ขอแทรกคุณศรีสรรเพชญ์ เพื่อตอบคุณเขียวเนรศ อย่างเล็กน้อยก่อนนะครับ
ผมอ้าง wikipedia ก่อนก็แล้วกันครับ ยังไม่ได้ตรวจสอบกับรอยอิน
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3
พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร (นพ; เก้า, ปฎล; ชั้น, เศวต; สีขาว) เป็นฉัตร 9 ชั้น สำหรับพระมหากษัตริย์ที่ทรงรับพระราชพิธีบรมราชภิเษกตามโบราณราชประเพณีแล้ว ฉัตรแบบนี้เรียกโดยย่อว่า "พระมหาเศวตฉัตร" เป็นฉัตรผ้าขาว 9 ชั้น มีระบาย 3 ชั้น ขลิบทอง แผ่ลวด และมียอด เป็นราชกกุธภัณฑ์ของพระมหากษัตริย์ที่สำคัญที่สุด มีที่ใช้คือ ปักที่พระแท่นราชอาสน์ราชบัลลังก์ กางกั้นเหนือพระแท่นที่บรรทม ปักพระยานมาศ และแขวนกางกั้นพระโกศทรงพระบรมศพ เป็นต้น แต่โบราณมาไทยถือเศวตฉัตร เป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เศวตฉัตร หมายถึง ความเป็นพระราชามหากษัตริย์เช่นเดียวกับมงกุฎของชาวยุโรป ตามประเพณีของพราหมณ์แต่เดิม เป็นเศวตฉัตร 6 ชั้น อันหมายถึง สวรรค์ 6 ชั้น ตั้งแต่ชั้นจตุมหาราชิกาจนถึงชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ความหมายของฉัตร 9 ชั้นที่ใช้ในปัจจุบันหมายถึง ผู้ที่ชนะทั้ง 8 ทิศ ชั้นล่างสุด หมายถึงพระมหากษัตริย์ที่จะต้องทรงแบกภาระอันใหญ่หลวงในการดูแลประชาชนทั้ง 8 ทิศ ปัจจุบันมีพระมหาเศวตฉัตรแห่อยู่จำนวน 6 องค์ ได้แก่
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท (ท้องพระโรงกลางเหนือพระที่นั่งพุดตานถม)
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท (ท้องพระโรงเหนือพระแท่นราชบัลลังก์ประดับมุก)
พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน (เหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ท้องพระโรง)
พระที่นั่งไพศาลทักษิณ (เหนือพระที่นั่งภัทรบิฐ ท้องพระโรง)
พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน (มี 2 องค์ คือ เหนือพระแท่นราชบรรจถรณ์และเหนือพระแท่นเครื่องพระสำอาง)
พระที่นั่งอนันตสมาคม (ท้องพระโรงกลางเหนือพระแท่นราชบัลลังก์)
เพิ่มเติม เพิ่งเห็นว่าคุณศรีสรรเพชญ์ ช่วยตอบเรื่องฉัตรไปแล้วนะครับ เห็นตามคุณศรีฯ ครับ
เรื่องเศวตรฉัตรมีความสำคัญที่สุด ไปค้นพบข้อมูลจากหนังสือ
"เรื่องราชูปโภคและพระราชสถาน" แต่งโดย หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล หรือ มหาเสวกตรี พระยาเทวาธิราช อดีตสมุหพระราชพิธีในสมัยรัชกาลที่ ๗-๙ นอกจากนี้ยังเป็นนัดดาของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบปรปักษ์ ซึ่งปรากฏว่าทรงเป็นพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่รอบรู้ในพระราชพิธีและธรรมเนียมราชสำนักมาแต่ก่อน ข้อมูลนี้จึงควรมีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากพอสมควร
ในตอน ราชูปโภคและเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศพระมหากษัตริย์ของหนังสือได้ระบุว่า เครื่องราชกกุธภัณฑ์นั้นมี ๒ แบบ แบบแรกอ้างอิงตามคัมภีร์อภิธานปปทีปิกาและธรรมบท แบบที่สองอ้างจากบานหน้าต่างพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร (เขียนในสมัยรัชกาลที่ ๔)
"สองแบบนี้ต่างกันด้วยมีฉัตรและธารพระกร ซึ่งที่จริงก็เป็นการถูกด้วยกันทั้งสองแบบ คือ ถ้ามีฉัตรแล้วไม่ควรมีธารพระกร หรือถ้ามีธารพระกรแล้วก็ไม่ควรมีฉัตร เพราะฉัตรคือร่ม คนเราในขณะเดียวกันจะถือทั้งร่มทั้งไม้เท้าด้วยนั้นเป็นการไม่ควร
ราชกกุธภัณฑ์จึงมี ๒ แบบ แบบ ๑ มี ๕ อย่าง คือ
แบบ ก. ๑) ฉัตร
๒) มงกุฎ
๓) พระแสงขรรค์
๔) พัดหรือแส้
๕) ฉลองพระบาท
แบบ ข. ๑) มงกุฎ
๒) พระแสงขรรค์
๓) ธารพระกร
๔) พัดหรือแส้
๕) ฉลองพระบาท
งานพระราชพิธีราชาภิเษก เจ้าพนักงานทูลถวายดังนี้
ชุดแรก - ๑) มงกุฎ
๒) พระแสงขรรค์
๓) ธารพระกร
๔) พัดหรือแส้
๕) ฉลองพระบาท
ชุดหลัง - พระมหาเศวตรฉัตร"
ที่สำคัญคือได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า
"โบราณถือเศวตฉัตรเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าราชกกุธภัณฑ์อื่น เศวตฉัตรมีความหมายเท่ากับความเป็นพระราชามหากษัตริย์"อีกครั้งหนึ่งก็ได้กล่าวเปรียบเปรยไว้กับพระมหาพิชัยมงกุฎว่า
"โบราณคือว่ามงกุฎเท่ากับราชกกุธภัณฑ์อันเป็นราชศิราภรณ์เท่านั้น หาได้ถือเป็นยอดแห่งความสำคัญเช่นมหาเศวตฉัตรไม่ แม้ในงานพระราชพิธีราชาภิเษกก็เป็นแต่เจ้าพนักงานทูลถวาย..."ดังนั้นจึงควรสรุปได้ว่า เศวตฉัตรเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดครับ
ส่วนพระแสงขรรค์ชัยศรี ปรากฏหลักฐานว่าอยู่ในฐานะ "พระแสงศัสตราวุธ" ที่สำคัญที่สุด และปรากฏว่าเป็นพระแสงของผู้มีบุญบารมีที่สืบมาตั้งแต่บรรพกษัตริย์ครั้งพระยาแกรกบ้าง พระยาปทุมสุริยวงศ์บ้าง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าถูกยกย่องว่ามีความพิเศษเหนือราชกกุธภัณฑ์อื่นๆ และไม่ปรากฏว่ามีความสำคัญเทียบเท่าเศวตฉัตรซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกสถานะหรือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นพระมหากษัตริย์โดยตรงครับ