย่างระมัดระวัง  ถ้ามีผมขาดร่วงลงไปแม้แต่เส้นเดียว   หล่อนจะต้องเก็บเส้นผมใส่ถาดเงินมาให้เจ้านายดู ครบทุกเส้นที่ร่วมไป    ถ้าวันไหนผมร่วงหลายเส้นมากกว่าวันอื่น ซิสซี่จะกริ้วโกรธมาก 
จากนั้นช่างทำผมจะเข้ามาทำผมให้เธอ  ถักเปียและเกล้าให้เรียบร้อย  กินเวลาประมาณสองถึงสามชั่วโมงในแต่ละวัน  ช่างทุกคนจะต้องสวมถุงมือขาว และห้ามสวมแหวน เพราะอาจไปเกี่ยวเข้ากับผมของซิสซี่ให้ขาดให้

ซิสซี่อาบน้ำทุกวัน แช่ตัวสลับกันระหว่างน้ำอุ่นผสมน้ำมันและน้ำเย็นให้ผิวชุ่มชื้น    สระผมด้วยแชมพูทำจากไข่ขาวผสมเหล้าคอนยัค   วันไหนสระผม กว่าจะแห้ง กว่าจะแปรงเสร็จก็กินเวลาตั้งแต่เช้าจนค่ำ
เมื่อเข้านอน  เธอใช้แถบผ้าชุบน้ำส้มสายชูกลั่นจากดอกไวโอเล็ต ให้เปียก รัดเอวไว้ให้แน่นตลอดคืน เพื่อรักษาเอวไว้ไม่ให้ขยายเกิน 20 นิ้ว   เธอไม่หนุนหมอน แต่นอนราบ เพื่อจะรักษารูปร่างให้ตรงไว้ตลอดเวลา


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ต.ค. 11, 12:22
แต่ความสวยงามไม่อาจช่วยซิสซี่ให้เป็นสุขขึ้นมาได้กี่มากน้อย      ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจักรพรรดิมาถึงจุดแตกหัก หลังจากซิสซี่เริ่มป่วยด้วยโรคประหลาด    แพทย์หลวงวินิจฉัยว่าเธอเป็นวัณโรค  แต่อาการก็กลับไปเหมือนโรคติดต่อทางเพศหรือกามโรคเสียมากกว่า   คนเดียวที่จะแพร่เชื้อให้เธอได้ก็คือสามีผู้สูงศักดิ์นั่นเอง

เรื่องโรคของซิสซี่ นักประวัติศาสตร์ยังอุบๆอิบๆ อยู่  บางคนท่าทางจะเกรงใจก็บอกว่าอาจเป็นผลจากความเครียดก็ได้   ทำให้เกิดอาการทางกายได้สารพัดแบบ     เรื่องโยนความผิดให้ความเครียดรับไปเต็มๆนี่เป็นวิธีที่นิยมใช้กันในปลายศตวรรษที่ 20 เวลาหาโรคไม่เจอ  หรือเจอแต่ไม่กล้าพูดตรงๆ
แต่นักประวัติศาสตร์บางคนก็ฟันธงลงไปว่าเธอติดโรคมาจากจักรพรรดิ  ผู้ติดเชื้อมาจากผู้หญิงอื่นที่ทรงมีความสัมพันธ์ลับๆด้วย   อาจจะเป็นนางละครที่ทรงคบมาระยะหนึ่งก่อนอภิเษกสมรส   

ข้อเท็จจริงเรื่องโรคเป็นอย่างไหนก็ตาม  แต่ผลคือซิสซี่ก็ขาดสะบั้นจากสามี   เธอออกจากเวียนนาไปอยู่ที่อื่นทันที   จากนั้น การเดินทางท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆในยุโรป ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดของจักรพรรดินี



กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ต.ค. 11, 13:04
ผู้ที่ยื่นมือเข้ามาเยียวยาอาการเสียขวัญของซิสซี่คือพระราชวงศ์อังกฤษ  ควีนวิคตอเรียทรงให้ยืมเรือยอทลำงาม ให้เธอเป็นพาหนะท่องเที่ยวไปตามประเทศต่างๆ    เช่นเกาะคอร์ฟู  และประเทศฮังการี ที่เธอโปรดปรานเป็นพิเศษ

รูปข้างล่างนี้คือเกาะคอร์ฟู


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 28 ต.ค. 11, 02:00
เรียน คุณเทาชมพู
เรื่องของซิสซี่ มะยมพอจะเสริมข้อมูลได้ค่ะ เพราะเรียนและอยู่เยอรมันมาเป็น 10 ปี (but typing Thai is taking me hours to search alphabet on keyboard.)

ที่เกาะคอร์ฟู ซิสซี่มักจะพักที่ Achillion .. กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวลือชื่อของเกาะคอร์ฟู

รูปมีให้ชมที่ (มี copyright จึงเอามาลงไม่ได้)
http://www.korfu-ratgeber.de/achillion-bilder-fotos.htm

ส่วนรูปนี้เอามาจาก
http://www.corfu-island.org/achilion-palace.htm


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 28 ต.ค. 11, 02:43
ขอเสริมข้อมูล ความเศร้าโศกของซิสซี่ :'(
รูปโฉมงดงาม และบุคลิกปราดเปรียวมีชีวิตชีวา ทำให้จักรพรรดินีซิสซี่เป็นที่ชื่นชมของประชาชนมาก     ตรงข้ามกับชาวราชสำนักหัวเก่าที่จับผิดเธอไปเสียทุกย่างก้าว  ทำให้ซิสซี่ไม่มีความสุข   สามีของเธอก็เป็นชายที่ถือตัว  แสดงความรักไม่เป็น และมีภารกิจเต็มมืออยู่ตลอดเวลา     อำนาจในราชสำนักอยู่ในมือของสมเด็จป้าโซฟี  ผู้จ้องตีกรอบลูกสะใภ้อยู่ทุกทิศทุกทาง

หน้าที่สำคัญของจักรพรรดินี คือสร้างรัชทายาทให้ราชบัลลังก์    ซิสซี่ตั้งครรภ์และคลอด 2 ครั้ง แต่ก็ผิดหวังเมื่อเป็นธิดาทั้ง 2 ครั้ง ทรงพระนามว่าเจ้าหญิงโซฟีและเจ้าหญิงจิเซล่า   ความเศร้าโศกของเธอคือหนึ่งในจำนวนนี้ก็สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่เป็นทารก   ต่อเมื่อตั้งครรภ์ครั้งที่ 3   จึงได้รัชทายาทที่ทุกคนรอคอยมานาน  คือเจ้าชายรูดอล์ฟ

ซิสซี่ไม่มีโอกาสจะเลี้ยงดูโอรสธิดาทุกองค์เอง      เจ้าหญิงเจ้าชายน้อยๆถูกพรากจากแม่ไปอยู่ในมือสมเด็จย่า  ซึ่งเอาตัวไปเลี้ยงเสียเอง  ด้วยเหตุผลว่าจะได้เลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาอย่างถูกต้องสมเป็นเจ้าเป็นนาย  ทั้งๆซิสซี่เศร้าโศก  เธอก็ไม่อาจขัดขืนแม่ผัวผู้ทรงอำนาจได้อยู่ดี


เรื่องคือเธอเคยขัดคำห้ามของแม่ผัว ด้วยการพาธิดาทั้ง2 ที่ยังเล็กติดตามไปเที่ยวที่ฮังการี เจ้าหญิงโซฟีที่อายุ 2 ขวบสิ้นพระชนม์ ขณะเดินทาง ทุกคนรอบข้างของแม่ผัวตอกยำ้ว่าเกิดจาก ความดื้อรั้นของเธอ (เธออายุ 20 ตอนที่เจ้าหญิงโซฟีสิ้นพระชนม์)


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 28 ต.ค. 11, 03:11
ในเมื่ออยู่ในตำแหน่ง แต่ไม่มีอำนาจในราชสำนัก     ซิสซี่ก็หันเข้าหาสิ่งเดียวที่เธอควบคุมได้ คือตัวเธอเอง   เธอกลายเป็นผู้หญิงที่เข้มงวดกับรูปร่างและความสวยงามจนเกินเหตุ เป็นการชดเชยกับสิ่งที่เธอขาด      สมัยนั้นผู้หญิงมีลูกแล้วมักจะปล่อยตัวให้อ้วนขึ้นตามธรรมชาติ  แต่ซิสซี่ควบคุมไม่ให้น้ำหนักเกิน 105 ปอนด์ สำหรับความสูง 5 ฟุต 6 นิ้ว   ด้วยการจำกัดอาหารอย่างเคร่งครัด  กินแต่น้ำผลไม้  และอาหารปรุงพิเศษ   ไม่กินของหวาน ไม่กินเนื้อ ไม่กินแป้ง อย่างคนอื่นๆ  เพื่อเอวเธอจะได้เล็กอยู่เพียง 20 นิ้ว เท่านั้น
เธอสร้างห้องมีเครื่องมือออกกำลังกายไว้ เพื่อจะได้ออกกำลังทุกวัน    ออกไปขี่ม้าวันละ 8 ชั่วโมงเป็นการออกกำลังกลางแจ้ง



Sisi-Syndrome  :'(

http://www.nodealproductions.com/homepage/theimaginedillness.html

http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/12966819


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ต.ค. 11, 08:43
ดีใจที่มีคนเข้ามาร่วมวงคุยค่ะ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ต.ค. 11, 08:54
โรคของซิสซี่ ตรงกับปัจจุบันเรียกว่า Anorexia   เป็นความผิดปกติทางบริโภคอาหาร หรือ eating disorder  อย่างหนึ่ง    คนป่วยจะมีอาการทางจิต เกิดความกลัวอ้วน ทำให้ไม่อยากกินอาหารอย่างคนปกติ    นั่นก็ไม่กิน นี่ก็ไม่กิน หรือกินแล้วก็อาเจียน  ผอมเท่าไรก็ยังรู้สึกว่าผอมไม่พออยู่ดี
เจ้าหญิงไดอาน่าก็เคยมีอาการนี้เหมือนกัน
จะว่าไป  ซิสซี่กับเจ้าหญิงไดอาน่ามีชีวิตหลายอย่างเหมือนกันราวกับฝาแฝด    เมื่ออ่านเรื่องราวของซิสซี่ต่อไป  จะพบว่าทำไมนักประวัติศาสตร์สรุปเช่นนั้น

เจ้าหญิงโซฟีน้อยที่สิ้นพระชนม์ไปเมื่ออายุ 2 ขวบ   ป่วยด้วยโรคหัด  หรือไม่ก็ไข้อีดำอีแดง (scarlet fever) ในยุคที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน  อัตราตายของทารกสูงมาก  อยู่ไหนก็มีสิทธิ์ตายได้  จะไปเหมาว่าเพราะซิสซี่พาลูกไปไกลบ้านเลยตายก็ไม่ถูกนัก  แต่นั่นแหละ  สำหรับแม่ผัวที่เห็นว่าสะใภ้เป็น "แม่ที่ไม่ประสีประสา"   ความผิดก็เลยลงที่ซิสซี่เต็มๆ 
 


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ต.ค. 11, 09:05
โรคของซิสซี่และไดอาน่า เรียกว่า Bulimia Nervosa (http://www.thaigoodview.com/node/50210) ยังรับประทานอาหารได้และปริมาณมากเสียด้วย แต่สุดท้ายต้องพยายามเอาออกมาด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่นการอาเจียน

ส่วน Anorexia Nervosa (http://www.ramamental.com/ano.html) คือโรคเบื่ออาหาร

 ;D


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ต.ค. 11, 09:34
http://www.actilingua.com/AboutVienna/personalities/wittelsbach.php

Sissi was obsessed with her beauty and her perfect figure and taking care of her body, resulting in anorexia.


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ต.ค. 11, 10:22
โรคของซิสซี่ ตรงกับปัจจุบันเรียกว่า Anorexia   เป็นความผิดปกติทางบริโภคอาหาร หรือ eating disorder  อย่างหนึ่ง    คนป่วยจะมีอาการทางจิต เกิดความกลัวอ้วน ทำให้ไม่อยากกินอาหารอย่างคนปกติ    นั่นก็ไม่กิน นี่ก็ไม่กิน หรือกินแล้วก็อาเจียน    ผอมเท่าไรก็ยังรู้สึกว่าผอมไม่พออยู่ดี
เจ้าหญิงไดอาน่าก็เคยมีอาการนี้เหมือนกัน  

Anorexia และ Bulimia มีอาการคาบเกี่ยวกัน หากซิสซี่มีอาการกินแล้วอาเจียนแล้วไซร้ บ่งชี้ถึงอาการของโรค Bulimia  

Bulimia nervosa (http://en.wikipedia.org/wiki/Bulimia_nervosa) เป็นศัพท์ใหม่เพิ่งถูกตั้งชื่อและอธิบายอาการโดยจิตแพทย์ชาวอังกฤษชื่อ Gerald Russell  (http://en.wikipedia.org/wiki/Gerald_Russell) ใน พ.ศ. ๒๕๒๒ นี้เอง

เจ้าหญิงไดอาน่าเป็นคนสมัยใหม่ ชื่อโรคที่เป็นก็เป็นศัพท์ใหม่ไปด้วย

พระองค์ทรงเป็นโรค Bulimia Nervosa แน่นอน

 ;D


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 30 ต.ค. 11, 06:25
  :-[  มารอคุณเทาชมพู เล่่่าเรื่องของซิสซี่ต่อค่ะ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ต.ค. 11, 08:33
Anorexia

ปลากรอบ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 11, 11:41
เนตเส่ียค่ะ
โพสจากมือถืออย่างทุลักทุเล :'(


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 11, 14:57
เพิ่งจะได้น้องเน็ตกลับคืนมา  ;D

การท่องเที่ยวไปหลายประเทศช่วยเปิดหูเปิดตาซิสซี่ให้กว้างขึ้น  รักษาแผลกายและใจที่รับมาจากราชสำนักและสามี    ประเทศที่เธอโปรดปรานที่สุดคือฮังการี    พระราชวังกราสซัลโควิช ในเมืองโกดอลโล ใกล้กรุงบูดาเปสต์ กลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศของเธอ
สมัยนั้นฮังการีถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของออสเตรีย   แต่ก็ยังคงขนบธรรมเนียมและความรู้สึกของประชาชน ว่าพวกเขาเป็นฮังกาเรียนอยู่ดี   ซิสซี่ถูกชะตากับชาวฮังกาเรียนมาก    เธอรับบรรดาผู้มีตระกูลชาวฮังกาเรียนมาเป็นข้าราชบริพาร และให้พวกเขาพูดภาษาฮังกาเรียนกับเธอเท่านั้น
ความผูกพันที่ซิสซี่มีต่อฮังการี เพิ่มทวีขึ้นตามวันเวลา  เมื่อกลับมาออสเตรีย  เธอก็หว่านล้อมให้จักรพรรดิให้อิสระแก่ชาวฮังการีมากขึ้น  ให้แยกออกไปเป็นอีกราชอาณาจักรหนึ่ง   สถาปนาตำแหน่งราชากับราชินีแห่งฮังการีขึ้น    โดยเธอขึ้นเป็นราชินีแห่งฮังการีอีกตำแหน่งหนึ่งนอกเหนือจากจักรพรรดินีแห่งออสเตรีย

ภาพข้างล่าง  วังกราสซัลโควิช



กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 11, 14:58
Anorexia

ปลากรอบ
น่ากลัวมาก ปลากรอบแห้งพวกนี้เป็นภาพตัดต่อหรือว่าของจริงคะ?


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ต.ค. 11, 16:05
ของจริงครับ

ที่น่ากลัวกว่านี้ยังมีอีก แต่ก็น่าทุเรศด้วย
เลยไม่ผ่านเซนเซอร์ครับ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 11, 12:08
ต่อค่ะ

ซิสซี่มีความสุขมากเมื่ออยู่ในฮังการี  ที่นี่เธอมีอิสระจะทำสิ่งต่างๆตามใจรักมากกว่าเมื่ออยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณีอันเข้มงวดของราชสำนักเวียนนา   เธออยากอยู่กลางแจ้งนานเท่าไรก็ไม่มีใครว่า   ไม่ต้องทนอยู่กับงานพระราชพิธีต่างๆ อย่างเมื่ออยู้ในฐานะจักรพรรดินี
อย่างหนึ่งที่เธอทำคือตั้งโรงเรียนสอนขี่ม้าขึ้น  เธอหัดฝึกม้าเอง  ขี่ม้าวันละหลายๆชั่วโมง   นอกจากนี้ยังทำงานสาธารณกุศล  ไปเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาลและสถานคนป่วยโรคจิต   ข้อหลังนี่อาจจะเป็นเพราะเธอเองก็ตระหนักดีถึงโรคซึมเศร้าที่คุกคามมานานหลายปี  
อาการป่วยทางจิตของซิสซี่ยังไม่หายขาด  เมื่อกลับไปเวียนนา    แต่กลายเป็นโรคหวาดระแวง (Paranoid) ทั้งๆที่เป็นหญิงงามอย่างยิ่ง  เธอก็อึดอัดไม่สบายใจที่ถูกมหาชนจับจ้องเวลาไปงานพิธีต่างๆ   เธอหาทางออกด้วยการกางร่มบังบ้าง หรือสวมผ้าคลุมหน้า หรือแม้แต่คลี่พัดบังหน้าเอาไว้  เพื่อไม่ให้ใครเห็นหน้าเธอได้ถนัด
ซิสซี่เป็นที่รักของชาวฮังกาเรียนมากเท่าใด  เธอก็เป็นที่ไม่ชอบใจของชาวออสเตรียนมากเท่านั้น   เหตุผลชัดๆคือประชาชนรู้สึกว่าเธอไม่ได้ทำหน้าที่ของจักรพรรดินีเท่าที่ควร  เพราะมัวเอาเวลาไปท่องเที่ยวอยู่ต่างประเทศ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 11, 12:16
ขอให้สังเกตวิธีขี่ม้าของซิสซี่  คือขี่แบบที่เรียกกันว่า sidesaddle  ไม่ได้นั่งคร่อมอานอย่างนักขี่ม้าสมัยนี้    
ผู้หญิงสมัยปลายศตวรรษที่ 19  ยังนุ่งกระโปรงยาวรุ่มร่าม  แม้แต่ในชุดขี่ม้า     เวลาขี่ก็คือนั่งเบี่ยงตัว วางก้นและสะโพกไว้บนอานหลังม้า  แต่ขาทั้งสองห้อยรวมอยู่ด้านเดียว
เป็นท่านั่งที่ยากมาก    ถ้าไม่ลื่นตกจากอาน ก็อาจจะหล่นจากหลังม้าได้ง่ายๆ ตอนม้าวิ่งหรือกระโจนข้ามสิ่งกีดขวาง

ซิสซี่ขี่ม้าได้วันละหลายๆชั่วโมง ถือว่าทรงตัวเก่งมาก  ยิ่งฝึกม้าเอง ก็ต้องถือว่าขี่ม้าได้ยอดเยี่ยม


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 11, 12:42
เมื่อซิสซี่เดินทางกลับเวียนนา หลังจากไปพักผ่อนต่างประเทศเสียนาน    เธอก็คืนดีกับจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ    เธอมีธิดาองค์ที่สี่และเป็นองค์สุดท้องคือเจ้าหญิงมารี-วาเลอรี่  จากนั้นความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาก็จบสิ้นแบบเด็กขาด  แต่ไม่ได้แตกหักแบบมองหน้ากันไม่ได้      จักรพรรดิและจักรพรรดินียังคงออกงานพิธีหลวง หรือเสด็จไปเยือนที่อื่นๆอย่างเป็นทางการร่วมกันเสมอ

เรื่องความสัมพันธ์ของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ กับซิสซี่ ก็เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์เรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์   เพราะในสมัยโบราณ เจ้านายอภิเษกสมรสกันด้วยเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ  ไม่ได้สมัครใจ  ดังนั้นพระราชาจึงมักจะมีพระสนมมากบ้างน้อยบ้างเป็นเรื่องธรรมดา   ส่วนพระราชินีก็มีหน้าที่ผลิตรัชทายาท  จากนั้น ถ้าไม่หันเข้าหาศาสนาเป็นที่พึ่ง หรืออยู่ไปวันๆ ก็อาจจะแอบมีชู้บ้าง ไม่ให้ประเจิดประเจ้อ   เป็นที่เข้าใจเหตุผลกันได้ทั้งสองฝ่าย
แต่ชีวิตของซิสซี่กับจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ เริ่มต้นเหมือนตอนจบในเทพนิยาย  จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟทรงหลงรักเจ้าสาวแบบเจ้าชายรักเจ้าหญิง   คือรักแต่แรกเห็น    ส่วนซิสซี่นั้นแม้ไม่ได้รักฝ่ายชายแต่แรก แต่เธอก็เต็มใจจะแต่งงานด้วย   จากนั้นทั้งคู่ก็น่าจะอยู่กันด้วยความสุขตลอดไป
  


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 11, 12:43
แต่เอาเข้าจริง  ซิสซี่ไม่ได้รักสามี  หรืออาจจะเคยรักเมื่ออยู่กินกันใหม่ๆ   แต่ก็เป็นความรักที่เกิดได้ดับได้   เมื่อดับแล้วก็ดับสนิท  ไม่มีอะไรมาก่อเชื้อให้ไฟกองนี้ลุกโชนขึ้นมาได้อีกครั้ง  
   เมื่อซิสซี่เป็นฝ่ายขอแยกทางจากสามี     เธอทำสิ่งที่เมียหลวงทั่วโลกยังไงก็ทำไม่ได้  คือหันไปผูกมิตรกับนางละครชื่อคัทธาลีนา  ชรัตต์   พระสนมลับของจักรพรรดิ (คนที่ทำให้เธอติดเชื้อกามโรคมาน่ะแหละค่ะ) ถึงขั้นให้จิตรกรแห่งราชสำนักวาดภาพหล่อน แล้วส่งไปถวายจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟเป็นของกำนัล  เพื่อประกาศให้รู้กันกลายๆว่าเธอยอมรับตำแหน่งและฐานะของผู้หญิงคนนี้ อย่างเป็นทางการ
หมายความว่า จักรพรรดิสามารถมีพระสนมคนนี้ได้อย่างเปิดเผย  ไม่ต้องลับๆอีกต่อไป    หล่อนจะเข้านอกออกในราชสำนักหรือเข้าเฝ้าจักรพรรดิและจักรพรรดินีก็ทำได้  ไม่มีใครว่า ในเมื่อจักรพรรดินีทรงอนุญาต เปิดไฟเขียวให้เสียอย่าง

ภาพวาดของนางละคร โดยจิตรกรแห่งราชสำนัก


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 11, 12:56
  ซิสซี่หยิบยื่นมิตรภาพให้ผู้หญิงคนนี้ถึงขั้นที่ว่า ชวนไปออกกำลังกลางแจ้ง  ไปปีนเขาด้วยกันได้   หรือว่าคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งตามประสาผู้หญิง แบ่งปันสูตรเครื่องสำอางและการบำรุงความงามกันได้  ราวกับเพื่อนฝูงที่ถูกชะตากันอย่างยิ่ง
  เหตุผลหนึ่งอาจเป็นได้ว่า เมื่อซิสซี่ไม่ต้องการทำหน้าที่ภรรยาอีกแล้ว  ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าไปเอาตัวพระสนมที่รู้ว่าพระสวามีถูกพระทัยให้มารับหน้าที่ภรรยา คอยดูแลปรนนิบัติแทนเธอ    คัทธาลีนาเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน ช่างเอาใจ รู้ใจจักรพรรดิดี   ก็น่าจะทำให้พระองค์มีความสุขได้  ไม่มากริ้ว  หรือเรียกร้องสิ่งใดจากพระมเหสีอีก  
  ตอนที่ซิสซี่และจักรพรรดิสูญเสียพระโอรสไป ในเวลาต่อมา    เธอนั่นแหละก็เรียกพระสนมมาหา  สั่งให้คอยปลอบพระทัยจักรพรรดิให้คลายเศร้าโศก     เพราะเธอจะไม่อยู่ ไปเที่ยวต่างแดนนานหลายเดือน(ตามเคย)
  
   นี่คือตัวอย่างของยอดเมียหลวง  

   และที่น่าอัศจรรย์อีกอย่างคือ พระสนมคนนี้ขนาดแต่งตัวทรงเครื่องอลังการสุดขีด   ก็ยังสวยสู้ซิสซี่ไม่ได้เลย  เป็นเมียน้อยที่รูปร่างหน้าตาแพ้เมียหลวงราบคาบ
   รูปที่นำมาลง สวยกว่าตัวจริง  รูปจริงเหมือนค.ห.ข้างบนค่ะ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 11, 20:39
ผู้หญิงสูงศักดิ์ในประวัติศาสตร์ฝรั่งมักอาภัพอยู่อย่างหนึ่ง  คือถ้าดังเท่าไรก็ยิ่งเป็นเป้าหมายให้ถูกขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวมากเท่านั้น  ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องชู้สาว     ถ้าหากว่ามีประเด็นอะไรพอจะลากเข้าสู่เรื่องนี้ได้ มักจะโดนกันทุกราย  จริงหรือไม่จริงก็ออกมาในรูปของพงศาวดารกระซิบ    ถ้าหากว่าพงศาวดารของจริงหาหลักฐานมาพิสูจน์ไม่ได้

ซิสซี่ตกอยู่ในข่ายนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   เธอเป็นหญิงงาม  เธอมีชีวิตสมรสที่แตกแยกกับสามี   เธอไม่เป็นที่นิยมของประชาชนออสเตรียน   สายตาของผู้คนจึงจับจ้องว่า เธอมีชู้หรือเปล่า   เพราะความงามของเธอชักนำให้ชายหนุ่มและไม่หนุ่มมาห้อมล้อมกันอยู่หลายราย

เท่าที่ค้นหามาได้  ชื่อของซิสซี่ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับผู้ชาย 2 รายด้วยกัน
คนแรกคือร้อยเอกจอร์ช มิดเดิลตัน  หรือเรียกชื่อเล่นๆว่า "เบย์" เป็นชาวอังกฤษเชื้อสายสก็อต   เขารับราชการในตำแหน่งคล้ายๆท.ส. ของเอิร์ลสเปนเซอร์ ผู้สำเร็จราชการแห่งไอร์แลนด์ ในช่วงที่ซิสซี่เดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อนที่สหราชอาณาจักร



กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 11, 09:45
ซิสซี่ชอบไปล่าสัตว์ในอังกฤษ    ขออธิบายแทรกในตอนนี้หน่อยนะคะ  ว่าเกมล่าสัตว์ถือเป็นกีฬาโก้หรูมีหน้ามีตา ของผู้ดีชั้นสูง  ชาวบ้านไม่มีสิทธิ์  การล่านี้ก็ไม่ใช่ล่าสัตว์ดุร้ายอย่างรพินทร์ ไพรวัลย์ทำในเรื่องเพชรพระอุมา   แต่เป็นการล่ากวางบ้าง  หมาจิ้งจอกบ้าง   หรือไม่ก็ไก่ฟ้า   ในเนื้อที่คฤหาสน์ของผู้ดีในชนบทถึงกับเลี้ยงกวาง   เลี้ยงไก่ฟ้า (pheasant) เอาไว้เอง  สำหรับเชิญเพื่อนฝูงมาร่วมวงล่าในฤดูล่าสัตว์   ส่วนหมาจิ้งจอกเป็นสัตว์ป่า เลี้ยงไม่เชื่อง ก็ไม่เลี้ยงกัน  แต่ล่าอย่างเดียว

ไก่ฟ้านั้นมีไว้ให้ยิงจากนักล่า ผู้ยืนปักหลักบนพื้นดิน      ส่วนกวางและหมาจิ้งจอกต้องขี่ม้าไล่ยิง    มีหมาล่าเนื้อที่เลี้ยงไว้วิ่งนำไปทั้งฝูง  ไล่หมาจิ้งจอกตัวเล็กๆตัวเดียวที่วิ่งหัวซุกหัวซุน     บรรดานักล่าจะต้องแต่งตัวชุดขี่ม้าตามธรรมเนียมนิยมอย่างโก้หรู  เฮฮาขึ้นม้าไปหลายคนด้วยกัน  ราวกับยกกองทัพไปรบ  มากกว่าไปล่าสัตว์เล็กขนาดประมาณหมาบางแก้ว ๑ ตัว

ในเมื่อกำหนดทิศทางไม่ได้ ว่าหมาจิ้งจอกมันจะวิ่งไปทางไหน   โดยมากมันก็วิ่งเตลิดเปิดเปิงมุดรั้ว มุดดง ผ่านพุ่มไม้  ออกนอกทางเรียบๆ ในทุ่งอยู่แล้ว     ทำให้นักล่าต้องควบม้าไปตามทางลำบาก ต้องชักม้าให้โดดข้ามขอนไม้บ้าง รั้วบ้าง   ลัดเลาะไปตามทางชันบ้าง     จึงทำให้นักขี่ม้าในอังกฤษต้องเรียนวิธีบังคับม้าอย่างชำนาญ  เพื่อจะไม่ตกหลังม้าลงมาเสียก่อนเวลาไปล่าสัตว์     มันไม่เหมือนกับขี่ม้าเหยาะย่างอยู่ตามสวนสาธารณะ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 11, 13:41
ร้อยเอกจอร์ช มิดเดิลตัน หรือขอเรียกสั้นๆว่า "เบย์"  เป็นนักขี่ม้าที่เก่งฉกาจที่สุดคนหนึ่งของอังกฤษ    นอกจากนี้นิสัยเป็นคนขี้เล่นร่าเริง อารมณ์ดี  และมนุษยสัมพันธ์ดี    เป็นที่โปรดปรานของเอิร์ลสเปนเซอร์ผู้เป็นนายอย่างมาก      เมื่อซิสซี่มาท่องเที่ยวอังกฤษ และมาเยี่ยมท่านเอิร์ลตามคำทูลเชิญ ณ คฤหาสน์อัลธอร์ปของท่าน     เธอชอบขี่ม้าอยู่แล้ว   ท่านเอิร์ลก็จัดให้มีกีฬาล่าสัตว์เป็นเกียรติแก่แขกผู้สูงศักดิ์
การมีแขกระดับจักรพรรดินีมาเยือนไม่ใช่ของง่ายๆ ทั้งการรับรองและประคับประคองให้ปลอดภัยทุกย่างก้าว    เจ้าภาพต้องพิถีพิถัน มองข้ามไม่ได้เลย      ท่านเอิร์ลก็เลือกเบย์ ท.ส.ของท่านให้เป็น "พี่เลี้ยง" คอยประกบซิสซี่เมื่อเธอออกไปขี่ม้าหรือล่าสัตว์     เพราะจะหาใครที่เก่งขนาดเขาผู้นี้อีกก็ไม่มี    ถ้ามีเขาเป็นพี่เลี้ยงก็ไว้ใจได้ว่า ไม่นำจักรพรรดินีหลงทางเข้าป่าเข้าพง หรือทำเธอตกม้าคอหัก แขนขาหัก อย่างแน่นอน
เบย์ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม เป็นที่พอใจของซิสซี่   มิตรภาพของเธอกับเบย์ดำเนินไปด้วยดี   จนกระทั่งซิสซี่มอบเกียรติให้เป็นพิเศษ ตอบแทนที่เขารับใช้เธอ   คือเชิญเขาไปเป็นแขกที่พระราชวังในเมืองโกดอลโล  ที่เธอจัดงานปาร์ตี้และงานเต้นรำอลังการ  เมื่อเธอไปพักอยู่ที่นั่น



กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 11, 14:23
ในงานเลี้ยงนี่เองที่เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น
เจ้าฟ้าชายรูดอล์ฟ  โอรสของซิสซี่และจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ เจริญพระชนม์เป็นหนุ่มแล้ว     ท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตา   เห็นชัดว่าเจ้าชายแสดงความไม่พอพระทัยอดีตนายทหารสามัญชน ที่ได้รับเชิญมาปะปนอยู่กับเจ้านายและข้าราชสำนักผู้โอ่อ่าหรูหรา    ถึงกับฉีกหน้าเบย์กลางงานเต้นรำ ด้วยการไม่ยอมรับ  และไม่ต้อนรับเขาอย่างเปิดเผย
ความไร้มารยาทของเจ้าชาย ทำให้ซิสซี่โกรธลูกชายมาก    เรื่องนี้กลายเป็นรอยร้าวลึกระหว่างแม่กับลูก กินเวลาต่อมาอีกยาวนาน

เหตุผลของเจ้าชายอาจเป็นเพียงความถือพระองค์  อาจทรงรู้สึกว่า ก็แค่คนสนิทกระจอกๆของท่านเอิร์ล  ไม่ได้เป็นขุนนางบรรดาศักดิ์สูง  ไม่ได้มาจากตระกูลผู้ลากมากดีสักหน่อย  กลับได้รับเกียรติจากพระมารดาราวกับเป็นพระสหายสนิท   ก็เลยทรงแสดงความเย็นชาไม่ต้อนรับอย่างเปิดเผย
อย่าลืมว่า เจ้าชายเจ้าหญิงทุกองค์ล้วนแต่ถูกแยกจากซิสซี่ตั้งแต่เกิด    ไปอยู่ในการอบรมเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดจากสมเด็จย่า ซึ่งปลูกฝังความเคร่งครัดในราชประเพณีให้เต็มที่     เมื่อเห็นพระมารดาทรงทำอะไรแผลงๆ  เจ้าชายรูดอล์ฟก็ทนไม่ได้
แต่เรื่องนี้ก็ทำให้ขาเม้าท์เอาไปลือกันมาจนทุกวันนี้ว่า เบย์เป็นชู้ของซิสซี่  เจ้าชายถึงไม่ยอมรับ      ทุกคนอาจจะมองข้ามความจริงไปว่า การขี่ม้าล่าสัตว์แต่ละครั้ง ซิสซี่ไม่เคยมีโอกาสอยู่ตามลำพังกับเขาเลย   เธอต้องมีราชองครักษ์และเจ้าภาพตลอดจนผู้ติดตามแห่ห้อมกันไปเสมอ

พระรูปเจ้าฟ้าชายรูดอล์ฟ รัชทายาทของออสเตรีย


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 11, 17:12
ในเมื่อซิสซี่ไม่ได้กลับไปล่าสัตว์ในไอร์แลนด์หรืออังกฤษอีก    เบย์ก็พ้นออกไปจากชีวิตของเธอ   เป็นอันจบฉากผู้ชายคนแรกที่ถูกลากเข้ามาพัวพันเพียงแค่นี้

ต่อมา ก็ถึงคนที่สอง

เมื่อซิสซี่อายุ 34   อยู่ที่พระราชวังในเวียนนา   วันหนึ่ง  ในเมืองมีงานเต้นรำสวมหน้ากาก ที่ชาวเมืองคนไหนๆก็ไปร่วมได้  เป็นงานสนุกสนานจนกระทั่งจักรพรรดินีผู้มีสภาพเหมือนนกในกรง อดใจไม่ได้      เธอก็ปรึกษากับนางสนองพระโอษฐ์  ว่าจะปลอมแปลงตัวไปร่วมงาน    ในเมื่อทุกคนต้องสวมหน้ากาก ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร  ก็จะไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงสองคนที่ไปร่วมงานเป็นใครกันแน่   จบงานแล้วเธอก็กลับมาที่พระราชวังตามเดิม
ในตอนแรก นางพระกำนัลตกอกตกใจมาก แต่ก็ทัดทานเจ้านายของเธอไม่ได้      หล่อนก็จำต้องไปหาหน้ากากลูกไม้ซาตินสีดำขลิบลูกมาให้  พร้อมด้วยเสื้อคลุมยาวสีเหลืองสด   สวมทับชุดหรูหราของซิสซี่ไว้อีกทีหนึ่ว  ส่วนตัวหล่อนเองก็สวมเสื้อคลุมกันฝนสีแดงสด    เล็ดลอดออกจากวังไปด้วยกัน  
ในเมื่อไม่รู้จักใคร และไม่มีใครมาเป็นเพื่อนด้วยอีก   หญิงสาวทั้งสองก็เริ่มรู้สึกเซ็งจนซิสซี่คิดจะกลับบ้าน   พอดีชายหนุ่มร่างสูง ผมทองคนหนึ่งเดินเข้ามาหา  และทักทายเพื่อทำความรู้จัก


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 พ.ย. 11, 09:52
ชายหนุ่มผมทองคนนั้นชื่อ ฟรีดริช ลิสต์ ปาเชอร์ ฟอน เทียนเบิร์ก Friedrich List Pacher von Theinburg (เข้าใจว่าจะออกเสียงผิด  รอคุณมะยมมาช่วยบอกคำที่ถูกต้องด้วยค่ะ)
เขาเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยของเวียนนา  มาร่วมงานคืนนั้นโดยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร  เห็นหญิงสาวสองคนยืนเกาะกันอยู่  ไม่มีผู้ชายมาด้วย  ก็เข้าไปทำความรู้จัก    แม้ไม่เห็นหน้าค่าตากัน เพราะเธอไม่ยอมถอดหน้ากาก   เขาก็รู้สึกทึ่งในน้ำเสียงไพเราะ และบุคลิกที่บอกให้รู้ว่าเป็นผู้ดีมีตระกูล   เขาเข้าใจว่าเธอคงเป็นสตรีบรรดาศักดิ์คนใดคนหนึ่งที่ไม่อยากเปิดเผยตัว
เขาขอเธอเต้นรำ  เธอก็ตกลง  สนุกสนานบันเทิงใจกันมากในคืนนั้น  ก่อนลาจากกัน เขาให้นามบัตรเขาแก่เธอ เพื่อหวังว่าจะสานไมตรีกันต่อไป

อีกไม่นาน  เขาก็ได้จดหมายจากเธอ  ส่งผ่านคนอื่นมาอีกที    เธอชอบเขียนโคลงกลอน เขาก็เขียนเป็น  จึงเขียนตอบไป  เธอก็เขียนมาอีก   มีคนอื่นเป็นตัวกลางส่งต่อให้เธออีกที

ทั้งสองเขียนติดต่อกันอยู่นานหลายปี   หลักฐานบางแห่งบอกว่านานถึง 10 ปี  โดยฝ่ายหญิงก็ไม่เปิดเผยตัว     แต่ว่าฝ่ายชายรู้แล้วว่าเธอคือใคร
ก็ในเมื่อความลับไม่มีในโลก  แล้วจดหมายนี้ก็ไม่ได้ส่งถึงกันโดยตรง  แต่มีคนกลางเป็นผู้รับอีกที     ความลับก็รั่วไหลได้เป็นธรรมดา  ในที่สุดเจ้าหนุ่มก็รู้จนได้ว่าเขากำลังติดต่ออยู่กับผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพระราชอาณาจักร   แต่ฟรีดริชก็เป็นคนดีพอใช้ ไม่เคยเอาจดหมายเหล่านี้ไปเปิดเผยป่าวประกาศให้เป็นที่อื้อฉาว


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 พ.ย. 11, 10:13
ถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นหนังฮอลลีวู้ด  หรือนิยายเบสต์เซลเลอร์   คนเขียนบทก็คงเขียนให้จักรพรรดินีกับชายหนุ่มสามัญชนลักลอบพบปะกันจนได้  ในเมื่อไม่อาจเป็นคู่ครองกัน   ก็คงจะได้แต่เขียนรำพันความในใจถึงกัน  จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง

แต่ในเมื่อเป็นชีวิตจริง    ธรรมชาติของมนุษย์ก็ไม่มีอะไรซาบซึ้งขนาดนั้น      ปีแล้วปีเล่าผ่านไป  ฟริดริชก็ยังเขียนจดหมายตอบซิสซี่อยู่ แต่เขาก็ดำเนินชีวิตไปตามแบบที่ผู้ชายพึงเป็น  คือพบรัก แต่งงาน ตั้งครอบครัว และมีลูก    จนกระทั่งเขาเปลี่ยนจากชายหนุ่มมาเป็นชายวัยกลางคน มีลูกมีเต้า มีภาระครอบครัวเต็มมือ   เขาก็รู้สึกขึ้นมาในวันหนึ่งว่าควรจะจบไมตรีนี้เสียที  เพราะมันไม่นำไปสู่อะไรทั้งสิ้น นอกจากความเลื่อนลอยไร้จุดหมายปลายทาง
ฟรีดริชตัดสินใจจบการติดต่อ ด้วยการเขียนคาดคั้นให้เธอเปิดเผยตัวจริงให้เขารู้เสียที   (ความจริงเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเธอเป็นใคร)  แต่ทำอย่างนี้เพื่อให้อีกฝ่ายเลิกเขียนถึงเขา
ได้ผล   ซิสซี่หายเงียบไป ไม่เขียนมาถึงอีก   เพราะเธอไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้จนแล้วจนรอด

หลายปีต่อมา  ฟริดริชได้รับจดหมายจากเพื่อนผู้ลึกลับของเขาอีก  เธอเขียนมาเป็นโคลงอย่างที่เธอโปรดปราน   บรรยายถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่พบกัน     มันยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเธอเสมอ
ขอลอกโคลงที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วมาให้อ่านกัน    ท่านผู้อ่านเรือนไทยคงจะแปลเป็นไทยได้เอง  (กรุณาอย่าให้กูเกิ้ลแปล จะกลายเป็นฝันร้าย)
Do you think of that night still in the glowing ballroom?
Long, long ago, long ago,
where two souls once met,
long, long ago, long ago,
where our odd friendship began.
Do you, my friend, still think of it at times?
Do you think of the words, so intimately trusting,
that we exchanged by the loud dance music?
Oh, only too fast our time dwindled away,
a press of the hand yet, and I had to fly.
I did not dare unveil my face to you,
but I did show my soul to the light.
Friend, that was more, that was more!
Years have gone and drawn away,
but they will never unite us two again.
Questioning at night I look at the stars,
none gave me back help or answer.
Soon I came near to you, soon again far away.
Are you already lingering on another star?
If you live, then give me a sign by day,
that I may scarcely hope, but can await.
So long ago, so long ago!
Let me wait no more,
wait no more!


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 พ.ย. 11, 12:07
อ่านจากบทกวีของซิสซี่ข้างบนนี้  มองเห็นว่าเธอยังอาลัยอาวรณ์มิตรภาพอยู่ไม่น้อย  อาจเป็นได้ว่าฟรีดริชมีนิสัยหรือความคิดเห็นที่เข้ากันได้   มีรสนิยมบางอย่างเหมือนกันเช่นชอบเขียนโคลงกลอนเหมือนกัน      ความเป็นสามัญชนของเขาก็อาจทำให้ซิสซี่รู้สึกว่าเขามีอิสระในการดำเนินชีวิตอย่างที่เธอไม่มี
ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม    ซิสซี่ให้คุณค่าเพื่อนคนนี้ไว้สูงมาก    เธอยังคิดถึงเขามากในระยะหลายปีที่เลิกติดต่อกันไป    พร้อมกันนั้นก็มีบางบทแสดงถึงความอ้างว้างโหยหาในชีวิตของจักรพรรดินีผู้สูงศักดิ์     ถ้าหากว่าซิสซี่มีชีวิตอย่างคนทั่วไปที่มีภาระเต็มมือ หรือต้องกระเสือกกระสนหาเลี้ยงชีพ  ก็คงไม่มีเวลามาเพ้อเจ้อแบบนี้

Years have gone and drawn away,
but they will never unite us two again.
Questioning at night I look at the stars,
none gave me back help or answer.


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 02 พ.ย. 11, 15:41
ชายหนุ่มผมทองคนนั้นชื่อ ฟรีดริช ลิสต์ ปาเชอร์ ฟอน เทียนเบิร์ก Friedrich List Pacher von Theinburg (เข้าใจว่าจะออกเสียงผิด  รอคุณมะยมมาช่วยบอกคำที่ถูกต้องด้วยค่ะ)
เขาเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยของเวียนนา  มาร่วมงานคืนนั้นโดยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร  เห็นหญิงสาวสองคนยืนเกาะกันอยู่  ไม่มีผู้ชายมาด้วย  ก็เข้าไปทำความรู้จัก    แม้ไม่เห็นหน้าค่าตากัน เพราะเธอไม่ยอมถอดหน้ากาก   เขาก็รู้สึกทึ่งในน้ำเสียงไพเราะ และบุคลิกที่บอกให้รู้ว่าเป็นผู้ดีมีตระกูล   เขาเข้าใจว่าเธอคงเป็นสตรีบรรดาศักดิ์คนใดคนหนึ่งที่ไม่อยากเปิดเผยตัว
เขาขอเธอเต้นรำ  เธอก็ตกลง  สนุกสนานบันเทิงใจกันมากในคืนนั้น  ก่อนลาจากกัน เขาให้นามบัตรเขาแก่เธอ เพื่อหวังว่าจะสานไมตรีกันต่อไป

อีกไม่นาน  เขาก็ได้จดหมายจากเธอ  ส่งผ่านคนอื่นมาอีกที    เธอชอบเขียนโคลงกลอน เขาก็เขียนเป็น  จึงเขียนตอบไป  เธอก็เขียนมาอีก   มีคนอื่นเป็นตัวกลางส่งต่อให้เธออีกที

ทั้งสองเขียนติดต่อกันอยู่นานหลายปี   หลักฐานบางแห่งบอกว่านานถึง 10 ปี  โดยฝ่ายหญิงก็ไม่เปิดเผยตัว     แต่ว่าฝ่ายชายรู้แล้วว่าเธอคือใคร
ก็ในเมื่อความลับไม่มีในโลก  แล้วจดหมายนี้ก็ไม่ได้ส่งถึงกันโดยตรง  แต่มีคนกลางเป็นผู้รับอีกที     ความลับก็รั่วไหลได้เป็นธรรมดา  ในที่สุดเจ้าหนุ่มก็รู้จนได้ว่าเขากำลังติดต่ออยู่กับผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพระราชอาณาจักร   แต่ฟรีดริชก็เป็นคนดีพอใช้ ไม่เคยเอาจดหมายเหล่านี้ไปเปิดเผยป่าวประกาศให้เป็นที่อื้อฉาว

มาแล้วค่ะ ;D
ชื่อถูกต้องค่ะ  แต่นามสกุลออกเสียงภาษาเยอรมัน ตามนี้ค่ะ
ie = สระไอ
ur = สระอั ว

ฟอน ไทนบวร์ก


เรื่องราว ทำไมเศร้าอย่างนี้?
 :'(


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 พ.ย. 11, 15:54
ขอบคุณค่ะ
เตรียมผ้าเช็ดหน้ามาให้คุณมะยมเลือก   ผืนเดียวรับรองว่าไม่พอ  สำหรับตอนต่อๆไป


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 03 พ.ย. 11, 05:34
ขอบคุณค่ะ :-[

พยายามหารูป Herr Pacher von Theinburg มาฝากค่ะ  หาตามชื่อสกุล และ ละชื่อรอง (นิยมละชื่อรอง เช่นเดียว กับ Elisabeth Amalie Eugenie => Elisabeth => Sissi) (Friedrich == Fritz)
หาเจอรูป  Herr Friedrich Pacher von Theinburg  จะใช่คนเดียวกันไหมเนี่ย???
 ???


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 11, 08:26
คิดว่าใช่ค่ะ.   ดิฉันหารูปตอนเขาหนุ่มๆไม่ได้



กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 11, 09:12
โคลงของซิสซี่บอกให้ฟรีดริชรู้ว่า เมื่อห่างหายกันไปหลายปี   เธอยังอาวรณ์ถึงเขาไม่เว้นวาย    อยากรู้ว่าป่านนี้เขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร     ทำให้เขารู้ว่าเขาเป็นเพื่อนที่มีความหมายกับจักรพรรดินีอยู่มาก    ฟรีดริชก็เลยใจอ่อน   แม้รู้ว่าไม่สมควรที่ชายมีลูกมีเมียแล้วอย่างเขา  จะสร้างสายใยสัมพันธ์นี้ต่อไปอีกก็ตาม 
เขาก็เลยเขียนโคลงกลอนตอบเธอไป   ส่งให้คนกลางตามที่เคยส่งมา 10 ปี   แต่จดหมายเขาถูกส่งกลับโดยไม่มีการเปิดซอง
จุดจบของทั้งสองก็มาถึงเพียงเท่านี้   ฟริดริชและซิสซี่ไม่ได้ต่อกันอีกแล้ว




กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 11, 09:12
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมจดหมายถึงถูกส่งกลับ โดยไม่อ่าน      เป็นไปได้ว่าซิสซี่เปลี่ยนใจไม่อยากจะติดต่อกับเพื่อนเก่าของเธออีก    จะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม    เธอก็เลยขอจบเรื่องเพียงแค่นี้ 
แต่ก็เป็นไปได้ว่า จดหมายของฟรีดริชไม่ถึงมือซิสซี่   เพราะคนกลางที่รับส่งจดหมายชิงตัดรอนเสียก่อน  เห็นว่าไหนๆจบแล้วก็ควรจบเลย  ขืนยื้ดเยื้อเป็นลมหวนแบบนี้อีก  เดี๋ยวได้อื้อฉาวเป็นอันตรายกับฝ่ายหญิงขึ้นมาสักวัน  ก็เลยส่งจดหมายกลับไปโดยไม่เปิด
ซิสซี่ก็เลยไม่มีโอกาสรู้ว่า เพื่อนของเธอตายไปแล้ว    หรือว่ายังอยู่แต่ไม่ประสงค์จะติดต่อกับเธออีก

ถ้าเป็นอย่างหลัง ก็นับว่าเป็นตอนจบที่คุณมะยมควรจะเลือกผ้าเช็ดหน้าข้างบนนี้สัก 3 ผืนไว้ก่อน ส่วนที่เหลือ  เอาไว้สำหรับเหตุการณ์ต่อไปในชีวิตของผู้หญิงสูงศักดิ์ที่สุดในราชอาณาจักรออสเตรีย


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 11, 10:14
ถ้าจะถามว่าทำไมซิสซี่ให้ความสำคัญกับเพื่อนคนนี้มาก  คำตอบคือถึงแม้ว่าแวดล้อมด้วยข้าราชบริพารมากมาย   แต่ซิสซี่ก็ไม่มีเพื่อนจริงๆเลยสักคน  ผิดกับสามัญชนทั่วไปที่อาจจะหาเพื่อนไว้พูดคุย ปรับทุกข์ ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกันได้     ตำแหน่งของเธอสูงส่งเกินกว่าใครจะอาจเอื้อมเป็นเพื่อน  จะมีก็แต่ข้าราชบริพารที่อยู่ด้วยตามหน้าที่ หรืออย่างร้ายก็ประจบสอพลอหวังผลประโยชน์ให้ตนเอง
ฟรีดริชผู้เป็นเพื่อนรับฟังความในใจของซิสซี่ได้ มาตลอด 10 ปี    จึงเป็นเพื่อนที่เธอระลึกถึงได้ยาวนาน   แต่ก็ต้องจบลงในที่สุด

ความอ้างว้างของซิสซี่ที่เห็นได้อีกอย่างหนึ่งคือ ครอบครัวของเธอต่างคนต่างอยู่ ห่างเหินกันคนละทาง     จักรพรรดิอยู่กับพระสนม   จักรพรรดินีใช้เวลาส่วนใหญ่ท่องเที่ยวหรือพักผ่อนอยู่นอกประเทศ   ลูกๆก็ต่างคนต่างไป
เมื่อเธอล่วงเข้าวัยกลางคน  พระโอรสองค์เดียวของเธอกับจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟก็เจริญพระชนม์ขึ้นเป็นหนุ่ม     แต่เจ้าฟ้าชายรูดอล์ฟก็ไม่เคยเป็นมิตรสนิทของแม่    ตามประวัติศาสตร์ บอกว่าเจ้าชายมีพระอัธยาศัยค่อนข้างเพี้ยน  คือหมกมุ่นกับอะไรก็ปักใจอยู่กับสิ่งนั้นไม่ลืมหูลืมตา   โปรดวิชาสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ  ทรงศึกษาค้นคว้าเรื่องนก และเรื่องหิน  จนเขียนตำรับตำราทางด้านนี้เอาไว้   ทางด้านการเมืองก็หนักไปทางเสรีนิยม ตรงกันข้ามกับพระราชบิดา

เจ้าชายเสกสมรสกับเจ้าหญิงสเตฟานีแห่งเบลเยี่ยม  ด้วยเหตุผลด้านความเหมาะสม  มิใช่ด้วยความสมัครใจ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 11, 21:28
ตอนที่อภิเษกสมรสกัน  เจ้าหญิงสเตฟานียังพระชันษาไม่ครบ 17 เสียด้วยซ้ำ    เป็นเด็กสาวไม่ประสีประสาพอจะเป็นเพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจของเจ้าชายรูดอล์ฟได้    ผลก็เป็นอย่างที่คาดเดากันได้ไม่ยาก คือเจ้าชายก็ไปตามทางของเจ้าชาย  เจ้าหญิงก็อยู่ตามประสาเจ้าหญิง
ซิสซี่เคยวิจารณ์เจ้าชายเจ้าหญิงว่า " ผู้ชายก็เซ่อซ่า ผู้หญิงก็ปัญญานิ่ม"

เจ้าชารูดอล์ฟมีพระนิสัยเหมือนพระบิดาอยู่อย่างหนึ่งคือโปรดมีพระสนมลับๆ   เท่าที่ปรากฏชื่อมี 2 คนคือ  มิตซี่ คาสปาร์   เป็นโสเภณีชั้นสูง    ในยุคนั้นการที่ชายผู้ดีมีตระกูลจะไปเที่ยวโสเภณีไม่ใช่เรื่องแปลก    และไม่ได้ถือเป็นเรื่องต้องอับอายขายหน้าถ้าถูกจับได้     
ผู้หญิงที่ไม่ได้เรียกตัวเองว่าโสเภณี ทั้งๆไม่ต่างจากกัน  คือพวกเมียเก็บที่ผู้ชายเอาไปเลี้ยงดูคนแล้วคนเล่า ก็มีอยู่ไม่น้อย   ถ้าหากว่าสวยถึงขั้นก็จะมีชีวิตอยู่อย่างหรูหรา  มีสังคมและแวดวงของตัวเอง   ทั้ง 2 ประเภทนี้เรียกกันว่า demimonde  (อ่านว่าเดมิมอนด์)

รูปของมิตซี่ คาสปาร์


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 11, 21:53
เจ้าชายทรงมีมิตซี่ ก่อนอภิเษกสมรส   และมีอย่างไม่กระมิดกระเมี้ยนปิดบังเสียด้วย    ทรงพาหญิงสาวร่วมทางไปด้วยแม้แต่ตอนเสด็จไปเบลเยี่ยมเพื่อจะไปรับเจ้าสาวกลับมาอภิเษกที่เวียนนา
แม้ว่าโปรดปรานหล่อนมาก  เจ้าชายก็ไม่ได้มีหล่อนอยู่คนเดียว   วันหนึ่ง  ก็ทรงไปพบสาวน้อยเข้าอีกคนหนึ่งชื่อบารอนเนสมารี เวทเซร่า   ด้วยการชักนำของสตรีในราชสำนักคนหนึ่ง    มารีเป็นผู้หญิงสวยมาก   พบกันครั้งแรก ก็หลงรักหล่อนจนถอนองค์ไม่ขึ้น  อายุที่ห่างกันมาก คือพระชันษา 30 กว่า ส่วนมารีเพิ่งจะ 17  ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด

ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายกับมารี  เล่ากันหลายเวอร์ชั่นด้วยกัน    ไม่รู้เรื่องไหนจริงเรื่องไหนใส่สีใส่ไข่เข้าไป     เวอร์ชั่นหนึ่งบอกว่าทรงลุ่มหลงสาวน้อยผู้สวยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาจนถึงขั้นตั้งพระทัยจะหย่าจากเจ้าหญิงสเตฟานีให้จงได้      แต่ไม่มีใครเห็นด้วยสักคน รวมทั้งพระบิดา ที่ทรงเคี่ยวเข็ญบังคับให้พระโอรสเลิกกับมารีแทน     แต่อีกเวอร์ชั่นหนึ่งก็บอกว่ามารีเป็นสาวนักตกเบ็ดที่ไล่จับเจ้าชายอย่างออกหน้าออกตา      ผลคือได้เป็นพระสนมสมใจ  แต่ก็เป็นเพียงหนึ่งในสองคน(หรือมากกว่านั้น) ที่เจ้าชายทรงคบหาด้วยเท่านั้น


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 04 พ.ย. 11, 02:57
.......คุณมะยมควรจะเลือกผ้าเช็ดหน้าข้างบนนี้สัก 3 ผืนไว้ก่อน ส่วนที่เหลือ  เอาไว้สำหรับเหตุการณ์ต่อไปในชีวิตของผู้หญิงสูงศักดิ์ที่สุดในราชอาณาจักรออสเตรีย

อ้าว....มะยมดันใช้ผ้าเช็ดหน้าข้างบน เช็ดน้ำหูน้ำตาอย่างไม่ประหยัดไปซะหมด ..เอ้ามะยมยังเห็นจุดสว่างในความสัมพันธ์อันมืดมนครั้งนี้ ว่าอย่างน้อยเธอก็ต้องมีสุขที่ มีคนรู้ใจอยู่ช่วงหนึ่งในชีวิต  :-[

 
(ยิ่งสูงยิ่งหนาว จริงๆ)


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ย. 11, 10:28
เอาผ้าเช็ดหน้าไปซัก ตากและรีดเรียบ กลับมาส่งให้คุณมะยม หมดทุกผืนแล้วค่ะ

วันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1889   เจ้าชายรูดอล์ฟเสด็จไปประทับอยู่ที่ตำหนักเล็กๆส่วนพระองค์  ซึ่งเป็นบ้านพักเวลาไปล่าสัตว์  ที่เมเยอร์ลิ่ง นอกกรุงเวียนนา   พร้อมกับมารี     เป็นเหตุการณ์ธรรมดาๆเสียจนไม่มีใครระแวงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น   จนกระทั่งตอนเช้าวันที่ 30   มหาดเล็กจึงไปพบร่างไร้ลมหายใจของทั้งสอง
รูปการณ์ดูเหมือนว่า เจ้าชายทรงยิงมารีก่อน แล้วปลงพระชนม์ตาม  ข้างๆกายของทั้งสองมีจดหมายลาตายวางอยู่

เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องช็อคคนทั้งยุโรปก็ว่าได้     ผู้ที่กระทบกระเทือนใจมากที่สุดคือจักรพรรดิและจักรพรรดินี ผู้สูญเสียรัชทายาทไปอย่างไม่คาดฝันในชั่วคืน     เราคงจำได้ว่า เจ้าชายเป็นพระโอรสองค์เดียว     ออสเตรียไม่มีการสืบราชบัลลังก์ผ่านทางผู้หญิง    ดังนั้น ก็แปลว่ารัชทายาทจะต้องเปลี่ยนเป็นเจ้าชายพระญาติห่างออกไป  ไม่ใช่เจ้าหญิงพระธิดาองค์ใดองค์หนึ่งของซิสซี่

เหตุการณ์นี้สะเทือนใจซิสซี่ถึงที่สุด  จนทำให้เธอแต่งดำตลอดนับจากนั้น

แต่...อะไรๆหลายอย่างก็ยังคลุมเครือในเรื่องนี้    การสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายและมารีนับเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์        จนบัดนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดคลี่คลายออกมาได้แจ่มแจ้งว่าเกิดจากสาเหตุอะไร


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ย. 11, 13:05
ในครั้งแรก  ราชสำนักปิดบังข่าวนี้อย่างสุดตัว ด้วยการออกคำประกาศว่าเจ้าชายสิ้นพระชนม์ด้วยโรคพระหทัยวายเฉียบพลัน   และปกปิดเรื่องมารี ด้วยการลอบขนศพเธอออกจากตำหนัก ในรถม้าธรรมดาๆ  แล้วเอาไปฝังที่สุสานใกล้ๆกันนั้นโดยเร็วที่สุด   ไม่มีคำอธิบายใดๆ

แต่ข่าวซุบซิบก็แพร่สะพัดออกไป ว่าเป็นการฆ่าตัวตายหลังจากฆ่าหญิงคนรักไปแล้ว  เป็นโศกนาฏกรรมแบบโรมิโอและจูเลียต     คือเจ้าชายทรงหาทางออกไม่เจอว่าจะครองรักกับหญิงที่ทรงรักอย่างแท้จริงได้อย่างไร   ในเมื่อถูกผูกมัดด้วยพันธะทางกฎหมายและราชประเพณีกับเจ้าหญิงสเตฟานีจนกระดิกกระเดี้ยไม่ไหว     ทั้งสององค์มีพระธิดาด้วยกันองค์หนึ่ง  ไม่มีพระโอรส    เจ้าชายพยายามจะขอหย่า เพื่อจะให้มารีขึ้นเป็นพระชายา และมีรัชทายาทด้วยกัน  แต่พระบิดาก็ไม่ยินยอมท่าเดียว 
ทางออกมีทางเดียวก็คือขอตายไปด้วยกัน

พระศพเจ้าชาย  ผ้าที่คลุมพระเศียร ปิดบังมิให้เห็นรอยกระสุน


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ย. 11, 15:43
     เมื่อเวลาผ่านไป   เรื่องนี้แทนที่จะเงียบลง ก็กลับถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเรื่อยๆ  เพราะยิ่งสาวลึกลงไปก็ยิ่งเจอหลักฐานอะไรหลายอย่าง ที่ไม่สอดคล้องกับโศกนาฏกรรมโรมิโอและจูเลียตอย่างที่เชื่อกันแต่แรก
      หลักฐานที่ค้านมีหลายอย่าง   ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เจ้าชายสามารถมีมารีได้อย่างเปิดเผย ไม่เห็นจะมีอุปสรรคอย่างใดจากพระบิดา  เพราะพระเจ้าฟรานซ์ โจเซฟเองก็ทรงมีพระสนมคัทธาลีนาตามเสด็จออกงานได้ทุกแห่ง   ข่าวลือที่ว่าทรงบีบบังคับพระโอรสให้เลิกกับมารีจึงไม่น่าจะเป็นไปได้
      เหตุผลต่อมาก็คือ เจ้าชายไม่ได้มีมารีคนเดียว  ทรงมีมิตซี่อีกคนหนึ่งที่ยังไม่ได้เลิกกัน     ข้อสำคัญจากปากคำของมิตซี่คือ ก่อนไปค้างที่เมเยอร์ลิงในคืนนั้น   เจ้าชายทรงชวนมิตชี่ไปด้วย  ไม่ใช่มารี   ตรัสชวนให้ไปฆ่าตัวตายด้วยกัน    แต่หล่อนไม่รู้ว่าเจ้าชายพูดเล่นหรือพูดจริง    แต่ถึงจริงหรือเล่นหล่อนก็ไม่สนุกด้วย   จึงปฏิเสธไม่ยอมไป    เจ้าชายก็เลยพามารีไปแทน
     ถ้าหากว่าเจ้าชายทรงรักมารีแบบโรมิโอและจูเลียต  ไม่สมหวังก็ต้องฆ่าตัวตาย   งั้นจะเลือกมิตซี่เป็นคนแรกทำไม  แบบนี้ก็แสดงว่าในเมื่อไม่ได้ จึงเอามารีไปเป็นตัวสำรอง     


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ย. 11, 18:31
อีกเรื่องหนึ่งที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาคือ เจ้าชายทรงชอบไปเยือนสำนักอย่างว่าอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่หนุ่ม     ทำให้ได้รับเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มา    ผลจากโรคที่ติดไปถึงเจ้าหญิงสเตฟานี ทำให้เจ้าหญิงมีพระธิดาได้องค์เดียว  ก็ติดเชื้อจนไม่สามารถมีพระโอรสธิดาได้อีก 
เจ้าชายบำบัดโรคนี้ด้วยยาในสมัยนั้น คือมอร์ฟีน   ทรงติดยาเสพติดชนิดนี้จนทำให้พระอนามัยทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว     เป็นได้ว่าการฆ่าตัวตายเป็นผลมาจากโรคร้ายที่คุกคามหนัก    ไม่ใช่เรื่องรักใคร่อย่างที่ลือกันแต่แรก

ความสงสัยที่เกิดขึ้นอีกอย่างก็คือ  มีการขุดศพของมารีขึ้นมาชันสูตร  พบว่าไม่มีร่องรอยกระสุนที่ศีรษะอย่างเธอ  แต่มีรอยเหมือนถูกตีด้วยของแข็งอย่างแรงจนเสียชีวิต   ส่วนเจ้าชายถูกยิงด้วยกระสุนที่พระเศียร
ด้วยเหตุนี้   ผู้สงสัยบางคนจึงมุ่งไปที่การฆาตกรรม ที่ทั้งสองคนตกเป็นเหยื่อ มากกว่าเป็นโศกนาฏกรรมของความรัก


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 05 พ.ย. 11, 05:02
มะยมที่เข้าไปค้น และอ่าน เกี่ยวกับคดีเมเยอร์ลิ่ง  ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงเรื่องราโชมอน
ข้อมูลใน http://www.mayerling.de/ น่าสนใจมาก มีการเปรียบเทียบ จากหลักฐาานจากพยาน และ เหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ แถม ยังเปิดเป็นforum แลกเปลี่ยนข้อมูลอีกด้วย
(มีแต่จดหมายลาตายฉบับคัดลอก จดหมายของแท้ลายมือเจ้าชายรูดอล์ฟ ก็ไม่มีอยู่ใน National Archiv ->หอจดหมายเหตุ ??? แปลไม่ถูกค่ะ)

ตรงกับที่คุณเทาชมพูบรรยายมาทั้งหมด และ กล่าวถึงหนังสือ 3 เล่ม ที่เชื่อในเหตุที่ต่างกันทั้ง 3 เล่ม
1) Mayerling ohne Mythos  เล่มนี้ให้เหตุผลหลายอย่างที่ทำให้เจ้าชายรูดอล์ฟฆ่ามารีก่อนแล้วฆ่าตัวตาย
2) Die Schicksalstage von Mayerling  เล่มนี้บอกว่าเจ้าชายรูดอล์ฟและมารีเป็นเหยื่อของคนสกุล Baltazzis ที่ต้องการจะแยกมารีจากเจ้าชาย
3) Mayerling: Die Lösung des Rätsels เล่มนี้บอกว่ามารีตายเพราะการทำแท้ง แล้วเจ้าชายรูดอล์ฟฆ่าตัวตาย

ส่วนตัวแล้วมะยมเคยไปเที่ยวเมเยอร์ลิ่ง(กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว) จำได้แต่ว่าเป็นที่ที่เหงียบและให้ความรู้สึกเหงาเศร้าสร้อย
รูปจำลองห้องเกิดเหตุ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 05 พ.ย. 11, 05:13
Schloss Mayerling


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ย. 11, 19:18
เบื้องหลังการเมืองในเรื่องนี้ ก็ยิ่งซับซ้อน    จักรพรรดินีองค์สุดท้าย คือจักรพรรดินีซิต้า ซึ่งมีพระชนม์ยืนยาวมาจนถึงค.ศ. 1989  เคยตรัสว่าพระองค์เชื่อว่าเจ้าชายรูดอล์ฟถูกลอบปลงพระชนม์ ด้วยฝีมือบงการของนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสในสมัยนั้น      เพราะไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า เจ้าชายผู้มีอนาคตสดใสของราชบัลลังก์ออสเตรียรออยู่ในอนาคต  จะวู่วามปลงพระชนม์ตัวเองขึ้นมาง่ายๆ

แผนของฝรั่งเศสในตอนนั้นคือกำจัดจักรพรรดิ์ฟรานซ์ โจเซฟ  แล้วสนับสนุนเจ้าชายขึ้นครองบัลลังก์    เพราะเจ้าชายไม่โปรฯเยอรมันอย่างแรง    จะเป็นผลดีกับฝรั่งเศสถ้าออสเตรียแตกกับเยอรมัน แล้วหันมาเป็นพันธมิตรของฝรั่งเศส   แต่ในเมื่อเจ้าชายปฏิเสธแผนนี้   ผลก็คือก็ต้องถูกปิดปากไปตลอดกาล

ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ตาม  คดีเมเยอร์ลิงก็ยังคงครองความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาจนทุกวันนี้       ดูรูปที่คุณมะยมไปหามาให้  บรรยากาศที่นั่นดูวังเวงและอึมครึม สมกับความลับที่ถูกซ่อนอยู่จริงๆด้วย   เห็นแล้วไม่น่าจะไปเยือนเลยเชียว


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ย. 11, 11:03
การสิ้นพระชนม์ของเจ้าชาย เป็นเรื่องสะเทือนขวัญไปทั่งออสเตรีย  คนที่รู่สึกเหมือนโลกถล่มลงตรงหน้าคือซิสซี่     แม้ว่าเธอไม่ได้สนิทกับพระโอรส แต่เจ้าชายก็เป็นพระโอรสองค์เดียว   เป็นผู้ที่สนับสนุนฮังการีเช่นเดียวกับเธอ    เธอเคยร่วมทุกข์กับเจ้าชายในเรื่องต้องอภิเษกกับเจ้าหญิงสเตฟานี   เพราะซิสซี่รู้ดีว่าชีวิตสมรสที่ขาดรักย่อมไปไม่รอด   เจ้าหญิงเป็นเด็กสาวซื่อบื้อในสายตาเธอ  ไม่มีทางนำความสุขและความเจริญมาให้เจ้าชายได้
หลังจากเจ้าชายสิ้นพระชนม์  ซิสซี่เขียนจดหมายถึงพระธิดา เจ้าหญิงวาเลอรี่  "คนที่เอาแต่นินทาว่าร้ายแม่ นับแต่แม่มาอยู่เวียนนา ก็คงจะสาสมใจเสียที ที่แม่จะจากออสเตรียไปโดยไม่เหลือร่องรอยใดๆไว้ที่นี่อีก" 
คำว่า "เหลือร่องรอยใดๆ" เธอหมายถึงเจ้าชายพระโอรส   เมื่อสิ้นรูดอล์ฟ   วันหนึ่งข้างหน้าจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟก็จะสวรรคตไปตามอายุขัย   เชื้อสายของเธอในออสเตรียก็จะหมดเพียงแค่นี้   ส่วนเจ้าหญิงพระธิดาทั้งหลายก็เสกสมรสไปอยู่ที่อื่น  ไม่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ย. 11, 11:20
ซิสซี่ยังเชื่อด้วยว่า ตระกูลของเธอเหมือนกับถูกคำสาปจากอะไรสักอย่างให้มีอันเป็นไป     เธอเชื่อว่าเจ้าชายรูดอล์ฟปลงพระชนม์ตัวเองด้วยพระสติที่ไม่ปกติ     เคราะห์ร้ายไม่ได้มาหนเดียว  พระญาติของเธอคือพระเจ้าลุดวิกที่ 2  ก็สวรรคตจากจมน้ำตายหลังจากถูกระบุว่าเสียพระสติ  และเจ้าหญิงโซฟี พี่สาวของเธอก็สิ้นพระชนม์จากไฟไหม้ในปารีส
ซิสซี่แต่งดำตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นการไว้ทุกข์นับแต่นั้น    เธอออกจากออสเตรีย ท่องเที่ยว- หรือพูดให้ถูกคือร่อนเร่ไปตามประเทศต่างๆ  เพื่อจะแสวงหาความสงบทางใจที่เธอไม่เคยมีวันพบ  นับแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งจักรพรรดินีเป็นต้นมา
สถานที่ที่ซิสซี่ชอบเดินทางไปพักคือทะเลสาบเจนีวา  คอร์ฟู  ริเวียร่าฝรั่งเศส และบัด อิเชิล ที่เธอกับจักรพรรดิได้ประกาศว่าจะเสกสมรสกัน     
ซิสซี่เป็นโรคเกลียดการเป็นเป้าสายตา ไม่ชอบมีใครต่อใครรุมล้อมอารักขา  หรือติดตามไปทุกหนทุกแห่ง    เธอชอบไปไหนมาไหนเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้จัก   โดยไม่กลัวอันตรายใดๆอย่างที่จะพึงเกิดกับบุคคลสำคัญ   เธอเป็นคนเชื่อพรหมลิขิต  ถึงขั้นประกาศว่า " ฉันพร้อมที่จะเผชิญชะตากรรม    ถ้าชีวิตมาถึงจุดจบ ก็ให้มันจบตามชะตาฟ้าลิขิต  "


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ย. 11, 11:42
ความจริง ซิสซี่ก็รักและเป็นห่วงประชาชนออสเตรียอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคนยากจน   เธอสร้างโรงพยาบาลและให้สวัสดิการหลายอย่างแก่คนพวกนี้  แต่ซิสซี่ทำอย่างเงียบๆ ไม่มีสื่อคอยประโคมข่าวให้เอิกเกริก    คนก็เลยไม่ค่อยรู้กัน
สิบปีหลังจากเจ้าชายรูดอล์ฟสิ้นพระชนม์  ซิสซี่เปลี่ยนจากหญิงวัยกลางคนเป็นหญิงชรา    เธอก็ยิ่งถอยห่างจากโลกภายนอกมากขึ้น  เธอเดินทางไปที่ต่างๆ โดยไม่ให้ตำรวจประจำเมืองต่างๆมาอารักขา  เธอใช้ชื่อปลอม เดินทางไปไหนมาไหนกับนางพระกำนัลเพียงคนเดียว

วันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1870  เมื่อซิสซี่อายุได้ 60 ปี   เดินทางอยู่ในเจนีวา เธอกำลังเดินอยู่ตามทางเลียบทะเลสาบเพื่อจะไปลงเรือ  พร้อมกับนางกำนัลเดินตามมาด้วย  ก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งพรวดเข้ามาถึงตัว แล้วแทงเธอเต็มแรงด้วยมีดปลายแหลม

ชายคนนั้นเป็นนักอนาธิปไตย ( anarchist) พวกหัวรุนแรง    เขาเป็นชาวอิตาเลียนชื่อลุยกิ ลูซินี   ซึ่งตั้งใจว่าจะต้องฆ่าบุคคลสำคัญคนใดคนหนึ่งให้ได้   เพื่อตอบสนองอุดมการณ์บ้าคลั่งของเขา
ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะลอบสังหารดยุคแห่งออเลองส์ แต่ยังหาโอกาสไม่ได้  พอดีอ่านพบข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าจักรพรรดินีแห่งออสเตรียเสด็จมาเจนีวา   แม้ไม่มีรายละเอียดอะไรมากกว่านั้น   แต่เมื่อเขาเห็นหญิงสูงวัย  รูปโฉมงามสง่าผิดจากสามัญชนทั่วไป  เดินอยู่โดดเดี่ยวบนทางเลียบทะเลสาบ มีแค่ผู้หญิงอีกคนเดินตามหลังมาด้วย   เขาก็รู้ทันทีว่านี่คือเหยื่อสำคัญที่จะทำให้ชื่อเขาถูกจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ชั่วกาลนาน


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ย. 11, 14:46
พอแทงสวบเข้าไปแล้ว คนร้ายก็วิ่งหนีไป   ซิสซี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส    เสื้อสีดำ และคอร์เซ็ตต์หรือชุดชั้นในรัดรูปที่เธอสวมอยู่ข้างในซับเลือดมิให้ไหลออกมาภายนอก   เมื่อนางกำนัลเข้ามาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า  เธอก็ตอบว่า "ไม่มีอะไร"
เธอตัดสินใจเดินลงเรือไปตามปกติ  แต่อาการผิดปกติคงทวีขึ้นจากนั้น   เมื่อถอดเสื้อนอกและคอร์เซ็ตต์ออกจึงเห็นเลือดไหลนองจากแผล   เธอจึงถูกหามกลับขึ้นจากเรือ แต่ก็สิ้นลมไปบนเปลหามนั้นเอง

ฆาตกรถูกจับตัวได้ภายในวันนั้นเอง     เขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำลงไปคือล้มล้างตัวแทนของระบอบ "เจ้านาย" ที่เขาเกลียดชังมาตลอด  แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ผู้ที่เขาฆ่า คือหญิงคนหนึ่งที่อยู่อย่างอ้างว้างและระทมทุกข์มาเป็นเวลาหลายสิบปี     ความตายได้ช่วยปลดเปลื้องเธอจากชีวิตที่ไร้จุดหมาย แทนที่จะให้อยู่อย่างว่างเปล่าต่อไปอีกนานหลายปี   และส่งเธอให้กลายเป็นตำนานที่ไม่รู้จักตาย มาจนทุกวันนี้


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ย. 11, 15:03
เพลงนี้นักร้องชาวดัทช์  Petra Berger อุทิศให้ซิสซี่

http://www.youtube.com/watch?v=FUsPvKxUAIg&feature=player_embedded

Sisi,
I know you’re sad
Through all the hurt you’ve had
I can’t make it right
Can’t win your fight
Although I’d like to

You married far too young
You were a precious one
He stole you away
A new role to play
The empress of Austria
If I had a wish
I wouldn’t miss
My chance to say

Sisi I’d braid your hair
Brush away all despair
You flirted with death
To take your last breath
And lead you to heaven

Sisi, it makes me sad
You had your babies too
Taken away from you
How did you survive
So long in that life
I couldn’t do it
Let’s dream that you’ll be
Barefoot and free
With all your children

Sisi, I’d braid your hair
Brush away all despair


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: windwhite ที่ 07 พ.ย. 11, 23:08
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ได้นำมาแบ่งปันนะคะ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 พ.ย. 11, 19:06
มีผู้เปรียบเทียบว่า ชีวิตของซิสซี่กับเจ้าหญิงไดอาน่าเหมือนกันมาก     
-ทั้งสองเป็นหญิงงามเป็นที่ลือเลื่อง
-ทั้งสองเป็นเจ้าสาวตระกูลสูงที่ถูกเลือกเข้าสู่พระราชวงศ์    โดยไม่มีการเตรียมพร้อมมาก่อน     
-ทั้งสองอายุยังน้อยเมื่อถูกส่งขึ้นรับภาระหนักเกินตัว     
-ทั้งสองปรับตัวเข้ากับกฎระเบียบพระราชสำนักอันเข้มงวดไม่ได้   
-ทั้งสองมีปัญหาความสัมพันธ์กับพระสวามี   ผู้มีพระสนมลับ  และไม่ให้ความอบอุ่นแก่พระชายาเท่าที่ควร
-ทั้งสองพยายามดิ้นรนแสวงหาทางออก  โดยปราศจากผล
-ทั้งสองตกเป็นข่าวลือกับชายอื่น
- ทั้งสองพบจุดจบที่ช็อคประชาชนทั่วประเทศ
- ทั้งสองเป็นตำนานอันไม่รู้จบมาจนบัดนี้


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 พ.ย. 11, 21:45
Kaiserin Sissi vs. Princess Di (http://www.starbacks.ca/Vienna/1042/sissi.html)


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 10 พ.ย. 11, 04:51
ณ ที่ซิสซี่ถูกแทงที่เจนีวา  ..


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 10 พ.ย. 11, 05:08
ขบวนพระศพ จาก http://www.bildarchivaustria.at


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 10 พ.ย. 11, 05:18
เคียงข้าง เจ้าชายรูดอล์ฟ และ พระสวามี


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 10 พ.ย. 11, 05:45
เมื่อครั้งที่ซิสซี่ พาลูกสาวคนเล็กมารีวาเลอรี ไปดูใจพี่่สาว(เฮเลเนอร์) มารีวาเลอรีได้จดบทสนทนาสุดท้ายของทั้งสอง(ซิสซี่+เนเน่)ไว้ว่า

„'We two have had hard puffs in our lives', sagte Mama. 'Yes but we had hearts', antwortete Tante Nene.“
(จากหนังสือ .บรรทึกของลูกสาวคนโปรดของจักรพรรษดินีอลิสเซอร์เบธ. Das Tagebuch der Lieblingstochter von Kaiserin Elisabeth)

sagte Mama = แม่พูด
antwortete Tante Nene = ป้าเนเน่ตอบ

รูปของมารีวาเลอรี (และพระสวามี)


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ย. 11, 10:56
นักประวัติศาสตร์หลายคนลงความเห็นว่าซิสซี่ใช้ชีวิตในวัยปลายอย่างอ้างว้างว่างเปล่า และระทมทุกข์     ยิ่งอยู่ไปนานๆ ก็เหมือนเธอจะไม่มีจุดหมายในชีวิตเอาเสียเลย  ทั้งๆเป็นถึงจักรพรรดินี   
ถ้าจะถามว่า อะไรคือสาเหตุ     ก็อาจมองได้ว่า ซิสซี่ไม่ได้เกิดหรือถูกฝึกมาให้รับภาระในตำแหน่งที่เธอได้รับ   เธอเองก็ปรับตัวไม่ได้ด้วย    ตำแหน่งสูงส่งให้ได้แต่เกียรติยศและความโอ่อ่าหรูหรา   แต่ไม่ได้ให้ความอิ่มใจแก่ผู้หญิงที่เกิดมาเพื่อจะมีชีวิตเป็นอิสระอีกแบบหนึ่ง   


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ย. 11, 19:04
เรื่องนี้ทำเป็นหนังด้วยนะคะ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: คนธรรมพ์สัญจร ที่ 21 พ.ย. 11, 13:16
ชีวิตคนนี่ชั่งน่าเศร้านะครับยิ่งสมัยก่อนด้วยแล้วนี่ยเกิดมายศยิ่งสูงยิ่งโดนครอบครัวบังคับโดยไม่มีสิทธิ์เลือกคู่ได้เองเลยนะครับ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 23 พ.ค. 12, 22:25
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปฮังการี ผมได้มีโอกาสเข้าพบท่านเอกอัครราชฑูตไทยประจำฮังการี (ต้องขออภัยที่ต้องเอ่ยถึงบุคคลที่สาม) ท่านเป็นผู้ที่รอบรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของ Sissi และประวัติศาสตร์ของยุโรป ทำให้ผมต้องกลับมาอ่านทวนกระทู้นี้อีกครั้งด้วยความชื่นชม


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ค. 12, 22:52
ขอบคุณค่ะคุณ Sujitra   ดิฉันเขียนถึงประวัติศาสตร์อังกฤษไว้ด้วย  ลองหาอ่านดูนะคะ
จะพยายามหาประวัติศาสตร์ฝรั่งมาเล่าสู่กันฟังอีกสักครั้ง   ถ้าไม่เกียจคร้านจนเกินไป  ค่ะ


กระทู้: ซิสซี่ จักรพรรดินีแห่งออสเตรีย
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 24 พ.ค. 12, 00:37
ขอบคุณท่านเป็นอย่างมากครับ