เรือนไทย

General Category => ชั้นเรียนวรรณกรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 03 เม.ย. 08, 12:13



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 เม.ย. 08, 12:13
สืบเนื่องจากค.ห.คุณกุ้งแห้งเยอรมันในกระทู้ ตัวหนอนในสมุด

อ้างถึง
หนอนอย่างดิฉัน ชอบหนังสือเพลงเป็นที่หนึ่งในช่วงเซเวนตี้ส์ รวมทั้งสตาร์พิคส์ที่ขาดไม่ได้ เพียงแต่ไม่ต้องซื้อเอง
พี่สาวจะเก็บสะสมตั้งแต่ยุคซิกซ์ตี้ส์ เพราะเธอใช้เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง คำร้องในเพลงโบราณจะไพเราะ คล้องจองเช่นเพลง Eternally
Till ที่เด็กๆอย่างดิฉันไม่ต้องเปิดดิคมาก แต่เพลงอย่างTill there was youของบีทเติ้ลส์ ต้องรอตอนแก่ๆจึงจะเข้าใจปรุโปร่งทั้งที่เป็นเนื้อร้องแสนง่าย
ที่บ้านพี่สาวมีหนังสือเพลงเป็นตั้งๆ เมื่อเธอย้ายบ้านเพราะแต่งงาน ดิฉันจึงได้รับมรดกเหมามาทั้งหมด
แม้แต่เพลงไทย เธอก็สะสมเนื้อร้องไว้มากมาย รวมถึงให้ดิฉันแต่งกลอนประกอบเพลงไว้ด้วย
ป่านนี้ไม่ทราบยังอยู่หรือเปล่า เจอหนอนเพลงด้วยกัน รู้สึกว่าคุยกันแล้วจะมีความมัน ดิฉันหมายถึงหนอนเนื้อเพลงมากกว่าหนอนดนตรีนะคะ
บางคนไม่ได้จำแค่เนื้อ ทั้งร้อง ทั้งเล่นดนตรี และจำเรื่องราวชีวิตของศิลปินแต่ละคนได้ลึกๆ
คุยด้วยแล้วทึ่ง

เลยขอแยกวงมานั่งคุยกันในกระทู้นี้  เชิญทุกท่านที่รักเพลง เข้ามาแจม


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 เม.ย. 08, 13:00
ตอนนี้ มีงานอดิเรกอีกอย่างคือแต่งเพลงให้สุนทราภรณ์     เริ่มทำแบบเล่นๆมาสัก ๒ ปีได้แล้วค่ะ
เลยอยากถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฟังกัน
ขอเวลาไปเรียบเรียงก่อน


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 03 เม.ย. 08, 13:07
ขอประเดิมด้วยเพลงที่คุณกุ้งแห้งฯชอบก่อนนะครับ
Till there was you

There were bells on a hill
But I never heard them ringing
No I never heard them at all
Till there was you
There were birds in the sky
But I never saw them winging
No I never saw them at all
Till there was you
Then there was music
and wonderful roses
They tell me in sweet fragrant
meadows of dawn and you
There was love all around
But I never heard it singing
No I never heard it at all
Till there was you
Then there was music
and wonderful roses
They tell me in sweet fragrant
meadows of dawn and you
There was love all around
But I never heard it singing
No I never heard it at all
Till there was you
Till there was you.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 03 เม.ย. 08, 13:29
ก่อนที่จะไปถึงความหมายและคนแต่งจริงๆ กับคนที่ทำให้เพลงดัง ผมขอบอกว่าเนื้อร้องเพลงที่ผมชอบ คือ
ฺBlueberry hill ครับ
ผมชอบเพลงนี้ เพราะเอลวิสร้อง ทั้งที่จริงๆดังคนแรกๆ แต่ไม่ใช่แรกสุดเป็นFats Domino เพราะอ้วน ล้มเป็นทอดๆ(ภาษาพวกจิตรกรรมเขาแปล พวกอักษรฟังแล้วขำกันคิกคัก)เขาก็ร้องดีอยู่หรอกครับ แต่มันไม่ซึ้งในความหมายเท่ากับรูปหล่อร้องอย่างเอลวิส
ผมฟังเอลวิสตั้งแต่เขาร้องเลียนแบบอ้วน เวอร์ชั่นแรกๆ จนค่อยๆเปลี่ยน ปรับ จนหาแนวร้องที่มาจากอารมณ์ของตัวเอง
นักกลอนหรือคนเขียนเพลงเห็นแล้วคงทึ่ง เพราะเขาหาสัมผัสสระอิล...กันได้ดีมาก
ลองไปฟังกันดูจากยูทู้บนะครับ
คนแรกที่ร้องเพลงนี้เป็นGene Autry ร้องในปี1941 ในหนังเรื่อง The singing hillจากเนื้อง่ายๆนี่แหละครับ นักร้องดังๆก็นำไปรน้องตั้งแต่หลุยส์  กล้ามโต หรือแขนแข็ง ลอเร็ตต้า ลินน์ สกีตเตอร์ เดวิส แอนดี้ วิลเลี่ยมส์ หรือแม้แต่รูปหล่อหน้าหวานอีกราย ริคกี้ เนลสัน

BLUEBERRY HILL

(Words & music by Lewis - Stock - Rose)

I found my thrill on blueberry hill
On blueberry hill when I found you
The moon stood still on blueberry hill
And lingered until my dreams came true

The wind in the willow played
Love's sweet melody
But all of those vows we made
Were never to be

Tho' we're apart, you're part of me still
For you were my thrill on blueberry hill

ผมว่าไม่ใช่แค่คำร้องหรอกครับที่ทำให้เพลงอมตะ เป็นทำนองด้วย


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 เม.ย. 08, 14:42
       ได้ชมรายการเพลงสุนทราภรณ์คืนที่อาจารย์เป็นแขกรับเชิญครับ จำได้อาจารย์เล่าถึงความประทับใจ
ตอนเด็กเมื่อได้พบครูเอื้อที่บ้านท่าน

        ชอบ till there was you จากเสียงของ anita bryant ครับ เธอยังร้องอีกสองเพลงฮิทที่ไพเราะมาก
คือ paper roses และ in my little corner of the world ด้วย
        และอีกสิ่งหนึ่งที่โด่งดังไม่น้อยกว่าเสียงเพลงของเธอคือ การเป็นนักต่อต้านรักร่วมเพศในยุค ๗๐

Anita Bryant earned a pie in the face—and hundreds of mass protests—for her anti-gay crusade
in the 1970s.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 เม.ย. 08, 20:57
ถ้าไปฟังเพลงด้วยกันเมื่อไร  จะต้องขอให้คุณกุ้งแห้งร้องเพลง Till There Was You ให้ฟัง

ความหมายของเพลงนี้ทำให้นึกถึงเพลงที่ชอบทั้งเนื้อร้องและทำนองอีกเพลง
คือ "เธอ" ของจันทนีย์ อูณากูล
ฟังได้เว็บนี้ค่ะ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=blacktulip&month=06-2006&date=08&group=16&gblog=6

ก่อนนั้น ทุกวันโลกเป็นสีเทา
เปลี่ยวเหงา เฝ้าแต่รอคอยเสมอ
เธออยู่แห่งไหน
เมื่อใจฉันพร่ำหาเธอ
ใครจะเสนอ
มอบรักและความต้องการ

ก่อนนั้น ฉันมีชีวิตเพื่อใคร
ขื่นขม เท่าใดจะกลายเป็นหวาน
ทนอยู่ต่อไป แม้ใจทนทรมาน
คืนวันผันผ่าน จนเราได้มาพบกัน

แปลกใจหนักหนา
เธอมา ปลุกชีวิตฉัน
เธอมา มอบรักนิรันดร์
เธอมา อดีตพลันมลาย

บัดนี้ ทุกนาทีเป็นแสงทอง
ที่เคย หม่นหมองกลับมีความหมาย
ฉันเพิ่งได้รู้ รักทำให้ความทุกข์คลาย
ยาอื่นไม่หาย ไม่เลือนเหมือนเธอเป็นยา

บัดนี้ ฉันมีชีวิตเพื่อเธอ
ได้เจอ คือเธอที่ฉันฝันหา
เธอที่คราวนั้น ฉันคอยกับรอยน้ำตา
เธอจึงมีค่า ตราตรึงหนึ่งดังหัวใจ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 04 เม.ย. 08, 01:36
ทรายกับทะเล

จะเหนื่อยเพียงไหน จะทุกข์เพียงใดโปรดรู้
ตรงนี้ยังมีฉันอยู่ พร้อมจะดูแลหัวใจ
หากมรสุม จะทำเธอเหน็บหนาวใจ
พายุจะแรงแค่ไหน จะคอยอยู่ข้างเคียงเธอ

หากมีวันไหน ที่เธอไปไกลจากฉัน
ในหัวใจไม่เคยหวั่น และจะคอยเธอย้อนมา
ก็ใจมันรู้ คลื่นลมจะคอยพัดพา
คอยซัดทะเลเข้าหา หาดทรายแห่งนี้ดังเดิม

*คือผืนทรายที่โอบทะเลไว้
จะวันใดมั่นคงเหมือนดังที่เป็น
อยู่เคียงข้างเธอใจไม่ไหวเอน
และยังคงชัดเจนอย่างนั้น

หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก
คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก ไม่หวั่นยามพายุผ่าน
จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน
มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล

เพลงนี้ไม่ทราบว่าเก่าหรือเปล่าครับอาจารย์  หรือเป็นเพลงแต่งเพื่อนวนิยายหรือละคร  ผมว่าอุปมาได้ลึกซึ้งสวยงามดีมากครับ  และทำนองก็ไพเราะ  ไม่ทราบว่าใครเป็นคนแต่งครับ  ฟังในวิทยุก็ไม่ค่อยให้เครดิตคนประพันธ์เลยครับ  เลยไม่ทราบว่าใครแต่ง  นักจัดรายการบ้านเรามักให้เครดิตแค่นักร้องเท่านั้น..... ???


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: bluesky ที่ 04 เม.ย. 08, 06:23
ขออนุญาตตอบคุณ Bana นะคะ

เพลงทรายกับทะเล  เป็นเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อประกอบละคร เรื่อง กัลปังหา เมื่อปี 2541
นำแสดงโดย คุณดอม เหตระกูล กับคุณจอย รินลณี ศรีเพ็ญ ค่ะ

ผู้แต่งคำร้อง คือ คุณ วิวัฒน์ ฉัตรธีรภาพ  ส่วนทำนองโดย คุณรณภพ อรรคราช (หรือ พี่เต้ย วงอินคานั่นเอง ;D)

เครดิต ผู้แต่งคำร้องและทำนองจาก
http://www.gmm-mpi.com/song_lists.asp?pageno=121&songcamp=1&songtype=&soption=

------------------------------------------------------


สำหรับเพลงที่ชอบ คือ เพลงนี้ค่ะ :-[

Someone like you
Artist: Van Morrison

I've been searching a long time
For someone exactly like you
I've been traveling all around the world
Waiting for you to come through
Someone like you
Make it all worth while
Someone like you
Keep me satisfied.
Someone exactly like you

I've been travellin' a hard road
Baby lookin' for someone exactly like you
I've been carryin' my heavy load
Waiting for the light to come shining through
Someone like you
Make it all worth while
Someone like you
Make me satisfied
Someone exactly like you

I've been doin' some soul searching
To find out where you're at
I've been up and down the highway
In all kinds of foreign lands
Someone like you
Make it all worth while
Someone like you
Keep me satisfied
Someone exactly like you

I've been all around the world
Marching to the beat of a different drum
But just lately I have realized
Baby the best is yet to come
Someone like you
Make it all worth while
Someone like you
Keep me satisfied
Someone exactly like you
Someone exactly like you
Someone exactly like you

Best is yet to come
Ohhhhh the best is yet to come
Someone exactly like you


ฟังเพลงได้ที่  http://www.mp3tube.net/musics/Van-Morrison-Someone-Like-You/5059/ (http://www.mp3tube.net/musics/Van-Morrison-Someone-Like-You/5059/) ค่ะ


เพลงนี้แต่งและร้องโดย Van Morrison ซึ่งเป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงชาวไอริช  ในอัลบัม Poetic Champions Compose ในปี 1987 และได้รับการนำมาใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์มากมายหลายเรื่อง ได้แก่  Bridget Jones's Diary (2001), Someone Like You (2001), Proof of Life (2000), One Fine Day (1996), French Kiss (1995), Prelude to a Kiss (1992) และ Only the Lonely (1991)

ทั้งยังมีการนำมาร้องใหม่ (cover) โดยศิลปินอีกหลายคน อาทิ Air Lovers, Dina Carroll และ Vanessa L. Williams ค่ะ :)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 04 เม.ย. 08, 14:52
รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะที่อาจารย์อยากฟังดิฉันร้อง
Till There Was You ที่ชอบที่สุด เป็นของคุณแหบเสน่ห์ค่ะ คุณsila คือว่า ในอัลบั้มหลังๆนี่ Rod Stewart ทำให้ดิฉันซึ้งเป็นบ้าเป็นหลัง เหมือนตอนที่เป็นวัยทีนแล้วได้ยินเพลงเนื้อง่ายแสนง่ายอย่างOh My Love ที่ John Lennon ลุกขึ้นมาแต่งเพราะอยู่ในภวังค์รักเหลือแสนกับแม่สาวผมยาวขี้ยาโยโกะ(โทนเสียงดิฉันเป็นนางอิจฉามากหรือเปล่าคะ)

เนื้อร้อง เพื่อนบางคนบอกว่าไม่เห็นจะมีอะไรเลย เห็นลม เห็นต้นไม้ ตาสว่าง ทุกอย่างแจ่มชัดไปหมด อ้าว.. ขี้เกียจจะถามว่า ไอ้วันที่คุณมีความรักน่ะ คุณคงไม่เห็นอะไร นอกจากหน้าแควนคุณหละสิ
แล้วก็ขยับปากจะถามอีกว่า แล้วแต่งได้งั้นหรือเปล่า แต่ก็รุ้สึกว่าจะกวนไป

พอลเป็นคนที่แต่งเพลงเก่งมาก มีเพลงดีๆที่ดิฉันถามตัวเองว่า เขาคิดได้ไงนะ แต่ต้องยอมรับว่า พอจอห์นลุกขึ้นมาแต่งเองจริงๆ ก็ทำได้ดีจนเป็นอมตะไปหลายเพลง ในแผ่นนี้ก็มีสามเพลงเด่นๆ คือ โอ๋ มายเลิฟ เจลัส กาย และอิแมจิ้น


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 04 เม.ย. 08, 14:57
OH MY LOVE

words and music by  John Lennon

oh my love for the first time in
my life
my eyes are wide open
oh my lover for the first time in
my life
my eyes can see
i see the wind, oh i see the
trees
everything is clear in my heart
i see the clouds, oh i see the
sky
everything is clear in our world
oh my love for the first time in
my life
my mind is wide open
oh my lover for the first time in
my life
my mind can feel
i feel sorrow, oh i feel dreams
everything is clear in my heart
everything is clear in our world
i feel life, oh i feel love



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 04 เม.ย. 08, 19:12
ย้อนกลับไปปี 2515 รายการวิทยุเอเอ็มยังมีผลกับชีวิตของวัยรุ่นสมัยนั้น วิทยุเอฟเอ็มมีเพียงสองสถานี คนจัดเพลงฝรั่งทางเอฟเอ็มมีนิโคล่า (คุณมีชัย วีระไวทยะ)กับคุณอิทธิวัฒน์ เพียรเลิศ คนแรกเปิดเพลงแนวอะไรจำไม่ได้ ส่วนอีกคน เน้นเพลงจากอังกฤษ
ดิฉันไม่ได้เป็นแฟนของทั้งสองคนค่ะ
คนที่นำเพลงโอ มายเลิฟมาเปิดคนแรก และทำให้เพลงนี้ดังด้วยการเปิดเป็นไตเติ้ลนำและปิดรายการ เป็นนักเขียนเพลงในหนังสือ Current Song Hits ที่ดิฉันเป็นแฟนอยู่ค่ะ
เขามาช่วยคุณไพรัช วิริยะกุลชัยจัด  และโปรโมทเพลงที่ใครๆยังไม่รู้จัก
จนกลายเป็นเพลงที่ดังทั่วเมืองไทย
มีใครจำนามปากกานี้ได้บ้างคะ นิค วโรภาส


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 04 เม.ย. 08, 19:34
ผมครับ ผมจำได้..
แต่เขาก็จากไปแล้ว ..
อีกคนหนึ่งที่เป็นเสี้ยวสุดท้ายของความทรงจำที่ผมมีให้คนเขียนเพลงไทย ซึ่งจากไปเหมือนกัน วันนั้น ผมไปร้องเพลงหลังเลิกงานที่ผับตรงทองหล่อ ชื่อ wine and roses ที่เจ้าของ ชอบเพลง the days of wine and roses เขาเดินมานั่งที่โต๊ะผม
ก็เขานี่หละที่เรียกผมว่า เอลวิสปู
เขาบอกว่า "ปู ร้องเพลงให้พี่ฟังเพลงหนึ่งสิ"
ผมถามว่าเพลงอะไรครับ
ก่อนจะบอกชื่อเพลง ผมจำได้ว่าเขาพูดว่า เขาประทับใจคนเขียนเพลงนี้ ว่า ทำไมมันถึงดูง่ายอย่างนี้ พี่พยายามหัดเขียนให้ได้อย่างนั้น ไอ้ความง่ายนี่ มันเขียนยากเหลือเกิน
บางวัน นั่งเขียนทั้งวัน มันไม่ออกเลย แต่จู่ๆ อะไรแว้บขึ้นมา ก็เขียนได้ทันที
ก็นั่นน่ะสิครับ เพลงที่ผมจะพูดถึงคือwhen my blue moon turns to gold again
พี่คนนั้น ชื่อเขตต์ เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=EVtXju0XQXM


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 04 เม.ย. 08, 19:53
ป่านนี้ คุณเขตต์คงทราบแล้วนะคะ ว่าคนเขียนเพลงที่ใช้คำง่ายๆ ซ้ำไปซ้ำมาไม่กี่คำ คือใคร

WHEN MY BLUE MOON TURNS TO GOLD AGAIN

words & music by Walker - Sullivan

When my blue moon turns to gold again
When my rainbow turns the clouds away
When my blue moon turns to gold again
You'll be back within my arms to stay

When the memories that linger in our hearts
Memories that gonna make my heart grow cold
However some day they gonna live again sweetheart
And my blue moon again will turn to gold



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 เม.ย. 08, 20:57
เล่าความหลัง

เคยเห็นคุณครูเอื้อมาตั้งแต่ดิฉันยังเด็ก ไปเล่นอยู่ที่บ้านของท่านที่เป็นร.ร.ดนตรี สุนทราภรณ์ในตอนนี้  เป็นบ้านไม้สองชั้น  มีบริเวณบ้านที่มีต้นไม้ร่มรื่น   ยังไม่ได้รื้อลงแล้วปลูกใหม่เป็นตึก อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ทุกวันนี้  ยังมีภาพถ่ายขาวดำของคุณอติพรเมื่อวัยรุ่น อายุไม่เกิน ๑๕ นั่งอุ้มลูกหมา อยู่ที่ม้าหินบนลานบ้านหลังเก่า   

ห้องชั้นล่างของบ้าน มีเปียโนตั้งอยู่หลังหนึ่ง พวกเราจับกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น เป็นประจำ  พอเที่ยงก็จะมีอาหารแสนอร่อยของคุณแม่ คือคุณอาภรณ์ สุนทรสนาน ยกมาให้กินกันอิ่มหนำสำราญ   
คุณอาภรณ์ผิวขาว อ่อนหวาน พูดจาเพราะ  คอยดูแลไม่ให้เพื่อนๆของลูกสาวอดอยาก  มีทั้งข้าว ทั้งขนม ทั้งน้ำ  ส่งเข้ามาตลอด
 
คุณครูเอื้อในตอนนั้นอยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ ประมาณ ๔๐   เป็นผู้ชาย tall, dark and handsome แบบไทย   หน้าคมคาย   บุคลิกนิ่ง ไม่ใช่คนเอะอะเฮฮา
ครั้งหนึ่งท่านเดินลงมา  เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก แต่งตัวเนี้ยบ  สวมสูทผ้าไหมฝรั่งขึ้นเงา สีน้ำเงินอมเทาหรือเทาอมน้ำเงิน เข้มๆ  ไม่ใช่ไหมไทย   โก้มาก 
ท่านพูดเสียงเรียบๆ   เบาๆ กับลูกสาว  ไม่เคยขึ้นเสียงดัง       พูดอะไรกันจำไม่ได้แล้ว   แต่จำได้ว่า น้ำเสียงและท่าทีของคุณครูเอื้อ บอกความอ่อนโยน  ดูท่าทางท่านรักคุณอติพรเป็นแก้วตาดวงใจทีเดียว

คุณครูเอื้อเป็นคนมีออร่าในตัว   ดิฉันจำได้ว่าบางครั้ง มีคนมาหาท่านที่บ้าน หลายคน  เป็นผู้ชาย อาจจะเป็นนักดนตรีหรือคนที่ทำงานกับท่าน
แต่บุคลิกคุณครูเอื้อสง่ากว่าทุกคนทั้งหมด    ดิฉันเลยจำใครไม่ได้สักคน จำได้แต่ท่านเวลาพูดกับเขาเหล่านั้น  ท่าทีท่านเป็นหัวหน้า เด่นกว่าเพื่อน
นักร้องสุนทราภรณ์ จำได้แต่คุณเลิศ ประสมทรัพย์ ตัวท้วมๆ ไม่สูง  แก้มยุ้ยๆ หน้าตาร่าเริง   คนอื่นๆเป็นยังไงนึกไม่ออกเลย แม้แต่คุณชวลี ช่วงวิทย์ซึ่งดิฉันรู้สึกว่าถ่ายรูปออกมาสวย  ก็ยังจำไม่ได้ว่าเคยเห็น


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 04 เม.ย. 08, 22:25
คุณเขตต์ ไม่ใช่คนหล่อแบบครูเอื้อค่ะ หน้าตาเหมือนพระจีนที่ผิวคล้ำแบบคนไทย ร่างสูงใหญ่ ไว้ผมยาวแต่มัดไว้ด้านหลัง ไม่หล่อที่หน้า ไปหล่อที่สมองแทน.. เป็นชายหนุ่มเสน่ห์แรงสำหรับสาวๆ ตอนนั้นเป็นพ่อม่าย เวลาชอบใครแล้ว เกาะติดหนับ ทำตัวเป็นพี่ที่น่ารักได้
มีความรู้เรื่องเพลงชนิดลงลึกได้ พอๆกับคุณนิค วโรภาส ซึ่งแยกไปอยู่อีกวงการหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ใช้ความสามารถทางด้านการเขียนอีกเลย แต่คุณเขตต์ คลุกคลีตีโมงอยู่ในวงการดนตรี สองคนนี้เคยมีผลงานในหนังสือเพลงที่ดิฉันมีส่วนทำด้วยค่ะ
ชื่อหนังสือ POP ออกมาเล่มเดียว เนื้อหาจุใจ .. คุณนิคไปชวนคุณเขตต์มาเขียนรีวิวนักดนตรี ที่สุดยอดในแต่ละหน้าที่ เขายกย่องคุณแตง เป็นมือกลองที่เก่งที่สุด และคุณอุกฤษณ์ พลางกูร เป็นมือลีดกีตาร์ที่ดีที่สุด
กลับมาที่ร้านไวน์แอนด์โรสเซสนะคะ พอดีเป็นคนในเหตุการณ์ความทรงจำของคุณเอลวิสด้วยตรงนั้น
ดิฉันพอจำวันนั้นได้ค่ะ พูดเสร็จ เขาในฐานะเจ้าของร้าน ก็คว้ากีตาร์ขึ้นไปบนเวที แล้วเล่นเพลงที่ขอให้คุณเอลวิสร้อง.. โดยที่คนถูกขอเดินไปร้องได้ทันควัน
คนฟัง จิบไวน์ ดูเขาเล่นร้องเข้าขากัน บันเทิงดีค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 04 เม.ย. 08, 23:48
เมฆดูสวยงาม เมื่อยามมองฟ้า ฟ้าดูกว้างใหญ่เหมือนเก่า
เมื่อยังเล็กแหงนดูมือไขว่คว้าเอา สูงจังอยากตัวโตสูง
จ้องมองแสนนาน พี่ชายคงเห็นยิ้มเดินมาใกล้แล้วอุ้ม
ขี่คอจนเกือบสูงทัน จ้องมองบนฟ้านั่น
เอื้อมมือถึงจันทร์ จะเอาเป็นของเรา

ครั้งโดนเขารังแก ร้องงอแงร้องไห้
พี่คนนี้ยังคอยคุ้มครองคุ้มภัย น้องเอยอย่ากลัวใครเขา
สองพี่น้องเดินไป น้องตามพี่ชาย จับมือจูงน้องไป
มองฟ้าอันกว้างใหญ่ ฟ้าคงไกลไป ขี่คอพี่สูงเอง

จวบจนฉันโต พี่ยังคงรักและคอยเป็นห่วงแสนห่วง
เมื่อผิดหวังให้กำลังใจทั้งดวง น้องเอยอย่ากลัวใครเขา
เมื่อยามท้อใจ จ้องมองบนฟ้านึกตอนเป็นเด็กเล็กนั่น
ขี่คอจนเกือบสูงทัน เอื้อมมือให้ถึงจันทร์
บอกเอาไว้นาน พี่ชายที่แสนดี

เพลงนี้ คุณเขตต์บอกดิฉันว่า เขาแต่งเองโดยไม่คิดว่ามันจะดัง..


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 05 เม.ย. 08, 00:28
แม่น้ำตาลก้นแก้ว เขาชิมเจ้าแล้ว...จึงหยดถึงมือพี่
ถ้าหากเป็นแหวน ก็เปรียบดังแม้นเจ้าโดนสวมฟรี
เพชรที่งามหรือจะมี ค่าสูงยิ่งกว่าดรรชนีของนาง

แม่น้ำตาลก้นแก้ว เขาชิมเบื่อแล้ว...จึงถูกเขาทิ้งขว้าง
สูญสิ้นความสาวแล้วเจ้าจึงรู้ว่าเดินหลงทาง
พี่ไม่โกรธเจ้าหรอกนาง ยังรักไม่จางรักนางเสมอ

ถึงพี่เป็นมือสองรองคนอื่น พี่ก็ยังยิ้มชื่นต้อนรับการกลับของเธอ
ตักพี่ยังว่าง อกพี่ยังอุ่นเสมอ
ตาลจ๋ากลับมาเถิดเธอ พี่หลงละเมอเพ้อเฝ้าใฝ่ฝัน

แม่น้ำตาลก้นแก้ว เขาชิมเจ้าแล้ว...พี่ก็ขอรักมั่น
ถึงจะเหลือเดน เพราะผ่านคนชิมมานานแสนนาน
พี่ก็ยังต้องการ รอรับรสหวานน้ำตาลก้นแก้ว

ยุคหนึ่งที่คนเขียนเพลงเขียนได้กวีมากค่ะ มีการเปรียบเปรยตลอด และคำคล้องจองรับความหมายดี เสียงร้องพระเอกจริงๆ เปรียบสาวกับน้ำตาลที่เหลือความหวานน้อย
เฮ้อ.... เนื้อเพลงนำเสนอชายไทยใจกว้าง ไม่ชอบตรงคำว่าเหลือเดนนี่หละ ตรงและเหยียดหยาม จิกไปหน่อย
หากใครเคยฟังเพลงนี้ คงจะชอบเสียงร้องชาวสุพรรณบุรี ที่ชื่อว่า ก้าน แก้วสุพรรณค่ะ ดิฉันมีแผ่นของก้าน และเคยไปฟังที่พิพิธภัณฑ์เมืองนี้ เขามีห้องๆหนึ่งจัดแสดงงานเพลงของนักร้องเลือดสุพรรณและมีหูฟังให้เสร็จสรรพ..ชอบจริงๆเลย


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 05 เม.ย. 08, 01:09
เพลงใครหนอ
       
คำร้อง / ทำนอง สุรพล โทณะวณิก
       

       ใครหนอ รักเราเท่าชีวี
       ใครหนอ ปรานี ไม่มีเสื่อมคลาย
       ใครหนอ รักเราใช่เพียงรูปกาย
       รักเขาไม่หน่าย มิคิดทำลาย ใครหนอ
       
       ใครหนอ เห็นเราเศร้าทรวงใน
       ใครหนอ เอาใจปลอบเราเรื่อยมา
       ใครหนอ รักเราดังดวงแก้วตา
       รักเขากว้างกว่า พื้นพสุธา นภากาศ
       
       จะเอาโลก มาทำปากกา
       แล้วเอานภา มาแทนกระดาษ
       เอาน้ำหมด มหาสมุทรแทนหมึกวาด
       ประกาศ พระคุณไม่พอ
       
       ใครหนอ รักเราเท่าชีวัน
       ใครหนอ ใครกัน ให้เราขี่คอ
       ใครหนอ ชักชวนดูหนังสี่จอ
       รู้แล้วละก้อ อย่ามัวรั้งรอ ทดแทนบุญคุณ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 05 เม.ย. 08, 01:37
In  Bloom
Nirvana

Sell the kids for food
....weather changes moods
Spring is here again
....reproductive glands

Hey - He's the one
Who likes all our pretty songs
And he likes to sing along
And he likes to shoot his gun
But he knows not what it means
Don't know what it means, when I say:

He's the one
Who likes all our pretty songs
And he likes to sing along
And he likes to shoot his gun
But he knows not what it means
Knows not what it means when I say aahh ...

We can have some more -- nature is a whore
Bruises on the fruit -- tender age in bloom

Hey - He's the one
Who likes all our pretty songs
And he likes to sing along
And he likes to shoot his gun
But he knows not what it means
Don't know what it means, when I say:

เพลงคณะนิพพานของเคิร์ทผู้ล่วงลับ  ผมมักโดนผู้ใหญ่เอ็ดว่าฟังเพลงอะไรไม่เห็นได้เรื่อง  แต่เพื่อนๆและผมชอบและคลั่งใคล้มาก  เคิร์ทเป็นผู้มีความสามารถมาก เป็นยอดของแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อค  แต่ดันไปข้องแวะกับยาเสพติด  และในที่สุดก็ต้องจบชีวิตเพราะยา  เพลงนี้เนื้อเพลงวนไปวนมา

ลองฟังดูนะครับคุณกุ้งเปลี่ยนแนวดูบ้างครับ  ............. ;D
http://www.wherearepop.com/index.php?topic=1261.0;wap2


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: chai1960 ที่ 05 เม.ย. 08, 21:53
เงาไม้
Bangkok Symphony Orchestra 

*********************************
แสงจันทร์วันนี้นวล…...คล้ายชวนให้น้อง….เที่ยว
จะให้…..เลี้ยวไป….แห่งไหน
ชล….ใสดูในน้ำ…..เงาดำนั้นเงา….ใด
อ๋อ….ไม้ริม….ฝั่งชล
สวยแจ่ม...แสงเดือน...
หมู่ปลา...เกลื่อนดู...เป็นทิว
หรรษ์รมย์...ลมริ้ว...
จอดเรือ…...อาศัยเงาไม้…...ฝั่งชล

*********************************

เอามาฝากทุกท่านครับ
http://profile.imeem.com/iRYMqk/music/1Ei0GZfw/bangkok_symphony_orchestra/
 (http://profile.imeem.com/iRYMqk/music/1Ei0GZfw/bangkok_symphony_orchestra/)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 05 เม.ย. 08, 23:38
ถ้าต้องเอ่ยถึงนักแต่งเพลงไทยสักคน ที่ไม่ใช่รุ่นบนหิ้ง
ขอเสนอคุณจรัล มโนเพชรครับ

เนื้อร้องหลายชิ้น งดงามเหมือนมนตร์เรียกน้ำตา
เสียดายที่ลาลับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Oam ที่ 06 เม.ย. 08, 10:06
น้ำตาลก้นแก้ว เพลงนี้ฟังตอนเด็กๆ รู้ว่าเป็นการตัดพ้อ แต่ก็แปลกใจว่าน้ำตาลก้นแก้วไม่ดีอย่างไร น่าจะหวานอร่อย เหมือนตอนชงโกปี๊แล้วคนน้ำตาลละลายไม่หมด ส่วนที่เหลือติดอยู่ก้นแก้วน่าจะหวานอร่อย

พอแก่แล้ว รู้สึกว่าทำไมถึงด่าได้เจ็บแสบขนาดนี้ "ถ้าหากเป็นแหวน ก็เหมือนดังแม้นเจ้าโดนสวมฟรี"


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 06 เม.ย. 08, 10:31
จันทร์เอ๋ย

จันทร์เอ๋ยเคยสว่าง ไยจางแสง
หรือจันทร์แกล้ง เย้าว่าน้องอกหมองไหม้
ลมเจ้าเอ๋ยเคยโชยรื่น ชื่นหัวใจ
เป็นอะไร จึงสงัดไม่พัดเลย
ดาวเอ๋ยดาวพราวฟ้าไกล เห็นไหวยิบ
ดาวกระพริบตาเยาะเรา หรือดาวเอ๋ย
จั๊กจั่นสนั่นเพรียก เรียกคู่เชย
เหมือนจะเย้ย ว่าเราไม่มีใครปอง

ผู้แต่งเนื้อร้องคือ พระยาโกมารกุลมนตรี ผู้แต่งเนื้อร้องเพลงเงาไม้ครับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 เม.ย. 08, 22:40
เมื่อพูดถึงเพลงของ ท่านผู้หญิง(ม.ล.)พวงร้อย สนิทวงศ์ จะนึกถึงเพลง "เพลิน"เป็นอันดับแรกค่ะ

เพลินพิศพักตร์แล้วเหลือเพลิน
 เพลินเนตร ยามเนตรน้องมาเผชิญ
 เพลินโอษฐ์ ยามโอษฐ์เอื้อนอัญเชิญ
 เพลินรัก พี่รักแล้วใยเมิน
 เพลิน เพลิน เพลิน เผลอ ละเมอฝัน
 วันคืนตื่นผวาตาสว่าง
 เห็นแต่ร่างนางสาวสวย
 แลสำรวยระรื่นชื่นอุรา

นางเอกของนิยาย "วสันต์ลีลา" ก็มาจากเพลงนี้ละค่ะ



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 เม.ย. 08, 20:47
ย้อนมาเรื่องเพลงสุนทราภรณ์ 
เขียนเนื้อเพลงให้สุนทราภรณ์หลายเพลงแล้ว     จะค่อยๆทยอยมาเล่าให้ฟัง   ขอส่งเพลงล่าสุดที่เพิ่งแต่งเสร็จไม่ถึงเดือนมานี้ให้อ่านกันค่ะ

ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของสุนทราภรณ์คงจำเพลง "พรานทะเล" ได้   กองทัพเรือขอเพลงนี้ไปเป็นเพลงประจำ 
เนื้อร้องของเดิมแต่งด้วยฝีมือยอดขุนพลเพลงของสุนทราภรณ์ ครูแก้ว อัจฉริยะกุล   แต่งออกมางดงาม ไม่มีที่เสมอเหมือน
แต่ที่มีเพลงใหม่ ชื่อ "เพลงชาวเรือ" ด้วยฝีมือ ว.วินิจฉัยกุล นั้น  มีความเป็นมา....

นานมาแล้ว  "พรานทะเล" เป็นเพลงโปรด ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กวีชาวจุฬาฯ คนหนึ่ง นำไปแต่งบทกวี ชื่อ "เพลงชาวเรือ" 

เมื่อดิฉันอ่านพบบทกวี" เพลงชาวเรือ" ที่ไพเราะมาก  เกิดแรงบันดาลใจ  แต่งเป็นเพลงสุนทราภรณ์ขึ้นใหม่อีกทีหนึ่ง  จึงได้รู้ถึงความเป็นมาเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มลงมือแต่งเนื้อ
เมื่อเป็นเช่นนี้  เพลงใหม่นี้ ก็ไม่เหมาะจะใช้ทำนองอื่น นอกจาก "พรานทะเล" เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าของบทกวี   และเป็นอนุสรณ์ถึงที่มาตั้งแต่แรก
 
"เพลงชาวเรือ" ในทำนอง "พรานทะเล" จึงเกิดขึ้นมา

ใครอยากร้อง มีเพลงมิดี้อยู่ในเว็บนี้ค่ะ
http://www.music4thai.com/music/lyric/?sid=8798

เพลงชาวเรือ

ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน         เนื้อร้อง  ว.วินิจฉัยกุล
     
ชีวิตเริ่มต้นสู่โพ้นทะเล                   
ลอยล่องร่อนเร่ก็คล้ายนาวา
สู้คลื่นลมแรงคน ทุกข์ทนก็ดิ้นรนฝ่า     
ปรารถนาขอบฟ้าไกล

ดาวเหนือดวงหนึ่งใสซึ้งไม่จาง       
คอยส่องนำทางหว่างฟ้าอำไพ
จูบดอกไม้ไมตรี  น้ำใจคนดียื่นให้       
ค่อยแจ่มใสขึ้นอีกครา

* กระหน่ำคลื่นคม ลมแรง                 
ฟ้ามืดดังแกล้ง  ไร้แสงดารา
หวิวหวั่นความหวังลับฟ้า จะเหลียวมองหน้า 
สุดแลหาอีกไม่มี

ดอกไม้ขาวปลิด  โปรยสายปลายชล     
ฝากแก้วกมล       ฝั่งพื้นธาตรี
ก่อนนาทีสุดท้าย  ฝังกายลงใต้นที   
ส่งใจนี้มอบแด่เธอ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 เม.ย. 08, 21:06
เพลงนี้ ดำเนินเนื้อร้องตามเนื้อหาของบทกวี    เป็นชีวิตเจ้าหนุ่มชาวเรือ ที่พาเรือมุ่งหน้าสู่ท้องทะเล  มีเพียงกำลังใจจากหญิงสาวคนรัก เหมือนดวงดาวนำทาง ให้ฝ่ามรสุม
แต่ว่าท้องทะเลมีมรสุมใหญ่ เกินกว่าเรือเล็กจะต้านทานไหว   เจ้าหนุ่มจึงต้องจบชีวิตลงโดยไม่มีโอกาสกลับไปหาเธออีก  ได้แต่จูบดอกไม้ขาวที่เธอให้มา เป็นการอำลาครั้งสุดท้าย

เมื่อเอามาแต่งเป็นเพลง ก็ตีความเพิ่มเติมว่า เจ้าหนุ่มออกผจญทะเลแห่งชีวิต มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่ขอบฟ้า   มีคนรักเหมือนดาวเหนือ ส่องให้กำลังใจนำทาง
แต่เมื่อเจอมรสุมชีวิตหนัก เกิดอะไรขึ้นไม่รู้  คนรักก็ไม่อยู่เป็นกำลังใจให้   เขาจึงหมดสิ้นความหวังทุกอย่าง
ฉากจบคือปลิดดอกไม้ขาว สัญลักษณ์ของความผูกพัน โปรยกลีบลงน้ำ  เพื่อส่งไปให้เธอผู้อยู่บนฝั่ง
นาทีสุดท้ายก่อนจมลงใต้ทะเล  ก็ส่งใจถึงเธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนอำลากันตลอดกาล

ไม่ค่อยชอบแต่งเพลงเศร้าเท่าไรค่ะ แต่บทกวี" เพลงชาวเรือ" จบลงด้วยความเศร้า  จะเปลี่ยนเป็นสุข ก็เท่ากับเปลี่ยนจุดมุ่งหมายของบทกวีไปเลย  เลยขอรักษาความหมายไว้แบบเดิม


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 11 เม.ย. 08, 17:47
วอลซ์นาวี

เนื้อร้อง สกนธ์ มิตรานนท์
ทำนอง สมยศ ทัศนพันธ์

ทะเล... นั้นเป็นเหมือนถิ่นของเรา จะ...ขอเฝ้า ตราบจนชีวิตเราสิ้น
ยาม...คลื่นซัดกระเซ็น เช้าเย็นสำเนียงเคยชิน เลือด...ไหลริน เพื่อคงเกียรติของนาวี

ธง...ที่ถูกสายลม โบยสะบัดยังพัดพลิ้ว ทิว...ท้องถิ่นทะเล มิยอมให้ใครย่ำยี
เรือ...แม้จะต้องจม เพื่อปกป้องเสรี เรา...ขอสละชีพพลี พร้อมกัน ทุกคน ...
   


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 11 เม.ย. 08, 17:54
SEA OF LOVE


Do you remember when we met
That's the day I knew you were my pet
I wanna tell you
How much I love you
Come with me My love To the sea
The sea of love
I wanna tell you
Just how much I love you
Come with me To the sea Of love
Do you remember when we met
Oh that's the day I knew you were my pet
I wanna tell you Oh how much I love you
Come with me To the sea Of love
Come with me My love To the sea
The sea of love
I wanna tell you Just how much I love you
I wanna tell you Oh how much I love you





กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 11 เม.ย. 08, 18:01
เพลงทะเลรักนี่ เขียนโดย จอห์น ฟิลลิปส์ แบปตืสท์ กับจอช คูรี่ครับ วิกิบอกว่าขึ้นอันดับหนึ่งตั้งแต่ปี 1959 รายละเอียดลองไปอ่านกันนะครับ

วงThe Honeydrippers ส่งให้ดังอีกในปี1984
ผมได้ฟังหนุ่มฮาร์ด โรเบิต แพลนท์ ร้องด้วย
เป็นเพลงโรแมนติคมากครับ
แต่ดูหนัง Sea of Love ที่อัล พาชิโนเล่นกับเอลเลน บาร์กินแล้วยิ่งเซ็กซี่หนัก


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 12 เม.ย. 08, 10:59
        เพลงทะเลรัก ทำนองไพเราะ เนื้อน้อย
ตามคุณเอลฯ ออกทะเลต่อไป ด้วยเพลงเนื้อมาก

         เพลงทะเลฝรั่ง(เศส) La Mer (ชื่อเหมือนกับเพลงคลาสสิคประพันธ์โดยคีตกวีอิมเพรสชั่นนิสท์ Debussy)
ประพันธ์โดย Charles Trenet ในปี ๑๙๔๓ เนื้อเพลงบรรยายภาพธรรมชาติท้องทะเล 
         ต่อมา ทำนองไพเราะได้ถูกนำมาใส่เนื้ออังกฤษโดย Jack Lawrence เป็น  Beyond the Sea
เนื้อเพลงต่างจากเดิม บรรยายถึงชายหนุ่มท่องทะเลแต่ใจล่องลอยไปหาสาวคนรักบนฝั่ง นึกถึงเวลาที่จะกลับไปพบกัน

    Somewhere beyond the sea,
Somewhere waiting for me,
My lover stands on golden sands
And watches the ships that go sailing.

    Somewhere beyond the sea,
She’s there waiting for me.
If I could fly like birds on high,
Then straight to her arms I’d go sailing.

It’s far beyond a star,
It’s near beyond the moon.
I know beyond a doubt
My heart will lead me there soon.

      We'll meet beyond the shore
We'll kiss just as before
Happy we'll be beyond the sea
And never again i'll go sailing

       และมาเป็นเพลง(ทหารเรือ)ไทย  -  ชมประดู่  โดยท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

          ประดู่เอย เจ้าเป็นดอกไม้สีทอง งดงามผ่องใส
กลิ่นอวลยวนใจออกดอกไสว เร้าใจให้นิยม เมื่อได้ชมผ่าน
          เมื่อบาน  เจ้าบานพรั่งพร้อม เมื่อโรยพร้อมโปรยดอกพรู
เป็นเยี่ยงอย่างดู  หากเกิดศัตรู
พร้อมใจรวมเป็นหมู่ สู้ด้วยสามัคคี
          (หญิง) เช่นเธอ เกิดเป็นทหาร เพื่องานราชนาวี                                  (ชาย) เช่นเรา เกิดเป็นทหาร เพื่องานราชนาวี 
ตั้งใจฝากชีวิตไว้ กับเรือเพื่อเป็นชาติพลี                                              ตั้งใจฝากชีวิตไว้ กับเรือเพื่อเป็นชาติพลี                         
          อดทน สู้ความลำเค็ญ ยากเย็นมิยอมหน่ายหนี                                       อดทน สู้ความลำเค็ญ ยากเย็นมิยอมหน่ายหนี
อยู่เรือแรมปี ก่อเกียรติศักดิ์ศรี  สมเป็นชายชาตรี                                     อยู่เรือเตรียมพลีชีพสู้ศัตรู สมดังนามประดู่ 
ที่เรานี้นิยม                                                                            ที่คนรู้นิยม
 
http://www.navy.mi.th/rtc/sound/03_chompadu.html


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 12 เม.ย. 08, 18:28
You‘re my world, you‘re every breath I take
You‘re my world, you're every move I make
Other eyes see the stars up in the skies
But for me they shine within your eyes

As the trees reach for the sun above
So my arms reach out to you for love
With your hand resting in mine
I feel a power so divine

You‘re my world, you are my night and day
You‘re my world, you‘re every prayer I pray
If our love ceases to be
Then it‘s the end of my world for me

With your hand resting in mine
I feel a power so divine

You're my world, you are my night and day
You're my world, you're every prayer I pray
If our love ceases to be
Then it's the end of my world
End of my world
End of my world for me

http://www.youtube.com/watch?v=_T_XzZSfvio


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 14 เม.ย. 08, 04:27
November Rain
Guns N' Roses

When I look into your eyes
I can see a love restrained
But darlin' when I hold you
Don't you know I feel the same
'Cause nothin' lasts forever
And we both know hearts can change
And it's hard to hold a candle
In the cold November rain
We've been through this such a long long time
Just tryin' to kill the pain
But lovers always come and lovers always go
An no one's really sure who's lettin' go today
Walking away
If we could take the time to lay it on the line
I could rest my head
Just knowin' that you were mine
All mine
So if you want to love me
then darlin' don't refrain
Or I'll just end up walkin'
In the cold November rain

Do you need some time...on your own
Do you need some time...all alone
Everybody needs some time...on their own
Don't you know you need some time...all alone
I know it's hard to keep an open heart
When even friends seem out to harm you
But if you could heal a broken heart
Wouldn't time be out to charm you

Sometimes I need some time...on my
own Sometimes I need some time...all alone
Everybody needs some time...on their own
Don't you know you need some time...all alone

And when your fears subside
And shadows still remain, ohhh yeahhh
I know that you can love me
When there's no one left to blame
So never mind the darkness
We still can find a way
'Cause nothin' lasts forever
Even cold November rain

Don't ya think that you need somebody
Don't ya think that you need someone
Everybody needs somebody
You're not the only one
You're not the only one 


http://www.wherearepop.com/index.php?topic=5425.0                8)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 14 เม.ย. 08, 07:11
คุณพพไปขุดเพลงโปรดมา ทำให้นึกถึงเพลงนี้ค่ะ
เรื่องเกิดขึ้นสมัยเตรียมอุดม ดิฉันมีเพื่อนรักที่เป็นคนโรแมนติคมากๆ ชื่อโจอี้ บลู
เราเรียกความสัมพันธ์นี้ว่า sentimental friend แล้วเขาก็แปลเพลงนี้ให้ดิฉัน
On the floor, the people dance around
Moving close together
But there all alone in the corner
There's the girl I once knew
Who broke me in two.

So won't you please play a song
A sentimental song
For my sentimental friend over there.
We've been so long apart
Make it go right to the heart
Of my sentimental friend over there.
Bring the tears to her eyes
Help to make her realize
The love we had was just beyond compare.
And if the time is right
Maybe I'll held her tight
My sentimental friend over there.

I recall the way she used to feel
When we heard a sad song
The teardrops would fall
And she'd hold me
And tell me,
She'd be forever with me.
เพลงฮิตที่หาฟังยาก มีรายการหนึ่งที่ดีเจสนิทกันต้องเปิดเพลงนี้ให้ดิฉันฟังเกือบทุกวันค่ะ เพราะทราบว่าชอบ
ตอนนี้ ถ้ามีใครเปิดเพลงนี้ จะทำให้นึกถึงเขา ซึ่งเสียชีวิตตอนอายุแค่๓๑เท่านั้นเองค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 14 เม.ย. 08, 08:07
http://www.youtube.com/watch?v=UdkMRiGb3C4
วงนี้"เคย" ทำท่าจะกลายเป็นดาวค้างฟ้า มีเด็กหนุ่มหน้าตาหน้ารักเป็นนักร้องนำ
แต่ทำอีท่าใหนไม่รู้ ค่อยๆ จางหายไปเมื่อเจอกระแสร็อคดุๆ หลังวูดสต๊อค

แต่ยังมีเพลงหิตทิ้งไว้หลายชิ้น
วันนี้ ไม่มีนม(เป็นเพลงได้ด้วยแฮะ)
ไม่เต้นรำอีกแระ.....อันนี้มีวงแถวบ้านมาทำใหม่ หิตพอประมาณ

แต่ถ้าจะให้เลือกชอบ ขอเพลงนีดีฝ่า
http://www.youtube.com/watch?v=FsCkCxvLG1M


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 14 เม.ย. 08, 11:04
เขาไม่หนัก ก็เขาเป็นน้องผมเอง
....
ช่ายๆ เนื้อดี เพลงเพราะ ชอบมั่กๆค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 15 เม.ย. 08, 00:52
sentimental friend  or  sentimental girlfriend

อิอิ........... ;)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 15 เม.ย. 08, 11:15
he ain't heavy เป็นผลงานของ
Bobby Scott และ Bobby Russell (lyrics)
ร้องไว้ครั้งแรกโดย Kelly Gordon ในอัลบั้ม Defunked 1969

มือกีตาร์ของวง ฮอลลี่ส์ ไปเจอแผ่นเสียงนี้ เขาเอามาปรับใหม่ให้จังหวะเร็วและเร้าใจขึ้น มีการเติมวงออเคสตร้าเข้าไป
ของเดิม หนืดเหมือนเพลงสวด เพราะเป็น spiritaul country
มือปิอาโนรับจ้างในเพลงนี้ ได้ค่าแรง 12 ปอนด์ เขาผู้นี้...เอ่อ เธอ มากกว่า
ต่อมาใช้ชื่อว่า เอลตั้น จอห์น
ติดบิลบอร์ดอันดับหนึ่ง ในปี 1970

โจ ค๊อคเกอร์เจอเพลงนี้ก่อน แต่ไม่สน
ชื่อเพลงเป็นมอตโต้ของสถานเลี้ยงเด็ก Boys Town ของคุณพ่อ Edward Flanagan เมือง Omaha Nebraska


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 16 เม.ย. 08, 11:57
         แบกน้องชายสบายมาก ไม่หนักเลย  - เพลงประทับจิต สะเทือนใจใครต่อใครหลายคน

           เคยอ่านคอลัมน์เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง โดย จ.ย.ส. (อ. จินตนา ยศสุนทร ผู้ล่วงลับไปแล้ว)
เมื่อนานโข ท่านเขียนถึงความประทับใจที่มีต่อเพลงนี้ รายละเอียดจำไม่ถนัดแล้ว
           ดูเหมือนว่าท่านได้ไปเยือนบ้านอุปการะแห่งนี้ และไปยืนน้ำตารื้นต่อหน้าภาพวาด(หรือรูปปั้น)
พี่แบกน้องชาย


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 เม.ย. 08, 17:00
สเป็นเซอร์  เทรซี่ ได้ออสการ์จากการรับบท คุณพ่อฟลานิแกน ในเรื่อง Boys Town ที่เขาเล่นกับ Mickey Roony ปี1938 แล้วในปี1995 มิคกี้ ก็กลับมารับบทคุณพ่อต่อ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 เม.ย. 08, 17:20
คนเขียนเพลงๆนี้คือ บ็อบบี้ สก็อต เป็นนักแต่งคำร้องมือฉกาจของฮอลลีวู้ด แต่งเพลงประกอบและธีมภาพยนต์มากมาย ประวัติว่าเคยทำอาชีพเขียนคำโฆษณามาก่อนด้วย สมัยเรียนมหาลัยwashington, Missouri เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องกับนักเขียนนิยายชื่อดัง Sydney Sheldon และมีบางช่วงที่เป็นคู่แต่งคำร้องให้กับมือเพลงระดับ Quincy Jones
อำลาโลกใบนี้ไปตั้งแต่ปี 1970 ไม่นานหลังจากThe Hollies วงอังกฤษเอาเพลงนี้ไปร้องจนขึ้นอันดับหนึ่งที่อังกฤษ และอเมริกา ในปี1969
เนื้อเพลงว่างี้ค่ะ
The road is long
With many a winding turn
That leads us to who knows where
Who knows where

But I'm strong
Strong enough to carry him
He ain't heavy, he's my brother

So on we go
His welfare is of my concern
No burden is he, to bear
We'll get there
For I know
He would not encumber me
He ain't heavy, he's my brother

If I'm laden at all
I'm laden with sadness
That everyone's heart
Isn't filled with the gladness
Of love for one another

It's a long, long road
From which there is no return
While we're on our way to there
Why not share

And the load
Doesn't weigh me down at all
He ain't heavy, he's my brother
He ain't heavy, he's my brother.



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 เม.ย. 08, 18:05
เพลงนี้ ทำให้ดิฉันนึกถึงอีกเพลงค่ะ เพราะวง The Hollies มีคนเขียนเพลงชื่อ แกรม แนช คุณแนชน่ะ อยู่กับวงมานาน ปี 1968 เบื่อๆก็เลยออกไปชวน สติลส์ กับครอสบี้ จนฟอร์มเป็นวง ครอสบี้ สติลส์ แนชขึ้นมา ตอนนั้น คุณยังยังไม่มา
เพราะได้ผู้จัดการวงมือถึงอย่างเดวิด เกฟเฟน นักสร้างสรรค์เพลงวงนี้จึงตั้งหน้าตั้งตาทำเพลงดีๆออกมาในสไตล์ของตัวเองที่ตรงคำจำกัดความของโฟล์คร็อค เราจึงเป็นแฟนเพลงของวงนี้ ดิฉันเลือกเพลงนี้ของเขามาลงกระทู้ค่ะ

Teach Your Children
by Graham Nash

You Who Are On The Road
Must Have A Code
That You Can Live By
And So Become Yourself
Because The Past
Is Just A Goodbye.

Teach Your Children Well
Their Father’s Hell
Will Slowly Go By
And Feed Them On Your Dreams
The One They Picks
The One You’ll Know By.

Don’t You Ever Ask Them Why
If They Told You, You Wil Cry
So Just Look At Them And Sigh
And Know They Love You.

And You, (Can you hear and)
Of Tender Years (Do you care and)
Can’t Know The Fears (Can you see we)
That Your Elders Grew By (Must be free to)
And So Please Help (Teach your children what)
Them With Your Youth (You believe in)
They Seek The Truth (Make a world that)
Before They Can Die (We can live in)

Teach Your Parents Well
Their Children’s Hell
Will Slowly Go By
And Feed Them On Your Dreams
The One They Picks
The One You’ll Know By.

Don’t You Ever Ask Them Why
If They Told You, You Wil Cry
So Just Look At Them And Sigh
And Know They Love You.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 เม.ย. 08, 14:12
กลับมาแล้วค่ะ  สงกรานต์ไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้างคะ?

ขอกลับมาเรื่องเพลงสุนทราภรณ์
ในฐานะแฟนเพลงตั้งแต่ยุคคุณพ่อ ซึ่งชอบเปิดทีวีขาวดำช่อง ๔ บางขุนพรหม ดูรายการสุนทราภรณ์ที่เป็นรายการส่งท้ายของสถานี ในรอบดึก  ให้ลูกสาวได้ดูด้วย   
บัดนี้ ก็มาเป็น "ขุนพลเพลง" ของสุนทราภรณ์อีกคนหนึ่ง
ข้อนี้ คุณอติพรเธอรับรองเอง  ไม่ใช่ดิฉันถือวิสาสะประกาศตัว

ขอเล่าถึงประสบการณ์การแต่งเนื้อเพลงสุนทราภรณ์ดีกว่า
ก่อนหน้านี้เป็นแฟนเพลง รู้สึกแค่ว่าเพลงสุนทราภรณ์เพราะมาก  เพลงก็หลากหลายเป็นพันๆเพลง  ฟังเท่ไรไม่เบื่อและไม่ซ้ำ
แต่เมื่อมาเขียนเพลง  ต้องเปิดเพลงเก่าฟังซ้ำซากเป็นร้อยๆรอบกว่าจะได้มาสักเพลง  ก็ค้นพบว่า เพลงสุนทราภรณ์ มีอยู่มากที่เรียกได้ว่าเป็นบทกวีในตัว
โดยเฉพาะครูแก้ว อัจฉริยะกุล   ดิฉันไม่คิดว่าจะมีคนเขียนเพลงคนไหนที่พร้อมด้วยคุณสมบัติของกวียิ่งกว่าท่านไปได้



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 เม.ย. 08, 14:25
อย่างจุฬาตรีคูณ   ตีความจากบทประพันธ์ของนักเรียนชั้นม.ปลายรุ่นหนุ่มคนหนึ่ง  ชื่อฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ   ออกมาเป็นโอเปอเรตต้าไทยที่ไร้เทียมทาน
อย่างเพลง "จ้าวไม่มีศาล"  เป็นเพลงของเจ้าชายอริยะวัต ผู้ปลอมองค์พเนจรไปตามแคว้นต่างๆ 
แนะนำบทบาทตัวเอง สรุปที่มาที่ไปในเพลงเดียวได้ หมดจดครบถ้วนและอย่างสง่างาม

โอ้ เกิดมา                                ไอศูรย์ราชาของข้าก็ มี
แคว้นใดข้าไปทั่วในปฐพี              ข้าถือเป็นที่ ครอง นาน
ประเวศเขตแดนซอก ซอน       เที่ยวเร่สัญจร หา ดวงสมรนงคราญ
จากจร ที่กิน ถิ่น ฐาน                  จ้าวไม่มีศาล ขอ ทานเขากินสิ้นคน
ปรารถนา                                  พบดวงดารา เบื้อง บน
ถึงต้องทุเรศ อับ จน                    ทุกข์ใจจำทน กัด ฟัน

ข้า ปอง                   โฉมงามรูปทองน้องเอย
ขอเพียงชื่นชมชิดเชย         ดังที่เคยคิด มั่น
ทั้ง ดวงใจ                        พี่จะให้ไอศูรย์ร่วม กัน
ร่วมยศราชันย์          ร่วมขวัญข้าเอย

คำที่พิมพ์ไว้ด้วยสีต่างๆ คือคำที่สัมผัสกันในท่วงทำนองของกลอน (หรือกาพย์ยานี) ลงสีไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง คำที่สีเดียวกันคือคำที่สัมผัสกัน
คนที่แต่งกลอนเป็นจะดูออกค่ะ ว่าแค่หนึ่งเพลง ก็จะเห็นได้ว่าครูแก้วต้องหาคำมามากมายขนาดไหนกว่าจะลงสัมผัสกันได้ทุกท่อน  ไม่ขาดและไม่เกิน
ให้ได้ใจความสาระครบถ้วน และได้ยินสรรพเสียงที่ไหลรื่นเหมือนสายธาร ไม่มีสะดุด ไม่มีขาดตอน
นี่คือคุณสมบัติของบทกวี
คนที่จะคิดอย่างนี้ได้ ไม่ใช่เพลงเดียว   แต่มากมายเป็นร้อยเพลง ก็มีแต่กวี   เพลงเดียวหรือห้าหกเพลง ยังไม่ถึงขั้นกวี ค่ะ





กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 17 เม.ย. 08, 16:10
ครูแก้ว อัจฉริยะสมนามสกุลค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 20 เม.ย. 08, 11:32
       วันนี้คอลัมน์  บทความธรรมดา โดย หลวงเมือง จากนสพ.มติชน รำลึกเพลงสุนทราภรณ์ครับ

 http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01col02200451&day=2008-04-20&sectionid=0116

          ..... ได้รู้จักนักแต่งเพลงท่านหนึ่งคือ "ธาตรี" (วิชัย โกกิละกนิษฐ) ได้เห็นวิธีการแต่งเพลงของท่านโดยใกล้ชิด
เห็นครูเอื้อมาฮัมทำนองให้ฟังเพื่อให้ "ธาตรี" ใส่เนื้อร้องสอดคล้องกับทำนอง บุคลิกลักษณะของครูเอื้อควรแก่ความเคารพนับถือ

        ข้าพเจ้าได้ยินมาตั้งแต่เล็กๆ แล้วว่าในการแต่งเพลงนั้น ถ้า "รักทำนองต้องยอมเสียเนื้อ รักเนื้อต้องยอมเสียทำนอง"
แต่เพลงของสุนทราภรณ์นั้นมีนักแต่งเพลงที่ชำนาญภาษาและหนังสือไทยยอดเยี่ยม เพลงสุนทราภรณ์จึงมีทำนองและ
เนื้อร้องสอดคล้องกัน ไม่เพี้ยนเลย เนื้อเพลงที่เวลาร้องเพี้ยนจะยกตัวอย่างดังนี้ กล่าวคือ
           "ยิ้มเถิดยิ้มเถิดนะหยิ่ม...ยิมแยมแจ้มใส...ซุกซำรานบ่านใจ๊ คอไฮ้ซาหวัดดี๊" ดังนี้เป็นต้น

แต่ของสุนทราภรณ์จะร้องได้เลยว่า "พี่นี้มีน้องหนึ่งในดวงใจ...เท่านั้น" ร้องตามทำนองได้โดยที่เนื้อไม่เพี้ยนเลย
เนื้อเพลงของสุนทราภรณ์ มีคำที่หายากๆ เช่น "ออนซอน" ได้ฟังครั้งแรกข้าพเจ้าต้องรีบพลิกพจนานุกรมหาคำแปล
ต่อมาข้าพเจ้าก็เล่าให้ครูแก้วฟัง.....


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 เม.ย. 08, 00:26
ผมชอบเพลงรุ่น 1960' อยู่หลายเพลง เนื้อร้องง่ายๆ เด่นที่ทำนองอันเปี่ยมลีลา และการแยกเสียงประสานที่สุดอลังการณ์
นี่เป็นเพลงหนึ่ง
Vera Lynn(1952),  Kay Starr(1954)#1, Shirley Bassey(1959), Brenda Lee.(1959), Nana Mouskouri.(1965)
If You Love Me (Really Love Me)
music : Marguerite Monnot
lyrics : Geoffrey Parsons

If the sun should tumble from the sky,
if the sea should suddenly run dry
If you love me, really love me,
Let it happen I won't care

If a dream I fear should fall apart
I can still be smiling with my heart
If you love me, really love me,
Let it happen darling I won't care

Shall I catch a shooting star,
Shall I bring it where you are
If you only say you care
I can make a mountain fall
I'll do anything at all
As long as you are there

When at last my life on earth is through,
I will share eternity with you
If you love me, really love me,
Let it happen darling I won't care
--------------------
ผมเข้าใจเอาว่า ทางฝั่งเพลงไทยยุคที่ผมยังนุ่งผ้าอ้อม ก็เลิศไม่แพ้กัน
ทำไมมาตกต่ำอย่างทุกวันนี้ก็ไม่เข้าจายเหมียนกัล


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 25 เม.ย. 08, 00:52
ออนซอน  แปลว่า ชื่นชม  น่ายินดี  ครับ
สุนทราภรณ์มีเพลงที่ร้องแล้วฟังตลก(ในฐานะคนอิสาน)  แบบสำเนียงแปลกๆแต่ก็น่ารัก(โดยเฉพาะเสียงคุณศรีสุดา)  และมีภาษาอิสานทั้งเพลง  ว่ากันว่าหมายถึงอำเภอเกษตรสมบูรณ์  จังหวัดชัยภูมิ  แต่บ้านแต้  ผมเคยสอบถามดูไม่มีคนรู้จัก  แต่เพลงเร้าใจน่ารำวงดีครับ  คิดว่าหลายท่านคงเคยฟัง ... ;)

รำวงสาวบ้านแต้
พร้อม) เดี่ยนสามนกกาเหว่ามันฮ้อง
ยูงทองมันมาฮ้องไหว้วอน
หมู่หญิง) จากไปสวีวี่วี
หมู่ชาย) จากไปสวีวี่วี
หมู่หญิง) ถ้าบุญเฮามีคงจะได้เจอกัน
หมู่ชาย) ถ้าบุญเฮามีคงจะได้เจอกัน

หญิง) จากไปตั้งแต่วันตี้ห้า
หมู่หญิง) วันตี้ห้าเดือนกันยายน
หญิง) พอศอสองสี่เก้าเก้า
หมู่หญิง) พอศอสองสี่เก้าเก้า
หญิง) เจ้าสิอ่องไล้เด้อเฮ็ดเพ้อเซ่อถือกระด้งฟัดข้าว
เจ้าสิอ่องไล่แม่สาวบ้านแต่ขี่ซักขะยาน
หมู่หญิง) สาวบ้านแต่ขี่ซักขะยาน

ชาย) จดหมายไปสองซาบับ
ได้ฮับหรือเปล่าคนดี
จากไปสวีวี่วี
หมู่ชาย) จากไปสวีวี่วี
ชาย) ถ้าบุญสันมีคงจะได้เชยชม
หมู่ชาย) ถ้าบุญสันมีคงจะได้ชมเชย

ซ้ำ (สร้อย)
ชาย) สายัณห์ตะวันแล่แล่
สาวบ้านแต้ขี่รถซักขะยาน
ขี่ไปทุกถิ่นสถาน
หมู่ชาย) ขี่ไปทุกถิ่นสถาน
ชาย) ขี่รถซักขะยานไปกะสันไหมเธอ
หมู่ชาย) ขี่รถซักขะยานไปกะสันไหมเธอ
หญิง) เสียใจบ้านอยู่ไกลไปหน่อย
กล้วยอ้อยเป็นแต่ป่าสอนลอน
ขี่ไปจนหัวเข่าเหนื่อยอ่อน
หมู่หญิง) ขี่ไปจนหัวเข่าเหนื่อยอ่อน
หญิง) เป็นป่าสอนลอนคือเกษตรสมบูรณ์
หมู่หญิง) เป็นป่าสอนลอนคือเกษตรสมบูรณ์


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 25 เม.ย. 08, 02:43
อ่านคำร้องเพลงของบักกล้วยแล้วแอบหงุดหงิดครับ
ผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่ถูกผู้ใหญ่หลายท่านเตือนเสมอ ว่าคำว่า
"พ.ศ. 2499 ต้องอ่านว่าพุทธศักราช สองพันสี่ร้อยเก้าสิบเก้า"
ถ้าจะมาอ่านให้ได้ยินว่า พอ สอ สองสี่เก้าเก้า ล่ะ.... ตาตุ่มเขียว

เวลาอ่านภาษาอังกฤษก็ต้องอ่านสองพันแปด สองพันเก้า เหมือนกัน....
ไหงนักข่าวเดี๋ยวนี้เดินขบวนอ่าน สอง ศูนย์ ศูนย์ เก้า ซะหมดเลย.... ฮึ???
ที่ฝรั่งมันยังอ่านทูเต้าสั้นแอนด์นายได้เลย..... แย่จริง!!!  :-\


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 เม.ย. 08, 09:54
        If You Love Me เป็นหนึ่งในเพลงที่ไพเราะและสะเทือนใจที่สุด ครับ

         มีนักร้องหลายท่านนำมาร้อง ทางวิทยุบ้านเราที่นิยมเปิดกันเป็นเสียงของ Brenda Lee
เท่าที่ได้ฟังมาประทับใจ Elaine Paige เป็นที่สุด เธอร้องในละครเพลง(เรื่องราวชีวประวัติ) Piaf 
อย่างสะเทือนอารมณ์สมบูรณ์ตามแบบละครเพลง  ยูทูปมีคลิปที่เธอร้องบนเวทีรางวัล Olivier แต่ไม่ทราบว่า
ปัจจุบันยังอยู่หรือเปล่า เพราะเข้าเว็บนั้นไม่ได้

         เพลงนี้ แรกเริ่ม Edith Piaf นักร้องผู้เป็นตำนานของฝรั่งเศสร้อง(และแต่งเนื้อร้อง)
ในชื่อเพลง Hymne a la mour เป็นภาษาฝรั่งเศส และเธอยังร้องเป็นภาษาอังกฤษด้วยในชื่อ Hymn to Love
เพลงรักแสนเศร้านี้เธอแต่งอุทิศให้ยอดชายที่รักสุดชีวิตของเธอ ผู้จากไปด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบินในปี ๑๙๔๙
       ฟังทั้งสามแบบแล้ว ชอบ If You Love Me ที่สุดครับ     

       มีผู้หยิบยืมทำนองมาใส่เนื้อเป็นเพลงไทย  ร้องโดยคุณสวลี เคยได้ฟังนานมากแล้วทางวิทยุ สมัยที่
อาจารย์หมอพูนพิศ อมาตยกุลยังจัดรายเพลงไทยจากทำนองเพลงสากล ทางเอฟเอ็ม ๙๘.๕  ครับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 เม.ย. 08, 10:15
       If You Love Me - ถ้ารักฉันจริง จากเว็บบอร์ด arunsawat ครับ

(ไม่มีข้อมูลชื่อผู้แต่งเนื้อไทย)

        สุริยะจะดับสาดส่องสิ้นจากระวี
หรือรัชนีหยุดส่องสาดนภา
ให้เธอรักฉันจริงทุกสิ่งเถิดหนา
ฉันคงเป็นสุขสมฤทัย

        น้ำจะแห้งเดือดหยดหมดนที
โคลนเหลวไม่มี กลายเป็นเช่นผงไป
ถ้าเธอรักจริงๆ ทุกสิ่งไซร้
ฉันคงเป็นสุขเพราะน้ำใจของเธอ

        **โลกจะแตกแยกเป็นสอง
ก็ไม่เคยจะหม่นหมอง
จะเป็นทุกข์หรือนอนคลั่งเพ้อ
มีเธอนั้นฉันสุขใจ
ไม่ต้องการมีสิ่งใด
สุขกว่าใครเมื่อยามมีเธอ

        ฟ้าสว่างกระจ่างแจ่มพร่างนภา
ฉันคิดว่าจะสุขก็เพราะเธอ
ให้เธอรักฉันจริงทุกสิ่งเสมอ
ฉันมีเธอเป็นสุขกว่าใครทั้งหล้า


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 เม.ย. 08, 10:46
        ครั้งนั้น เพลงรำวงสาวบ้านแต้ ดังมากๆ เป็นที่นิยมทั้งแฟนเพลงสุนทราภรณ์ และบุคคลทั่วไป
นานนับปีแล้วเคยใช้กูเกิ้ลค้นเกี่ยวกับเรื่องราว ความหมายเพลงนี้ เช่น

          ตำแหน่งสถานที่ บ้านแต้ และเกษตรสมบูรณ์
          นกกาเหว่า นกยูงที่ยังร้องหาคู่อยู่ในเดือนสาม
          คำว่า สวีวี่วี เป็นคำท้องถิ่น หรือ หมายถึง(จากไปไกลถึง) สวี จ.ชุมพร
          คำแปล original soundtrack - เจ้าสิอ่องไล้เด้อเฮ็ดเพ้อเซ่อถือกระด้งฟัดข้าว ฯลฯ

มีกระทู้ของเว็บวิชาการด้วยครับ เมื่อปี ๒๕๔๔   http://www.vcharkarn.com/vcafe/4778   


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 25 เม.ย. 08, 12:11
อิอิ.........สวีวี่วี  หมายถึง  ไปอย่างสบาย, ไปแบบไม่ห่วงทางหลังอ่ะครับ  ไปโลด

เจ้าสิอ่งหลายเด้อ   อ่ง - แปลว่า หยิ่ง ,หรือทำเมินเฉย  ไม่รู้สึกรู้สมทำหน้าบานเฉยเมยเหมือนกระด้งที่เค้าใช้เลือกข้าวเปลือกออกอ่ะครับ

แหล่  แปลว่า ดำ  ครึ้ม(ใช้กับท้องฟ้า) ถ้าลูกคนไหนผิวดำมักจะได้ชื่อ บักแหล่ หรือ บักหำแหล่...  สายัณห์ตะวันแหล่ๆ

เสียงนกเสียงกา  มันจะบอกเวลาครับ  คนบ้านนอกจะใช้สัญชาตญาณของสัตว์เป็นสิ่งบอกเหตุแห่งอนาคต  ประมาณว่าอุตุนิยมแบบบ้านนอกครับ  เช่นถ้านกกาเหว่าร้อง  แปลว่าใกล้ฝนแรกจะตกมาแล้ว  คือจะตกประมาณเดือนสามเดือนสี่ครับ  หรือถ้ามดขนไข่ขึ้นที่สูง  แปลว่า น้ำจะมากอาจท่วมได้  หรือวันไหนไก่ตากปีก  ฝนตกแหงๆ  ถ้าดอกสาบเสือเริ่มบาน  แปลว่า ลมเหนือ(หนาว)มาแล้ว  ให้สาวๆรีบทอผ้าผวยผ้าห่มเตรียมไว้

อ้ายติบออย่างปวดเฮดเลยครับ  อิสานจริงๆก็บ่ได้เว้าดอกครับ  สองสี่เก้าเก้า  ส่วนมากจะเรียกเป็นปีชวด ฉลู  ค่ำแรม  เช่นถามว่า  ไปยามบ้านมื้อได๋(ไปเยี่ยมบ้านเมื่อไหร่)  ก็ตอบกันว่า  ออกใหม่สามค่ำเดือนสี่(ขึ้นสามค่ำเดือนสี่)  ยังใช้อยู่ครับ  การดูเดือน(พระจันทร์) ดูตะเว็น(ตะวัน) ดูสัตว์ต้นไม้  ยังเป็นวิถีชีวิตของชาวไร่ชาวนาอย่างพวกผมอยู่ตลอดครับ ................ ;)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 เม.ย. 08, 12:37
      ถามคุณกล้วยเรื่องนกร้องเดือนสาม ครับ ตรงที่เขาแปลความว่า เป็นนกหนุ่มที่เสียงไม่เพราะ
เลยหาคู่ทำรังไม่ได้สักที ยังต้องส่งเสียงร้องต่อเนื่องมาหลายเดือนจนถึงเดือนสาม 

       ย้อนกลับไป เนื้อเพลง  If You Love Me version ที่คุ้นเคยฟัง มีความแตกต่างจาก
เนื้อที่คุณพพ. แสดงไว้ ดังนี้ครับ

         If the sun should tumble from the sky
If the sea should suddenly run dry
If you love me, really love me
Let it happen, I won't care

If it seems that everything is lost
I shall smile, and never count the cost
If you love me, really love me
Let it happen, darling, I won't care

Shall I catch a shooting star?
Shall I bring it where you are?
If you want me to, I will

You can set me any task
I'll do anything you ask
If you'll only love me still

When at last our life on earth is through
I shall share eternity with you
If you love me, really love me
Then whatever happens, I won't care

If you love me, really love me
Then whatever happens, I won't care
     


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 เม.ย. 08, 13:50
   ฟังเพลง If You Love Me จากเสียง Brenda Lee และ

                ถ้ารักฉันจริง เสียงคุณสวลี ได้ที่นี่ ครับ

http://www.geocities.com/wilaip/eng_song36.html


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 เม.ย. 08, 15:32
ฉบับที่ผมกำลังฟัง เป็นของ starr ขึ้นอันดับหนึ่งบิลบอร์ดในปี 1954
เนื้อร้องนั้น ผมได้มาจากเวบหนึ่ง แต่แรกก็เห็นว่าตรงกับที่ฟัง พอคุณ SILA ทัก ได้ตรวจสอบใหม่
พบว่า มีเพี้ยนจากที่ลงไว่หนึ่งคำครับ คือท่อนที่บอกว่า
Shall I catch a shooting star, Shall I bring it where you are

คุณป้าสตารร ร้องว่า
Shall I catch a shooting star, I can bring it where you are
นอกนั้นตรงหมดครับ หมายความว่า เพลงนี้คงมีหลายเนื้อ

ผมประทับใจเพลงนี้ ตั้งแต่เมื่อรู้ภาษาอังกฤษ เดิมทีนั้น ก็ฟังออกนิดหน่อย แต่ทำนองนั้นจับใจยิ่งนัก โดยเฉพาะท่อนแยก
พอรู้เนื้อ ก็นับถือว่า คนที่เขียนอะไรอย่างนี้ได้ คงไม่สามารถเสแสร้ง สร้างคำหวานมาใส่หูเรา
จะต้องมีความสัตย์ซื่อ คำระดับนี้จึงมาถึงความคิดคำนึงได้

อยากจะเทียบกับคำของสุนทรภู่ที่ว่า แม้นม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร....ความหมายใหญ่โตโอฬารระดับเดียวกัน
แต่เพลงนี้ใช้คำที่ธรรมดาสามัญเท่านั้น


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 เม.ย. 08, 15:41
คุณป้าสตาร เมื่อ 2007
http://www.youtube.com/watch?v=JbaNPhHny64&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 เม.ย. 08, 16:42
        เนื้ออังกฤษเพลง ถ้าเธอรักฉัน  รุ่นแรกเป็นแบบที่คุณพพ. ได้สำแดงไว้ ส่วนรุ่นที่สองก็เป็นแบบ
ที่ตามมา ซึ่งเมื่อนักร้องนำมาร้องต่อๆ กันไป บางคนก็ร้องเพิ่มหรือลดคำบางคำไปบ้าง

         น่าจะเป็นลิ้งค์ยูทูบของเพลงนี้โดย Elaine Paige ครับ แต่เข้ายูทูบไปเช็คไม่ได้

         www.youtube.com/watch?v=J-9vftfgadE 



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 เม.ย. 08, 18:26
แปลกใจ ยูทู้ปเข้าได้นานแล้วนี่ครับ ผมตามลิ้งค์ที่ให้ ยังไปเจอเสียงของต้นตำหรับหลายเพลงเลยครับ
-----------------
วิกี้ให้รายละเอียดคนเขียนเนื้ออังกฤษเพลงนี้ไว้
เขาชำนาญในการใส่เนื้ออังกฤษแก่เพลงต่างด้าว

Lyrics credited to Parsons alone
If You Love Me (Really Love Me)
La Seine
Lyrics credited to Turner and Parsons
Auf Wiederseh'n Sweetheart
Mama
Oh! My Pa-Pa based on the German language song O Mein Papa by Paul Burkhard,
under the pseudonym "John Sexton".
Smile
Lyrics credited to Turner, Parsons, and another collaborator
The Little Shoemaker based on the French language song Le petit cordonnier, with Nathan Korb.
Eternally, the words credited to Geoffrey Parsons & John Turner; the music credited to Charles Chaplin.

แต่ละเพลงที่เขาแต่งนั้น มีค่าควรเมืองทีเดียว Eternally ก็เป็นอีกเพลงโปรดของผม เมื่อเริ่มหัดฟังเพลง
มารู้เมื่อไม่นานนี้เองว่า พ่อชาลี แลปลิ้น เอ้ย แชปลิ้น เป็นคนให้ทำนอง
หวานราวอกร่องหน้าร้อน

ส่วนนี้ได้จากฐานข้อมูลภาพยนตร์
http://www.imdb.com/name/nm0663824/Soundtrack:
Goal II: Living the Dream (2007) (performer: "AVE MARIA")
"Great Performances" (1 episode, 2005)
    - Michael Bublé: Caught in the Act (2005) TV episode (writer: "Smile")
Mona Lisa Smile (2003) (writer: "Smile")
Hope Floats (1998) (writer: "Smile")
The Butcher Boy (1997) (writer: "OH MEIN PAPA")
Faithful (1996) (writer: "Eternally")
My Girl 2 (1994) (writer: "SMILE")
The Innocent (1993) ("OH MEIN PAPA")
... aka ...und der Himmel steht still (Germany)
"The Simpsons" (1 episode, 1991)
    - Like Father, Like Clown (1991) TV episode (lyrics: "O Mein Papa")
Last Exit to Brooklyn (1989) (writer: "O! My Papa")
... aka Letzte Ausfahrt Brooklyn (West Germany)
Distant Voices, Still Lives (1988) (writer: "Oh, Mein Papa")
Nothing Lasts Forever (1984) (lyrics: "Oh! My Pa-Pa")
Smile (1975) (writer: "Smile")
Carry on Spying (1964) ("Too Late")
... aka Agent Oooh!
The Main Attraction (1962) (lyrics: "Amore Baciami")
Subway in the Sky (1959) ("Love Isn't Love")
The Moonraker (1958) (lyrics: "The Moonraker" song)
The Good Companions (1957) (writer: "The Good Companions", "Where There's You, There's Me", "If Only", "This Kind of Love", "Today Has Been a Lovely Day', "'Round the World in Eighty Minutes", "Playout (The Good Companions)")
Modern Times (1936) (lyrics: "Smile")


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 เม.ย. 08, 18:43
อีกหนึ่งเพลงที่กลายเป็นดาวประกายพรึกของฟากฟ้าเพลงร้องสมัยใหม่
ได้ยินอาจารย์ถามถึง เมื่อหลายวันก่อน
Someone to Watch Over Me (1926)
ฝีมือสองพี่น้องเกิชวิน (composed George Gershwin lyrics Ira Gershwin)

วิกี้ให้ชื่อคนร้องไว้เป็นหางว่าว ขอมอบให้คุณ SILA เล่าความประทับใจต่อไปครับ
ผมลอกมาลง โดยมิได้แยกว่า บางส่วนเป็นเพลงแจ๊สชนิดบันเลงล้วนนะครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Someone_to_Watch_over_Me_(song)

Larry Adler Julie Andrews
Chet Baker Michael Ball Jodi Benson Mr. Acker Bilk Chris Botti Les Brown Donald Byrd
Benny Carter Rosemary Clooney Nat King Cole Eddie Condon and His Orchestra Ray Conniff
Nikka Costa Bing Crosby
Sammy Davis, Jr. Doris Day Blossom Dearie
Sheena Easton Roy Eldridge
Georgie Fame Michael Feinstein Ella Fitzgerald  Helen Forrest Art Garfunkel
Errol Garner Stéphane Grappelli
Coleman Hawkins Dick Haymes Al Hirt Lena Horne
Etta James Joni James Keith Jarrett Elton John Etta Jones Jack Jones Rickie Lee Jones
Kathy Kirby Gladys Knight
Melissa Manchester Al Martino
Willie Nelson
Sinéad O'Connor Renee Olstead
Oscar Peterson Bud Powell
Della Reese Linda Ronstadt Royal Philharmonic Orchestra
Artie Shaw and His Orchestra George Shearing Don Shirley Dinah Shore Nina Simone
Frank Sinatra Keely Smith Jeri Southern Dusty Springfield Rod Stewart Sting Donna Summer
Art Tatum Kiri Te Kanawa Stanley Turrentine
Sarah Vaughan
Fats Waller Lawrence Welk Margaret Whiting Lee Wiley Nancy Wilson Teddy Wilson Denny Wright


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 เม.ย. 08, 18:56
ขอแถมอีกหน่อยว่า ผมมีเพลงติดอันดับบิลบอร์ดตั้งแต่ 1951-2007 อยู่
พวกเพลงหลังยุค 80 นั้น ผมมิได้สนใจแล้ว แต่คิดว่าบาญชีอย่างนี้ น่าจะทำแก่เพลงไทยเหมือนกัน
แม้ว่าเราจะไม่มีการจัดอันดับ แต่แค่ได้รู้ว่า เพลงใด แต่งเมื่อใด เผยแพร่เมื่อใด โดยใคร
ก็อาจจะทำให้นักแต่งเพลงในอดีตของเรา ได้รับการยกย่องกลับคืนมาบ้าง ไม่มากก็น้อย

ถ้าจะมีใครได้ทำอย่างที่ว่าไว้แล้ว ก็ขอคารวะ และกรุณาชี้ทางไปพบด้วย
เพื่อนคนหนึ่ง เคยหาเพลงของคำรณ มาให้ 5 แผ่นซีดี คิดเป็นกว่าครึ่งร้อย น่าจะอายุในราวกึ่งพุทธกาล
ก็ถือว่าเป็นหมุดเวลาดอกใหญ่ของการแต่งเพลงไทย
เพลงของคำรณนั้นเข้มข้น และไม่น่าเชื่อว่าจะร้องออกมาเป็นเพลงได้
ทุกคำเป็นความจริงจนเหมือนสารคดี แต่ฟังไปแล้วก็สะเทือนใจไม่น้อย

บาญชีบิลบอร์ดปี 1951 เป็นดังนี้ครับ
------------
01. Nat King Cole - Too Young
02. Tony Bennett -  Because Of You
03. Les Paul And Mary Ford -  How High The Moon
04. Rosemary Clooney -  Come On-A My House
05. Mario Lanza -  Be My Love
06. Weavers -  On Top Of Old Smokey
07. Tony Bennett -  Cold Cold Heart
08. Perry Como -  If
09. Mario Lanza - The Loveliest Night Of The Year
10. Patti Page -  The Tennessee Waltz
11. Frankie Laine -  Jezebel
12. Tony Martin -  I Get Ideas
13. Les Paul & Mary Ford -  Mockin' Bird Hill
14. Patti Page -  Mockin' Bird Hill
15. Guy Mitchell & Mitch Miller -  My Heart Cries For You
16. Eddy Howard -  (It's No) Sin
17. Vaughn Monroe & His Orchestra -  Sound Off
18. Dinah Shore -  Sweet Violets
19. Les Paul & Mary Ford -  The World Is Waiting For The Sunrise
20. Guy Mitchell & Mitch Miller -  My Truly, Truly Fair
21. Four Aces -  (It's No) Sin
22. Debbie Reynolds & Carleton Carpenter -  Aba Daba Honeymoon
23. Frankie Laine -  Rose, Rose I Love You
24. Del Wood -  Down Yonder
25. Billy Eckstine -  I Apologize
26. Patti Page -  Would I Love You
27. Perry Como -  You're Just In Love
28. Ames Brothers & Les Brown -  Undecided Coral
29. Phil Harris -   The Thing
30. Les Baxter -   Because Of You


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 25 เม.ย. 08, 19:55
ออนซอน ไม่ได้แปลว่า อรชร หรือครับ

อย่างในเพลงลาวเจริญศรี

อายุเยาวเรศรุ่นเจริญศรี
พระเพื่อนพี่แพงน้องสองสมร
งามองค์งามทรงอรชร (อ่อนซ้อน)
ดังอัปสรหยาดฟ้าลงมาเอย


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 26 เม.ย. 08, 00:03
ขออนุญาตตอบคุณศิลานะครับ  ตามที่เห็นเค้าแปลกันอย่างนั้น  คงไม่ใช่เสียงไม่เพราะหรอกครับ  ถ้าว่าตามธรรมชาติของนกยูงก็ต่อสู้กันเพื่อแย่งตัวเมีย  หรือแสดงอำนาจเพื่อครอบครอง  แล้วตัวที่ไร้คู่(อย่างนายกล้วย)ก็ต้องร้องไหว้วอนคล้ายขอความเห็นใจเพื่อจะมีนกสาวๆหลงคู่มาได้ยินบ้างอ่ะครับ  ร้องจนถึงฤดูวางไข่ก็มีแล้วเลิกกัน  เพราะต่างก็สร้างครอบครัวกันไป

ออนซอน  ไม่ใช่ อรชรอ้อนแอ้น  แน่นอนครับ   และเพลงลาวเจริญศรีก็ไม่ใช่เพลงภาษาอิสานหรือภาษาลาว..... :o

Love is all around

I feel it in my fingers, I feel it in my toes
Love is all around me and so the feeling grows
It's written on the wind, it's everywhere I go
So if you really love me, come on and let it show
You know I love you I always will
My mind's made up by the way that I feel
There's no beginning, there'll be no end
'Cause on my love you can depend
I see your face before me, as I lay on my bed
I kinda get to thinking of all the things we said
You gave a promise to me, and I gave mine to you
I need someone beside me in everything I do
You know I love you I always will
My mind's made up by the way that I feel
There's no beginning, there'll be no end
'Cause on my love you can depend
It's written on the wind, it's everywhere I go
So if you really love me,
come on and let it show
Come on and let it show

เพลงของวงดนตรีชื่อแปลกชาวสก๊อต WET WET WET ของวงยุค 60s ที่ชื่อ The Troggs  มาทำใหม่จนโด่งดังกว่าเดิมที่ร้องไว้หลายเท่า  เพลงนี้ดังไปทั่วโลก  ไม่เว้นแม้ในไทย  ผมว่าเป็นเพลงที่เหมาะกับยุคนี้ที่คนควรมีความรักต่อกันมากๆ.... :D  :D  :D
ชม MV ได้ที่นี่ครับ  http://video.mthai.com/player.php?id=14M1185200181M0


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 เม.ย. 08, 11:45
        ขอบคุณคำตอบจากคุณกล้วยครับ

         คุณพพ. พาย้อนไปไ..ก..ลโข   

         ปู่ Charlie Chaplin ฝากเพลงไพเราะเป็นอมตะไว้ให้ร้อง ให้ฟังถึงทุกวันนี้ -   

         Smile (หนัง Modern Times) ชอบที่สุด เนื้อร้องถ่ายทอดด้วยเสียงสวรรค์ของปู่ Nat King Cole ช่วยปลอบใจ
ยามทุกข์ ยามผิดหวังมาตั้งแต่ครั้งเป็นนักเรียนมัธยม มักจะฟังหรือร้องตามด้วยเพลง Pretend ของปู่แน็ท(อีก)
จบแล้วจะพบว่าความทุกข์จางบางเบาลงไป และอยากไหว้ขอบคุณคุณปู่
         Eternally (Limelight) นึกถึงเมื่อไร ได้ยินเสียงคุณยาย Sarah Vaughan ก้องกังวาน เหมือนกับเมื่อนึกถึงเพลง
         This Is My Song (A Countess from Hong Kong) ก็ได้ยินเสียงคุณป้า Petula Clark แว่วมาแต่ไกล 


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 26 เม.ย. 08, 20:49
วันนี้ได้ฟัง smile ของLisa Ono ไปสามสี่รอบได้ครับ
ผมว่าก็เบาๆ น่าฟังไปอีกแบบนะครับ อิอิ

นอกจากเวอร์ชั่นลุงแนต (ที่มิใช่น้องแนต - จะมีใครจำน้องแนตได้บ้างม่ะเนี่ยะ)
นายติบอมีอีกเวอร์ชั่นนึงที่จำติดหูเวลานึกถึงเพลงนี้คือเวอร์ชั่นของป้าบาร์ป
ต่างกันตรงที่ลุงแนตร้องแล้วเหมือนมีใครซักคนมาให้กำลังใจเรา
แต่ป้าบาร์ปร้องแล้วนายติบอว่าฟังเหมือนเธอร้องให้กำลังใจตัวเองไปหน่อย  :)




เอาเนื้อเพลงเวอร์ชั่น Lisa Ono มาฝากครับ


Smile though your heart is aching
Smile even though it's breaking
When there are clouds in the sky
You'll get by
If you smile through your fear and sorrow
Smile and may be tomorrow
You'll see the sun come shining through for you

Light up your face with gladness
Hide every trace of sadness
Although a tear may be ever so near
That's the time you must keep on trying
Smile, what's the use of crying
You'll find that life is still worth while
If you just smile

Just smile...



ปล. จำได้ว่าเคยร้องเพลงนี้ให้เพื่อนคนหนึ่งตอนเธออกหัก.......
แต่ตอนนี้นายติบออกหัก... จะมีใครมาร้องให้นายติบอฟังบ้างมั้ยว๊า...... งุงิ :'(


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 26 เม.ย. 08, 22:46
ขอมอบเพลงนี้ให้อ้ายติบอ

เพลง  อกหักซ้ำบ่อยๆ

ศิลปิน  เสรีย์ รุ่งสว่าง

รหัสเพลง  05188

อกหักซ้ำบ่อยๆ
เสรีย์ รุ่งสว่าง

...ยอม รับว่าซื่อ เกินไป
ฮื้อ...ใจจึงช้ำบ๊อย บ่อย
ก่อน ตายฉันคงช้ำไป ครึ่งร้อย
อกหักซ้ำบ๊อย บ่อย
ถูกปล่อยให้ ตรมอุรา
ยอม รับว่าจน เงินทอง
ฮื้อ...มองไม่เห็นคุณ ค่า
ผู้ หญิงเขาจึงไม่เคย ชายตา
จะมีแค่ เพียงว่า
ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป
อยากรู้ ค่าที่ผู้หญิงบูชา
น้ำใจ หรือว่าเงินตรา
หรือศักดิ์ นายิ่งใหญ่
ขี้เหร่ ใจซื่อ
กับรูปหล่อ ใจร้าย
ใคร จะต้องร้องไห้
ใคร จะให้ความรัก
ยอม รับความรัก แท้จริง
ฮื้อ...เป็นสิ่งหาได้ ยาก
ซื่อ ตรงนั้นคงไม่พอ ให้รัก
สิ่ง ที่หญิงตระหนัก
คนรัก จะต้องหล่อรวย
..ยอม รับความรักแท้จริง
ฮื้อ...เป็นสิ่งหาได้ ยาก
ซื่อ ตรงนั้นคงไม่พอ ให้รัก
สิ่ง ที่หญิงตระหนัก
คนรัก จะต้องหล่อรวย

เข้าไปร้องแก้กลุ้มได้ที่นี่ครับ........ :'(  :'(  :'(
http://www.music4thai.com/music/lyric/?sid=5188

ปล. หวังว่าคงไม่ได้อกหักจากน้อง น. นะครับคุณพี่


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 เม.ย. 08, 12:39
          เมื่อสิบกว่าปีแล้ว มีอัลบั้ม The Glory of Gershwin featuring Larry Adler*
รวมเพลงเอกของจอร์จ นำมาร้องใหม่(ปู่แลร์รี่เป่าเมาธ์ ออร์แกน) โดยนักร้องดังมากมายคนละเพลง
ยกเว้นป้าเอลตั้น จอห์นคนพิเศษร้องมากกว่าใคร. ป้าร้อง Our Love Is Here To Stay และ 
Someone To Watch Over Me
          เพลง Someone ซึ่งเนื้อร้องฝันๆ สาวๆ เมื่อ ป้าเอลตั้น หรือนักร้องชายอื่นนำมาร้อง(โดยปรับเนื้อบางคำ)
ฟังยังไงก็ไม่ใช่ ครับ

            จำได้ว่าเคยรู้สึก โอ้ โห เมื่อดูและฟังเพลงนี้จากไตเติ้ลหนังชื่อเดียวกัน บนจอโรงหนังฉายให้เห็น
ภาพทางอากาศของนิวยอร์คยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกแพรวพราว เสียงเพลง ใครสักคน จาก Roberta Flack
ไพเราะล้ำ
            ในบรรดานักร้องหญิงที่ร้องเพลงนี้ คงต้องยกให้คุณย่า Ella Fitzgerald มาก่อนใคร
บนปกซีดีมีข้อความ : Ira Girshwin(ผู้พี่ ผู้ให้คำร้อง)กล่าวไว้ว่า - ผมไม่รู้ว่าเพลงของเราดีขนาดไหน
จนกระทั่งได้มาฟังเธอร้อง

            George Gershwin (จากไปแต่วัยคุณอา - ๓๘ ปี ด้วยโรคเนื้องอกในสมอง ทำให้คงความเป็นหนุ่มไว้ไม่มีแก่)   
          อาจอร์ชฝากผลงานเพลงอมตะที่ใส่คำร้องโดยพี่ชาย Ira ไว้มากมาย เป็นคู่คีตศิลปินที่ชวนให้นึกถึง
ครูเอื้อและครูแก้วของไทย
            ได้ฟังเพลงอาจอร์จครั้งแรกก็ติดใจ เป็นรักแรกฟังจนต้องติดตามซื้อหาฟังต่อๆ ไป
            ในศตวรรษที่ผ่านไป อเมริกามีนักแต่งเพลงเอกมากมาย แต่นักวิจารณ์ นักฟังเพลงส่วนหนึ่งจะเอียงใจให้คุณอา
มากกว่านักแต่งเพลงท่านอื่นอย่างเช่น Cole Porter, Richard Rodgers ด้วยเหตุผลว่าคุณอาแต่งเพลง
Rhapsody in Blue ด้วย
           เพลงของคุณอาถูกนำมาร้อง บรรเลง เปิดทางวิทยุ ถูกนำไปใช้ในหนัง ในโฆษณา ต่อๆ ไป.. ไม่สูญ
 
*  คุณปู่แลร์รี่ เป็นเพื่อนนักดนตรีกับคุณอาจอร์จ มีฝีมือปากเป่า mouth organ ล้ำเลิศ และได้รับการยกย่อง
ในฐานะผู้ที่นำ "ของเล่นจากสนามเด็กเล่น" ขึ้นเป็นเครื่องดนตรีในหอแสดงคอนเสิร์ท   

Ira & George Gershwin


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pakun2k1d ที่ 29 เม.ย. 08, 08:58
A song for you

I've been so many places in my life and time
I've sung a lot of songs I've made some bad rhyme
I've acted out my love in stages
With ten thousand people watching
But we're alone now and I'm singing this song for you

I know your image of me is what I hope to be
I've treated you unkindly but darlin' can't you see
There's no one more important to me
Darlin' can't you please see through me
Cause we're alone now and I'm singing this song for you

You taught me precious secrets of the truth witholding nothing
You came out in front and I was hiding
But now I'm so much better and if my words don't come together
Listen to the melody cause my love is in there hiding

I love you in a place where there's no space or time
I love you for in my life you are a friend of mine
And when my life is over
Remember when we were together
We were alone and I was singing this song for you

You taught me precious secrets of the truth witholding nothing
You came out in front and I was hiding
But now I'm so much better and if my words don't come together
Listen to the melody cause my love is in there hiding

I love you in a place where there's no space or time
I love you for in my life you are a friend of mine
And when my life is over
Remember when we were together
We were alone and I was singing this song for you
We were alone and I was singing this song for you

http://www.youtube.com/watch?v=7sXGT0WhFnU&feature=PlayList&p=A72F701DC6A073AC&index=0

ขอฝากเพลงนี้ไว้ด้วยนะคะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 เม.ย. 08, 10:31
เว้นจากกระทู้นี้ไปนาน   เพิ่งจะมีโอกาสกลับมาร่วมวง

การแต่งเนื้อร้องจากทำนองที่มีอยู่แล้ว ของคุณครูเอื้อ ทำให้ตระหนักว่าไม่ใช่ง่ายๆเลย   เพราะภาษาไทยมีวรรณยุกต์กำกับแต่ละคำ ตายตัว
เมื่อจะเอาคำให้ลงกับโน้ตดนตรี ซึ่งแต่ละตัวก็มีเสียงกำกับอยู่เหมือนกัน จึงไม่ใช่ของง่าย
ไปฝืนเอาคำที่ไม่ลงกับโน้ตดนตรี มาเขียน  ก็เป็นการ"โกงโน้ต" อย่างที่คุณ "เพื่อนพระเอก" เคยบอกไว้
ถ้าไม่โกงโน้ต ก็ต้องหาคำภาษาไทยมาลงให้ได้จนหมดเพลง

คนเขียนเนื้อเพลง   จึงต้องมีคลังคำภาษาไทยไว้ในสมองมากพอควร   ถ้าคำนี้ลงกับเสียงโน้ตไม่ได้ ก็ต้องนึกหาคำอื่นที่ความหมายใกล้เคียงกันมาแทน
ไม่ใช่ว่าคิดได้อยู่แค่หนึ่งคำต่อหนึ่งโน้ต  ไม่งั้นจะโกงโน้ตกันพราวไปหมด
หรือไม่ทั้งเพลงก็จะมีเนื้ออยู่แค่ประโยคสองประโยค     วนไปวนมาอยู่จนจบเพลง


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 เม.ย. 08, 12:24
อีกอย่างหนึ่งของเพลงก็คือ  เราฟังถ้อยคำผ่านหูไปเพียงสั้นๆ ประมาณ ๓ นาทีจบ
เพราะงั้นฟังหนเดียว ต้องจับความหมายของคำได้ทันที     ไม่มีโอกาสจะไปตรึกตรองตีความคำนั้นอยู่อีกครึ่งช.ม. แล้วค่อยนึกออก ก่อนมาฟังท่อนต่อไป
เพราะตอนนั้นเพลงก็จบไป ๒๗ นาทีแล้ว

เพลงที่โดนใจคนอ่าน  จึงควรจะใช้คำให้คนรู้เรื่องได้ในการฟังเที่ยวแรก
ส่วนจะไปตีความยังไงทีหลัง เมื่อฟังจบเพลงแล้ว เป็นอีกเรื่อง
คนไทยมักจะฟังเพลงที่ไม่ต้องตีความอะไรมากนัก    ไม่ชอบเพลงมีสัญลักษณ์ซับซ้อน   ถ้ามีสัญลักษณ์ก็ต้องเข้าใจได้ง่ายว่าหมายถึงอะไร หรือใคร

ด้วยเหตุนี้เพลงจากบทกวี จึงต้องเอามา" ถอด" และ "ย่อย" ให้ง่ายอีกชั้นหนึ่ง  เพราะบทกวีมักจะเป็นการโชว์ฝีมือกวี 
บางคนก็นิยมเล่นคำ หรือแฝงความหมายลึกล้ำ  ไม่ชอบเขียนอะไรง่ายๆ  เดี๋ยวจะกลายเป็นบทกล่อมเด็กไป

หลังๆนี้ดิฉันเอาบทกวีมาแปลงเป็นเพลง  พบว่าต้อง"ย่อย" ออกมาให้ง่ายกว่าเนื้อความเดิม  บางทีก็เลยหวั่นๆอยู่เหมือนกัน
ว่าเราจะทำได้ไม่ดีเท่าที่มาของเพลง  แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง  เจอข้อจำกัดแบบที่เล่ามานี่ละค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 เม.ย. 08, 12:32
ลองทำการบ้านเล่นๆดูสักข้อไหมคะ  สำหรับคนที่หัดตีความบทกวี
เอามาลงให้ดูเป็นตัวอย่างบทหนึ่ง   ลองอ่านดูแล้วค่อยตอบคำถามท้ายบทนะคะ

บทนี้ชื่อ "เพลงนกจาก" (คำว่า "นกจาก" เป็นชื่อเพลงไทยเดิม  ค่ะ)

เพลงนกจาก

ถวิลหาบ้านสีขาวในเงาไม้               กลางกลีบใบรายล้อมเหมือนกล่อมขวัญ
ร่ำระรินกลิ่นบุหงาลดาวัลย์                คลี่กลีบสรรค์เสกรักอักษรา
ตะวันต่ำ ค่ำเหงา ให้เศร้าลึก                บ้านผนึกลงสลักแน่นหนักหนา
ยิ่งมองหายิ่งหายจากสายตา                เงาพฤกษาปิดทางขวางกั้นไกล
โอ้คืนค่ำน้ำค้างตกนกขมิ้น                ต้องโบยบินจากถิ่นแผ่นดินใหญ่
เจ้านกจากแต่ตัวทิ้งหัวใจ       ไว้ที่คาคบไม้นอกชายคา
เดือนคล้อยต่ำ ดาวตก นกเริ่มร้อง      ฝากทำนองแฝงเล่ห์เสน่หา
เพลงนกจากแทนคำจำนรรจา      กล่อมสนิทนิทรามามอบเธอ

คำถามก็คือ
๑) บทกวีนี้ ผู้แต่งแสดงอารมณ์อะไร
๒) ถ้าถามว่า ความหมายของบทกวีนี้คืออะไร   ขอให้เขียนคำแรกที่ผุดขึ้นมาในสมอง   ไม่ต้องอธิบายยาว
๓) ในเพลงนี้ มีคนอยู่กี่คน
๔) climax ของบทกวี อยู่ตรงไหน
๕) ตอนจบของเรื่องนี้ เป็นยังไง จบดีหรือไม่ดี

ทั้งหมดนี้ไม่มีถูกหรือผิด    เป็นแบบฝึกหัดว่าคุณ "จับ" เรื่องได้หรือไม่  หรือจับได้แบบไหนเท่านั้นค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 เม.ย. 08, 12:41
แถมเกร็ดให้หน่อยค่ะ
ถ้าสนใจจะฟังว่าท่วงทำนองเพลงไทยเดิม นกจาก เป็นยังไง ฟังได้ที่นี่
http://www.ijigg.com/songs/V2B0D4CDPD

เนื้อร้องจากวรรณคดี พระอภัยมณี  ตอนพระอภัยมณีเป่าปี่สะกดทัพนางละเวง  เป็นเพลงปี่ครั้งสำคัญที่สุดในเรื่อง
สุนทรภู่ได้อิทธิพลมาจาก เพลงปี่ของเตียวเหลียง จากวรรณคดีจีนเรื่อง "ไซ่ฮั่น" พระนิพนธ์กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ในรัชกาลที่ ๑

พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต
ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง
ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง
อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย
ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้
ร่ำพิไรรัญจวนหวนละห้อย
โอ้ยามดึกดาวเคลื่อนเดือนก็คล้อย
น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร
หนาวอารมณ์ลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น
ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร
แสนสงสารบ้านเรือนเพื่อนที่นอน
จะอาวรณ์อ้างว้างอยู่วังเวง”
 


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 29 เม.ย. 08, 14:08
ชอบกลอนท่อนนี้มากค่ะ

หนาวอารมณ์ลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น
ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร
แสนสงสารบ้านเรือนเพื่อนที่นอน
จะอาวรณ์อ้างว้างอยู่วังเวง”


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 30 เม.ย. 08, 00:31
ขออนุญาตตอบครับ
๑) บทกวีนี้ ผู้แต่งแสดงอารมณ์อะไร
เศร้าเหงา
๒) ถ้าถามว่า ความหมายของบทกวีนี้คืออะไร   ขอให้เขียนคำแรกที่ผุดขึ้นมาในสมอง   ไม่ต้องอธิบายยาว
คิดถึงคนรัก
๓) ในเพลงนี้ มีคนอยู่กี่คน
สองคน
๔) climax ของบทกวี อยู่ตรงไหน
โอ้คืนค่ำน้ำค้างตกนกขมิ้น                   ต้องโบยบินจากถิ่นแผ่นดินใหญ่
๕) ตอนจบของเรื่องนี้ เป็นยังไง จบดีหรือไม่ดี
ไม่ดีครับ

แหะๆ  จับได้แค่นี้ครับท่านอาจารย์  แต่ดูลำนำของท่านอาจารย์แล้วทำให้นึกถึงเพลง  แสงจันทร์ครับ

 
แสงจันทร์กระจ่าง ส่องนำทางสัญจร
คิดถึงนางฟ้าอรชร ป่านนี้นางนอนหลับแล้วหรือยัง 
แสงจันทร์นวลใย ข้ายังจ่อมจมอยู่ในภวังค์
เรไรเสียงไพรแว่วดังยิ่งฟังยิ่งเหงาจับใจ....คิดถึง 

เดินทางกลางเถื่อน กลางหมู่เดือนและหมู่ดาว
แหงนมองฟ้าดั่งมองหาเงา ของเยาวมาลย์อยู่ในสายลม         
ผู้ใดซ่อนเจ้า นำค้างเหน็บหนาว และ ขื่นขม
น้ำตาหยดหยดทุกข์ระทม พร่างพรมอยู่ในสองตา... หวั่นไหว         

เอาใจและร่าง ออกมาวางเดิมพัน
เดินทางไกลอยู่ใต้แสงจันทร์คิดถึงทุกวัน คิดถึงทุกคืน         
คิดถึงคนรักชุ่มชูใจให้ตื่นฟื้น
โอ้ฝันอยู่ทุกค่ำคืน ในคืนที่มีแสงจันทร์.....อ่อนหวาน         

เอาความฝันใฝ่ สองเราไว้ที่ปลายฟ้า
เดินทางผ่านสายธารเวลา ขอให้ศรัทธา อย่าลืมลางเลือน                 
รอแสงสว่าง อรุณรุ่งรางมาเยือน
ฝากใจไว้กับแสงดาวเดือน ขอให้มาเยือนอยู่ในนิทรา....หลับฝัน


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pakun2k1d ที่ 30 เม.ย. 08, 09:56
ส่งการบ้านค่ะ
๑) บทกวีนี้ ผู้แต่งแสดงอารมณ์อะไร
คิดถึง
๒) ถ้าถามว่า ความหมายของบทกวีนี้คืออะไร   ขอให้เขียนคำแรกที่ผุดขึ้นมาในสมอง   ไม่ต้องอธิบายยาว
การพลัดพรากจากคนรัก
๓) ในเพลงนี้ มีคนอยู่กี่คน
คนเดียวค่ะ
๔) climax ของบทกวี อยู่ตรงไหน
โอ้คืนค่ำน้ำค้างตกนกขมิ้น                   ต้องโบยบินจากถิ่นแผ่นดินใหญ่
เจ้านกจากแต่ตัวทิ้งหัวใจ       ไว้ที่คาคบไม้นอกชายคา
๕) ตอนจบของเรื่องนี้ เป็นยังไง จบดีหรือไม่ดี
ดิฉันว่าดีนะคะ  คือถึงแม้ต้องพลัดพรากจากกันก็ยังคงมีความปรารถนาดีให้กันอยู่

การบ้านแบบนี้ชอบทำค่ะอาจารย์


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 08, 14:08
ยังไม่มีใครเข้ามาตอบเพิ่ม เลยเฉลยคำตอบเสียตอนนี้นะคะ
สำหรับดิฉัน  ขอตอบดังนี้
) บทกวีนี้ ผู้แต่งแสดงอารมณ์อะไร
ถวิลหา  คิดถึง  ห่วงหาอาวรณ์  หรือคำอื่นที่มีความหมายใกล้เคียงกัน
๒) ถ้าถามว่า ความหมายของบทกวีนี้คืออะไร   ขอให้เขียนคำแรกที่ผุดขึ้นมาในสมอง   ไม่ต้องอธิบายยาว
จากไกล ด้วยความอาลัยคนที่อยู่ข้างหลัง
๓) ในเพลงนี้ มีคนอยู่กี่คน
สองคนค่ะ  ฉันกับเธอ
๔) climax ของบทกวี อยู่ตรงไหน
เจ้านกจากแต่ตัวทิ้งหัวใจ     
๕) ตอนจบของเรื่องนี้ เป็นยังไง จบดีหรือไม่ดี
จบดีค่ะ ไม่เศร้า  เพราะมีสายใยเชื่อมโยงระหว่างเจ้านกกับบ้านที่จากมา


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 13 พ.ค. 08, 07:02
ผมชอบเนื้อเพลง The girl of my best friend ครับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 15 พ.ค. 08, 07:48
เพลงหนึ่งในปี ๑๙ ที่ชอบมาก ของ Helen Reddy

Sunday morning, waking up and touching you
You're always warm at 9 am
Pillow's close and I can feel you're wanting me
Then I go back to sleep again
I didn't mean to love you
and I didn't mean to care
but I guess I'll never notice
just how often you are there


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ค. 08, 07:58
เอ่ยถึงเฮเลน เรดดี้แล้วอดไม่ได้จะต้องเอาเพลงนี้มาลง  ชอบเธอจากเพลงนี้ค่ะ
เคยขึ้นอันดับ 1 เมื่อปี 1972 เป็นเพลงสื่อความเป็นเฟมินิสต์ ที่เป็นกระแสแรงในยุคนั้น

I am Woman,

I am woman, hear me roar
In numbers too big to ignore
And I know too much to go back an' pretend
'cause I've heard it all before
And I've been down there on the floor
No one's ever gonna keep me down again

CHORUS
Oh yes I am wise
But it's wisdom born of pain
Yes, I've paid the price
But look how much I gained
If I have to, I can do anything
I am strong (strong)
I am invincible (invincible)
I am woman

You can bend but never break me
'cause it only serves to make me
More determined to achieve my final goal
And I come back even stronger
Not a novice any longer
'cause you've deepened the conviction in my soul

CHORUS

I am woman watch me grow
See me standing toe to toe
As I spread my lovin' arms across the land
But I'm still an embryo
With a long long way to go
Until I make my brother understand

Oh yes I am wise
But it's wisdom born of pain
Yes, I've paid the price
But look how much I gained
If I have to I can face anything
I am strong (strong)
I am invincible (invincible)
I am woman
Oh, I am woman
I am invincible
I am strong

FADE
I am woman
I am invincible
I am strong
I am woman



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 15 พ.ค. 08, 08:03
All I know ของ Art Garfunkel

I bruise you, you bruise me
We both bruise too easily, too easily to let it show
I love you and that's all I know

All my plans are fallin through
All my plans depend on you depend on you to help them grow
I love you and that's all I know

When the singer's gone
Let the song go on
But the ending always come at last
Endings always come too fast
They come too fast but they pass too slow
I love you and that's all I know

When the singer's gone
Let the song go on
It's a fine line between the darkness and the dawn
they say in the darkest night,
there's a light beyond

jimmy webbเขียนคำร้องค่ะ




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 15 พ.ค. 08, 12:50
จิม เวบบ์ เป็นยอดคนเขียนเพลงที่หาคนมาสู้ได้ยาก
ไปค้นจากยูทู้ปมาให้ เฉพาะที่เป็นชิ้นยอดๆ นะครับ

By the Time I Get to Phoenix
http://www.youtube.com/results?search_query=By+the+Time+I+Get+to+Phoenix&search_type=

MacArthur Park
http://www.youtube.com/results?search_query=MacArthur+Park&search_type=

The Moon's a Harsh Mistress
http://www.youtube.com/results?search_query=The+Moon%27s+a+Harsh+Mistress&search_type=

แนะนำเป็นพิเศษ ให้ฟังคนนี้
http://www.youtube.com/watch?v=99l0XfSFdNk


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 15 พ.ค. 08, 12:58
เซ็งทีโอที บล็อกยูทู้บอีกแล้ว


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 พ.ค. 08, 15:19
        เพลงแนะนำของคุณพพ. ทำให้ได้ท่องเน็ทอีกครั้งเพื่อค้นหาคำตอบ หรือ คำอธิบายเกี่ยวกับ
เรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งที่ยังไม่มีเน็ทให้หาข้อมูลได้สะดวกเหมือนทุกวันนี้

         MacArtur Park  ทำให้เมื่อวัยเด็กสงสัยว่า เพลงยาวเหยียดเพลงนี้ ที่มีดนตรีประโคมโหม,
เสียงร้องขึ้นสูงน่าเหนื่อยในตอนท้าย และ เนื้อเพลงประทับใจนั้น เนื้อบางส่วนมีความหมายว่าอะไรกันแน่

MacArthur Park   

   Spring was never waiting for us, girl
It ran one step ahead
As we followed in the dance
Between the parted pages and were pressed
In love's hot, fevered iron
Like a striped pair of pants

    * MacArthur's Park is melting in the dark
All the sweet, green icing flowing down
Someone left the cake out in the rain
I don't think that I can take it
'Cause it took so long to bake it
And I'll never have that recipe again
Oh, no!

     I recall the yellow cotton dress
Foaming like a wave
On the ground around your knees
The birds, like tender babies in your hands
And the old men playing checkers by the trees

     Repeat*

[break]

    There will be another song for me
For I will sing it
There will be another dream for me
Someone will bring it
    I will drink the wine while it is warm
And never let you catch me looking at the sun
And after all the loves of my life
After all the loves of my life
You'll still be the one

    I will take my life into my hands and I will use it
I will win the worship in their eyes and I will lose it
I will have the things that I desire
And my passion flow like rivers through the sky
And after all the loves of my life
After all the loves of my life
I'll be thinking of you
And wondering why

[extended break]

MacArthur's Park is melting in the dark
All the sweet, green icing flowing down
Someone left the cake out in the rain
I don't think that I can take it
'Cause it took so long to bake it
And I'll never have that recipe again
Oh, no!
Oh, no
No, no
Oh no!! 

      Macarthur Park   ณ  LA, California


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 พ.ค. 08, 15:34
           เพลงจากการประพันธ์ของ Jimmy Webb เมื่อคิมหันต์ ปี ๑๙๖๗ คณะ The Association ปฏิเสธ
ที่จะนำมาร้องในอัลบั้มของตน
             นักแสดง Richard Harris ได้เป็นผู้บันทึกเสียงคนแรกในปี ๑๙๖๘  หลังจากแสดงนำในหนังเรื่อง Camelot
บางคนฟังแล้วว่า     
                        Harris was an actor, not a singer. His performance on this was
essentially "acting," as he read the lyrics with a great deal of drama.

          ข้อมูลบางแห่งบอกว่า เสียงตัวโน้ตขึ้นสูงตอนท้ายเพลงนั้น ไม่ใช่เสียงของเขาแต่เป็นของ Tony Burrowes
ผู้ที่ต่อมาตั้งวง "Edison Lighthouse" และมีเพลง one-hit wonder "Love Grows"
          และ ตอนบันทึกเสียง Harris จะร้องผิดเป็น  MacArthur's Park ตลอดจนต้องปล่อยผ่าน
หลังจากที่ take อยู่หลายครั้งแล้วก็ยังไม่ได้   

            ในปี 1978 เจ้าแม่ดิสโก้  Donna Summer ร้องเพลงนี้ในจังหวะ disco ได้รับความนิยมอย่างสูง
ซิงเกิ้ลขึ้นถึง #1
         ถือเป็นปรากฏการณ์นานมี ที่สถานีวิทยุจะเปิดเพลงซึ่งมีความยาวเกินกว่า 3 นาที

          เนื้อร้องที่เป็นที่จดจำ และ ชวนให้หาความหมาย -  "Someone left the cake out in the rain" นี้
ตรงกับ quote ของกวีชาวอังกฤษ W.H. Auden * -
 
          "My face looks like a wedding-cake left out in the rain."

          Jimmy Webb ให้สัมภาษณ์ว่า 
   
     "It's clearly about a love affair ending, and the person singing it is using
the cake and the rain as a metaphor for that.
      OK, it may be far out there, and a bit incomprehensible, but I wrote the song
at a time in the late 1960s when surrealistic lyrics were the order of the day."

          เมื่อถาม Richard Harris คำตอบเป็นว่า   'the death of a hippy'

          นักร้องหลายสิบคนนำเพลงนี้มา cover โดยการตัดทอนเนื้อร้องบางส่วน ล่าสุดที่ได้ยินเป็นเสียงนักร้องสาวจาก
American Idol - Carrie Underwood

* W.H. Auden กวีเอกชาวอังกฤษ ผู้ครบรอบชาตกาลเมื่อปีที่แล้ว. บทกวีที่ผ่านตา ผ่านหูผู้ชม คือ
        Funeral Blues ("Stop all the clocks") ในหนังดัง Four Weddings And A Funeral

บันทึกเสียงคนแรก - Richard Harris ผู้ล่วงลับไปแล้ว


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 15 พ.ค. 08, 17:12
MacArthur Park เป็นหนึ่งในเพลงที่ผมอยากจะฟังโดยไม่ต้องคิดถึงกาลเวลา
จิมมี่แต่งเพลงได้ซับซ้อนเกินบรรยาย ทั้งเนื้อและทำนองเกี่ยวพันกันเป็นมวลเดียว
แยกออกจากกันก็เสียดาย
ว่าเฉพาะทำนองนั้น ขยายเป็นงานระดับออเคสตราได้ ไม่อาจเอื้อมเกินไปจริงๆ
คุณม้า ริชาร์ด แฮริสตาถึงมาก ที่จับเจ้าหนุ่มน้อยนี้มาร่วมงาน เพลงนี้ปล่อยออกตลาดครั้งแรก เมื่อปี 1968
ในอัลบั้ม A Tramp Shining ขึ้นถึงอันดับ 2 ในเมกา 4 ในอังกฤษ

มีผู้ให้ข้อมูลว่า เพลงนี้เป็นส่วนปิดท้ายของแคนตาต้า ยาว 22 นาที เรียกว่าท่อนโคด้า ยาว 7 นาที
เวบบ์เสนองานชิ้นนี้ให้กับคณะนักร้องเอกของ motown "the association" สำหรับอัลบั้มหมายเลขสี่
แต่ผู้ผลิตไม่เห็นด้วย ที่จะให้หน้าบีของอัลบั้ม มีแค่เพลงเดียวของเวบบ์
(ปกติแผ่นเสียงลองเพล์ สปีด 33 จะรับประทานเวลาประมาณ 20 นาทีบวกลบ แล้วแต่ความจำเป็น)

อีกเพลงที่ดีไม่แพ้กันคือ By the Time I Get to Phoenix ซึ่งเป็นเพลงเอกแรกสุดของเวบบ์ เมื่ออายุแค่ 21
(คู่กับ Up Up and Away ซึ่งแต่งหลังจากเห็นเทศกาลบัลลูนลมร้อน)
ฟีนิกส์เป็นเพลงที่ถูกนำมาร้องใหม่ ติดอันดับต้นๆ ของวงการ(ไม่มีใครบอกตัวเลขที่แท้จริงได้)
เวบบ์เล่าเรื่องตัวเองไว้ในเพลงนี้ ว่ากันว่ามันคือเพลงรักถึงสาวที่ชื่อ Susan ร้องไว้แรกสุดโดย Johnny Rivers 1965
แต่คนที่ทำให้มันกลายเป็นตำนานคือลูกทุ่งขี้เมา เกลน แคมเบล
เขาทำให้มันกวาดรางวัลแกรมมี่ ทั้งร้องยอดเยี่ยมและเพลงยอดเยี่ยมในปี 1967

เนื้อร้องนั้น เป็นเรื่องสั้นชั้นดีทีเดียวครับ
-----------------
By the time I get to Phoenix she'll be rising
She'll find the note I left hangin' on her door
She'll laugh when she reads the part that says I'm leavin'
'Cause I've left that girl so many times before

By the time I make Albuquerque she'll be working
She'll prob'ly stop at lunch and give me a call
But she'll just hear that phone keep on ringin'
Off the wall that's all

By the time I make Oklahoma she'll be sleepin'
She'll turn softly and call my name out law ......(หลายแห่งพิมพ์เป็น out loud)
And she'll cry just to think I'd really leave her
Tho' time and time I try to tell her so
She just didn't know I would really go.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 15 พ.ค. 08, 21:00
อีกเพลงที่หลงใหล
Before the dawn, I hear you whisper
In your sleep "Don't let the morning take him"
Outside the birds begin to call
As if to summon up my leaving

It's been a long time since I found someone
Since I found someone who would stay
I've waited too long, and now you're leaving
Oh please don't take it all away

It's been a long time since I found someone
Since I found someone who would stay
I've waited too long, and now you're leaving
Oh please don't take it all away

Before the dawn, I hear you whisper
In your sleep "Don't let the morning take him"

เพลงจากต้นแบบวงเฮฟวี่ เมททัล Judas Priestค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 17 พ.ค. 08, 00:06
เพลงนี้คุณกุ้งคงชอบเช่นกัน  ส่วนผมชอบความหมายของเพลงนี้ครับ
blowin' in the wind
by Bob Dylan

How many roads must a man walk down
Before you call him a man?
Yes, 'n' how many seas must a white dove sail
Before she sleeps in the sand?
Yes, 'n' how many times must the cannon balls fly
Before they're forever banned?
The answer, my friend, is blowin' in the wind,
The answer is blowin' in the wind.

How many times must a man look up
Before he can see the sky?
Yes, 'n' how many ears must one man have
Before he can hear people cry?
Yes, 'n' how many deaths will it take till he knows
That too many people have died?
The answer, my friend, is blowin' in the wind,
The answer is blowin' in the wind.

How many years can a mountain exist
Before it's washed to the sea?
Yes, 'n' how many years can some people exist
Before they're allowed to be free?
Yes, 'n' how many times can a man turn his head,
Pretending he just doesn't see?
The answer, my friend, is blowin' in the wind,
The answer is blowin' in the wind.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 17 พ.ค. 08, 10:05
เพลงที่คุณBanaยกมา ดิฉันเคยแต่งร้อยแก้วไปลงหนังสือเพลงค่ะ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ยุคนั้น เป็นยุคที่นิสิตนักศึกษาเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง เรียกร้องรัฐธรรมนูญ
ปีนี้ ๒๕๕๑ ยังจะแก้แล้วแก้อีก
ประชาชนไม่เปลี่ยน รัฐธรรมนูญแก้ไปก็ไร้ฟบอยย์
....เพลงนี้บ้างค่ะ
โปรดมากๆ เคยแปลลงเรือนไทยกระทู้หนึ่ง
Both Sides Now
แต่งโดย Joni Mitchel ร้องกันหลายคน ตั้งแต่ Judy Collins Joan Baez และตอนหลังคนแต่งถึงจะมาร้องเอง
ถูกใจสาวเซเวนตี้ส์อย่างดิฉันไม่เลิกค่ะ ตอนเด็กๆ ตีความหมายเพลงไปแบบหนึ่ง ตอนนี้ ก็ตีไปได้อีกขั้น ชอบมากๆ
Rows and flows of angel hair
And ice cream castles in the air
And feather canyons everywhere
I've looked at clouds that way

But now they only block the sun
They rain and snow on everyone
So many things I would have done
But clouds got in my way
I've looked at clouds from both sides now

From up and down, and still somehow
It's cloud illusions I recall
I really don't know clouds at all

Moons and Junes and Ferris wheels
The dizzy dancing way you feel
As ev'ry fairy tale comes real
I've looked at love that way

But now it's just another show
You leave 'em laughing when you go
And if you care, don't let them know
Don't give yourself away

I've looked at love from both sides now
From give and take, and still somehow
It's love's illusions I recall
I really don't know love at all

Tears and fears and feeling proud
To say "I love you" right out loud
Dreams and schemes and circus crowds
I've looked at life that way

But now old friends are acting strange
They shake their heads, they say I've changed
Well something's lost, but something's gained
In living every day

I've looked at life from both sides now
From win and lose and still somehow
It's life's illusions I recall
I really don't know life at all
I've looked at life from both sides now
From up and down, and still somehow
It's life's illusions I recall
I really don't know life at all


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ค. 08, 12:56
Blowin' in the Wind เป็นเพลงยอดฮิทในยุคต่อต้านสงครามเวียตนาม    แต่เนื้อหาจริงๆแล้ว กว้างกว่าสงคราม  เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุค 1960s ต้นๆ
เนื้อเพลง เป็นปรัชญาและบทกวีในตัว ค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 18 พ.ค. 08, 02:07
อย่ากระนั้นเลย  ขอมอบเพลงนี้ให้คุณกุ้งเลยครับ ....อิอิ   :D
Power to The People
by John Lennon

Power to the people
Power to the people
Power to the people, right on

Say you want a revolution
We better get on right away
Well you get on your feet
And out on the street

Singing power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people, right on

A million workers working for nothing
You better give 'em what they really own
We got to put you down
When we come into town

Singing power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people, right on

I gotta ask you comrades and brothers
How do you treat you own woman back home
She got to be herself
So she can free herself

Singing power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people, right on
Now, now, now, now


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 18 พ.ค. 08, 09:08
ขอบคุณค่ะ คุณBana
ดิฉันจำได้ว่าช่วงหนึ่ง ดีเจไทยหัวเอียงซ้ายชอบเปิดจัง
เพลงนี้ คาดว่าคุณพพ.คงจะรู้จัก สำหรับดิฉัน เป็นเพลงที่สะใจมาก ถึงขั้นจำได้หมดทั้งเนื้อทั้งทำนอง ร้องโดย Natalie Cole ถึงขั้นแกะเนื้อเองในปี 1981
ร้องได้เพราะ เจ็บ สะใจ ตัดรอน เด็ดขาด สำหรับสาวเอทตี้ส์ค่ะ
เวอร์ชั่นอื่นๆก็มีบาร์บร้า สไตรยแซนด์ ไลซ่า มิเนลลี่ ฯลฯ
แต่งโดย m. masser & g. goffin

When I wake up each morning trying to find myself

And if I'm ever the least unsure

I always remind myself

Though your someone in this world that I'll always choose to love

From now on you're only someone that I used to love

As for me it's getting down to the last unspoken part

When you must begin to ease the pain of a broken heart

Tell me why should I even care if I have to lose your love

From now on you're only someone that I used to love

Wish it was enough for you

All the love I had to give

I did my best to keep you satisfied

I guess you'll never know how much I tried

I really tried

And if ever our paths should cross again

Well, you won't find me being the one to get lost again

Once I had so much to give but you just refused my love

From now on you're only someone that I used to love

.........

I did my best to keep you satisfied

I guess youll never know how much I tried

I really tried

When I wake up each morning trying to find myself

And if Im ever the least unsure I always remind myself

Though you're someone in this world that Ill always choose to love

From now on youre only someone that I used to love

From now on youre only someone that I used to love

Though you're someone in this world that Ill always choose to love

From now on you're only someone that I used to love

Hmm, from now on you're only someone that I used to love


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 18 พ.ค. 08, 12:30
จอห์น เลนนอน ไม่มีราคาเท่าไรนักในสายตาของฝ่ายซ้ายครับ
พฤติกรรมของแก ไม่อยู่ในมาตรฐานจริยธรรมของนักปฎิวัติ
เพลงดีๆ อย่าง imagine นั้น แม้ว่าจะไพเราะ
ก็ไม่ชี้ทางออกให้กับผู้ยากไร้ ถูกกดขี่

เช่นเดียวกับงานของดีแล่นหรือโจอัน บาแอส เอ....หรือเบส หว่า
สุนทรียศาสตร์ของฝ่ายซ้าย ต้องไม่กำกวม ต้องเข้มข้น มีเข็มมุ่ง มีพลังกระตุ้น
ไม่ต้องตีความ

และต้องให้ความหวังไปข้างหน้า เสมอ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 19 พ.ค. 08, 02:02
เพลงนี้ก็ดีครับคุณป้า ดอลลี่  นำเพลงของ  Cat Stevens มาร้องได้อารมณ์ดีครับ  ไม่ทราบว่าขวาหรือซ้าย  เพลงนี้อ่ะครับ

Where Do The Children Play
by  Dolly Parton
Well I think it's fine, building jumbo planes.
Or taking a ride on a cosmic train.
Switch on summer from a slot machine.
Get what you want to if you want, 'cause you can get anything.

I know we've come a long way,
We're changing day to day,
But tell me, where do the children play?

Well you roll on roads over fresh green grass.
For your lorryloads pumping petrol gas.
And you make them long, and you make them tough.
But they just go on and on, and it seems you can't get off.

Oh, I know we've come a long way,
We're changing day to day,
But tell me, where do the children play?

When you crack the sky, scrapers fill the air.
Will you keep on building higher
'til there's no more room up there?
Will you make us laugh, will you make us cry?
Will you tell us when to live, will you tell us when to die?

I know we've come a long way,
We're changing day to day,
But tell me, where do the children play?


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ค. 08, 07:49
เพลงนี้เป็นเพลงยุค 70s ที่เพื่อนสาวชาวอเมริกันคนหนึ่งเคยร้องให้ฟัง  เสียงเธอใสน่ารักมาก  ก็เลยจำเพลงได้
ไม่เคยได้ยินที่อื่นอีกเลยค่ะ แต่ในปี 74 เพลงนี้เป็นเพลงฮิท

"Playground In My Mind"

(As recorded by Clint Holmes)
PAUL VANCE
LEE POCKRISS

When this old world gets me down
And there's no love to be found
I close my eyes and soon I find
I'm in a playground in my mind
Where the children laugh and the children play
And we sing a song all day.

"My name is Michael, I got a nickel
I got a nickel, shiny and new
I'm gonna buy me all kinds of candy
That's what I'm gonna do"

See the little children
Living in a world that I left behind
Happy little children
In the playround in my mind.

Oh the wonders that I find
In the playground in my mind
In a world that used to be
Close your eyes and follow me
Where the children laugh and the children play
And we sing a song all day.

"My girl is Cindy
When we get married, we're gonna have a baby or two
We're gonna let them visit their grandma
That's what we're gonna do."

"My name is Cindy
When we get married, were gonna have a baby or two
We're gonna let them vist their grandma
That's what we're gonna do."

See the little children
See how they're playing so happy
In the playround in my mind.

Ba ba ba ba ba ba ba
La la la la la la la.



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 19 พ.ค. 08, 09:48
เฮียแมว สะตีเว่น แกเลยซ้าย-ขวา ไปนานแล้วครับ
เมื่อเร็วๆ นี้ แกถูกห้ามเข้าอเมริกา เพราะมีชื่อเป็นผู้หนับหนุนการก่อการร้าย

อันเนื่องจากเมื่อสามสิบปีก่อน กลับไปรับอิสลาม
เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเป็น Yusuf Islam และอุทิศตนอย่างมาก
โดยมีทัศนะที่ค่อนข้างรุนแรงในเรื่องการดูหมิ่นศาสนาของตน
เช่นไม่ประนามการสั่งฆ่านักเขียนที่จาบจ้วงพระมูฮัมมัด
หรือประนามสหรัฐหลังกรณี 9/11


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 19 พ.ค. 08, 11:34
       ว่าจะเลี้ยวซ้ายตามคุณพพ. ไปตามเพลงเพื่อชีวิต แต่คิดใหม่ตามอาจารย์ไปดีกว่า

         ทันเพลง Playground ครับ เสียงร้องนำชาย และมีเสียงเด็กน่ารักด้วย - My name is Michael, I got a nickel

        เคยลองคิดถึงหลายเพลงที่เล่าเรื่องยามผิดหวัง จิตตก. ขอยกมาสองเพลงครับ

         เพลงแรกคนร้องใช้วิธีปีนขึ้นหลังคาบ้าน ครับ เพลงนี้เป็นผลงานของ Carole King เธอร้องเอง และ
แน่นอน James Taylor ก็ร้องด้วย เหมือนกับเพลง You've got a friend


Up on the Roof


     When this old world starts a getting me down
And people are just too much for me to face
I'll climb way up to the top of the stairs
And all my cares just drift right into space

On the roof, its peaceful as can be
And there the world below dont bother me, no, no

      So when I come home feeling tired and beat
I'll go up where the air is fresh and sweet
I'll get far away from the hustling crowd
And all the rat-race noise down in the street

      On the roof, thats the only place I know
Look at the city, baby
Where you just have to wish to make it so
Lets go up on the roof

      And at night the stars they put on a show for free
And, darling, you can share it all with me
That's what I said
Keep on telling you

      That right smack dab in the middle of town
I found a paradise thats troubleproof
And if this old world starts a getting you down
Theres room enough for two
Up on the roof...     


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 19 พ.ค. 08, 11:43
         อีกเพลง ใช้วิธีหลบเข้าห้องส่วนตัว (คนแต่งคงจะยังมีความรู้สึกรำลึกติดพันเมื่อครั้งเป็นทารก
อยู่ในครรภ์มารดา)  ครับ

           In My Room

         by Brian Wilson and Gary Usher แต่งให้คณะนักร้อง The Beach Boys


There's a world where I can go and tell my secrets to
In my room, in my room
In this world I lock out all my worries and my fears
In my room, in my room

Do my dreaming and my scheming
Lie awake and pray
Do my crying and my sighing
Laugh at yesterday

Now its dark and Im alone
But I won't be afraid
In my room, in my room
In my room, in my room
In my room, in my room


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 19 พ.ค. 08, 13:41
ช่วงที่สูงสุดของครอสบี้ สติลส์ แนช และยัง ผ่านไป ทุกคนแยกไปทำเพลงในวิถีทางของตัว นีล ยังมาทำอัลบั้มHarvestของตัวเองออกมา นอกจากซิงเกิ้ลHeart of Goldที่โด่งดัง ก็มีเพลงนี้ เพื่อนสนิทดิฉันชอบมาก มันโหยหวนชวนเศร้า แล้วเพลงของพ่อยังแกก็ชวนให้ฟังไม่เบื่อ เวลาดิฉันไปฟังเพลงที่มีนักร้องเล่นกีตาร์โซโลที่ไหน ก็มักจะลองของด้วยการขอเพลงนี้
ที่จำได้แม่น ใต้ถุนราชดำริอาเขต มีร้านชื่อ ชาวกรุง นักร้องหนุ่มหุ่นดี ผมยาว ร้องเพลงนี้ได้ค่ะ
กับพอล ที่เป็นนักกีตาร์ชาวมาเลย์ ที่ร้านACEสุขุมวิท
ข้อเท็จจริงมีว่า ยังเขียนเพลงนี้ให้กับคนดูแลคอกม้าที่ยังซื้อไว้ในปี1970 มองชีวิตลุงคนนั้น ซึ่งสะท้อนอดีตของคนหนุ่มอย่างตัวเอง
Old Man
.......

"Old Man"

Old man look at my life,
I'm a lot like you were.
Old man look at my life,
I'm a lot like you were.

Old man look at my life,
Twenty four
and there's so much more
Live alone in a paradise
That makes me think of two.

Love lost, such a cost,
Give me things
that don't get lost.
Like a coin that won't get tossed
Rolling home to you.

Old man take a look at my life
I'm a lot like you
I need someone to love me
the whole day through
Ah, one look in my eyes
and you can tell that's true.

Lullabies, look in your eyes,
Run around the same old town.
Doesn't mean that much to me
To mean that much to you.

I've been first and last
Look at how the time goes past.
But I'm all alone at last.
Rolling home to you.

Old man take a look at my life
I'm a lot like you
I need someone to love me
the whole day through
Ah, one look in my eyes
and you can tell that's true.

Old man look at my life,
I'm a lot like you were.
Old man look at my life,
I'm a lot like you were.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 21 พ.ค. 08, 00:11
เพลงนี้ไม่ซ้าย แต่แสบ
แต่งโดย Tom T. Hall ครูเพลงลูกทั่งเมกันคนสำคัญ
http://en.wikipedia.org/wiki/Tom_T._Hall

แต่ที่เจ๋งคือ สาวออฟฟิสคนหนึ่ง คว้าเพลงนี้ไปอัดแผ่นด้วยความตาถึง
กลายเป็นเพลงผู้หญิงร้องชิ้นแรกที่คว้าอันดับหนึ่งทั้งบิลบอร์ดป๊อป และลูกทุ่ง พร้อมกัน
เมื่อ 1968
(อีกนาน...ป้าดอลลี่จึงทำได้ในเพลง 9 to 5)
JEANNIE C RILEY
http://www.youtube.com/watch?v=kn4-2qMErgM

เนื้อเพลงเป็นเรื่องสั้นชั้นดีได้ และต่อมาก็กลายเป็นหนังโรง และซีรี่ย์ทีวี
HARPER VALLEY P.T.A.
Jeannie C. Riley
words and music by Tom T. Hall
-----------------------
I want to tell you all a story 'bout a Harper Valley widowed wife
Who had a teenage daughter who attended Harper Valley Junior High
Well her daughter came home one afternoon and didn't even stop to play
She said, "Mom, I got a note here from the Harper Valley P.T.A."

The note said, "Mrs. Johnson, you're wearing your dresses way too high
It's reported you've been drinking and a-runnin' 'round with men and going wild
And we don't believe you ought to be bringing up your little girl this way"
It was signed by the secretary, Harper Valley P.T.A.

Well, it happened that the P.T.A. was gonna meet that very afternoon
They were sure surprised when Mrs. Johnson wore her mini-skirt into the room
And as she walked up to the blackboard, I still recall the words she had to say
She said, "I'd like to address this meeting of the Harper Valley P.T.A."

Well, there's Bobby Taylor sittin' there and seven times he's asked me for a date
Mrs. Taylor sure seems to use a lot of ice whenever he's away
And Mr. Baker, can you tell us why your secretary had to leave this town?
And shouldn't widow Jones be told to keep her window shades all pulled completely down?

Well, Mr. Harper couldn't be here 'cause he stayed too long at Kelly's Bar again
And if you smell Shirley Thompson's breath, you'll find she's had a little nip of gin
Then you have the nerve to tell me you think that as a mother I'm not fit
Well, this is just a little Peyton Place and you're all Harper Valley hypocrites

No I wouldn't put you on because it really did, it happened just this way
The day my Mama socked it to the Harper Valley P.T.A.
The day my Mama socked it to the Harper Valley P.T.A.



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 21 พ.ค. 08, 07:45
ตอนฟังเพลงฝรั่งเริ่มแตก ไม่เข้าใจเพลงนี้เท่าไหร่นักว่าแสบแค่ไหน พออ่านเนื้อเพลง ถึงได้พอรู้
พูดถึงเพลงลูกทุ่ง ดิฉันปลื้มแทมมี่ วินเน็ตต์มาแต่เล็กค่ะ ด้วยหลายๆเพลงของเธอที่มันโดนใจ
เมื่อช่วงโรแมนติคเข้าสิง เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ชอบ กล่อมรักด้วยคำหวานๆ ง่ายๆ
Lullaby
Songwriter: Dan Seals/R. Vanhoy with additional lyrics by Charlie McGettigan 
 
Lyrics:
Sleep, lay me down, hold me closely in your arms
And I will close my eyes
Please, promise me that when I wake up from my dreams
You’ll be there by my side
Chorus
Love, if you say you won’t slip away
Then I can go dreaming of forever more
But I won’t rest until
I know that you’ll be here in the morning by my side
.........................
(เนื้อส่วนต่อไปเติม)

Here in my reach
I can see the one that I’ve waited for so long
And deep in my heart I’ll know the arms that hold me now
Will hold me from now on

I dread the dawn I awake and find you gone
Please tell me you will stay.
Then sleep will come, I know my love has found a home
In your arms all my days

เพลงโดย England Dan Seal
นักร้องลูกทุ่งหญิง Emmylou Harris ก็ร้อง


 


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 22 พ.ค. 08, 00:32
what's  P.T.A. stand for??? ........... ???


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 22 พ.ค. 08, 00:43
เห็นเพลง  In my room  by  The Beach boys  ของคุณศิลา  ทำให้นึกถึงอีกเพลงของคณะนี้  เพลงหาตุ๊กตาหน้ารถร่วมทาง ..... ;)

In My Car
by The Beach Boys

When I'm behind the wheel
Horses of gas and steel
The highway is my home
In fiberglass and chrome
Fantasy car shiny Corvette
Let's take a ride you can't forget
Come on pretty lady ride with me

In my car
I'm captain of my destiny
In my car
Pretty babe come cruise with me

Come for a drive
And we'll arrive
Feelin' alive

I'm master of my fate
When I accelerate
My new Vette is my throne
When on the road we roam we roam we roam roam
Cruisin' like we're in a dream
Feelin' like we're still sixteen
Being a part of the great American scene

In my car
I'm captain of my destiny
In my car
Pretty babe come cruise with me

Come for a drive
And we'll arrive
Feelin' alive

Cruise cruise cruise with me baby
Now move move up in the stratosphere
Zoom zoom zoom with me darlin' now
We're still cruisin' after all these
Cruisin' after all these years

Wind blowing in my hair
I feel like a millionaire
Radio is blasting strong
We're breaking out in song
Blazing trails both near and far
Park my car behind a star
Life is full of possibilities

In my car
I'm captain of my destiny
In my car
Oh pretty babe come cruise with me


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ค. 08, 00:54
ย่อมาจาก Parent-Teacher Association ค่ะคุณกล้วย
สมาคมครูผู้ปกครอง ของแต่ละโรงเรียน    
ในบ้านเราก็มี แต่มักจะมีบทบาทไปในทางจัดงานเพื่อหารายได้ให้โรงเรียน  หรือว่ามีโควต้าให้เด็กเข้า  ในร.ร.ดังๆ
แต่ของเขา มีบทบาทมากกว่านี้ ทั้งเป็นเรื่องสวัสดิการ ทั้งดูแลนักเรียน เมื่ออยู่นอกห้องเรียน   ทั้งเป็นที่ปรึกษาหารือกันเพื่อประโยชน์ของเด็กและร.ร. ฯลฯ

ต้องสารภาพว่าอ่านเพลงนี้แล้วไม่ชอบเอามากๆ     เพราะยัยแม่ที่ถูกประท้วงว่าแต่งตัวไม่เหมาะสมและพฤติกรรมก็ไม่ถูกต้อง
เข้ามาถลกหนังกรรมการ PTA คนอื่นๆว่าเลวยิ่งกว่าหล่อนเสียอีก  พวกคุณหน้าไหว้หลังหลอกทั้งนั้น แล้วยังมีหน้ามาว่าชั้นอีกเรอะ
เกลียดคำแก้ตัวประเภทนี้ค่ะ    รู้สึกเหมือนเปิดหนังสือพิมพ์อ่านแล้วเจอคำพูดว่า..ทีคนอื่นโกงกว่าผมทำไมไม่เห็นติดคุก  มาตัดสินลงโทษผมคนเดียวมันไม่แฟร์   ใครมั่งไม่โกง

คุณแม่จอห์นสันขา กรรมการอื่นเขาหน้าไหว้หลังหลอกเลวทรามกันก็จริงค่ะ  แต่คนเลวกว่า ไม่ได้ทำให้คุณกลายจากแม่ที่แย่ๆ มาเป็นแม่ที่ดี  นะคะ
ถ้าพฤติกรรมของคุณเป็นจริงตามข้อหา คือแต่งตัวเปรี้ยวโป๊ กินเหล้ามั่วผู้ชาย  
PTA เขาก็พูดถูกแล้วค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ค. 08, 01:05
อ้างถึง
เคยลองคิดถึงหลายเพลงที่เล่าเรื่องยามผิดหวัง จิตตก. ขอยกมาสองเพลงครับ
มาช่วยคุณศิลาหาเพลง   ย้อนไปถึง 1960 มีเพลงเล็กๆเนื้อหาเบาหวิว   แต่ยังจำได้จนบัดนี้
คนเรามีโลกส่วนตัวที่จะหลบมุมเข้าไป  ยามไม่ต้องการโลกภายนอก   เปิดรับให้เข้าได้เฉพาะคนที่รู้ใจกันเท่านั้น
ถ้าเปรียบก็เหมือนเว็บปิด แต่มิดชิดกว่า เพราะไม่มีใครแฮคเข้าไปได้

IN MY LITTLE CORNER OF THE WORLD
(Bob Hilliard / Lee Pockriss)

Anita Bryant - 1960

Come along with me to my little corner of the world
Dream a little dream in my little corner of the world
You'll soon forget that there's any other place
Tonight, my love, we'll share a sweet embrace

And if you care to stay in my little corner of the world
We could hide away in my little corner of the world
I always knew that I'd find someone like you
So welcome to my little corner of the world


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 22 พ.ค. 08, 01:45
มาว่าคุณแม่กระโปรงสั้นของผมได้งัยครับ คุณครู
เรื่องเริ่มต้นด้วยการที่แม่คนหนึ่งถูกกล่าวหาว่าไม่สมควรเลี้ยงลูกตัวเอง เธอย่อมต้องไม่เงียบ ถูกใหมครับ
แล้วเธอเอง ไม่ได้เป็นผู้ไปกล่าวหาคนอื่นนะครับ เธอไปเล่าความจริงให้คนอื่นฟังตะหาก

ก็สมาคมผปค. เขาบอกว่า
1 คุณแม่จอนสันนุ่งกระโปรงสั้น
2 กินเหล้า แล้วไปเปรี้ยวกับผู้ชาย
สองข้อนี้ ถึงกับจะให้เลิกเป็นแม่คนเชียวหรือ

ทีนี้มาดูข้อมูลทางคนกล่าวหาบ้าง
มีจอมหลีสาว มีเฒ่าหัวงู มียัยขี้เมา มีไอ้ขี้เมา และมีอีก ชนิดที่อย่าไปฟื้นฝอยหาตะเข็บเลย
ใครที่รู้จักทีวีเรื่องเมืองบาป Peyton Place คงนึกออกว่าคนที่นั่น ดีแค่ใหนในเรื่องอะไร
คนแบบนี้หรือ ที่จะมาตัดสินคนอื่น แล้วสมาคมอะไรกัน เอาคนเหล่านี้มาเป็นสมาชิก
คำพูดที่ออกจากคนพวกนี้ เอาไปต้มน้ำ เผาไฟ แล้วสวดมนต์ภาวนา
จะได้ความจริงออกมาละหรือ

บางที เรื่องที่เป็นจริง
คุณแม่จอนสัน เธออาจจะนุ่งกระโปรงสั้น แบบที่คนเขานุ่งกันในปีนั้นน่ะแหละ
ไฮโซไทยนางหนึ่ง นุ่งลงจากเครื่องบินเข้าดอนเมืองมาเป็นนางแรก เห็นมีแต่คำชื่นชม
ไอ้ที่ว่าเมา ก็อาจจะเพราะหัวร่อดังเกินไปในงานปาร์ตี้
และหนุ่มที่ไม่รุมจีบสาวสวย ก็เห็นจะต้องไปเป็นป้ายรถเมล์เท่านั้นแหละคร๊าบบ.....
ยังไงผมก็ไม่เชื่อคำพูดของชาว Peyton Place แน่ๆ

ผมคิดว่า หลักของเพลงนี้ น่าจะตกที่ว่า
ก่อนตัดสินคนอื่น ต้องตัดสินตัวเอง
หรืออีกคำก็ได้ว่า เข้มงวดกับตัวเอง จึงเข้มงวดกับคนอื่น....

แฮ่ม


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ค. 08, 04:51
นึกแล้วว่าประธานเชียร์ต้องเข้ามา

คุณแม่เธอไม่บอกซักคำว่าข้อกล่าวหานี้ ไม่จริง
"Mrs. Johnson, you're wearing your dresses way too high
It's reported you've been drinking and a-runnin' 'round with men and going wild"
การย้อนกล่าวหากรรมการคนอื่นทั้งๆตัวเองก็ทำตัวแบบเดียวกัน ก็ไม่มีใครดีไปกว่าใครน่ะซีค่ะ
พฤติกรรมแบบเดียวกัน ต้องถือว่าพอกันทั้งสองฝ่าย   


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 23 พ.ค. 08, 00:33
เอาเพลงนี้ดีกว่าครับ  ถากถางนิดหน่อย  ผมชอบแม่สาวผมยาวคนนี้มาก  เพราะเป็นหนึ่งในนักร้องสาวที่ไม่เคยห่วงสวย..... ;)

Ironic
by Alanis Morissette

An Old Man Turned Ninety Eight
He Won The Lottery And Died The Next Day
It's A Black Fly In Your Chardonnay
It's A Death Row Pardon Two Minutes Too Late
Isn't It Ironic Don't You Think

Chorus
It's Like Rain On Your Wedding Day
It's A Free Ride When You've Already Paid
It's The Good Advice That You Just Didn't Take
Who Would've Thought It Figures

Mr Play It Safe Was Afraid To Fly
He Packed His Suitcase And Kissed His Kids Good Bye
He Waited His Whole Damn Life To Take That Flight
And As The Plane Crashed Down He Thought
Well Isn't This Nice
And Isn't It Ironic Don't You Think

Repeat Chorus

Well Life Has A Funny Way Of Sneaking Up On You
When You Think Everything's Okay And Everything's Going Right
And Life Has A Funny Way Of Helping You Out When
You Think Everything's Gone Wrong And Everything Blows Up
In Your Face

A Traffic Jam When You're Already Late
A No Smoking Sign On Your Cigarette Break
It's Like Ten Thousand Spoons When All You Need Is A Knife
It's Meeting The Man Of My Dreams
And Then Meeting His Beautiful Wife
And Isn't It Ironic Don't You Think
A Little Too Ironic And Yeah I Really Do Think

Repeat Chorus

Life Has A Funny Way Of Sneaking Up On You
Life Has A Funny Funny Way Of Helping You Out
Helping You Out


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 23 พ.ค. 08, 09:04
อ่านเนื้อเพลงของคุณ อลานิสแล้วสนุกดีค่ะ ชีวิตบัดซ..จริงๆ ล่าสุด คู่หมั้นเก่าหน้าสะอาดไรอัน เรย์โนลด์ส ก็เพิ่งหมั้นไปกับสาวเซ็กซี่ขี้อ้อนเจ้าบทบาทนี่คะ สคาร์เล็ต โจนสัน
เธอคงเขียนเพลงประชดๆออกมาได้อีกเยอะนะ คุณBana


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 23 พ.ค. 08, 11:19
         คุณพพ. คงจะชอบเพลงที่มีเนื้อเรื่องเล่า เป็น Ballad ในความหมายที่ว่า - a story told in a song

         ต่อมาในศตวรรษที่ ๒๐  ballad ได้ความหมายว่าเป็นเพลง
                      popular song "especially of a romantic or sentimental nature"

เพลง Traditional ballad ที่คุ้นเคย ได้แก่   Greensleeves, Scarborough Fair, Oh Shenandoah

        นอกจากนี้มีเพลง folk, country ที่เล่าเรื่องหลายเพลง เช่น

         Tom Dooley ที่คุ้นเคยจากเสียงของ The Kingston Trio เล่าเรื่อง เหตุการณ์นารีพิฆาตในปี ๑๘๖๖ ที่ North Carolina 

        เพลงของ Peter,Paul and Mary เช่น

          Flora เล่าเรื่องชาย(I) ฆ่าชายเพราะหญิงที่ตนหลงรัก - แม่นาง faithless Flora, the lilly of the west

( เพลงรักต้องฆ่ายังมีอีก เช่น  Down in the Willow Garden - มือมีดชาย และ
                                 มือปืนหญิง - Miss Otis Regrets(She's Unable to Lunch Today) )   

        Man Come into Egypt นามของท่านคือ Moses ทำนองเพลงนี้กลายมาเป็น ballad ไทยที่โด่งดัง
จากเหนือเล่าเรื่องแม่อุ๊ยผู้น่าสงสาร - อุ๊ยคำคนแก่ ท่าทางใจดี....

        เพลงเล่าเรื่องในปัจจุบันที่ได้ฟังบ่อยๆ เป็นเพลง country. หนึ่งในเพลงที่ชอบ ความหมายดี คือ เพลงนี้
ที่อ่านและฟังแล้วนึกถึงเรื่องสั้นสมัยก่อนแนวคุณปกรณ์ ปิ่นเฉลียว ครับ

          หญิงอาวุโสยืนหมดหวังอยู่ข้าง Mercedes ที่ยางแตกบนถนนในยามเย็นย่ำหิมะตก พระเอก Joe จิตใจงาม
ขับ Pontiac บุโรทั่งมาช่วยเปลี่ยนยางให้แล้วปฏิเสธที่จะรับเงินตอบแทน แต่กลับบอกว่า

If you really want to pay me back,
Here's what you do
Don't let the chain of love end with you

        เหตุการณ์ต่อไปเป็นเช่นไร เชิญติดตามรับฟัง ครับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 23 พ.ค. 08, 11:22
The Chain of Love - performed by Clay Walker 

Songwriters: Barnett, Jonnie; Lee, Rory


      He was driving home one evening,
In his beat up Pontiac
When an old lady flagged him down,
Her Mercedes had a flat
He could see that she was frightened,
Standing out there in the snow
'Til he said I'm here to help you ma'am,
By the way my name is Joe

      She said I'm from St. Louis,
And I'm only passing through
I must have seen a hundred cars go by,
This is awful nice of you
When he changed the tire,
And closed her trunk
And was about to drive away,
She said how much do I owe you
Here's what he had to say

       You don't owe me a thing, I've been there too
Someone once helped me out,
Just the way I'm helping you
       If you really want to pay me back,
Here's what you do
Don't let the chain of love end with you

        Well a few miles down the road,
The lady saw a small cafe
She went in to grab a bite to eat,
And then be on her way
But she couldn't help but notice,
How the waitress smiled so sweet
And how she must've been eight months along,
And dead on her feet

        And though she didn't know her story,
And she probably never will
When the waitress went to get her change,
From a hundred dollar bill
The lady slipped right out the door,
And on a napkin left a note
There were tears in the waitress's eyes,
When she read what she wrote

       You don't owe me a thing, I've been there too
Someone once helped me out,
Just the way I'm helping you
       If you really want to pay me back,
Here's what you do
Don't let the chain of love end with you

       That night when she got home from work,
The waitress climbed into bed
She was thinkin' about the money,
And what the lady's note had said
As her husband lay there sleeping,
She whispered soft and low
Everything's gonna be alright, I love you, Joe 


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 23 พ.ค. 08, 12:38
คุณ SILA เดาถูกเผงเลยครับ

ผมเชื่อว่าบัลหลาดเป็นรูปแบบของประวัติศาสตร์บอกเล่า ที่เก่าพอๆ กับมนุษย์
ที่พระเพื่อนพระแพงเจอชะตากรรม ก็น่าจะมาจากเพลงเล่าเรื่องแบบนี้แหละ
สมัยก่อน  ยังยากที่จะจำเรื่องยาวในรูปของตำนาน
ก็ต้องเอามาแปลงเป็นเพลง ความถาวรและเข้าใจได้ จึงบังเกิด

ความโด่เด่....เอ้ยโดดเด่นอย่างนี้ ทำให้ฟังความงาม ได้ความจริงด้วย
กำไรสองต่อ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ค. 08, 13:49
ชอบ Tom Dooley ของ The Kingston Trio มาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ
ช่างเอาเหตุการณ์สั่นสะเทือนจิตใจมาแต่งเป็นเพลงจนได้ เพราะด้วย

Throughout history
There've been many songs written about the eternal triangle
This next one tells the story of a Mr Grayson, a beautiful woman
And a condemned man named Tom Dooley...
When the sun rises tomorrow, Tom Dooley... must hang...

Hang down your head, Tom Dooley
Hang down your head and cry
Hang down your head, Tom Dooley
Poor boy, you're bound to die
I met her on the mountain
There I took her life
Met her on the mountain
Stabbed her with my knife

Hang down your head, Tom Dooley
Hang down your head and cry
Hang down your head, Tom Dooley
Poor boy, you're bound to die

This time tomorrow
Reckon where I'll be
Hadn't a-been for Grayson
I'd a-been in Tennessee

Hang down your head, Tom Dooley
Hang down your head and cry
Hang down your head, Tom Dooley
Poor boy, you're bound to die

Hang down your head, Tom Dooley
Hang down your head and cry
Hang down your head, Tom Dooley
Poor boy, you're bound to die

This time tomorrow
Reckon where I'll be
Down in some lonesome valley
Hangin' from a white oak tree

Hang down your head, Tom Dooley
Hang down your head and cry
Hang down your head, Tom Dooley
Poor boy, you're bound to die

Hang down your head, Tom Dooley
Hang down your head and cry
Hang down your head, Tom Dooley
Poor boy, you're bound to die

Poor boy, you're bound to die
Poor boy you're bound to die
Poor boy, you're bound to die...

เพลง บัลลาดไทยนี่ " ผู้ใหญ่ลี"    เข้าขั้นหรือเปล่าคะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 23 พ.ค. 08, 14:02
ผู้ใหญ่ลีน่าจะเป็นเพลงเสียดสีครับ
วังบัวบาน จึงจะเข้าข่ายบัลลาด...กระมัง


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 พ.ค. 08, 11:30
ไปหาความหมายของ ballad มาให้จาก answers.com

1  A narrative poem, often of folk origin and intended to be sung, consisting of simple stanzas and usually having a refrain.
The music for such a poem.
2  A popular song especially of a romantic or sentimental nature.

[Middle English balade, poem or song in stanza form, from Old French ballade, from Old Provençal balada, song sung while dancing, from balar, to dance, from Late Latin ballāre, to dance.

วังบัวบาน น่าจะเข้าขั้นบัลลาด  เช่นเดียวกับ อุ๊ยคำ ของคุณจรัล มโนเพ็ชร์


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 24 พ.ค. 08, 11:52
วังบัวบาน
คิดว่าได้เวลากลับมาคุยเพลงไทยได้แล้ว
จำได้ว่าวังบัวบานนี้ มีสองเพลง คุณวงจันทร์ร้องไว้เพลงหนึ่ง เศร้าเย็นยิ่งนัก
คุณมัณฑนาร้องอีกเพลงหนึ่ง เศร้าหวานเหลือเกิน
---------------------------
เพลง วังบัวบาน
คำร้อง "สนิท ส." (สนิท สิริวิสูตร)
ทำนอง อรุณ หงสวีณ

ร้อนลมหน้าแล้ง ใบไม้แห้งร่วงลอย
หล่นทยอยเกลื่อนตา ไหลตามกระแสน้ำพา
ลอยมาทั้งกลีบดอกไม้
จากหุบผาไหลมาสู่ในวังน้ำ สุสานเทวีผู้มีความช้ำเหนือใคร
ดอกไม้ใบไม้ไหลมา คล้ายพวงหรีดร้อยมาลา
ไหลมาบูชาบัวบาน

น้ำวังนี่หนอ เป็นที่ก่อเหตุการณ์
ที่บัวบานฝังกาย ยึดเป็นห้องหอเรือนตาย รองกายไว้ด้วยแผ่นน้ำ
จากหุบเขาแนวไพรสู่ในเวียงฟ้า ฝากไว้เพียงชื่อเลื่องลือนานช้าฝังจำ
ฝากคำศัพท์นำนึกนอง หลงทางสุดหวังคืนครอง หลงตัวจำต้องลาระทม

เอาวังน้ำใสเย็น นี่หรือมาเป็นเมรุทอง
เอาน้ำตกก้องเป็นกลองประโคม
เอาเสียงจักจั่น ลั่นร้องระงม เป็นเสียงประโลมร้องต่างแตรสังข์
เพดานนั้นเอาเมฆฟ้า ภูผานั้นต่างม่านบัง
ประทีปแสงจันทร์ใสสว่าง อยู่เดียวท่ามกลางดงดอน
เหมือนวังสวรรค์ วังรักอันเลิศลอย คู่แดนดอยพนา
น้ำวังแอ่งฝังชีวา บูชารักชื่อเทิดไว้
ฝากชีวิตวิญญาณอยู่ในวังน้ำ โธ่เอ๋ยบัวบานผู้ผ่านความช้ำเหนือใคร
ดอกไม้ใบไม้ไหลมา คล้ายพวงหรีดรักเทวา ไหลมาบูชา บัวบาน
-----------------------
วังบัวบาน
ชาลี อินทรวิจิตร
สมาน กาญจนะผลิน
ขับร้องโดย...วงจันทร์ ไพโรจน์

วังเอ๋ยวังบัวบาน สุสานเทวี ผู้มีความรักเหนือใคร
ฝังร่างฝังรักฝากรอยอาลัย
เอาวังน้ำเย็นเช่นเรือนตาย
วิญญาณเวียนว่ายในน้ำวัง
จากเขาลำเนาไพรสู่ในเวียงฟ้า
เกิดมาไม่พ้นอนิจจัง
เพราะซื่อถือนักว่ารักจีรัง
ไม่มีระแวงไม่เคยระวัง
ชีพนางจึงฝังสังเวยธาร
เหลือเพียงชื่อไว้เหลือเพียงดอกไม้
คล้ายหรีดมาลา
ไหลมาบูชาบัวบาน
นับวันนี่หนอที่ก่อเหตุการณ์
นี่แหละคือสุสาน
เปรียบดังสถานโลงทอง
ยินเสียงน้ำตกซ่าแว่วมาน่าฟัง
เปรียบดังแตรสังข์เสียงกลอง
เสียงหริ่งระงมลมพริ้วเป็นทำนอง
ดุจดังเสียงเพลงกล่อมเมรุทอง
ให้ผู้เจ้าของวังบัวบาน

..ยินเสียงน้ำตกซ่าแว่วมาน่าฟัง
เปรียบดังแตรสังข์เสียงกลอง
เสียงหริ่งระงมลมพริ้วเป็นทำนอง
ดุจดังเสียงเพลงกล่อมเมรุทอง
ให้ผู้เจ้าของวังบัวบาน
------------


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 24 พ.ค. 08, 11:53
http://www.lannaworld.com/story/tales/bbann.htm

วังบัวบาน เป็นชื่อวังน้ำที่อยู่เบื้องล่างชะง่อนผาสูงบริเวณเหนือน้ำตกห้วยแก้ว ซึ่งอยู่ในเขตตำบลสุเทพ อำเภอเมือง เชียงใหม่
วังน้ำนี้เดิมเรียกว่า "วังคูลวา" หรือ "วังกุลา" ด้วยมีเรื่องเล่ามาก่อนว่ามี "คูลวา-กุลา"ซึ่งหมายถึงแขกคนหนึ่งพลัดตกลงไปตายในวังน้ำแห่งนี้ คำว่า "คูลวา-กุลา" ในภาษาล้านนาหมายถึงแขกหรือฝรั่งชาวต่างชาติซึ่งถือว่าไม่เป็นที่พึงต้อนรับ วังน้ำที่เกิดเหตุจึงได้ชื่อดังกล่าว ทั้งนี้ บุญช่วย ศรีสวัสดิ์ นักเขียนสารคดีเชิงบันทึกเหตุการณ์กล่าวไว้ว่ามีการเปลี่ยนชื่อ เป็น "วังบัวบาน" เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๗ โดยเหตุที่มีหญิงชื่อ "บัวบาน" ตกลงไปตายในวังน้ำนี้อีก วังน้ำอาถรรพณ์นี้จึงเปลี่ยนมาเรียกชื่อว่า "วังบัวบาน"
เรื่องราวการตายของบัวบานมีการโจษจันกันอยู่สองกระแส บ้างเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย บ้างว่าเป็นเพราะหญิงคนงามดังกล่าว พลัดตกโดยอุบัติเหตุ แต่ก็มีสาเหตุมาจากเรื่องชู้สาว
จากการให้สัมภาษณ์ของนายศิริพงษ์ ศรีโกศัย(นักจัดรายการวิทยุที่ใช้นามแฝงว่า"ย่าบุญ" เมื่อ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๐) เล่าว่าที่ตั้งบ้านของบัวบาน ปัจจุบันอยู่ฟากถนนตรงกันข้ามกับอาคารอำนวยการหลังเก่าของโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เชียงใหม่ มีอาชีพเป็นครูสอนในโรงเรียนดาราวิทยาลัย โรงเรียนซินเซิง โรงเรียนฮั่วเคี้ยวและโรงเรียนฮั่วเอง ครูบัวบานมีคนรักเป็นนายทหารรักษาพระองค์ ต่อมาถูกทหารดังกล่าวสลัดรัก บัวบานจึงเสียใจมากและได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยการกระโดดลงไปในวังน้ำแห่งนั้น
ส่วนเจ้าบุญศรี ณ เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์เมื่อ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๑ ว่า ครูบัวบานมีสถานที่อยู่ตรงกันกับที่กล่าวมาแล้ว แต่ให้ข้อมูลเพิ่มว่าครูบัวบานเป็นคนสวยจนเป็นที่เล่าลือกันทั่วไป ในช่วงที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง (พ.ศ.๒๔๘๒-๒๔๘๘) ครูบัวบานคนสวยเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนวัดฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง เชียงใหม่ ครั้งนั้นได้มีทหารหน่วยราบจากกรุงเทพฯ ขึ้นมาตั้งอยู่ที่วัดฟ้าฮ่ามด้วย นายร้อยตรีหนุ่มรูปงามในกองทหารนั้นได้พบกับครูบัวบานคนสวยบ่อยครั้งเข้าก็สนิทสนมแล้วกลายเป็นคู่รักและได้เสียกันขึ้น ต่อมานายร้อยตรีผู้นั้นกลับลงไปกรุงเทพฯ ตามคำสั่งพร้อมกับคำสัญญาว่าจะขึ้นมาแต่งงานกับครูบัวบานคนงาม แต่คำสัญญานั้นลงท้ายก็กลายเป็นคำลวงเพราะนายร้อยตรีนั้นมีภรรยาอยู่แล้ว ครูบัวบานรออยู่นานจนผิดสังเกตและเห็นว่าครรภ์โตมากขึ้น เมื่อแน่ใจว่าตนถูกหลอกแน่แล้วจึงตัดสินใจไปกระโดดน้ำตาย

ในบทความชื่อ "วังบัวบาน"ของสมาน ไชยวัณณ์ ตีพิมพ์ในวารสาร "คนเมือง ฉบับดำหัว" ต้อนรับสงกรานต์ ๒๕๑๑ กล่าวว่าครูบัวบานตายเพราะอุบัติเหตุ โดยอ้างเอาคำสารภาพก่อนตายของอดีตครูประชาบาลคนหนึ่งซึ่งเป็นคนรักของครูบัวบาน ผู้เขียนบทความกล่าวว่าตนรู้จักกับครูบัวบานเป็นอย่างดี และตนมีอายุอ่อนกว่าครูบัวบาน ๘-๙ ปี ครูบัวบานเป็นสมาชิกของตระกูลและครอบครัวของผู้มีชื่อเสียงดี ฐานะดี จบการศึกษาจากโรงเรียนฝรั่งที่มีชื่อในเชียงใหม่ แล้วได้เป็นครูสอนที่โรงเรียนนั้น และครูบัวบานมีความสัมพันธ์ฉันคนรักกับครูประชาบาลคนหนึ่ง
ผู้เขียนบทความเล่าว่าในขณะที่อดีตครูประชาบาลคนรักเก่าของครูบัวบานป่วยหนักอยู่ในบ้านกลางเมืองเชียงใหม่ วันหนึ่งได้ออกปากเล่าแก่ภรรยา บุตรและญาติสนิทว่าตนเคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับครูบัวบาน ทั้งๆ ที่ตนก็มีภรรยาอยู่แล้ว เมื่อครูบัวบานตั้งท้องแล้วก็ได้นัดครูประชาบาลคนรักไปตกลงกันในที่ปลอดคนแห่งหนึ่งบนห้วยแก้ว ครูบัวบานขอให้จัดแต่งงานเสียเพื่อมิให้เป็นที่ละอายแก่ชาวบ้านและเพื่อเห็นแก่ทารกในครรภ์ หลังจากที่ต่างก็ให้เหตุผลกันเป็นเวลานาน ครูประชาบาลก็สรุปว่าตนยังไม่อาจด่วนทำอะไรลงไปได้เพราะมีลูกเมียอยู่แล้ว ครู บัวบานไม่อาจทนฟังต่อไปได้จึงผละจากแล้ววิ่งหนีไปโดยไม่ใส่ใจระมัดระวังในเส้นทาง และได้พลาดตกจากหน้าผาลงสู่ "วังคูลวา-กุลา" และเสียชีวิตโดยไม่อาจช่วยได้ทัน ครูประชาบาลคนนั้นเสียใจเป็นที่สุด ด้วยความตกใจและกลัวโทษ ก็ได้แต่แอบซ่อนตัวกลับลงมาจากห้วยแก้วและไม่ยอมปริปากให้ผู้ใดได้ล่วงรู้
เมื่อมีคนไปพบศพครูบัวบานแล้ว เรื่องหญิงงามที่ตายในวังน้ำก็ได้กลายเป็นหัวข้อที่กล่าวขานกันทั่วเมือง ผู้เขียนบทความกล่าวว่าด้วยผลกรรมที่ทำให้ครูบัวบานต้องตายนั้น ครั้งหนึ่งได้เกิดพายุใหญ่ในเมืองเชียงใหม่ แรงพายุได้โหมกระหน่ำทำให้มะพร้าวต้นหนึ่งล้มฟาดลงมาทับหลังของครูประชาบาลผู้นั้นจนหลังหักและกลายเป็นอัมพาต เขาจึงลาออกจากราชการมาอยู่กับครอบครัว และยังชีพอยู่ได้ด้วยเงินบำนาญ จนเมื่อล้มป่วยหนักจึงได้ปริปากบอกเรื่องของตนกับครูบัวบาน พร้อมกับย้ำว่าครูบัวบานตายเพราะอุบัติเหตุ มิได้ตั้งใจจะฆ่าตัวตาย

จากการศึกษาของ สุธาทิพย์ สว่างผล ในวิทยานิพนธ์ปริญญาโท สาขาภาษาและวรรณ-กรรมล้านนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๓๑ กล่าวว่า ในหนังสือ นิทานพื้นบ้านไทย ของ วสันต์ ปัณฑวงศ์ พ.ศ.๒๕๒๒ กล่าวถึงเรื่องของครูบัวบานในแง่ที่แผกออกไป โดยกล่าวว่า มีปลัดอำเภอหนุ่มรักกับลูกสาวคหบดีชื่อบัวบานและได้หมั้นหมายกันไว้โดยที่ไม่มีผู้ใดขัดข้อง แต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะปลัดอำเภอเป็นทาสการพนันทุกชนิด ทำให้เกิดหนี้สินจนต้องยักยอกเงินของทางราชการไปใช้หนี้และเล่นการพนันด้วย ต่อมาได้ขอเงินจากบัวบานว่าจะไปใช้หนี้ราชการ แต่กลับนำไปเล่นการพนันอีกจนหมด จากนั้น ปลัดอำเภอหนุ่มได้นัดบัวบานไปสารภาพผิดที่หน้าผา แต่ทั้งคู่กลับทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนบัวบานทนไม่ได้จึงกระโดดหน้าผาตาย ส่วนปลัดอำเภอหนุ่มทาสพนันนั้นไม่มีการกล่าวถึงอีกว่าได้โดดหน้าผาตามหรือไม่
และเรื่องของครูบัวบานนี้ สุธาทิพย์ สว่างผล ได้ไปสัมภาษณ์คนที่สนิทกับครอบครัวของครูบัวบานผู้หนึ่งชื่อ นางอรุณ หมู่ละสุคนธ์ ๑๓๐ ถนนแก้วนวรัฐ อ.เมือง เชียงใหม่ เมื่อ ๒๕ มีนาคม ๒๕๓๑ ซึ่งได้ความว่าบัวบานและหนุ่มชาวภาคกลางได้รักกันโดยไม่มีผู้ใดขัดขวาง และบัวบานได้ตายเพียงผู้เดียว เมื่อบัวบานตายแล้วชายหนุ่มก็หายหน้าไป ญาติของบัวบานต่างคิดว่าเป็นการฆาตกรรมแต่ผู้เล่าเห็นว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือบัวบานอาจกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายก็ได้
จากความตายอย่างน่าสะเทือนใจของครูสาวคนงามทำให้มีผู้โจษจันกันอย่างกว้างขวาง ในครั้งนั้น กล่าวกันว่า มีพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งอยู่ที่วัดพระนอนป่าเก็ดถี่ อ.สารภี เชียงใหม่ ได้นำเรื่องนี้มาแต่งเป็นคำกลอนตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ภิกษุรูปนั้นว่ากันว่าใช้นามปากกาว่า "เลิศ ลานนา" ซึ่งก็ว่าเป็นนามปากกาของนักเขียนสารคดีคนสำคัญของเชียงใหม่ชื่อ บุญเลิศ พิงค์พราวดี (บ้างก็ว่าภิกษุที่แต่งกลอนนั้นเป็นพระอยู่ที่วัดดอยสุเทพ) และว่าต่อมา "สนิท ส." (สนิท สิริวิสูตร) ผู้เป็นนักแต่งเพลง ซึ่งมีถิ่นกำเนิดที่เชียงใหม่ก็ได้นำบทกลอนดังกล่าวนั้นมาปรับปรุงขึ้นอีก แล้วแต่งเป็นเพลงชื่อ "วังบัวบาน" โดยมี อรุณ หงสวีณ เป็นผู้แต่งทำนอง และ มัณฑนา โมรากุล เป็นผู้ขับร้อง อัดแผ่นเสียง
โดย อุดม รุ่งเรืองศรี


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 24 พ.ค. 08, 12:40
        ตามคุณพพ. พาขึ้นเหนือ
          วังบัวบานสองเพลงนี้มีเนื้อและคำร้องคล้ายกันหลายแห่ง เนื้อเพลงตอนเปรียบเทียบ
ธรรมชาติน้ำตกกับวัดชวนให้นึกถึงสมัยเรียนกาพย์นางลอย ครับ

         จะอุ้มองค์ขึ้นต่างโกศ     เอาพระโอษฐ์มาระงม
ต่างเสียงพระสนม                  อันร่ำร้องประจำเวร
          สาครจะต่างเมือง         สิงขรเนื่องจะต่างเมรุ
มังกรโตกิเลน                       จะต่างพาหนะยล
          ดาวเดือนจะต่างเทียน     วิเชียรแก้วกลีบจงกล
เมฆหมอกในเวหน                   จะต่างพู่และเพดาน...
       
         เสียงคลื่นจะต่างกลอง      พิณพาทย์ฆ้องประโคมใน
จักจั่นและเรไร                       จะต่างสังข์และเสภา .....

        มีเพลงคันทรี่-ลูกทุ่งไทย ครับ เพลงนี้เล่าเนื้อเรื่องเหตุการณ์วังบัวบานมากกว่าเพลงบัวบานทั้งสอง

       อตีตรักวังบัวบาน

       โอ้วัง.บัวบาน เป็นสุสาน
.รักของสาวคนซื่อ
มีรักเด็ดเดี่ยว
รักเดียวที่เธอยึดถือ
แต่ชายคนรักไม่ซื่อ
เธอหรือต้องโดดผาตาย
        โอ้วัง.บัวบาน เป็นสุสาน
.รักของสาวเชียงใหม่
เธอถูกรักลวง จึงอำลาโลกไป
เธอถูกคนใจร้าย
หลอกให้เธอนั้นเฝ้าคอย
บอกว่า.จะกลับมารับขวัญตา
ต่างให้สัญญา
ฝ่ายชายกลับมีเมียน้อย
ปล่อยให้ว้าเหว่
ได้แต่ตั้งตาคอย
เธอรู้รักสิ้นปีนดอย
จบชีวิตน้อยในวังน้ำวน.
        โอ้.วังบัวบาน เป็นสุสาน
เราพาหมองหม่น
ด้วยเหตุอะไร
ทำไมใจร้ายเหลือทน
รักเดียวไม่พอเวียนวน
หลอกคนเสียจนต้องตาย
         
         เพลงวังบัวบานเสียงคุณมัณฑนาร้องจบที่ - อยู่เดียวท่ามกลางดงดอย 
ต่อมาคุณรวงทองจะร้องท่อนที่ตามมาด้วยจนจบ ซึ่ง อ.เจตนาเคยเขียนถึงด้วยความชื่นชมการตีความ
ของคุณรวงทองครับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 24 พ.ค. 08, 12:50
        บทความ อ.เจตนา ที่ชื่นชมคุณรวงทอง จากกระทู้เก่า ครับ

         รวงทองเป็นศิลปินผู้ตีความ (interpretative artist) ที่ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ ในกรณีที่เธอนำเพลง
ที่นักร้องรุ่นพี่ เช่น มัณฑนา โมรากุล (ผู้ซึ่งเธอเคารพนับถือ) มาตีความใหม่ เธอแสดงความคารวะต่อนักร้องต้นแบบ
ด้วยแนวคิดใหม่ที่น่าทึ่ง
         จะขอยกตัวอย่างเพลง "วังบัวบาน" มัณฑนา โมรากุล ร้องได้จับใจเรา เพราะเธอสามารถชักพาเราให้เข้าไป
เป็นส่วนหนึ่งของความทุกข์ระทมของบัวบาน
          รวงทอง ทองลั่นธม เสนอทิศทางที่เป็นของเธอเอง ซึ่งปรากฏชัดในการแสดงที่โรงแรมตรัง เมื่อ 28 พ.ค. 2549
เธอแสดงบทบาทของผู้เล่าเรื่อง ของผู้สังเกตการณ์ซึ่งชี้ให้เห็นความสง่างามของโศกนาฏกรรมของสาวชื่อบัวบาน
ที่มิได้ตายอย่างคนไร้ค่า แต่ดิน น้ำ ลม ฟ้ารวมแรงกันสร้าง "สุสานเทวีผู้มีความช้ำ" โดยที่เราถูกกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง
ของกลุ่มสักขีพยานนั้นด้วย

          ทุกวันนี้เพลง ballad จะเป็นที่เข้าใจใช้ในความหมายใหม่ที่หมายถึง เพลงรัก romantic, sentimental
(แต่ก็ยังไม่พ้นมีการเล่าเรื่องแต่งเติมออกมาเป็น - มิวสิควิดีโอ)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 24 พ.ค. 08, 23:44
นี่อีกเพลงครับคุณกุ้ง  ที่แม่สาวอลานิส  ร้องได้น่าฟังและชอบความหมายครับ

Thank U
by Alanis Morissette
how bout getting off these antibiotics
how bout stopping eating when I'm full up
how bout them transparent dangling carrots
how bout that ever elusive kudo

thank you india
thank you terror
thank you disillusionment
thank you frailty
thank you consequence
thank you thank you silence

how bout me not blaming you for everything
how bout me enjoying the moment for once
how bout how good it feels to finally forgive you
how bout grieving it all one at a time

thank you india
thank you terror
thank you disillusionment
thank you frailty
thank you consequence
thank you thank you silence

the moment I let go of it was the moment
I got more than I could handle
the moment I jumped off of it
was the moment I touched down

how bout no longer being masochistic
how bout remembering your divinity
how bout unabashedly bawling your eyes out
how bout not equating death with stopping

thank you india
thank you providence
thank you disillusionment
thank you nothingness
thank you clarity
thank you thank you silence


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ค. 08, 00:57
ดิฉันเคยทำงานที่เดียวกับดร.เจตนามานานหลายสิบปี ตั้งแต่เป็นอาจารย์ชั้นผู้น้อย  ส่วนท่านเป็นคณบดี
ติดตามอ่านงานวิชาการของท่านเสมอ จนบัดนี้ ท่านเกษียณไป สิบกว่าปีแล้ว ก็ยังตามอ่านอยู่ ด้วยความเคารพในภูมิรู้
แต่มีข้อหนึ่งที่ยังฝ่าด่านไปไม่ได้จนบัดนี้ คืออ่านสำนวนวิชาการอันลุ่มลึกของท่าน ไม่ทะลุแจ้งแทงตลอด 
อ่านไปต้องแปลเป็นภาษาอนุบาลของตัวเองไป   อย่างในข้อความนี้

รวงทอง ทองลั่นธม เสนอทิศทางที่เป็นของเธอเอง ซึ่งปรากฏชัดในการแสดงที่โรงแรมตรัง เมื่อ 28 พ.ค. 2549
เธอแสดงบทบาทของผู้เล่าเรื่อง ของผู้สังเกตการณ์ซึ่งชี้ให้เห็นความสง่างามของโศกนาฏกรรมของสาวชื่อบัวบาน
ที่มิได้ตายอย่างคนไร้ค่า แต่ดิน น้ำ ลม ฟ้ารวมแรงกันสร้าง "สุสานเทวีผู้มีความช้ำ" โดยที่เราถูกกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ของกลุ่มสักขีพยานนั้นด้วย

เดาว่า หมายถึงคุณรวงทองร้องเพลง ด้วยน้ำเสียง ท่วงทำนอง การเน้นคำ แตกต่างจากคุณมัณฑนาร้องไว้
เมื่อฟังแล้วเธอร้องได้จับใจมาก จนตำนานของบัวบานฟังสง่างาม น่าภาคภูมิใจ  คนฟังก็รับรสอารมณ์สะเทือนใจนี้ได้ทั่วถึงกัน

วันไหนมีโอกาสสนทนาด้วย   เห็นจะต้องถามท่านว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า 


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 พ.ค. 08, 01:36
เชื่อว่า
ท่านอ่านของท่านเอง
ท่านไม่รู้เรื่องแน่ครับ

ผมจับความได้ว่า เพลงนี้เป็นตำราอี้จิง ภาคฮวงจุ้ย(ด้วยแฮะ)
ส่วนที่ว่าคุณรวงทองเธอร้องเป็นตัวของตัวเองนั้น
ผมยังไม่เคยได้ยินคุณรวงทองร้องเป็นคนอื่นเลย

หรือเคยมีใครได้ยินมาบ้างครับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 พ.ค. 08, 13:04
           ขอลองมองบทความของ อ.เจตนา ออกมาเป็นมิวสิควิดีโอ ครับ

           คุณมัณฑนาแต่งชุดย้อนยุคเป็นสาวชาวเหนือ นุ่งซิ่น เกล้าผม ทัดดอกไม้
(ภาพลักษณ์สาวชาวเหนือที่ติดตาคนทั่วไป) ยืนอยู่ริมผาน้ำตก ร้องเพลงถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก
เป็นตัวบัวบาน จบเพลงด้วยภาพคุณมัณฑนาเลือนหายไปจากผาน้ำตก

           ส่วนคุณรวงทองสวมชุดนักร้องออกงาน ยืนอยู่ตรงน้ำตกส่วนล่างที่เป็นแอ่งน้ำ
เธอร้องแบบเล่าเรื่องเหตุการณ์ฝากสถานที่ รู้สึกสะเทือนอารมณ์ไปด้วยแต่ไม่ถึงขนาดเป็นบัวบานเอง
มีภาพซ้อนเป็นนักแสดงหญิงอีกคนรับบทบาทบัวบาน จบเพลงด้วยภาพบัวบานเลือนหายไป
แต่คุณรวงทองยังยืนไว้อาลัยอยู่ที่เดิม

วังบัวบาน นำแสดงโดยคุณสมบัติ และคุณสุทิศา ครับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ค. 08, 14:13
หมายถึงคุณมัณฑนาร้อง  เข้าถึงอารมณ์ของบัวบานมากกว่าหรือคะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 พ.ค. 08, 14:55
คุณ SILA อธิบายได้ดีครับ
ดีกว่าท่านศาสตราจารย์เสียอีก


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 พ.ค. 08, 15:23
          ครับ คือ คุณมัณฑนาร้องเป็นตัวบัวบาน ส่วนคุณรวงทองตั้งใจร้องให้แตกต่างออกไป
เธอจึงร้องแบบคนเล่าเรื่อง เล่าเรื่องได้อย่าง "อิน" แต่ก็ไม่เท่าอารมณ์จากการร้องแบบเป็นบัวบาน
ของคุณมัณฑนา ครับ

ป.ล. (โอ้)โห.. ปานนั้นเลยหรือครับ คุณพพ.

         


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 พ.ค. 08, 17:39
ผมไม่เจ้าใจอาจารย์เจตนามานาน....
สมัยหนึ่งอาจารย์เขียนบทความได้น่าึ่งอย่างยิ่ง

เช่น ที่เขียนลงในสูจิบัตรอาจารย์กัญญา เจริญศุภกุล
แต่พอมาตั้งสำนักวิจารณ์ด้วยทุนสกว.
งานของแกยิ่งน่าทึ่งหนักขึ้นไปอีก อย่างที่ยกมานั่นแหละครับ
ไม่มีใครรู้ดอกครับ ว่าจะต้องการหมายถึงอะไร เพราะภาษานั้นดิ้นอย่างกับโดนดีด
หึหึ....เปรียบเทียบน่ะครับ

ผมคิดว่า การใช้ความกำกวม หรือวรรณศิลป์มากจนเกินไป
ก็เหมือนรับประทานแต่ผงชูรส โดยไม่ได้มีจานข้าวหรือกับ อยู่บนโต๊ะน่ะครับ

ที่คุณ SILA สรุปไว้ อ่านแล้วก็รับรู้ได้ว่า
ความชัดเจนนั้น มีค่าที่จะอ่าน และอ่านซ้ำได้ไม่ต้องกล้ำกลืน


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 25 พ.ค. 08, 18:47
ไม่เคยฟังเลยครับ เพลงของนักร้องหญิงคนนี้
...
ballad ที่ผมจำเนื้อและร้องได้ จะมีเพลง Ballad of John and Yokoอยู่ด้วย


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 25 พ.ค. 08, 23:36
เอาล่ะซี  เอสวิส ชอบเต่าทองด้วยแฮะ .......... ;D


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 26 พ.ค. 08, 09:06
ตอบคุณกล้วย คุณฟังชัค เบรี่ไหมล่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 พ.ค. 08, 10:05
             ขออนุญาตกลับขึ้นเหนือสู่วังบัวบานอีกสักหน่อย ครับ

             บทความที่อ้างถึง เป็นบทความที่อ.เจตนา เขียนชื่นชมคุณรวงทอง
แต่เชื่อว่าอ.เจตนาและนักฟังเพลง รวมทั้งคุณรวงทองเอง ต่างก็ยกให้คุณมัณฑนามาก่อน
             มีเรื่องเล่าจากวงในผ่านคุณพี่ที่ทำงานว่า เวลาร้องบันทึกแผ่นเสียง คุณมัณฑนาจะร้องได้
ประมาณครั้งเดียวผ่าน - คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐, คุณเพ็ญศรีจะราว ๘๐ ในขณะที่คุณรวงทองต้องซ้ำหลายๆ ครั้ง
เพราะร้องไป ยืดออกไป (เพลงคุณรวงทองจึงมักต้องมีครูเอื้อสีไวโอลินคลอกำกับ)

             เมื่อคุณรวงทองร้องเพลงเอกของคุณมัณฑนาเช่น วังบัวบาน
(เพลงนี้เป็นเพลงที่แฟนๆ ขอให้คุณมัณฑนาร้องสักนิดหนึ่งก็ยังดี เมื่อครั้งงานเชิดชูคุณมัณฑนาคราวหนึ่ง
ซึ่งคุณมัณฑนาในวัยที่มากมาย ไม่สามารถร้องได้ เพียงขึ้น ร้อนลมหน้าแล้ง แล้วเสียงก็แห้งหายไป) 
             คุณรวงทองซึ่งอ.เจตนาชื่นชมว่ามีคุณสมบัติเป็นศิลปินตีความด้วย ก็เลือกที่จะร้องแบบคนเล่าเรื่อง
เพื่อความแตกต่าง ซึ่งเมื่อฟังแล้วต้องยกให้คุณมัณฑนามาก่อนเช่นเคย ครับ

                อีกเพลงที่ทั้งสองท่านร้องและเป็นที่รู้จักกันดีก็คือ เพลง อาลัยลา ที่จดจำกันได้ตามเนื้อขึ้นต้นเป็น
ดึกแล้วคุณขา ครับ               


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 27 พ.ค. 08, 01:18
อิอิ  นอกจาก จอนนี่บีกู๊ด แล้ว  route 66  ก็เป็นอีกเพลงโปรดครับ  แต่มัณฑนา  ที่กำลังพูดถึงกันอยู่  ผมพยายามหาฟังในเนตอยู่ครับ  ยังไม่ได้ฟังเลย  แต่คุณรวงทอง  ยังเคยได้ฟังท่านร้องบ้างครับ .............. :)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 20 ก.ค. 08, 09:50
ไปดูหนังเด็กนรกมาค่ะ คุณบานา ดูไปขำกิ๊กไป ยิ่งตอนที่มนุษย์ปลากับเด็กนรกร้องเพลงนี้ ทำให้วันนั้น ดิฉันฮัมเพลงออกมาตลอด ทั้งที่ไม่ปลื้มนายแบรี่ มานิโลว์สักเท่าไหร่

Can't Smile Without You

You know I can't smile without you
I can't smile without you
I can't laugh and I can't sing
I'm finding it hard to do anything
You see I feel sad when you're sad
I feel glad when you're glad
If you only knew what I'm going through
I just can't smile without you

You came along just like a song
And brightened my day
Who would have believed that you were part of a dream
Now it all seems light years away

And now you know I can't smile without you
I can't smile without you
I can't laugh and I can't sing
I'm finding it hard to do anything
You see I feel sad when you're sad
I feel glad when you're glad
If you only knew what I'm going through
I just can't smile

Now some people say happiness takes so very long to find
Well, I'm finding it hard leaving your love behind me

And you see I can't smile without you
I can't smile without you
I can't laugh and I can't sing
I'm finding it hard to do anything
You see I feel glad when you're glad
I feel sad when you're sad
If you only knew what I'm going through
I just can't smile without you


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 24 ก.ค. 08, 01:51
แบรี่  เป็นนักร้องที่แปลกครับสำหรับคนไทย(ประสบการณ์ผมเอง)  เวลาผมถามใครๆมักจะได้รับคำตอบว่า  เฉยๆ หรือไม่ชอบเท่าไหร่  แต่ส่วนมากก็มักร้องเพลงของเขาได้ ..................... :P

Even Now
when there's someone else who cares
when there's someone home who's waiting just for me
even now I think about you as I'm climbing up the stairs
and I wonder what to do so she won't see
that even now
when I know it wasn't right
and I found a better life than what we had
even now I wakeup crying in the middle of the night
and I can't believe it still could hurt so bad

even now when I have come so far
I wonder where you are
I wonder why it's still so hard without you
even now when I come shining through
I swear I think of you
and how I wish you knew
even now

even now
when I never hear your name
and the world has changed so much since you been gone
even now I still remember and the feeling's still the same
and the pain inside of me goes on and on
even now

even now when I have come so far
I wonder where you are
I wonder why it's still so hard without you
even now when I come shining through
I swear I think of you
and God I wish you knew
some how
Even now


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 08 ก.ย. 08, 08:09
แบรี่คนที่ดิฉันชอบ เป็นพี่ชายคนโตของวงบีจีส์ แต่งเพลงดีๆไว้หลายเพลง เมื่อนานๆกลับไปฟังที ก็ทำให้หัวใจเต้นแรงไปหลายนาที
เพลงนี้ค่ะ หาฟังได้จากยูทูบ เนื้อจะไม่ตรงบางท่อนถ้าไปดูตอนที่Olivia Newton John ร้องกับ Andy ผู้ล่วงลับ
อารมณ์ น้ำเสียง และความเป็นศิลปินของทั้งคู่ทำให้ดื่มด่ำไปกับเนื้อค่ะ
Rest your love on me

(Barry Gibb)

Maybe you don't know me anymore than I know you
And I wouldn't blame you if you walked away
I've been watching you all evening
With the teardrops in your eyes
And it touches me much more than I can say

You know I hate to think that someone
Could have hurt someone like you
And at times like this I'd be right by your side

Lay your troubles on my shoulders
Put your worries in my pocket
Rest your love on me awhile
Lay your troubles on my shoulders
Put your worries in my pocket
Rest your love on me awhile

Saw you in the corner on the moment I walked in
Saw your lonely face across the room
No, I won't forget it
And the way it might have been
Oh, why did you have to leave so soon?

You know I hate to think that someone
Could have loved you more than me
And if I was them I'd be right by your side

Lay your troubles on my shoulders
Put your worries in my pocket
Rest your love on me awhile
Lay your troubles on my shoulders
Put your worries in my pocket
Rest your love on me awhile

How long must I wait
For the last train to leave here
And the last chance to go home?
Get to thinking I was born too soon
How long, honey
When the lovin' don't come
It was there when you left me
Just didn't know how to begin

Lay your troubles on my shoulders
Put your worries in my pocket
Rest your love on me awhile
Lay your troubles on my shoulders
Put your worries in my pocket
Rest your love on me awhile

www.youtube.com/watch?v=9msXmZEh70s

สำหรับคนที่ยังมีรักในหัวใจ คลิคไปจะไม่ผิดหวังค่ะ



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 08 ก.ย. 08, 10:17
สำหรับผู้ที่มีรักฝังใจ แม้จะห่างเหินกันไปจะด้วยภาระหรือเพราะมีเส้นทางชีวิตที่ต่างกัน วันหนึ่งขึ้นมา เหลือเชื่อ ไปเดินเจอกันในถนนสายหนึ่ง
ต่างก็เปลี่ยนไป ชวนกันไปดื่มเบียร์ คุยถึงเรื่องราวในหนหลัง
ถึงหลายๆปีจะผ่านไป ความรู้สึกคลั่งไคล้ในตัวเขา(หรือเธอ)มันก็ไม่จางไปเลยแม้แต่น้อย
Still crazy after all these years
ใครเป็นอย่างนี้บ้างไหม

Words & music by paul simon

I met my old lover
On the street last night
She seemed so glad to see me
I just smiled
And we talked about some old times
And we drank ourselves some beers
Still crazy after all these years
Oh, still crazy after all these years

Im not the kind of man
Who tends to socialize
I seem to lean on
Old familiar ways
And I aint no fool for love songs
That whisper in my ears
Still crazy after all these years
Oh, still crazy after all these years

Four in the morning
Crapped out, yawning
Longing my life a--way
Ill never worry
Why should i?
Its all gonna fade

Now I sit by my window
And I watch the cars
I fear Ill do some damage
One fine day
But I would not be convicted
By a jury of my peers
Still crazy after all these years
Oh, still crazy
Still crazy
Still crazy after all these years

เพลงส่วนใหญ่ของคุณผ่อน ไทรมอญน่ะ ไม่ใช่จะร้องกันง่ายๆนะคะ นักร้องเสียงสไตล์เอลวิสคนหนึ่งถูกดิฉันขอให้ร้องเพลงนี้ เขาตอบว่า
"อย่าให้ผมพยายามเลย เนื้อเขาดีๆ แต่เสียงผมไม่ใช่ ร้องเพลงนี้ไปคุณจะคิดว่าผมแหล่..."
ฮึ เป็นเสียอย่างนั้น..
ลองไปฟังค่ะ ว่ามันเข้าเค้าเพลงแหล่ของชาย เมืองสิงห์ไหม

http://www.youtube.com/watch?v=46bkXgxb66E&feature=related



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 08 ก.ย. 08, 15:49
 ;D ชาย เมืองสิงห์ของเรา เป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นทั้งนักร้องและนักแต่งเพลง ไม่เพียงเสียงดี หนุ่มๆหล่อมาก ในยุค 80 ซึ่งเพลงดิสโก้ระบาด เศรษฐกิจไทยยังบูม สวนอาหารใหญ่ๆเปิดกันทั่วทุกมุมเมือง มีนักดนตรีระดับเด่นๆวิ่งรอกกันไปร้องตามสวนอาหารใหญ่ๆ ซึ่งบางแห่ง เป็นสวนจริงๆ มีทั้งสายน้ำ ต้นไม้ ปลาและนกให้ดูเจริญตาเจริญใจ
ดิฉันได้อานิสงส์ฟังเพลงสดๆของชาย เมืองสิงห์ กับเขาด้วย
ฟังแล้ว แทบวางช้อน หยุดกึก บอกตรงๆว่าอิ่มในรสชาติของเสียง อักขระ และอารมณ์ของเพลง
มีทั้งสะท้อนสังคมชนบท ลีลาออดอ้อนสาว ซ่อนเสน่ห์เล่ห์ลูกทุ่งอย่างเพลง" พี่ไปหลายวัน" อกหักก็"รักจางที่บางปะกง"แต่งโดย สดใส ร่มโพธิ์ทอง เพลงที่ฮิตลูกเด็กเล็กแดงร้องได้ "ปูไข่ไก่หลง"
ลองสักเพลงนะคะ มีอารมณ์ขันมากจนออกจะทะลึ่งตึงตัง

จ้ำม่ำ

จ้ำม่ำ เสียจริงนะน้อง เอ๋ย
ไม่เคย เห็นใคร จ้ำม่ำ เท่า
หยาดเยิ้ม หยดย้อย ไม่เบา
อกตั๋น เต่งตึง เอวเว้า
จ้ำม่ำไม่เบา น้องเข้า ตำรา
จ้ำม่ำ เสียจริง นักน้อง พี่
เชฟดี โส-ภี เข้าท่า
อวบอั๋น ผ่องพรรณ งามตา
หน้าผากน้อง โหนกนูน เต็มหน้า
เตะลูกกะตา โส-ภา โส-ภี
ยามน้องเดิน สะโพก ย้ายยัก
พี่นึกรัก ตัวน้อง แล้วนี่
อยากเก็บ เอามา ใฝ่ฝัน
อยากเก็บ เอามา ใฝ่ฝัน
ได้รักแจ่มจันทร์ เป็นแฟนพี่ ก็ดี
จ้ำม่ำ เสียจริง นักน้อง นาง
ขาวจัง ผิวดัง สำลี
บั้นท้าย โยกย้าย ยวนยี
ลูกผัว น่ากลัว ยังไม่มี
จ้ำม่ำอย่างนี้ สวยดี จ้ะขวัญ-ตา

มีเพลงนี้ในยูทูบ แต่ร้องโดยผู้อื่น ที่ร้องโดยชาย เป็นเพลงอื่น ดนตรีที่เรียบเรียงใหม่ทำเสียงของชายหายหมดค่ะ เลยขอไม่ทำลิงค์ให้


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 08 ก.ย. 08, 16:26
ความห่างไกลคนรัก ไม่ว่าจะไปหลายวันหรือจากตาย น่าจะหดหู่มากในฤดูใบไม้ร่วง เห็นใครเดินคู่กันหวานหน่อย ใจก็ไพล่ไปนึกถึงคนที่ห่างไกล

เนื้อเพลงง่ายๆแบบนี้ โดนใจแฟนเพลง จอห์นนี่ แคช นอกจากจะเขียนเพลงคนคุกได้เฉียบขาดจนดัง เพลงนี้ของเขา นักแต่งเพลงด้วยกันอย่างbob dylan หรือ joni mitchell เคยร้องกับเขา
"I Still Miss Someone"

At my door the leaves are falling
A cold wild wind has come
Sweethearts walk by together
And I still miss someone

I go out on a party
And look for a little fun
But I find a darkened corner
because I still miss someone

Oh, no I never got over those blues eyes
I see them every where
I miss those arms that held me
When all the love was there

I wonder if she's sorry
For leavin' what we'd begun
There's someone for me somewhere
And I still miss someone

ชาย เมืองสิงห์ ทำให้คิดถึงลูกทุ่งฝรั่งเสียงใหญ่ ลึก และกังวาน จอห์นนี่ แคช
เพลงนี้ จอห์นนี่เคยร้องกับภรรยาของเขา จูน คาร์เตอร์


http://www.youtube.com/watch?v=OCbJJAAVSZY&feature=related

ชอบที่เขาร้องกับโจนี่ มิทเชล นักแต่งเพลงในดวงใจมากกว่า จำโจนี่ได้ไหมคะ เพลงดังของเธอ both sides now วัยรุ่นยุคนี้น่าจะรู้จักถ้าได้ดูหนังLove actually
ดิฉันก็รู้จักตอนวัยรุ่นเหมือนกัน





กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 09 ก.ย. 08, 00:51
graham nashเป็นเพื่อนชายคนสนิทของjoni mitchell ทั้งคู่เป็นนักแต่งเพลง ต่างกันที่โจนี่ มักจะเขียนเพลงลึกๆซึ้งๆ ส่วนแกรม จะเขียนเพลงเหมือนเขียนภาพ
เพราะก่อนที่จะเอาดีจริงจังทางเพลง แกรมเป็นช่างภาพมาก่อน แกรมเป็นคนอังกฤษ เพลงที่คนจำไม่ลืมของเขาคือ our houseและteach your children
ประโยคง่ายๆอย่าง ฉันจะจุดไฟเตาผิง เธอจะจัดดอกไม้ใส่แจกัน...ที่เปิดเพลง แถมร้องเองก็เลยได้ใจคนไปทั่วโลก
แกรมได้แรงบันดาลใจจากวันหนึ่งที่เขาไปเที่ยวบ้านเพื่อนสาวนักแต่งเพลงนั่นเอง
เพลงนี้ ทำชื่อให้วงcsny
ส่วนเพลง สอนลูกๆคุณ นั้น มีคุณค่า ทั้งเนื้อ และทำนอง อยู่ในอัลบั้มชุด Deja vu ซึ่งออกในปี1970
ความประทับใจในเพลงนี้ ทำให้สมัยที่ดิฉันจัดรายการทีวีสอนภาษาอังกฤษจากเพลงให้ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ดิฉันชวนเพื่อนๆมีจิรพรรณ อังศวานนท์ กับสุรสีห์ อิทธิกุล ไปออกทีวี เล่นกีตาร์และร้องเพลงนี้สดๆในรายการSongs Aliveที่ช่อง 9 ตั้งแต่สมัยทั้งสองหนุ่มยังไม่ตั้งbutterfly
แกรมยกย่องคนเขียนเพลงหลายๆคน นักแต่ ปีเตอร์ ยาร์โร่วที่เขียนเพลง พัฟ มังกรกายสิทธิ์ ซึ่งสื่อความหมายการูสญเสียความไร้เดียงสา
จอร์จ เดวิด ไวซ์ ที่เขียนเพลง what a wonderful worldให้หลุยส์ แขนแข็ง แกรมไปสัมภาษณ์จอร์จมาว่า ทำไมถึงได้เขียนเพลงได้เพราะอย่างนั้น
ที่มาคือเพื่อนมาบอกว่า ไหน ช่วยเขียนเพลงให้หลุยส์ร้องหน่อยเซ่ะ ต้องการแบบเฮลโหล ดอลลี่นะ เพราะตอนนั้น เพลงนี้ของหลุยส์ดังเป็นพลุ
จอร์จฟังด้วยความเซ็ง ไม่อยากเขียน เรื่องอะไรจะต้องไปเขียนเพลงแนวนั้นล่ะ
จอร์จก็ตั้งโจทย์ใหม่ว่า ถ้าเขาจะต้องเขียนเพลงให้คนร้องที่เสียงวิเศษสุดยอดอย่างหลุยส์ แขนแข็งร้องแล้ว จะเขียนอะไรดี
..เพราะโจทย์นี้ เราจึงมีเนื้อเพลงเพราะๆอย่างWhat a wonderful world...
I see trees of green........ red roses too
I see em bloom..... for me and for you
And I think to myself.... what a wonderful world.

I see skies of blue..... clouds of white
Bright blessed days....dark sacred nights
And I think to myself .....what a wonderful world.

The colors of a rainbow.....so pretty ..in the sky
Are also on the faces.....of people ..going by
I see friends shaking hands.....sayin.. how do you do
They re really sayin......i love you.

I hear babies cry...... I watch them grow
They ll learn much more.....than I ll never know
And I think to myself .....what a wonderful world

(instrumental break)

The colors of a rainbow.....so pretty ..in the sky
Are there on the faces.....of people ..going by
I see friends shaking hands.....sayin.. how do you do
Theyre really sayin...*spoken*(I ....love....you).

I hear babies cry...... I watch them grow
*spoken*(you know their gonna learn
A whole lot more than Ill never know)
And I think to myself .....what a wonderful world
Yes I think to myself .......what a wonderful world.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 09 ก.ย. 08, 01:53
In the Ghetto เพลงของเอลวิส ที่ได้รางวัลและขึ้นอันดับหนึ่ง เขียนโดยแมค เดวิส
http://www.youtube.com/watch?v=zmVFnhO3A98

As the snow flies
On a cold and gray Chicago mornin'
A poor little baby child is born
In the ghetto
And his mama cries
'cause if there's one thing that she don't need
it's another hungry mouth to feed
In the ghetto

People, don't you understand
the child needs a helping hand
or he'll grow to be an angry young man some day
Take a look at you and me,
are we too blind to see,
do we simply turn our heads
and look the other way

Well the world turns
and a hungry little boy with a runny nose
plays in the street as the cold wind blows
In the ghetto

And his hunger burns
so he starts to roam the streets at night
and he learns how to steal
and he learns how to fight
In the ghetto

Then one night in desperation
a young man breaks away
He buys a gun, steals a car,
tries to run, but he don't get far
And his mama cries

As a crowd gathers 'round an angry young man
face down on the street with a gun in his hand
In the ghetto

As her young man dies,
on a cold and gray Chicago mornin',
another little baby child is born
In the ghetto

เวอร์ชั่นที่ลูกสาวลิสา มารีร้องประสานก็มีค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=yWg2vLEyRZc&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 09 ก.ย. 08, 02:22
พูดถึง แคช แล้วนึกถึงเพลง "Desperado"  มีหลายคนเอามาร้อง  แต่ผมชอบเวอร์ชั่นของ คาเรน คาร์เพนเตอร์ ที่สุดได้อารมณ์ดีครับ.... ::)

Desperado, why don't you come to your senses?
You been out ridin' fences for so long now.
Oh, you're a hard one,
But I know that you've got your reasons.
These things that are pleasin' you,
Can hurt you somehow.

Don't you draw the queen of diamonds, boy,
She'll beat you if she's able.
Know the queen of hearts is always your best bet.
Now it seems to me, some fine things,
Have been laid upon your table.
But you only want the things that you can't get.

Desperado, oh, you ain't gettin' no younger:
Your pain and your hunger, they're drivin' you home.
And freedom, oh freedom,
Well, that's just some people talkin'
Your prison is walking,
Through this world all alone.

And don't your feet get cold in the winter time?
The sky won't snow, the sun won't shine
It's hard to tell the night time from the day
You're loosin' all your highs and lows
Ain't it funny how the feeling,
Goes away?

Desperado, why don't you come to your senses?
Come down from your fences, and open the gate
It may be rainin', but there's a rainbow above you,
You better let somebody love you,
You better let somebody love you,
You better let somebody love you,
Before it's too late.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 09 ก.ย. 08, 02:40
หาเสียงของคาเรน ไม่ได้เลย  ได้แต่เสียงของคุณปู่แคช  ได้อารมณ์ไปอีกแบบครับ........... :P

http://www.youtube.com/watch?v=CjB3tAF4e9M&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 09 ก.ย. 08, 09:54
ตามลิงค์คุณบาน่าไป ไม่มีภาพปู่ ได้ฟังแต่เสียง ก็ดีเหมือนกัน น้ำเสียงปู่ทำเอาอึ้งไปพักใหญ่ ถึงจะสั่นแบบผู้สูงอายุ แต่ก็เปี่ยมด้วยความรู้สึกค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 10 ก.ย. 08, 02:08
รุ่น 60's หาการแสดงสดยากครับ  แต่มีคลิปการแสดงชุดนึง  ของ หลุย อาร์มสตรอง กับ จอห์น แคช  นำเพลงพื้นบ้าน ชื่อ Yodel #9 ผมเคยฟังเพลงนี้ในสไตล์ของ สตีฟ เอิร์ล รู้สึกว่าจะเล่นกับ เลตเตอร์เมน  มาฟังคันทรี่บูลส์กับเสียงทรัมเปตของ อาร์มสตรอง  น่าฟังมากครับ  คุณกุ้งลองฟังดูนะครับ...... :-[

http://www.youtube.com/watch?v=wqc209-rwNI&feature=related         ตามลิงค์นี้ครับ
Blue Yodel #9
Standing on the corner
I didn't mean no harm
When a big policeman
Grabbed me by the arm
Now, it was down in memphis
On the corner of beale and main
He said "now, hey big boy
I'm gonna have to know your name"

Now, you can find my name
On the tail of my shirt
I'm a tennessee hustler
And i never have to work
But i'm telling all you rounders
You best leave my women alone
I'll take my .38 special
And i'll run you rounders home


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 10 ก.ย. 08, 10:32
Desperado ของปู่แคช ได้อารมณ์จริงๆครับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ก.ย. 08, 21:38
นี่เป็นเพลงสุดท้ายที่เฮเลน เรดดี้ ร้องอำลา
สำหรับดิฉัน เฮเลน เป็นนักแต่งเพลงที่ร้องเพลงเต็มเสียงเต็มอารมณ์ มีวิญญาณนักแสดง ทุกคำร้องของเธอบ่งบอกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในภาษา
พร้อมเลือดนักแสดงเต็มขั้นสืบทอดจากบุพการี
ไม่ใช่แค่I AM WOMAN ที่เป็นสุดยอดการเขียนเพลงเพื่อคำรามความเป็นผู้หญิง
เพลงรักอีกเพลงที่มีพลังของคนมาทีหลัง
ก็จับใจสาวๆที่อยู่ในอารมณ์รักของช่วงปี 1981
แม้เธอจะไม่ได้เขียนคำร้องเอง

http://www.youtube.com/watch?v=X-ic-dBogCw&NR=1

I CAN'T SAY GOODBYE TO YOU
Helen Reddy ร้อง

you say it would be better
if we stopped seeing each other
if you had only met me first
when you were free
'cause now you've got commitment
i should not expect things from you
that you can't give to me
oh, but baby, can't you see

i can't say goodbye to you
no matter how i tried
you're such a part of me
without you, i would die
deep, in the heart of me
i know that you and i
were meant to be together
i can't tell you goodbye

neither of us planned
that we would fall in love this way
but since we did
why should we be apart
sometimes, some things happen
that can never be explained
now, it's too late for me
i've already given you my heart

i can't say goodbye to you
no matter how i tried
you're such a part of me
without you, i would die
deep, in the heart of me
i know that you and i
were meant to be forever
i can't tell you goodbye

who knows why we choose
when we choose the ones we love
who knows why we do the things
we do when we're in love
i know that you're a decent man
and you try to do what's best
but how can i forget
all the feelings we have shared

i can't say goodbye to you
no matter how i tried
you're such a part of me
without you, i would die
deep, in the heart of me
i know that you and i
were meant to be forever
i can't tell you goodbye

(you and i were meant to be, forever)
i can't tell you goodbye........ 


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 13 ก.ย. 08, 22:42
เฮเลน มีแฟนเพลงที่บ้านเราเยอะครับ  เธอเคยได้ฉายา Queen of 70's Pop นอกจาก I am woman และ I don't know how to love him ยังมีอีกหลายเพลงที่สาวน้อย(ในสมัยนั้น)คนนี้ทำให้พวกเราหลงรักเธอ  แต่เพลงที่คุณกุ้งนำมาให้ฟัง  ยอมรับว่าไม่คุ้นเท่าไหร่  ความหมายเป็นผู้หญิงมากเลยครับ
deep, in the heart of me
i know that you and i
were meant to be forever
i can't tell you goodbye
  ฟังแล้วคิดถึงเฮเลนครับ .............. :'(  ขอบคุณมากครับคุณกุ้ง


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 17 ก.ย. 08, 08:01
คนเขียนเพลงบางคน มีเพลงท็อปฮิตไม่มาก แต่ในจำนวนน้อยที่โด่งดัง ถ้ามันโดนใจจะด้วยไปเจอนักร้องดี หรือด้วยเนื้อเพลงที่มีทั้งสาระ และปรัชญา ง่ายๆ แต่ด้วยความเข้าใจชีวิต ก็สามารถส่งให้ยืนยงคงกะพันได้
ลินน์ แอนเดอร์สันร้องเพลงนี้เป็นครั้งแรก
เพลงของโจ เซ้าธ์ นักแต่งระดับhall of fameชาวแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย
ออกแผ่นซิงเกิ้ลมาในปี 1970 เป็นอีกเพลงที่ฮิต ร้องไม่ง่าย เนื้อยาวต้องจำให้หมด แต่ชอบมากค่ะ เสียงลินน์มีแก้วกังวานของคนเป็นหวัด สำเนียงลูกทุ่งจริงใจ
ดิฉันฟังแล้ว ไม่เข้าใจ ไม่ได้ถามใคร รอเวลาจนมีอายุหน่อยถึงจะรู้ความหมาย

สวนกุหลาบ
Rose Garden

I beg your pardon,
I never promised you a rose garden.
Along with the sunshine,
There's gotta be a little rain sometimes.
When you take, you gotta give, so live and let live,
Or let go.
I beg your pardon,
I never promised you a rose garden.

I could promise you things like big diamond rings,
But you don't find roses growin' on stalks of clover.
So you better think it over.
Well, if sweet-talkin' you could make it come true,
I would give you the world right now on a silver platter,
But what would it matter?
So smile for a while and let's be jolly:
Love shouldn't be so melancholy.
Come along and share the good times while we can.

I beg your pardon,
I never promised you a rose garden.
Along with the sunshine,
There's gotta be a little rain sometimes.
I beg your pardon,
I never promised you a rose garden.

I could sing you a tune or promise you the moon,
But if that's what it takes to hold you,
I'd just as soon let you go, but there's one thing I want you to know.
You better look before you leap, still waters run deep,
And there won't always be someone there to pull you out,
And you know what I'm talkin' about.
So smile for a while and let's be jolly:
Love shouldn't be so melancholy.
Come along and share the good times while we can.

I beg your pardon,
I never promised you a rose garden.
Along with the sunshine,
There's gotta be a little rain sometimes.

http://www.youtube.com/watch?v=3ZT_eR0QPTU&feature=related




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 19 ก.ย. 08, 10:23
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบเพลง You're my world และ You've lost that loving feeling ในยุคซิกซ์ตี้ส
โดยเฉพาะชอบแฟชั่นที่พวกโชว์เกิร์ลเขาแต่งกันยุคนั้น ต้องขาสวยมาก และต้องเต้นเก่ง
ในแวดวงแฟชั่น ไปเจอรูปของซิลล่า แบล็ค ขวัญใจคุณpipatเข้า เดินแฟชั่นรำลึกยุคซิกซ์ตี้ส์ที่ลอนดอนเมื่อไม่กี่วันนี่เอง
เธอเป็นนักร้องจากลิเวอร์พุลเมืองเดียวและสมัยเดียวกับบีทเทิ้ลส์
เกิด 1943 ปีนี้ก็ปาเข้าไป 65แล้ว
ต้องบอกว่า 65 ยังแจ๋วค่ะ
ว่ากันว่า เธอซี้กับบีทเทิ่ลส์มาก จึงสามารถนำเพลงหลายเพลงมาร้องเป็นอัลบั้มเลย เพลงหนึ่งที่พอล แมคคาร์ทนี่ย์แต่ง ชื่อ ถนนสายยาวและคดเคี้ยว หรือ the long and winding road เธอนำไปร้อง พอลบอกว่า นี่หละ สไตล์ที่เขาชอบ
เพื่อนรักดิฉันเขาหามาให้ฟังค่ะ แต่ในยูทูบไม่มี มีแต่ของต้นฉบับ

The long and winding road
That leads to your door
Will never disappear
I've seen that road before
It always leads me here
Lead me to your door.

The wild and windy night
That the rain washed away
Has left a pool of tears
Crying for the day.
Why leave me standing here?
Let me know the way.


Many times I've been alone
And many times I've cried,
Anyway you'll never know
The many ways I've tried.


And still they lead me back
To the long, winding road
You left me standing here
A long, long time ago
Don't leave me waiting here
Lead me to your door.

But still they lead me back
To the long winding road
You left me standing here
A long, long time ago (ohhh)
Don't keep me waiting here (don't keep me waiting)
Lead me to your door. (yeah yeah yeah yeah)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 19 ก.ย. 08, 10:56
นักร้องก็อย่างนี้นะคะ สวรรค์ส่งให้มีเสียงร้องที่ประทับใจใครๆ รูปร่างหน้าตาก็ต้องรักษาให้ขึ้นเวทีหรือออกทีวีได้แบบที่คนดูแล้ว เฮ้อ ก็คงไม่อยากแสดงกัน
ซิลล่า ขาขึ้น มีทีวีโชว์ของตัวเองตั้งแต่ปี 1968 แน่นอนค่ะ แขกคนแรกของเธอต้องเป็นชาวอังกฤษด้วยกัน ทอม โจนส์ค่ะ
สมัยดิฉันเด็กๆ ที่บ้านติดโชว์ของทอม โจนส์กันค่ะ ชอบความเซ็กซี่ของเขาเวลาเต้น เสียงร้องที่เต็มพลัง และเครื่องแต่งกายสไตล์เอ็ดเวิร์ดเดี้ยนที่เป็นเอกลักษณ์ มาแต่งยุคนี้ คงต้องเรียกลุงทอมหลงยุค
เพลงหลายเพลงของเขา เนื้อร้องดีๆทั้งนั้น ไม่ทราบใครเขียนกันบ้าง ยุคนั้น เราไม่ค่อยสนกันหรอกค่ะ ว่าเบื้องหลังเพลงที่เราร้องกันหูดับตับไหม้ มีใครกันบ้าง
คุณนันทิดา แก้วบัวสาย เลือกเพลงI who have nothingไปประกวดในต่างประเทศได้รางวัลที่หนึ่งกลับมาก็เพราะพลังในเสียงของเธอตรงกับเพลงที่เธอร้อง โดยไม่ต้องตะโกน
เพลงนี้ของทอม โจนส์ถูกใจวัยรุ่นสมัยดิฉัน ที่ว่า
ความรัก เปรียบเสมือนลูกกวาดบนหิ้ง
ถ้าอยากจะลิ้มรส ก็ต้องตะเกียกตะกายหน่อย
help yourself
ซึ่งบางคนแปลออกโทนธรรมะเชียวว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
http://www.youtube.com/watch?v=3Eh6dwRfUYA

Love is like candy on a shelf
If you want to taste then help yourself
The sweetest things are there for you
Help yourself, take a few
That's what I want you to do

We're always told repeatedly
The very best in life is free
And if you want to prove it's true
Baby, I'm telling you this is what you should do

Just help yourself to my lips to my arms
Just say the word and they're yours
Just help yourself to the love in my heart
Your smile has opened up the door
The greatest wealth that exists in the world
Could never buy what I can give
Just help yourself to my lips to my arms
And then let's really start to live

My heart has love enough for two
More than enough for me and you
I'm rich with love, a millionaire
I've so much, it's unfair
Why don't you take a share

http://www.youtube.com/watch?v=RAiprmPxeuQ&feature=related
วัยรุ่นยุคนั้น มีทั้งทอม โจนส์และอิงเกิ้ลเบิร์ต ไว้ให้สาวๆหนุ่มๆเลือกเถียงกันค่ะ ว่าใครหล่อกว่า  พอๆกับยุครุ่นพี่สาวดิฉัน ที่เถียงกันเรื่องเอลวิสกับคลิฟ
บางสาวก็องุ่นเปรี้ยวค่ะ บอกว่าเสร่อทั้งคู่




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 20 ก.ย. 08, 10:58
อิงเกิ้ลเบิร์ตอายุเจ็ดสิบแล้วยังหล่อมากเลยค่ะ หลายเพลงของเขาฟังทีต้องขอเวลาเบรคหน่อย เพราะช้า และนุ่ม ไม่ทันใจสาว(ยัง)ฮ็อทเอาเสียเลย
ยิ่งเวลาช่วงที่พีค สถานีเปิดเพลงขวัญใจหนุ่มไทยอย่าง Release Me ต้องวิ่งไปแหวะ
อะไรที่มันมากไป ย่อมก่อให้เกิดอาการเช่นนั้นได้ง่ายๆ
เพราะมันเปิดกันทุกสถานี จนเบื่อมาก หากชายหนุ่มคนไหนมาร้องเพลงนี้ให้ฟัง คงจะไสศีรษะให้ไปไกลๆเลย
พวกเราสาวๆบ่นกันว่า ปัทโธ่ พูดมาได้ว่า Her lips are warm while yours are cold เชอะ
...
ปี 1967 ดนตรี เริ่มขายหน้าตา มากกว่าพรสวรรค์ ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ก็เลยสร้างสรรค์ทีวีซีรี่ส์ขึ้นมาชุดหนึ่ง เป็นเรื่องของวงดนตรีหนุ่มเพี้ยนๆ แล้วก็เริ่มคัดตัวแสดง การปั้นวงๆหนึ่งขึ้นมา โดยที่วัยรุ่นพวกนี้ ไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือผูกพันกันมาก่อน มันรอดยาก แต่ก็คลอดจนได้
ชื่อซีรีส์นี้คือหมู่ลิง หรือเดอะ มังกี้ส์ แต่ไม่เขียนเป็นลิงชัดๆหรอกนะคะ เขียนว่าThe Monkees
ดิฉันและเพื่อนๆอยู่ในช่วงเรียน กลับบ้านต้องไปรอดู เพราะปลื้มความน่ารักของตัวเอก ซีรีส์นี้เกิดก่อนเรื่อง The Partridge family และ the brady brunch
พวกเด็กอัสสัม หรือวัยรุ่นหนุ่มยุคนั้น จะทำผมและใส่เสื้อสไตล์ เดวี่ โจนส์ นักร้องนำ ซึ่งเป็นหนุ่มตัวเล็กๆ หน้าตาหล่อแบบน่ารัก เสียงออกกุ๊กกิ๊กๆหน่อย
ใส่เสื้อปีกนก แขนยาว สีสด ปล่อยชาย กับกางเกงม้อด แฟชั่นหนุ่มยุคนั้น 
ทรงผมก็กะลาครอบแบบบีทเทิ่ลส์
เดี๋ยวนี้ เดวี่ แก่ อ้วน มีพุง แต่เสียงกับลีลาก็เหมือนเดิม
ชอบเพลงนี้ Daydream believerค่ะ คนเขียนเพลงมาจากวงคิงสตัน ทริโอ ชื่อ John Stewart ลองไปฟังเดวี่ โจนส์ร้องกันดูนะคะ

http://www.youtube.com/watch?v=kxz_JBuyF4I

Oh, I could hide beneath the wings
Of the bluebird as she sings.
The six oclock alarm would never ring.
Whoops its ringing and I rise,
Wipe the sleep out of my eyes.
My shavin razors cold and it stings.

Cheer up, sleepy jean.
Oh, what can it mean.
To a daydream believer
And a homecoming queen.

You once thought of me
As a white knight on a steed.
Now you know how happy I can be.
Oh, and our good times starts and end
Without dollar one to spend.
But how much, baby, do we really need.

Cheer up, sleepy jean.
Oh, what can it mean.
To a daydream believer
And a homecoming queen.
Cheer up, sleepy jean.
Oh, what can it mean.
To a daydream believer
And a homecoming queen.

เวลาไปงานเลี้ยง เพื่อนๆดิฉันร้องท่อนกลางกันได้ทุกคน สนุกดีค่ะ

คำร้องในท่อนสองของเดิมของJohn Stewart คือ  "You once thought of me as a white knight on a steed, Now you know how funky I can be"
เมื่อมังกี้ส์ร้อง เปลี่ยนคำว่า funkyเป็น happyคำเดียว

เพลงนี้ แอน เมอร์เร่ย์ ก็นำไปร้องในอัลบั้ม I'll always love you



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 21 ก.ย. 08, 01:58
ดูลิงค์คุณกุ้งเพลินไปเลยครับ  เห็นผมทรงเต่าทองแล้วนึกถึงวงดนตรีบ้านเราที่พยายามเลียนแบบ  แต่คงหน้าตาไทยไม่ค่อยเข้ากับทรงผมทรงนี้จึงดูพิลึก  สาวๆยุคคุณกุ้งคงร่วมสมัยคลั่งใคล้ เดวิด  แคสิดี้  หรือ ดอนนี่  ออสมอน  แต่ผมชอบเพลงร็อคมากกว่า  เลยชอบฟังพวกคณะหินกลิ้ง  พูดถึงคณะนี้ก็มีเพลงเพราะๆความหมายดีๆอยู่เพลงนึง  คือเพลง As Tears Go by และมีคนนำมาร้องเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะทางตะวันตกหรือเอเซีย ในยุค เฟลิเซีย แอกเนส ชาน  แต่สำหรับผมนอกจากชอบเวอร์ชั่น โรลลิ่งสโตน แล้ว  ยังชอบเสียงของ Marianne Faithfull  เลยนำลิงค์มาให้ลองฟังดูครับ  ประมาณปี 1965  ฟังสบายๆดีครับ..... :-[
http://www.youtube.com/watch?v=VuJNiFlsm5c

As Tears Go by
M. Jagger/K. Richards)

It is the evening of the day
I sit and watch the children play
Smiling faces I can see
But not for me
I sit and watch
As tears go by
My riches can't buy everything
I want to hear the children sing
All I hear is the sound
Of rain falling on the ground
I sit and watch
As tears go by
It is the evening of the day
I sit and watch the children play
Doin' things I used to do
They think are new
I sit and watch
As tears go by


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 22 ก.ย. 08, 09:07
เพลงสะท้อนวิถีชีวิตและความเชื่อในแต่ละยุคค่ะ คุณบานา ดิฉันเองก็ชอบเพลงร็อคลูกเดียวเช่นกัน แต่มีเพื่อนผู้หญิงไม่มากที่จะสนใจเรื่องเนื้อเพลง พวกเรามักจะอ่อนไหวไปกับคำร้องที่ไพเราะมากกว่าดนตรี
เพลงAS TEARS GO BY สาวๆก็ชอบกัน เพื่อนทำเอ็มพีสามให้ฟังในรถthumdriveหนึ่งสี่ร้อยกว่าเพลง วนจนจำได้ เพลงนี้ฮิต
เพราะเนื้อจำง่าย ร้องง่ายและคอร์ดกีตาร์ก็ไม่ยากนัก
วัยรุ่นสมัยดิฉันนอกจากจะต้องไว้ผมยาวแล้ว ก็ต้องหัดเล่นกีตาร์ ยากดีมีจน คุณพ่อคุณแม่และผู้อุปการะของพวกเราก็สรรหากีตาร์โปร่งมาไว้ที่บ้านกันคนละตัว
ที่บ้านมีกับเขาด้วย เพราะพี่ชายดิฉันก็เล่นกีตาร์ใช้ได้ ยุคนั้นมีแต่ของนอก ดิฉันก็ได้อานิสงส์มาเหมือนกัน แต่พออกค่ายเจอพวกอัสสัมที่เล่นแบบโปร ก็กระมิดกระเมี้ยนเก็บงำความอ่อนหัดไว้
เพลงรักแบบNorman สะท้อนว่า ผู้หญิงฝรั่งยุคนั้น ไม่มั่ว ถึงแม้จะมีจิมมี่ มีบิล มีโจอี้มาชวนออกเดท ไปเล่นสเกต ไปดูหนัง ไปกินข้าว ก็บอกว่าไม่ว่าง ต้องทำเสื้อใว้สวมไปเที่ยวกับนอร์มัน หรือ ถ้าอยากไปไหนกับฉันจริงๆ ยังไงก็ต้องถามนอร์มันเองสิ
น่ารักจริงๆ
เพลงของซู ทอมป์สันค่ะ ประมาณปี 1965 ดิฉันเด็กมาก ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ยังร้องฮืม ๆๆๆ ตามพี่ๆได้เลย
http://www.youtube.com/watch?v=p3tGHIEVqfI



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 22 ก.ย. 08, 09:11
NORMAN
Words and Music By John D.Loudermilk

Norman , ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh
Norman, hmm, hmm, hmm, hmm, hmm, hmm, hmm, hmm, hmm
Norman, Norman, my love

Jimmy called me on the phone but I was gone, not at home
Cuz I was out parked all alone with darlin' Norman

Bill invited me to a show but I said no, cannot go
There's a dress that I've got to sew and wear for Norman

Norman holds me close to him, Norman kisses me and then
Norman knows my heart belongs to him and him and only him, oh
Norman, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh ohh, ooh, ooh, ooh
Norman, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh ohh, ooh, ooh, ooh
Norman, Norman, my love
Joey asked me for a date, he wanted to take me out to skate
But I told Joey he would have to make 'rangements with Norman

Norman is my only love, Norman's all I'm thinking of
Norman gives me all his lovin', kissin', huggin', lovey-dovin'
Norman, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh, ooh
Norman, hmm, hmm, hmm, hmm, hmm, hmm, hmm, hmm, hmm
Norman, Norman, my love


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 23 ก.ย. 08, 01:41
กีตาร์  เป็นสื่อที่ดีของหนุ่มสาว เพลง as tears go by หรือเพลง dust in the wind ของ Kansas นับว่าเป็นเพลงครูของผมเหมือนกัน  และได้ผลเสมอด้วยสิ  เล่นทีไรมักมีตาหวานๆมาแอบฟัง  พอให้บรรยากาศ poppy มีความสุขได้ในตอนนั้น... :-[

ได้ฟังเพลงคุณป้าซูทำให้บรรยากาศ 60's อบอวล  คิดถึงเพลงที่สาวๆ(ยุคนั้น)ชอบร้อง  เพราะนอกจาก Que sera sera ของ คุณป้า ดอริส แล้ว  ก็มีเพลงของคุณป้าซู นี่หละครับที่ผมได้ยินที่บ้านเสมอเวลามีปาร์ตี้เล็กๆ  แผ่นของเพลงยุคนี้กับเทิร์นเทเบิ้ลตัวโปรดของบิดา  เป็นแหล่งเสียงเดียวที่ผมจะได้ยินบ่อยที่สุด เพราเด็ก ตจว. อย่างผมไม่มีสถานีวิทยุจะมาเปิดเพลงเหล่านี้ให้ฟัง  เพลงของคุณป้าซูนอกจาก sad movie, willie can , paper tiger ที่ผมชอบที่สุดก็เพลงสนุกๆอย่าง Nine Little Teardrops และ Oh Lonesome Me  พูดเรื่องนี้ทำให้นึกถึงพ่อหนุ่มสุดหล่อ(ยุคนั้น)  คุณลุง Johnny Tillotson ไงครับ  ทีแรกว่าจะส่งเพลง Judy Judy Judy เข้าประกบเพลง Norman ที่รักของคุณกุ้งซะหน่อย  แต่ไม่เอาดีกว่า ขออนุญาตเป็นเพลงนี้ละกัน  เพราะผมชอบมากที่สุด ........... :D
http://www.youtube.com/watch?v=PPM5khluZWE

poetry in motion
Johnny Tillotson
When I see my baby
What do I see
Poetry poetry in motion

Poetry in motion walking by my side
Her lovely locomotion
Keeps my eyes open wide
Poetry in motion see her gentle swaying
A wave out on the ocean
Could never move that way

I love every movement
There's nothing I would change
She doesn't need improvement
She's much too nice to rearrange

Poetry in motion dancing close to me
A flower of devotion a-swaying gracefully
Woh-woh-woh-woh-woh-woh
Woh-woh-woh-woh-woh.....
Poetry in motion see her gentle swaying
A wave out on the ocean
Could never move that way

I love every movement
There's nothing I would change
She doesn't need improvement
She's much too nice to rearrange

Poetry in motion all that I adore her
No number nine love potion
Could make me love her more
Woh-woh-woh-woh-woh-woh
Woh-woh-woh-woh-woh.....

ปกนี้ของคุณป้าซูผมคิดว่ามีทุกบ้านที่ชอบเพลงคุณป้าซูซานอ่ะครับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 23 ก.ย. 08, 12:19
จอห์นนี่ ทีล็อทสัน เป็นขวัญใจหนุ่มไทยทีเดียวค่ะ
เขาร้องเพลง บทกวีที่เคลื่อนไหว อันหมายถึงคนรักของเขาได้สละสลวย สวยงาม นะคุณบานา
การเปรียบผู้หญิงเป็นบทกวีเดินได้นี่ บอกให้เห็นอารมณ์สุนทรีย์ในความรัก เวลาเรารัก รัก รัก รักขึ้นมา กินข้าวด้วยกัน มองทุกความเคลื่อนไหวของสุดเลิฟเรา แล้วดูเธอเป็นบทกวีนี่ คงอิ่มชนิดไม่ต้องหม่ำอะไรอีกแล้ว
ลองไปถามเพื่อนๆผู้ชายดูว่า
"นี่ คุณ เวลาคุณหลงรักแควนคุณน่ะ เคยมองไหม ว่า เธอเป็นpoetry in motion"
เพื่อนหัวเราะ ตอบเป็นเสียงร้องเลยค่ะ
" โพ้ เอท ทรี in โมฉั่น  dancing close to me
A flower of devotion a-swaying gracefully..."
แต่แทนที่จะร้องว่า Woh-woh-woh-woh-woh-woh
Woh-woh-woh-woh-woh..... กลับร้องโน้ตไม่เพี้ยน แต่คำออกมาชัดแทนเชียวว่า ตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ย...ตุ่ยตุย ตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ย ตุ่ยตุย
5555555


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 24 ก.ย. 08, 01:34
ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว  ขอนำเสนออีกปกหนึ่งที่ลือลั่น  สภาพแผ่นคุณพ่อยังรักษาไว้อย่างดี  แม้เจ้าเทิร์นเทเบิ้ล Rocksan จะป่วยไปแล้ว  ผมจำได้ว่าทุกครั้งที่เปิดทั้งสองท่านจะมีความสุขมาก  แม้จะไม่เคยมีแหวนเพชรงามๆให้กัน  เวลาชวนคุยเรื่องเก่าๆสมัยเพลงนี้ดัง  ท่านจะเล่าให้ฟังอย่างมีความสุข  เพลงนี้ข้ามยุคมาฝั่งครึ่งหลังของยุค 60's เล็กน้อย  รับรองว่าไม่มีใครไม่เคยได้ยินเพลง This Diamond Ring ของ Gary Lewis & The Playboys  เพราะว่านั่นคือเพลงฮิตติดอันดับ 1 บน Billboard และอันดับ 1 ในไทยด้วย ทำให้รู้จักเพลงอื่นๆอีกหลายเพลง เช่น The Birds and The Bees , Everybody Loves A Clown,
Save Your Heart For Me หรือ Keep Searchin' ....... :-[
http://www.youtube.com/watch?v=ob1HxFuq0yM 
ภาพและเสียงพอทน  แต่เป็นการแสดงสดของคุณลุงลูอิส  เมื่อปีที่แล้วที่นิวยอร์ค  น่าชมครับ

This Diamond Ring

Who wants to bu-u-uy this diamond ri-i-i-ing?
She took it off her finger, now it doesn't mean a thi-i-i-ng
This diamond ring doesn't shine for me anymore
And this diamond ring doesn't mean what it meant before
So if you've got someone whose love is tru-u-ue
Let it shine for yo-ou-ou

This stone is genuine like love should be-e-e-e
And if your baby's truer than my baby was to me-e-e-e
This diamond ring can mean something beautiful
And this diamond ring can mean dreams that are coming true
And then your heart won't have to break like mine did
If there's love behind it

This diamond ring can mean something beautiful
And this diamond ring can mean dreams that are coming true
And then your heart won't have to break like mine did
If there's love behind it

This diamond ring doesn't shine for me anymore
And this diamond ring doesn't mean what it meant before
So if you've got someone whose love is tru-u-ue
Let it shine for yo-ou-ou

ปกอัลบั้มของแกรี่ ลูอิส


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 24 ก.ย. 08, 12:11
น่าอิจฉาคุณบานามาก
ส่วนของคุณพ่อดิฉัน ตกทอดกันมาตั้งแต่ดิฉันเด็กๆ จนมือดีคว้าไปเสียแล้ว ยังเสียดายแผ่นเพลงไทยตรากระต่าย และแผ่นtelstar รวมถึงแผ่น young world ที่สูญหายไป
สสารไม่หาย แต่มีคนงาบไป ว่างั้นเถอะ
เพื่อนร็อคของดิฉัน ฝากมาให้เขียนถึงเอ็ดดี้ คอชรัน ต้นฉบับร็อคแอนด์โรลชาวอเมริกันรูปหล่อเหมือนเอลวิสคนหนึ่งในยุคเดียวกับริชชี่ วาเลนส์ และบัดดี้ ฮอลลี่ สามคนนี้จรัสแสงได้ไม่เท่าไหร่ ก็เสียชีวิต เอ็ดดี้ เสียเพราะนั่งแท็กซี่ในเมืองบาธ ที่อังกฤษตอนไปออนทัวร์ แล้วแท็กซี่ขับรถไปชนเสาไฟฟ้าในปี 1960
ส่วนคู่หูริชชี่กับบัดดี้เครื่องบินตก
เพลงที่ดิฉันชอบ Summertime blues ที่โด่งดังในสมัยเซเวนตี้ส์ เพราะเดอะ ฮู เอามาร้องซะมันจริงๆในปี 1969 เทศกาลวู้ดสต็อก
ดิฉันเสียใจด้วย ถ้าคุณบานาเกิดไม่ทัน
เนื้อจะต่างกันนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับความโศกของแต่ละยุค
หากจะแปลคำร้องเป็นไทย คงต้องแปลแค่ชื่อเพลงว่า "คิมหันต์วิโยค" ซัมเมอร์ทั้งทีแทนที่จะได้สนุกสนานกับชีวิต ต้องทำงานล่วงเวลาหาเงิน
ชีวิตบัด..จริงๆ เลือกร้องตามสะดวก ยุคของเอ็ดดี้ ร็อครุ่นเรียบร้อยหน่อย
I'm gonna raise a fuss, I'm gonna raise a holler
About a workin' all summer just to try to earn a dollar
Every time I call my baby, and try to get a date
My boss says, "No dice son, you gotta work late"
Sometimes I wonder what I'm a gonna do
But there ain't no cure for the summertime blues

Well my mom and pop told me, "Son you gotta make some money,
If you want to use the car to go ridin' next Sunday"
Well I didn't go to work, told the boss I was sick
"Well you can't use the car 'cause you didn't work a lick"
Sometimes I wonder what I'm a gonna do
But there ain't no cure for the summertime blues

I'm gonna take two weeks, gonna have a fine vacation
I'm gonna take my problem to the United Nations
Well I called my congressman and he said Quote:
"I'd like to help you son but you're too young to vote"
Sometimes I wonder what I'm a gonna do
But there ain't no cure for the summertime blues 

http://www.youtube.com/watch?v=Vm2Mdma2dXw&feature=related

Summertime Blues

Well, I'm a'gonna raise a fuss,
An' I'm a'gonna raise a holler.
I've been working all summer
Just to try and earn a dollar.
Well I went to the boss
Said I had a date
My boss said "No dice, son, you gotta work late"

Sometimes I wonder what I'm a'gonna do
There ain't no cure for the summertime blues

Well my mom 'n' poppa told me
"Son you gotta earn some money,
If you want to use the car
To go riding next Sunday."

Well I didn't go to work
I told the boss I was sick
"Now you can't use the car
'cause you didn't work a lick."

Sometimes I wonder what I'm a'gonna do
Cause there ain't no cure for the summertime blues.

Gonna take two weeks
Gonna have a fine vacation
Gonna take my problems
To the United Nations

Well I went to my congressman
He said, quote: "I'd like to help you son,
But you're too young to vote."

Sometimes I wonder what I'm a'gonna do
Cause there ain't no cure for the summertime blues.

http://www.youtube.com/watch?v=IfPUYE6TKRE




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 24 ก.ย. 08, 13:21
เขียนเรื่องเพลงเก่าๆนี่ ทำให้นึกถึงดีเจสุดเลิฟหลายๆคน ในยุคเซเวนตี้ส์ค่ะ ที่ดิฉันชื่นชมก็มี คุณเจียม ลิ้มสดใส และคุณนิค วโรภาส ทั้งคู่อยู่ค่ายCurrent Song Hits ซึ่งไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเนื้อเพลงผิดๆถูกๆ
เนื้อหาสาระก็อัดแน่นแบบเขียนเก่ง เข้าท่ามาก 
วัยรุ่นตามติดกันด้วยฝีมือและผลงาน เรียกว่า หนังสือเพลงวางแผงได้ไม่เท่าไหร่ก็หมดเกลี้ยง

คุณเจียม จบจุฬาฯ สมัยที่คณะยังเรียกกันว่าสม.จบมาทำโฆษณา เป็นมีเดียไดเร็คเตอร์ที่ลูกน้องชื่นชมรักใคร่ จริงๆผู้ชายสายสื่อสมัยนั้นที่เขาดังๆกัน ไม่ค่อยจบปริญญา แก่แล้ว ถึงยอมไปเรียน แต่พวกที่ไปสอนเขา ยังมีประสบการณ์สู้คนไปเรียนยังไม่ได้
คุณเจียมเสียชีวิตนานมาแล้ว
คุณนิค เป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อในปริญญา ทำหนังสือหนังหาอยู่ดีๆ ไม่ชอบคนที่ไปดูถูกเขาว่าเป็นนักเพลง ก็หุนหันจากวงการไปทำการตลาด น่าเสียดายไปเร็วเช่นกัน
ถ้าหนึ่งในสองคนนี้อยู่วันนี้ เขาคงจะมาเขียนสาระจากเพลงยุคนั้นได้ดีมากทีเดียวค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 25 ก.ย. 08, 01:55
ผมจะรู้จักเพลงในสองนัย  อย่างแรกคือได้ยินที่บ้านจนคุ้นหูแล้วซึมซาบไปเอง แล้วถามคุณพ่อเอา(เวลาท่านอารมณ์ดี)  อย่างที่สองได้ยินเพลงแล้วชอบ  เพื่อนบอกว่านี่เพลง cover ใหม่ อย่างเพลง behind blue eyes ของ Limp bizkit เพื่อนบอกฉบับแท้ของ the who ผมก็เริ่มศึกษาคณะนี้สนใจ Pete Townshend หาเพลงอื่นๆมาฟังหรือหาคลิปแสดงสดมาดู   Eddie Cochran กับ Buddy Holly ก็เหมือนกันครับ  เอดดี้ ผมรู้จักเพราะ Snoop Dogg นำเพลงของเอดดี้มา cover คือเพลง C'mon everybody ฟังทีแรกโดนเลยครับ  แต่เพลงของริชชี่  บัดดี้ และเอดดี้  หาฟังยากมากครับ  ที่บ้านก็ไม่มีเพราะไม่ใช่แนวคุณพ่อ  จึงได้ฟังน้อยมาก  ส่วนวู๊ดสต็อก เคยดูทั้งวีดิโอและยูทูบ  น่าตื่นเต้นและดูยิ่งใหญ่มากครับ  ผมชอบจิมมี่ เฮนดริกซ์ และชอบบัดดี้ มากเพราะผมชอบเล่นกีตาร์และชอบสไตล์ของสองท่านนี้  แต่อัจฉริยะมักอายุสั้น  น่าเสียดายที่ผลงานไม่มากเท่าที่ควร
ผมชอบฟังกูรูด้านนี้เล่าเกร็ดอะไรเกี่ยวกับอดีตผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ให้ฟังครับ  อย่างท่านเอสวิส(เรือนไทย)หรือท่านอื่นๆถ้าจะกรุณาก็จะดีมากครับ    วันนี้ก็เอามาฝากอีกเพลงครับ  ของสองพี่น้องที่โด่งดังที่สุดคู่นึงในวงการเพลง  เพลงนี้ของแอนดี้ชื่อเพลง More ทั้งน้ำเสียงและหน้าตาสาวๆคงหลงใหลน่าดู(ไม่รู้รวมสาวกุ้งเข้าไปด้วยหรือเปล่า) ..... :-[

หาการแสดงสดไม่ได้ครับได้แต่เสียงเพราะมากครับ
http://www.youtube.com/watch?v=equs_4O_C-U
More
Andy Williams

More than the greatest love the world has known
This is the love I'll give to you alone
More than the simplest words I try to say
I only live to love you more each day

More than you'll never know
My arms long to hold you so
My life will be in your keeping, waking
Sleeping, laughing, weepin
Longer than always is long long time
But far beyond forever you'll be mine

I know I never lived before
And my heart is very sure
No one else could love you more

I know I never lived before
And my heart is very sure
No one else could love you more

ปกนี้หายากมั่กๆ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 25 ก.ย. 08, 11:03
 ;D คุณบานาพาดิฉันไปอีกซีกหนึ่งของแนวเพลง ข้ามจากร็อคมาเป็นเพลงช้าๆนุ่มๆผู้ดีๆ เสียแล้ว ด้วยเพลงของแอนดี้ เนื้อเพลงmoreนี่ทำให้หลงใหลค่ะ พวกพี่ๆชายเขาร้องได้ร้องดี
ตอนวัยประถมก็พอชอบอยู่ เพราะมีรายการทีวีช่องไหนจำไม่ได้ว่า สี่หรือเจ็ด เราจะต้องตามดูแอนดี้ วิลเลียมโชว์กันตลอด ไม่ใช่แค่ซึ้งแอนดี้  คอยดูแขกรับเชิญที่มาในโชว์เขาด้วยไง
ชอบอดีตภรรยาเขามากกว่าค่ะ แม้จะดังไม่เท่าสามี
แอนดี้มีภรรยาสวยค่ะ เป็นสาวฝรั่งเศส ชื่อคลอดีน ลองเก้ ร้องเพลงแนวเย็นๆกระซิบกระซาบ เช่น I love how you love me, L amour est bleu(Love is blue) เพลงหลังนี่ ดิฉันพอเล่นกีตาร์ได้ เพราะง่าย คอร์ดสบายๆ ไม่เจ็บนิ้ว
แต่ว่ามันจืดๆไปหน่อย ไม่ได้วิญญาณร็อคเอาเสียเลย
สำหรับคนที่ชอบควานหาหนังคลาสสิคดู ลองชมหนังที่อนุค เอเม่ กับฌอง หลุย แตรงติน็องเล่น เรื่อง ผู้ชายกับผู้หญิงนะคะ หนังเรื่องนี้ตะปบออสการ์มาได้สองตัว ในปี1966
ดิฉันชอบมาก หนังสวยจริงๆ
ธีมเพลง เขาใช้เสียงแนวกระซิบของเธอค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=qdtgmWKCHGY&feature=related

"Un homme et une femme" Music by Francis Lai Lyrics by Pierre Barouh

When hearts are passing in the night, in the lonely night
Then they must hold each other tight, oh, so very tight
And take a chance that in the light, in tomorrow's light
They'll stay together so much in love.

And in the silence of the night, of the morning mist
When lips are waiting to be kissed, longing to be kissed
Where is the reason to resist and deny a kiss
That holds a promise of happiness?

Tho' yesterday still surrounds you
With a warm and precious memory
Maybe for tomorrow
We can build a new dream for you and me.

This glow we feel is something rare, something really rare
So come and say you want to share, want to really share
The beauty waiting for us there, calling for us there
That only loving can give the heart.

When life is passing in the night, in the rushing night
A man, a woman in the night, in the lonely night
Must take a chance that in the light, in tomorrow's light
They'll be together so much in love,
Together so much in love.

So tell me you're not afraid to take a chance, really take a chance,
Let your heart begin to dance, let it sing and dance
To the music of a glance, of a fleeting glance,
To the music of romance, of a new romance.
Take a chance, take a chance.

UN HOMME ET UNE FEMME
(Paroles : Pierre Barouh / Musique : Francis Lai)
ต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสร้องโดย Nicole Croisille


Comme nos voix ba da ba da da da da da da
Chantent tout bas ba da ba da da da da da da
Nos cœurs y voient ba da ba da da da da da da
Comme une chance comme un espoir
Comme nos voix ba da ba da da da da da da
Nos cœurs y croient ba da ba da da da da da da
Encore une fois ba da ba da da da da da da
Tout recommence, la vie repart

Combien de joies
Bien des drames
Et voilà !
C'est une longue histoire
Un homme
Une femme
Ont forgé la trame du hasard.

Comme nos voix ba da ba da da da da da da
Nos cœurs y voient ba da ba da da da da da da
Encore une fois ba da ba da da da da da da
Comme une chance, Comme un espoir.

Comme nos voix ba da ba da da da da da da
Nos cœurs en joie ba da ba da da da da da da
On fait le choix ba da ba da da da da da da
D'une romance, Qui passait là.

Chance qui passait là
Chance pour toi et moi ba da ba da da da da da da
Toi et moi ba da ba da da da da da da
Toi et moi.

จอห์นนี่ แมทธิส ก็นำมาร้อง ใหม่หน่อยก็ลิซ่า โอโน โอ.. แสนจะโรแมนติค น่าจะถูกใจพวกวัยเหงา












กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 25 ก.ย. 08, 11:27
พาไปดูโปสเตอร์หนังคั่นนะคะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 26 ก.ย. 08, 01:57
ถ้านึกถึงหนังและเพลงพร้อมๆกัน  สำหรับผมต้องนึกถึง Barbra Streisand เป็นอันดับต้นๆ  และยังจำไม่ลืมกับ Jenny Rebecca จาก Funny Lady เป็นภาพพจน์ของดาราที่ไม่ต้องสวยเลิศเลอ  ดวงตาขี้อายแต่มีเสน่ห์อีกแบบของเธอทำให้มองได้ไม่เบื่อเหมือนกัน(สำหรับมุมมองของหนุ่มๆ) อิอิ  ส่วนเรื่องผลงานเพลงคงไม่ต้องพูดถึง  เพราะมีรางวัลและความดังการันตีเธอเยอะแยะ  คุณกุ้งเคยชมภาพยนต์เรื่องนี้ไม๊ครับ  ผมนำเพลงรีมิกซ์ได้ดีพร้อมสไลด์โชว์ของเธอที่ผมคิดว่าน่าดูที่สุดครับ  ประกอบเพลงนี้  เจนนี่ รีเบคก้า............. :-[

http://www.youtube.com/watch?v=wyE0Jvk8fvY

ชื่อเพลง : Jenny Rebecca   
  ศิลปิน : Barbra Streisand   
  อัลบั้ม : Funny Lady (1975)   
     
  Jenny Rebecca, four days old
How do you like the world so far?
Jenny Rebecca, four days old
What a lucky, lucky, lucky
Lucky girl you are
For you have swings to be swung on
Trees to be climbed up
Days to be young on
Toys you can wind up
Grass to be lying on
Sun up above
Pillows for crying on
When you're in love
Ponies for riding on
Wind in your hair
Slides to be sliding on
Leaves in the air
Dogs to be caring for
Love to be giving
Dreams to be daring for
Long as you're living
Yes, you have
Dreams to be daring for
Long as you're living
Jenny Rebecca, four days old
What a lucky, lucky, lucky
Lucky girl you are...

Written by J.Hull, 1965


Funny Lady


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 ก.ย. 08, 10:08
รวมเรียงความเห็นดังนี้ ครับ

       เพลง Desperado ชอบเสียงน้า Linda Ronstadt ที่สุดเพราะเห็นว่า
เพลงนี้ควรเป็นเพลงผู้หญิงร้องให้ผู้ชาย น้าลินดาร้องถ่ายทอดอารมณ์เข้าใจ ห่วงใย รัก
และชักจะท้อได้ดีมากๆ
      เพลงของป้าลีนน์ที่ชอบมากกว่าสวนกุหลาบคือเพลง Hello Darling ครับ
ชอบเพลงเล่าเรื่องเหตุการณ์สั่นสะเทือนอารมณ์เมื่อคนเคยรักแล้วร้างบังเอิญต้องมาเจอกัน
เพลงโปรดแบบนี้เพลงอื่น เช่น  Walk on By ของคุณยายดิออน และ Crying ของคุณปู่รอย

      มีเพลงเล่าเรื่องซึ้งและเศร้าของคุณป้าเฮเลน เพลงนี้มาทีหลังและไม่ดังเท่าเพลงก่อนหน้าของเธอ
 
              Keep on Singing

   I don't remember mama
She died when I was born
We lived in a one room shanty
But daddy tried to make it a home
When I was only six years old
I started singing in the streets
People would throw me pennies
So I could daddy make ends meet
They said

  * Keep on singing
Don't stop singing
You're gonna be a star someday
You're gonna make a lot of people happy
When they come to hear you play
They said keep on singin
Keep the bells a ringin
Spread the music from town to town
There's not enough song in this old world
So spread your song around

   By the time I was ten years old
I had a rock n roll band
Daddy's eyes were growing dim
But I didn't understand
He said he would be so proud of me
Each time he'd hear us play
At night he'd pull me to his side
And daddy would always say

*
   He didn't have much money
But things didn't seem so bad
I felt just like the queen of the world
When I was with my dad
Then one rainy April night
Daddy called me to his side
He held me with his tremblin hands
Right before he died

*


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 ก.ย. 08, 10:26
       รายการแอนดี้ วิลเลี่ยมส์โชว์ ดูอยู่บ่อยๆ ออกอากาศทางช่องเจ็ดขาว ดำ สนามเป้า ครับ

        หนังเรื่อง A Man and a Woman เป็นหนึ่งในหนังที่เปิดโลก "หนังฝรั่งเศส" ให้รู้จัก
และชวนให้ติดตามเรื่องอื่นๆ ต่อๆ มา

         ดีเจสมัยนั้นอีกท่านหนึ่งที่ประทับใจมากคือ คุณภัทรียา สุมะโน จัดรายการเพลงทางสถานีวิทยุ
กระจายเสียงแห่งประเทศไทย คืนวันศุกร์ เปิดเพลงไพเราะ ถูกใจ มักจะจัดเพลงเป็นชุด เช่น คืนนี้จะเป็น
บทเพลงเกี่ยวกับทะเล
         ข้อเด่นเป็นเอกลักษณ์ของรายการคือ การแปล-บรรยายเนื้อเพลงบางเพลงด้วย เคยได้ยินข่าวว่า
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์

        รู้จักป้าบาร์บครั้งแรกจาก Funny Girl ดูหนังจบแล้วไม่อยากให้จบเลย ต้องรออีกนานหลายปี
กว่าจะได้ดูตอนต่อมา - Funny Lady
        ป้าเป็นหนึ่งในตำนานที่มีผลงานให้พูดถึงมากมาย


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 26 ก.ย. 08, 11:42
ดิฉันชอบบาร์บรา สตรัยแซนด์จากหนัง A star is born ชื่อเพลง Evergreenค่ะ เป็นเพลงโปรดเพลงหนึ่งที่ร้องได้เสมอในตอนดึกๆ ท่อนที่ถูกใจมาก ก็เป็น...
You and I will make each night a first
Every day a beginning
Spirits rise and their dance is unrehearsed
They warm and excite us, cause we have the brightest love

เพลงนี้ ได้รับรางวัลออสคาร์ในปี 1974 ไม่น่าสงสัยเลยว่าฝีมือนักแต่งคำร้องระดับไหน ถ้าไม่ใช่พอล วิลเลี่ยมส์ นักแต่งเพลงที่หน้าตาเหมือนตัวmuppet กรุณาอย่าแปลกใจว่า ทำนองนั้น บาร์บราเป็นผู้แต่งเอง
เก่งจริงๆค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=kmuF3jiufww


Love soft as an easy chair
Love fresh as the morning air
One love that is shared by two
I have found with you

Like a rose under the april snow
I was always certain love would grow
Love ageless and evergreen
Seldom seen by two

You and I will make each night a first
Every day a beginning
Spirits rise and their dance is unrehearsed
They warm and excite us, cause we have the brightest love

Two lives that shine as one
Morning glory and midnight sun
Time weve learned to sail above
Time wont change the meaning of one love
Ageless and ever evergreen


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 ก.ย. 08, 12:31
         A Star is Born version ของป้าบาร์บเข้าฉายที่สกาลาด้วยชื่อไทยโดย
คุณพอใจ ชัยะเวฬุว่า "จะกู่ร้องปองรักให้ก้องโลก"
        ป้าทั้งร้องทั้งแสดงทั้งเรื่องโดดเด่นอยู่คนเดียว ชอบเพลงปิดท้ายมากครับ
เพื่อนเคยนำไปใช้ร้องประกวดในงานใหญ่งานหนึ่ง
          Finale: With One More Look at You/Watch Closely Now
        เพลง Evergreen นำออสการ์ตัวที่สองมาให้ป้าบาร์บในฐานะนักแต่งเพลง
(ตัวแรกจากบทบาทการแสดงใน Funny Girl)
        รู้สึกแปลกๆ อยู่ที่เนื้อร้อง Evergreen เปิดด้วยการเปรียบความรักกับเก้าอี้
คุณพอลเล่าเรื่องนี้ไว้ว่า

          "I actually wrote those first two lines in the opposite order.
I wrote 'Love, fresh as the morning air, love soft as an easy chair.'
I called Barbra as I was getting on a plane to go on tour with Olivia Newton-John.
... and said, 'You know what, flip those two first lines, because it sings better.'
       'Love, soft as an easy chair, love, fresh as the morning air.'

       'Morning' sang better at that point in the song. And I remember saying to Barbra,
'They'll probably laugh us out of the theaters for starting a love song with a line about a chair,
but I think it works better that way.' And I think it was the biggest-selling soundtrack album
ever at that time, and of course the song won the triple crown: the Oscar, the Grammy, and
the Golden Globe."         


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 26 ก.ย. 08, 13:18
นั่นน่ะสิ ดิฉันก็ขำจังเลย ที่เปรียบความรักกับเก้าอี้สบายๆนุ่มๆ ได้แปลเพลงนี้เป็นร้อยแก้วเก็บไว้ส่วนตัว ต้องหาคำที่เหมาะสมอยู่ครู่ใหญ่เหมือนกันค่ะ คุณsila


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 27 ก.ย. 08, 00:50
ความรัก…นุ่มนวลเหมือนเก้าอี้นั่งสบาย
ความรัก…สดชื่นราวอากาศยามเช้า
ความรัก…ที่มาจากคนสองคน
ฉันได้พบมันพร้อมเธอ
เป็นเหมือนดอกกุหลาบกลางหิมะเดือนเมษา
ฉันแน่ใจเสมอว่ารักนี้จะเติบโต
ความรัก…เป็นอมตะและแทบไม่โรยรา
มองเห็นด้วยสองตาของคนสองคน
เธอและฉันจะทำให้ทุกคืนเป็นคืนแรก
ทุกวันคือการเริ่มต้น
พลังที่เพิ่มขึ้นและการเต้นรำที่ไม่ซ้ำเก่า
เหล่านั้นปลุกเร้าและทำให้เราอบอุ่น
เพราะเรามีรักที่สดใส
ส่องแสงที่ส่องเป็นหนึ่งเดียว
เสียงของยามเช้าและพระอาทิตย์ยามเที่ยงคืน
เวลานี้เราเรียนรู้ที่จะเดินไปด้วยกัน
เวลาไม่สามารถเปลี่ยนความหมายของรัก
ที่ยั่งยืนและไม่โรยรา


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 27 ก.ย. 08, 09:10
วาว.. เยี่ยมค่ะคุณบานา

ขอแก้นิดหนึ่งค่ะ eddie cochran นามสกุลออกเสียงว่า คอค-ครั่น เพราะมาจากภาษาสก็อตทิชค่ะ คุณพี่เขยชาวอังกฤษดิฉันก็บ้าเพลงเหมือนกันออกเสียงให้ฟังชัดๆเมื่อวาน


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 28 ก.ย. 08, 01:33
ขออาลัยการจากไปของดารารุ่นใหญ่ พอล นิวแมน  ซึ่งเป็นดาราฮอลลีวูดม่กี่คนที่ครองรักกับภรรยา คือ โจอัน วูดวอร์ด จนวาระสุดท้ายของชีวิต  ผมดูหนังของพอลหลายเรื่อง เรื่องที่ชอบคือ “The Color of Money” รู้สึกว่าจะได้รางวัลด้วยเรื่องนี้ และภาพของ Pall Newman และ Joanne Woodward จะเป็นภาพที่ประทับใจแฟนานุแฟนเสมอ
เพลงของ Jello ที่เป็นเสียงของพอลร้องไว้พร้อมสไลด์โชว์ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=4R-qJaJRSRs

"Plastic Jesus"
Well, I don't care if it rains or freezes
Long as I have my plastic Jesus
Riding on the dashboard of my car
Through all trials and tribualtions
We will travel every nation
With my plastic Jesus I'll go far
 
Plastic Jesus, plastic Jesus
Riding on the dashboard of my car
Through all trials and tribulations
We will travel every nation
With my plastic Jesus I'll go far

Riding down a thorooughfare
With his nose up in the air
A wreck may be ahead, but He don't mind
Trouble coming He don't see
He just keeps His eye on me

ANd any other thing that lies behind
Plastic Jesus, Plastic Jesus
Riding on the dasboard of my car
Though the sunshine on his back
Makes Him peel, chip and crack
A little patching keeps Him up to par

When pedestrians try to cross
I let them know who's boss
I never blow the horn or give them warning
I ride all over town
Trying to run them down
And it's seldom that they live to see the morning
Plastic Jesus, plastic Jesus
Riding on the dashboard of my car
His halo fits just right
And I use it for sight
And they'll scatter or they'll splatter near and far

If I weave around at night
And the police think I'm tight
They'll never find my bottle, though they ask
Plastic Jesus shelters me
For His head comes off, you see

He's hollow, and I use Him for a flask
Plastic Jesus, plastic Jesus
Riding on the dashboard of my car
Ride with me and have a dram
Of the blood of the Lamb
Plastic Jesus is a holy bar

Plastic Jesus, plastic Jesus
Riding on the dashboard of my car
But I think he'll have to go
His magnet ruins my radio
And if we wreck he'll leave a scar

Plastic Jesus, plastic Jesus
Riding on the dashboard of my car
Once His robe was snowy white
Not it isn't quite so bright
Stained by the smoke of my cigar




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ก.ย. 08, 11:22
การเสียชีวิตของพอล นิวแมน ดาราชายฮอลลีวู้ดที่สง่างามทั้งลีลา ความรับผิดชอบต่อสังคมคนด้อยโอกาส และการครองชีวิตคู่ ทำให้คนสูบบุหรี่ทั้งหลายได้คิดบ้างหรือไม่ไม่ทราบ
แต่รูปที่คุณsilaเลือกมาลง แสดงให้เห็นถึงรสนิยมของคนยุคหนึ่ง
ที่ความเป็นแมน มักแสดงออกด้วยบทบาทของผู้ชายคาบบุหรี่
มาดสูบก็ต้องเก๋ไก๋
แม้พอลจะเป็นคนสูบหนัก เลิกมาแล้วสามสิบปี ก็ไม่รอดจากโรคพิเรนนี่
ว่ากันว่า เมื่อปอดส่วนหนึ่งถูกทำลาย มันก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะพ้นจากความเสี่ยง
โชคดีที่ค่านิยมชายแท้ต้องสูบบุหรี่เริ่มล้าหลังแล้วในยุคนี้
คิดถึงผู้ชายตาสีฟ้าคนนี้ ที่เด็กๆอย่างดิฉันหลงรักทันทีเมื่อได้ดูหนังของเขากับเอลเก้ ซอมเมอร์ เรื่องthe prize ปี 1963 พอลบุคลิกดีมาก และเอลเก้ก็สวยขาดบาดใจ
ว่าไปแล้ว ภรรยาในชีวิตจริงก็มี่ส่วนคล้ายเหมือนกันค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=6q2xQ4y7I8Q

http://www.youtube.com/watch?v=MBURaByY8wU&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ก.ย. 08, 11:35
ดิฉันจะไม่มีวันเรียกพอลว่าปู่เด็ดๆ ...


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 ก.ย. 08, 11:57
เคยส่องแสงแรงเจิดจ้าดาราหนุ่ม      ปลายคางบุ๋มดวงตาสีฟ้าใส


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 ก.ย. 08, 11:58
แต่คืนนี้ดาราดับลับฟ้าไป         คงเหลือไว้เพียงภาพงามความทรงจำ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 ก.ย. 08, 12:00
    อย่าเพียรถามว่าฉันจะรักเธอนานเท่าไร
   ฉันตอบไม่ได้ว่าฉันจะรักชั่วกาลนิรันดร์
  เพราะชีวิตฉันคงไม่ยืนยาวไปถึงปานนั้น
รู้แต่เพียงฉันหมดสิ้นรักเธอ..เมื่อฉันหมดลม   

Paul Newman & Joanne Woodward


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ก.ย. 08, 12:07
ห้าสิบปีในชีวิตการแสดง พอลพบรักกับโจแอน วู้ดเวิร์ด พบกันในปี1953 เล่นหนังด้วยกันสิบเรื่อง แล้วก็แต่งงานกันในอีกห้าปีให้หลัง และไม่มีการหย่าเลยนับจากนั้น
ที่จริง โจแอนน่ะ แก่กว่าพอลด้วยซ้ำ
รักแท้ค่ะ  รักแท้
โจแอนได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมหญิงจากสถาบัน ในปีที่แต่งงานเลยคือ 1958 ด้วยเรื่อง สามหน้าของอีฟว์ จากนั้นอีกเกือบสามสิบปี พอลถึงมาได้รางวัลดารานักแสดงบทนำยอดเยี่ยมจากเรื่องที่เล่นกับทอม ครูส
บทนิ่ง ร้ายลึก สง่า และมาดผู้ดี


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ก.ย. 08, 12:15
แปดสิบสามปีผ่านไป นัยน์ตาสีฟ้า ก็ยังมีประกาย แต่วันนี้ หลับแล้ว อย่างสนิท ..
 :'( บุช แคสสิดี้ ของดิฉัน และพอล นิวแมนของโจแอน วู้ดเวิร์ด
 


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ก.ย. 08, 12:28
http://www.youtube.com/watch?v=y4zYL9rrOs4

เจ้าพ่อสันดาน เอ๊ยซันดานซ์ คิดกับคู่หูของเขา ทั้งในยามหนุ่มแน่น และร่วงโรย
หากใครเป็นวัยรุ่นยุคหนังThe Stingที่ตามหลัง Butch Cassidy and the Sundance Kidก็คงจะจำชีวิตสนุกๆในกรุงเทพ ที่เราต้องไปยืนออหน้าโรงหนังฮอลลีวู้ดของคุณไมตรี กิตติพราภรณ์ได้ ที่นั่งก็ไม่มี ต้องเขลงกันตรงขั้นบันไดบ้าง ออกันหน้าโรงบ้าง
สาวจุฬา ไปเจอหนุ่มธรรมศาสตร์ ทำหน้าเอียงอายกินบานานาสปลิทกันแถวนั้น
ไร้เดียงสา ไร้ยาเสพติด มิตรไมตรียั่งยืน เอ ผิดกับสมัยนี้หรือเปล่านะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ก.ย. 08, 21:22
พีเพิล นิตยสารที่ทรงอิทธิพลของวงการดารา บันทึกไว้ว่า
Newman won an Oscar for The Color of Money, in 1987. Exactly 20 years later, he announced his retirement from acting, saying, "I'm not able to work anymore ... at the level that I would want to. You start to lose your memory, you start to lose your confidence, you start to lose your invention."
เพื่อนฝูงดารา ลูกเต้า และนักการเมืองต่างแสดงความอาลัยในตัวของเขา จนอ่านไม่ไหว ล้วนแต่ซึ้งๆทั้งนั้นในความเป็นมืออาชีพ ความใจบุญ และความสมบูรณ์แบบ ที่นานๆ พระเจ้าจะประทานมาให้โลกนี้สักคนหนึ่ง
พอลเคยพูดแซวตัวเองเรื่องความใส คมของตาคู่ฟ้าที่ใครๆหลงใหลว่า
"If my eyes should ever turn brown, my career is shot to hell."
ที่จริงพอลเคยมีภรรยาและลูกชายมาก่อน แต่ก็หย่า ก่อนจะมาแต่งกับโจแอน แล้วก็ครองคู่กันมาตลอดจนมักจะเจอคำถามว่า ไม่เคยนอกใจภรรยาบ้างเลยหรือ คำตอบก็คมกริบจนชายหนุ่มทั้งหลายก็อปมาใช้ตลอด
"Why fool around with hamburger when you have steak at home?"
ขออนุญาตไม่แปลสำบัดสำนวนเหล่านี้ในเรือนไทย เพราะความคมอาจจะกร่อยไปหมด





กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ก.ย. 08, 21:43
สักเพลงให้กับตาสีฟ้า PRETTY BLUE EYES ซึ่งโจแอน วู้ดเวิร์ดเคยพูดถึงพอล เมื่อหลงรักเขา ว่า "Too pretty for words"
คำร้องและทำนองโดยTeddy Randazzo/Bobby Weinstein
ร้องโดย สตีฟว์ ลอว์เรนซ์
http://www.youtube.com/watch?v=wISxbazIFKw
หรือของเครก ดักลาส
http://www.youtube.com/watch?v=_PVSm_-dZE8

Though I was in love before
Then you moved in next door
Pretty blue eyes
Pretty blue eyes

All the guys in the neighbourhood
Keep saying that you sure look good
With your blue eyes
Pretty blue eyes

Saw you from my window
My heart skipped a beat
Wanna sit on your doorstep
So now I can meet
Pretty blue eyes

Please come out today
So I can tell you what I have to say
That I love you, love you
Pretty blue eyes




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 28 ก.ย. 08, 22:51
ขออภัยครับสำหรับรูปพอลสูบบุหรี่ที่นำมาลง คงเป็นเพราะท่อนสุดท้ายของเพลงอ่ะครับ Stained by the smoke of my cigar  หมองมัวด้วยควันซิการ์ฉัน อิอิ รูปพอลเต็มไปหมดพ่อหนุ่มตาสีฟ้าเจ้าเสน่ห์  อย่างนี้คงต้องเรียกว่า "pretty boy"  นึกถึงเพลงของสองสาว M2M เหมาะเหม็ง..... :o
http://www.youtube.com/watch?v=zlzOB3n_-k4 

"Oh my pretty pretty boy I love you
Like I never ever loved no one before you
Pretty pretty boy of mine
Just tell me you love me too
Oh my pretty pretty boy I need you
Oh my pretty pretty boy I do
Let me inside Make me stay right beside you"
"พ่อหนุ่มเจ้าเสน่ห์ฉันรักคุณ ไม่เหมือนกับที่เคยรักใครมาก่อน
พ่อหนุ่มเจ้าเสน่ห์ของฉัน บอกฉันสำว่าเธอก็รักฉันเช่นกัน
ฉันต้องการคุณนะพ่อสุดเทห์  สุดเก๋
ให้ฉันเข้าไปอยู่ในใจของคุณนะ....ให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆคุณนะ" .........อิอิ

"Why fool around with hamburger when you have steak at home?"
มีสเต็กชั้นดีรอที่บ้านเราใยต้องมาเขลากับแฮมเบอร์เกอร์ขยะที่รายรอบอีกเล่า

PRETTY BOY
M2M
I lie awake at night
See things in black and white
I've only got you inside my mind
You know you have made me blind
 
I lie awake and pray
That you will look my way
I have all this longing in my heart
I knew it right from the start
 
Oh my pretty pretty boy I love you
Like I never ever loved no one before you
Pretty pretty boy of mine
Just tell me you love me too
Oh my pretty pretty boy
I need you
Oh my pretty pretty boy I do
Let me inside
Make me stay right beside you
 
I used to write your name
And put it in a frame
And sometime I think I hear you call
Right from my bedroom wall
 
You stay a little while
And touch me with your smile
And what can I say to make you mine
To reach out for you in time
 
Oh pretty boy
Say you love me too


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ก.ย. 08, 22:56
การเสียชีวิตของพอล นิวแมน ดาราชายฮอลลีวู้ดที่สง่างามทั้งลีลา ความรับผิดชอบต่อสังคมคนด้อยโอกาส และการครองชีวิตคู่ ทำให้คนสูบบุหรี่ทั้งหลายได้คิดบ้างหรือไม่ไม่ทราบ
แต่รูปที่คุณsilaเลือกมาลง แสดงให้เห็นถึงรสนิยมของคนยุคหนึ่ง
ที่ความเป็นแมน มักแสดงออกด้วยบทบาทของผู้ชายคาบบุหรี่
มาดสูบก็ต้องเก๋ไก๋........ค่ะ


โอ้ว.. ขอโทษค่ะ ที่เขียนผิด คุณบาน่า :o

เพลง pretty boy ไม่ได้ฟังนานแล้วนะคะ แม่สาวm2mเดี๋ยวนี้เป็นไงบ้างไม่รู้


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 29 ก.ย. 08, 02:09
http://www.youtube.com/watch?v=upcB3Spsny8&feature=related
เป็นสารคดีภาคหนึ่ง ที่ทำเรื่องราวของพอลกับโจแอน ได้ดีมาก
พอลแก่กว่าโจแอนห้าปีค่ะ โดยอายุ ดิฉันจำผิดไปสลับกับคู่อื่น ขออภัยในความสับสน


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 01 ต.ค. 08, 09:41
อาลัยด้วยคนกับการจากไปของพอล นิวแมนครับ
...
ตามสาวไปดู Mamma Mia ที่ลิโด มีคนดูนับคนได้ น่าเสียดายมาก รอบก็ประเภทต้องหนีงานไปดู เพราะกลัวพลาดกันพอดี
เพลงที่สุดยอดของเรื่องสำหรับผม คือเพลงนี้ครับ
เขียนได้ซาบซึ้งมาก เพราะเป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ของคู่รักแอ็บบ้า กำลังคลอนแคลน

THE WINNER TAKES ALL

I dont wanna talk
About the things weve gone through
Though its hurting me
Now its history
Ive played all my cards
And thats what youve done too
Nothing more to say
No more ace to play

The winner takes it all
The loser standing small
Beside the victory
Thats her destiny

I was in your arms
Thinking I belonged there
I figured it made sense
Building me a fence
Building me a home
Thinking Id be strong there
But I was a fool
Playing by the rules

The gods may throw a dice
Their minds as cold as ice
And someone way down here
Loses someone dear
The winner takes it all
The loser has to fall
Its simple and its plain
Why should I complain.

But tell me does she kiss
Like I used to kiss you’
Does it feel the same
When she calls your name’
Somewhere deep inside
You must know I miss you
But what can I say
Rules must be obeyed

The judges will decide
The likes of me abide
Spectators of the show
Always staying low
The game is on again
A lover or a friend
A big thing or a small
The winner takes it all

I dont wanna talk
If it makes you feel sad
And I understand
Youve come to shake my hand
I apologize
If it makes you feel bad
Seeing me so tense
No self-confidence
But you see
The winner takes it all
The winner takes it all……

http://www.mammamiamovie.com/main.html
ไปฟังเธอร้องที่หน้าfeatureกันครับ เสียดายลงไม่เต็มเพลง

ที่มีเต็มเพลง ผมเปิดไม่ได้ แต่ได้ลิงค์มาฝากคนอ่านที่ไม่อยู่ในประเทศนี้
 www.youtube.com/watch?v=xK3mVxGfzPY

ในหนัง
http://www.youtube.com/watch?v=bCmOWYbmr4k
http://www.youtube.com/watch?v=-1egohTOlQk&feature=related




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 01 ต.ค. 08, 13:02
ฉันไม่อยากจะพูดถึงสิ่งที่ผ่านมาระหว่างเรา
ถึงมันจะยังทิ่มแทงใจ
ปัจจุบันก็แค่เรื่องราวเก่าๆ

ฉันหมดไพ่บนมือแล้ว
เธอก็เช่นกัน
ไม่มีอะไรจะพูด
ไม่มีตัวโพดำให้เล่น
คนชนะได้ทุกอย่าง
คนแพ้ไม่เหลืออะไร
นอกเหนือจากสูญเสียชัยชนะ
ยังแพ้ดวงอีก
อ้อมแขนเธอที่เคยกอดฉัน
ทำให้หลงคิดครอบครอง
วาดภาพไว้ว่าใช่
ล้อมรั้วอย่างดี
สร้างบ้านด้วย
คิดว่าที่นั่น จะทำให้ฉันอยู่อย่างมั่นคง
แต่ฉันมันโง่
ที่เล่นตามกติกา
พระเจ้าอาจจะแค่โยนลูกเต๋าออกไป
อย่างเลือดเย็นโดยไม่รู้สึกรู้สมอะไร
แค่คนๆหนึ่งแถวนี้
เสียคนรักไปคนหนึ่ง
คนชนะได้ทุกอย่าง
คนแพ้ต้องล้ม
เรียบและง่าย
ฉันจะบ่นไปทำไม

"แต่บอกหน่อยว่าเมื่อหล่อนจูบคุณ
เหมือนที่ฉันเคยจูบ
คุณรู้สึกเหมือนกันไหม
เมื่อหล่อนเรียกชื่อคุณ
ในส่วนลึก
คุณต้องรู้ว่าฉันคิดถึงคุณ
แต่ฉันพูดไม่ออก
กติกาค้ำคอ..."

ผู้พิพากษาจะตัดสิน
ความพึงใจของฉันจะยังคงมั่น
คนดูการแสดง
ยังคงนิ่งสงบ
เกมใหม่เปิดให้เล่น
ไม่ว่าจะเป็นคนรัก หรือเพื่อน
ไม่ว่าเรื่องใหญ่ หรือเรื่องเล็ก
คนชนะก็ได้ไปหมด


ถ้ามันทำให้คุณไม่สบายใจ
ฉันก็เข้าใจ
คุณแค่มาเพื่อสัมผัสมือ
ฉันขอโทษ
ถ้าคุณรู้สึกไม่ดี
ที่เห็นฉันหงุดหงิด
สูญเสียความเชื่อมั่น
แต่คุณก็รู้นี่ว่า...

คนชนะได้ทุกอย่าง
คนชนะได้ทุกอย่าง


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 01 ต.ค. 08, 15:50
ชอบversionนี้ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=OuJl1T-trLw&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 04 ต.ค. 08, 13:39
เนื้อเพลงบางเพลงมันไม่ได้ประเทืองปัญญา หรือลึกซึ้ง
บางที ไร้สาระด้วยซ้ำ แต่ฮิตไม่รู้เรื่อง
บางท่อนของคำร้อง สำหรับคนบางคน คำบางคำมันก็โดนใจ
เหมือนเพลงส่วนหนึ่งของแอ็บบ้า ยกเว้น เฟอร์นานโด ที่เพื่อนผู้ชายบางคนทำหน้าไม่เข้าใจว่าชอบแอ็บบ้าเข้าไปได้อย่างไร เขาว่าน่าเบื่อตายถ้าฟังเพลงแบบนี้ ว่าแล้วก็ชวนฟังรอย ออร์ไบสัน กับจอห์น ฟ็อกเกอร์ตี้ที่ดาวน์โหลดมา ในระบบเสียงและภาพที่สมบูรณ์มาก
รอย ออร์ไบสัน
เพลงของรอยที่ดิฉันชอบ นอกจากพริตตี้ วูแมน โอนลี่ เดอะ โลนลี่ และครายอิ้งยังมีเพลงนี้ค่ะ In Dreams ที่ตรงกับนิตยสารโรลลิ่งสโตนจัดอันดับว่า เป็น 500 เพลงที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
ดิฉันชอบการร้องจากเสียงต่ำไปสูงในอ็อคเตฟว์ที่ติดๆกันซึ่งหาคนทำได้ดียากอยู่ แต่รอยทำได้
บักรอย ผู้ไม่เคยถอดแว่นดำ เป็นทั้งนักร้องเสียงดีที่เอลวิสยกย่อง
และเป็นนักแต่งเพลงอีกด้วย

จอห์น ฟ็อกเกอร์ตี้ เมื่อเป็นครีเดนซ์ เคลียร์วอเตอร์ ริไววัล นั้น เล่นดนตรีสะใจขาร็อค เป็นร็อคลูกทุ่ง เขียนเพลงแต่ละเพลง เรียกว่า สะใจ แฟนเพลงไทยจะชอบคัตตั้น ฟิลด์ส กับ ฮูลสต็อปเดอะเรน
วงของเขามีมหนุ่ม จอห์น ทอม และสตูว์ คุก
เพลงสุดยอดที่เขาแต่งก็ แมรี่ผู้ภาคภูมิ ถามเพื่อนที่ชอบเพลงว่า คุณรู้ไหม แมรี่คืออะไร เพื่อนไม่กล้ามั่ว เลยตอบว่าไม่รู เราสองคนจึงไล่เนื้อ ร้องไปด้วย หาไปด้วย อ้อ มันเป็นริเวอร์โบ้ท หรือสตีมโบ้ท ธรรมดา หาใช่เรือควีนแมรี่ที่ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์อังกฤษไม่
เวลาคนอ่านเนื้อเพลง หรือเอาไปร้องต่อแล้วไม่รู้เรื่อง จอห์นก็แถลงว่า เขียนเนื้อด้วยความสนุก ชอบเล่นกับคำพ้องเสียง ลองอ่านดูค่ะ

"Sometimes I write words to songs because they sound cool to sing. Sometimes the listener doesn't understand what I'm singing because I'm dedicated to singing the vowel, having fun with the word sounds coming out of my mouth. 'Cleaned a lot of plates in Memphis, pumped a lot of pain down in New Orleans,' is a good example. I think Tina Turner sang '`tane' instead of 'pain,' as in a contracted form of 'octane'. But I knew what she meant."



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 05 ต.ค. 08, 11:58
เนื้อเพลงที่โรแมนติคสั้นๆ ฟังแล้วอยากฟังอีกเพลงหนึ่ง เป็นเพลงของชิคาโก เสียงร้องของมือกีตาร์Terry Kathทั้งโศกทั้งซึ้ง บอกรักว่าเธอแต้มสีให้โลกสวยเสร็จ ไม่นาน ก็พี้ยาไปพี้ยามา เยาวชนอย่าเลียนแบบ
คว้าปืนมาเล่น บอกว่าอย่าห่วงเลย ไม่มีลูก จ่อหน้าผากยิงโป้งเล่นๆ แต่ตายจริงเฉยเลย
http://video.google.com/videoplay?docid=6382201394431647345&q=Chicago+Live+1977++is%3Afree&vt=lf

COLOR MY WORLD (Chicago)

As time goes on I realize
Just what you mean to me
And now, now that you're near
Promise your love
That I've waited to share
And dreams of our moments together
Color my world with hope of loving you


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 05 ต.ค. 08, 12:36
ทว่า..ขาเลิฟคงจะชอบเพลงนี้มากกว่า เพราะดังกว่า แต่คราวนี้มือเบสร้อง ตอนหลังออกมาเป็นนักร้องเดี่ยว If you leave me now คนเข้าไปคลิควันนี้ก็สองล้านกว่าเข้าไปแล้ว เทียบกับ Color my world ไม่ติด วันนี้แค่แสนห้า..

http://video.google.com/videoplay?docid=6382201394431647345&q=Chicago+Live+1977++is%3Afree&vt=lf



IF YOU LEAVE ME NOW

If you leave me now, you'll take away the biggest part of me
Uh uh uh uh no baby please don't go
And if you leave me now, you'll take away the very heart of me
Uh uh uh uh no baby please don't go
Uh uh uh uh girl I just want you to stay

A love like ours is love that's hard to find
How could we let it slip away
We've come too far to leave it all behind
How could we end it all this way
When tomorrow comes and we'll both regret
The things we said today

A love like ours is love that's hard to find
How could we let it slip away
We've come too far to leave it all behind
How could we end it all this way
When tomorrow comes and we'll both regret
The things we said today

If you leave me now, you'll take away the biggest part of me
Uh uh uh uh no baby please don't go
Uh girl, just got to have you by my side

Uh uh uh uh no baby, please don't go

Oh mama, I just got to have your lovin, yeah

คนแต่งและร้องนำคือ peter cetera

วงนี้ยังอยู่ แต่เปลี่ยนตัวเป็นชิคาโกรุ่นใหม่ ทำการตลาดแบบรีเฟรชแบรนด์ใหม่เลย เหลือเก่าก็แค่พวกยืนเป่าเป็นหลัก
เสียงกีตาร์ออกแนวไฟฟ้าฟังแบบกะดึ๋งๆ
มองอีกที ก็เป็นการรักษาของเก่าแบบเข้ากับสมัย มือกีตาร์บางคนใส่เสื้อรัดกล้ามโชว์แมน
ท่อนโซโลเพลงเด่นของวง อย่าง 25 or 6 to 4 ก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนอดีต
มันไปคนละแบบค่ะ
รุ่น เซเวนตี้ส์ กับรุ่นไนนตี้ส ที่เล่นในญี่ปุ่น น่าจะลองหาฟังเปรียบเทียบกันนะคะ คนบางคนอาจจะไม่ยอมรับ




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 05 ต.ค. 08, 13:07
http://video.google.com/videoplay?docid=6382201394431647345&q=Chicago+Live+1977++is%3Afree&vt=lf

Robert William Lamm เขียน 25 or 6 to 4และเพลงนี้ค่ะ

Saturday in the park
I think it was the Fourth of July
Saturday in the park
I think it was the Fourth of July
People dancing, people laughing
A man selling ice cream
Singing Italian songs
Eicay vare, eise narde
Can you dig it (yes, I can)
And I've been waiting such a long time
For Saturday

Another day in the park
I think it was the Fourth of July
Another day in the park
I think it was the Fourth of July
People talking, really smiling
A man playing guitar
Singing for us all
Will you help him change the world
Can you dig it (yes, I can)
And I've been waiting such a long time
For today

Slow motion riders fly the colors of the day
A bronze man still can tell stories his own way
Listen children all is not lost
All is not lost
Oh no, no

Forty days in the park
Every day's the Fourth of July
Forty days in the park
Every day's the Fourth of July
People reaching, people touching
A real celebration
Waiting for us all
If we want it, really want it
Can you dig it (yes, I can)
And I've been waiting such a long time
For the day


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 07 ต.ค. 08, 14:11
มือกีตาร์ที่เล่นดนตรีในเทศกาลวู้ดสต็อค พีท ทาวน์เชนด์ แห่งวง The Who ผู้ชอบเหวี่ยงและพังกีตาร์เป็นอาจิณบนเวทีในการแสดงสด ทั้งที่กิบสัน เฟนเดอร์ แต่ละตัวของพ่อเจ้าประคุณไม่ใช่ถูกๆ ไม่เห็นใจมือกีตาร์จนๆแถวนี้บ้างเลย
ใครเกิดทันได้ดูหนัง Tommy และฟังร็อคออปร้าชุดนี้ ก็คงรู้จักพีท โดยไม่ต้องพูดมาก
ดิฉันจำได้ว่าไปดูหนังเรื่องนี้ตอนเป็นวัยรุ่น ก็กรี๊ดรอเจอร์ ดัลทรี่ย์แทบสลบ เฮ้อ..ปี 1975 หนังระดมนักร้องดารามาเล่นเพียบทั้งโอลิเวอร์ รีด แอน มาร์เกร็ต เอริค แคลปตัน คีธ มูน ทิน่า เนอร์เนอร์ แต่พอรอเจอร์ออกมาที ดิฉันลืมคนอื่นหมดเลย

พีท ทาวน์เชนด์ มีเพลงที่เขาแต่งเองเพลงหนึ่ง ซึ่งดังมาก ชื่อว่า behind blue eye (ร้องโดย รอเจอร์ ดัลทรี่ย์)
ที่พูดถึงคุณธรรมในเพลงได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ถึงแม้จะมีการแสดงที่ออกแนวศิลปะประเภททำลายข้าวของ แต่สี่สิบปีที่ยืนยงในวงการ พีท ก็มีผลงานเด่นซึ่งไม่น้อยหน้าใครหลายเพลง
ขาเลิฟคงชอบร็อคเพลงนี้กันบ้าง ส่วนขาร็อคคงไม่สะใจเพราะกระหน่ำกีตาร์น้อยไปหน่อย การแสดงสดที่ลอนดอน ปี 1979 versionนี้ ดูกันไปแล้วสองล้านแปดคลิค
http://www.youtube.com/watch?v=5_1RqyNdzbE

Behind blue eye
Written by Pete Townshend

No one knows what it's like to be the bad man
To be the sad man behind blue eyes
No one knows what it's like
To be hated, to be fated to telling only lies

But my dreams, they aren't as empty
As my conscience seems to be
I have hours, only lonely
My love is vengeance that's never free

No one knows what it's like
To feel these feelings like I do and I blame you!
No one bites back as hard on their anger
None of my pain and woe can show through

But my dreams, they aren't as empty
As my conscience seems to be
I have hours only lonely
My love is vengeance, that's never free

When my fist clenches, crack it open
Before I use it and lose my cool
When I smile, tell me some bad news
Before I laugh and act like a fool

And If I swallow anything evil
Put your finger down my throat
And If I shiver, please give me a blanket
Keep me warm, let me wear your coat

No one knows what it's like to be the bad man
To be the sad man behind blue eyes


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 07 ต.ค. 08, 15:57
http://www.youtube.com/watch?v=2Pp38SR1lMU&feature=related

Limp bizkit ร้อง สำหรับรุ่นคุณBana มีนางเอก Halle Berry ทำปากขมุบขมิบด้วย


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 08 ต.ค. 08, 16:26
บังเอิญเดินออกจากที่ทำงานไปรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อน มีวณิพกตาบอดยืนหน้าประตูทางออก ร้องเพลงและเล่นกีตาร์ไฟฟ้า ดิฉันยืนฟังอยู่ จากไม่ตั้งใจเป็นตั้งใจ เพราะเขาทั้งเล่นและร้องได้เพราะมาก ถามเพื่อนว่าเพลงอะไร เพื่อนบอกว่าจำไม่ได้ จึงเดินไปถามคนเล่น เขาบอกว่าทะเลใจ
ลืมไปแล้วสองวัน เพื่อนก็ส่งลิงค์เพลงมาให้

ทะเลใจ
อัลบั้ม : พฤษภา

คำร้อง : ยืนยง โอภากุล
ทำนอง : ยืนยง โอภากุล






แม้ชีวิตได้ผ่านเลยวัยแห่งความฝัน
วันที่ผ่านมา ไร้จุดหมาย
ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่ เพียงตัว และจิตใจ
เป็นมิตรแท้ที่ดี ต่อกัน

เหมือนชีวิตผันผ่าน คืนวันอันเปลี่ยวเหงา
ตัวเป็นของเรา ใจของใคร
มีชีวิตเพื่อสู้ คืน วันอันโหดร้าย
คืนนี้ตัวกับใจ ไม่ตรงกัน

คืน นั้น คืน ไหน ใจแพ้ตัว
คืนและวันอัน น่า กลัว ตัวแพ้ใจ
ท่ามกลางแสงสี ศิวิไลซ์
อาจหลงทางไปไม่ยาก เย็น
คืน นั้น คืน ไหน ใจเพ้อฝัน
คืนและวันฝันไป ไกลลิบโลก
ดังนกน้อย ลิ่วล่องลอย แรงลมโบก
พออับโชค ตกลงกลาง ทะเลใจ

ทุกชีวิตดิ้นรน ค้นหาแต่จุดหมาย
ใจในร่างกาย กลับไม่เจอ ทุกข์ที่เกิดซ้ำ
เพราะใจนำพร่ำเพ้อ หาหัวใจให้เจอ ก็เป็นสุข

คืน นั้น คืน ไหน ใจแพ้ตัว
คืนและวัน อัน น่า กลัว ตัวแพ้ใจ
ท่ามกลางแสงสี ศิวิไลซ์
อาจหลงทางไปไม่ยาก เย็น
คืน นั้น คืน ไหน ใจเพ้อฝัน
คืนและวันฝันไป ไกลลับโลก
ดังนกน้อย ลิ่วล่องลอย แรงลมโบก
พออับโชค ตกลงกลาง ทะเลใจ

แม้ชีวิตได้ผ่าน เลยวัยแห่งความฝัน
วันที่ผ่านมา ไร้จุดหมาย
ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่ เพียง ตัวและจิตใจ
เป็นมิตรแท้ที่ดี ต่อกัน
ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่ เพียง ตัวและจิตใจ
เป็นมิตรแท้ที่ดี ตลอดกาล...


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 09 ต.ค. 08, 01:57
หลังดวงตาเลื่อนลอยคูนั้น

ใครเลยจะรู้ว่า
เป็นคนบ้าคลั่ง .........หรือเป็นคนเศร้าสร้อย
หลังดวงตาสีฟ้าเศร้าสร้อยคู่นั้น

ใครเลยจะรู้ว่า
โดนกลั่นแกล้ง........หรือเพราะโชคชะตา
หรือแค่พูดจาโกหก

แต่ฝันที่ฉันมี
ไม่เคยเลยที่จะว่างเปล่า
เพราะฉันยังดูราวคนมีสติอยู่

สิ่งที่ฉันมีคือ เวลาที่โดดเดี่ยว
กับความรักที่อาฆาต  ที่ไม่อาจปลดปล่อยมันไปได้

ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเช่นไร
ในความรู้สึกเหล่านี้
ความรู้สึกที่ฉันเป็นอยู่
เฉกเช่นนี้ ฉันโทษเธอ........

ไม่มีใครจะเจ็บแค้นสาหัส ...เท่าความอาฆาต
ความระทมทุกข์หรือความเจ็บปวดใด ........ไม่สามารถแสดงออกมาได้

หากเห็นฉันฮึดฮัดก็จัดการกับฉันได้เลยนะ
ก่อนที่ฉันจะเผยตัวตนแบบที่ฉันเป็น
หากฉันแย้มยิ้มก็บอกข่าวร้ายมาเลย
ก่อนที่ฉันจะหัวร่อร่าแล้วทำเย็นชาเหมือนไอ้โง่

หากฉันกลืนทุกอย่างลงไป
โปรดกดลำคอฉันด้วย
โปรดยื่นผ้าห่มให้หากใจฉันสั่นสะท้าน
โปรดเจือจานเสื้อคลุมคุณให้ร่างกายฉันอบอุ่น

ใครเลยจะรู้ว่า
เป็นคนบ้าคลั่ง .........หรือเป็นคนเศร้าสร้อย
หลังดวงตาสีฟ้าเศร้าสร้อยคู่นั้น


..............อิอิ  พยายามแปลแต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าท่าอยู่ดี


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 09 ต.ค. 08, 03:06
...เมื่อกำปั้นฉันเกร็งแน่น แกะมันให้คลาย
ก่อนที่จะอัดใคร ให้สูญเสียความใจเย็น
เมื่อฉันเริงร่า บอกข่าวร้ายมา
ก่อนที่ฉันจะทำซ่า ให้คนฮาอย่างตัวตลก

และหากฉันกลืนความร้ายกาจขนาดไหน
โปรดล้วงคอฉันจนคายพิษได้
และถ้าฉันหนาวสะท้านหวั่นไหว
โปรดเอื้อเฟื้อไออุ่นให้
ด้วยผ้าห่มหรือเสื้อคลุมของคุณ




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 09 ต.ค. 08, 03:18
ยุคที่เรามีแค่เทปคาสเส็ทไว้ฟังเพลงดีๆกัน หนุ่มๆมีวิธีส่งความรู้สึกด้วยการอัดเพลงให้คนรัก เรียกว่าเป็นเมดเลย์เลย แล้วก็มีการบรรยายความรักความคิดถึงคั่นเพลงมาด้วย
เพลงไหนสาวถูกใจ ก็แกะมันสดๆจากเทปเอง เพราะหนุ่มซึ้งแต่ไม่ยักส่งเนื้อมาให้ด้วย
มีเพลงนี้ค่ะ ที่มิค แจ็คเกอร์ร้องได้อ้อนมาก ทำเอาคนฟังเพ้อ ว่ามันถึงเวลาที่จะต้องเลิกกันหรือไร ก็ยังอาลัยอาวรณ์กันอยู่ไม่ใช่หรือ

http://www.youtube.com/watch?v=-21QK9F1NWc&feature=related

M. Jagger/K. Richards

Angie, Angie, when will those clouds all disappear?
Angie, Angie, where will it lead us from here?
With no loving in our souls and no money in our coats
You can't say we're satisfied
But Angie, Angie, you can't say we never tried
Angie, you're beautiful, but ain't it time we said good-bye?
Angie, I still love you, remember all those nights we cried?
All the dreams we held so close seemed to all go up in smoke
Let me whisper in your ear:
Angie, Angie, where will it lead us from here?

Oh, Angie, don't you weep, all your kisses still taste sweet
I hate that sadness in your eyes
But Angie, Angie, ain't it time we said good-bye?
With no loving in our souls and no money in our coats
You can't say we're satisfied
But Angie, I still love you, baby
Ev'rywhere I look I see your eyes
There ain't a woman that comes close to you
Come on Baby, dry your eyes
But Angie, Angie, ain't it good to be alive?
Angie, Angie, they can't say we never tried

ตอนนั้น หน้าตามิค แจ็คเกอร์ แม้ปากเจ่อก่อนยุคไปหน่อย ก็ยังดูดี


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 10 ต.ค. 08, 11:40
มิค แจ็คเกอร์วันนี้ อายุมากแล้ว แต่ไม่ได้หมดสภาพความเซ็กซี่เลย จะด้วยเสน่ห์ความเจ่อ หรือเสน่ห์เงินทองที่ล้นหลามของThe Rolling Stones โดยไม่ต้องใช้เพลงนี้เป็นสื่อ สาวๆก็ยังกรี๊ดเขาอยู่
บรรดานักร้องชายที่หน้าตาหล่อสมบูรณ์แบบและเสียงดีด้วยโดยไม่ต้องอาศัยแรงปั้นมาก ในยุคซิกซ์ตี้ส์ มีริคเนลสันอยู่ด้วย
แม้จะดับไปช่วงหนึ่ง เมื่อกลับมาใหม่ในเพลงงานเลี้ยงในสวน ก็ยังไม่หมดสภาพค่ะ
เพลงหนึ่งของริค ที่เขาร้องดีมาก I will follow you...
http://video.google.com/videoplay?docid=-629128649951600815&q=Ricky+Nelson+is%3Afree
I will follow you
Follow you wherever you may go
There isn't an ocean too deep
A mountain so high it can keep me away

I must follow you
Ever since you touched my hand I know
The near you I always must be
And nothing can keep you from me
You are my destiny

I love you, I love you, I love you
And where you go I'll follow, I'll follow, I'll follow
You'll always be my true love, my true love, my true love
From now until forever, forever, forever

I will follow you
Follow you wherever you may go
There isn't an ocean too deep
A mountain so high it can keep
Keep me away, away from my love

I love you, I love you, I love you
And where you go I'll follow, I'll follow, I'll follow
You'll always be my true love, my true love, my true love
From now until forever, forever, forever

I will follow you
Follow you wherever you may go
There isn't an ocean too deep
A mountain so high it can keep
keep me away, away from my love

And where you go I'll follow


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 11 ต.ค. 08, 22:56
Against All Odds  เพลงนี้เราคงจะคุ้นเคยกับสำเนียงของ Phil Collins อยากให้ลองฟังน้ำเสียงของป้ามาลัยดูบ้างครับ  ได้อารมณ์ไปอีกแบบครับ ..... :P

http://www.youtube.com/watch?v=JqJSYjRERE8


"Against All Odds"
How can I just let you walk away, just let you leave without a trace
When I stand here taking every breath with you, ooh
You're the only one who really knew me at all

How can you just walk away from me, when all I can do is watch you leave
Cos we've shared the laughter and the pain, and even shared the tears
You're the only one who really knew me at all

So take a look at me now, 'cos there's just an empty space
And there's nothing left here to remind me, just the memory of your face
Take a look at me now, 'cos there's just an empty space
And you coming back to me is against all odds and that's what I've got to face

I wish I could just make you turn around, turn around and see me cry
There's so much I need to say to you, so many reasons why
You're the only one who really knew me at all

So take a look at me now, 'cos there's just an empty space
And there's nothing left here to remind me, just the memory of your face
Take a look at me now, 'cos there's just an empty space
But to wait for you, well that's all I can do and that's what I've got to face
Take a good look at me now, 'cos I'll still be standing here
And you coming back to me is against all odds
That's the chance I've got to take, oh, oho

Just take a look at me now


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: elvisbhu ที่ 15 ต.ค. 08, 19:09
ผมชอบครับ แต่เป็นของฟิล คอลลินส์

http://www.youtube.com/watch?v=R4DqS4MhfM8

เพลงของเอลวิสครับ ในหนังที่มีนางเอกสวยมากเรื่องหนึ่ง shelly fabares

puppet on a string

(Words & music by Tepper - Bennett)
Every time you look at me
I'm as helpless as can be
I become a puppet on a string
You can do 'most anything with me

All you do is touch my hand
And your wish is my command
I become a puppet on a string
You can do 'most anything with me

If you really love me
Darling please be kind
I offer you the truest love
That you will ever find

Take my heart and please be fair
Handle it with loving care
For I'm just a puppet on a string
You can do 'most anything with me

If you really love me
Darling please be kind
I offer you the truest love
That you will ever find

Take my heart and please be fair
Handle it with loving care
For I'm just a puppet on a string
You can do 'most anything with me
You can do 'most anything with me


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 17 ต.ค. 08, 01:01
totally agree เลยครับเธอสวยจริงๆ single ที่โด่งดังที่สุดของเชลลี่ ก็ต้อง "johnny angel" ครับ แต่สำหรับผมชอบเพลงนี้ในเสียงของ คาเรน คาร์เพนเตอร์ มากกว่าครับ

http://www.youtube.com/watch?v=4832LQ0_T8g&feature=related  เสียงของเชลลี่

Shelly Fabres
"Johnny Angel"

Johnny Angel, Johnny Angel, Johnny Angel,
You're an Angel to me.

Johnny Angel, how I love him.
He's got something I can't resist,
but he doesn't even know that I exist.

Johnny Angel, how I want him.
How I tingle when he passes by.
[ Fabres Shelly Lyrics are found on www.songlyrics.com ]
Every time he says "Hello" my heart begins to fly.

I remember how I get carried away.
I dream of him and me, and how it's gonna be.

Other fellas call me up for a date,
but I just sit and wait, I'd rather concentrate ...

... on Johnny Angel.
'Cause I love him.
And I pray that someday he'll love me.
And together we will see how lovely heaven will be.
[/color]


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 18 ต.ค. 08, 12:38
การเสียชีวิตของคุณอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ และพตท.หนุ่มใหญ่ที่ใครๆเรียกว่าสารวัรจ๊าบ พร้อมกับอีกหลายชีวิตที่สูญเสียอวัยวะ กลายเป็นคนพิการ เพราะการปราบปรามพันธมิตรในวันที่ 7 ตุลาคมทำให้ดิฉันไม่อยากฟังเพลงรักไปหลายวัน
นึกถึงเพลงที่สะท้อนเหตุการณ์รุนแรงที่ปราบปรามประชาชน ทำให้คนเสียชีวิตแทน
ในอเมริกา เหมือนการฆ่าหมู่ เขาเรียกว่า Massacre
สี่คนตาย ในโอไฮโอ
เพลงนี้ เป็นของครอสบี้ สติลส์ แนช และยัง
เขียนโดยนีล ยัง ชื่อ โอไฮโอ
สมัยรัฐบาลที่มีนายกฉ้อฉลอย่างริชาร์ด นิกสัน ซึ่งเป็นยุคของการประท้วงสงครามพอดี
เหตุเกิดที่เมือง kent state วันที่ 4 พฤษภาคม ปี 1970 นีลเห็นภาพการฆ่ากัน ในนิตยสาร LIFE ทันทีที่เห็นก็แต่งเพลง OHIO ขึ้นมา จากการไปเดินสงบสติในป่า ด้วยความเศร้าสะเทือนใจ งานนี้ มีนักศึกษาหนุ่มสาวเสียชีวิตไปสี่คน
หลังจากที่คิดเนื้อเพลงเสร็จ ก็เรียกเพื่อนที่เหลือเข้าสตูดิโอ อัดเพลงเลย สถานีวิทยุในสหรัฐอเมริกาก็รับไปเปิดทันที จนกลายเป็นเพลงระดับชาติ และคำว่า four dead in ohio เป็นวลีที่ติดปาก
ภาพนี้ ถ่ายโดย จอห์น ฟิโล ซึ่งเป็นอันเดอร์แกรดของมหาวิทยาลัย นักศึกษากำลังเดินขบวนเรียกร้องให้นิกสัน หยุดสงครามเวียดนาม

OHIO
lyrics by Niel Young

Tin soldiers and Nixon's comin'.
We're finally on our own.
This summer I hear the drummin'.
Four dead in Ohio.

Gotta get down to it.
Soldiers are gunning us down.
Should have been done long ago.
What if you knew her and
Found her dead on the ground?
How can you run when you know?

Na, na, na, na, na, na, na, na.
Na, na, na, na, na, na, na, na.
Na, na, na, na, na, na, na, na.
Na, na, na, na, na, na, na, na.

Gotta get down to it.
Soldiers are cutting us down.
Should have been done long ago.
What if you knew her and
Found her dead on the ground?
How can you run when you know?

Tin soldiers and Nixon's comin'.
We're finally on our own.
This summer I hear the drummin'.
Four dead in Ohio.
Four dead in Ohio.
Four dead in Ohio.
Four dead in Ohio.
Four dead in Ohio.
Four dead in Ohio.
Four dead in Ohio.
Four dead in Ohio.
Four dead in Ohio.
Four dead in Ohio.

http://www.youtube.com/watch?v=wJqFwCFeosg

http://www.youtube.com/watch?v=HVi-DXOfnAM



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 18 ต.ค. 08, 12:44
ดูแล้วอึ้งค่ะ
"Tin soldiers and Nixon coming,
We're finally on our own.
This summer I hear the drumming
Four dead in Ohio."


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 18 ต.ค. 08, 13:37
จอห์น ทำแล็บรูปอยู่ แล้วก็ออกมาเดินเล่นในแคมปัส ถือกล้องประจำตัวมาด้วย เห็นนักศึกษาโบกธงดำที่แนวของเนินเขา จึงลงไปบันทึกเหตุการณ์ไว้ ได้ยินเสียงปืนก็คิดว่ากระสุนเปล่า แต่ก็เก็บภาพไว้ รู้ว่ากระสุนจริงก็เมื่อเห็น แมรี่ เว็คคิโอ ร้องไห้โฮเหนือร่างที่ไร้ลมหายใจของเพื่อน
จอห์นขวัญกระเจิง สิ่งที่เขาทำได้ในยุคนั้น คือรีบจัดการล้างอัดรูปให้เร็วที่สุด แล้วส่งไปให้สำนักข่าวเอพีทันที
นอกจากจะรอดชีวิตจากการปราบปรามนักศึกษาอย่างรุนแรงเที่ยวนั้น ภาพของเขา ยังได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ด้วย

เพลงนี้ของนีล ยัง ก็กลายเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ในยุคเซเวนตี้ส์
ใครว่าอเมริกาเป็นประชาธิปไตยแท้ คงต้องทบทวนใหม่
คนอเมริกันลืมคำประกาศอิสรภาพ ที่ร่างโดยโธมัส เจฟเฟอร์สัน ในปี 1776 แล้วกระมัง
โดยเฉพาะบทที่ว่าด้วยเสรีภาพในการพูด หรือแสดงออก
ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของอเมริกันในยุคเซเวนตี้ส์ที่ใช้ในการชวนเชื่อให้เราเกลียดกลัวคอมมิวนิสต์ ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติอีกต่อไป พร้อมกับการที่อยากจะให้มันหายไปจากประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำ เพราะ พี่แกเข้าไปปกครองชาติต่างๆ เช่นอิรัก ทั้งที่โธมัสเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอเมริกันมาตราที่ 1 หมวดที่5 วรรค 1-4
เอกสารที่14ว่า
Every man, and every body of men on earth, possesses the righ[t] of self-government
คนทุกคน และทุกชนชาติในโลก ทรงไว้ซึ่งสิทธิในการปกครองตนเอง!


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 18 ต.ค. 08, 13:48
Gotta get down to it.
Soldiers are gunning us down.
Should have been done long ago.
What if you knew her and
Found her dead on the ground?
How can you run when you know?

สำหรับเมืองไทย คงต้องเปลี่ยนคำว่าทหารเป็นตำรวจ เมื่อมาร้องเพลงนี้ที่เมืองไทย ในวันร้ายอีกวันซึ่งเพิ่งผ่านไป


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 18 ต.ค. 08, 14:10
เดวิด ครอสบี้ พูดว่า การเอ่ยชื่อเต็มๆของนิกสันไว้ในเพลงนี้ เป็นความกล้าหาญชาญชัยอย่างยิ่งของนีล ยัง คนแต่ง ยุคนั้น ใครที่กล้ายืนหยัดต่อต้าน มักจะถูกเก็บง่ายๆ รัฐบาลฆาตกรอย่างนิกสันและทหารที่เรียกว่า Tin soldier ในเพลง ทำได้ขนาดนี้
เจมส์ โรดส์ เป็นผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ ตอนนั้น ถูกตราหน้าว่าเป็นตัวเอ้ ที่สั่งการให้ทหารฆ่านักศึกษา
ทันทีที่ข่าวสะพัดออกไป มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาทั่วอเมริกา นัดหยุดเรียน ประท้วงใหญ่
สถานีวิทยุหลายแห่งเปิดเพลงนี้ไม่ได้ เพราะถูกรัฐบาลห้าม
แล้วเป็นไง ปัจจุบันนี้ นักแต่งเพลงอย่างนีล ยัง ยังมีชีวิตอยู่อย่างองอาจพร้อมเพื่อนทั้งสามของเขา
แต่ นิกสัน จบชีวิตเขาแล้วด้วยมือเปื้อนเลือดและคดีดัง วอเตอร์เกต


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 18 ต.ค. 08, 14:26
ดิฉันชอบคำพูดของแกรม แนช ที่มีต่อเหตุการณ์นี้ค่ะ ว่า

"Four young men and women had their lives taken from them while lawfully protesting this outrageous government action. We are going back to keep awareness alive in the minds of all students, not only in America, but worldwide…to be vigilant and ready to stand and be counted… and to make sure that the powers of the politicians do not take precedent over the right of lawful protest."

ชีวิตของชายหญิงสี่คนต้องจบลงจากการประท้วงอย่างถูกต้องตามกฎหมายในการกระทำที่เลวร้ายของรัฐบาล
เรากลับไปสู่เหตุการณ์นั้นเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้นักศึกษา ไม่ใช่เพียงในอเมริกา แต่ทั่วโลก ให้ตื่นตัว ระแวดระวัง และพร้อมที่จะยืนหยัด
แล้วต้องให้แน่ใจว่า อำนาจของนักการเมืองจะไม่ก่อให้เกิดการกระทำแบบที่แล้วมา เหนือสิทธิอันชอบธรรมในการประท้วงของเรา

ดิฉันสงสัยจริงๆว่า จะต้องมีเลือดเซ่นสังเวยอีกเท่าไร เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน

มาดูภาพปกของLIFEที่เป็นแรงผลักดันให้นีล ยังแต่งเพลงนี้ค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 18 ต.ค. 08, 23:24
ในความเจริญที่ถั่งโถมเข้าสู่สังคมเรา  ในความอิสระที่เราคิดว่าได้รับแล้วเฉกเช่นอารยชนทั่วโลกยังงมงาย  ไม่มีเลยตราบใดที่การได้มาซึ่งอำนาจและการใช้อำนาจยังไม่เป็นไปโดยประชาชนและเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง  จิตสำนึกซึ่งเป็นสามัญสำนึกความละอายความรับผิดชอบยังอยู่ในระดับที่ต่ำ  เหตุการณ์ดังนี้ยังคงวนเวียนอยู่ร่ำไป  แม้มนุษย์จะบินได้ก็ตามจะมีสายตาที่ยาวไกลด้วยเทคนิคจนสามารถมองเห็นกันแม้อยู่คนละซีกโลก  ถ้ากฎหมายและความชอบธรรมยังไม่แข็งแรงพอ  มนุษย์ยังไม่รู้จักเรียนรู้ในสิ่งเหล่านี้และมีความต้องการสิ่งเหล่านี้อย่างบริสุทธิ์  มันก็ยังคงเป็นอย่างนี้.......... :'(  ขออาลัยกับความสูญเสีย(อีกแล้ว) ด้วยครับ

http://www.youtube.com/watch?v=-CCDUXVD2d8

ขอมอบเพลงนี้ครับโดยส่วนตัวชอบเพลงนี้ของจอห์นที่สุด

John Lennon
"Power To The People"

Power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people, right on

Say you want a revolution
We better get on right away
Well you get on your feet
And out on the street

Singing power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people, right on

A million workers working for nothing
You better give 'em what they really own
We got to put you down
When we come into town

Singing power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people, right on

I gotta ask you comrades and brothers
How do you treat you own woman back home
She got to be herself
So she can free herself

Singing power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people, right on
Now, now, now, now

Oh well, power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people, right on

Yeah, power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people, right on

Power to the people
Power to the people
Power to the people
Power to the people, right on  


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 20 ต.ค. 08, 07:36
พูดเรื่องเครียดๆ การบ้านการเมืองมาก เดี๋ยวจะเวียนศีรษะกันไป นึกถึงคนเขียนเพลงอีกคนที่เก่ง สมัยดิฉันเป็นวัยรุ่น ร้องเพลงนี้กันได้ทั้งฝูงเพื่อน เขาแต่งค่ะ ทอมมี่ โร
วันก่อน ต้องไปต้อนรับเพื่อนรุ่นพี่ชาวอังกฤษ พาเขาไปเที่ยวตลาดร้อยปี คลองสวน ขณะขับรถไป เปิดเพลงที่เพื่อนใจดีทำเอ็มพี่สามให้ทั้งชุด เพื่อนคนนี้ร้องได้ตลอด
ทอมมี่ โร เอามารวมในGREATEST HITS  1993ด้วย



Dizzy

I’m so dizzy my head is spinning
Like a whirlpool it never ends
And it’s You girl makin’ it spin
You're making me dizzy

First time that I saw You girl, I knew that I just had to make You mine
But it’s so hard to talk to You with fellows hangin’ round You all the time
I want You for my sweet pet, but You keep playing hard to get
I’m going round in circles all the time

Dizzy, I’m so dizzy my head is spinning
Like a whirlpool it never ends
And it’s You girl makin’ it spin
You're making me dizzy

I finally got to talk to You and I told You just exactly how I felt
Then I held You close to me and kissed You and my heart began to melt
Girl You've got control on me,cuz I’m so dizzy I can't see
I need to call a doctor for some help
Dizzy, I’m so dizzy my head is spinning
Like a whirlpool it never ends
And it’s You girl makin’ it spin
You're making me dizzy
my head is spinning
Like a whirlpool it never ends
And it’s You girl making it spin
You're making me dizzy
you're making me dizzy
 
 

www.youtube.com/watch?v=f8BmIf1A3js
 



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 20 ต.ค. 08, 07:46
ฝรั่งเขาเปรียบเทียบคนรักเป็นดอกไม้ ที่ชื่อ sweet pea ไม่ใช่แม่ถั่วหวานนะคะ มีดอกไม้ที่ชื่อสวีทพี เพลงนี้น่ารักค่ะ
www.youtube.com/watch?v=nG6JH87A9Zg
SWEET PEA

Tommy Roe

I went to a dance just the other night

I met a girl there she was out of sight

I asked a friend of mine who she could be

he said that her friends just call her Sweet Pea

Oh Sweet Pea

come on and dance with me

come on come on come on and dance with me

Oh Sweet Pea

come on and be my girl

come on come on come on and be my girl



I walked on over and asked her to dance

thinkin' maybe later of makin' romance

but every guy there was thinkin'; like me

I had to stand in line to get a dance with Sweet Pea

I finally got to whisper sweet words in her ear

convinced that we oughta get away from there

we took a little walk I held her close to me

and underneath the stars I said to Sweet Pea

Oh Sweet Pea I love you can't you see

Love you love you love you can't you see

Oh Sweet Pea come on and be my girl

come on come on come on and be my girl


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 20 ต.ค. 08, 23:24
ฟัง Dizzy ของทอม โร แล้วครับ  เป็นเพลงที่ดีที่สุดของทอมก็ว่าได้  sweet pea ก็น้ารักดีครับสาวๆคงชอบถ้ามีใครเปรียบแบบนี้  ผมเคยเห็นที่อำเภอปายครับมีหลายสีมาก  ต้นสวีทพีถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าที่อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย  ก็มีครับแบบมีขายน่ะครับ  ถ้าพูดถึงต้นสวีทพีผมกลับนึกถึงเพลงของ Paul Weller  เลยขออนุญาตนำเสนอเลยครับ

http://www.youtube.com/watch?v=QilS_5vGuLE

"Paul Weller"
SWEET PEA, MY SWEET PEA


Sweet pea, my sweet pea
You're the one to get my heart a-jumpin'
Light of love all around your
being to see

The future - it's looking at you
It only exists because you're alive
So close your eyes and smile
your smiles of sweet dreams

And fill them with love again
Sweet pea
Fill them with joy again

Each pace I take and you know why
I write for you and I to try
To take the things that lie around
And turn them into dreams so swift-so proud
It’s on a time again
And it’s mine again

Sweet thing, loving you is easy
Goodbye sadness when I'm around you
Giving me something I can feel
Down to in bones

Ah, sometimes - maybe just sometimes
Look back on these times and smile
And have the grace to know
What you have seen

And fill you with love again
Sweet pea
(You) fill me with hope again!
My Sweet Pea

Recollected thoughts and songs
Emblems of forgotten words
Remnants of a time so clear
That still rings fresh and true
When the wind is here
It's on a time again
And it's mine again!

Sweet pea, my sweet pea
Heaven knows I got a thing about you
You're the girl to get my heart
Start jumpin' again

Ah, sometimes - baby just sometimes
Look back on these times and smile
And have the grace to know
What you have seen

How it should be - my sweet pea
Only God knows what I feel about you
You're the girl to get my heart
Start pumpin' around

The Future? - its looking at you
It only exists because you're alive
So close your eyes and smile
Your smiles of sweet dreams...

Fill them with love again
Sweet pea
Fill them with joy again
Yes, sweet thing
Fill them with love again
My sweet pea
[/color]


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 22 ต.ค. 08, 17:03
ขอบคุณนะคะ คุณบานา
จะพาไปรู้จักผู้หญิงที่ค่อนข้างจะสร้างความฮือฮาให้ดิฉัน สมัยเรียนค่ะ เป็นสาวอังกฤษที่ค่อนข้างจะชิงสุกก่อนห่าม ก่อนยุคเซเวนตี้ส์เสียอีก แต่มาดังจริงๆ ตอนที่ไปร้องเพลงคู่กับ ดาราฝรั่งเศสซึ่งถือเป็นทีนเอจป็อปในยุคนั้น
เพลงดังของทั้งคู่ชื่อว่าJe t'aime moi non plus.ต้นตำรับดังจากความอื้อฉาวขนานแท้
วัยทีนทั้งชายหญิงตามโรงเรียน ถ้าทันสมัยต้องรู้จัก
ก็เพราะเพลงของทั้งสองคนกระฉ่อนเมืองตั้งแต่ในยุโรปจนดั้นด้นมาไทยได้อย่างรวดเร็วก็ด้วยเสียงอื้อ อ้า อื้อ อ้า กระซิบกระเส่าตลอดเพลง ที่ว่าดีจริงๆคือทำนองมากกว่า
ส่วนเนื้อร้องก็วนไปวนมา คนเรียนภาษาฝรั่งเศสเด็กๆอย่างดิฉันยังมึนร้อยตรลบ ค่าที่ว่า ไม่เข้าใจความหมายที่มันเร้นอยู่ในบรรทัด
ถ้าถามวัยรุ่นสมัยนี้ว่ารู้จักกระเป๋าเบอร์กิ้นไหม ที่แพงระยับน่ะ
คงรูจักกันดี
ก็กระเป๋านี้แหละ ที่แอร์เมส์ hermes ได้แรงบันดาลใจมากจากเธอ
เจน เบอร์กิ้น จอมซ่าที่กลายมาเป็น goodwill ambassadorของยูนิเซฟในปัจจุบัน
ลองฟังก่อนค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=qO0J7O960ls


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 22 ต.ค. 08, 20:58
เพลงบางเพลง เนื้อหาหวาดเสียว ไม่สามารถนำมาลงได้ ยิ่งไปถามครู ยิ่งจะถูกเอ็ด เพราะบางอย่างมันเป็นเรื่องของสัญชาติญาณ ภาษาไม่สามารถสื่อได้ตรงๆ ไม่ได้สวยสะ หรือมีเนื้อหาที่จะมานำลงเหมือนเพลงอื่นๆ แต่ถ้าไม่เขียนถึงเลย ก็เหมือนจะมองข้ามไป
ตกลงเพลงที่ยกมา ก็ฮิตไปทั่วโลก
เพลงฝรั่งเศสสมัยเรียน ที่ประทับใจ ก็คือเพลงที่มาจากภาษาสแปนิช แล้วแปลงเป็นอังกฤษ กับฝรั่งเศส เมื่อดวงอาทิตย์ยังส่องแสง
หรือภาษาอังกฤษ love me with all of your heart ที่นักร้องตั้งแต่ เรย์ ชารลส์ วิคกี้ คาร์ อิงเกิลเบิร์ต แนนซี่ สิเนตร้า เพทชูล่า คลาร์คนำมาร้อง ลิงค์นี้เป็น agnetha หนึ่งในabbaนั่นเอง
http://www.youtube.com/watch?v=Armufp6ztKU
แต่ดิฉันชอบของพี่เบิร์ตมากกว่าค่ะ จำเสียงได้ทั้งเพลงอย่างขึ้นใจ


Love me with all of your heart, that's all I want dear.
Love me with all of your heart or not at all.
Just promise me this: that you'll give me all your kisses every
winter, every summer, every fall.

When we are far apart or when you're near me
Love me with all of your heart as I love you.
Don't give me your love for a moment or an hour,
Love me always as you loved me from the start:
with every beat of your heart.
(Aaaah, Aaaah)

When we are far apart or when you're near me
Love me with all your heart as I love you.
Don't give me your love for a moment or an hour,
Love me always as you loved me from the start:
With every beat of your heart,
With every beat of your heart
With every beat of your heaaarrrt.
(Aaaaaaaah)

ฝรั่งเศส ที่ชอบมากที่สุดก็เพราะรู้สึกว่าเนื้อมันไม่ใช่คำร้อง แต่เป็นขั้นกวี
http://www.youtube.com/watch?v=cXZ-fCEGMOI
แต่ร้องไม่เหมือนคนร้องที่ดิฉันติดใจสมัยเรียนค่ะ

Quand le soleil était là
Sur nos vacances
Quand il glissait dans nos coeurs
Tant de chaleur
Tout venait de lui
Nos promesses, nos tendresses
Nos faiblesses, nos caresses
Notre amour
Quand le soleil était là
Sur nos vacances
Quand nous partions pour cueillir
Des souvenirs
Nous ne pensions pas
Que les rires et sourires
L’insouciance et les danses
Des beaux jours
Ça ne dure pas toujours

Quand le soleil était là
Baignant la plage
Quand la mer venait saler
Tous nos baisers
Nous étions si bien
Que ce rêve qui s’achève
Et j’espère le refaire
L’an prochain
Et tout recommencera
Car l’amour ne s’oublie pas
Et le soleil sera là

สแปนิช เป็นเสียงของคอนนี่ ฟรานซิส เพราะมาก
http://www.youtube.com/watch?v=U2m38v063yk
และวิคกี้ คาร์ เธอเดินร้องยังกับอยู่บนเวทีมิสยูนิเวอร์สมิปาน
http://www.youtube.com/watch?v=hQxaE3yCl_U


Amor estoy solo agui en la playa
Es el sol quien que me acompana
Y me quema, y me quema, y me quemana

Cuando calienta el sol aqui en la playa
Siento tu cuerpo vibrar cerca de mi

Es tu palpitar, es tu cara, es tu pelo
Son tus besos, me estremezco (Oh oh oh)
Cuando calienta el sol

Cuando calienta el sol aqui en la playa
Siento tu cuerpo vibrar cerca de mi

Es tu palpitar, tu recuerdo, mi locura
Mi delirio, me estremezco (Oh oh oh)
Cuando calienta el sol
Cuando calienta el sol


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 22 ต.ค. 08, 21:33
'O Sole Mio เป็นเพลงที่มีพลังมากเพลงหนึ่ง แต่คนชอบเอลวิสอย่างเพื่อนดิฉันเขาชอบอิทส นาว ออร์ เนเวอร์มากกว่า ส่วนดิฉัน ชอบมากโดยเฉพาะเมื่อดูหนังโฆษณาไอศกรีมคอร์เนตโต  ที่ใช้เรือรักกอนโดลาล่องไปในคลองเวนิส แล้วร้องเพลงขายไอศกรีม

'O Sole Mio

Music by Eduardo di Capua
Lyrics by Giovanni Capurro
Written 1898
http://www.youtube.com/watch?v=sjqHA8x1rOk
สำหรับแฟนปาวาร็อตตี้
Neapolitan lyrics
 
Che bella cosa e' na jurnata 'e sole
n'aria serena doppo na tempesta!
Pe' ll'aria fresca pare già na festa
Che bella cosa e' na jurnata 'e sole
Ma n'atu sole,
cchiù bello, oje ne'
'O sole mio
sta 'nfronte a te!
'O sole, 'o sole mio
sta 'nfronte a te!
sta 'nfronte a te!
Quanno fa notte e 'o sole se ne scenne,
me vene quase 'na malincunia;
sotto 'a fenesta toia restarria
quanno fa notte e 'o sole se ne scenne.
Ma n'atu sole,
cchiù bello, oje ne'
'O sole mio
sta 'nfronte a te!
'O sole, 'o sole mio
sta 'nfronte a te!
sta 'nfronte a te! 

English translation
What a beautiful thing is a sunny day,
The air is serene after a thunderstorm
The air's so fresh that it already feels like a holiday
What a beautiful thing is a sunny day
But another sun,
that's brighter still
It's my own sun
that's in your face!
The sun, my own sun
It's in your face!
It's in your face!
When night comes and the sun has gone down,
I almost start feeling melancholy;
I'd stay below your window
When night comes and the sun has gone down.
But another sun,
that's brighter still
It's my own sun
that's in your face!
The sun, my own sun
It's in your face!
It's in your face! 

http://www.youtube.com/watch?v=r4p9USIZ8y0
สำหรับคุณเอลวิสภู
เป็นเพลง it's now and never
(words & music by Aaron Schroeder - Wally Gold)
It's now or never,
come hold me tight
Kiss me my darling,
be mine tonight
Tomorrow will be too late,
it's now or never
My love won't wait.

When I first saw you
with your smile so tender
My heart was captured,
my soul surrendered
I'd spend a lifetime
waiting for the right time
Now that your near
the time is here at last.

It's now or never,
come hold me tight
Kiss me my darling,
be mine tonight
Tomorrow will be too late,
it's now or never
My love won't wait.

Just like a willow,
we would cry an ocean
If we lost true love
and sweet devotion
Your lips excite me,
let your arms invite me
For who knows when
we'll meet again this way

It's now or never,
come hold me tight
Kiss me my darling,
be mine tonight
Tomorrow will be too late,
it's now or never
My love won't wait.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 22 ต.ค. 08, 22:19
"Beautiful Maria Of My Soul"
Music by Robert Kraft
Lyrics by Arne Glimcher

เพลงที่อันโตนิโอ แบนเดอรัสร้องในหนังเรื่อง เดอะ มัมโบคิงส์ ฟังเมื่อไร ก็ซึ้งเสียทุกครั้งในภาษาของเขาเอง เรื่องนี้สร้างจากนิยายรางวัลพูลิตเซอร์ ส่วนเพลงภาษาอังกฤษร้องโดย Los Lobos
เพลงนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 1992

http://www.youtube.com/watch?v=qDOUwA_90BI&feature=related


Beautiful Maria of My Soul

In the sunlight of your smile
In the summer of our life
In the magic of love
Storms above scattered away

Lovers dreaming in the night
Reaching for paradise
But as the dark shadows fade
Love slips away

On an empty stretch of beach
In the pattern of the waves
Drawing pictures with my hand
In the sand, I see your face

Skipping pebbles on the sea
Wishing for paradise
Sand castles crumble below
The restless tides ebb and flow

Listening to a shell
Hoping for your voice
Beautiful Maria of my soul

Though we'll always be apart
Locked forever in a dream
If I ever love again
Even then, nothing will change

And the taste of you remains
Clinging to paradise
But as the distance from you grows
All that my heart ever knows
Hunger for your kiss
Longing for your touch
Beautiful Maria of my soul

Filling all my nights
Haunting all my days
Beautiful Maria of my soul

ส่วนversionภาษาสแปนิช
La bella Maria de mi amor
Si deseo sonreir
Pienso solamente en ti
En la magia de tu amor
En tu piel en tu sabor

En la isla del dolor
Recuerdo tu calor
Desearia morir
Cerca de ti

Un ardiente corazon
Colorea mi pasion
Deseando compartir
El sentir de este vivir

En las olas de este mar
Sueno en la eternidad
Con cada luna vendras
Con la merea te iras

En un caracol
Pienso oir tu voz
La bella Maria de mi amor

Aunque estemos separados
En un sueno angelicar
Si llego de nuevo amar
No hay razon, proque cambiar

Temo yo permancer
Sin ti en la eternidad
Lejos nos puedon separar
Jamas pudiera olvidar
Tu risa celestial
Tus besos, tu calor
La bella Maria de mi amor

Si no te vuelva a ver
No dejaras de ser
La bella Maria de mi amor.




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 22 ต.ค. 08, 23:08
เพลงหนึ่งในหนัง เป็นเพลงอมตะอีกเพลงหนึ่ง ที่ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ เนื้อร้องก็ไม่ยืดยาว เป็นเรื่องของคนที่มีคนรักเป็นนักเดินทาง เดินทางไปไหนต่อไหนยิ่งกว่าเปนนักบินเสียอีก พึงจำไว้ว่า ทุกเวลา เธอน่ะ เป็นของฉันนะ ฉันน่ะเหงาเมื่อเธอไม่อยู่ เธอก็น่าจะเหงาเหมือนกันนะ
อืมม์ อย่างนี ไม่เรียกว่าหวง แล้วเรียกว่าอะไรดี

"You Belong To Me"
Written by
Pee Wee King
Redd Stewart
Chilton Price
Performed by Jo Stafford แต่เขาว่า ต้นฉบับเป็นซู ทอมป์สัน ดิฉันชอบของจูลี่ ลอนดอน มากที่สุดค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=9H1Imb6jm0U

See the pyramids along the Nile
Watch the sunrise from a tropic isle
Just remember darling all the while
You belong to me

See the market place in old Algiers
Send me photographes and souvenirs
Just remember when a dream appears
You belong to me
I'd be so alone without you
Maybe you'd be lonesome too in blue

Fly the ocean in a silver plane
See the jungle when it's wet with rain
Just remember till you're home again
You belong to me

I'd be so alone without you
Maybe you'd be lonesome too in blue

Fly the ocean in a silver plane
See the jungle when it's wet with rain
Just remember till you're home again
You belong to me  


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 22 ต.ค. 08, 23:31
เมื่อพูดถึงจูลี่ ลอนดอน ก็ต้องหาเพลงเพราะๆของเธอมาลงในเรื่องคนเขียนเพลงนี้
และยิ่งได้ชมหนังเรื่อง บาร์บาเรลล่า ที่เจน ฟอนดาเล่น ก็เพลินความสวยของหนังและเพลงก็เข้ากันไปอีก
http://www.youtube.com/watch?v=qC1zYEyUlCU

จูลี่เองก็หน้าตาสวยคลาสสิคคลับคล้ายริต้า เฮย์เวิร์ดซะไม่มี

FLY ME TO THE MOON
คนแต่งคำร้องและทำนอง คือ Bart Howard เดิมชื่อ In other words มาเปลี่ยนเป็นทางการก็ตั้งแต่จอห์นนี่ แมทธิสเอามาร้องในปี 1956

Fly me to the moon
Let me play amoung the stars
Let me see what spring is like
On Jupiter and Mars

In other words, hold my hand
In other words, baby kiss me

Fill my heart with song and
Let me sing for ever more
You are all I long for
All I worship and adore

In other words, please be true
In other words, I love you

Fill my heart with song and
Let me sing for ever more
You are all I long for
All I worship and adore

In other words, please be true
In other words
In other words, I love you


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 23 ต.ค. 08, 00:16
ต้นฉบับเสียงทุ้ม พลิ้ว ในยุคที่พวกเราวัยรุ่นวุ่นเรียน เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง ไม่ใช่จากหนังหรือคอมพิวเตอร์เหมือนสมัยนี้ หามุมฟังเพลงไปเสียทั่วบ้าน ย้ายมุมที ย้ายเครื่องตาม
จะไปไหนทีต้องมีวิทยุทรานซิสเตอร์ส่วนตัว คนละเครื่อง ไม่งั้น พี่น้องทะเลาะกัน และเนื่องจากเป็นเครื่องส่วนตัว ดิฉันก็แก้เองเวลาเสีย หวังว่าโตขึ้นอาจมีวี่แววเป็นวิศวกรเครื่องเสียงกับเขาบ้าง คุณแม่คุณป้าเข็ด ขอเครื่องคืน คราวนี้ส่งเครื่องใหญ่หน่อยมา แกะไม่กล้าแล้วสิคะ
ว่าไปแล้ว เพลงของจูลี่ ลอนดอน ร้องง่ายมาก ขอให้ได้เนื้อมาเถอะ
แต่หากซื้อมาฟังทั้งแผ่น ฟังไปๆมาๆแล้วก็เบื่อ (diana krall เลียนแบบ เลือกเพลงมาร้องคล้ายๆกัน ฟังไม่กี่วันก็อำลา ขาร็อคไม่ชอบค่ะ)
นี่ก็เป็นอีกเพลงที่ลืมไปหมดแล้ว มาได้ฟังอีกครั้ง ก็เพิ่งรู้ว่า อ้อ เพลงนี้ชื่อ ซเว ...

SWAY
http://www.youtube.com/watch?v=LWNJmM8GLy0&feature=related
When marimba rhythms start to play
Dance with me, make me sway
Like a lazy ocean hugs the shore
Hold me close, sway me more

Like a flower bending in the breeze
Bend with me, sway with ease
When we dance you have a way with me
Stay with me, sway with me

Other dancers may be on the floor
Dear, but my eyes will see only you 
Only you have that magic technique
When we sway I grow weak

I can hear the sounds of violins
Long before it begins
Make me thrill as only you know how
Sway me smooth, sway me now

เห็นไหมคะ ว่า Only you have that magic technique
When we sway I grow weak  


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 23 ต.ค. 08, 07:40
เพลงที่ศิลปินมากมายนำมาร้อง ซึ่งต้นทางมาจากภาษาอื่นมีอีกเพลงหนึ่งซึ่งเป็นลมหายใจคนโรแมนติคเข้าขั้นอย่างดิฉันอีกเพลงก็คือ BESAME MUCHO พอทราบว่า คนแต่งเป็นสาวน้อยเม็กซิกัน Consuelo Velázquez นัยว่าเล่นเปียโนเป็นตั้งแต่สี่ขวบ และแต่งเพลงนี้เมื่ออายุแค่สิบสี่ แถมยังไม่เคยถูกใครจูบแบบผู้ใหญ่ๆเลย ก็เลยยิ่งทึ่ง
จินตนาการมันบรรเจิด เรียบง่ายกว่าของจริงอยู่แล้ว น้องเอ๊ย
เอ้อ.. ตอนนี้ สาวน้อยอัจฉริยะที่ว่า ไปสวรรค์แล้วด้วยสิริอายุแค่ 88 เสียงเพลงบวกกับความสุขทำให้อยู่นานกว่าคนอื่นค่ะ
คนที่ทำให้ดิฉันคลั่งเพลงนี้ ในภาษาต้นฉบับหาใช่ธรรมดา มันคือเพลงในหนังสวยเรื่อง the great expectationsที่ทำมาจากนิยายของชารลส์ ดิคเกนส์ ที่พอดูหนังจบ สิ่งแรกที่ทำคือไปเอเชียบุ้ค ซื้อหนังสือ จำได้ว่าเป็นของเพนกวิน
เพลงนี้ดังมานานแล้ว ดิฉันชอบนานมาก มีแต่เนื้อภาษาอังกฤษซึ่งฟังรู้เรื่องกว่า ครูบาอาจารย์มาขอจดเนื้อที่ท่องจำขึ้นใจทั้งอังกฤษทั้งสแปนิช เวลาร้องดี ผสมสองเนื้อเฉย บางทีนึกคำอังกฤษไม่ทัน
บีทเทิ้ลส์ ผู้นิยมเพลงสั้นๆ ง่ายๆ เอาไปร้องในการแสดงสดบ่อย
แต่ดิฉันปลื้มของพี่คนนี้ค่ะ เซซาริอา อีวอรา ชาวเคป เวิร์ด ที่มาโด่งดังระดับโลกตอนอายุ 47 ด้วยเสียงที่ต่ำ ในลำคอ แต่เศร้า ร้าวรานในแบบฉบับของเธอเอง อายุปัจจุบันเรียกคุณยายได้เลย มีคนขนานนามให้ว่าเป็น barefoot divaเพราะเวลาร้องเพลงจะไม่สวมรองเท้า
เพื่อแสดงภาพของความยากจนค่นแค้น ที่ตัวเองผ่านพ้น และฝ่าฟันมา
เรียกว่า ไม่อายค่ะ ที่จะบอกว่า ชั้นจน

http://www.youtube.com/watch?v=Esdl_3kKSBk
 

Bésame, bésame mucho
Como si fuera esta noche
La última vez
Bésame, bésame mucho
Que tengo miedo tenerte y
Perderte otra vez


Bésame, bésame mucho
Como si fuera esta noche
La última vez
Bésame, bésame mucho
Que tengo miedo tenerte y
Perderte otra vez

Quiero sentirte muy cerca
mirarme en tus ojos verte junto a mí
Piensa que tal vez mañana
yo ya estare lejos, muy lejos de ti

Bésame, bésame mucho
Como si fuera esta noche
La última vez
Bésame, bésame mucho
Que tengo miedo tenerte y
Perderte otra vez

สำหรับวัยรุ่น น่าจะชอบแบบอเมริกัน ไอดอลมากกว่า ก็เจ๊เจโลแกก็ชอบแบบนี้ ลงทุนนั่งที่เปียโนพึมพัมไปด้วยเลย

http://www.youtube.com/watch?v=XA0BH5eWH0w



 



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 23 ต.ค. 08, 08:40
English lyrics เนื้อนี้ ต้องไปหาเสียงของจูลี่ ลอนดอนมาฟังค่ะ เพราะสี่เต่าทองแกก็ร้องสะวิงไปมา คล้ายๆแต่ไม่อ้อนเท่า

Besame Besame mucho
Each time I cling to your kiss I hear music divine
Besame besame mucho
Hold me my darling and say that you always be mine

This joy is something new,
My arms are holding you,
never knew this thrill before.
Who ever thought I'd be
Holding you close to me
Whispering... its you I adore.


Dearest one, if you should leave me
each little dream will take wings
and my life would be through.
besame besame mucho,
love me for ever,
and make all my dreams come true


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 23 ต.ค. 08, 09:01
หวานตกขอบจอคอมพิวเตอร์กันนานๆที พี่น้องมิตรรักนักปฏิวัติคงค้อนกันบ้าง ใครไม่อยากตามลิงค์ไปฟังเพลง อาจจะเปลี่ยนบรรยากาศไปหาเพลงของบ็อบ มาร์ลี่ย์เจ้าพ่อเรกเก้ฟังกันคั่นสักหน่อย
เข้าไปที่
http://web.bobmarley.com/index.jsp
ก็เพลินค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 24 ต.ค. 08, 00:47
นานๆโผล่มาเพลงตรึมเลยครับ ถ้านับเจนทั้งหลายตั้งแต่เจน ฟอนด้า  เจน ซีมัวร์ หรือปัจจุบันยุค เจน อนิสตัน คงไม่มีใครไม่รู้จัก เจน เพอร์กิ้น ซึ่งสาวสมัยใหม่(ยุคนั้น) อยากแหวกม่านโดยเห็นเธอเป็น Idol อยู่ไม่น้อย  เพลง love me with all of ur heart ฟังเพราะดีครับ เห็นด้วยครับถ้าเป็นเสียงคุณตาอิงเกิ้ลเบิร์ตคงเพราะกว่านี้  เกือบทุกเพลงเป็นครั้งแรกที่ได้ฟังครับ  และแปลกใจมากที่ พ่อโซโร จะร้องเพลงได้ดีขนาดนี้  ที่จริงผมก็ชอบฟังนะครับเพลงสแปนิช  ถ้าอย่างนั้นก็ขอเสนอพ่อหนุ่มสุดหล่อไม่แพ้ แบนเดอรัส  คนนี้ครับ Enrique ลองฟังดูครับ .......... :-[
http://www.youtube.com/watch?v=OtLhLDP4mhM


Enrique Iglesias
"Falta Tanto Amor"

Donde fue que te hizo sentir
Dime que te pudo dar
Que yo no te di

Que puedo hacer se todo
es terminado
Que puedo hacer se has
me abandonado

Falta tanto amor
entre tu y yo
Ya me has olvidado

Falta tanto amor
entre tu y yo
Otro has encontrado

Falta tanto amor
entre tu y yo
Ya me has olvidado

Falta tanto amor
entre tu y yo
Otro has encontrado

Dime quien es
ya no puedes fingir
esas lagrimas que caen no son para mi

Adonde fue que te hizo sentir
Dime que te pudo dar
Que yo no te di

Que puedo hacer
si ya lo has decidido
que puedo hacer
si todo esta perdido

Falta tanto amor
entre tu y yo
Ya me has olvidado

Falta tanto amor
entre tu y yo
Otro has encontrado

Falta tanto amor
entre tu y yo
Ya me has olvidado

Falta tanto amor
entre tu y yo
Otro has encontrado
[/color]


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 24 ต.ค. 08, 12:15
เนื้อเพลงต่างๆที่นำมาเสนอ มันค่อนข้างจะโบราณค่ะ แต่ก็อยู่นานเข้าขั้นอมตะ ;) ;) ได้ฟังตั้งแต่เด็ก อิทธิพลของคำร้องดีๆ ทำให้ชอบภาษาอังกฤษ ทีนี้มาเป็นเพลงยุคดิฉันเป็นวัยหนุ่มสาวจริงๆกันบ้าง เพลงหนึ่งที่นำมาเสนอ เป็นของบรูซ สปริงสตีนค่ะ
บรูซเป็นนักแต่งเพลง มาจากนิวเจอร์ซีย์ ชอบเขียนเนื้อเพลงที่สะท้อนชีวิตและความรักคนหนุ่มคนสาวที่หาเช้ากินค่ำ พยายามทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เพลงๆหนึ่ง เหมือนภาพเขียน ที่บอกเรื่องราวของหนุ่มคนหนึ่ง ที่ยังใจจรดจ่อกับคนรักเก่าสมัยเด็กๆ ไปรอหน้าบ้านให้เธอทิ้งบ้านไปกับเขา ในค่ำคืน ฝ่าถนนพายุสายหนึ่ง ออกจากเมืองซึ่งมีแต่อดีตอันเจ็บปวด ไปสู่ดินแดนที่ใฝ่ฝัน
เขาหวังว่าคราวนี้ สาวเจ้าคงจะไม่ปฏิเสธ
เพลงนี้ชื่อว่า Thunder road ค่ะ เขียนไว้ในปี 1975 ไม่ทราบคุณบานา คุณติบอ คุณกุรุกุลาเกิดหรือยัง
ฟังคราใด มันได้ภาพของหนุ่มบรูซ ไปออดอ้อนสาวชื่อแมรี่ ที่ชานบ้าน ชวนให้ไปด้วยกัน เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ One last chance to make it real เฮ้อ.. โรแมนติคชมัดเลย
จูเลีย โรเบิตชอบมาก โดยเฉพาะประโยคว่า you ain't a beauty, but hey you're alright ...เมื่อเธอถูกถามว่า เพลงไหน บอกความหมายของเธอได้ดีที่สุด
เอ.. จูเลียสวยถึงขั้น a beauty นะคะ ในสายตาดิฉัน
ว่ากันว่า เวลาร้องสด บรูซจะเปลี่ยนชื่อแมรี่เป็นคริสตีนบ้าง คริสซี่ บ้าง แอนเจลินาบ้าง แต่ในแผ่นเป็นแมรี่แน่นอน
ชื่อเพลง thunder road บรูซได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่องชื่อนี้ ที่แสดงโดย โรเบิต มิทชั่ม เพราะชอบ มันมีพลังดี
เพลงนี้ อยู่ในอัลบั้ม born to run ไม่ได้คิดว่าจะฮิตขนาดนี้ พอดังเปรี้ยงปร้างด้วยความเป็นวิถีอเมริกัน บรูซจึงชอบเล่นบนเวทีเกือบทุกครั้งที่มีการแสดงสด


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 24 ต.ค. 08, 12:43
THUNDER ROAD
words and music arranged by Bruce Springsteen

บังตากระแทกเปิด
ชุดของแมรี่ไหวพลิ้ว
เหมือนภาพเธอเต้นรำอยู่ที่ชานบ้าน
พร้อมกับเสียงเพลงจากวิทยุ
ที่รอย ออร์ไบสันครวญให้กับคนเหงา
ซึ่งก็คือฉันเอง ที่เหงาและต้องการเพียงเธอ
อย่าต้องให้ฉันหวนกลับบ้านอีกเลย
เพราะฉันทนสู้อยู่เดียวดายไม่ไหวแล้ว

The screen door slams
Mary's dress waves
Like a vision she dances across the porch
As the radio plays
Roy Orbison singing for the lonely
Hey that's me and I want you only
Don't turn me home again
I just can't face myself alone again

อย่าวิ่งหนีฉันเข้าบ้าน
ที่รัก เธอก็รู้ใช่ไหมว่าฉันมานี่ทำไม
เธออาจจะขยาด และเห็นว่าเราไม่ใช่หนุ่มสาวแล้ว
แค่บอกสักนิดว่ายังมีหวัง คืนนี้มันมีมนต์ขลัง
ถึงเธอจะไม่สดสวย แต่เธอก็ดูสดใส
โอ..แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับฉันแล้ว

Don't run back inside
darling you know just what I'm here for
So you're scared and you're thinking
That maybe we ain't that young anymore
Show a little faith, there's magic in the night
You ain't a beauty, but hey you're alright
Oh and that's alright with me

เธออาจยังหวาดระแวง
และยังเข็ดอดีตที่เจ็บปวด
บอกลากับซากรักเก่าๆ
ขว้างช่อกุหลาบทิ้งไปในสายฝน
มัวเสียเวลาช่วงดีๆไปกับการเฝ้าภาวนา
เพื่อรอนักบุญโผล่มาจากถนนสายไหนสักแห่ง
แต่ฉันไม่ใช่วีรบุรุษ
แน่นอนที่สุด
สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากมัน
ก็อยู่ใต้หลังคามอมๆของรถคันนี้...

You can hide 'neath your covers
And study your pain
Make crosses from your lovers
Throw roses in the rain
Waste your summer praying in vain
For a savior to rise from these streets
Well now I'm no hero
That's understood
All the redemption I can offer, girl
Is beneath this dirty hood

นี่คือโอกาสในการเริ่มต้นที่ดี
อะไรล่ะจะดีไปกว่า
การไขกระจกหน้าต่างรถลง
ปล่อยให้สายลมพัดผ่านเรือนผมของเธอ
คืนนี้ ปลอดโปร่ง
ถนนสองเลนนี้จะนำเราไปไหนก็ได้
เรามีโอกาสสุดท้ายที่จะทำฝันให้จริง
โบยบินไปด้วยล้อหมุน
ขึ้นมานั่งกับฉัน
สวรรค์รออยู่สองข้างทาง
รับมือของฉันสิ เราจะใช้คืนนี้นำไปสู่ดินแดนแห่งสัญญา
โอ ถนนพายุ ถนนพายุ
ทอดอยู่เบื้องหน้า เป็นสิ่งสุดยอดภายใต้ดวงอาทิตย์
แม้ตอนนี้มันจะช้าไปหน่อย แต่เราก็ไปสู่จุดหมายได้ ถ้าไปตอนนี้
โอ ถนนพายุ นั่งหลังตรง ทรงตัวให้มั่น
ถนนพายุ
With a chance to make it good somehow
Hey what else can we do now
Except roll down the window
And let the wind blow back your hair
Well the night's busting open
These two lanes will take us anywhere
We got one last chance to make it real
To trade in these wings on some wheels
Climb in back
Heaven's waiting on down the tracks
Oh oh come take my hand
Riding out tonight to case the promised land
Oh oh Thunder Road, oh Thunder Road
oh Thunder Road
Lying out there like a killer in the sun
Hey I know it's late we can make it if we run
Oh Thunder Road, sit tight take hold
Thunder Road



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 24 ต.ค. 08, 16:25
ฉันมีแค่กีตาร์ตัวนี้
แต่ก็รู้วิธีที่จะทำให้มันพูดได้
รถฉันรออยู่ด้านหลัง
ถ้าเธอพร้อมที่จะเดินไกลสักหน่อย
จากระเบียงหน้าบ้าน ไปที่ที่นั่งด้านหน้า
ประตูเปิดรับ แต่ไม่ได้ขับให้ฟรี
ฉันรู้ว่าเธอน่ะเหงา โดยเราไม่ต้องเอ่ย
แต่คืนนี้เราจะเป็นอิสระ
หมดสิ้นทุกพันธะ
ละอ่อนทั้งหลายที่เธอเขี่ยทิ้ง
เป็นได้แค่เงาอดีต ที่หลอกหลอนอยู่
บนถนนชายหาดฝุ่นคลุ้ง
ในหมู่ซากรถเชอฟโรเล่ต์ที่กรำแดดกรำฝน

Well I got this guitar
And I learned how to make it talk
And my car's out back
If you're ready to take that long walk
>From your front porch to my front seat
The door's open but the ride it ain't free
And I know you're lonely
For words that I ain't spoken
But tonight we'll be free
All the promises'll be broken
There were ghosts in the eyes
Of all the boys you sent away
They haunt this dusty beach road
In the skeleton frames of burned out Chevrolets

พวกนั้นกรีดร้องเรียกเธอตามถนนในยามค่ำ
ชุดครุยปริญญาของเธอกองเป็นผ้าขี้ริ้วอยู่แทบเท้า
และท่ามกลางความว้าเหว่เยียบเย็น ก่อนรุ่งสาง
เสียงของเครื่องยนต์ยังแผดก้องดังสนั่น
แต่เมื่อเธอออกมาสู่ชานบ้าน เสียงทั้งหมดนั้นก็จะหายไปกับสายลม
ไปกับฉันนะ แมรี่
ก็เมืองนี้ มันมีแต่ผู้แพ้
ฉันกำลังจะทะยานออกไปจากที่นี่
...เพื่อที่จะชนะ

They scream your name at night in the street
Your graduation gown lies in rags at their feet
And in the lonely cool before dawn
You hear their engines roaring on
But when you get to the porch they're gone
On the wind, so Mary climb in
It's a town full of losers
And I'm pulling out of here to win.

thunder road จะเป็นถนนพายุ ถนนฟ้าคำราม หรืออะไรก็แล้วแต่ จริงๆแล้วมันก็น่าจะเปรียบได้แมนๆหน่อยว่า ถนน...ลูกผู้ชาย ดิฉันว่างั้น
ผู้ชายนักแต่งเพลงยุคเซเวนตี้ส์ เขียนเนื้อเพลงสะท้อนชีวิตแบบคนชั้นทำงาน (working class) ขอไม่เรียกว่ากรรมกร แบบหาเช้ากินค่ำ ไม่มียาเสพติด ไม่มีเรื่องความใคร่ มีแต่ความรัก กีตาร์ตัวหนึ่ง รถมอมๆคันหนึ่ง แต่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงที่เป็นรักฝังใจ ข้างหน้าไม่รูว่าจะเผชิญอะไร แต่มันก็ดีกว่าจมอยู่ในซากของความหลังและความพ่ายแพ้
ลองฟังทั้งการแสดงสดในปี 1976และอีกหลายๆครั้งดูความเปลี่ยนแปลง สมบูรณ์มากโดยเฉพาะกับดิอีสตรีทแบนด์ แต่สำหรับทางอินเตอร์เน็ท ดิฉันชอบที่บรูซร้องและเล่นกีตาร์สดๆ กับ melissa etheridgeค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=HQpyxh3xpv8&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 25 ต.ค. 08, 01:15
เรียนตามตรงเลยครับ  ผมได้ยินเสียงบรูซแล้วสะดุดใจครั้งแรกในเพลง we r the world แล้วถามจนได้ความว่าคนที่ร้องเสียงทรงพลังพร่าๆชื่อ บรูซ สปริงสทีน จากนั้นก็ลองหามาฟัง  ก็ชอบหลายเพลงครับเช่น I'm on fire, The fever, No need etc  ชอบครับลีลาการนั่งเล่นกีตาร์ร้องเพลงลูกทุ่ง  ยิ่งเป่าเมาท์ออร์แกนด้วยดีครับ  เพลงที่คุณกุ้งนำเสนอฟังครั้งแรกครับ  แต่เพลงนี้ตั้งแต่ลุงบรูซยังหนุ่มๆเลยครับ  แต่เพลงที่ผมอยากนำเสนอเป็นเพลงของคุณลุง Johnny Cash ที่ลุงบรูซนำมาร้องได้ดีจริงๆผมชอบมากๆชอบกว่าเวอร์ชั่นของลุงแคชอีกครับ  เนื้อเพลงก็น่าเศร้าและน่าประทับใจ  เป็นเรื่องของการสั่งเสียก่อนตายครับ  แต่ผมมิบังอาจแปลเพราะกลัวจะใช้ถ้อยคำไม่สวยพอสำหรับเพลงที่มีเนื้อหาแบบนี้ .......... :-[

http://www.youtube.com/watch?v=hEfe80Ty8KY&feature=related


"Give My Love to Rose"
by Johnny Cash
Recorded 7/1/57
Number 13 - Country Chart

I found him by the railroad track this morning
I could see that he was nearly dead
I knelt down beside him and I listened
Just to hear the words the dying fellow said

He said they let me out of prison down in Frisco
For ten long years I've paid for what I've done
I was trying to get back to Louisiana
To see my Rose and get to know my son
Chorus:
Give my love to Rose please won't you mister
Take her all my money, tell her to buy some pretty clothes
Tell my boy his daddy's so proud of him
And don't forget to give my love to Rose

Tell them I said thanks for waiting for me
Tell my boy to help his mom at home
Tell my Rose to try to find another
For it ain't right that she should live alone

Mister here's a bag with all my money
It won't last them long the way it goes
God bless you for finding me this morning
And don't forget to give my love to Rose
Chorus:
Give my love to Rose please won't you mister
Take her all my money, tell her to buy some pretty clothes
Tell my boy his daddy's so proud of him
And don't forget to give my love to Rose


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 25 ต.ค. 08, 07:06
บรูซเล่นได้ดีมาก หน้าตากำลังหล่อพอดีๆเลยค่ะ เขาร้องเล่นในสไตล์ที่ชวนให้เศร้าตามไปกับคำสั่งเสียของอดีตนักโทษ ที่เหลือเพียงความรักให้กับโรส และลูกชายที่เขาอยากจะเห็นหน้า นับจากที่ต้องไปรับโทษในคุกนานถึงสิบปี
นี่แสดงว่าโรสไม่ได้พาลูกไปให้เห็นหน้าเลย..
แต่ก็ยังรอสามี
ชีวิตอเมริกันชาวบ้านๆ ที่สะท้อนมาจากคำร้องที่เขียนโดยจอห์นนี่ แคช ทำให้พวกหอคอยงาช้างสะเทือนใจหรือเปล่าไม่ทราบ แต่บรูซเขาชอบมานานแล้ว
ศิลปินอีกคนที่มีอิทธิพลกับบรูซก็น่าจะเป็นรอย เพราะเอ่ยชื่อในเพลงธันเดอร์ โรดเลย
เพลง Only the lonely ไงคะ
ดิฉันเป็นอีกคนที่ชอบรอย พยายามหาเทปของเขาทุกม้วนที่มีขายมาฟัง ไปสรรหาวิดิโอการแสดงสดของเขามาชื่นชม เพียงเพราะชอบเสียงที่สุดยอดนั้น
ตอนนี้บรูซ กำลังสนับสนุนนักการเมืองหนุ่มเลือดผสม คือ บารัค โอบามา
บารัค นี่โดดเด่นขึ้นมาก็ด้วยวิถีอเมริกันอีก
มีความเป็นฮีโร่อยู่ในสายเลือด มีพื้นฐานที่กระเสือกกระสน คนอเมริกันชอบอะไรที่เป็นดราม่าอยู่แล้ว
การไปถึงจุดหมายคงไม่ง่าย แต่ก็ท้าทายสำหรับชายชื่อบรูซ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 26 ต.ค. 08, 00:24
บรูซเป็นหัวคะแนนตัวยงเลยครับ  เป็นซูปเปอร์สตาร์ที่ support โอบามาสุดๆ มันเหมือนเป็นเงาลางที่บอกว่าอเมริกันชนยังมีช่องว่างระหว่างชนชั้นอยู่มาก คนบ้านๆที่ไต่เต้าด้วยความสามารถมีวิถีแถมปากดีซะด้วยเลยครบสูตร อีกยังผสมความไม่ชอบท่านบุชเป็นทุน  เลยไปกันใหญ่ตามโพล  แต่ผมก็ยังคิดระแวงในใจอยู่  เพราะเชื่ออย่างสนิทใจยังไม่ได้ว่าสีผิวจะไม่เป็นปัญหา  ไม่ว่าในยุคนี้หรือยุคไหนๆก็ตาม

เพลงลูกทุ่งๆแบบนี้เนื้อหามักสอดแทรกการประชดพวกอีกชั้นหนึ่งเสมอๆ  พูดถึงออร์บิสัน (ถ้าอยู่ป่านนี้ไม่ทราบจะเป็นไง) ไม่ทราบว่าคุณกุ้งรู้จักเพลง crying ไหมครับ  ลองฟังดูครับได้บรรยากาศไปอีกแบบ สำหรับผมชอบเพลงนี้และการแสดงชุดนี้มากครับ........... :'( :'( :'( :'(
http://www.youtube.com/watch?v=S0aVXXzhUoo

Roy Orbison
"Crying"

I was alright for a while,
I could smile for a while.
But when I saw you last night,
you held my hand so tight
as you stopped to say hello.
And though you wished me well,
you couldn't tell that I'd been
crying over you, crying over you -
yes you said so long, and left me standing all alone,
alone and crying.

I thought that I was over you,
but it's true, so true.
I love you even more
than I did before,
but darling, what can I do?
Oh, you don't love me,
and I'll always be
crying over you, crying over you,
yes, now you're gone, and from this moment on,
I'll be crying, crying, crying, crying
over you.
[/color]


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 26 ต.ค. 08, 07:54
ว่าจะติงคุณบานาตั้งแต่ตันแล้วค่ะ ว่า บรูซไม่ใช่ขาคันทรี่หรือเรียกกันว่าลูกทุ่งนะคะ บรูซเป็นร็อคขนานแท้และดั้งเดิมค่ะ การเขียนและทำเพลงที่สะท้อนชีวิตกรรมาชนไม่ได้แปลว่า เขาจะเป็นลูกทุ่งนะคะ
ส่วนจอห์นนี่ เงินสดนั่นสิคะ เจ้าพ่อคันทรี่ ถามว่าดูกันตรงไหน ดิฉันเองก็คงตอบเป็นวิชาการให้สมกับสำนักสมมุตนี้ไม่เป็นเสียด้วย
คุณเอลวิสภูน่าจะมาช่วยได้ หรือขาเพลงคลาสสิคอย่างคุณพพ. คุณๆทั้งหลายที่อ่านอย่างเดียวแต่รอบรู้เป็นครูบาอาจารย์ขนานแท้มีอีกมากค่ะ
เพลงดังของรอย คือ ร้องไห้(...ดีกว่า ) ขืนไม่รู้จักก็ไม่ใช่กุ้งแห้งเยอรมันสิคะ เพลงที่ป็อปหนึ่งในสามของรอย ที่เหลือก็ Only the Lonely กับ Pretty Woman ว่าไปแล้วดิฉันชอบ Only the Lonely เป็นที่สุด เหมือนกับที่บรูซเขาปลื้มน่ะแหละ
แต่ไม่ได้ปลื้มตามเขานะคะ ขอยืนยัน
ว่าไปแล้ว ยุคดิฉัน เพลงครายอิ้งนี่ ดอน แมคลีน เอามาร้องใหม่ ปี 1980 ขึ้นอันดับท็อปฮิตหลายสัปดาห์ หลังจากที่เขาดังระเบิดเถิดเทิงจาก American Pie กับStarry Night
ด้วยว่า ชักจะหมดมุขหรือเปล่าไม่ทราบ โหยหวนน่ารำคาญ ยานซะไม่มีในทัศนะของดิฉัน
ดอน เป็นคนเขียนเพลงแท้ๆอีกคนหนึ่ง คนอะไร เก่งชะมัด ถือว่าอเมริกันพาย และคืนที่ดาวเต็มฟ้านี่ บรรจุเข้าฮอลออฟเฟมในสมองของกุ้งแห้งเยอรมันไปเรียบร้อยค่ะ
กะว่า วันไหนของขึ้น ก็อาจจะหลังขดหลังแข็งนั่งถอดความออกมา ก็มันเพราะจริงๆนี่คะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 28 ต.ค. 08, 00:20
ยินดีและขอบคุณครับคุณกุ้ง  ผมมักสับสนกับแนวของเพลงอันหลากหลาย  เห็นเพลงที่บรูซเล่นกีตาร์โปร่งแล้วเป่าเมาท์ออร์แกน  เลยพาลคิดว่ามันคือลูกทุ่ง  แม้จะไม่ใช่แนชวิลจ๋า   ยิ่งเพลงลุงแคชผมชอบบรูซเล่นมาก  เห็นด้วยครับสำหรับ Don Mclean ผมก็ชอบ Vincent ที่สุดถ้ากรุณาแปลด้วยคงจะซาบซึ้งยิ่งกว่าปกติหลายเท่า  เพลง crying สไตล์ดอนก็ดีครับ  ครอสโรด ผมก็ชอบ
นี่ก็อีกกลุ่มศิลปิน The eagles ผมก็คิดว่าลูกทุ่งครับไม่ทราบว่าถูกหรือเปล่า  ผมชอบเสียงของ Timothy B. Schmit ครับ  ขอนำเสนอเพลงนึงครับเป็นเพลงที่ผมชอบชื่อเพลง Something sad เลยลองแปลไปด้วยผิดถูกยังไงขอให้คุณกุ้งกรุณาด้วยครับ........ :'( :'( :'(

http://www.youtube.com/watch?v=NeZLnQQbAT4


Something sad
Timothy B. Schmit

I spend all my time searching up and down
Looking for some other way
Every now and then I will turn around
Just to find that it’s a new day[/color]
ฉันใช้เวลาไตร่ตรองครุ่นคิด
มองหาทางออก
บางคราวฉันพยายามจะกลับไป
เพื่อจะเจอหวังในวันใหม่
Why I am afraid to be standing here
Turning my face to the wall
How can I believe that you’re really there
ทำไมฉันถึงกลัวที่จะอยู่ตรงนี้
เหมือนเจอทางตัน
จะเชื่อได้ไงว่าเธออยู่ตรงนี้จริงๆ

I’ll keep trying to make it through
No matter what you say
I’m a fool who still love you
Bring me a brighter day
ฉันพยายามที่จะให้ทุกอย่างผ่านพ้น
แม้เธอจะว่าไงก็ตาม
ยังไงฉันก็คือไอ้งั่งคนนี้ที่ยังคงรักเธอ
โปรดนำแสงสว่างมาให้ฉันที
Chorus:
Oh there’s something sad about it baby
I take it slow
But then everyday I get in my own way
That’s how it goes
ฉันเสียใจเหลือเกินยาหยี
ฉันลังเลใจ
แต่แล้วทุกวันฉันก็ยังอยู่ดังเดิม
มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น
My heart wants to follow you everywhere
But I try to draw the line
I’m standing in the shade of a blue affair
Hoping it will work out in time
หัวใจฉันมันอยากตามเธอไปทุกที่
แต่ฉันก็พยายามฝืนใจ
ฉันกำลังอยู่ในมุมมืดของความระทม
หวังว่าคงไม่สายหากเธอจะเห็นใจ
Baby all I want from you is a simple change
Just enough time to explore
We could put an end to this song and dance
It’s doesn’t have to be such a chore
ฉันต้องการคนดีโปรดหันมายื่นไมตรีให้ฉันบ้าง
ขอแค่เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
เราสองอาจจบเพลงนี้ได้อย่างมีความสุข
มันไม่ใช่เรื่องที่น่าแหนงหน่าย
In this world full of danger
All we can do is try
Maybe we won’t be strangers
Keep my love alive
ในโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายใบนี้
สิ่งที่เราทำได้คือความพยายาม
เราอาจจะไม่ใช่คนแปลกหน้ากันอีกต่อไป
มาทำให้ความรักฉันดำรงเถอะChorus:
Deep in the night I dream we’re together
Nothing can do me wrong
But then I wake up and find you’re really there
Like a singer without a song
ในคืนสงัดฉันฝันว่าเราสองอยู่ด้วยกัน
ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่านั้น
แต่เมื่อลืมตาตื่นจากฝันที่นั่นก็ไม่มีเธอ
มันเหมือนนักร้องที่ไร้เพลงจะขับขาน
Chorus:
Oh there’s something sad about it baby …
โอ้ยาหยีฉันช่างระทมสิ้นดี


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ต.ค. 08, 15:29
ผมชอบเสียงของ Timothy B. Schmit ครับ  ขอนำเสนอเพลงนึงครับเป็นเพลงที่ผมชอบชื่อเพลง Something sad เลยลองแปลไปด้วยผิดถูกยังไงขอให้คุณกุ้งกรุณาด้วยครับ........ :'( :'( :'(y …


อ่านแล้วอมยิ้มค่ะ คุณบานา ชอบค่ะ


Why I am afraid to be standing here
Turning my face to the wall
How can I believe that you’re really there


ทำไมฉันถึงกลัวที่จะอยู่ตรงนี้
เหมือนเจอทางตัน
จะเชื่อได้ไงว่าเธออยู่ตรงนี้จริงๆ


เพลงท่อนนี้ทะแม่งๆค่ะ พอตามลิงค์ไป ก็เลยทราบว่าขาดไปบรรทัดหนึ่ง
ยังไม่สมบูรณ์เลยค่ะ

Why am I afraid to be standing here
Turning my face to the wall
How can I believe that you're really there
When I don't even know you at all


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ต.ค. 08, 20:20
กลับไปที่บรูซ เจ้าของฉายา the boss อีกนิดหนึ่งนะคะ
เพลงหนึ่งของบรูซ ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลแหลกลาญ ทั้ง อแคดามี และแกรมมี่ เป็นอาทิ ก็คือ Streets of Philadelphia ซึ่งเป็นเพลงที่ ผู้กำกับ จอนาธาน เด็มม์ ที่โกยรางวัลไม่ยั้งมาจากหนังเรื่อง silence of the lamb 1991 มาหาบรูซ ต้นปี1993 ขอให้แต่งเพลงให้หนังเรื่อง ฟิลาเดลเฟีย  ซึ่งเป็นเรื่องของทนายความหนุ่มที่รักผู้ชายด้วยกัน ที่ติดเชื้อเอดส์ และถูกบีบออกจากงาน
นักแสดงแต่ละคนก็ไม่ใช่ย่อย ทอม แฮงค์ แดนเซล วอชิงตัน เจสัน โรบาร์ด โจแอน วู้ดเวิร์ด และอันโตนิโอ แบนเดอรัส
เป็นนาน บรูซติดออกทัวร์ หนังก็ถ่ายไป แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เขียนเพลงนี้ขึ้นมาจนได้ ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน


Streets of Philadelphia
words and music by bruce springsteen
 

ฉันรู้สึกบอบช้ำและยับเยินจนสุดจะบรรยาย
แม้ยามส่องกระจก เห็นเงาสะท้อน ก็ยังแทบจำตัวเองไม่ได้
โอ  เธอจะปล่อยให้ฉันอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ
ท่ามกลางถนน แห่งฟิลาเดลเฟียหรือ

I was bruised and battered and I couldn't tell
what I felt
I was unrecognizable to myself
Saw my reflection in a window I didn't know
my own face
Oh brother are you gonna leave me
wasting away
On the streets of Philadelphia

ฉันย่ำเท้าไปตามเส้นทางจนขาแข็งไปหมด
เสียงสนทนาของเพื่อนๆอันตรธานไปสิ้น
ยามมืด แว่วเพียงเสียงของเลือดวิ่งเป็นสาย ในเส้นโลหิตดำ
ซึมเศร้าและแผ่วเบาราวเสียงฝนพรำ
ท่ามกลางถนนแห่งฟิลาเดลเฟีย

I walked the avenue till my legs felt like stone
I heard the voices of friends vanished and gone
At night I could hear the blood in my veins
Just as black and whispering as the rain
On the streets of Philadelphia

ไม่มีนางฟ้าที่ไหนจะมาทักทาย
มีเพียงเธอ กับฉัน เพื่อนใจ
เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มกายมันหลวมโพรก
ฉันเดินมาแล้วนับพันไมล์
เพียงเพื่อลอกคราบตัวเอง

Ain't no angel gonna greet me
It's just you and I my friend
And my clothes don't fit me no more
I walked a thousand miles
just to slip this skin

ดึกแค่ไหน ฉันก็ยังตื่น
รู้สึกว่า สำนึกเลือนลางลงไปทุกที
ได้โปรดต้อนรับฉันด้วยจุมพิตลวงของเธอ
หรือเราจะปล่อยให้ต่างคนต่างอยู่อย่างเดียวดายต่อไปเช่นนี้
ท่ามกลาง ถนนแห่งฟิลาเดลเฟีย


The night has fallen, I'm lyin' awake
I can feel myself fading away
So receive me brother with your faithless kiss
or will we leave each other alone like this
On the streets of Philadelphia


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 30 ต.ค. 08, 16:10
สืบเนื่องจากได้เข้าไปเช็คหลายวันมาแล้วว่า Billboard Hot 100 All Time Top Song เขาจัดอันดับให้เพลงอะไรมาที่หนึ่ง ปรากฎว่า The twist มาอันดับหนึ่ง
http://www.youtube.com/watch?v=bRDGBpEqLfs

เด็กๆ ดิฉันรู้จักชับบี้ เชคเกอร์ เจ้าพ่อทวิสท์ก็จากพี่สาว มิหนำซ้ำยังสอนให้หัดเต้นทวิสท์เสียด้วย ทั้งๆที่ชอบรำไทยเป็นที่สุด
พี่ๆของดิฉันเป็นสาวสวยประจำบางสองคน มีหนุ่มๆมาติดพันทั้งไทยและเทศหัวบันไดไม่แห้ง อาจจะเป็นรสนิยมส่วนตัวของพี่สาวทั้งสอง ที่เขาชอบทั้งเพลงสุนทราภรณ์และเพลงฝรั่ง เพราะฉะนั้น  หิ้งหนังสือ จะมีหนังสือเพลงกองเป็นตั้งๆ ทั้งเคอร์เรนท์ซองฮิทส์ และ ไอเอส
เหมือนนิตยสารจัดอันดับเพลงของอเมริกา ที่จะต้องมีทั้งbillboardและcashboxให้เปรียบเทียบกัน
ดิฉันโอนเอียงไปทางบิลบอร์ดมากกว่า เพราะเพลงที่เราชอบ มันจะขึ้นอันดับทางฝั่งนี้ ทำให้เรารู้สึกว่า เอ๊ะ ทำไมแคชบ็อกซ์มันมักจะให้เพลงเสร่อๆขึ้นอันดับเสมอ
วิทยุเครื่องของเธอใหญ่หน่อยเป็นแบบตั้งโต๊ะ หอบเร่ไปไหนไม่ได้ สีทอง สวยมาก เพราะความเป็นคนช่างประดิดประดอย มีผ้าถักสวยงามคลุมด้านบน ถ้าถนอมหน่อย และไม่ย้ายบ้าน ก็คงเป็นของคลาสสิคไปแล้ว
นักจัดรายการเพลงรุ่นนั้นขายเสียงหล่อๆ ภาษาอังกฤษก็มีทั้งแบบงูๆปลาๆ และแอคเซ่นดีๆ คละเคล้ากัน หนังสือเพลงเนื้อก็ผิดบ้าง ถูกบ้าง พวกลูกครึ่งยังหายาก โรงเรียนอินเตอร์ก็ไม่มี จะเดาความหมายหรือสำนวนก็ต้องถามพวกเจ้าของภาษา แล้วภาษาเพลง ไม่ใช่คณิตศาสตร์ ที่จะแปลกันง่ายๆ นอกจากจะฟังไม่ออกแล้ว ยังใช้verb to เดากันตลอด
เช่นเพลง น้ำตาล น้ำตาล หรือ sugar sugar ของ the archies บางคนอ่านอย่างมั่นใจว่า ซูการ์ ซูการ์ เฉยเลย
นักเรียนคอนแวนต์ฮากลิ้ง
การขอให้เปิดเพลง ต้องส่งจดหมายไปค่ะ วันไหนโฆษกอ่านจดหมายออกอากาศ พี่สาวจะอารมณ์ดีมาก..
มีหลายเพลงค่ะที่ฮิต เปิดกันจัง เช่น Indian Giver พวกเราก็จะมาถกกันว่า มันแปลว่าอะไรกันหนอ




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 31 ต.ค. 08, 08:12
สถาบันจัดอันดับเพลงในดวงใจอีกแห่ง ก็คือ นิตยสารโรลลิ่งสโตน
เขายกย่องเพลงๆหนึ่งค่ะ มีเวลาก็ไปฟังเพลงนี้กัน

http://www.youtube.com/watch?v=S4i-cOv69tw

เมื่อสาวสวยคนหนึ่ง เป็นแรงบันดาลใจของนักแต่งเพลง มิหนำซ้ำดันเป็นภรรยาเพื่อนอีก สิ่งที่ผู้ชายต้องพยายามทำใจให้ได้ก็คือ หักห้ามลูกเดียว
เอริค แคลปตัน คนเขียนเพลงอีกคน ซึ่งเก่งมากเรื่องของกีตาร์และดนตรี หน้าตาก็แสนจะศิลปิน เขาสนิทสนมกับจอร์จ แฮริสันมาก เอริคสารภาพต่อหน้าต่อตาจอร์จเลยว่า I am in love with your wife....
เป็นใครก็ช็อค สาวสวยแทบแทรกแผ่นดินหนี
ดิฉันกำลังพูดถึงสาวน้อยนางแบบอายุแค่ยี่สิบ ที่โด่งดังในอังกฤษ ทุกท่วงท่าเคลื่อนไหวของเธอ มันสมแล้วทีจอร์จจะเขียนเพลงsomethingให้แพทตี้ บอยด์ ซึ่งเขาปิ๊งทันทีจากการแสดงหนังด้วยกันเรื่องHelp
Something in the way she moves attracts me like no other lovers....
แหม..ยุคดิฉันเป็นวัยทีนต้นๆ เพื่อนๆบ้าเพลงนี้กันทั้งห้อง จะบอกให้
แพทตี้เข้าฉากด้วยในรถไฟ สถานที่ถ่ายทำคือสถานีแพดดิงตัน
จอร์จเป็นเต่าทองที่ดิฉันชอบตั้งแต่ต้น ไม่ได้พิจารณาจากความสามารถหรอกค่ะ ยึดหน้าตาหล่อเป็นสำคัญ แถมยังเงียบๆขี้อายอีก
แพทตี้สวยมาก...หน้าตาน่ารัก หุ่นดี แต่งตัวมีสไตล์ ชวนมองไปหมด
อีตอนที่ยังเป็นภรรยาจอร์จ เอริคเขาก็เชิญไปอพาร์ทเมนท์ แล้วก็เล่นเพลง Laylaให้ฟัง ถามว่ารู้ไหม ว่าเพลงนี้หมายถึงใคร
แพทตี้ถือว่าเพลงนี้มีคุณค่า เป็นระดับครู ด้วยความงามของเนื้อร้องและดนตรี
สำหรับความรู้พิเศษๆส่วนตัวตอนนั้น เธอบอกว่า เฮ้อ ช่างseductiveเสียจริง..

วันนี้ ถึงเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แพทตี้ กลับมาเป็นแพทตี้ บอยด์คนเดิม และยังสวยเหมือนเดิม ไม่ต้องศัลยกรรม มั่นใจในริ้วรอยตีนกาแต่ตาแป๋วของเธอ เธอก็ยังรู้สึกดีทุกครั้งที่ฟังLayla
...

http://www.youtube.com/watch?v=juPxfHO50oo&NR=1
ฟังแบบแจสก็สบายใจดีค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 31 ต.ค. 08, 15:45
ก็ในเมื่อแพทตี้ ทั้งเสน่ห์แรง สดใส ด้วยวัยเยาว์ คนอย่างจอร์จ เอริค ซึ่งมีสาวๆรุมตอมมากมาย จะไม่ปลงใจรักก็น่าจะเหลือเชื่อ แล้วถ้าได้ยินเสียงสำเนียงการพูดจา ท่วงท่า ซึ่งวันนี้ 64 แล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจ
พื้นฐานจิตใจของเอริค มีส่วนทีเดียว ที่ทำให้รักคนซึ่งถือว่า unavailable ภาษาไทยนัยว่ามีเจ้าของแล้ว เขาอยู่กับยายแท้ๆที่เลี้ยงมา โดยคิดว่าเป็นแม่ เขียนเรื่องนี้ น่าจะยาว และสะเทือนใจ แต่ศิลปินก็อย่างนี้ค่ะ หากอยู่กับความสมบูรณ์แบบ มันจะเกิดงานดีๆได้ยาก
ระยะที่พบกับเอริค แม้จะแต่งงานแล้ว แพทตี้ ก็ชอบเขา ในความสุภาพ เงียบขรึม ฝีมือการเล่นกีตาร์ ช่วงนั้นชีวิตแต่งงานเริ่มเพี้ยน เพราะจอร์จกำลังหัวปักหัวปำกับการปลีกวิเวก พึมพำคาถา และนั่งสมาธิ โอม กฤษณะ..ไม่สนอกสนใจภรรยา ไม่พูดกับใคร สวมประคำเต็มคอ
วันที่เอริคบอกว่า ผมคิดว่า ผมควรจะบอกอะไรให้คุณรู้สักอย่าง ...ผมหลงรักภรรยาคุณ
จอร์จตั้งสติ บอกแพทตี้ว่า คุณจะไปกับเขาก็ได้นะ
แพทตี้ยังตอบว่า ไม่หรอก ฉันจะกลับบ้านกับคุณ
สามปี กว่าจะหย่า ความอดทนมาขาดผึงตรงที่จอร์จเล่นไปมีอะไรๆกับมอรีน ซึ่งเป็นภรรยาของริงโก้ แพทตี้เขียนเรื่องนี้เป็นหนังสือขายดีทีเดียว การเขียนร่วมกับบก.คนหนึ่ง ทำให้หนังสือของเธอทำรายได้มหาศาล อ่านแล้วเชื่อไม่เชื่อ ก็ตามใจ
ดิฉันขำ ที่จอร์จออกมาปฏิเสธว่า เพลงsomethingนั้น แต่งให้เรย์ ชาร์ลส์มากกว่า เล่าให้ใครๆฟัง ก็ขำกลิ้ง..

LAYLA
(รักสามเส้า)
words and music by eric clapton 1970

เป็นคุณ จะทำอย่างไรเมื่อรู้สึกเหงา
แล้วไม่มีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้าง
คุณเหนื่อยหน่ายและปกปิดมานานเกินควรแล้ว
เพียงเพราะความทรนงในตัวเอง

What'll you do when you get lonely
And nobody's waiting by your side?
You've been running and hiding much too long.
You know it's just your foolish pride.

เลย์ล่า ...คุณทำให้ผมสยบแทบเท้า
เลย์ล่า ...ขอร้องเถอะ ได้โปรด
เลย์ล่า ...คุณจะไม่ช่วยทำให้ผมสบายใจสักหน่อยหรือ

Layla, you've got me on my knees.
Layla, I'm begging, darling please.
Layla, darling won't you ease my worried mind.

ผมเฝ้าปลอบใจคุณ
เมื่อสามีของคุณไม่เห็นคุณค่า
แต่กลับหลงรักคุณเข้า เหมือนคนบ้า
โลกทั้งโลกของผมจึงสับสนว้าวุ่น

I tried to give you consolation
When your old man had let you down.
Like a fool, I fell in love with you,
Turned my whole world upside down.

มาร่วมกันแก้ไขเรื่องนี้ให้ดีที่สุด
ก่อนที่ผมจะคลั่งตายลงไป
กรุณาอย่าพูดว่า เราจะไม่มีวันหาทางออก
แล้วตอกย้ำว่า รักหมดใจของผมมันเป็นรักข้างเดียว

Let's make the best of the situation
Before I finally go insane.
Please don't say we'll never find a way
And tell me all my love's in vain.


http://www.youtube.com/watch?v=CuSdB9zw4T4&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 02 พ.ย. 08, 23:28
ช่วงนี้งานเยอะครับ  ไม่ได้เข้ามาหลายวัน  แต่ไม่เกี่ยวกับที่เค้ากำลังเย้วๆกันที่ทำเนียบหรือสนามกีฬานะครับ  เป็นงานเพื่อปากท้องตัวเองล้วนๆ... :P

ก่อนอื่นต้องขอบคุณมากครับผมพิมพ์ตกไปบรรทัดจริงๆ  คือผมพิมพ์ล้วนๆอ่ะครับไม่ได้ก๊อป  อืม....เลยรู้ที่มาของเพลง Layla ฝรั่งนี่ก็แปลกนะครับถ้าเป็นคนไทยคงต้องตายกันไปข้าง  ทำนองด่าพ่อล่อแม่ยังพอคบล่วงเกินเมียที่เคารพ....?  เพลงเดอะทวิสต์ผมไม่รู้จักเลยครับ  แต่เพลง ชูก้า ชูก้า  เคยได้ฟังครับ  ฮันนี่ ฮันนี่  เพลงน่ารักดีครับฟังง่ายๆ  ผมยังเคยแปล แคนดี้เกิร์ล  แบบล้อเพื่อนสาวว่า  ยายฟันหลอเพราะชอบทานลูกอม 

นักกีตาร์นอกจาก มาร์ค นอฟเลอร์ แล้ว ก็ อีริค แคลปตัน นี่ล่ะครับ  แต่เล่นยากชะมัดเพลงที่เล่นได้ง่ายหน่อยก็เพลงนี้ล่ะครับ wonderful tonight เพลงที่อยากแปลว่า  ค่ำคืนที่สุดวิเศษ  ไม่ทราบว่าสุภาพสตรีในเพลงจะเป็นสาวผมบลอนด์คนที่คุณกุ้งพูดถึงหรือเปล่าครับ
http://www.youtube.com/watch?v=F44BcGjIbAA

Wonderful Tonight by Eric Clapton

It's late in the evening
She's wondering what clothes to wear
She puts on her make up
And brushes her long blonde hair
And then she asks me
Do I look alright
And I say yes, you look wonderful tonight

We go a party
And everyone turns to see
This beautiful lady
That's walking around with me
And then she asks me
Do you feel alright
And I say yes, I feel wonderful tonight

I feel wonderful
Because I see the love light in your eyes
And the wonder of it all
Is that you just don't realize
How much I love you

It's time to go home now
And I've got an aching head
So I give her the car keys
She helps me to bed
And then I tell her
As I turn out the light
I say my darling, you were wonderful tonight
Oh my darling, you were wonderful tonight
[/color]


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 03 พ.ย. 08, 16:35
ใช่ค่ะ เพลงนี้อีกเพลงที่เอริค แต่งให้สุดที่รักของเขา อันหมายถึงแพทตี้ บอยด์ ในช่วงเวลาอันหอมหวานที่ใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ในที่สุดก็แยกทางกันอยู่ดี เพราะเอริคไม่เลิกดื่ม แพทตี้บอกว่าวันละสองขวด ที่แน่ๆคือยังไม่รวมยาเสพติดพ่วงไปด้วย และผู้หญิงที่เปลี่ยนหน้ามา ขนาดแอบไปมีลูกสาวกับนางแบบ แพทตี้ยังไม่ทราบเลยจนวันหนึ่ง
แพทตี้ มีความฝันของตัวเองที่ต้องการจะเป็นแพทตี้ บอยด์ ไม่ใช่มิสซิสแคลปตัน หรือมิสซิสแฮริสัน คนสวยคนงามเดินตามสามีต้อยๆ
แหม ก็สาวยุคแสวงหานี่คะ
เธอเป็นคนมีหัวศิลปิน นอกจากจะแต่งตัวได้เก๋แล้ว ยังถ่ายรูปสแนปช็อตได้ดีด้วย รูปของเธอที่สะสม เป็นภาพฝาละมีคนดังทั้งสองในอิริยาบถต่างๆ ที่หลุดๆ แต่มีคอมโพสิชั่นลงตัว เป็นธรรมชาติ ขาวดำเสียด้วย
จำนวนมากพอที่จะเปิดนิทรรศการได้ และเมื่อมีสามีใหม่ที่เป็นช่างภาพด้วยแล้ว แพทตี้ก็ค้นพบความสุขจากงานช่างภาพ
แต่ที่ทำให้รวยไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ เขียนหนังสือสิคะ เขียนชีวิตรักทั้งสองครั้ง กับสองสามีที่มีแฟนดนตรีจำนวนมหาศาล และเมื่อเป็นประสบการณ์ตรงๆที่ใครไม่เจอ ก็เขียนไม่ออก ชาวบ้านนิสัยชอบเรื่องคนดังอยู่แล้วก็อยากอ่าน ว่า Wonderful Today
สิ่งที่แทรกมาคือเรื่องราวของชีวิตสี่เต่าทอง ยาเสพติด เรื่องของเอริค มือกีตาร์ระดับโลก..ความรักกับคนดังในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย คนยิ่งชอบเสพ
โดยเฉพาะคนอเมริกัน
ล่าสุด เอริคเขาก็เขียนหนังสืออกมาเล่มหนึ่งเหมือนกัน ออกแนวลงโทษตัวเองทุกอย่างในเหตุการณ์สำคัญๆของชีวิต
...
เอริคมีเพลงที่เขียนเรียกความสะเทือนใจอีกเพลง คือน้ำตาในสวรรค์ แต่งร่วมกับวิล เจนนิ่งส์ให้กับลูกชายคอนเนอร์ จากภรรยาอีกคน ที่ตกตึก53 ชั้นลงมา และเสียชีวิตตอนสี่ขวบ จุดนี้ ทำให้ชีวิตซังกะตายของเขาเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง
ท่อนแรก เอริคเขียนเองว่า
would you know my name
if i saw you in heaven
 


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 03 พ.ย. 08, 17:06
เสน่ห์หนึ่งของแพทตี้นอกจากความงามภายนอก ก็คือความเป็นเด็กดีของเธอ เป็นใครยุคนั้น หนึ่งในสี่เต่ามาขอเดท เชิญเข้าไปพบในเทรลเลอร์ (ดาราดังๆจะมีที่พักการถ่ายทำส่วนตัว เป็นเหมือนโบกี้รถไฟส่วนตัว หรือรถตู้ที่พร้อมสรรพ มีทั้งห้องแต่งตัว บาร์เหล้า และเตียงนอน
อึ๋ยย์ น่ากัวมั่กๆ..)
แพทตี้ อายุแค่ยี่สิบ หรือสิบเก้าโดยประมาณ ไม่ยินยอม ตอบปฏิเสธ
จอร์จงง
ด้วยความอยากเอาชนะ จึงเกิดปฏิกริยาพิเศษ แบบปรัชญารักไทยๆสมัยพล นิกร กิมหงวน ว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกไงล่ะคะ
แพทตี้ก็ตอบไปว่า ชั้นมีบอยเฟรนด์แล้วค่ะ
จอร์จหน้าหงาย
หึหึ
เพื่อนสาวของแพทตี้รู้เข้า กรี๊ดสนั่น บอก เธอจะบ้าเรอะ..
ทิ้งหมอนั่นเดี๋ยวนี้..



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 03 พ.ย. 08, 17:51
จอร์จแสดงความจริงใจทุกอย่าง พาไปพบครอบครัว เทียวไล้เทียวขื่อ ตามตื๊อตลอดศก ถ้าเป็นสมัยนี้ อาจโดนข้อหาในฐานะเป็นstalkerก็ได้ ได้ระยะหนึ่งแพทตี้ก็เห็นใจ ยอมรับแหวน.. แม้จะอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องเป็นราวก็ตาม
ก็ยังไม่ได้จดทะเบียน เนื่องจาก ผู้จัดการตัวดี (ส่วนใหญ่ มักเป็นผู้ร้ายเสมอ) คือ ไบรอัน เอปสตีน แนะนำว่าให้ใครรู้ม่ายด้าย จะเสียความนิยม
แต่เธอก็เป็นมิสซิสแฮริสันตัวจริงมานาน
อยู่บ้านทำกับข้าว ทำงานบ้าน ดูแลสามี
ที่ดูเหมือนจะเป็นความผิดพลาดหนึ่งของชีวิต คือเป็นเธอนี่เอง ที่ชักนำให้จอร์จ ไปรู้จักกับโยคีรุงรังที่อินเดีย
จอร์จซึ่งแสวงหาสิ่งที่ในใจขาดมาตลอด..ต้องการสิ่งทดแทน ก็เกาะหมับ คิดว่า นี่ละ คือปรัชญาตะวันออกอันลึกซึ้งแล้ว
เต่าทองอื่นๆ เขาก็ไม่ได้เป็นมากเท่าจอร์จ
.. แพทตี้ก็เลยเริ่มเซ็ง
และเซ็งสุดๆก็ตอนที่เจอเอริค ซึ่งเป็นคนเก่งคนหนึ่ง สนิทสนมกับจอร์จมาก รู้ทั้งรู้ว่าเขาชอบเธอ เธอก็ไม่เคยสวมเขาให้ แต่พอเอริคสารภาพความในใจกับจอร์จตรงๆในคืนนั้น แทนที่จอร์จจะเห็นคุณค่าเธอ กลับบอกเอริคว่า
ยูจะนอนกับหล่อนก็ได้ แต่ต้องสลับ เอาแฟนยูมาให้ไอคืนนี้
เฮ้อ พูดไปได้..
-----
เรื่องต่างๆเหล่านี้ แพทตี้เก็บงำมาสี่สิบปี ไม่เคยเขียน ไม่อยากเอาสามีมาหากิน ถึงจะหย่ากับคนระดับสองศิลปินดังของโลก ก็ไม่เรียกร้องกะฟันจนตั้งตัว เรียกว่า ไปตามใจปรารถนา เพื่อศักดิ์ศรี และตัวตนแท้จริง
และแม้กระทั่งเขียนอะไรออกมา ก็เป็นบันทึกเรื่องจริงของเธอ
หากพาดพิงคนอื่นให้เสียหาย ก็เลี่ยงๆ หรือต้องไปขออนุญาต เช่นในต้นฉบับเดิม ไม่เอ่ยชื่อมอรีน สตาร์สกี้ ภรรยาของริงโก้ แต่ก่อนพิมพ์ ก็โทรไปปรึกษาริงโก้ ริงโก้ก็ว่า เขียนไปเหอะ มอรีนตายไปแล้ว มันเป็นเรื่องจริง
ดิฉันว่า ไม่ง่ายเลยค่ะ ที่จะเขียนเรื่องเหล่านี้ออกมาอย่างมีคลาส และชั้นเชิง


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 03 พ.ย. 08, 22:33
อิอิ....เรื่องแฉในวงการมายาก็เป็นเรื่องที่ขายดี  และสร้างชื่อเสมอจนเป็นอมตะในทุกประเทศ  และเรื่องที่ดีที่สุดในความกระสันอยากรู้ของมวลมนุษย์ก็คงไม่พ้นเรื่องบนเตียง.......อิอิ  แต่ผมไม่เคยเสียเงินกับเรื่องนี้แน่นอน  เพราะถือว่าเป็นแค่เรื่องปกติของมนุษย์  ส่วนมากจะเสพผลงานไม่เน้นเรื่องการใช้ชีวิต  แต่ความสับสนและเรื่องราวดีร้ายต่างๆนี่หละที่รังสรรผลงานชั้นยอดของศิลปินได้เสมอ  ตอนแรกที่ได้ยินเพลงนี้ยังสงสัยเลยครับว่าหมายถึงอะไร "จะจำชื่อฉันได้ไหม  ถ้าฉันเจอเธอที่สรวงสวรรค์"  ที่ไหนได้เขียนถึงลูกชายนี่เอง

พูดถึง จอร์จ ผมชอบอยู่เพลงนึงเสียงกีตาร์ตอนขึ้นอินโทร  ทำให้ผมสนใจและเลยชอบฟังมากที่สุดในกระบวนผลงานหลายชิ้นของจอร์จ  ดนตรีสนุกดีครับ  ไม่ทราบว่าคุณกุ้งรู้จักเพลงนี้หรือเปล่าครับ  และสาวที่เขาพยายามจะชนะใจในเพลงนี้  เป็นสาวคนเดิมหรือเปล่าครับ......... :P

http://www.youtube.com/watch?v=S2oFESUMWhU

"What Is Life"
George Harrison

What I feel, I can't say
But my love is there for you anytime of day
But if it's not love that you need
Then I'll try my best to make everything succeed

Tell me, what is my life without your love
Tell me, who am I without you, by my side

What I know, I can do
If I give my love now to everyone like you
But if it's not love that you need
Then I'll try my best to make ev'rything succeed

Tell me, what is my life without your love
Tell me, who am I without you, by my side
Tell me, what is my life without your love
Tell me, who am I without you, by my side

What I feel, I can't say
But my love is there for you any time of day
But if it's not love that you need
Then I'll try my best to make everything succeed

Tell me, what is my life without your love
Tell me, who am I without you, by my side
Oh tell me, what is my life without your love
Tell me, who am I without you, by my side

What is my life without your love
Tell me, who am I without you, by my side

(fade:)
Oh tell me, what is my life without your love
Tell me who am I without you by my side
[/color]


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 05 พ.ย. 08, 21:24
กว่าจะเขียนเพลงนี้ออก ก็น่าจะสายไปเสียแล้วสำหรับจอร์จ..
เพราะยาเสพติด การมั่วหญิง ความมึนเมาในลัทธิโยคี มันเป็นชีวิตประจำวันของคนมีชื่อเสียงอย่างจอร์จ
เอริคเอง ก็ใช่ย่อย ถ้าเพียงแต่เขาจะมีข้อเสนอที่ดี ว่าระหว่างจอร์จ กับผม คุณจะเลือกใคร ในเวลาที่เหมาะเหม็งสักหน่อย แพทตี้ก็คงไม่ยึดเหนี่ยวอยู่กับสามี ตามประสาภรรยาที่น้ำอดน้ำทนสูงด้วยความรักลึกซึ้งท่วมท้นได้นาน
มีอย่างที่ไหน ดันยื่นคำขาดว่า
"เลิกกับจอร์จซะ คุณไม่มีความสุข มาอยู่กับผมนะ ไม่งั้น.."พร้อมกับยกผงสีขาวๆให้ดู"ผมจะเริ่มใช้เฮโรอีนละ"
บ้าไปแล้ว..
ให้ผู้หญิงกลายเป็นทางเลือกระหว่างเฮโรอีนกับเธอ
เอริคซื่อบื้อ..


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 06 พ.ย. 08, 06:47
นางแบบระดับแมรี่ ควอนท์เนี่ยนะ เอาไปเทียบกับเฮโรอีน เรื่องของเรื่อง เอริครักตัวเองมากกว่ารักผู้หญิง และก็มีความหลงตัวเองไม่น้อยกว่าจอร์จ ตอนนั้นเอริคมีชื่อเสียงมากอยู่แล้ว ในปี 1970 ขณะเดินด้วยกันบนถนนออกซ์เฝิร์ด ซึ่งขาช็อปลอนดอนรู้จักกันดี เขาถามแพทตี้ว่า เออ ที่คุณคบผมนี่เพราะผมดังหรือเปล่า แพทตี้ตอบว่า เอ ก็อยากจะถามคุณเหมือนกันว่า ที่คุณมาชอบชั้นน่ะ เพราะชั้นดังหรือไง..
เป็นอันว่าทันกัน
เรื่องยาเสพติดยุคนั้น ที่โด่งดังมักจะเป็นโคเคน เฮโรอีน อัพเปอร์ และดาวน์เนอร์ ดิฉันเองก็ไม่ทราบว่าทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นไง แต่แพทตี้บอกว่า วันหนึ่งโดนแฟนของหมอฟันแอบใส่แอลเอสดีลงในถ้วยกาแฟทุกคน เล่นเอาเข็ดกันไปนาน
แอลเอสดี คือที่มาของเพลง ลูซี่ อินเดอะสกาย วิธไดมอนด์ค่ะ
เอริคเป็นคนที่กลัวเข็มฉีดยามาก การเสพของเขาทำให้เขาหายจากชีวิตของแพทตี้ไปสามปี จนมาพบกันใหม่ ชีวิตครอบครัวกับจอร์จสุดหล่อง่อนแง่น เอริคกำลังจะไปแสดงคอนเสิร์ทที่ไหนสักแห่ง
ความประทับใจในเพลงเลย์ล่ายังคงอยู่ เอริคก็ยังเล่นเพลงนี้เสมอๆ มันไม่เลือนไปจากใจเขา
ยามที่แพทตี้วนเวียนในแวดวงในฐานะภรรยาเต่าทอง แพทตี้แนะนำน้องสาวของเธอชื่อพอลล่าให้เอริครู้จัก จากนั้น ทั้งคู่ก็ไปอยู่ด้วยกัน และในที่สุดก็เลิกกันเมื่อพอลล่ารู้ว่าเพลงเลย์ล่า มันเกิดขึ้นเพราะใคร
เป็นใครก็ต้องเลิกค่ะ 



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 06 พ.ย. 08, 10:53
อันว่าสิ่งเสพติดนั้น ไม่มีอะไรดี คนรุ่นใหม่เขาไม่ทำกัน คนรุ่นเก่าๆเขาก็เฝ้าเพียรบอก ว่าเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปตอนนั้น และไม่ใช่ว่างานดีๆจะเกิดจากสิ่งเสพติดเสมอไป เอริค ก็ทำงานได้ดี เมื่อตัดขาดได้ แม้จนวันนี้ ยังมีดารา นักร้อง จบชีวิตไปแบบไม่รู้สาเหตุก็เพราะใช้ยาเกินขนาด น่าเสียดาย
จิม มอริสันเป็นคนหนึ่งละ
อย่างไรก็ตาม ได้ยินชื่อเพลง โคเคนครั้งแรก ดิฉันสะดุ้งนิดๆ
อื้อหือ กล้าตั้งชื่อชัดขนาดนั้นเชียวหรือ
เพลงนี้ไม่ใช่เอริคแต่งค่ะ แต่เป็นนักดนตรีรุ่นพี่ชาวอเมริกันที่แต่งไว้ เขาชื่อ เจเจ คาล หรือชื่อเต็มว่า ฌอง ชาค คาล
เอริคนั้นชอบไปสุงสิงกับเจเจคาล เมื่อเริ่มร้องเพลงใหม่ๆ ก็หยิบเพลงโคเคนและ หลังเที่ยงคืน ของคาลมาเล่นจนดัง
เขาหวนกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง ในอัลบั้ม“THE ROAD TO ESCONDIDO”
เอริคบอกว่า
"This was the realization of what may have been my last ambition, to work with the man who's music has inspired me for as long as I can remember, there are not enough words for me to describe what he represents to me, musically and personally, and anyway I wouldn't want to embarrass him by going overboard, for he is a truly humble man.....I think it's enough to say that we had fun, made a great record, and I for one already want to make another,"


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 06 พ.ย. 08, 11:14
ย้ายฟากไปอเมริกาบ้าง จิม มอริสัน ตำนานร็อคของอเมริกัน เจ้าของหน้าตาหล่อลึก(ไม่ใช่หล่อเล็ก) นอกจากเพลงlight my fireที่ใครต่อใครเอามาร้องกันมากมาย ยังมี hello I love you และอีกหลายเพลง
เพลงนี้ค่ะ คนที่เป็นแฟนคนเขียนเพลง ขอให้เขียนถึงหน่อย
ดิฉันก็ไม่รู้อะไรมากมาย นอกจากเมื่อช่วงที่เครื่องเสียงแข่งกันขายโฮมเธียเตอร์ สิบกว่าปีก่อนนั้น เราทำโฆษณาให้ kenwood แล้วเลือกเพลงนี้มาทำหนัง แต่ไม่สะใจเล้ย ลูกค้าไม่มีงบมากพอ โธ่ หลอกให้เราคิดเกือบตาย
เปิดเพลงขึ้นมาด้วยเสียงฝนตก เสียงดนตรี และพายุกระหน่ำ สมัยนั้น เขาไม่ได้เล่นเอ็ฟเฝ็คเพียบอย่างสมัยนี้หรอกนะคะ
เพลง riders on the storm ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=SMvfAYEaE8c
เพลงสุดท้ายของจิม มอริสัน
ที่แทรกเรื่องราวของฆาตกรโหดนักโบกรถ บิลลี่ คุก
 


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 07 พ.ย. 08, 00:54
ไม่นึกว่าคุณกุ้งจะชอบศิลปินสไตล์นี้ด้วย  จิมศิลปินขี้เมาและเดอะดอร์ส  ครับนักดนตรียุคนี้เป็นระบบฝีมือล้วนๆ  ไม่มีเทคนิคอื่นๆมาช่วยในเรื่องเอฟเฟค  อย่างจิมมี่ เฮนดริก หรือ เจฟ เบค นี่ก็จะใช้กีตาร์ทำเลยครับ  แต่หาการแสดงสดของรุ่นนี้ยากมาก

เพลงของจิม  เหมือนคนบ่นหรือรำพึง  เนื้อหาแฝงปรัชญายากที่ผมจะแปล  อย่างเพลงนี้ครับ ชื่อ The end คนชอบสไตล์นี้จริงๆถึงชอบฟังครับ  แต่พรรคพวกส่วนมากของผมไม่ค่อยชอบ  แต่ผมฟังได้เรื่อยๆครับ......... :P
http://www.youtube.com/watch?v=M0PcQhliXU4

The Doors
The End

This is the end
Beautiful friend
This is the end
My only friend, the end

Of our elaborate plans, the end
Of everything that stands, the end
No safety or surprise, the end
I'll never look into your eyes...again

Can you picture what will be
So limitless and free
Desperately in need...of some...stranger's hand
In a...desperate land

Lost in a Roman...wilderness of pain
And all the children are insane
All the children are insane
Waiting for the summer rain, yeah

There's danger on the edge of town
Ride the King's highway, baby
Weird scenes inside the gold mine
Ride the highway west, baby

Ride the snake, ride the snake
To the lake, the ancient lake, baby
The snake is long, seven miles
Ride the snake...he's old, and his skin is cold

The west is the best
The west is the best
Get here, and we'll do the rest
 
The blue bus is callin' us
The blue bus is callin' us
Driver, where you taken' us

The killer awoke before dawn, he put his boots on
He took a face from the ancient gallery
And he walked on down the hall
He went into the room where his sister lived, and...then he
Paid a visit to his brother, and then he
He walked on down the hall, and
And he came to a door...and he looked inside
Father, yes son, I want to kill you
Mother...I want to...fuck you

C'mon baby, take a chance with us
C'mon baby, take a chance with us
C'mon baby, take a chance with us
And meet me at the back of the blue bus
Doin' a blue rock
On a blue bus
Doin' a blue rock
C'mon, yeah
Kill, kill, kill, kill, kill, kill
This is the end
Beautiful friend
This is the end
My only friend, the end
It hurts to set you free
But you'll never follow me
The end of laughter and soft lies
The end of nights we tried to die
This is the end


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 08 พ.ย. 08, 01:25
http://www.youtube.com/watch?v=_-2TNXqEP-Y&feature=related

Riders on the storm
Riders on the storm
Into this house were born
Into this world were thrown
Like a dog without a bone
An actor out alone
Riders on the storm

ท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนอง
คนขับรถทั้งหลาย
ที่กำเนิดมาในบ้านหลังนี้
เหวี่ยงร่อนไปมาในโลกใบนี้
ฉวัดเฉวียนเหมือนสุนัขไร้กระดูก
โดดเดี่ยว เหมือนเล่นโชว์เดี่ยว
เผชิญเส้นทางท่ามกลางพายุ

There's a killer on the road
His brain is squirmin like a toad
Take a long holiday
Let your children play
If ya give this man a ride
Sweet memory will die
Killer on the road, yeah
มีฆาตกรบนถนน
หัวสมองเต้นกระตุกเหมือนหนังคางคก
รอเวลาวันหยุดยาว
ที่เหยื่อพาเด็กๆไปเที่ยว
ถ้าคุณเผลอรับชายคนนี้ขึ้นมา
อดีตอันแสนหวานจะดับดิ้น
ด้วยฝีมือไอ้ฆาตกรบนถนนนั่น


Girl ya gotta love your man
Girl ya gotta love your man
Take him by the hand
Make him understand
The world on you depends
Our life will never end
Gotta love your man, yeah
สาวๆเอ๊ย จงรักสุภาพบุรุษของคุณ
ดูแลเขาให้ดี
ทำให้เขาเข้าใจ
โลกนี้ขึ้นอยู่กับคุณ
แล้วชีวิตของเราจะไม่มีวันสูญสิ้น
รักเขาให้มากนะ สาวเอย


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 09 พ.ย. 08, 08:01
มีเกร็ดที่น่าสนใจจากเพลงนี้ค่ะ คุณบานา
เนื้อหาของเพลงถือกันว่า จิม ได้รับอิทธิพลจากฆาตกรนักโบก ที่เป็นอดีตคนคุก หลุดออกมา แล้วทำทีเป็นโบกรถ พอครอบครัวหนึ่งรับ ก็จัดการฆ่าหมู่ทั้งพ่อ แม่ เด็กรวมห้าศพ เป็นเรื่องราวใหญ่โต และไม่ใช่แค่กรณีเดียว
ยังมีอีก จนถูกจับได้และรับโทษประหารชีวิตด้วยการรมแกสไปในที่สุด นักวิจารณ์ว่าติดคุกตลอดชีวิตยังน้อยไป
แต่มีอีกหลายคนเล่าว่า เป็นสัญลักษณ์ของตัวจิม ที่เปรียบตัวเขาเองเป็นนักซิ่งท่ามกลางพายุ ซึ่งเหมือนอยู่ระหว่างชีวิตกับความตาย เขียนเพื่อคนรักของเขาที่ชื่อแพมเมล่า
แพมเมล่าคือสาวที่อยู่กับเขาวันที่เสียชีวิตที่ปารีส นัยว่า เสพยาเกินขนาด แล้วบ่นว่าร้อนมาก อยากอาบน้ำ เลยตายในอ่างน้ำ
แพมเมล่าเสียชีวิตในอีกสามปีต่อมา
บางคนก็เล่าว่า สมัยที่จิมเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐฟลอริดา แล้วต้องโบกรถไปหาคนรักเสมอๆ เผชิญความเหงา มืด ภัยบนถนนต่างๆนานา
ray manzarek หนึ่งในเดอะ ดอร์ส์ เป็นมือเปียโนไฟฟ้าที่ทำเสียงฝนด้วยเปียโนของเขา
ทำได้บรรยากาศดีมากเลยค่ะ
robby kreiger สมาชิกหนึ่งของวง เล่าว่าจิมได้แรงบันดาลใจมากจากเพลง "(Ghost) Riders in the Sky: A Cowboy Legend"
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ อิทธิพลจากอุบัติเหตุซึ่งถือเป็นโศกนาฏกรรมหนึ่งที่คนขับรถเร็วไร้าเหตุได้ชนรถบรรทุกของชาวพื้นเมืองเผ่านาวาโฮ เสียชีวิตทั้งคัน เตือนพวกขับรถที่ใช้ความเร็วสูงทั้งหลาย

การวางโครงของชื่อและคำร้อง จิมได้แรงบันดาลใจจากกวีชาวฝรั่งเศสชื่อ ลวี อารากง ชื่อ riders of the hurricane


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 10 พ.ย. 08, 11:26
มีอีกเรื่องเล่าว่า สมัยจิม มอริสันยังเด็ก เขาตามพ่อแม่ไปเที่ยว ขณะที่ผ่านอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่รัฐนิวเม็กซิโก จิมได้รับแรงสั่นสะเทือนจากอุบัติเหตุครั้งนั้นมาในมโนสำนึก ว่ากันว่าเป็นรถชนรถบรรทุกชาวพื้นเมืองอเมริกัน คนมุงกันฟังไม่ได้ศัพท์ ภาพของสีแดง และร่างกายคนเกลื่อนกลาดติดมาในตัวเขาได้อย่างไรไม่ทราบ จิมเองเหมือนรับรู้ถึงวิญญาณใครสักคนหนึ่งที่ร่อนเร่อยู่ตรงนั้น หลอกหลอน ทำให้เขาเขียนถึง riders on the storm ขึ้นมา
ตอนที่เรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ เขาพบกับเรย์ และรอนนี่ ทั้งคู่เก่งมาก เรย์เป็นมือเปียโนไฟฟ้าของเพลงนี้ และรอนนี่ ก็เล่นกีตาร์ ฟังเพลงนี้ซึ่งยาวถึง 7 นาที คุณจะได้เสพรสชาติของดนตรี อย่างไม่เบื่อหน่าย เต็มเหยียด
ตอนที่ทำเพลง โพรดิวเซอร์เจ้าประจำบ่นว่า ทำทำไม ตั้งเจ็ดนาที ดีเจไหนมันจะยอมเปิดให้
แต่จิมไม่สน ไม่ทำ ก็เปลี่ยนโพรดิวเซอร์ได้
เพลงนี้จึงเป็นเพลงไม่กี่เพลงที่คงความยาวเอาไว้ จนกระทั่งมีเสียงเรียกร้องว่า ช่วยทำเวอร์ชั่นสั้นมาหน่อยได้ไหม จะได้เปิดแผ่นได้
แต่ยังไงก็ตามผู้ฟังก็ตามขอฟังเวอร์ชั่นเต็มกันค่ะ เพราะได้อรรถรสทางดนตรี ทั้งจากเสียงน้ำ เสียงฝน เสียงพายุ และการโซโลที่สุดยอด
รอนนี่ขึ้นระดับครูก็จากเพลงนี้
...
หลายคนกล่าวขวัญถึงฝีมือกวีของจิมว่า ถ้ายัยแพมเมลาแกไม่คอยหยิบยื่นยาเสพติดต่างๆนานาให้จิม ป่านนี้ เราอาจะยังได้ฟังเพลงดีๆของเขามากกว่านี้ก็ได้ เรื่องของเรื่องมันทั้งซับซ้อนซ่อนปม จิมเองเคยพูดเปรยๆว่า ผมเป็นหมายเลขสาม
ให้ตีความกันว่า การตายของเขานั้น เช่นเดียวกับจิมมี่ เฮนดริกซ์ และเจนิส จัปลิน ..นั้น เพราะทั้งคู่เป็นแอคทิวิสต์ ในยุคที่การระบายสีคอมมิวนิสต์ของรัฐบาลอเมริกันเฟื่องฟู เพราะยุคนั้น มีความพยายามที่จะกำจัดใครก็ได้ที่มีอิทธิพลกับมวลชนในด้านความคิดต่อต้านสงคราม
แต่จริงๆแล้ว สาเหตุที่แท้จริง ดูเหมือนจะเป็นเพราะเสพยาเสพติดเกินขนาดกันเสียทั้งนั้น
คนก็เลยไม่ค่อยแยแสกัน


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 10 พ.ย. 08, 11:38
กลับไปที่จอร์จ กับเอริคค่ะ
เพลง while my guitar gently weeps เป็นอีกเพลงที่จอร์จ แฮริสัน แต่งขึ้น จอร์จมักจะโดนจอห์น เลนนอน เพื่อนร่วมวงที่อีโก้จัด แซวอยู่เสมอ เพลงนี้เมื่อทำเดมโมเสร็จ จอห์นได้ฟังก็อึ้ง แต่ไม่วายปากเสีย ไม่ชอบ ไม่ชื่นชมอีกน่ะแหละ
แต่พอลไม่ใช่อย่างนั้น พอลเล่นคีย์บอร์ดให้เลย
แต่ความเด่นของเพลงต้องเป็นกีตาร์ ก็ชื่อมันก็บอกโทนโท่อยู่แล้วนี่คะ ว่าเมื่อกีตาร์ของฉัน ร้องไห้ อย่างนิ่มๆ
จอร์จแต่งไป ก็รู้ว่า คนที่จะเล่นกีตาร์สำเนียงนี้ได้สำหรับเขาแล้วคือเอริค แคลปตันเท่านั้น
ไปชวนเอริคมาเล่นดีกว่า
ครีเอทีฟก็งี้ค่ะ เขียนสป็อตเสร็จ ก็รู้ว่า ฟิลลิ่งแบบนี้ จะให้ใครอ่าน ขืนยัดเยียดเสียงตัวเอง คงไม่ได้
และบางที เมื่อเราทำเพลง แล้วต้องทั้งร้อง ทั้งเล่นไปด้วย มันต้องแยกประสาท ทำให้สมบูรณ์ทั้งสองอย่าง บางครั้ง มันก็ทำไม่ได้ ยังไม่เก่งพอ
จอร์จเลยไปเอาเอริคมาเล่น
เอริคเต็มใจสุดๆ ออกเงิน เดินไปซื้อกีตาร์ใหม่ตัวหนึ่ง เข้าสตูดิโอมาเล่น เล่นเสร็จ ยกให้เพื่อน คือจอร์จเลย
ป่านนี้ กีตาร์ตัวประวัติศาสตร์นั้น ถูกอีหยิบ หายไปเรียบร้อย...


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 10 พ.ย. 08, 13:59
http://www.youtube.com/watch?v=0ITrQXES8kU&feature=related

WHILE MY GUITAR GENTLY WEEPS
written by George Harrison

ฉันมองเธอ สิ่งที่เห็น เป็นเพียงความรักที่หลับไหลอยู่
ในขณะที่กีตาร์ฉันร่ำไห้อย่างแผ่วเบา
ฉันมองพื้น ก็รู้ว่าถึงเวลาต้องปัดกวาดเสียที
ถึงกระนั้น กีตาร์ของฉันก็ยังคร่ำครวญ
ไม่รู้เลยว่า ทำไมไม่มีใครบอกเธอถึงวิธีเผยความรัก
ไม่รู้เลยว่า มีคนควบคุมเธออยู่ได้อย่างไร
พวกเขาทั้งซื้อ และขายเธอแล้ว

I look at you all see the love there that's sleeping
While my guitar gently weeps
I look at the floor and I see it needs sweeping
Still my guitar gently weeps
I don't know why nobody told you how to unfold your love
I don't know how someone controlled you
They bought and sold you.

ฉันเฝ้ามองโลก และเริ่มรู้สึกว่ามันกำลังหมุน
ขณะที่กีตาร์ของฉันร่ำไห้อย่างนุ่มนวล
ทุกความผิดที่ฉันทำ ฉันกำลังเรียนรู้มัน
แม้แต่กีตาร์ก็ยังร้องไห้
ฉันไม่รู้ว่า เธอเบี่ยงเบนไปได้อย่างไร
เธอหลงผิดด้วยนะ
ฉันไม่รู้ว่าเธฮแปรเปลี่ยนไปได้อย่างไร
ไม่มีใครเตือนเธออีกแล้ว

I look at the world and I notice its turning
While my guitar gently weeps
With every mistake we must surely be learning
Still my guitar gently weeps
I dont know how you were diverted
You were perverted too
I dont know how you were inverted
No one alerted you.

เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน เอริคมายืนเล่นกีตาร์ให้กับความหลังฝังใจในเพลงนี้ของจอร์จ ความหลังมันฝังอยู่ในอดีต ไม่ว่าจอร์จจะให้สัมภาษณ์ว่าเขาได้แรงบันดาลใจมาจากไหน ดิฉันก็คิดว่า มันน่าจะเป็นความตึงเครียดระหว่างเขากับแพทตี้นั่นแหละ จะรู้หรือไม่ไม่มีใครบอกได้ว่า ตอนนั้น เขาค้นพบรักอำพรางของเอริคหรือยัง




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 10 พ.ย. 08, 15:26
เอริค เป็นเพื่อนรักที่ถูกอัธยาศัยกับจอร์จ เอริคเคยให้สัมภาษณ์หนังสือผู้ชาย เอสไควร์เรื่อง " What I 've learned"
สิ่งที่เขาเสียใจที่สุดในชีวิต มีหลายเรื่อง รวมถึงเข้าไปล่วงล้ำชีวิตแต่งงานของจอร์จ แฮริสัน

I have regrets, obviously. Countless. One of the great regrets was getting involved with George Harrison’s marriage. What is that fabulous song that Dylan plays? “Don’t go mistaking paradise for that home across the road.” I don’t know what inspired that song, but my experience is exactly what it’s about.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 10 พ.ย. 08, 22:54
อิอิ.....มัวแต่เกี่ยวข้าวไม่ได้เข้ามาซะนาน  เนื้อหาคุณกุ้งเพียบเลย  เพลงกีตาร์สะอื้น(สำนวนผมเอง)เป็นเพลงที่คนชอบจอร์จต้องชอบเพลงนี้ด้วย  แน่นอนครับซาวน์ดโดยรวมไม่มีสำเนียงของบีทเทิ้ลเลย  นอกจากเสียงร้อง  หลายเพลงของจอร์จทำให้ผมทึ่งในความสามารถของบีทเทิ้ล  เพราะทุกคนในวงมีความสามารถจริงๆและมีความแตกต่างกันมากด้วย  แต่เข้าก็มารวมกันสร้างตำนานระบือโลกได้ลงตัว

จิม , จิมมี่ หรือศิลปินอื่นๆเป็นไอดอลในด้านฝีมือและก็ยังเป็นตัวอย่างเรื่องยาเสพติดด้วย  คนรุ่นหลังที่ต้องมาเสียผู้เสียคนกับยาก็เยอะ  เพราะหลงใหลทั้งเสียงเพลงและเอาอย่างทั้งการเสพยา  ซึ่งน่าเสียดายจริงๆ  ส่วนเรื่องของแพทตี้  ได้แต่ปลงครับ  ไม่รู้จะโทษใครเพราะพอกันทั้งสามคน(แต่คุณแพทตี้ก็สวยเซ็กซี่ระเบิดจริงๆ) ..........อิอิ

มีเพลงนึงของจอร์จผมชอบฟังและชอบเล่นกีตาร์  ชื่อเพลง dark sweet lady คงไม่ได้แต่งให้แพทตี้อีกนะครับ
http://www.youtube.com/watch?v=AkFRF_EuGUA

: Dark Sweet Lady
George Harrison
 
My dark sweet lady
You really got to me
You gave me everything
I've really fallen.

You came and helped me through
When I'd let go
You came from out the blue
Never have known what I'd done without you.

My dark sweet lady
Your heart so close to mine
You shine so heavenly . . . and
I love you dearly.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 11 พ.ย. 08, 09:54
http://www.youtube.com/watch?v=Q4nMCiApJCk&feature=related

เป็นมิวสิควิดีโอเพลง something ค่ะ
จะเห็นตัวละครสำคัญทั้ง 8 ของวงสี่เต่าทองได้อย่างดี ตั้งแต่แพทตี้ จอร์จ ริงโก้ มอรีน จอห์น โยโกะ พอล และลินดา
เขาว่ากันว่า บรรดาผู้ชายทั้งหลาย ยังคงเป็นเพื่อนกันได้ ตราบใดที่ไม่เอาบรรดาภรรยาทั้งหลายเข้ามายุ่ง สำหรับกรณีของบีทเติ้ลส์ คนที่ทำให้วงเริ่มแตกสามัคคี ก็คือโยโกะ โอโน ลำพังสูญเสียไบรอัน เอปสตีนไป วงก็เซ็งๆอยู่แล้ว แต่ก็พอประคับประคองกันไปได้
แต่พอสาวตาดำ ผมดำ ท่าเซอร์ก้าวล่วงเข้ามา ความหลงตัวเองของจอห์นก็เลยเป็นสิ่งที่เพื่อนๆทั้งหลายรับไม่ได้
แตกกันไป..
ตอนนั้น รักทำให้ตาบอด
จอห์นไม่แคร์ เพราะโลกของเขา คือโยโกะเท่านั้น

(เกี่ยวข้าวเพลิน ข้าวนาปี หรือข้าว 90 วันคะคุณบานา)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 11 พ.ย. 08, 10:11
http://www.youtube.com/watch?v=fRWiApP053k&NR=1

ส่วนวิดิโอนี้ อุทิศให้กับจอร์จ มีรูปภรรยาคนสุดท้ายที่ชื่อ ออลิเวีย ทรินิแดด อารีอาส ซึ่งมีทายาทร่วมกับเขาชื่อธานี ก่อนการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งของจอร์จด้วย เรื่องของจอร์จไม่ได้จบเศร้าเท่าจอห์นค่ะ แต่ก็เกือบตาย เพราะโดนชายโรคจิตบุกเข้าบ้านจ้วงแทงหน้าอก อาการสาหัสอยู่เหมือนกัน

http://www.youtube.com/watch?v=f8WA5xDqtKY&NR=1
ส่วนเพลงนี้คือ I need you ดูภาพแล้วนึกถึงชีวิตวัยรุ่นช่วงนั้น ถ้าไม่ยุ่งกับยาเสพติดได้ นับว่าเป็นเรื่องดีที่สุด

http://www.youtube.com/watch?v=C_bgVWupPAY&feature=related
เมื่อจอร์จจากไป ครั้งหนึ่งที่เอริค พอล ริงโก้ และธานี ร่วมกันเล่นเพลง while my guitar gently weeps ให้กับผู้เขียนเพลงซึ่งอาจจะฟังอยู่ในอีกมิติหนึ่ง

คุณบานาพูดถึงมือกีตาร์ระดับเทพที่ชื่อ จิมี่ เฮนดริกซ์
ดิฉันนึกถึงเพลงของเขา Little wing ค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 12 พ.ย. 08, 02:10
นั่นล่ะครับความแตกต่างของพวกเขาทั้ง 4 คน  ที่แสดงออกมาในเรื่องรสนิยมเกี่ยวกับคู่ครอง  สาวๆของเขาจะต่างสไตล์กันลิบลับ  ในกระบวนทั้ง 4 คนคนที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับยาน้อยที่สุดเห็นจะเป็นริงโก้  ยังมีเพลงที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ของเขาด้วยชื่อเพลง no no song  เป็นเพลงที่พอฟังได้  แต่ไม่ทราบว่าเพลงนี้ดงหรือเปล่า  และที่เมืองไทยเป็นที่รู้จักกันไม๊ครับ  แต่ยังไง 4 หนุ่มจากลิเวอร์พูลก็เป็นอมตะนิรันดร์กาลที่คงไม่มีใครจะเทียบได้  และวันนี้เขาก็ได้รับรางวัล เวิร์ลมิวสิคอวอร์ด  ในฐานะเพลงที่ขายดีตลอดกาล  ผมแม้จะไม่ใช่แฟนบีทเทิ้ลตัวยงเหมือนคุณพ่อ  แต่จากประวัติและผลงาน(ไม่นับชีวิตและนิสัยส่วนตัว)  ต้องยอมรับล่ะครับว่าเขายอดจริงๆ  เพลงบี้ทเทิ้ลถ้าถามว่าชอบเพลงไหนที่สุด  เพลง I will ครับ  แม้ส่วนตัวผมมันยุค cold play แต่ก็ฟังได้ทุกศิลปินโดยไม่เคยรังเกียจว่าเป็นเพลงประเภทไหนเก่าหรือใหม่

ขอบคุณมากครับสำหรับเพลงที่คุณกุ้งนำมาผาก  ผมชอบ I need you ที่สุด  เพลงนี้ดีจริงๆ

http://www.youtube.com/watch?v=iVGerWFYotQ         NO no song


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 12 พ.ย. 08, 15:37
I NEED YOU
Lyrics:George Harrison

You don't realize how much I need you
Love you all the time and never leave you
Please come on back to me
I'm lonely as can be
I need you

Said you had a thing or two to tell me
How was I to know you would upset me
I didn't realize
As I looked in you eyes
You told me

Oh, yes you told me
you don't want my lovin' anymore
That's when it hurt me
And feeling like this
I just can't go on anymore

Please remember how I feel about you
I could never really live without you
So come on back and see
Just what you mean to me
I need you

Oh, yes you told me
you don't want my lovin' anymore
That's when it hurt me
And feeling like this
I just can't go on anymore

Please remember how I feel about you
I could never really live without you
So come on back and see
Just what you mean to me
I need you
I need you
I need you


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 14 พ.ย. 08, 00:55
ยอมรับว่าหายากสุดๆ  สำหรับการแสดงของ จิมิ  โดยเฉพาะ 2 เพลงที่ผมชอบ hey joe กับ little wing  สิ่งที่ผมอิจฉาคุณกุ้งที่สุดก็คือได้ทันร่วมสมัยกับสุดยอดศิลปินหลายท่าน ......... :-\

Little wing
http://www.youtube.com/watch?v=c_DTdFppN9c


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 14 พ.ย. 08, 11:11
พูดถึงจิมี่
เพื่อนๆร่วมสมัยของดิฉันฝ่ายชายส่วนใหญ่ คลั่งไคล้นายจิมี่มากค่ะ ทั้งการแต่งตัว และเพลงของเขา
ส่วนฝ่ายหญิงก็ไม่ชอบฟัง หาเพื่อนหญิงชอบนายนี่ยากกว่างมเข็มในมหาสมุทร นอกจากพวกที่บ้าแฟชั่นฮิปปี้
และยุคดิฉันมันก็เป็นยุคฮิปปี้เสียด้วย
กางเกงขาบาน ยาว ผมยาวตรง เสื้อทรงแขก โพกผ้ามั่ง ฟูๆ ม่อกๆ ดูเหมือนเหม็นๆ
ที่จุฬา ธรรมศาสตร์ไม่ค่อยมีหรอก ไม่ฟรีพอที่จะแต่งได้เหมือนสมัยนี้ ไปดูได้ที่ศิลปากร แม้จะหาหล่อๆทำยายาก แต่ก็รักที่จะแต่งกันจัง
ดิฉันล่ะ ตื่นตะลึงกับสไตล์การแต่งตัว ลีลากีตาร์ของนายจิมี่ แต่ไม่ได้ชอบแกนัก เบื่อนิดๆด้วยซ้ำ เพราะหนังสือเพลงเอง โปสเตอร์เอย ชอบเอาเขามาลง ไม่ใช่แค่เรื่องเมาแล้วชอบใช้กำลังกับสาวๆหรอกนะคะ ตอนนั้นไม่รู้ ไม่งั้นเกลียดหนัก
แต่เกลียดความหนวกหูค่ะ เพราะแกเจ้าเทคนิค ครีเอทีฟมากกับลีลากีตาร์ ต้องไปคุยกับพวกมิตรรักนักกีตาร์ ซึ่งน้ำลายฟุ้งปลื้มแกแบบบรรยายได้เป็นฉากๆ
ยกเว้นเพลงหวานๆ.. อย่าง little wing ซึ่งฮิตล่วงหน้า ล้ำสมัย ใครมือถึงต้องเล่น
จนคนยุคนั้นหลายคนรับไม่ไหว
แต่เด็กๆหนุ่มๆสมัยนี้ ฟังได้ ถูกใจกันมาก (อาจจะรู้แค่เพลงเดียว)



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 15 พ.ย. 08, 00:51
มีคนเค๊ากล่าวกันนะครับว่า(ไม่ใช่ความคิดผมนะ)  ผู้ชายจะฟังหรือชื่นชอบตามสไตล์ที่ชอบ  คนชอบกีตาร์ก็จะชอบเพลงที่เล่นได้ยาก  หรือทางกีตาร์แปลกๆสะใจ  ชอบความมันก้เอามันเข้าว่าไม่คำนึงเรื่องอื่น  แต่สุภาพสตรีจะมีมากกว่านั้น  ทั้งบทเพลงและตัวศิลปินด้วย(โดยเฉพาะหน้าตา)บุคคลิกภาพจะสำคัญที่สุด  เลยทำให้เอลวิส  ซึ่งมีทั้งสองอย่างพร้อมจึงดังระเบิด  ผมยังเคยนึกเลยนะว่าถ้าเอลวิสไม่หล่อ  หรือบีทเทิ้ลไม่น่ารัก  จะดังปานนี้หรือเปล่า 
แต่สำหรับผมชอบจากการฟัง  เลยไม่ค่อยรู้จักหน้าตาของศิลปิน  มารู้ทีหลังก็ไม่มายด์เพราะบทเพลงสำหรับผมมีไว้ฟัง....อิอิ   แต่สำหรับจิมิ  ผมรู้จักเกือบทุกเพลง  เพราะชอบทางกีตาร์(แต่เล่นตามไม่ได้ดี)  แต่ผมก็ไม่มีทางจะแต่งตัววูดูหรือสไตล์ยิปซีแบบเค๊าแน่นอน  เพราะคงรับตัวเองไม่ได้.......อิอิ  การแต่งตัวทางฝั่งอังกฤษจะดูดีกว่าครับ  พูดถึงหน้าตาศิลปินที่คงไม่ถูกใจสาวๆแน่  แต่เพลงเค๊าเล่นได้มันและผมคิดว่าดีเกือบทุกเพลง  Chuck Berry ครับ  เจ้าของเพลงจอนนี่บีกู๊ด  อันโด่งดัง  ไม่ทราบว่าคุณกุ้งจะชอบคุณตาคนนี้หรือเปล่าครับ  พอดีเจอเล่นแจมกับบรูซเลยนำมาฝากครับ......... ;D


Johnny B Goode
http://www.youtube.com/watch?v=epHPXZBsp8M


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 15 พ.ย. 08, 21:59
วันนี้ไปร่วมงานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ  แม้จะเป็นต่างจังหวัดแต่ผู้คนก็เยอะมากครับ  ได้ฟังเพลง "ถวายปฏิญญา"  แต่งและบรรเลงได้ดีมากครับ  ไม่ทราบทางกรุงเทพฯเป็ฯยังไงบ้างครับ  ........

พอดีเจอเอลวิสร้องเพลงนี้ไว้  ขอร่วมถวายอาลัยด้วยเพลงนี้ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=B3XdXEJEI4E


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 พ.ย. 08, 11:12
งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จฯกรมหลวงฯเมื่อวาน ได้ชมทางโทรทัศน์ค่ะ คุณบานา พอได้ฟังเพลงที่ครูแจ้งขับร้องถวาย จากบทกวีของคุณศักดิ์สิริ มีสมสืบทางทีวีไทย แล้วสะกดดิฉันตรึงอยู่หน้าจอ ด้วยความปีติในความไพเราะทั้งคำร้องและทำนองเสนาะ รวมทั้งเสียงของครู
กระทู้นี้เป็นเรื่องของคนเขียนเพลง
คำร้องไพเราะเช่นนั้น ต้องไปหามาลงกระทู้ค่ะ
แต่ถึงแต่งไพเราะอย่างเดียว หากขาดคนขับขานระดับครูที่มีการเปล่งเสียงชัดเจน เปี่ยมด้วยอารมณ์ รวมถึงจังหวะเอื้อน ที่สะเทือนใจ ความเพราะของคำที่ร้อยเรียงก็คงสูญเปล่า
เหตุการณ์ต่างๆเมื่อวันวาน สะท้อนความลึกล้ำของศิลปะวัฒนธรรมของไทยเรา
น่าภาคภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย มีโอกาสดีๆที่จะชื่นชมหรือธำรงไว้ซึ่งภาษา วัฒนธรรมเช่นนี้ สมัยก่อนไม่ยาก แต่สมัยอินเตอร์เน็ตครองโลก ยาก
ไม่ทราบมีใครนำเพลงนี้ลงyoutubeให้ใครต่อใครชมกันบ้างไหมนะ
ดิฉันไม่ทราบจะไปหาลิงค์ที่ไหนมาให้ได้ชื่นชมกัน


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 พ.ย. 08, 13:05
little wing
words and music by jimi hendrix
ปีกน้อย

เธอกำลังเดินมา
ท่ามกลางปุยเมฆ
มาพร้อมๆกับตัวละครใบ้
ซึ่งโฉบไปโฉบมารอบๆ
ผีเสื้อ  ม้าลาย
แสงจันทร์ และมวลเทพนิยาย
เท่านั้นที่เธอหลงใหล
ล่องละลิ่วไปในสายลม

Well she's walking
through the clouds
with a circus mime
that's running around.
Butterflies and zebras
and moonbeams and fairy tales.
That's all she ever thinks about,
riding with the wind.

เมื่อฉันเศร้า
เธอเข้ามาปลอบประโลม
พร้อมรอยยิ้มนับพันครั้ง
ปลดปล่อยฉันให้หาย
เธอบอก ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรหรอก
อยากได้อะไรล่ะ
อะไรก็ให้ได้ทุกสิ่ง
ทุกสิ่ง

When I'm sad she comes to me
with a thousand smiles...she gives to me free.
It's alright, she said, it's alright.
Take anything you want from me.
Anything.
Anything.

บินไปกับปีกน้อย
เย้ เย เย ปีกน้อย..
Fly on Little Wing.
Yeah, yeah, yeah, yeah, Little Wing.

http://www.youtube.com/watch?v=gPQ0aPcqWgM&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 พ.ย. 08, 13:25
http://www.youtube.com/watch?v=l6F2qExLsic&feature=related

เอริค กับ เชริล โครว์ ร้องสมานเสียงด้วยกันออนเสตจในเพลงนี้ ตัดคำว่า moonbeams ออกไป แนวของเอริค เราจะค่อนข้างคุ้นมากกว่า ส่วนอีกแบบเป็นตอนที่เอริคเล่นกับดวน ออลมัน
เพราะค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=SuRVXKwU-jM&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 พ.ย. 08, 15:11
http://www.youtube.com/watch?v=3eCcldu9O_I
ตามลิงค์นี้ไปก่อนนะคะ แล้วเรามาทำความรู้จักกับรอเบิร์ท พลานท์ หรือบางคนอ่านว่า โรเบิต แปลนท์ เอ้า แปล๊นท์ก็แปล๊นท์ แห่งวง Led Zeppelin ค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 17 พ.ย. 08, 01:28
แปลได้เยี่ยมเลยครับปีกน้อยๆ.......อิอิ  ฟังของใครก็คงไม่ได้สำเนียงแบบจิมิ  แต่ก็ดีไปอีกแบบครับสำหรับเอริคเพราะแพรวพราวอยู่แล้ว  เห็น คห.สุดท้ายแล้วต๊กกะใจ  นึกไม่ถึงว่าคุณกุ้งจะเป็นแฟน จิมมี่และบ๊อบ แห่งเรือเหาะมหากาฬ  ผมชอบผลงานของวงนี้หลายเพลงครับ ไม่ว่าจะเป็น custard pie , Darlene ,D'yer maker  etc  แต่ส่วนมากเพลงที่ผมชอบมักจะไม่เป็นที่รู้จักในไทย  เหมือนวง ELP ที่ผมชอบ คนไทยจะไม่ค่อยรู้จัก  เพลงของ แซปเปลิน ที่ผมชอบแล้วพอจะมีคนรู้จักบ้าง ก็ Whole lotta love ที่ผมว่าตกใจที่คุณกุ้งกล่าวถึงวงนี้  เพราะหาสุภาพสตรีที่ชอบฟังเพลงแนว เฮฟวี่เมทัล ยากส์ครับ  แต่ถ้าพูดถึงหน้าตา 2 คนนี้และคนอื่นๆในวง  ไม่เลวเลยครับ  เห็นว่าเคยมาบ้านเราด้วยเหรอครับ  น่าเสียดายที่โตไม่ทันไม่งั้นคงไม่พลาดแน่นอน  ถ้ากล่าวถึงเพลงที่โด่งดังในบ้านเราก็คงไม่พ้นเพลง stairway to heaven แน่นอนครับ  พอเข้าใจความหมายครับแต่พยายามแปลให้ดีไม่ได้สักที "บันไดสวรรค์"  "หนทางสู่สวรรค์"

http://www.youtube.com/watch?v=3eCcldu9O_I

There's a lady who's sure
All that glitters is gold
And she's buying a stairway to heaven
An' when she gets there she knows
If the stores are all closed
With a word she can get what she came for

หญิงสาวที่แน่ใจว่าแสงแพรวพราวทั้งหมดคือแสงทอง
และเธฮกำลังจะซื้อทางไปสู่สวรรค์
และเมื่อเธอไปถึงที่นั่น  เธอก็รู้ว่าถ้าร้านทั้งหมดต่างก็ปิด
พร้อมกับคำถามที่ว่าเธอมาเพื่ออะไร

Oohoohooh oohoohoohoohooh
And she's buying a stairway to heaven

อ๋อ มาเพื่อซื้อทางไปสู่สวรรค์

(ประมาณนี้พอได้ไม๊ครับคุณกุ้ง)
ค้นไปค้นมาเจอเพลง แคชเมียร์ ในเครื่องคอม เลยฟังเพื่อรำลึกซะหน่อย  รำลึกถึงเสียงกีตาร์ 12 สาย ที่จิมมี่เล่นเพลง stairway แล้วผมพยายามแกะตามยังไงก็ไม่เข้าท่า  เล่นกับเพื่อนแล้วก็นึกไปว่าวงนี้เล่น 3 คนจริงเหรอ ทำไมแน่นและเราไม่สามารถจะทำตามให้ดีแบบเค๊าได้เลย  ทั้งที่สมัยนี้เรามีเครื่องช่วยมากมาย


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 17 พ.ย. 08, 11:35
อย่าว่าแต่คุณบานาจะตกใจเลยค่ะ สมัยที่ร้านซีดีเฟื่องฟู เศรษฐกิจไทยยุคป๋าเปรม ต่อด้วย คุณชาติชายช่วงหนึ่ง ในศูนย์การค้าใหม่ๆ มีร้านซีดีของไทยเปิด เช่นร้านเปีย ร้านร็อคซี่ ที่โซโก น่ะแหละ เดิ้นสุดๆ
ดิฉันไปซื้อแผ่นที่ร้านชื่อดังของคอเพลงสากล เจ้าของร้าน อยู่หลังร้านถึงกับออกมาขอดูตัวสุภาพสตรีที่มาซื้อแผ่น ทรีด็อกไนท์ ...หรือวงอะไรนี่หละ ที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจ เพราะตั้งแต่ตั้งร้านมา ไม่เห็นมีแฟนเป็นหญิงเลย
เขาบอกว่า ..ต้องมาขอคุยด้วยหน่อยครับ..
เรื่องของเรื่องมันมีภูมิหลังค่ะ ดิฉันเป็นน้องสาวนักเพลงชื่อดังแห่งยุค50 60 เมื่อพี่ๆเขาเบนเข็มไปฟังเพลงไทย น้องสาวจะหยุดชะงักได้ไง ก็ต้องต่อเป็น 70 พอเข้า 80 ก็เริ่มหน่ายดิสโก้ ... และร็อคที่ไร้อารมณ์ คัดที่ชอบจริงๆเท่านั้น
แต่ตอนช่วงฮิปปี้ ฮาร์ดร็อค เฮฟวี่เมทัล อะไรพวกนั้น ก็ตามอยู่ค่ะ เนื่องจากเป็นเพื่อนรักตัวจริงของนักทำหนังสือเพลง ขืนไม่รู้เรื่องก็แย่แล้ว เพราะโดนกรอกหูอยู่เสมอๆ
และที่สำคัญ ดิฉันเป็นสาวครีเอทีฟ โดยอาชีพแล้วซื่อบื้อเรื่องเพลงไม่ได้เลยค่ะ
ตอนดิฉันอยู่มหาวิทยาลัย จิมมี่ เพจเคยมาเมืองไทยค่ะ แต่สุดหล่อ รอเบิร์ท พลานท์ ไม่ได้มาด้วย.. สมัยนั้น นักเขียนคอลัมดังของหนังสือเพลงต้องไปดักขอสัมภาษณ์นะคะ แถวๆโรงแรมที่พัก มาแบบเงียบๆ เขาก็ไม่ได้พักเริ่ดหรูอะไร แถมยังไปเที่ยวผับที่มีไม่กี่แห่งด้วย
โอ๊ย ปลื้มกันเสียไม่มี เพราะหนึ่งเดียวที่ไปสัมภาษณ์ได้ ก็คือเพื่อนรักดิฉันเอง..
ที่ห้องทำงานดิฉัน จะมีรูปของเขาประดับอยู่ที่โต๊ะค่ะ แมนมาก เป็นแมนที่เซ็กซี่ทรมานใจสาวมาก.. แถมยังแต่งเพลงเก่งมาก ก็ดูที่เขียน"บันไดสรวง"สิ
จิมมี่เพจถึงขนาดว่า เพลงนี้ ถ้าพลานท์ไม่ร้อง เขาก็บอกว่า เขาเล่นแค่ดนตรีดีกว่า..ไม่อยากเล่นให้คนอื่นร้อง
พลานท์เอง ชื่นชมผู้หญิงค่ะ ที่ร้องเพลงของเขาได้ดี เธอผู้นั้นคือ dolly parton
ไม่บ่อยนะคะ ที่นักร้องเสียงดี มีพลัง หน้าตาดีมาก(วันนี้หกสิบยังแจ๋ว) แมนมาก แต่งตัวเก่ง(สำหรับดิฉัน แม้ใส่เสื้อกั๊กโชว์อก กางเกงยีนส์ขาดๆ ก็หล่อ) จะเขียนเพลงเป็นและเขียนได้แบบไม่มีคนลืม
ของไทยก็สุรสีห์ อิทธิกุลไงคะ
...
เพลงของเขาสะท้อนการต่อต้านโลกวัตถุนิยมในช่วงนั้นน่ะค่ะ
ในเพลงที่เลือกมา มีความหมายของคำ การมองชีวิต ตลอดจนแรงบันดาลใจของผู้แต่ง
อย่างจิมี่น่ะ มีเชื้อของชนพื้นเมืองอเมริกันไงคะ เพลงของเขา ชื่อก็เป็นสไตล์การตั้งฉายาแบบคนอินเดียนแดง
เช่น crazyhorse หรือ kicking bird หรือ dances with wolves...
นั่นก็คือ little wing
อันที่จริงจะหมายถึงแม่ของจิมี่ หรือนางฟ้าตัวน้อยๆ ก็ไม่สามารถไปถามจิมี่ได้เสียแล้ว
เขาบอกเพียงว่า เป็นสีสัน หรือภาพฝันที่เขาจินตนาการ แต่งตอนพี้หรือตอนปกติ ใครจะอยากรู้ไปทำไม ในเมื่องานออกมาดี และคนก็ยอมรับ จริงไหมคะ
 
 




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 17 พ.ย. 08, 20:28
wow....สุดยอดไปเลยครับ  มนต์เสน่ห์ของเพลงพวกนี้ฟังแล้วต้องฟังต่อ  ไม่มีเบนเข็ม  แม้เบนบ้างก็ยังไม่ทิ้ง  ที่บ้านผมมีหนังสือ IS song hit , starpic etc ของคุณพ่อเต็มบ้าน  ผมชอบอ่านและชื่นชอบนักเขียนนักวิจารณ์เพลงสมัยนั้น  ชอบฟังเรื่องเก่าสมัยโก๋หลังวัง  ภาคีวัดอรุณ  สมัยที่คุณแม่คลั่งไคล้ เซอร์คลีฟ  ตอนเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ  เพลง joy to the world เคยกระหึ่มในบ้านแต่ไม่ทราบว่าแผ่นหายไปไหนแล้ว  เห็นคุณกุ้งพูดถึงทรีด๊อกไนท์  คิดถึงชะมัด  แต่พอฟังมากๆเข้าผมกลับชอบ ELP ซึ่งในบ้านไม่ชอบเลย  ตอนนี้ได้ซีดีจากอังกฤษที่เพื่อนซื้อมาฝากดีใจจริงๆ  แต่ต้องเปิดดังๆตอนไม่มีใครอยู่(โดยเฉพาะน้องสาว)  เพราะรายนั้นเครซี่ J pop, K pop สุดๆ  แต่ผมไม่ได้ว่าไรนะครับชอบก็ฟังกันไป  ดนตรีไม่มีวันทำร้ายใคร

บ๊อบ พล๊านท์  เป็นนักร้องที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์  ทั้งหวานทั้งสูงและมีพลัง  เพลงแรกของบ๊อบที่ผมได้ยินคือเพลง  "หมาดำ"  ฟังแล้วชอบเลยไม่มีข้อกังขา  ไม่รู้ว่าอายุตอนนี้ บ๊อบ จะร้องได้เหมือนเดิมหรือเปล่า

พูดถึงคุณป้าดอลลี่  มีเพลงนึงคุณป้าร้องกับเคนนี่ โรเจอร์  ผมว่าคุณป้าน่ารักมากใน mv เพลงนี้
Dolly Parton & Kenny Rogers - Islands in the stream
http://www.youtube.com/watch?v=lixDK_tMEhE


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 17 พ.ย. 08, 22:33
http://www.youtube.com/watch?v=ayzhJKy8H_A&feature=related
ฟังเพลง stairway to heaven กันไปก่อนนะคะ
จะได้ฟังเสียงร้องของพลานท์ และฝีมือกีตาร์ระดับโลกอย่างจิมมี่เพจไปด้วย
ไม่น่าประหลาดใจที่มีกันเพียงสามคน สามารถสร้างชื่อเสียงได้ระดับนี้


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 18 พ.ย. 08, 16:54
ปี 1969-1970 เป็นช่วงระเบิดตูมต้นๆของฮาร์ดร็อค ในอังกฤษมีวงที่สมบูรณ์แบบอยู่วงหนึ่งค่ะ ที่ทั้งวงจะมีชื่อเสียงกันหมด ตั้งแต่ เอียน กิลแลน ริชชี่ แบล็คมอร์ เอียน เพซ จอห์น ลอร์ด และรอเจอร์ โกลเวอร์ ชื่อวงม่วงเข้ม... หรือ Deep Purple
เจ้าของเพลง smoke on the water และ Highway Star ที่ต้องใช้พลังเสียงร้องถึงจะสะใจ ไม่ใช่ตะเบ็งจนหนวกหู
กินเนสบุ้คถึงกับบันทึกว่า วงม่วงเข้ม เป็นวงที่เสียงดังที่สุดในโลก
วงนี้ มีเพลงแรงๆ กระหึ่ม เปิดขึ้นมาด้วยกลองตึงๆๆๆ กระตุ้นพลังงานวัยทีนได้ดีแท้ๆ ก็มันยุคแสวงหานี่นะ
ฟังแล้วกระดิกขา โยกตัว เป็นเรื่องเด็กๆ
ต้องโน่น กระโดดไปเต้นไป มันสุดขั้ว
พวกเดฟว์จะชอบมาก สำหรับดิฉัน วงนี้ดูกระเซอะกระเซิงยังไงอยู่ ไม่ออกแนวเซ็กซี่เหมือนเล็ด เซ็ปปลิ้นหรอก
เพลง ราตรีสีดำ หรือ BLACK NIGHT มันเป็นตัวอย่างของการแต่งเพลงแบบเล่นสัมผัสคำสั้นๆได้ดีทีเดียว
แล้วธีมของเพลงยุคนั้นมันก็ไม่หนีบทบัญญัติสามประการ รัก อิสระเสรี และสันติ
ลองอ่านเนื้อฝรั่งดูกันไหม

Black night
Deep Purple

Black night it's not right,
I don't feel so bright,
I don't care to sit tight.
Maybe I'll find on the way down the line
that I'm free, free to be me.
Black night is a long way from home.

I don't need a dark tree,
I don't want a rough sea,
I can't feel, I can't see.
Maybe I'll find on the way down the line
that I'm free, free to be me.
Black knight is a long way from home.

http://www.youtube.com/watch?v=Pkg0xJj2A4w






กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 19 พ.ย. 08, 01:36
ขอบคุณมากครับสำหรับเพลง....  ริชชี่เป็นนักกีตาร์ชั้นคนหนึ่งที่คนเล่นกีตาร์ชอบ  ม่วงมหากาฬ เป็นวงครบเครื่องเพราะมี จอห์น ลอร์ด มาเสริมความหนักแน่น  เพลง black night เป็นเพลงของอิสระชนโดยแท้ในความหมาย  เพลง "ทหารรับจ้าง soldier of fortune" ผมก็ชอบครับฟังสะอาดดี  แต่ถ้าวงระดับนี้ถามว่าผมชอบเสียงร้องใครที่สุด  ผมยังชอบ ออสซี่ ออสบอร์น ซึ่งตอนนี้ก็ยังร้องอยู่(แต่ตอนนี้ผมชอบลูกสาวเค๊ามากกว่า.....อิอิ)  ผมหาฟังยากเหลือเกิน มีแผ่น " Deep purple in rock" อยู่แผ่นเดียว  และเพลงชอบก็เพลง blood sucker ที่ผมชอบเรียกเล่นๆว่า เพลงไอ้ตัวดูดเลือด  ส่วนของวง Rainbow แม้จะเป็นริชชี่แต่ก็ไม่ได้อรรถรสเหมือนม่วงมหากาฬ  แต่ก็ชอบไปอีกแบบครับ  แต่ไม่ทราบว่าวงไหนดังกว่ากัน

http://www.youtube.com/watch?v=L77OZPJQe3A

Deep Purple
Bloodsucker
Gotta black breast Chinese eyes
Got an English brain that's gonna make me wise
Got a long story that I wanna tell
To a rhythm that I know so well
Really got a lot of lovin' that I wanna give
Baby I'm a mystery but you know I gotta live
I tried another but she didn't want to know

Take a hold now if you can
Take a lesson from a hard lovin' man
I'm a long way from where I wanna go
Guess I'll stay awhile I really love you so
How's about another sip of all the wine you got
Take a tip from me and give it here I'll drink the lot
I'm not a winey, I'm a puttin' on a show

You really really grab me but I've gotta move
Before they know I'm here and spread the news
Maybe in while when I've moved around
I can find a way to pay you back your twenty pounds
Really got a lot of lovin' that I wanna give
Baby I'm a mystery but you know I gotta live
I tried another but she didn't want to know


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 19 พ.ย. 08, 06:41
คงจะต้องเสริมเรื่องความเด่นของวงดีพ เพอร์เพิลกันหน่อย
นอกจากฝีมือกีตาร์ของริชชี่ แบล็คมอร์ และกลองของเอียน เพช แล้ว นักร้องสายเลือดลอนดอนคือ เอียน กิลลัน เป็นตัวชูโรงสำคัญ ยิ่งแก่ ยิ่งร้องเพลงดี แม้ความหวานของหน้าตาจะเปลี่ยนไปคนละคนโดยสิ้นเชิงจากปี 1970 เป็น 2008 (สังขารไม่เที่ยง)
ความมันก็ยังคงอยู่
ยุคทองของเพลงฮาร์ดร็อคในเมืองไทย เรามักจะเรียกเพลงพวกนี้ว่า อันเดอร์กราวนด์ เป็นการสื่อถึงดนตรีนอกระบบ ไม่ใช่แค่ศิลปะของคำร้องและทำนอง แต่เป็นการแสดงรสชาติทางดนตรีของคนเล่น ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์ ออร์แกนไฟฟ้า หรือกลอง
หาใช่การเล่นสักแต่ว่าเอามันผสมการแหกปากร้องไม่ นั่นมันแบบผิวๆ

เพลง"ควันไฟเหนือสายน้ำ"ของวงนี้ เมื่อมาแสดงใหม่ โดยผสมด้วยวงแบบออเคสตร้า และแผงนักดนตรีที่มีเพลงนี้อยู่ในหัวใจตั้งแต่ยุคเซเวนตี้ส์ จึงทำให้ดิฉัน ระลึกถึงช่วงที่กรุงเทพ มีการแจมเป็นครั้งแรกในงาน POP Festival ที่จัดขึ้นที่ยิมเนเซียมหนึ่ง
วงดนตรีไทยดังๆยุคนั้นแทบทุกวงไปเจอกัน ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ไปชม เรียกว่า ต้องเตรียมตัวกันเป็นพิเศษค่ะ
พี่สาวตัดชุดให้เลย
เป็นเสื้อกระโปรงติดกัน ผ้านอกสีเทาลายกราฟฟิคเนื้อมัน ยุคนั้นต้องใส่มินิเสกิร์ต
นั่งชั้นวีไอพีค่ะ โฆษกของงานเป็นชายแท้แต่ตาสวยขนตางอนเช้ง ขวัญใจนักเพลง ที่สาวๆติดตรึม.. เขาเป็นนักเขียนคอลัมเพลงของcurrent song hits
ไม่อยากเอ่ยชื่อค่ะ เพราะเขียนแล้วจะคิดถึงอดีตที่สดใส สวยงาม สนุกสนาน
เดี๋ยวคนที่เกิดไม่ทันอย่างคุณบานาจะอิจฉาอีก

http://www.youtube.com/watch?v=9jp3de50_d8
เวอร์ชั่นหนุ่มทั้งวง
http://www.youtube.com/watch?v=2WX_4FNoto4&feature=related
เวอร์ชั่นอาวุโสแต่ไฟยังโชน



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 19 พ.ย. 08, 07:00
คิดๆไปแล้วก็ขำนะคะ แค่ไฟไหม้คาสิโนที่มองเตรอ ในสวิสเซอร์แลนด์ วงนี้ก็เอามาแต่งเป็นเพลงได้อมตะไม่เลิกรา เป็นศิลปินเสียอย่าง ขอเพียงให้มีแรงบันดาลใจเถอะ วัยหนุ่มสาวเป็นวัยที่ดิฉันเชื่อมั่นค่ะ เรื่องความคิดสร้างสรรค์ หากรู้สึก แล้วลงมือทำความรู้สึกนั้นทันที มันจะสด และสำเร็จเร็วมาก
ลองตามเนื้อเพลงภาคภาษาอังกฤษดู
ประสบการณ์จริงเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศของศิลปินค่ะ
เขียนเพลงแนวเรื่องเล่าจากเหตุการณ์จริงที่วงนี้ พักอยู่ที่โรงแรมของเขา มองออกไปเบื้องหน้าทะเลสาบเจนีวา เห็น
smoke on the water, fire in the sky....

SMOKE on the water
Deep Purple

We all came out to Montreux
On the lake Geneva shoreline
To make records with a mobile
We didn't have much time
Frank Zappa and the Mothers
Were at the best place around
But some stupid with a flare gun
Burned the place to the ground
Smoke on the water, fire in the sky

They burned down the gambling house
It died with an awful sound
Funky Claude was running in and out
Pulling kids out the ground
When it all was over
We had to find another place
But Swiss time was running out
It seemed that we would lose the race
Smoke on the water, fire in the sky

We ended up at the grand hotel
It was empty cold and bare
But with the rolling truck stones thing just outside
Making our music there
With a few red lights and a few old beds
We make a place to sweat
No matter what we get out of this
I know we'll never forget
Smoke on the water, fire in the sky


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 19 พ.ย. 08, 11:35
ควันท่วมน้ำ.. เพลิงท่วมฟ้า..
Smoke on the Water
ดีพ เพอร์เพิล

เราทั้งหมดออกมาสู่มองเตรอ
เหนือชายฝั่งทะเลสาบเจนีวา
เพื่อบันทึกเพลงที่ห้องอัดเคลื่อนที่
เวลาทุกนาทีมีค่า

แฟรงค์ซัปป้ากับวงมารดรฯ
กำลังแสดงณ สถานที่สุดยอด
แต่แล้วไอ้ห่ามที่ไหนไม่รู้ยิงปืนพลุ
เผาที่นั่นจมธรณี
...
ควันท่วมน้ำ.. เพลิงท่วมฟ้า..

บ่อนละลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
สูญไปพร้อมเสียงหวนไห้
โคล้ดเจ้าถิ่นชุลมุนวิ่งเข้าวิ่งออก
ช่วยคนหนุ่มสาวรอดมาได้

เมื่อทุกอย่างจบลง
เราต้องแสวงหาที่ใหม่
เวลาในสวิสกำลังหมดไป
ดูราวกับว่า เรากำลังจะพ่ายแพ้
ควันท่วมน้ำ.. เพลิงท่วมฟ้า

ในที่สุดเราหยุดที่โรงแรมหรูโอฬาร
ที่ว่างเปล่า เยียบเย็น และโหรงเหรง
แต่ด้วยรถบันทึกเสียงเคลื่อนที่โรลลิ่งสโตนข้างนอกนั่น
เราก็รีบปั่นบทเพลงออกมา

ด้วยแสงไฟสีแดงสลัวๆไม่กี่ดวง
และเตียงนอนเก่าๆสองสามเตียง
เราหมกตัวที่นั่นทำงานเหงื่อท่วม
ไม่ว่าเราจะหลุดจากนี่ไปแล้ว
เรารู้ว่า จะไม่มีวันลืมเลือน
ควันท่วมน้ำ.. เพลิงท่วมฟ้า..
ที่มองเตรอ

.....
๔ ธันวาคม ๑๙๗๑
หากใครได้ดูหนังเรื่อง โรงเรียนแห่งร็อค School of rock ที่แจ็ค แบล็คเล่นเป็นครูสอนดนตรีเด็กๆ เขาสอนเพลงนี้ให้เด็กได้มันมาก
แอปเปิ้ลถึงเอาเอาฉากนี้มาโฆษณา
กุ้งแห้งเยอรมันชอบหนังเรื่องนี้สุดๆค่ะ



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 19 พ.ย. 08, 13:23
คงต้องเล่าที่มาของเพลงสักหน่อย
วงดีพ เพอร์เพิล กำลังเปลี่ยนบรรยากาศไปทำงานนอกสถานที่ๆเมืองมองเตรอ ในสวิสเซอร์แลนด์ ที่นั่น แฟรงค์ ซัปป้ากับวง the mothers of Invention กำลังแสดงที่โรงละคร อยู่ในศูนย์การบันเทิงของแหล่งคาสิโนใหญ่ของมองเตรอ
โคล้ด เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่งาน มองเตรอ แจซ เฟสทิวัล ซึ่งต่อมาไม่ได้เป็นแค่เพลงแจส แต่มีบลูส์ ร็อค ฯลฯ โคล้ด ยังบริหารจัดการอยู่ วงดังๆของโลกไปเล่นกันที่นั่นทุกปี
มีรูปปั้นอนุสรณ์เฟร็ดดี้ เมอคิวรี่แห่งวงควีนด้วย
ชื่อของวง Deep Purpleล่ะ มีไหม แน่นอน อุตส่าห์แต่งเพลงที่ไม่คิดว่าจะดัง ได้ดังขนาดนี้
สิ่งที่ฮือฮาในยุคนั้นไปทั่วโลก รวมถึงวัยรุ่นไทย ก็คือเสียงดนตรีนำของเพลง หมายถึงอินโทร
หนุ่มๆที่เริ่มหัดกีตาร์ใหม่ๆจะต้องเล่นอินโทรท่อนนี้กันให้ได้
แต่งแตงแต๊ง แต่งแตงแต๊งแตง แต่งแตงแต๊ง แตงแต่ง
ตึดตือตื๊อ ตึดตือตื๊อตือ ตึดตือตื๊อ ตือตื่อ..
มีการจัดเทศกาลรวมคนดนตรีเป็นพันมาเล่นกีตาร์กันกลางสนาม หาดูได้ เหลือเชื่อค่ะ นัยว่าเพื่อบันทึกลงกินเนส
รำลึกไป ดิฉันก็ขับรถฟังเพลงนี้ไปแล้วยังมันอยากจะไปหัดเล่นกีตาร์ใหม่ เปลี่ยนแนวเลย
จะให้ไปชื่นชมพวกเจร็อค คงไม่ไหวหรอกค่ะ ปลื้มไม่ลง แค่ฟังแว่วๆยังอยากเดินหนี
...
ถ้าคนชอบเพลงฮาร์ดร็อค และมีเงินมากๆ มีโอกาสไปสวิส น่าจะไปดูเทศกาลนี้กันหน่อย
..

ศิลปินอินเตอร์ แอนดี้ วอล กับคีธ เเฮรี่ง ก็เคยออกแบบโปสเตอร์ให้งานนี้ น่าจะไม่คิดสตางค์นะคะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 19 พ.ย. 08, 15:41
http://www.youtube.com/watch?v=6MSyFA84u48
การแสดงสดอีกครั้งหนึ่ง
หรือสดในปี 1973
http://www.youtube.com/watch?v=3Zz1gOIxHPE&feature=related
ถ้าสนุกและมีเวลาโหลด ลองดูลิงค์นี้ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=n10E3XwV5kA&feature=related
ระดมมือกีตาร์1683 คนที่แคนซัส
สุดท้าย มุมกล้องสะใจ ภาพมีอาร์ตไดเร็คชั่นทุกช็อตต้องไป
http://www.youtube.com/watch?v=olnGNkgAE6c&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 19 พ.ย. 08, 17:01
กระบวนเทศกาลดนตรีแล้ว สำหรับดิฉัน ไม่มีอะไรประทับใจเท่าวู้ดสต็อคอีกแล้ว
หนังเรื่องใหม่ในปี ๒๐๐๙ ของอัง ลี (หรือ อัง หลี หรือหลี่ อ่านว่าอะไรกันแน่ จำไม่ได้เสียแล้วสิคะ คุณcrazyhorse) เขาก็กำลังจะสร้าง
โดยให้นักแสดงคนหนึ่งชื่อ ยูจีน เลฟวี่มารับบทแม็กซ์ ยัสเกอร์ เจ้าของฟาร์มที่อนุญาตให้มีการแสดงดนตรีกัน
ฟาร์มนี้อยู่ในเมือง bethel ในรัฐนิวยอร์ค
โจนี่ มิทเชล สาวนักเขียนเพลงระดับหนึ่งในดวงใจดิฉัน แต่งคำร้องเพลงวู้ดสต็อคไว้ดีเชียวว่า
   
I came upon a child of God
He was walking along the road
And I asked him where are you going
And this he told me
I'm going on down to Yasgur's farm
I'm going to join in a rock 'n' roll band
I'm going to camp out on the land


แต่อยากจะเขียนถึงวงนี้ค่ะ mountain


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 20 พ.ย. 08, 02:37
muchas gracias....ดูและฟังจนอิ่มเลยครับ  เพื่อนชาวสวิสเคยเล่าให้ผมฟังเหมือนกันครับเรื่องนี้  ตำนานวู๊ดสต็อกเวลารุ่นใหญ่เล่าทีไรผมต้องนั่งอ้าปากฟัง  ชอบความเป็นอิสระชนของศิลปิน(หมายถึงทั้งผู้เล่นและผู้ชม)  เห็นว่าเมืองไทยกำลังเนรมิตโบนันซ่า เขาใหญ่ ให้เป็นวู๊ดสต็อกเมืองไทย  แต่ออกจะไฮโซไปนิดไม่ออกแนวบุปผาชนเท่าไร  นึกถึงเรื่องคุณกุ้งตัดชุดไปชมคอนเสิร์ทแล้วอมยิ้มครับ  เห็นกล่าวถึงคุณป้าโจนิ  น่าจะลองแต่งตัวสไตล์ของโจนิดูนะครับ

ดูท่าทางคุณกุ้งเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Deep แน่นอน  ท่าชอบเสียงของเอียน  เพลงนี้สิครับได้อารมณ์แม้จะช้าแต่ผมว่าเค๊าร้องได้ดีมาก  เป็นเพลงชอบของผมอีกเพลง

http://www.youtube.com/watch?v=YAZyjARWKzM

When a blind man cries

If youre leaving close the door.
Im not expecting people anymore.
Hear me grieving, Im lying on the floor.
Whether Im drunk or dead I really aint too sure.
Im a blind man, Im a blind man and my world is pale.
When a blind man cries, lord, you know there aint no sadder tale.

Had a friend once in a room,
Had a good time but it ended much too soon.
In a cold month in that room
We found a reason for the things we had to do.

Im a blind man, Im a blind man, now my room is cold.
When a blind man cries, lord, you know he feels it from his soul.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 20 พ.ย. 08, 03:03
Joni Mitchell เป็นนักร้องนักแต่งที่เยี่ยมยอดคนหนึ่ง  เอหายไปจากวงการนานมาก  มีบทสัมภาษณ์ของเธอบ้างในเรื่องที่วิจารณ์วงการเพลงสมัยนี้  และมีข่าวว่าเธอกำลังต่อสู้กับความป่วย  และแล้วปี 2007 เธฮก็ออกอัลบั้มชื่อ shine ในวัยนี้เธอก็ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม  ในอัลบั้มนี้ผมชอบเพลง IF ที่ว่ากันว่าพัฒนามาจากบทกวีของรัดยาร์ด คิปลิง   เนื้อเพลงผมอยากให้คุณกุ้งแปลจังเลยครับ.....please ผมมิกล้ากลัวทำให้เสียอารมณ์เพลงครับ

http://www.youtube.com/watch?v=dtfRYxM_7_4&feature=related

IF
JONI MITCHELL

If you can keep your head
While all about you
People are losing theirs and blaming you
If you can trust yourself
When everybody doubts you
And make allowance for their doubting too.

If you can wait
And not get tired of waiting
And when lied about
Stand tall
Don't deal in lies
And when hated
Don't give in to hating back
Don't need to look so good
Don't need to talk too wise.

If you can dream
And not make dreams your master
If you can think
And not make intellect your game
If you can meet
With triumph and disaster
And treat those two imposters just the same

If you can force your heart
And nerve and sinew
To serve you
After all of them are gone
And so hold on
When there is nothing in you
Nothing but the will
That's telling you to hold on!
Hold on!

If you can bear to hear
The truth you've spoken
Twisted and misconstrued
By some smug fool
Or watch your life''s work
Torn apart and broken down
And still stoop to build again
With worn out tools.

If you can draw a crowd
And keep your virtue
Or walk with Kings
And keep the common touch
If neither enemies nor loving friends
Can hurt you
If everybody counts with you
But none too much.

If you can fill the journey
Of a minute
With sixty seconds worth of wonder and delight
Then
The Earth is yours
And Everything that's in it
But more than that
I know
You'll be alright
You'll be alright.

Cause you've got the fight
You've got the insight
You've got the fight
You've got the insight


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 22 พ.ย. 08, 21:52
เห็นด้วยกับคุณบานานะคะว่า โจนี่ซึ่งคุณ(ใจร้าย)เรียกด้วยวัย(หรือความเคารพก็ไม่รู้):-\ว่าป้า... แต่งตัวสวยจริงๆ โจนี่งามสมวัยค่ะ แต่จะชวนดิฉันไปแต่งอย่างเธอ คงไม่ไหวค่ะ สวยเกินไปหน่อย
เวลาผ่านไป อนิจจัง วัตสัง ขารา ได้ยินบ่อยในวันพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระพี่นางฯ
ไม่ติดกับความสวยงามทางรูปโฉมได้เป็นดี
เรื่องสไตล์ ดิฉันชอบจูลี่ คริสตี้ค่ะ
เพลงที่คุณบานาชวนไปฟังของDeep  ไปฟังมาแล้วค่ะ
ดิฉันชอบเพลง Child in Time อีกเพลงของ Deep ตั้งแต่ปี 70 .. แล้วหนังสือเพลงยุคนั้น มักจะลงหน้าสวยๆของเอียน กิลเลนเสมอ ไม่แพ้ จิม มอริสัน และจิมี่ เฮนดริกซ์
ส่วนโจนี่ ไม่ค่อยมีหรอกค่ะ มีแต่โจอัน บาเอซ ซึ่งบางคนก็อ่านว่าเบซ
ก่อนที่จะไปแกะความหมายของ For Yasgur's Farm ที่ Mountain แต่ง แต่มาตั้งชื่อทีหลัง อยากให้ไปฟังเพลงกันก่อน
เพราะดีค่ะ
Lestlie West กับ Lynyrd Skynyrd


For Yasgur's Farm

1) Who am I but you and the sun?
A slight reflection of everyone.
Was it me, who let you walk away?
Were you the one, or is it, we're the sa-a-ame?

2) What of we in time, going by-y-y?
The simple story, of every life.
Half in dreams, and somehow through the day,
We haven't, come so far, to lose our way-y-y.

> Look at me, I believe it's true,
You're a par-art of me, I'm a part of you-o-o.

3) Love is only what we come to live,
The waking, breathing in all we give.
A crystal passing, reflected in our eyes,
Eclipsing all, the jealousy, and li-i-ies.

> Look at me, can't you see it's true,
You're a par-art of me, I'm a part of you-o-o.

-- Guitar Lead -- (over Verse & Chorus)

4) Poignant as, the voices, in a dream,
Without you shadow, the things I've seen.
That early eve-nin', I let you walk away,
Were you the one, or is it, we're the sa-a-ame?

> Look at me, I believe it's true,
You're a par-art of me, I'm a part of you-o-o.

http://www.youtube.com/watch?v=py28H6xITFE&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=aYSsEedA7Lo&feature=related




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 23 พ.ย. 08, 02:13
อิอิ.....อย่าว่าแต่ป้าเลยครับเธอเกือบจะเป็นยายผมด้วยซ้ำ.......มองเธฮทีไรทำให้นึกถึงขวัญใจของผม alanis morriset เป็นแคแนเดี่ยนเกิร์ลเหมือนกันซะด้วย  ส่วนป้าจูลี่จะเป็นแนวเท่ห์ๆ  เวิร์คกิ้งวีเมนซะมากกว่า.......อิอิ
Lestlie West  อืม... mountain มือกีตาร์แต่ละคนที่คุณกุ้งชมชอบล้วนสุดยอดในฝันของคนชอบกีตาร์ทุกยุค(ซึ่งยากที่จะมีสุภาพสตรีคลั่งใคล้เฮฟวี่ได้ปานนี้)  กิ๊ปสัน LP กับเฮฟวี่ร่างท้วมกับลีลากีตาร์ที่หนักแน่น สกเลเพนทาโทนิคบลูส์  เป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่คนนึงเลยล่ะครับ  เพลง Theme From The Imaginary Western หรือเพลง Mississippi Queen และเพลงนี้ สำหรับฟาร์มของตาแยสเคอะ  แนวเฮฟวี่บลูส์ทุกคนคงใช้เป็นเพลงครูครับ  ขอบคุณครับฟังเสียงเพลงหนักในยามบ้านเมืองร้อนระอุ  ปลดปล่อยดีครับ....... แล้วอย่าบอกว่าชอบ มาร์ค นอฟเลอร์ ด้วยนะ.....อิอิ (ขอย้ำแต่งตัวแบบโจนิเวิร์คสุดครับ)  ;D ;D ;D


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 23 พ.ย. 08, 07:22

แด่ฟาร์มของยาสเกอร์ ในยุคสับสน แสวงหา

นอกจากเธอและดวงตะวันฉันคือใคร
คือเงาไหวๆสะท้อนคนทุกคน
ในอดีต ฉันไม่ใช่หรือที่ปล่อยให้เธอจากไป
เธอคือคนที่แปลกแยก หรือเราก็เป็นหนึ่งเดียวกัน

แล้วเราจะเป็นอย่างไรในกาลข้างหน้า
เรื่องราวธรรมดาๆ ของทุกชีวิต
ครึ่งหนึ่งยังอยู่ในความลางเลือนเหมือนฝัน
และกว่าจะผ่านวันนี้ไป
เราก็ยังมาไกลไม่พอ ที่จะหลงทาง

สบตาฉัน ฉันเชื่อจริงๆว่า
เธอคือส่วนหนึ่งของฉัน และฉันเป็นส่วนหนึ่งของเธอ

เราต่างมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อความรัก
ไม่ว่ายามตื่นหรือหลับ เราให้ได้หมด
ดวงแก้วเคลื่อนสว่างกระจ่างใส สะท้อนอยู่ในดวงตาของเรา
บดบังแววริษยาและมุสาวาจาไปสิ้น

มองฉัน เธอยังไม่เห็นความจริงอีกหรือ
เธอเป็นส่วนหนึ่งของฉัน ฉันเป็นส่วนหนึ่งของเธอ

มันแสนจะเสียดแทงใจ ราวกับเสียงสับสนในความฝัน
เมื่อทุกสิ่งที่ฉันเห็น ล้วนไม่มีแม้เงาของเธอ
ค่ำวันนั้น ฉันปล่อยให้เธอหลุดลอยไป
เธอไม่เหมือนใคร หรือเรานั้นเหมือนกัน

สบตาฉันสิ ฉันเชื่อว่ามันจริง
เธอเป็นส่วนหนึ่งของฉัน ฉันเป็นส่วนหนึ่งของเธอ
............
"เทศกาลวู้ดสต็อคไม่ใช่ความสำเร็จของแม็กซ์. เป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ประสบการณ์ชีวิตเขากว้างขึ้น เพราะเขาได้สัมผัสกับคนเหล่านั้น"
-นางมีเรียม มิมี่ ยาสเกอร์


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 23 พ.ย. 08, 08:45
ถึงโจนี่ของคุณบานาจะเป็นป้า ก็เป็นป้าเท่ห์ๆค่ะ อย่าให้ถึงขั้นคุณยายเลยนะ ขอร้อง ดิฉันว่าแทบจะไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากให้ใครมาเรียกคุณยาย ทั้งที่ในความเป็นจริง เราภูมิใจในความเป็นย่า เป็นยายกันตัวแทบสั่น

ยังค่ะ ยังไม่ไปหามาร์ค นอฟเลอร์ อีตานี่รุ่นหลังยังไม่ดังพอ เพลงที่เข้าคิวเป็นแจส ร็อคแล้วหละ คราวนี้ วงนี้เขาก็ไปแสดงที่เทศกาลเพลงและศิลปะที่วู้ดสต็อคด้วย ชื่อวง เลือด เหงื่อ และน้ำตา โอย..เข้าใจตั้ง ชื่อนี้ไม่มีวันสืม
เพลงดังของเขา Spinning wheel
เมื่อพูดถึงสปินนิ่ง วีล เราต้องนึกภาพก่อนว่า หน้าตามันเป็นไง เพลงนี้ไม่ใช่เครื่องกรอด้ายแน่ๆ
ดิฉันนึกถึงไพ่ทาโรต์เบอร์สำคัญ wheel of fortune กงล้อโชคชะตาก่อนอื่น
นึกถึงชิงช้าสวรรค์สูงๆที่เรียกว่า ferris wheels หรือม้าหมุนที่วนเป็นวงกลมขึ้นๆลงๆ ลอยบ้างเลียบดินบ้าง ที่เด็กๆวิ่งเข้าใส่อยากนั่งทั้งนั้น (merry-go-round)
เห็นของจริงตามงานวัดเมืองไทยและเมืองนอก ดิฉันชอบแบบชิงช้าสวรรค์ค่ะ มันช่างเหมือนฝัน แต่ให้ขึ้น ไม่กล้า..
ม้าหมุนก็พอไหว.. ม้าทาสีเป็นความสุขใจที่ได้เห็น ในเพลงเขาเรียก painted pony..
วงนี้ blood, sweat & tears ซึ่งสมาชิกเข้าๆออกๆสับสนไปหมดตั้งแต่ แอล คูเปอร์ สตีฟว์ แคทซ์ จนถึง เดวิด เคลย์ตัน โธมัส
เพลงที่ดิฉันชอบนอกจาก spinning wheel ก็มี you've made me so very happy ฯลฯ
อยากฟังก็เข้าไปหน้าแรกของ http://www.bloodsweatandtears.com/index.html


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 23 พ.ย. 08, 10:50
SPINNING WHEEL
กงล้อชีวิต

David Clayton-Thomas
Blood sweat and tears

มีขึ้น มีลง
กงล้อก็หมุนวนไป
การพร่ำพูดแต่เรื่องอุปสรรค เป็นบาปที่ขมขื่น
มาเริงรื่นกับการขึ้นม้าหมุน
แล้วปล่อยให้กงล้อหมุนไป
What goes up must come down
Spinning wheel got to go round
Talking about your troubles it's a crying sin
Ride a painted pony
Let the spinning wheel spin
คุณไม่มีเงินตรา
ไร้บ้าน
กงล้อชีวิตเปล่าเปลี่ยว
คุณพร่ำเพ้อถึงแต่ความทุกข์เทวษ
ที่คุณไม่เคยได้บทเรียนจากมัน
ลิ่วไปกับม้าหมุน
ปล่อยให้กงล้อหมุนไป
You got no money, and you, you got no home
Spinning wheel all alone
Talking about your troubles and you, you never learn
Ride a painted pony
let the spinning wheel turn

คุณเคยเจอสัญลักษณ์นำทาง
บนไฮเวย์สายตรงและแคบไหม
มาหาสัญลักษณ์สะท้อนแสงแทน
ปล่อยให้มันฉายฉันในจิตของคุณ
แล้วแสดงสีสันแห่งความจริง

Did you find a directing sign
on the straight and narrow highway?
Would you mind a reflecting sign
Just let it shine within your mind
And show you the colours that are real

มีใครคนหนึ่งกำลังรออยู่ปลายทาง
กงล้อหมุนไปสู่ความจริง
ทิ้งความทุกข์ระทมทั้งหลายไปกับสายน้ำ
จับม้าหมุนให้ทัน
แล้วขี่มันหมุนไป
Someone is waiting just for you
spinning wheel is spinning true
Drop all your troubles, by the river side
Catch a painted pony
On the spinning wheel ride
มีใครคนหนึ่งรอคุณคนเดียว
กงล้อชีวิตกำลังหมุนต่อไป
ทิ้งความทุกข์ระทมทั้งหลายไปกับสายน้ำ
โอกาสมาถึง คว้าให้ทัน
แล้วให้กงล้อนั้นพาคุณลอยไป

Someone is waiting just for you
spinning wheel is spinning true
Drop all your troubles, by the river side
Ride a painted pony
Let the spinning wheel fly

http://www.youtube.com/watch?v=8T97f2kBzOQ&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=qi9sLkyhhlE&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=UuoytpKkKqg&feature=related



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 23 พ.ย. 08, 11:37
จากแจซร็อค ไปโฟล์คคั่นกันสักหน่อย ตามความระอุของบ้านเราอย่างที่คุณบานาพูด ทำให้ความคิดย้อนกลับไปที่เพลงโอไฮโอ ของนีล ยัง คนประท้วงแต่ละคน มีชีวิตของเขาหลายชีวิตอยู่เบื้องหลัง ทำไมต้องใช้ความรุนแรงกระหายเลือดกับเขาด้วย
อเมริกามีฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ ที่สู้กันเพื่อความคิดต่างฝ่าย มีทาส ไม่มีทาส หลายปี ไหนจะสู้กับผู้นำที่กดขี่ปกครองพวกเขา จนวันนี้ มีคนผิวสีอย่างบารัคเตรียมเดินเข้าทำเนียบสีขาวอย่างองอาจ
แต่คนไทยแท้ๆ ถ้าสู้เพื่อบ้านเมือง จะต้องหลั่งเลือดชะโลมดิน เพื่อสังเวยผลประโยชน์ส่วนตัวของคนไม่กี่คนไป เพื่ออะไร
ในเมื่อคนปลูกข้าว ยังจนอยู่อย่างนี้ และจนลงทุกวัน
งานของเธอดิฉันชื่นชมหลายเพลง โดยเฉพาะ เพชรกับสนิม..ฯลฯ 

JOE HILL
Joan Baez
เล่นสดที่วู้ดสต็อค 1969 โจ ฮิลตายไปคน เกิดโจ ฮิลอีกเป็นพัน เข้ากับบรรยากาศเดือนสองเดือนนี้ที่เมืองไทย หน้าตึกสันติไมตรี

http://www.youtube.com/watch?v=MizbFId5UtE&feature=related
 
I dreamed I saw Joe Hill last night,
alive as you and me.
Says I "But Joe, you're ten years dead"
"I never died" said he,
"I never died" said he.

"The Copper Bosses killed you Joe,
they shot you Joe" says I.
"Takes more than guns to kill a man"
Says Joe "I didn't die"
Says Joe "I didn't die"

"In Salt Lake City, Joe," says I,
Him standing by my bed,
"They framed you on a murder charge,"
Says Joe, "But I ain't dead,"
Says Joe, "But I ain't dead."

And standing there as big as life
and smiling with his eyes.
Says Joe "What they can never kill
went on to organize,
went on to organize"

From San Diego up to Maine,
in every mine and mill,
Where working men defend their rights,
it's there you find Joe Hill,
it's there you find Joe Hill!

I dreamed I saw Joe Hill last night,
alive as you and me.
Says I "But Joe, you're ten years dead"
"I never died" said he,
"I never died" said he.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 23 พ.ย. 08, 23:26
ยอดเยี่ยมไปเลยครับ  แปลได้สละสลวยจนต้องขออนุญาตก๊อปไว้นะครับ ดูภาพเทศกาลวู๊ดสต็อกแล้วอยากให้มีแบบนี้ที่เมืองไทย(แต่คงตีกันยับ)  ฝรั่งเค๊าไปแสวงหาไปเสพไปแบบอิสรชนจริงๆ  ขอโทษครับผมบังเอิญชอบคำว่าคุณยายมากกว่าคุณป้า  เพราะแถวหมู่บ้านผมถ้าคนมีอายุหน่อยนึงจะเรียกยายเลยครับ  ไม่นิยมเรียกป้ากันนอกจากเป็นญาติ  แต่ทั้งหมดก็ด้วยความเคารพในคุณวุฒิและวัยวุฒิครับ  ต้องยอมรับเลยครับว่ารู้จักวง BS&T น้อยมากเรียกว่าเกือบไม่รู้เลยก็ว่าได้  ถามคุณพ่อก็บอกว่าผิวเผินรู้ไม่กี่เพลง บลูสตรีท หรืออะไรเนี่ยแบบไม่แน่ใจอ่ะครับ  ก็เลยฟาล์วไป  แต่ก็ได้ความกรุณาจากคุณกุ้งเลยเข้าไปเยี่ยมเวป  และยังได้บทแปลด้วย  น่าสนใจครับผมคงต้องศึกษาวงนี้ถ้าเวลามีครับ..........

ส่วน จวน บาเอซ (สำเนียงผมเอง) อิอิ.... :-[  ทำให้ผมนึกถึงตอนอยู่ประถม  คุณครูสอนภาษาอังกฤษสอนให้ร้องเพลง donna donna เป็นเพลงแรกในชีวิตที่ได้ยินเสียงเธอ  และได้ร้องเพลงนี้กันทั้งชั้น  เสียงเธอเพราะครับ  อืมมม...  เรียกว่าไพเราะครับก็พากันจินตนาการกันว่าหน้าตาเธอจะเป็นไงน๊า  เชื่อไม๊ครับผมจินตนาการได้ใกล้เคียงที่สุด  แบบเห็นหน้าในหนังสือขนลุกเลยครับ  เพราะผมว่าเธอต้องผมยาวๆดวงตาเศร้าๆซึ้งๆ(ดูจินตนาการเด็กประถมสิครับ) อิอิ.... :-[  พอขึ้นมัธยมก็เลยค้นหามาฟังพาลเลยเถิดไปถึง แคลี ซิมม่อน แล้วก็เลยไปถึง เจมส์ เทเลอร์  เลยไปกันใหญ่  ที่จำได้มีสองเพลงที่ร้องแล้วชอบกัน  นอกจากเพลงนี้ก็เพลง reason to believe ซึ่งเพลงหลังนี่จำไม่ได้ครับว่าใครร้อง  เพลงที่อุทิศเพื่อ โจ ฮิล เยี่ยมครับ  ขอบคุณอีกครั้งครับที่นำไปสู่ความยิ่งใหญ่ของเธออีกครั้ง.... :-[


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 25 พ.ย. 08, 10:22
ตอนเป็นเด็กๆ หนังสือเพลงCurrent song hits ซึ่งมีนักเขียนเพลงในดวงใจดิฉันอยู่สองสามคน เขาเปิดให้มีการประกวดบรรยายเพลง เพลงที่คุณเปี๊ยก วิทยะ วุฒินันท์ เลือกมาลงคือ blowing in the wind ดิฉันงูๆปลาๆ ส่งกับเขาด้วย ใช้นามปากกาแปลกๆไม่บ่งบอกว่าเป็นเพศไหน
ได้รางวัลรองชนะเลิศมาเป็นโปสการ์ดแผ่นหนึ่ง ส่งมาทางไปรษณีย์ยังเก็บอยู่เลย เป็นรูปขาวดำของทอม โจนส์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกันเลย
สำนวนของคนที่ชนะ จำไม่ได้ว่าใคร แต่เขาทำได้ดีมาก
เพลงนี้ ก็รู้กันอยู่ว่า แต่งโดยคนรักคนหนึ่งของโจน บาเอซ (อ่านตามผู้ประกาศบนเวทีคอนเสิร์ต)ก็คือ บอบ ดิแลน ที่เพื่อนผู้ชายของดิฉันบางคนคลั่งไคล้เสียจริง
เพื่อนคนหนึ่งนินทาว่า คุณลองสังเกตสิ เพลงที่บอบแต่งเอง คนอื่นร้องได้ดีกว่ามันทั้งนั้น
ฮ่าๆๆๆ ก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธยากหน่อย...
เราได้ยินเพลงนี้กรอกหูตั้งแต่เด็กด้วยวง ปีเตอร์ พอล และแมรี่
เพลงนั้น คำตอบอยู่ในสายลม..The answer is blowing in the wind

http://www.youtube.com/watch?v=3UZxLhOzO9M
คลิคไปฟังบรูซ สปริงสตีนร้องสดๆกับเพลงbad moon rising แล้วเราจะได้ไปหาเนื้อเพลงดีๆที่แต่งโดย จอห์น ฟ็อกเกอร์ตี้ แห่งซีซีอาร์ที่สะใจคนชอบร็อคอีกแนวหนึ่ง นักนิยมเพลงมักจะเรียกว่าคันทรี่ร็อค ...





กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 26 พ.ย. 08, 02:54
Bob Dylan
Blowing In The Wind
How many roads must a man walk down,                                     ถนนกี่สายที่ชายจะต้องผ่าน
before you call him a man?                                                        ก่อนจะพอเรียกขานได้ว่าชาย
How many seas must a white dove fly,                                        กี่ทะเลที่พิราบขาวต้องเร่ร่อน
before she sleeps in the sand?                                                   ก่อนจะซุกตัวนอนในผืนทราย
And how many times must a cannon ball fly,                                 ซักกี่ครั้งลูกปืนใหญ่ที่ลอยว่อน
before they're forever banned?                                                   ก่อนจะถูกห้ามปรามนิรันดร
The answer my friend is blowing in the wind,                                 สหายว่าคำตอบลอยในพระพาย
the answer is blowing in the wind.                                               คำตอบที่ได้คือสายลม
How many years can a mountain exist,                                         กี่ปีที่ภูเขายังยืนหยัด
before it is washed to the sea?                                                   ก่อนจะถูกกร่อนลงทะเลหาย
How many years can some people exist,                                       อีกกี่ปีที่คนยังคงอยู่
before they're allowed to be free?                                               ก่อนจะสู่เสรีอย่างที่หมาย
And how many times can a man turn his head,                               สักกี่ครั้งต้องส่ายหน้าแสดง
and pretend that he just doesn't see?                                          ทำเป็นแกล้งว่าไม่รู้ไม่เห็นเลย
The answer my friend is blowing in the wind,                                  สหายว่าคำตอบลอยในพระพาย
the answer is blowing in the wind.                                                คำตอบที่ได้คือสายลม
How many times must a man look up,                                            สักกี่ครั้งที่เราต้องแหงนจ้อง
before he sees the sky?                                                              ก่อนจะมองเห็นนภาฟ้าเวหน
And how many ears must one man have,                                        หูกี่ข้างที่ควรมีสำหรับคน
before he can hear people cry ?                                                    ถึงจะพอให้ยินยลเสียงคนคราง
And how many deaths will it take till we know,                                 สักกี่ศพถึงจะพอให้เรารู้
that too many people have died?                                                   ว่าเกินพอสำหรับผู้ต้องพลีร่าง
The answer my friend is blowing in the wind,                                    สหายว่าคำตอบลอยในพระพาย
the answer is blowing in the wind.                                                  คำตอบที่ได้คือสายลม
The answer my friend is blowing in the wind,                                    สหายว่าคำตอบลอยในพระพาย
the answer is blowing in the wind.                        คำตอบที่ได้คือ........สายลม....(ไร้คำตอบ).........อิอิ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 27 พ.ย. 08, 10:03
บรรยากาศของการชุมนุมสามแห่ง ทำเนียบถนนพิษณุโลก สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิทำให้เขียนอะไรไม่ออกไปหลายวันค่ะ กำลังจะเขียนถึงโจ คอคเกอร์ และมวลมิตรที่ขึ้นเวทีวู้ดสต็อคอีกหลายคนรวมถึงCCR
คงจะต้องขอพักคั่นบรรยากาศด้วยความหมายของเพลงสักเพลงที่ตรงใจเซ็งๆของดิฉัน
ระหว่างนี้ ไปเจอเพลงๆหนึ่งของ พอล แมคคาร์ทนี่ย์ ที่สมบูรณ์มาก เห็นทั้งสี่หนุ่มชัดเจน แต่ที่ตลกคือ คุณโยโกะ โอโนะ ไปยืนข้างจอห์น เลนนอนในสตูดิโอทำไม
เหมือนเป็นอีกเมมเบอร์หนึ่งของสี่เต่าทอง
หรือจอห์นจงใจส่งเข้าประกวด สร้างความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้เพื่อนๆไปทั่ว
ทำนอง love me, love my เมีย
เฮ้อ..
http://www.youtube.com/watch?v=4oZYqAeIdYk&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 27 พ.ย. 08, 11:54
บรรยากาศที่วิดีโอถ่ายทำเพลง let it be มันสดในห้องส่ง ชอบมาก
ทำให้ดิฉันนึกถึงสไตล์รายการเพลง การจับกล้อง มุมภาพ สมัยนั้น ถ้าเทียบเป็นเมืองไทย ที่ใกล้เคียงก็โลกดนตรี ทางช่องห้า
ผู้กำกับรายการมีสามคนที่เก่งมาก บุญชาย ศิริโภคทรัพย์ มาที่หนึ่ง คุณบุญชายนี่เป็นลูกจีน มีสตางค์ ไปจบอเมริกามาโดยตรงทางสายนี้
รองลงมาก็คุณจ้อน นามสกุลดัง ลูกนายพลทหารบก ตอนนี้ดิฉันนึกไม่ออก เสียชีวิตไปแล้วก่อนวัยอันควร
และพระเอกละครรูปหล่อ เซ็กซี่ แต่ท่ามาก (อิอิ) ตรัยเทพ เทวะผลิน ลูกชายร้านส.ธรรมภักดี
สามหนุ่มนี้ เขาผลัดเปลี่ยนเวียนวนกันกำกับรายการเพลงทางช่องห้า ยุคทองเลยค่ะ
วงอะไรจะเกิดหรือไม่เกิดก็ต้องไปออกโลกดนตรีค่ะ
..
คุณเสกสรร ภู่ประดิษฐ์ เสียชีวิตไปแล้วอีกเช่นกัน เป็นโฆษกประจำรายการ
เจ็ดสีคอนเสิตเขาเกิดทีหลัง ทำอะไรรายการโลกดนตรีไม่ได้เลย ..
วันไหนมีอัดรายการโลกดนตรี รถหน้าสนามเป้าจะติดกันจม ยุคทองของช่องห้านั้นผู้การถาวร ช่วยประสิทธิ์ท่านบุกเบิก ตามด้วยท่านปทีป ชัยปาณี
สองนายพลคนเก่งของช่องห้าที่ทำให้ช่องกองทัพบก เกรียงไกรไม่แพ้ใครในยุคหนึ่ง
..เพลง Let it be กล่าวถึง MOther Mary คือแม่แท้ๆของพอล แมคคาร์ทนี่ย์ ที่เสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุ 14 ปี เป็นคนที่ให้ words of wisdom กับเขาว่า let it be...นั่นเอง
บางคนตีความหมายว่าเป็นแม่พระ
เพลงนี้ เปิดในงานฝังศพของลินดา ภรรยาสุดที่รักของพอลเองที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
ลินดาเป็นอเมริกันค่ะ อาชีพเป็นหลักเป็นแหล่งระดับเจ๋ง คือช่างภาพสาว ไม่น่าแปลกใจที่บุตรสาวคนโตของพอล ชื่อ แมรี่ (ชื่อเดียวกับคุณย่า)จะดำเนินรอยตาม
ลินดา หรือเลดี้ลินดา สวยมากค่ะ สวยธรรมชาติ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 27 พ.ย. 08, 20:50
ลินดา อีสท์แมน สะสมชื่อเสียงยุคฮิปปี้ส์ด้วยการถ่ายภาพวงดนตรีดังๆ เมื่อต้องมาถ่ายภาพคณะ the animals เจ้าของเพลงดัง  the house of the rising sun ในลอนดอน ก็ไปเข้าตาหนุ่มพอล แห่งวงสี่เต่าทอง ในคลับแห่งหนึ่ง แต่ไม่ยักมีใครแนะนำเธอให้เขารู้จักเสียที
พอลเป็นหนุ่มขี้อาย แต่ไม่ใช่ไม่มีแฟนเสียเลย คนหนึ่งที่คบนานเป็นตัวเป็นตน สวยระดับนักแสดงนำและร่ำรวย แต่เมื่อเจอลินดา สาวหน้าตาไร้เครื่องสำอาง และเป็นคนเก่ง เขาจะพลาดวินาทีสำคัญนี้ไปได้อย่างไร
พอลเดินไปแนะนำตัวเองเลยว่า ผมชื่อพอล..
และวินาทีนั้น .. ที่ตัดสินใจ พอลเล่าให้ลูกๆฟังว่า ถ้าไม่ตัดสินใจอย่างนั้น แมรี่ สเตลล่า และเจมส์ คงไม่นั่งอยู่ตรงนี้
..
ภาพนี้ของพอล แมรี่ เป็นคนถ่าย


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 28 พ.ย. 08, 00:46
ยังนึกบ่นอยู่เลยครับว่าคุณกุ้งหายไปไหน....อิอิ  โชคดีที่บรรยากาศรอบตัวผมเวลานี้ไม่เครียดอะไรเลยครับ  เพราะมีแต่ชาวนากำลังง่วนเกี่ยวข้าวและนวดข้าว  เครียดนิดหน่อยก็ปัญหาราคาข้าวอ่ะครับ  แต่ผมสิสนุกแวะไปกินอาหารแซ่บๆตามบ้านต่างๆที่กำลังรวมกันทำงาน  อาหารหลากหลายอากาศก็เย็นสบายไม่หนาวสาวๆก็ตรึม....อิอิ  แค่นี้ก็ heaven on earth สำหรับชนชั้นระดับเราแล้วครับ..... :-[

เซอร์พอลร้องเพลงอมตะเพลงนี้ในบรรยากาศแบบสบายๆ  ภาพของจอห์นกับโยโกะก็ไม่มีอัไรนี่ครับถ้าไม่คิดมาก  แต่คงบาดใจแฟนเพลงสาวๆบ้างก็เท่านั้น  หรือบีทเทิ้ลอยู่ในเฟรมแล้วจะมีใครเข้าไปร่วมไม่ได้  ภาพเซอร์พอลกับลินดาในคอนเสิร์ทก็ดูน่ารักดีออกครับ  เธอก็เป็น Wings คนหนึ่ง  เพลงโปรดของผมสำหรับวงนี้คือ I will, In my life โดยเฉพาะเพลงหลังนี่ผมเคยดูในภาพยนต์เก่าๆเรื่องหนึ่ง  ที่เกี่ยวกับสงครามเวียดนาม  เป็นดอลลี่ หรือใครก็ไม่แน่ใจร้องเพลงนี้ได้ดีมาก  แต่ผมจำไม่ได้จริงๆเพราะดูแค่ครั้งเดียวเป็นแบบวีดีโอคาสเสทท์ซะด้วย  จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อหนัง

เรื่องของ จอห์น ฟอร์เกตตี้  ผมอยากฟังครับ  สไตล์เพลงไม่เหมือนใครเล่นไม่ยากแต่ร้องยากชะมัด  ผมชอบเพลง Long as I can see the light ชอบที่มีแซกโซโฟน และท่อนขึ้นต้นอ่ะครับ  Put a candle in the window, cause I feel I've got to move......... :P

http://www.youtube.com/watch?v=nGQiD5eH1WM


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 พ.ย. 08, 14:56
คุณบานาเข้าใจผิดนะคะ
ไอ้เครียดน่ะ ไม่ได้เครียดอะไรหรอกค่ะ ก็รู้อยู่ว่าจุดจบมันอยู่ตรงไหน แต่มันเซ็งค่ะ .. ต้องหา words of wisdom เหมือนพอล เพราะความคิดสร้างสรรค์กระตุก
และถ้าหากโลกนี้ขาดเสียงเพลง ดิฉันคงคิดอะไรไม่ออก
ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง แต่ว่ายังอยู่ในประเด็น
เพื่อนสาวดิฉันคนหนึ่ง เธฮเป็นคนจริงจังกับการสร้างฐานะมาก พี่สาวเธอกระซิบว่า น้องสาวไม่เคยฟังเพลงเลย เอาแต่เรื่องงาน ปกติ เราทำงานในแวดวงเดียวกัน แต่เธอย้ายไปเป็นฝ่ายการตลาด พอห่างกันไม่เท่าไหร่ วันดีคืนดี เส้นโลหิตในสมองแตก..อายุแค่สามสิบกว่า เปิดหนังสือพิมพ์อ่านตอนเช้า ฟุบไปเฉยๆ ต้องส่งโรงพยาบาลทันควัน
ได้หมอดี คนสวยเลยกลับมาสวยใหม่ได้ แต่.... ความคมไม่เหมือนเดิม พูดคำข้ามคำ สมองทำงานไวเหมือนเดิม แต่ประสาทพูด รับไม่ทันไปเฉยเลย
อันดนตรีมีคุณ...เป็นทั้งยาอายุวัฒนะ และเยียวยาอีกต่างหาก หากเธอฟังดนตรี ฟังเพลงทุกวัน คงไม่เป็นอย่างนี้ 
...
ฟังไปเถอะค่ะ เพลง ไม่ว่าจะพ็อพ ร็อค คลาสสิค แล้วแต่ความชอบหรือพื้นฐาน บ้านเดียวกัน ความชอบต่างกันมีถม ตอนเล็กๆ พี่คนหนึ่งของดิฉัน ทำเป็นไม่ชอบเพลงฝรั่ง รักชาติ ชอบลูกทุ่งทั้งที่มันไม่ได้เกี่ยวกันสักนิด
ไม่งั้นจะมีสุภาษิต ลางเนื้อชอบลางยาหรือคะ
แต่พอล่วงสู่วัยหนึ่งก็เห็นฟังเพลงแผ่นเดียวกับดิฉันได้ แถมลูกชายลูกสาวยังร้องเพลงรุ่นดิฉันได้ปร๋อตั้งแต่เล็กๆ
เหมือนพอล ซึงซึมซับความสามารถทางดนตรีจากพ่อ เขาเล่าว่า พ่อชอบเล่นเปียโน และชอบให้ลูกร้องเพลงด้วยกันตั้งแต่เล็กๆ สอนให้เขาสองคนร้องเพลงแบบharmonyมา จนเมื่อมาทำงานแต่งเพลงร่วมกับจอห์น เมื่อจอห์นร้องเพลง พอลก็สามารถประสานได้โดยอัตโนมัติ
ถ้าพูดถึงเรื่องการแต่งเนื้อร้องเป็น พอลได้มาจากแม่
เพราะแม่ชอบอ่านบทกวีให้ฟังตั้งแต่เด็ก
คนในเจอเนอเรชั่นดิฉัน ไม่มีอินเตอร์เน็ต นอกจากแบบเรียนที่โรงเรียนสอน ก็มีวิทยุ ทีวี และหนังสือเท่านั้น
พวกเราโตมากับเพลง และรายการทีวีที่ดี อย่างหนูน้อยบีเวอร์ ..โลกพิศวง แดนสนธยา และโบนันซ่า
พอล โตมาอย่างไร ก็อยากให้ลูกๆของเขาโตมาอย่างนั้น เด็กๆต้องช่วยตัวเอง กินอาหารจากที่ลินดาทำ ใช้เงินเท่าๆเด็กคนอื่น พ่อแม่ดูแลใกล้ชิด
ผล ลูกทั้งสาม สองไปแล้วที่ประสบความสำเร็จ แมรี่เป็นช่างภาพมืออาชีพ ผลงานล่าสุดคือถ่ายให้นิตยสารvanity fair สเตลล่า เป็นดีไซเนอร์ชื่อดัง ออกแบบรองเท้าให้แอดีดาส เสื้อผ้าให้ H& Mและมีแบรนด์ของตัวเอง ส่วนเจมส์ลูกคนเล็กที่หน้าเหมือนพอลแต่ผมทอง ก็เอาดีทางดนตรีแบบพ่อ
เพลงwhen I' m sixty four พอลแต่ง ก่อนจะมาเจอลินดาด้วยซ้ำ ลินดาเป็นนางในฝัน และที่น่าเศร้า เธอจากพอลไปก่อนที่เขาจะอายุครบ 64 และจากไปด้วยโรคเดียวกับที่คุณแม่ของเขาเป็น
มะเร็งทรวงอกค่ะ...
เพลงที่พอลกับลินดามีความหลังด้วยกัน คือ a whiter shade of pale ของ โพรคอล ฮารัม

http://www.youtube.com/watch?v=PbWULu5_nXI

 


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 พ.ย. 08, 15:44
เพลงที่ความหมายพัลวันแต่เรื่องความรักที่พอลแต่ง ช่วงที่อินเลิฟกับคนรักคนก่อนมีหลายเพลง ฟังแล้วก็โหวงเหวง แต่ฮิต เช่น and I love her หรือที่ดังไม่รู้เรื่องทำเงินมหาศาลทั้งโลก เพื่อนๆนักเรียนดิฉันต้องร้องเพลงนี้กันเป็นทั้งที่พวกเรายังเด็กมาก มีแต่tomorrowก็ไปคลั่งไคล้เพลง yesterday กันเสียอีกแน่ะ
อาหารอร่อยกว่านั้นมันไม่มีนี่คะ

ในบรรดาเพลงของพอล ดิฉันว่า มีเพลงหนึ่งที่คนอื่นร้องได้ดีกว่าเจ้าของเสียอีก ก็คือ With a little help from my friend
กลับไปที่อเมริกา ปี 1969 ที่วู้ดสต็อค มีนักร้องเลือดอังกฤษอยู่คนหนึ่ง ไปร้องที่นั่น โดยใช้เพลงของชาวบ้าน เช่น สี่เต่าทอง โจ ค็อคเกอร์ หรือ หมาบ้าโจ

http://www.youtube.com/watch?v=6FMq0iDX1yE

What Would You Do If I Sang Out Of Tune
Would You Stand Up And Walk Out On Me
Lend Me Your Ears And I'll Sing You A Song
I Will Try Not To Sing Out Of Key


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 29 พ.ย. 08, 01:41
โจ ตอนหนุ่มๆหล่อไม่เบาครับ  เพลงนี้ผมว่า บาร์บบร่า สตรัยแซนด์ ร้องเพลงนี้ได้เพราะที่สุด  แต่ได้ฟังของโจร้อง(ครั้งแรก)ก็ไปอีกแบบครับ  การสอนศิลปะในบ้านเราผมว่ายังน้อยไปครับ  จะมีแต่ในเมืองหรือกรุงเทพ  แต่ต่างจังหวัดโรงเรียนที่โชคดีเท่านั้นถึงจะมีครูสอนศิลปะดีดีในชั้นประถม  ซึ่งผมว่ามันสำคัญมากพอพอกับวิชาการด้านอื่นๆ  มันช่วยในความอ่อนโยนและความคิดสร้างสรรได้รับการปลูกฝังและพัฒนาในเด็กควบคู่กับการเติบโต  เราจะได้เด็กที่เป็นนักคิดนักสร้างสรรที่ดีดีอย่างคุณกุ้งอีกเยอะเลยครับ  และศิลปะในด้านเพลงไม่ว่าจะร้องจะเล่นหรือเพียงแต่ฟัง  มันช่วยบำบัดหลายอย่างนอกจากความเครียด  และยังช่วยในการพัฒนาด้านอีคิวอีกด้วย(อิอิ....มาแนววิชาการเลยวันนี้)
"เสพแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์"  มีคนบอกงั้น  เห็นจะจริง  เพราะอาจไม่ใช่แค่ทำให้สงบอย่างเดียว  อาจเกิดความเศร้าซึ้งหรือแม้แต่พลุ่งพล่าน....อิอิ  มีครับดนตรีที่ทำให้คนฮึกเหิมได้  เรียกว่าเร้าใจ  ปลุกใจ  หรืออะไรแล้วแต่จะเรียก  แต่สำหรับผมมีความสุขทุกครั้งครับเพราะผมเลือกฟังตามอารมณ์ที่อยากฟัง  บางทีก็ฟัง บาวารอตติ  คีทาโร่  บางอารมณ์ก็ฟัง ELP, Green day,Nirvana และตอนนี้ไปลานข้าวก็ฟังหมอลำ  ม่วนอีหลี.......อิอิ
เพลงรุ่นพอล  ก็ต้องเรียกว่าอิทธิพลจากในบ้าน  เพลงนี้ก็ชุดซาเจนท์ เปปเปอร์  ไม่อยากได้ยินก็ต้องฟังเพราะเปิดกรอกหูบ่อยๆ  จนคุ้นและชอบ  และสนใจหาเพลงอื่นๆของวงนี้มาฟังแล้วก็หัดเล่นไปด้วย  บีทเทิ้ลเพลงแรกที่เล่นก็ พลีส มิสเตอร์โพสแมน  เพราะง่ายคอร์ดวนๆ  เพลงโฆษณาที่ชอบก็ของ ฟิล คอลลิน เพลง Groovy kind of love แค่เพลงเดียวทำให้ผมต้องมีเพลงของฟิลทุกเพลงมาสะสม  แต่ CCR ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับวงนี้น้อยมาก  แต่ได้ฟังเพลงวงนี้เยอะมากคาดว่าคงรุ่น นีล ยัง  เพราะซาวนด์ดิบๆไม่มีเครื่องช่วยอะไร  เล่นจริงกับอัดแผ่นเสียงไม่แตกต่าง  ไม่รู้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าครับ.......รออ่าน...อิอิ please....... :) :)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 30 พ.ย. 08, 15:45
ยังอยู่ค่ะ ยังอยู่ แต่..อย่าค่ะ คุณบานา อย่าเพิ่งใจร้อน

เราขอหยุดตรงที่โจก่อน เพลงที่วู้ดสต็อคมีอีกversionหนึ่งของโจ
ภาพจะออกไปทางมีเดียมลองช็อตเยอะ สังเกตมือไม้เวลาร้อง
ต่อมาไม่นาน เขาถูกล้อโดยตลกอเมริกันชื่อดัง เบลูชี่
ที่โจเอง ก็ไม่รู้จัก ไม่รู้สึกรู้สา หรือยัวะ ตรงกันข้ามกลับขำ แล้วบอกว่าเขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเป็นอย่างนั้น มันเป็นไปเองตอนร้อง
ไม่เหมือนใครค่ะ
อยากให้ชมอีกวาระหนึ่ง โจอาวุโสขึ้น หลายครั้งที่เขาได้รับเชิญให้ร้องคู่กับผู้มีชื่อเสียงอื่นๆ ตั้งแต่ แพทตี้ ลาเบล
ปาวาร็อตติ หรือร้อง โดยท่อนโซโล เอริค แคลปตันเล่นให้ หวานซะไม่มีอ้ะ

http://www.youtube.com/watch?v=oQDakdp5WZ0&feature=related
่โจ กับปาวาร็อตติ ร้องคุ่เพลง you are so beautiful สำหรับสุภาพสตรี มีคนเคยร้องให้คุณฟังหรือยังคะ ดิฉันว่า เพลงนี้ใครร้องให้ฟัง ก็จะรู้สึกว่ามันเพราะทั้งนั้น
แต่เสียงของโจ มันพร่า ลึก หวาน ทรงพลัง และยิ่งใหญ่
พวกแมนๆเขาชอบกันมาก
ดิฉันเองเพลินกับท่าเหวี่ยงมือไม้ รวมถึงนิ้วที่กระดิกไปมาเหมือนเล่นเปียโน บางทีก็หันมาคอนดัควงเขาเฉยเลย
ที่จริงโจน่ะ ตีกลองเก่ง เพื่อนๆให้เลือกเอาว่าจะร้องหรือตีกลองอย่างใดอย่างหนึ่ง แถมบอกว่าอย่าร้องเลย เล่นกลองเหอะ เพราะถ้ายูไม่เล่น เราก็ไม่รู้จะไปหาใครมา
แต่เรื่องก็จบลงตรงที่โจ เป็นนักร้องดีกว่า
นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
เสียงแบบนี้ จำได้ติดหู แม้เวลาจะเปลี่ยนไป
http://www.youtube.com/watch?v=29zQGhnKQck&NR=1

you are so beautiful
แต่งโดย Billy Preston and Bruce Fisher

YOU ARE SO BEAUTIFUL TO ME
YOU ARE SO BEAUTIFUL TO ME
CAN'T YOU SEE
YOUR EVERYTHING I HOPED FOR
YOUR EVERYTHING I NEED
YOU ARE SO BEAUTIFUL TO ME

SUCH JOY AND HAPPINESS YOU BRING
SUCH JOY AND HAPPINESS YOU BRING
LIKE A DREAM
A GUIDING LIGHT THAT SHINES IN THE NIGHT
HEAVENS GIFT TO ME
YOU ARE SO BEAUTIFUL TO ME


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 02 ธ.ค. 08, 15:23
ฟังโจ หมาบ้า แล้วลองกลับไปฟัง วงเล็ด เซปปลิ้นใน บันไดสู่สวรรค์ หรือพูดภาษาวันนี้ง่ายๆไม่ให้ลิเกว่า"ทางไปสวรรค์ " เพลงนี้.. มีคนแปลความไว้มากมาย อย่างสุภาพสตรีที่ซื้อบันได เป็นได้ทั้งผู้หญิงบ้าเพชรนิลจินดา หรือเป็นได้ทั้งผู้ส่องสว่าง
ส่วน piper ก็มีหลายความหมาย อ่านกันตาแฉะ ล้วนแต่คาดเดา
มีนักแปลความหมายจากนิวซีแลนด์คนหนึ่งตีความซะ น่าทึ่ง
เอาเป็นว่า ในเมื่อตัวคนแต่งเอง คือรอเบิร์ต พูดสบายๆว่า ผมขอเสนอบทเพลงแห่งความหวังให้ฟังกัน
ดิฉันก็เลยสุมหัวกันกับเพื่อนรัก ถกกันไปกันมา จนได้มาแบบหนึ่ง ที่อิงทั้งเรื่องของวิญญาณ และเทวดา ทางเลือกว่าจะไปสวรรค์หรือนรก ถ้าเดินผิดไปแล้วยังมีโอกาสเปลี่ยนใจได้
piper ทำให้นึกถึงเทวดากาบรีเอล ในวันพิพากษาโลก ในไพ่ทาโรต์เบอร์ 20 judgement
ที่จริง จิมมี่ เพจเองก็คลั่งไคล้อลิสเตอร์ ครอว์ลี่ย์ เจ้าพ่อทาโรต์ คนหนึ่งอยู่แล้ว
ส่วนปรัชญาตะวันออกน่ะ รอเบิร์ตชื่นชม
จึงเป็นได้ทั้งทางพุทธ คริสต์
สำหรับดิฉัน สวรรค์น่ะ ไปง่าย ไม่ต้องใช้เงินซื้อหรือทำบุญแบบเจ้าบุญทุ่ม คุณแค่รับกระแสเพลงแห่งความดีของพระเจ้า ไม่เลือกเดินทางผิด
คุณก็ไปที่นั่นได้เหมือนกัน

ไปฟังอีกทีค่ะ แล้วคิดเหมือนดิฉันกับเพื่อนไหม ..

http://www.youtube.com/watch?v=ayzhJKy8H_A

Stairway to heaven
-robert plant
ทางไปสวรรค์

มีสุภาพสตรีนางหนึ่ง ผู้เชื่อว่า
สรรพสิ่งที่ส่งประกายล้วนหมายถึงทอง
เธอกำลังซื้อทางไปสวรรค์

เมื่อถึงสวรรค์ เธอหวังว่า
ถึงร้านทั้งหลายจะปิด
แค่พูดคำเดียว เธอก็จะได้ทุกสิ่งที่ใฝ่หา
อูว์..แล้วเธอก็กำลังซื้อทางไปสวรรค์

มีสัญลักษณ์บอกบนฝาผนัง
แต่เธอก็ต้องดูให้แน่ใจ
เพราะบางครั้ง คำๆเดียวมีสองความหมาย

บนต้นไม้ ที่กิ่งไม้
มีนกที่ร้องเพลงได้
แต่บางครั้ง สิ่งที่ได้รับก็ไม่เป็นไปตามที่คิด

โอ มันช่างน่าฉงนเสียจริง

ความรู้สึกของฉัน
เมื่อมองไปทางทิศตะวันตก
วิญญาณฉันกำลังอาลัยอาวรณ์
ที่จะต้องจากร่างไป

ในจิตสำนึก
ฉันเห็นควันเป็นวงๆ ลอยผ่านหมู่ไม้
และได้ยินเสียงกลุ่มคนมากมายที่มุงดูอยู่
เสียงนั้นกระซิบว่า ไม่นาน
ถ้าเราทุกคนร่ำหาเสียงเพลง
เทวดาผู้เป่าจะนำเราไปสู่คำตอบ

และวันใหม่จะส่องสว่าง
สำหรับผู้ยืนหยัดด้วยศรัทธา
ป่าทุกป่าจะกังวานด้วยเสียงหัวเราะ

ถ้ามีเสียงจอแจอยู่ที่รั้วพุ่มไม้รายรอบ
จงอย่าตื่นตระหนกตอนนี้
แค่เสียงในผู้คนทำบ้านรับเทศกาลใบไม้ผลิ
รอการมาของสาวน้อยโปรยดอกไม้

มีทางเดินสองแพร่งให้เลือกเดิน
ในกาลเวลาข้างหน้า
ยังพอมีโอกาสเลือกเส้นทางใหม่ได้
อูว์ ..มันช่างน่าฉงนเสียจริง

เสียงฮัมเพลงยังอื้ออึงอยู่ในสมอง ไม่ลางเลือน
ถ้าคุณยังไม่ตระหนักรู้
เทวดาผู้เป่าเพลงกำลังส่งกระแสเชิญชวนอยู่

คุณสุภาพสตรีที่รัก คุณได้ยินเสียงในสายลมไหม
เสียงนั้นแหละ นำทางไปสู่สวรรค์
และระหว่างที่เราวนเวียนอยู่ในเส้นทาง
เมื่อเงาของเราสูงเหนือวิญญาณ
สุภาพสตรี คนที่เรารู้ว่าใครก็เดินมา
สว่าง..ใส เพราะเธออยากให้เห็นว่า
สรรพสิ่งกลายเป็นทองได้อย่างไร

และถ้าคุณตั้งใจฟังให้ดี
คุณจะบรรลุสัจจธรรมในที่สุด
เมื่อทุกคนหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน
พลังจะแข็งแกร่งปานศิลา
และจะไม่กลิ้งไปมาดังก้อนกรวด
..
โอ เธอกำลังซื้อทางไปสวรรค์

There's a lady who's sure
All that glitters is gold
And she's buying a stairway to heaven
When she gets there she knows
If the stores are all closed
With a word she can get what she came for
Ooh, ooh, ooh, ooh, ooh
And she's buying a stairway to heaven

There's a sign on the wall
But she wants to be sure
'Cause you know sometimes words have
Two meanings
In a tree by the brook
There's a songbird who sings
Sometimes all of our thoughts are
Misgiven

Ooh, it makes me wonder
Ooh, it makes me wonder

There's a feeling I get
When I look to the west
And my spirit is crying
For leaving

In my thoughts I have seen
Rings of smoke through the trees
And the voices of those
Who stand looking

Ooh, it makes me wonder
Ooh, it really makes me wonder

And it's whispered that soon
If we all call the tune
Then the piper will lead us to reason
And a new day will dawn
For those who stand long
And the forests will
Echo with laughter

Oh, whoa, whoa, whoa, whoa, ooh, whoa, oh

If there's a bustle in your hedgerow
Don't be alarmed now
It's just a spring clean
For the May queen
Yes, there are two paths you can go by
But in the long run
There's still time to change
The road you're on

And it makes me wonder
Aw, uh, oh

Your head is humming and it won't go
In case you don't know
The piper's calling you to join him

Dear lady, can you hear the wind blow?
And did you know
Your stairway lies on the whispering wind?

(Solo)
And as we wind on down the road
Our shadows taller than our soul
There walks a lady we all know
Who shines white light and wants to show
How everything still turns to gold
And if you listen very hard
The truth will come to you at last
When all are one and one is all
To be a rock and not to roll

And she's buying a stairway
To heaven...





กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 03 ธ.ค. 08, 00:24
Piper.. ผมล่ะนึกถึงแต่ปี่สก๊อต  ไม่งั้นก็นักมวยปล้ำ  และไม่รู้เรื่องทาโร่  แต่เห็นคุณกุ้งแปลแล้วสุดยอดเลยครับ  ช่วงนี้มีแต่งานแต่งเลยเถิดไปจนเรียกว่าหยำเป..อิอิ  บรรยากาศพาไปอ่ะครับ you are so beautyful เหมาะจริงๆในงานแต่ง  ประเภท now and forever วุ้ย....อิจฉา  แก่ดีกรีไปหน่อยนี่ก็ยังมึนไม่หายเลยครับยังเหลืออีกงาน  เพื่อนสาวตอนเรียนมหาลัยไม่ไปคงไม่ได้  คงต้องยืมเพลงนี้ไปบรรเลงในงานซะหน่อย....อิอิ  เกิดไอเดีย

เอามาฝากเพลงนึงครับในบรรยากาศ  Every Woman In The World  ของ the air supply
http://www.youtube.com/watch?v=GTKi6V6qCBk


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 03 ธ.ค. 08, 12:02
เพลงรักง่ายๆของพอล แมคคาร์ทนี่ย์ในวันสบายใจ
สำหรับผู้ที่ยังมีหัวใจให้กับความรัก..
ที่เป็นแฟนเรือนไทยและกุ้งแห้งเยอรมัน
I WILL

Lyrics:
Who knows how long I've loved you
You know I love you still
Will I wait a lonely life time
If you want me to I will
ใครรู้บ้างว่าฉันรักเธอมานานแค่ไหน
เธอสิรู้ ว่าฉันยังรักเธออยู่
หรือฉันจะต้องรออย่างเดียวดายไปชั่วชีวิต
ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น ฉันก็ยอม

For if I ever saw you
I didn't catch your name
But it never really mattered
I will always feel the same
ถึงแม้ว่า รู้สึกว่าคุ้นหน้าเธอมาก่อน
แต่ดันจำชื่อไม่ได้
แต่ไม่เห็นมันจะสำคัญตรงไหน
เพราะฉันก็ยังรู้สึกอย่างนี้ไม่เปลี่ยน

Love you forever and forever
Love you with all my heart
Love you whenever we're together
Love you when we're apart
รักเธอเสมอและตลอดไป
รักเธอหมดใจทั้งดวง
รักเธอทุกยามที่อยู่ใกล้
รักเธอแม้ยามไกลห่างกัน

And when at last I find you
Your song will fill the air
Sing it loud so I can hear you
Make it easy to be near you
For the things you do endear you to me
And you know I will
และเมื่อฉันหาเธอจนพบ
เพลงของเธอจะกรุ่นอยู่ในสายลม
ร้องให้ก้องจนฉันได้ยินสิ
ทำให้รู้ว่าเธออยู่ใกล้ๆ
ทุกสิ่งที่เธอทำช่างประทับใจ
และเธอก็รู้ว่า ฉันจะรักเธอตลอดไป ตลอดไป
I will
Ooo, la
ยังไงก็อย่างงี้ ..ตลอดไป
http://www.youtube.com/watch?v=JGnNQM_9q-w&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 03 ธ.ค. 08, 14:28
ภาพเด็กน้อยที่โผล่หน้าออกมาในเสื้ออันอบอุ่นคือแมรี่ ลูกสาวคนแรกของพอล กับลินดา ดูหน้าของสองสาว คนหนึ่งเป็นช่างภาพชื่อดัง และอีกคนเป็นนักออกแบบแฟชั่น
แมรี่กับสเตลล่า ได้แม่และพ่อมาคนละครึ่งๆนะคะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 03 ธ.ค. 08, 14:31
และนี่คือเจมส์ ลูกชายคนเดียว ที่อยู่ที่บ้านพ่อแม่ตลอดแม้ในช่วงลินดาป่วยหนัก คอยดูแลเธอ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 04 ธ.ค. 08, 00:41
Yeah  I will love you forever and forever...........
คุณกุ้งแปลได้ประทับใจมากครับ  ทั้งเพลงของบ๊อบ และ ของพอล  ดูภาพลูกของพอลแล้วขำ  หน้าเหมือนคุณพ่อทุกคน(ดีนะที่ลูกสาวได้ลินดามาบ้าง)  ดูภาพวีดีทัศน์ที่สาวๆสมัยนั้นคลั่งใคล้บีทเทิ้ลแล้วยิ่งใหญ่จริงๆ  เป็นสี่หนุ่มที่มีฝีมือแล้วโชคดีมาก  ยิ่งเห็นพอลเล่นกับลูกแล้วน่ารักมาก  ช่วงนี้วันพ่อซะด้วย  นึกถึงเพลงของ John Cash ที่ Cat เอามาร้องได้น่าฟังเข้ากับบรรยากาศเลยเอามาฝากคุณกุ้งครับ......... :-[

http://www.youtube.com/watch?v=VlGLuRlhW3c

Father & Son
Cat Stevens

Father
It’s not time to make a change,
Just relax, take it easy.
You’re still young, that’s your fault,
There’s so much you have to know.
Find a girl, settle down,
If you want you can marry.
Look at me, I am old, but I’m happy.

I was once like you are now, and I know that it’s not easy,
To be calm when you’ve found something going on.
But take your time, think a lot,
Why, think of everything you’ve got.
For you will still be here tomorrow, but your dreams may not.
Son
How can I try to explain, when I do he turns away again.
It’s always been the same, same old story.
From the moment I could talk I was ordered to listen.
Now there’s a way and I know that I have to go away.
I know I have to go.
Father
It’s not time to make a change,
Just sit down, take it slowly.
You’re still young, that’s your fault,
There’s so much you have to go through.
Find a girl, settle down,
If you want you can marry.
Look at me, I am old, but I’m happy.
(son-- away away away, I know I have to
Make this decision alone - no)
Son
All the times that I cried, keeping all the things I knew inside,
It’s hard, but it’s harder to ignore it.
If they were right, I’d agree, but it’s them you know not me.
Now there’s a way and I know that I have to go away.
I know I have to go.
(father-- stay stay stay, why must you go and
Make this decision alone? )


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 04 ธ.ค. 08, 11:58
ท่ามกลางสาระและกวีในบทเพลงทั้งหลายที่ฟังแล้วอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ บรรยากาศเก่าๆหลังยุคบีทเติ้ลส์ที่อังกฤษรุกโลกดนตรีแหลกด้วยวงที่เก่งกาจดาหน้ากันเข้ามา
อเมริกันหนาว..
มีเพลงๆหนึ่งที่ฉีกมาก
จนทำให้ดิฉันต้องไปควานหาเนื้อเพลงมาให้ได้ เพื่อที่จะร้องเพลงนี้ และในยุคนั้น วิธีแรกก็คือไปหาเทปของเขา เทปที่สรรหาก็ต้องเป็นเทปชั้นดี ที่มีเนื้อเพลงในกล่องด้วย
สมัยทำงานโฆษณา แหล่งช็อปปิ้งคือร้านเทปในวอยละลายทรัพย์ค่ะ เดินไปหาข้าวเที่ยงรับประทานกันเสร็จ ก็แวะร้านเทปเป็นกิจวัตร เป็นพีค็อค ม้วนละประมาณ 18-25 บาท
ซื้อหลายๆม้วน อาตี๋เจ้าของร้านลดให้อีกต่างหาก ไปเจอพวกกันในร้าน โดยเฉพาะพวกอาร์ตไดเร็คเตอร์ซึ่งอุดหนุนได้ทุกวัน
อยากจะเล่าว่า มีเพื่อนครีเอทีฟชายบางคน หาวิธีผูกมิตรกับดิฉัน ด้วยการซื้อเทปให้ฟัง
จะด้วยหวังว่าจะให้ดิฉันชอบเพลงที่เขาฟัง หรือพยายามเดาใจไม่ทราบ
เขาซื้อแผ่น ฟังกี้มิวสิคให้ค่ะ
แล้วถามว่าชอบไหมครับ ใครจะกล้าบอกล่ะคะ ว่าไม่ชอบ ก็บอกว่า เพลินดี
เขาคนนี้ คงเหมือนคุณบานาน่ะแหละค่ะ ชอบคิดว่าผู้หญิงฟังเพลงแบบที่พวกเขาฟังไม่เป็น ลองแบบนั้นไปก่อนเหอะ
แต่กับเพื่อนสนิทๆ เขาจะรู้เลยว่า ถ้าส่งเพลงแบบนั้นมาให้ดิฉันฟังจะต้องถูกเอ็ดด้วยสายตา ให้อ่านเองว่า ชิชะ ดูถูกรสนิยมชั้นมากไปแล้วนะยะ
ก็แค่เรื่องขำๆ ในหมู่เพื่อนค่ะ
กลับมาที่เพลงๆที่ดิฉันต้องไปหาเนื้อ เมื่อฟังครั้งแรกๆ ก็เพลงของเฟรดดี้ เมอคิวรี่ วงควีนไงคะ
เจ้าของไอเดียเอาร็อคมาทำเป็นดราม่าบนเวที ในสไตล์opera แต่แต่งตัวแต่งหน้าซะดึงดูด
แนวเดียวกับที่พีท กับรอเจอร์ ดัลทรีย์ แห่ง the who ทำมาแล้วใน Tommy

ดิฉันขออนุญาตคั่น ด้วยการให้การบ้านคุณบานา เพื่อไม่ให้หยำเปมาก ก็คือให้แปลเพลงนี้ค่ะ
 

bohemian rhapsody

Is this the real life?
Is this just fantasy?
Caught in a landslide
No escape from reality
Open your eyes
Look up to the skies and see
I'm just a poor boy (poor boy), I need no sympathy
Because I'm easy come, easy go
little high, little low
Anyway the wind blows, doesn't really matter to me, to me

Mama, just killed a man
Put a gun against his head
Pulled my trigger, now he's dead
Mama, life had just begun
But now I've gone and thrown it all away
Mama, ooo
Didn't mean to make you cry
If I'm not back again this time tomorrow
Carry on, carry on, as if nothing really matters

It's too late, my time has come
Sends shivers down my spine
Body's aching all the time
Goodbye everybody - I've got to go
Gotta leave you all behind and face the truth
Mama, ooo - (anyway the wind blows)
I don't want to die
I sometimes wish I'd never been born at all

<short guitar solo, proceeds into faster part>

I see a little silhouetto of a man
Scaramouche, scaramouche, will you do the fandango?
Thunderbolts and lightning - very very frightening me
Galileo, Galileo,
Galileo, Galileo,
Galileo Figaro - magnifico

I'm just a poor boy nobody loves me
He's just a poor boy from a poor family
Spare him his life from this monstrosity
Easy come easy go - will you let me go
Bismillah! No - we will not let you go - let him go
Bismillah! We will not let you go - let him go
Bismillah! We will not let you go - let me go
Will not let you go - let me go (never)
Never let you go - let me go
Never let me go - ooo
No, no, no, no, no, no, no -
Oh mama mia, mama mia, mama mia let me go
Beelzebub has the devil put aside for me
for me
for me
for me

<guitar bridge>

So you think you can stone me and spit in my eye?
So you think you can love me and leave me to die?
Oh baby - can't do this to me baby
Just gotta get out - just gotta get right outta here

<guitar solo>

Ooh yeah, ooh yeah
Nothing really matters
Anyone can see
Nothing really matters - nothing really matters to me
<instrumental ending>
Anyway the wind blows...
<fade out>


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 05 ธ.ค. 08, 01:27
อิอิ.......คุณกุ้งแซวผมจนได้  ก็จริงนี่ครับเวลาให้สาวๆฟัง Green day , Nirvana  etc. ทีไรเป็นปากจู๋ส่ายหน้าทุกทีมิเคยพานพบรสนิยมแบบคุณกุ้งจริงๆครับ  ได้ยินเหมือนกันครับระหว่างอังกฤษกับอเมริกา  แต่ผมชอบทั้งสองไม่ว่าจะแบบ ELP หรือ slipknot  โปรเกรสสีฟแบบ Yes หรือ Queen ที่ชอบเรียกว่าโอเปร่าร็อค  ก็ฟังได้ครับแต่ในบางอารมณ์  ถ้าช่วงอินเลิฟก็อาจหันมาฟังพวก easy listening แต่โดยสันดานก็ชอบร็อคล่ะครับ....อิอิ

คุณกุ้งให้การบ้านทำให้นึกถึงท่านอาจารย์ใหญ่  อาจารย์พิพัฒน์....... :)  มีหลายศัทพ์ที่ผมแปลไม่ได้จริงๆ  ถามผู้รู้ว่าเป็นคำสวด , คำเอื้อน อะไรทำนองนี้อ่ะครับ  แต่พอทราบเนื้อหาโดยรวมที่แฝงปรัชญาชีวิตไว้  ยังไงคุณกุ้งก็พยายามฝืนใจอ่านดูนะครับ  ผิดพลาดขออภัยด้วยครับ........ 8) 8) 8)

Bohemian Rhapsody
Queen

Is this the real life?
Is this just fantasy?
Caught in a landslide
No escape from reality
นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นหรือ
หรือนี่เป็นสิ่งที่จินตนาการขึ้นมา
จงจับไว้ในสิ่งที่กำลังจะสลาย
ไม่อาจหลีกหนีจากความเป็นจริงได้

Open your eyes
Look up to the skies and see
เปิดดวงตาของคุณ
แหงนมองไปบนท้องฟ้าและจงดู

I'm just a poor boy, I need no sympathy
Because I'm easy come, easy go
A little high, little low
Anyway the wind blows, doesn't really matter to me, to me
ฉันเป็นเพียงคนจน ฉันไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร
เพราะฉันเป็นคนเล็กๆที่ง่ายๆ สบายๆ
อย่างไรก็ตาม สายลมก็ยังคงพัดผ่านไป
และก็ไม่มีอะไรสำคัญจริงแท้สำหรับฉัน

Mama, just killed a man
Put a gun against his head
Pulled my trigger, now he's dead
Mama, life had just begun
But now I've gone and thrown it all away
แม่ ลูกเพิ่งฆ่าคน...เพียงแค่เอาปืนจ่อหัว
แล้วเหนี่ยวไก...เขาก็ตาย
แม่ ชีวิตลูกเพิ่งจะเริ่มต้น
แต่ตอนนี้เหมือนกลับว่า..ลูกได้ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปแล้ว

Mama, ooo
Didn't mean to make you cry
If I'm not back again this time tomorrow
Carry on, carry on, as if nothing really matters
แม่จ๋า....
ลูกไม่ตั้งใจที่จะทำให้แม่ต้องเสียใจ
ถ้าหากลูกไม่ได้กลับมาที่นี่อีก...ในเวลานี้ของพรุ่งนี้
ขอให้แม่จงเข้มแข็งและดำเนินชีวิตต่อไป

Too late, my time has come
Sends shivers down my spine
Body's aching all the time
Goodbye everybody - I've got to go
Gotta leave you all behind and face the truth
สายไปแล้ว เวลาของฉันคงหมดแล้ว
ความหนาวสั่นสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง
มันเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วร่าง
ลาก่อนทุกคน ฉันคงต้องไปแล้ว
ต้องทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลัง และเผชิญความจริงที่เกิดขึ้น

Mama, ooo - (anyway the wind blows)
I don't want to die
I sometimes wish I'd never been born at all
แม่จ๋า.... (แม้ว่าจะเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน)
ลูกยังไม่อยากตาย
มีบางครั้งที่คิดว่า ลูกไม่น่าจะเกิดมาเลย

I see a little silhouetto of a man
Scaramouch, scaramouch will you do the fandango
Thunderbolt and lightning - very very frightening me
Gallileo, Gallileo,
Gallileo, Gallileo,
Gallileo Figaro - magnifico
ฉันเห็นร่างเป็นเงารางๆ ของชายคนหนึ่ง
สแคระมูช, สแคระมูช เต้นระบำได้ไหม?
ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ แผดดังสนั่น จนทำให้ฉันรู้สึกกลัว
Gallileo, Gallileo,
Gallileo, Gallileo,
Gallileo Figaro - magnifico (แปลไม่ได้..อิอิ)

But I'm just a poor boy and nobody loves me
He's just a poor boy from a poor family
Spare him his life from this monstrosity
Easy come easy go - will you let me go
แต่ฉันก็เป็นเพียงคนจน ไร้ซึ่งคนรักใคร่
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ ที่มาจากครอบครัวจนๆชั้นต่ำ
ปล่อยเขาจากวิถีชีวิตอันโหดร้ายเถอะ...
เอาง่ายๆ เลยนะ พวกคุณจะปล่อยฉันไปได้ไหม

Bismillah! No - we will not let you go - let him go
Bismillah! We will not let you go - let him go
Bismillah! We will not let you go - let me go
Will not let you go - let me go (never)
Never let you go - let me go
Never let me go - ooo
No, no, no, no, no, no, no -
Oh mama mia, mama mia, mama mia let me go
Beelzebub has a devil put aside for me
for me    for me
บิสมิลล่าห์(คำสวดภาษาอาหรับ)...... ไม่ - เราจะไม่ปล่อยเธอไป(เสียน่ากลัว) – ปล่อยเขาไป(เสียงไพเราะ)
บิสมิลล่าห์..... เราจะไม่ปล่อยเธอไป – ปล่อยเขาไป
บิสมิลล่าห์..... เราจะไม่ปล่อยคุณไป – ปล่อยเขาไป
จะไม่ปล่อยคุณไป – ปล่อยฉันไป (ไม่เป็นอันขาด)
ไม่มีวันปล่อยคุณไป – ปล่อยฉันไปเถอะ
ไม่มีวันปล่อยคุณไป – อูววววว์  ไม่ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แม่จ๋า... ได้โปรดปลดปล่อยลูกด้วยเถิด
ปีศาจร้ายซาตานทั้งหลาย  เอามารพจญตนนั้นไปจากลูก...เพื่อลูก...สำหรับลูก

So you think you can stone me and spit in my eye
So you think you can love me and leave me to die
คุณคิดว่าคุณจะปาก้อนหินใส่ผม ถ่มน้ำลายรดหน้า ดูถูกผมได้หรือ?
คุณคิดว่าคุณจะรักแล้วจบด้วยการทิ้งไป ปล่อยฉันตรอมใจตายได้งั้นหรือ?

Oh baby - can't do this to me baby
Just gotta get out - just gotta get right outta here
โอที่รัก - ทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ
ต้องออกไป..ไปจากที่นี่..ถูกต้องแล้ว  ออกไปจากที่นี่กันเถอะ

Ooh yeah, ooh yeah

Nothing really matters
Anyone can see
Nothing really matters
Nothing really matters to me
ไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสารจริงๆ
ทุกคนสามารถเข้าใจได้
ไม่มีสิ่งใดจริงแท้แน่นอนหรอก ..สำหรับฉัน

Anyway the wind blows...
และสายลมยังคงพัดผ่านไปเช่นเดิม...


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 06 ธ.ค. 08, 08:30
 ;) 5555
ถ้าอาจารย์ของคุณ คุณพิพัฒน์มาอ่านเข้าคงอมยิ้มและรู้สึกเหมือนดิฉันตอนนี้ค่ะ
ว่าน่ารักดี เป็นเรื่องเป็นราว ได้อารมณ์ แม้จะมีบางประโยคที่ยากจะแปลได้สละสลวย เช่น
Caught in a landslide
No escape from reality ฯลฯ
การเขียนเพลงไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องเริ่มจากการมีไอเดียก่อน และยิ่งเป็นยุคที่ศิลปินต้องพึ่งยาเสพติดถึงจะมีไอเดีย ยิ่งแปลยากใหญ่
ดิฉันชอบงานของเฟรดดี้ เมอคิวรี่และเพื่อนร่วมวงของเขา ไบรอัน เมย์ค่ะ
อย่างเพลงtoo much love will kill you เขียนได้เพราะมาก และเพลงก็สวยงาม
เฟรดดี้ ได้รับอิทธิพลจากเอลวิส บีทเติ้ลส์ และไลซ่า มิเนลลี่ เขามีพลังเสียงที่ดีมาก เป็นนักร้องนักแต่งเพลงที่สามารถคนหนึ่ง น่าเสียดายที่เสียชีวิตเร็วไป เรื่องราวของเขาอ่านแล้วต้องซึม
ส่วนไบรอัน เมย์ ยิ่งน่าทึ่ง คนอะไร เรียนเก่งชมัด เป็นทั้งอาร์ตทิสท์และเป็นทั้งนักฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ เพิ่งได้พีเอชดี และเป็น ชานเซลอร์ มหาวิทยาลัยในลิเวอร์พุล
ลองฟังเพลงนี้ ที่ปาวารอตติกับเขา ในคอนเสิร์ทการกุศลหาทุนช่วยเด็กในไลบีเรีย
http://www.youtube.com/watch?v=C7FGPIRJx6I
I'm just the pieces of the man I used to be
Too many bitter tears are raining down on me
I'm far away from home
And I've been facing this alone
For much too long
I feel like no-one ever told the truth to me
About growing up and what a struggle it would be
In my tangled state of mind
I've been looking back to find
Where I went wrong
Too much love will kill you
If you can't make up your mind
Torn between the lover
And the love you leave behind
You're headed for disaster
'cos you never read the signs
Too much love will kill you
Every time
I'm just the shadow of the man I used to be
And it seems like there's no way out of this for me
I used to bring you sunshine
.....ฯลฯ
ใครจะอาสาถอดความบ้างคะ
http://www.youtube.com/watch?v=EceOhfqYQhw
versionนี้ เฟรดดี้ร้องค่ะ





กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 06 ธ.ค. 08, 14:10
ไหนๆก็ออกนอกลู่นอกทางวู้ดสต็อคมาพอประมาณ เพลงของควีนที่ใครๆก็ร้องได้อีกเพลงคือ Love of my life เฟรดดี้เขียนเพลงนี้จากเปียโนอีกเช่นเคย มันเป็นวิธีการของเขา ภาษาก็แสนจะง่าย คนอะไรไม่รู้เก่งจัง ทั้งแต่ง ร้อง และเล่นเองจนใครๆเรียกมันว่า freddie song
ถ้าขึ้นเวทีเล่นสดเมื่อไหร่ เฟรดดี้จะร้องแค่ท่อนแรก แล้วก็ปล่อยให้มวลแฟนของควีนร้องกันเอง
แบบเดียวกับที่ดีพเพอร์เพิ่ลปล่อยให้แฟนๆร้อง smoke on the water ท่อน refrain กันเอง
http://www.youtube.com/watch?v=u8-rH2ilkxk&feature=related

Love Of My Life Lyrics

Love of my life - you've hurt me
You've broken my heart and now you leave me
Love of my life can't you see
Bring it back, bring it back
Don't take it away from me
Because you don't know -
What it means to me

Love of my life - don't leave me
You've taken my love and now desert me
Love of my life can't you see
Bring it back, bring it back
Don't take it away from me
Because you don't know -
What it means to me

You will remember -
When this is blown over
And everything's all by the way -
When I grow older
I will be there at your side to remind you
How I still love you - I still love you

Back - hurry back
please bring it back home to me
Because you don't know
What it means to me

Love of my life
Love of my life ...
Oooh, oooh...

http://www.youtube.com/watch?v=w1ydSXHsc9Y&feature=related
เมื่อเฟรดดี้จากไป ไบรอันก็นำเวอร์ชั่นที่เป็นกีตาร์มาเล่น.. ฟังดูก็สบายๆ เขาตามเฟรดดี้โดยให้คนร้องไปด้วย ในการแสดงหนึ่งที่อังกฤษ เขาบอกผู้ชมว่า คุณแม่ของเฟรดดี้มาชมด้วย ขอให้พวกเราร้องให้กับคุณแม่ของเฟรดดี้ด้วย
ทำเอาทุกคนเทใจให้หมดเลย
ครอบครัวของเขาเชื้อสายเปอร์เชีย หรือปาร์ซี เรียกแบบไทยคือเขาเป็นแขกขาวนั่นเอง เกิดที่ประเทศแซนซิบาร์ ซึ่งพลเมืองส่วนใหญ่เป็นคนผิวสี พูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อเพราะเป็นอาณานิคมเก่า
ย้ายมาอยู่บอมเบย์ หรือมุมไบ ก่อนที่จะกลับไปแซนซิบาร์ใหม่ และเมื่อมีการกวาดล้างทางการเมืองวุ่นวาย ก็ย้ายมาปักหลักที่อังกฤษเป็นการถาวร
เฟรดดี้ทิ้งชื่อและตัวตนเก่า สร้างชื่อนามสกุลใหม่ขึ้นมา ไม่น่าแปลกใจที่เขาเขียนเพลงให้ควีนแต่มีภาษาอาหรับปนได้ บางคำมาจากคัมภีร์บ้าง ฟังแล้วเง็ง
คนแซนซิบาร์ภูมิใจในตัวเขา แต่พอจะจัดงานเฉลิมฉลองให้ในวันครบรอบหกสิบปี กระทรวงวัฒนธรรมไดโนเสาร์เต่าตุ่นบอกว่า ไม่อยากให้คนรำลึกถึงเขาขนาดนั้นเพราะจริงๆแล้ว เขาไม่ใช่ชาวแซนซิบาร์ และการนำเกย์อย่างเฟรดดี้มาเกี่ยวข้องกับเกาะนี้ จะทำให้ชาติอิสลามแปดเปื้อน
(ฮัดชิ้ว....ให้กับความใจแคบของกระทรวงนี้ เอ เหมือนประเทศอะไรนะ)
ในขณะที่โลกถือว่าเขาเป็นชาวเอเชียที่ทรงอิทธิพลของวงการดนตรี ประเทศอัฟริกาที่เขาเกิดกลับดูแคลนเสียนี่
นอกจากแต่งเพลงเก่งและแสดงบนเวทีได้ไม่เหมือนใคร นับว่า เฟรดดี้จัดการเรื่องส่วนตัวของเขาได้ดีมาก ที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่แต่งงานนะคะ เฟรดดี้เคยใช้ชีวิตคู่กับแมรี่ ออสติน สาวที่เพื่อนแนะนำให้ เธอเป็นแรงบันดาลใจในเพลงนี้เอง
ถึงแม้จะหย่า เฟรดดี้ก็บอกว่าแมรี่เป็นเพื่อนแท้ในชีวิตของเขา พร้อมกับรับเป็นพ่ออุปถัมภ์ให้ลูกของแมรี่ในภายหลังด้วย
เมื่อเขาเสียชีวิต พินัยกรรมของเขาน่าทึ่งมาก มรดกส่วนใหญ่ บ้านสไตล์จอร์เจียนที่ย่านเคนซิงตันที่เขารัก รวมถึงลิขสิทธิ์เพลงตกเป็นของแมรี่ เท่านั้นยังไม่พอ ครอบครัวหมายถึงพ่อแม่พี่สาว เชฟ เลขานุการส่วนตัว คนขับรถ รวมถึงเพื่อนชายที่อยู่กับเขาคนหลังสุดและเป็นคนที่ดูแลเขาร่วมกับแมรี่ก่อนจาก ก็ได้รับมรดกเช่นกัน
แมรี่เป็น Love of my life จริงๆ






กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 06 ธ.ค. 08, 14:55
นักแต่งเพลงคนหนึ่งที่เป็นตำนานของฝั่งอังกฤษก็คือ จอห์น เลนนอน
เมื่อเขาต้องการแต่งเพลงที่ย้อนรำลึกไปถึงวัยเด็ก เขาก็เขียนออกมาได้ดี โดยคำร้องช่างuniversalไม่ต้องพูดถึงชื่อคน ชื่อสถานที่เช่น สตรอเบรี่ฟิลด์ เพนนี เลนในเนื้อเพลงเลย ทำให้เพลงนี้ ไปร้องวันไหนก็ได้ที่เราเกิดนึกถึงเพื่อนบางคน สถานที่บางแห่ง หรือวินาทีที่ประทับใจ รวมถึงคนที่ there is no one compared with you.
จอห์นแต่งในปี1965 โดยมีพอลช่วยตามฟอร์ม
คำร้องดี ร้องกันเรื่อยมาจนข้ามทศวรรษ ด้วยน้ำเสียงของศิลปินดังๆ แถมยังเอาไปประกอบหนังได้ซาบซึ้ง เช่นในเรื่อง Beaches (1988) ที่เบ็ตต์ มิดเลอร์เล่นกับ บาร์บาร่า เฮอร์ชีย์
บางคนระบุว่าให้เปิดในงานศพชั้นนะ ดิฉันว่า ใช้ในงานมีทติ้งเพื่อนเก่าคืนสู่เหย้าจะเหมาะมากเลยค่ะ

มีคนเอามาต้มยำทำแกงประกอบโฆษณาก็ยังได้
มาดังในเมืองไทยก็ตอนเอามาโฆษณาสบู่น้ำที่ใช้ดาราไปนั่งชมธรรมชาติอยู่ถึงอิตาลี

http://www.youtube.com/watch?v=Ym0x3vTw6yc

IN MY LIFE

There are places i'll remember
All my life though some have changed
Some forever not for better
Some have gone and some remain
All these places have their moments
With lovers and friends i still can recall
Some are dead and some are living
In my life i've loved them all

But of all these friends and lovers
There is no one compared with you
And these memories lose their meaning
When i think of love as something new
Though i know i'll never lose affection
For people and things that went before
I know i'll often stop and think about them
In my life i love you more

Though i know i'll never lose affection
For people and things that went before
I know i'll often stop and think about them
In my life i love you more
In my life i love you more
ดูจากมิวสิควิดิโอ มีภาพของผู้จัดการวงคนเก่งของเขา ไบรอัน เอปสตีนด้วย
ซึ่งจากไปก่อนใครเพื่อน
ตอนนี้ วงสี่เต่าทองเหลือเพียงสองหนุ่ม พอล กับริงโก้ เท่านั้น





กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 07 ธ.ค. 08, 00:35
ผมชอบเพลงบัลลาดของเฟรด  โดยเฉพาะ Love of my life แม้ชีวิตเค้าจะสับสนบ้าง  แต่ผลงานก็เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่  และคงไม่มีเพลงสไตล์นี้ออกมาอีก  เรียกได้ว่า Queen style แต่พฤติกรรมของเฟรด  จะให้ชาวมุสลิมยอมรับคงเป็นไปได้ยากครับ  เป็นความผิดที่ยิ่งใหญ่ตามหลักศาสนา  เป็นความละเอียดอ่อนมากครับคุณกุ้ง  พี่น้องชาวมุสลิมจะเข้าใจดีว่าผมหมายถึงอะไร  เอาเถอะครับให้เค้าเป็นคนหนึ่งในใจเราก็พอแล้วนี่ครับ
ในกระทู้ก็มีเพียงผมกับคุณกุ้ง  ถามหาอาสาสมัครแปลเพลงนี้  ก็จำต้องจัดให้ล่ะครับ  แม้จะเขินอายเมื่อต้องมาแปลต่อหน้าคุณกุ้ง  ยังไงผิดพลาดแก้ไขให้ผมด้วยก็จักขอบคุณครับ  มือใหม่หัดขับครับ.......... :-[

I'm just the pieces of the man I used to be
Too many bitter tears are raining down on me
I'm far away from home
And I've been facing this alone
For much too long
ฉันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของชายที่เคยเป็น
หยดน้ำตาขมปร่าดูจะทะลักหลั่งออกมากมายเกินไปในเวลานี้
ฉันอยู่ห่างไกลจาก “บ้าน” เสียเหลือเกิน
และฉันจำต้องเผชิญกับสภาพนี้ เพียงลำพัง
และทนอยู่กับมันอย่างเนิ่นนาน...

I feel like no-one ever told the truth to me
About growing up and what a struggle it would be
In my tangled state of mind
I've been looking back to find
Where I went wrong
ฉันรู้สึกเหมือนไม่มีใครเคยบอกความจริงกับฉัน
เกี่ยวกับการเติบโตที่เป็นไปอย่างทุลักทุเล
ภายใต้สภาพอันวุ่นวายของจิตใจนี้เอง
ฉันกำลังย้อนกลับไปยังอดีตที่ผ่านมา
ค้นหาว่าฉันทำอะไรผิดไป...

Too much love will kill you
If you can't make up your mind
Torn between the lover
And the love you leave behind
You're headed for disaster
'cos you never read the signs
Too much love will kill you Every time
ความรักที่มากเกินไปก็ฆ่าคุณได้
ถ้าคุณไม่รู้จักทำใจเอาไว้บ้าง
ความร้าวฉานระหว่างคู่รัก
และความรักที่คุณทิ้งไว้เบื้องหลัง
รู้ไหมว่าคุณจะถูกดึงเข้าไปสู่มหันตภัย
เพราะคุณไม่เคยอ่านสัญญาณบอกเหตุที่เกิดขึ้นบ้างเลย
ความรักที่มากเกินไปก็ฆ่าคุณได้  ทุกเวลา...

I'm just the shadow of the man I used to be
And it seems like there's no way out of this for me
I used to bring you sunshine
Now all I ever do is bring you down
ฉันเป็นเพียงเงาของชายที่ฉันเคยเป็น
และมันดูเหมือนไม่มีทางออกสำหรับฉัน
ฉันเคยเป็นเหมือนผู้นำแสงสว่างเธอ
แต่วันนี้ทุกอย่างที่เคยทำกำลังฉุดเธอจมดิ่ง

How would it be if you were standing in my shoes
Can't you see that it's impossible to choose
No there's no making sense of it
Every way I go I'm bound to lose
มันจะเป็นอย่างไร ถ้าเธอสามารถมายืนในจุดเดียวกับฉัน
เธอเห็นไหมว่าไม่มีทางเลือกใดๆ ให้ฉันเลย
ไม่..แม้ว่าจะดูไร้เหตุผลก็ตาม
ทุกคราวที่ฉันก้าวไปข้างหน้า ล้วนนำฉันไปสู่ความพ่ายแพ้ทั้งสิ้น!

Too much love will kill you
Just as sure as none at all
It'll drain the power that's in you
Make you plead and scream and crawl
And the pain will make you crazy
You're the victim of your crime
Too much love will kill you Every time
ความรักที่มากเกินไปก็ฆ่าคุณได้
ไม่ต่างอะไรกับการขาดความรักนั่นเลย
มันจะดึงเอาพลังภายในของคุณออกมา
ทำให้คุณคร่ำครวญ อ้อนวอน กรีดร้อง
และความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจะทำให้คุณบ้าคลั่ง
คุณจะตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมที่คุณก่อขึ้นเอง
ความรักที่มากเกินไปฆ่าคุณได้ ทุกเวลา...

Too much love will kill you
It'll make your life a lie
Yes, too much love will kill you
And you won't understand why
You'd give your life, you'd sell your soul
But here it comes again
Too much love will kill you  In the end...
ความรักที่มากเกินไปฆ่าคุณได้
มันจะทำให้ชีวิตคุณเป็นสิ่งหลอกลวง
ใช่... มันฆ่าคุณได้
และคุณก็จะไม่มีทางเข้าใจหรอกว่า เพราะอะไร
คุณให้ชีวิต คุณขายทั้งวิญญาณ
แต่มันก็ยังเกิดขึ้นอีก
ความรักที่มากเกินไปสามารถฆ่าคุณได้ ในที่สุด...... :-[


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 07 ธ.ค. 08, 09:38
นั่นน่ะสิคะ ไปๆมาๆเหลือเพียงดิฉันกับคุณกล้วยน้ำว้าสองคน คุณเครซี่ฮอร์ส คุณป้ากุน คุณศิลาที่เข้มแข็งไปไหนหมด เขียนด้วยความสุข คนอ่านจะสุขกับเราหรือเปล่าล่ะนี่
คุณบานาชั่วโมงบินเริ่มขึ้นฟ้าแล้วนะคะ

สำหรับท่อนนี้ ไบรอัน ระบายความกลัดกลุ้มที่เจอรักซ้อนเข้า หลังจากที่มีลูกกับภรรยาคนแรก แล้วไปหลงรักหญิงอื่น
(สงสัยจะเป็นธรรมดาของสัตว์โลก มียกเว้นไม่กี่คน อิอิ)
เวลาเจอรักซ้อน ต้องเลือกระหว่างเก่าที่แสนดี รักมาก แต่สุดเซ็ง กับใหม่ที่แหม... พูดกันรู้เรืองจั๊งง.. ปิ๊งปายโหมด...เสียทุกอย่าง แล้วก็รักเหมือนกัน
เหอะ รักเท่าๆกันได้ แต่อยู่กับผู้หญิงสองคนพร้อมกันมันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากค่ะ
make up your mind ก็คือต้องตัดสินใจ จะมัวสองจิตสองใจ ไม่ได้เด็ดๆ


Too much love will kill you
If you can't make up your mind
Torn between the lover
And the love you leave behind
You're headed for disaster
'cos you never read the signs
Too much love will kill you Every time


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 07 ธ.ค. 08, 09:56
ชอบท่อนนี้
ฉันเป็นเพียงเงาของชายที่ฉันเคยเป็น
และมันดูเหมือนไม่มีทางออกสำหรับฉัน
ฉันเคยเป็นเหมือนผู้นำแสงสว่างเธอ
แต่วันนี้ทุกอย่างที่เคยทำกำลังฉุดเธอจมดิ่ง


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 08 ธ.ค. 08, 01:29
เพลง in my life ก็ยังถกเถียงกันระหว่างสาวกของจอห์นกับพอล  ว่าใครแต่งกันแน่แต่งสองคนและใครแต่งมากกว่ากัน  อย่างบทความที่อ่านเจอ
"In My Life" is a song written by John Lennon and Paul McCartney. It first appeared on The Beatles' 1965 album Rubber Soul.
While the lyrics were indisputably written by Lennon, it is not clear who wrote the music. While Lennon claimed in 1980 that McCartney's contribution was limited to helping out with the "middle eight" or bridge section of the song
จอห์นบอกว่าพอลช่วยแค่ท่อน middle eight และเสียงประสานเล็กน้อย
McCartney claimed in 1984 to have set Lennon's lyrics to music from beginning to end.
เอาละสิ  ท่านเซอร์พอลบอกว่าช่วยแต่งแต่ต้นจนจบ  และนักวิจาร์ก็วิเคราะห์ว่าเมโลดีที่ใช้โน๊ตกระจายตัวสลับไปมาเป็นสไตล์ของพอล  ถ้าจอห์นจะใช้โน๊ตไม่กี่ตัวและระดับเสียงจะไม่ต่างกันมาก  แต่ก็นั่นล่ะครับ  จอห์นร้องแล้วฟังดูดีมากและเหมาะกับเขาด้วย  แต่ผมชอบเสียงป้าเบต มิลเลอร์  มากกว่า.......อิอิ

ได้กำลังใจจากคุณกุ้ง  และได้คำแนะนำขอบคุณมาก  ฮึกเหิมเลยลองแปลเพลงนี้ดู...อิอิ  :-[
Love of my life - you've hurt me
You've broken my heart and now you leave me
Love of my life can't you see
Bring it back, bring it back
Don't take it away from me
Because you don't know -
What it means to me
ความรักของฉันเธอทำให้เจ็บ
เจ็บตรงที่เธอหักอกแล้วหนีจากไป
ความรักของฉันเธอไม่เห็นใช่ไหม
ให้มันหวนคืน หวนคืนให้ได้
อย่าให้มันหนีไปจากฉัน
เพราะเธอไม่รู้มันมีค่ากับฉันแค่ไหน

Love of my life - don't leave me
You've taken my love and now desert me
Love of my life can't you see
Bring it back, bring it back
Don't take it away from me
Because you don't know -
What it means to me
ความรักของฉันโปรดอย่าทิ้งฉันไป
เธอรับความรักฉันแล้วทิ้งฉันไป
ความรักของฉันเธอไม่เห็นใช่ไหม
ให้มันหวนคืน หวนคืนให้ได้
อย่าให้มันหนีไปจากฉัน
เพราะเธอไม่รู้มันมีค่ากับฉันแค่ไหน

You will remember -
When this is blown over
And everything's all by the way -
When I grow older
I will be there at your side to remind you
How I still love you - I still love you
แล้วเธอจะนึกถึง
เมื่อทุกอย่างผ่านไปและทุกสิ่งก็เวียนไประยะหนึ่ง
เมื่อฉันแก่ตัวลง
ฉันก็จะอยู่ข้างเธอเสมอคอยย้ำเตือน
ฉันยังรัก ยังรัก เธอทุกครา.....

Back - hurry back
please bring it back home to me
Because you don't know
What it means to me
คืนกลับมา กลับมาเถอะ คืนกลับมา
โปรดกลับมาสู่อ้อมอกฉัน
เพราะเธอไม่รู้หรอกว่า
มันมีความหมายแค่ไหนกับฉัน

Love of my life
Love of my life ...
Oooh, oooh...
โอ ความรักของฉัน............

(ปล.)  กล้วยตีบครับ  ไม่ใช่กล้วยน้ำว้า  คนอีสานจะรู้จักกล้วยชนิดนี้ดีครับ..... :-[


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: pakun2k1d ที่ 08 ธ.ค. 08, 21:59
ยังอยู่ค่ะ  ได้แต่มาโฉบดูแบบลุกลี้ลุกล้นไ่ม่เป็นโล้เป็นพาย  หวังว่าคนเขึยนจะยังไม่หมดสนุกนะคะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 09 ธ.ค. 08, 00:10
แอ่ะ...ท่านหัวหน้ามาแว๊บเดียวเอง  ก็ยังดีครับที่หัวหน้ามาให้กำลังใจ...อิอิ 
พูดถึงเพลง IN MY LIFE ทีแรกผมลองแปลดูรู้สึกทะแม่งๆ  คือไม่รู้ว่าจะรักใครแน่  มันเป็นสองมิติระหว่างความทรงจำและผู้ที่ยังอยู่ในปัจจุบัน  ไหนๆก็ไหนๆก็ลองแปลดูครับ  เผื่อจะได้อะไรดีดี  จากคุณกุ้งบ้าง

IN MY LIFE

There are places i'll remember
All my life though some have changed
Some forever not for better
Some have gone and some remain
All these places have their moments
With lovers and friends i still can recall
Some are dead and some are living
In my life i've loved them all
มีสถานที่ที่อยู่ในความทรงจำของฉัน
แม้ว่าตลอดชีวิตและห้วงคำนึงบางสิ่งจะเปลี่ยนไป
บ้างดำรงอยู่ตลอดกาลโดยไม่เปลี่ยนแปลง
บ้างก็จากไปและบางสิ่งก็ยังคงอยู่
สถานที่เหล่านี้เป็นครั้งหนึ่ง
ที่ได้อยู่กับคนรักและผองเพื่อนที่ฉันยังคงหวนถึง
บ้างก็จากไปแต่บางคนก็ยังอยู่
ในชีวิตฉัน......ฉันรักพวกเขาทุกคน

But of all these friends and lovers
There is no one compared with you
And these memories lose their meaning
When i think of love as something new
Though i know i'll never lose affection
For people and things that went before
I know i'll often stop and think about them
In my life i love you more
แต่ว่าเพื่อนๆหรือแฟนานุแฟนนั้น
ไม่มีใครคนไหนปานเปรียบเช่นคุณ
และความทรงจำเหล่านั้นก็หมดความหมาย
เมื่อฉันคิดจะมีรักครั้งใหม่
แม้ฉันจะรู้ว่ามันไม่มีทางสลายไปจากใจ
สำหรับคนเหล่านั้นและทุกสิ่งที่ผ่านมา
ฉันรู้บ่อยครั้งที่ฉันหยุด และคิดหวนถึงพวกเขา
(ไงก็ตาม)  ฉันก็รักคุณมาก..............

Though i know i'll never lose affection
For people and things that went before
I know i'll often stop and think about them
In my life i love you more
In my life i love you more
แม้ฉันจะรู้ว่ามันไม่มีทางสลายไปจากใจ
สำหรับคนเหล่านั้นและทุกสิ่งที่ผ่านมา
ฉันรู้บ่อยครั้งที่ฉันหยุด และคิดหวนถึงพวกเขา
(ไงก็ตาม)  ฉันก็รักคุณมาก.............
ในชีวิตฉัน  ฉันรักคุณมาก...............


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 09 ธ.ค. 08, 21:32
I love you more...
รักคุณมากขึ้น..รักคุณยิ่งกว่าเดิม..
คุณบานา ไหนลองลุยแปลเพลง The boxer ของพอล ไซมอนดูสิคะ นักแต่งคำร้องชั้นเซียนเลยนะ เขาน่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 10 ธ.ค. 08, 01:38
ขอบคุณครับ  ที่จริงผมอยากแปลว่ามากกว่าใครๆ  แต่ท่อนแรกดันบอกว่ารักทุกคนมากเหมือนกันอ่ะครับ  เลยงงไงครับระหว่างความทรงจำกับปัจจุบัน  มันน่าจะตราตรึงและมากเสมออ่ะครับ (ออกแนวลิเกเลยวุ้ยเรา).......อิอิ
แหมได้ทีให้การบ้านเป็นชุดเลยนะครับ  เพลงนี้ผมฟังน้อยมาก  เพราะที่บ้านไม่มีไม่ใช่แนวของที่บ้านเท่าไหร่ครับ  แต่ทราบว่าดูโอคู่นี้ดังมากครับ  ไหนๆครูกุ้งให้การบ้านมาแล้ว  ก็ต้องทำการบ้านล่ะครับ  แต่พอแปลแล้วเป็นเรื่องของ street boy ที่แต่งได้ดีมากครับ  คนที่ชอบหัดคอรัส  เพลงของดูโอคู่นี้น่าสนใจนำมาฝึกครับ  แล้วเพลงนี้ผมแปลว่า "นักสู้"  คงตรงตามคอนเสปนะครับ......... :-[ :-[ :-[

THE BOXER(นักสู้)
Simon And Garfunkel

I am just a poor boy and my story’s seldom told       
I’ve squandered my resistance for a pocketful
of mumbles, such are promises
All lies and jest, still the man hears
what he wants to hear
And disregards the rest, hmmmm
ฉันก็เพียงเด็กชายไม่ได้มีความสำคัญเลย เรื่องของฉันไม่ได้เอ่ยถึงบ่อย
ยืนหยัดอดทนหาเลี้ยงตัวเอง
ได้แต่บ่นพร่ำไปเรื่อย หยั่งกับคำสัญญา
คำพูดตลบตแลงและเรื่องเฮฮา ที่ผู้คนอยากได้ยินได้ฟัง
แล้วเขาต้องการจะฟังสิ่งใดเล่า
และไม่ใส่ใจอะไรกับการเฉยเมย...ฮึม

When I left my home and my family,
I was no more than a boy
In the company of strangers
In the quiet of the railway station,
runnin’ scared
Laying low, seeking out the poorer quarters,
where the ragged people go
Looking for the places only they would know
เมื่อได้หนีจากบ้านและครอบครัวมา
ฉันมันเป็นอะไรไปไม่ได้ มากกว่าแค่เด็กชายคนหนึ่งเท่านั้น
ท่ามกลางหมู่คนแปลกหน้า
ในสถานีรถไฟอันเงียบเหงา
วิ่งหนี อย่างขวัญหนีดีฝ่อ
คลานหาเศษเหรียญเศษเงิน
คนทั้งหลายต่างรีบร้อนไปไหนกัน
ก็เพียงเพื่อหาจุดหมายของตนเท่านั้น

...Lie-la-lie,lie-la-lie-la-lie-la-lieLie-la-lie,
lie-la-lie-la-lie-la-lie la-la-la-la-lie-......(เหลวไหลสิ้นดี)

Asking only workman’s wages,
I come lookin’ for a job,
but I get no offers
Just a come-on from the whores on 7th avenue
I do declare, there were times
when I was so lonesome I took some comfort there
เรียกร้องค่าจ้างทำงาน
ฉันมาเพียงเพื่อหางานทำ
แต่ไม่มีใครให้โอกาสฉันเลย
มีแต่เพียงเสียงเย้ายวนว่า "มานี่" จากอีตัวบนถนนหมายเลขเจ็ด
ผมก็ร้องก้องไปว่า มีเวลามีถมเถไป
เมื่อผมเหงาก็คงหาความสุขจากที่นี่แหละ

Now the years are rolling by me,
they are rockin’ even me
I am older than I once was,
and younger than I’ll be, that’s not unusual
No it isn’t strange, after changes upon changes,
we are more or less the same
After changes we are more or less the same
บัดนี้เวลาที่ผันเปลี่ยนเวียนไป
มันเปลี่ยนแปลง แม้แต่ตัวฉันเอง
ฉันก็อายุมากขึ้น... มากขึ้นกว่าเดิม
แต่ยังอ่อนกว่า ที่จะต้องโตอีกต่อไป แต่นั่นมิใช่เรื่องแปลก
ไม่หรอก... มันไม่แปลกเลย หลังจากการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ
ซึ่งเราก็แค่เป็นไปได้ดีกว่า หรือแย่กว่าเดิม
หลังการเปลี่ยนแปลง เราก็คงเป็นไปได้ดีกว่า หรือแย่กว่าเดิม

...Lie-la-lie,lie-la-lie-la-lie-la-lieLie-la-lie,
lie-la-lie-la-lie-la-lie la-la-la-la-lie-......

And I’m laying out my winter clothes,
wishing I was gone, goin’ home
Where the new york city winters aren’t bleedin’ me,
leadin’ me to go home
ตอนที่ผมเตรียมเสื้อกันหนาว
หวังไว้ว่าฉันเองจะได้กลับบ้าน
ที่ที่ลมหนาวที่นิวยอร์ค ไม่มาบาดผิวผมได้อีก
พาฉันกลับสู่บ้านด้วยเถิด

In the clearing stands a boxer,
and a fighter by his trade
And he carries the reminders of every glove
that laid him down or cut him
’til he cried out in his anger and his shame
I am leaving, I am leaving,
but the fighter still remains
บนเวทีของนักสู้
และเป็นนักสู้มืออาชีพ
และก็จดจำในทุกๆ กำปั้นที่กระแทกมา
กระทั่งเขาต้องร่ำร้อง  กับการร่วงผลอย หรือโดนถลุง ด้วยแรงโกรธ และความอดทนสูง
ฉันไม่เอาแล้ว ฉันยอมแล้ว
แต่วิญญาณของนักสู้ ก็จะยังคงอยู่
...Lie-la-lie,lie-la-lie-la-lie-la-lieLie-la-lie,
lie-la-lie-la-lie-la-lie la-la-la-la-lie-......


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 10 ธ.ค. 08, 10:57
อ้าว ยกย่องดิฉันให้เป็นครูเสียแล้ว
ดีค่ะ สนุกดี .. ดีใจที่คุณกล้วยตีบยังไม่หมดไฟ
(เอ กล้วยตีบ ชื่อมันทะแม่งๆชอบกลนะคะ ฟังแล้ว น่าจะไม่อร่อย..)
ดิฉันคงเป็นครูที่ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ เพราะชอบปล่อยให้นักเรียนแปลอย่างที่เขาอยากจะแปล บางทีก็มองข้ามอะไรเล็กๆน้อยๆไป
เพราะถ้าขืนแก้ไขมาก คงจะต้องไปขึ้นกระทู้ใหม่เป็นเรียนภาษาอังกฤษจากเพลง
แทนที่จะเป็นเรื่องของคนเขียนเพลง
..



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 11 ธ.ค. 08, 01:47
แหะๆ  กล้วยตีบเป็นกล้วยพื้นบ้านครับ  คนอีสานรู้จักดี  ผมเติบโตมาเพราะกล้วยตีบ(จากคำบอกเล่า)  ที่บ้านคุณยายจะมีสวนกล้วยที่มีแต่กล้วยตีบกับกล้วยตานี  ก็ได้เจ้ากล้วยตีบนี่หล่ะป้อนผมตอนผมโยเย(จากคำบอกเล่าอีก)  คุณยายจึงเป็นคนแรกที่เรียกผมว่าเจ้ากล้วยตีบ  เพราะท่านว่าผมชอบกินมันมาก(ตอนเด็กๆ)  แต่โตมาทำไมเฉยๆก็ไม่ทราบครับ  แต่ก็กินได้และจะนิยมเอาใบตองกล้วยตีบมาทำบายศรีกันครับ  เพราะมันทนดีกว่ากล้วยน้ำว้า  ทางเหนือก็มีครับกล้วยชนิดนี้  ท่านศรีปิงเวียงคงทราบดี  คำว่าตีบ  แปลว่า  ไม่เต่งตึงหรือลีบ  นั่นเองครับ

มาถึงเพลงที่ผมชอบบ้าง  ชอบความหมายฟังทีเดียวโดนเลยครับ  มันเหมือนอยากให้ใครซักคนกลับมา ฮือๆๆๆ     แต่ผมไม่รู้จักเรื่องราวของคณะนี้เลยครับ  ชื่อแปลกดี Bread ชื่อคณะขนมปังซะงั้น  แต่ร้องเพลงเพราะชะมัด  ผมพยายามหาการแสดงสดที่ยูทูบแต่ไม่มีเลยครับ

http://www.youtube.com/watch?v=FB1XCmZvKI8&feature=related

Everything I own
Bread

You sheltered me from harm.
Kept me warm, kept me warm
You gave my life to me
Set me free, Set me free
เธอคือชายคาที่คุ้มภัย
ทำให้ฉันอบอุ่น
เธอทำให้ฉันมีชีวิต
ทำให้ฉันเป็นอิสระ

The finest years I ever knew
were all the years I had with you
ปีที่สุดยอดแสนหวานที่ฉันรู้และจดจำเสมอนั้น
คือทั้งปีที่ฉันมีเธออยู่ข้างกาย

I would give anything I own,
Give up me life, my heart, my home.
I would give everything I own,
just to have you back again.
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
ยอมแม้ชีวิต หัวใจ และที่พักพิง
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
เพียงเพื่อเธอกลับมาเหมือนเดิม

You taught me how to love,
What its of, what its of.
You never said too much,
but still you showed the way,
and I knew from watching you.
Nobody else could ever know
the part of me that can't let go.
เธอได้สอนฉันให้รู้ที่จะรัก
มันเพราะอะไร  มันเพราะอะไร
แม้เธอไม่เอ่ยอะไรมาก
เธอก็ยังคงแสดงให้เห็น
และฉันรับรู้จากการเฝ้าดูเธอ
ไม่มีใครอีกแล้วที่จะรู้และเข้าใจ
เธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน  ที่ไม่สามารถสูญเสียไปได้

I would give anything I own,
Give up me life, my heart, my home.
I would give everything I own
Just to have you back again.
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
ยอมแม้ชีวิต หัวใจ และที่พักพิง
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
เพียงเพื่อเธอกลับมาเหมือนเดิม

Is there someone you know,
you're loving them so,
but taking them all for granted.
You may lose them one day,
someone takes them away,
and they don't hear the words you long to say
ถ้ามีใครสักคนที่เธอรู้จัก
เธอกำลังรักเขามากมาย
แต่เพียงครอบครองตัวเขาไว้เพื่อให้ไป
เธอก็อาจจะสูญเสียเค้าไปสักวันหนึ่ง
บางคนได้พรากมันจากไป
และพวกเขาก็ไม่อาจได้ยินสิ่งที่เธออยากจะบอก

I would give anything I own,
Give up me life, my heart, my home.
I would give everything I own
Just to have you back again
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
ยอมแม้ชีวิต หัวใจ และที่พักพิง
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
เพียงเพื่อเธอกลับมาเหมือนเดิม


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 12 ธ.ค. 08, 11:23
อู้ฮู คุณกล้วยของเราไฟแรงมาก เพลงของbreadน่ะ ดังยุคดิฉันอยู่เตรียมอุดมค่ะ เพลง if ของเขาระเบิดใจสาวๆหนุ่มๆยุคนั้นเป็นแถว คำว่า if a picture paint a thousand words, then why can't i paint you เท่มากๆตั้งแต่วรรคแรกเลย
จากนั้นวงขนมปังก็มีเพลงเพราะๆต่อมาไม่กี่เพลงในปีต่อๆมา จนหายเข้ากลีบเมฆ
ยุคนั้นเป็นยุคมินี่ มิดี้ และแม็กซี่เสกิร์ตค่ะ สำหรับผู้หญิง
เราจัดงานมีทติ้งกันที่บ้านเพื่อน ตอนนั้นซอยพานิชกุล คลองตัน ยังนอกเมืองมาก มีบ้านไม่กี่หลัง ชื่อซอยเป็นนามสกุลเพื่อนดิฉันเองซึ่งตอนนี้แต่งงานไปกับหนุ่มฝรั่งเศสไปแล้ว
ที่เหลือเป็นสวน เป็นทุ่ง
เดี๋ยวนี้เข้าไปในซอยแล้วเง็งมาก
ทุกอย่างเปลี่ยนไป ความสงบ สวยงาม หรูหรา แป้ก..
ปกติมีทติ้งกันที ก็จะจับกลุ่มเล่นกีตาร์ ร้องเพลงกันแบบน่ารักๆ
แต่วันนั้น มีแขกคุณพ่อคุณแม่เพื่อนด้วย มีการจ้างวงดนตรีหนึ่งมาเล่นในงาน แล้วก็ปาร์ตี้กัน
กุ้งแห้งเยอรมันออกไปร้องเพลงนี้ค่ะ ถือไมค์ ไฟส่องหน้า ยังมีรูปอยู่ทุกวันนี้
เกร๋มาก
เนื้อเต็มมีว่า

IF
Bread

If a picture paints a thousand words,
Then why can't I paint you?
The words will never show
then you have come to know.
If a face could launch a thousand ships,
Then where am I to go?
There's no one home but you,
and that your love was true.
And when my love for life is running dry,
You come and pour yourself on me.

If a man could be two places at one time,
I'd be with you.
Tomorrow and today, beside you all the way.
If the world should stop revolving spinning slowly down to die,
I'd spend the end with you.
And when the world was through,
Then one by one the stars would all go out,
Then you and I would simply fly away


เพลงเพราะๆของวงก็มี make it with you ที่ขึ้นว่า hey.. have you ever tried really watching out from the other side, I may be climbing on rainbows
But, baby here goes.
Dreams they're for those who sleep,
Life is for us to keep,
And if youre wondering
What this song is leading to.. I'd like to make it with you..
เพลงนี้ขึ้นอันดับหนึ่ง เป็นประเภทแหวกตลาดจากฮาร์ดร็อคตอนนั้นมาเป็นซอฟท์ ค่อนข้างหวาน เพลงดีๆของเขามีอีกมาก เช่น baby i'm a want you, diary, everything i own,the guitar man และ aubrey..
สาเหตุหนึ่งที่ไม่อมตะ อาจเป็นเพราะเพลงหวานๆพวกนี้คิขุ อาโหน่เนะ ฟังบ่อยแล้วซ้ำๆ เกิดความเบื่ออย่างไม่คาดคิด
ตัวเดวิด เกทส์ หัวหน้าวงเด่นมาก น่าตกใจที่สามหนุ่มของวง เด้ดสะมอเร่ไปแล้วสองค่ะ ตอนนี้เหลือแต่ จิมมี่ กริฟฟินคนเดียว
ไปฟัง if เพลงดังของเขากัน
ดิฉันเคยแปลไว้แต่หาไม่เจอ
http://www.youtube.com/watch?v=0hSydUKfG5U

ส่วนเพลงที่คุณชอบ เดวิด เกทส์เอามาร้องเดี่ยวและเล่นกีตาร์ อยู่ในยูทู้บนี่คะ
http://www.youtube.com/watch?v=jsUsrhXBzK4&feature=related

และนี่เป็นการแสดงสดปี1997 ย้อนรอยไปที่เพลงแรกของเขาที่ขึ้นอันดับหนึ่งของบิลบอร์ดในปี1970
http://www.youtube.com/watch?v=q31ZpibKcN4&feature=related

ถ้าอยากดูคลิปของเขาลองเข้าไปที่
http://www.artistdirect.com/nad/music/artist/songs/0,,434598,00.html




กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 12 ธ.ค. 08, 11:44
ในเว็บซองแฟคท์ นี่คือคำพูดของเดวิด ว่าเขาเขียนเพลงนี้ (IF)ที่ไหน จบอย่างไร

Bread keyboardist David Gates says: "I wrote that one night at the dining room table, after my kids and my wife had gone to bed. It took me about an hour and a half, with an extra verse left over. If you look at it, there's a few bizarre lines in there, like 'you and I would simply fly away' - that's kind of an unusual thought. When I was done, I said, 'That's the best song I've ever written and probably will be the best song I'll ever write.' For me it's really held up over time, more than any of the others."


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 12 ธ.ค. 08, 13:16
 :P


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 12 ธ.ค. 08, 15:44
อยากให้คุณบานา ฟังเพลงที่ดิฉันไม่ลืม ในช่วงที่หนังรักฮือฮาในเมืองไทย ชื่อว่า melody fair มีเพลงของBee Gees กับ CSNY ในปี 1971
เพลงที่เราๆ สาวๆ ชอบมีหลายเพลง in the morning, melody fair และอีกเพลงที่เรามักจะเล่นกีตาร์กัน ชื่อเพลง First of May
หนึ่งพฤษภา

เมื่อฉันยังเด็ก ต้นคริสต์มาสสูงใหญ่
เราเคยรักกัน ในขณะที่คนอื่นๆเขาเล่นกัน
อย่าถามว่าทำไม เมื่อเวลาผ่านไป
ใครคนหนึ่งจากที่แสนไกลผ่านเข้ามาแทนที่

When I was small, and christmas trees were tall
We used to love while others used to play
Don't ask me why, but time has passed us by
Some one else moved in from far away

ตอนนี้เราโตแล้ว และต้นคริสต์มาสกลับเล็กลง
พวกเราไม่ถามเรื่องเวลากันแล้ว
แต่ความรักระหว่างเราสองไม่จบสิ้น
ทายสิว่า ใครจะร้องไห้ ในวันที่หนึ่งพฤษภา

Now we are tall, and christmas trees are small
And you don't ask the time of day
But you and I, our love will never die
But guess who'll cry come first of May

ต้นแอปเปิ้ลที่เติบโตมาเพื่อเธอและฉัน
ฉันเฝ้าดูผลแอปเปิ้ลต้นนั้นร่วงลูกแล้วลูกเล่า
นึกไปถึงนาทีประทับใจเดิมๆ
วันที่ฉันหอมแก้มเธอและเธอก็จากไป..

The apple tree that grew for you and me
I watched the apples falling one by one
And I recall the moment of them all
The day I kissed your cheek and you were gone

http://www.youtube.com/watch?v=f8aMVfn246w&feature=related

คนทำหนังชื่อดังอย่างเดวิด พัทนั่ม และแอลลัน พาร์คเกอร์ หนังจะไม่ดังได้อย่างไร หน้าปกหนังสือตอนนั้นมีแต่พระเอกนางเอกของเรื่องค่ะ ที่น่ารักคือพระเอกมีผู้ช่วยพระเอกที่คล่องแคล่ว คู่นี้ ชื่อมาร์ค เลสเตอร์ กับแจ็คไวลด์ และเทรซี่ ไฮด์
แจ็ค ไวลด์ขโมยหัวใจทุกคนหมดเลย
มันนานจนจำไม่ได้ว่าดูหนังเรื่องนี้กับใคร

การแสดงสด
http://www.youtube.com/watch?v=CcojIeORo3o&feature=related

ไตเติ้ลหนัง
http://www.youtube.com/watch?v=hiIkKq25Nz8





กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 13 ธ.ค. 08, 00:34
'That's the best song I've ever written and probably will be the best song I'll ever write.'
ว่ามาซะขนาดนี้  ต่อมสนใจทำงานทันทีอ่ะครับ  เลยหาเพลงวงนี้มาฟังซะ  โดยเฉพาะเพลงนี้ IF ไพเราะดีครับน่าที่สาวๆจะชอบ  In the morning ผมก็ชอบครับวง Bee Gees ผมฟังน้อยมาก
ฟังดูดีนะครับ  เพลงทำให้คุณกุ้งเห็นภาพที่สวยงามเยอะแยะ  ได้เห็นความทรงจำไปด้วยระหว่างฟังเพลง  ..อิอิ  สาวใส่สเกิร์ตยาวๆร้องเพลงที่บ้านกลางทุ่ง  ทั้งๆที่ผมนึกไม่ออกเลยว่าแถวคลองตันเอกมัย  จะมีทุ่งนาได้อย่างไร  ผมลองร้องเพลงนี้ดู  ร้องยากชะมัด(หรือไม่ใช่แนว)..อิอิ  แต่ความหมายถือว่าดีมากครับ  เลยของขึ้นขออนุญาตถอดความดูครับ

If
Bread

If a picture paints a thousand words,
Then why can’t I paint you?
The words will never show the you I’ve come to know.
ถ้าหากว่ารูปภาพบรรยายได้เป็นพันคำ
เช่นนั้นทำไมฉันจึงจะวาดเธอออกมามิได้
คำบรรยายเหล่านั้นไม่อาจบ่งบอกถึงตัวเธอที่ฉันรู้จักได้

If a face could launch a thousand ships,
Then where am I to go?
There’s no one home but you,
You’re all that’s left me too.
ถ้าในหนึ่งใบหน้าที่สามารถปลดปล่อยผู้คนเป็นพัน ๆ ได้
ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันจะไปที่ไหนได้อีก....
แม้บ้านนี้ไม่มีใครหลงเหลืออยู่เลย นอกจากเธอ
เพียงเธอนั้นคือทุกอย่างที่ฉันเหลืออยู่

And when my love for life is running dry,
You come and pour yourself on me.
และเมื่อความรักในชีวิตชองฉันกำลังเหือดแห้งหายไป
มีเพียงเธอนั่นเองที่เข้ามาเติมเต็มให้ฉันชื่นหัวใจ

If a man could be two places at one time,
I’d be with you.
Tomorrow and today, beside you all the way.
ถ้าคนสามารถอยู่สองที่ได้ในเวลาเดียวกัน
ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็จะอยู่กับเธอ
พรุ่งนี้ หรือวันนี้ ฉันก็จะอยู่ข้างเธอตลอดไป

If the world should stop revolving spinning slowly down to die,
I’d spend the end with you.
And when the world was through,
ถ้าโลกนี้จะหยุดหมุนลง หมุนเวียนไปสู่ความดับสลาย
ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับเธอ
และเมื่อโลกนี้ได้ผ่านพ้นไป

Then one by one the stars would all go out,
Then you and I would simply fly away
เมื่อใดที่ดวงดาราได้จากสิ้นไป.สิ้นไป....สิ้นไป
ยามนั้นเธอและฉัน.....เราจะโบยบินไปด้วยกัน.....ชั่วกัลปาวสาน...ฮือๆๆๆ.. :'(

(ปล.) First of May เพราะดีครับ  ขออนุญาตไม่เห็นด้วยเรื่องดารา  ผมว่า มาร์ค เลสเตอร์  น่าสนใจกว่าแจ็ค   หรือรสนิยมสาวๆยุคนั้นชอบแบบแจ็ค....อิอิ (ไม่รู้รวมสาวกุ้งไปด้วยหรือเปล่าครับ)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ธ.ค. 08, 06:17
สิ่งแวดล้อม เป็นทุ่ง เป็นสวนค่ะ แต่บ้านน่ะ มีสระว่ายน้ำ บาร์เครื่องดื่ม และห้องใต้ดิน นับว่าเริ่ดของเซเวนตี้สเหมือนกันนะ
เพชรบุรีตัดใหม่ประมาณชานเมือง
สามทุ่มสุขุมวิทซอยสามสิบกว่าก็สงบ
ขับรถตอนนั้นไม่มีใครติดแอร์เท่าไหร่ หรือไม่มีเลย
ฝุ่นมีแถวดินแดง โบสถ์แม่พระฟาติมา
คุณเกิดทันกรุงเทพยุคนั้นจะปลื้มค่ะ
สวยกว่าเมืองนอกเมืองนาเป็นไหนๆ
ยกเว้น พวกตึกแถวกล่องสี่เหลี่ยมอัปลักษณ์ตามถนนรนแคมแล้ว กรุงเทพสวยน่ามอง นั่งรถเมล์แล้วดูเพลินเชียว แต่รถเมล์จะแน่นมาก
พวกโรคจิตก็พอมี นักล้วงกระเป๋าก็มี และคนถ่มน้ำลายในที่สาธารณะก็มี
ต้นไม้และคลองสองข้างทาง ทำให้กรุงเทพราวเมืองเทวดา
ย้อนกลับไปยุคคุณแม่ดิฉันสวยกว่านี้มากค่ะ ฟังท่านเล่าแล้วอยากกลับไปเกิดใหม่

ทางพระเขาว่า ทุกอย่างย่อมดับสลาย ไม่มีอะไรแน่นอน สักวัน กรุงเทพอาจจะกลับมาสวยงามใหม่ก็ได้

เรื่องของมาร์ค เลสเตอร์กับแจ็ค ไวลด์ คุณต้องไปดูหนังก่อน อย่าดูแค่หน้าตา
don't judge the book by its cover สิคะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ธ.ค. 08, 08:37
ยังอยู่ค่ะ  ได้แต่มาโฉบดูแบบลุกลี้ลุกล้นไ่ม่เป็นโล้เป็นพาย  หวังว่าคนเขึยนจะยังไม่หมดสนุกนะคะ

ภารกิจคุณป้ากุนคงเยอะมาก จะรอมาแจมค่ะ ตอนนี้ให้คุณบานากล้วยตีบแห่งเมืองอุบลฯ ลุยไปก่อน ;)


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ธ.ค. 08, 10:52
นึกถึงเพลง ก็นึกถึงเรื่องราว หากใครมีความรักแบบหนุ่มสาวตั้งแต่สมัยเด็ก ดิฉันคิดว่า มันก็เป็นเรื่องงดงาม เมื่อได้ย้อนกลับไปดู
นิยายรักสมัยเด็กๆ มักจะบริสุทธิ์ ฝังใจ เมื่อเวลาผ่านไป เรามักจะมองรักแรกที่ต้องจบสิ้นไปอีกแบบหนึ่ง
ดิฉันว่า มีรักเก่าๆ บ้าง มันให้บทเรียนดีนะคะ และยิ่งเป็นรักตอนเด็กๆนี่ แก่ๆแล้ว ถ้าเขาหรือเธอยังมีชีวิตอยู่ แล้วมาพบกันใหม่นี่ มันก็ชื่นมื่นลึกล้ำดี
จะดีกว่าไม่มี หรือมีปุ๊บครั้งแรกก็สมหวังเลยนั้น ไม่ทราบ
เพลง First of May ทำให้นึกถึงความรักของศิลปินระดับแถวหน้าสองคนค่ะ
ลูลู กับมอริซ กิบบ์
เหลือเชื่อนะคะ ทั้งคู๋รักกันตอนเด็กๆ แต่งงานกันโดยที่แบรี่พี่ชายคนโตไม่เห็นชอบ เพราะรู้สึกว่ามอริสยังเด็กเกินไป
ลูลูเกิด1948 มอริสเกิด 1949 ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1969 ตอนนั้นอายุแค่ 20-21 ปี แล้วก็หย่าในปี 1973
ลูลูโด่งดังมากจากเพลง To sir with love เพลงในหนังที่เล่นกับครูผิวสีอย่างซิดนี่ย์ ปอยเตียร์
ส่วนมอริซ เขาเป็นหนึ่งหนุ่ม ของวง เดอะ บีจีส์ เป็นคู่แฝดของโรบิน นักร้องเสียงดี คลอดทีหลังโรบิน
เมื่อเลิกรากันไป สามสิบเจ็ดปีต่อมา ทั้งสองก็ได้ขึ้นเวทีร้องเพลง First of mayด้วยกัน
ด้วยความหมายที่เต็มอิ่ม ในสายตา และเสียงเพลง
ราวกับเพลงนี้ คนแต่ง รู้ล่วงหน้าว่า สองคนนี้ ถึงจะแยกกันแล้วไปแต่งงานมีครอบครัวลูกเต้ากับคนอื่น รักเก่านั้นก็ยังคงอยู่
อยากซึ้งเพลงนี้ ต้องดูคลิปนี้ค่ะ
รู้เบื้องหลังขนาดนี้ สาวละเอียดอ่อนอย่างดิฉันซึมไปเลย..
http://www.youtube.com/watch?v=blebl7asMzA&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 14 ธ.ค. 08, 01:12
ขอบคุณครับสำหรับเพลง  ไพเราะและเป็นภาพสีสวยดีครับ  ทีแรกนึกว่าจะเป็นขาวดำ  อิอิ......พูดตามตรงครับเห็นรูปบีจีส์ครั้งแรก  ผมนึกว่ามอริสแก่กว่าเพื่อน  คงเพราะศรีษะ  ผมคงต้องหาเพลงวงนี้ฟังเยอะๆ  เพราะรูจักน้อยมากจะรู้จักก็เป็นเพลงเต้นรำ  พวก tragedy เลยนึกว่าเป็นวงดิสโก้  แต่ก็ชอบเพลง how deep is your love เพราะดีครับ และเพลงที่ ไมเคิล โบลตัน นำมาร้องมารู้ทีหลังว่าเป็นเพลงของบีจีส์

กรุงเทพผมชอบแถวแพร่งภูธร  ผมว่าตึกแถวสวยดีสมัยก่อนคงเจริญมาก  ถ้าวิถีแบบคลองผมชอบอัมพวา กับ อยุธยา  ชอบศาลาริมน้ำครับ  ได้นั่งเล่นพักผ่อนในบรรยากาศแบบนี้น่ามีความสุข  คนที่ราบสูงอย่างผมก็ชอบในสิ่งที่ขาดแบบนี้ล่ะครับ  แต่ถ้าคลองเมืองกรุงคงไม่ไหวเวรี่แบดโพลูชั่นเต็มทน  แค่ทำคลองให้น้ำใสยังทำกันไม่ได้  ไม่รู้จะพัฒนาอะไรกันน่าอายชะมัด

พูดถึงแม่น้ำ  เพลงนี้เลยครับ Down by the river ของ  นีล ยัง  เป็นเพลงที่ผมยังข้องใจกับเนื้อหา  ไม่ทราบคุณกุ้งรู้จักเพลงนี้ไม๊ครับ....... ???

  http://www.youtube.com/results?search_query=down+by+the+river&search_type=&aq=f

Down by the river
Neil Young

Be on my side,
I'll be on your side,
baby
There is no reason
for you to hide
It's so hard for me
staying here all alone
When you could be
taking me for a ride.

Yeah, she could drag me
over the rainbow,
send me away
Down by the river
I shot my baby
Down by the river,
Dead, oh, shot her dead.

You take my hand,
I'll take your hand
Together we may get away
This much madness
is too much sorrow
It's impossible
to make it today.

Yeah, she could drag me
over the rainbow,
send me away
Down by the river
I shot my baby
Down by the river,
Dead, oh, shot her dead.

Be on my side,
I'll be on your side,
baby
There is no reason
for you to hide
It's so hard for me
staying here all alone
When you could be
taking me for a ride.

Yeah, she could drag me
over the rainbow,
send me away
Down by the river
I shot my baby
Down by the river,
Dead, oh, shot her dead.


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 15 ธ.ค. 08, 16:55
การแปลเพลง นอกจากจะต้องศึกษาภาษาไทยและอังกฤษอย่างดี
ยังควรจะต้องมีความรู้รอบตัวเรื่องศิลปะ วรรณกรรม และการละครไว้บ้างนะคะ คุณบานา
หน้าใครจะสามารถทำให้เรือตั้งเป็นพันๆลำต้องออกรบได้
ถ้าไม่ใช่เฮเลน แห่งทรอย
เพราะความงามของเธอ ทำให้กษัตริย์ต้องรบกัน
ดิฉันอ่านที่คุณแปลแล้วหละค่ะ และยังไม่มีโอกาสจะแปลให้ใหม่
ก็พอดีสมาชิกเรือนไทยที่เคารพ เขียนมาบอก

If
Bread
.........
If a face could launch a thousand ships,
Then where am I to go?
There’s no one home but you,
You’re all that’s left me too.
ถ้าในหนึ่งใบหน้าที่สามารถปลดปล่อยผู้คนเป็นพัน ๆ ได้
ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันจะไปที่ไหนได้อีก....
แม้บ้านนี้ไม่มีใครหลงเหลืออยู่เลย นอกจากเธอ
เพียงเธอนั้นคือทุกอย่างที่ฉันเหลืออยู่

สมาชิกที่เคารพและไม่ประสงค์จะออกนามกล่าวว่า

ดวงหน้าในประโยคนี้ น่าจะหมายถึงเฮเลนแห่งทรอย
ที่ความงาม ดึงดูดเรือรบนับพันมาสู่ความตาย

คนแต่งเพลงคงอยากจะเทียบว่าสาวของตน งามดั่งเฮเลน
แปลใหม่สิคะ คุณบานา


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 16 ธ.ค. 08, 01:08
ขอบคุณมากครับ  ผมไม่ได้นึกถึง The face that launched a thousand ships เลยครับ  ถ้ายังงี้ค่อยเข้าเค้าหน่อย  วรรณคดีตะวันตกผมยอมรับว่ารู้น้อยมาก (ก็คือมูลเหตุที่ผมต้องเข้ามาสู่วิชาการและเรือนไทย)  คำวลีและคำเปรียบเปรยมักสร้างปัญหาในความเข้าใจสำหรับผมเสมอ

เฮเลน  เป็นสตรีในมหากาพย์อีเลียตที่ผมจินตนาการความงามของเธอไปร้อยแปด  ผู้หญิงที่สวยจนทำให้เกิดสงครามแย่งชิง  สะเทือนไปทั่วนครรัฐของกรีกที่รบกับทรอย  รบกันเป็นเวลา 10 ปี (รบตั้งแต่สาวจนแก่.......อิอิ)  ตอนอ่านคิดไปอย่าง พอมาเห็น Diane Kruger ก็เปลี่ยนภาพในจินตนาการไปหมด  แต่ไดแอนเธอก็สวยหยดย้อยจริงๆ  สตรีที่มีอิทธิพลต่อแผ่นดินมีในทุกตำนานของทุกประเทศ  แต่ของไทยเรายังไม่ค่อยเด่นชัด  หรือมีแต่ผมไม่ทราบ ท่านหัวหน้าป้ากุนไปไหน  ไม่มาช่วยลูกน้องเลยคร๊าบบบ..... :-\


If a face could launch a thousand ships,
Then where am I to go?
There’s no one home but you,
You’re all that’s left me too.
ถ้าหนึ่งหน้าสร้างสมรภูมิเรือนับพัน
แล้วเช่นนั้นฉันจะไปที่ไหนได้
ขอบ้านนี้มีแต่เธอแม้ไร้ใคร
เธอนั้นไซร้คือทุกอย่างที่ฉันมี......... :P


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 ธ.ค. 08, 06:50
เป็นกลอนเลยนะคะ ดีจัง
คุณป้ากุนและอาจารย์พิพัฒน์คงอมยิ้ม โดยเฉพาะรายหลังคงคิดในใจว่า อึ่ม พ่อกล้วยหายเพี้ยนแล้ว
 :D
ช่วงนี้ บ้านเมืองค่อยมีบรรยากาศรื่นรมย์บ้าง แต่พวกกุ๊ยยังคะนองสร้างความวุ่นวายอย่างไม่หยุดหย่อน
เพื่อนฝูงบางคน ฟังเรื่องการเมืองมากๆเข้า ต้องไปหาหมอกัน
แต่สำหรับดิฉัน กีฬาและเสียงเพลงช่วยคลายเครียดได้ดีค่ะ ชวนไปฟังเพลงที่เพื่อนๆกลุ่มหนึ่ง เขานัดรวมตัวกันไปซ้อมดนตรีที่สตูดิโอแถวอาร์ซีเอ
เจ้าของกำลังสบายใจเพราะห้องซ้อมเต็มตลอด งานเข้าเยอะ เพราะเป็นช่วงที่ใครๆจองห้องเตรียมเล่นฉลองปีใหม่กัน
โรงหนังซึ่งปกติเงียบก็เริ่มคึกคักแต่ยังไม่ฟื้นเสียทีเดียว โรงแรมที่ช่วงปิดสนามบินขาดรายได้ตรึมเริ่มมีนักท่องเที่ยว จากหกห้อง สิบห้อง กลายเป็นปกติเร็วมาก ปีนี้ กรุงเทพอากาศดี น่าฉลอง น้ำมันลง แต่ค่าใช้จ่ายยังสูง แม่ค้าส้มตำบอกดิฉันว่า มะเขือเทศโลละหกสิบแล้วค่ะ
เคยหยิบเงินสามสิบบาทไปตลาดนัดซื้อผัก ต้องดับเบิ้ลเป็นหกสิบ เท่าตัว
แต่ชาวนาคงไม่เดือดร้อน (เพราะชิน..) คันนาที่ปลูกข่า ตะไคร้ คงต้องเพิ่มปลูกพริก แค เวลาว่างก็เพาะเห็ด ไม่งั้นไม่พอเลี้ยงชีพ
ไปหาเพลงฟังกันต่อค่ะ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 ธ.ค. 08, 08:22
Wish you were here Lyrics
Artist(Band):Pink Floyd
 

So, so you think you can tell
Heaven from Hell,
Blue skies from pain.
Can you tell a green field
From a cold steel rail?
A smile from a veil?
Do you think you can tell?

Did they get you to trade
Your heroes for ghosts?
Hot ashes for trees?
Hot air for a cool breeze?
Cold comfort for change?
Did you exchange
A walk on part in the war,
For a lead role in a cage?

How I wish, how I wish you were here.
We're just two lost souls
Swimming in a fish bowl,
Year after year,
Running over the same old ground.
What have we found
The same old fears.
Wish you were here.
http://www.youtube.com/watch?v=IXdNnw99-Ic&feature=related


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 ธ.ค. 08, 08:38
Another Brick in the Wall (Compliation) Lyrics
Artist(Band):Pink Floyd


You, Yes You, Stand Still Laddie!

When we grew up and went to school, there were certain teachers who would hurt the children anyway they could
by pouring their derision upon anything we did
exposing any weakness however carefully hidden by the kids.

Out in the middle of nowhere they were home at night
their fat and psychopathic wives
Would thrash them within inches of their lives!

ooooooooooooo, oooooooo, ooooooooooo, ooooooooo, ooooooooo, ooooooooo,oooo.

We don't need no education
We don’t need no thought control
No dark sarcasm in the classroom
Teachers leave them kids alone
Hey! Teacher! Leave them kids alone!
All in all it's just another brick in the wall.
All in all you're just another brick in the wall.


(A bunch of kids singing) We don't need no education
We don’t need no thought control
No dark sarcasm in the classroom
Teachers leave them kids alone
Hey! Teacher! Leave us kids alone!
All in all it's just another brick in the wall.
All in all you're just another brick in the wall.

Spoken:
"Wrong, Guess again!
Wrong, Guess again!
If you don't eat yer meat, you can't have any pudding.
How can you have any pudding if you don't eat yer meat?
You! Yes, you behind the bikesheds, stand still laddie!"

[Sound of many TV's coming on, all on different channels]
"The Bulls are already out there"
Pink: "Aaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaarrrrrgh!"
"This Roman Meal bakery thought you'd like to know."

(A bunch of kids singing) We don't need no education
We don’t need no thought control
No dark sarcasm in the classroom
Teachers leave them kids alone
Hey! Teacher! Leave us kids alone!
All in all it's just another brick in the wall.
All in all you're just another brick in the wall.

http://www.youtube.com/watch?v=M_bvT-DGcWw&NR=1


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 17 ธ.ค. 08, 02:05
เฮ้ออออ......บ้านผมกำลังระอุ  สงสัยหมดงานไร่นาเลยว่าง  การเมืองเลยเร่าร้อนฟังเรื่องราวจากการปลุกปั่นครึ่งๆกลาง  แต่อารมณ์ร่วมเกินร้อย  ดีนะครอบครัวผมทั้งหมดไม่ยุ่งเกี่ยวเลย  ได้แต่มองอย่างแปลกใจว่าคนเราขนาดไม่รู้จักกัน  ยังทำร้ายกันได้อย่างหน้าตาเฉย  ถ้าเป็นคนเดียวคงเรียกได้เต็มปากได้ว่าบ้าแน่ๆ  นี่เป็นกันไปหมดอะไรทำให้หัวใจคนเหล่านี้เปลี่ยนไปได้ปานนี้  ขบเขี้ยวเคี้ยวผันหยั่งกะโกรธกันมาเป็นชาติ  วัยรุ่นเซ้งอ่ะคร๊าบบบ

วงหนุ่มมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อังกฤษแนวโปรเกรสสีฟร็อค  เป็ฯที่ชอบของนักฟังทุกคน(ผมก็ด้วย)  เนื้อเพลงออกแนวเสียดสีสังคมหรือประมาณเพื่อชีวิตของเรา  เพลง Another Brick in the Wall แปลกมากเพราะออกแนวดิสโก้  แต่ก็ดังระเบิดโดยเฉพาะท่อนโซโล่  คนชอบกีตาร์ทุกคนชอบแน่ๆ  แต่เพลง Wish you were here  สำหรับผมผมว่าเพลงนี้สวยครับ  ทั้งความหมายและเมโลดี้  ตอนนี้ไม่มีโรเจอร์แล้ว  ในเมืองไทยเลยไม่ฮ็อต....

เราก็เป็นเพียงอิฐก้อนหนึ่ง
We don't need no education
We don’t need no thought control
เราก็อยากเรียนรู้
แต่เราไม่ต้องการบังคับให้เราคิด
No dark sarcasm in the classroom
Teachers leave them kids alone
Hey! Teachers! Leave them kids alone!
อย่าถากถางเราด้วยความมืดมิด
คุณครูคร๊าบให้เด็กได้มีอิสระคิดเองบ้าง
คุณครูคร๊าบให้เด็กได้มีอิสระคิดเองบ้าง
All in all it's just another brick in the wall.
All in all you're just another brick in the wall.
เพราะเราเป็นเพียงอิฐก้อนหนึ่ง
และคุณก็เป็นเหมือนกัน......... :P

Wish you were here
So, so you think you can tell
Heaven from Hell,
Blue skies from pain.
เอ่อ...คิดว่าจะบอกได้ไหม
สวรรค์นั้นไซร้ไต่จากนรก
ท้องฟ้างามนั้นมาจากทุกข์ร้าวอันใด

Can you tell a green field
From a cold steel rail?
A smile from a veil?
Do you think you can tell?
เธอบอกทุ่งหญ้าเขียวจากรางอันเย็นเฉียบได้ไหม ?
ดั่งหนึ่งยิ้มงามใต้ผ้าคลุมนั้นไซร้
คิดว่าเธอจะบอกใครยังไงดี?

Did they get you to trade
Your heroes for ghosts?
Hot ashes for trees?
Hot air for a cool breeze?
หรือพวกเขาพาเธอแลกเปลี่ยนของ
ยกย่องวีรบุรุษของเธอให้หมู่ผี
มอบเถ้าร้อนให้หมู่ไม้หรือฉะนี้
มอบอบอ้าวแบบนี้ให้ลมโชย

Cold comfort for change?
Did you exchange
A walk on part in the war,
For a lead role in a cage?
คำปลอบโยนที่เย็นชาให้เราเปลี่ยน
หรือเธอจะต้องการจะแปรเปลี่ยน
หรือเธอเพียรก้าวเข้าสู่สงคราม
เพื่อความเป็นแค่จ่าฝูงในกรงขัง
How I wish, how I wish you were here.
We're just two lost souls
Swimming in a fish bowl,
Year after year,
หวังเหลือเกิน,หวังให้เธอยงคงอยู่
เรามันเพียงสองใจสลายที่ยังแหวกว่ายวนเวียนเหมือนปลาในอ่าง
ปีแล้วปีเล่า
Running over the same old ground.
What have we found
The same old fears.
Wish you were here.
วกวนอยู่กับที่เดิม
ที่เราไม่เคยพบ
อยู่กับความกลัวซ้ำซาก
หวังเธอยังคงอยู่.....กับฉันตลอดไป


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 18 ธ.ค. 08, 02:42
song for  the new PM of Thailand
ได้ทราบว่าเป็นเพลงโปรดของท่านนายกคนใหม่  เลยร่วมแจมตามกระแส...อิอิ

http://www.youtube.com/watch?v=ea0CDieb4yM

Hotel California
The Eagles

On a dark desert highway,                               
cool wind in my hair.                                       
Warm smell of colitas rising up through the air.   
Up ahead in the distance,                               
I saw a shimmering light.                                 
My head grew heavy, and my sight grew dim.     
I had to stop for the night.                             
บนไฮเวย์ในทะเลทรายยามค่ำ
สายลมเย็นฉ่ำพัดเป่าผม
กลิ่นโคลิต้าอุ่นๆโชยมาตามสายลม
ทำให้มองข้างหน้าได้ไม่ไกล
มองเห็นแสงไฟระยิบระยับ
หัวชักหนักตาชักลาลายสุดจะฝืน
โอ้คืนนี้..จำต้องหยุดพักค้างคืน

There she stood in the doorway,                     
I heard the mission bell.                                 
I was thinking to myself,                                 
this could be heaven or this could be hell.         
Then she lit up a candle                                 
and she show me the way.                             
There were voices down the corridor,               
I thought I heard them say...
ที่นั่น..เธอยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า
ผมได้ยินเสียงกระดิ่งเร่งเร้า
ผมกำลังเฝ้าขบคิดกับตัวเอง
เอ๊ะนี่มันสวรรค์หรือนรกหรือไรแน่
และแล้วเธอก็จุดเทียน
และส่องทางให้ผม
มีเสียงดังมาจากทางเดิน
ผมคิดว่า ผมได้ยินพวกเขาพูดว่า...

Welcome to the Hotel California,
such a lovely place,
such a lovely face.
ขอต้อนรับสู่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย
ช่างเป็นสถานที่ที่น่าหลงใหล
ช่างเป็นที่พบปะที่สวยงาม

There's plenty of room at the Hotel California     
any time of year, you can find it here.                                       
มีห้องว่างมากมายที่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย
ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของปี ..คุณก็สามารถพบมันได้ที่นี่

Her mind is Tiffany-twisted,                             
she got the Mercedes Benz.                             
She's got a lot of pretty, pretty boys,               
she calls friends.                                           
How they dance in the courtyard,
sweet summer sweat.                                     
Some dance to remember,
some dance to forget                                     
ดูท่าทางเธอชักเพี้ยน
เธอเอารถเบนซ์มา
เธอขนหนุ่มๆหน้าตาดีเพียบ
หนุ่มที่เธอเรียกว่าแค่เพื่อน
พวกเขาดิ้นกันบนลานด้านหน้า
ดิ้นหนุกหนานจนเหงื่อไหล
บ้างก็ดิ้นเพื่อจดจำ
บ้างก็ดิ้นเพื่ออยากลืม

So I called up the captain,                                 
Please bring me my wine.                                   
He said 'We haven't had that spirit here since 1969'
And still those voices are calling from far away,       
wake you up in the middle of the night.                 
Just to hear them say...                                     
แล้วผมเรียกเรียกกัปตัน
ได้โปรดขอไวน์ของผมหน่อย
เขาบอกว่า ‘เราไม่มีเหล้าชนิดนั้นที่นี่ตั้งแต่ปี 1969 แล้ว’
บรรดาเสียงร้องเรียกเหล่านั้นยังดังมาแต่ไกล
มันดังจนคุณต้องตื่นกลางดึก
เพื่อจะฟังเขาพูดว่า......

Welcome to the Hotel California,
such a lovely place, such a lovely face.
มีห้องว่างมากมายที่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย
ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของปี ..คุณก็สามารถพบมันได้ที่นี่

There's living it up at the Hotel California.
What a nice surprise!
Bring your alibis.
Mirrors on the ceiling,
the pink champagne on ice.
And she said… We are all just prisoners here, of our own device.
มีชีวิตที่สนุกอย่างเต็มที่ที่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย
มันน่าประหลาดใจ
ไม่เชื่อพาพวกของคุณมาดูสิ
กระจกเงาบนเพดาน
แชมเปญสีชมพูแช่เย็น
เธอพูดว่า........พวกเราเป็นนักโทษโดนขังที่นี่เพราะตัวเราเอง

And in the master's chambers,
they gathered for the feast.
They stab it with their steely knives,
but they just can't kill the beast.
ในห้องกลางใหญ่
เขามารวมตัวเลี้ยงกันเอิกเกริก
เขาจิ้มแทงอาหารด้วยมีดแหลมคม
แต่เขาไม่สามารถฆ่าใจทรามของเขาได้

Last thing I remember,
I was running for the door.
I had to find the passage back
to the place I was before.
สิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้
ผมกำลังวิ่งหาทางออก
ผมต้องหาทางกลับให้ได้
ไปที่จุดเริ่มต้นของผม

'Relax' said the night man,
'We are programmed to receive'
'You can check out any time you like,
but you can never leave'
"ใจเย็น" พนักงานชายพูด
เราถูกสอนให้รับอย่างเดียว
คุณสามารถเช็คเอาท์ออกจากนี่เมื่อไหร่ก็ได้
แต่เชื่อเหอะคุณไม่มีวันจากที่นี่ไปได้

ปล.  colitas  ผมคิดว่าน่าเป็นยาเสพติดขนิดนึง  ไม่ทราบถูกหรือเปล่าครับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 18 ธ.ค. 08, 11:18
แหม อ่านที่คุณบานาแปลแล้ว บอกตรงๆว่ามึนค่ะ
มึนกลิ่นไอของดอกโคลีทัส .. เล่นซัดทีเดียวสามเพลงรวด
แต่ละเพลง ดนตรี และเนื้อร้องสุดยอดทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นwish you were here หรือ another brick on the wall ของพิงค์ ฟลอยด์
จนถึงเพลงโรงแรมcalifornia ของดิอีเกิ้ลส์
คุณบานานี่เสือปืนไวเจงๆ
มีเบื้องหลังเพลงสามเพลงที่ทำให้ต้องเขียนกันไปนาน
จะช็อตคัทคงลำบาก โปรดติดตาม
...
ระหว่างนี้ กุ้งแห้งเยอรมันอารมณ์ดี ฟังเพลงบางเพลงแล้วอยากวิ่งขึ้นเวทีไปร้องค่ะ โดยเฉพาะเพลงของวงที่เห็นชื่อแล้วสะดุดตั้งแต่เด็กๆ ชื่อวง bad company
ซึ่งความหมายออกจะไม่เป็นมงคลเสียเลย
แต่เพลงหลายเพลงกินใจค่ะ ชื่อวงว่าเป็นเพื่อนที่เลว แต่ดันแต่งเพลงเพื่อนออกมาดีเลิศ
ฟังเพลง พร้อมรัก.. ก่อนนะคะ เข้าเวบนี้ดีกว่า มีทั้งเนื้อเพลงและหนังให้ดูเลย

http://www.lyricsmode.com/lyrics/b/bad_company/ready_for_love.html
READY FOR LOVE
bad company

Walkin' down this rocky road
Wondering where my life is leadin'
Rollin' on to the bitter end
Finding out along the way
What it takes to keep love living
You should know how it feels, my friend


Ooh, I want you to stay
Ooh, I want you today

I'm ready for love
Oh baby, I'm ready for love
Oh baby, I'm ready for love
Ready for your love

Now I'm on my feet again
Better things are bound to happen
All my dues surely must be paid
Many miles and many tears
Times were hard but now they're changing
You should know that I'm not afraid

Ooh, I want you to stay
Ooh, I want you today

Oh baby, I'm ready for love
I'm ready for love
I'm ready for love
Oh, for your love
Oh baby, I'm ready for love



กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 19 ธ.ค. 08, 02:10
เป็นเพลงที่เล่นไม่ยาก  เครื่องน้อยชิ้น เป็นซอฟร็อคที่น่าสนใจ  ไม่ทราบว่าดังมากหรือเปล่าครับ  เคยได้ฟังแต่นานมาแล้วตั้งแต่มัธยม  รุ่นพี่เล่นเพลงนี้ยังจำได้ว่าเคยคอรัสช่วย  แต่ก็ไม่ได้ติดตามวงนี้  อิอิ เลยแปลซ้าใช้เวลานิดหน่อยวันนี้รีบ  คงต้องหายตัวซักสองสามวัน(แล้วแต่เหตุการณ์)....อิอิ ;D

Walkin' down this rocky road
Wondering where my life is leadin'
Rollin' on to the bitter end
Finding out along the way
What it takes to keep love living
You should know how it feels, my friend
ก้าวเดินเผชิญชีวิตในวิถีอันลำเค็ญ
นำพามันไปสู่การเรียนรู้อันขื่นขม
และการรู้จักรักษาความรักไว้
เพื่อนเอ๋ย...เพื่อนน่าจะรู้รสชาติของมัน

Ooh, I want you to stay
Ooh, I want you today
โอว.....ฉันต้องการพัก..... ฉันต้องการเธอวันนี้

I'm ready for love
Oh baby, I'm ready for love
Oh baby, I'm ready for love
Ready for your love
ฉันพร้อมแล้วที่จะรัก
ที่รัก...ฉันพร้อมแล้ว...พร้อมแล้ว...สำหรับความรักของคุณ

Now I'm on my feet again
Better things are bound to happen
All my dues surely must be paid
Many miles and many tears
Times were hard but now they're changing
You should know that I'm not afraid
ตอนนี้ฉันได้อยู่กับตัวเองอีกครั้ง
จะดีไหมถ้าการผูกพันระหว่างเราจะเกิดขึ้น
ฉันทวงสัญญาว่าถึงเวลาแล้ว
พันไมล์หมื่นน้ำตาที่หลั่งไหล
มันระทมแต่มันก็ได้เปลี่ยนแล้ว
ขอให้เธอรู้ว่าฉันจะไม่กลัวที่จะรักอีกแล้ว


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: bookaholic ที่ 20 ธ.ค. 08, 21:16
คุณ Bana หาความหมายของ Hotel California ได้ในวิกิ
ตามความหมายทั่วไป เขาว่ากันงี้ครับ
The song is generally understood to be an allegory about hedonism and self-destruction in the Southern California music industry of the late 1970s

"colitas" เป็นชื่อดอกไม้ทะเลทราย     บางคนก็ตีความว่าหมายถึง  Cannabis plant   
ส่อนัยถึงยาเสพติดได้ครับ


กระทู้: คนเขียนเพลง
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 21 ธ.ค. 08, 00:10
แปลธรรมดาก็แย่แล้วล่ะผม  ถ้าเป็นประเภทอุปมาหรือเปรียบเทียบคงแย่....ขอบคุณมากครับคุณ bookaholic ... :D