เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: :D :D ที่ 28 ก.ย. 10, 15:55



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 28 ก.ย. 10, 15:55
ถ้าพูดถึงโบสถ์ฝรั่งทีไร หนูต้องนึกถึงวัดนิเวศธรรมประวัติเป็นอันดับแรกทุกทีเลย..วัดไทยที่สวยอย่างฝรั่ง.. แต่อยู่บางปะอิน
ท่าน siamese ใบ้นิดนะคะ ว่าโบสถ์ในภาพปริศนา ปัจจุบันยังอยู่ เหมือนเดิมหรือไม่คะ?
ห้ามใบ้ แบ๊ะ แบ๊ะ นะคะ.....


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 28 ก.ย. 10, 19:03
ไม่รู้จะใบ้ยังไง เนื่องจากยังแกะภาพนี้ไม่ออกเช่นกัน  ;D

เพียงแต่ว่า
1.โบสถ์นี้ ตั้งอยู่หลังกำแพง (สังเกตุจากบังใบลบเหลี่ยมทางไหน) คืออยู่ในเขตกำแพงเมืองและ
2.มุมกล้องควรขึ้นไปบนป้อมถ่ายลงมา
3.ควรอยู่ในพระนครหรือไม่ / ธนบุรีมีกำแพงเมืองหรือไม่


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: pierre ที่ 29 ก.ย. 10, 09:56
หนูเป็นสมาชิกใหม่ แต่ก็แอบตามอ่านมานานพอสมควรแล้ว
กระทู้นี้เต็มไปด้วยคนเก่งๆค่ะ..ขอชื่นชมจากใจ
บางภาพหนูยังแทบไม่เห็นรายละเอียดอะไรเท่าไหร่
แต่หลายๆคนก็ให้รายละเอียดจุดโน้นจุดนี้ได้ดีจริงๆ
หนูได้ความรู้จากกระทู้นี้มากๆค่ะ  :)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: paputh ที่ 29 ก.ย. 10, 16:15
จำเป็นต้องเป็นกำแพงเมืองรึปล่าวครับ
หรืออาจจะเป็นแค่ กำแพงวัดครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: pierre ที่ 29 ก.ย. 10, 18:43
รูปในความคิดเห็นที่ 1223 เป็นรูปโบสถ์ฝรั่งทำให้หนูนึกถึงวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์แถวสามเสนมากๆเลยค่ะ
บางทีรูปนี้อาจจะไม่ใช่อย่างที่หนูบอกก็ได้ แต่ที่ทำให้คิดแบบนี้เพราะลักษณะทางสถาปัตยกรรมของโบสถ์ในรูปนิยมกันมากในช่วงปลายรัชกาลที่ ๔ ต่อต้นรัชกาลที่ ๕ น่ะค่ะ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ก.ย. 10, 00:34
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14645;image)

รูป #1223 ของคุณ siamese อ่านยากมาก   ถ้าระดับเทพยังไม่รู้ ก็จนปัญญาดิฉัน
แกะรอยได้แต่ว่า
1  ลักษณะเป็นวัดของคาทอลิค ไม่ใช่โปรแตสแตนท์  
2   พ.ศ. 2413  เพิ่งเปลี่ยนแผ่นดินใหม่มาแค่ 2 ปี   ในสยามมีวัดคาทอลิคน้อยมากแน่นอน   ก็ลองเช็คดูว่ามีวัดคาทอลิคกี่วัดในกรุงเทพสร้างแล้วในปลายรัชกาลที่ 4
3   ถ้าเป็นวัดคาทอลิค สร้างสวยขนาดนี้ มีกุฏิเป็นตึกทั้งด้านหลังและด้านข้าง โอ่อ่ามั่นคง มีทางเดินเรียบเหมือนเทปูน   ซึ่งวัดไทยทั่วไปยังปรับพื้นดินเป็นทางเดินอยู่เลย    เจ้าอาวาสเห็นทีจะไม่ใช่บาทหลวงธรรมดา  ลองเช็คดูว่าสังฆราชปาเลอกัวซ์อยู่วัดไหน
4   บ้านชาวบ้านเป็นยังไงดูได้จากกระท่อมหลังคามุงจาก  แต่ก็สร้างเรียบร้อยเป็นระเบียบ น่าจะอยู่ในเขตสังฆาวาส
5   ดูแบบ bird's eye view   กำแพงนี้เตี้ยเกินกว่าจะเป็นกำแพงเมือง  น่าจะเป็นกำแพงวัดมากกว่าค่ะ      
6   ปกติวัดหรือโบสถ์คาทอลิคจะมีกางเขนอยู่บนผนังด้านหน้า หรือบนหลังคา   วัดนี้ ทำไมมองไม่เห็นกางเขน  ซูมภาพก็ดูเลือนๆ ไม่เห็นชัด
จะว่าเป็นวัดไทยสร้างแบบฝรั่งก็ไม่น่าใช่   ต้นรัชกาลที่ ๕ แทบไม่มีอะไรต่างจากรัชกาลที่ ๔ ไอเดียสร้างวัดไทยแบบฝรั่งยังไม่น่าจะมี
7  เห็นต้นหมากด้วย  ใจนึกถึงฝั่งธนค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 30 ก.ย. 10, 13:57
หาข้อมูลมาประกอบให้คณะช้อนลูกน้ำค่ะ จากข้อ 3 ของ อ.เทาชมพู ค่ะ


3   ถ้าเป็นวัดคาทอลิค สร้างสวยขนาดนี้ มีกุฏิเป็นตึกทั้งด้านหลังและด้านข้าง โอ่อ่ามั่นคง มีทางเดินเรียบเหมือนเทปูน   ซึ่งวัดไทยทั่วไปยังปรับพื้นดินเป็นทางเดินอยู่เลย    เจ้าอาวาสเห็นทีจะไม่ใช่บาทหลวงธรรมดา  ลองเช็คดูว่าสังฆราชปาเลอกัวซ์อยู่วัดไหน


โบสถ์คอนเซ็ปชัญ เป็นโบสถ์คาทอลิคแห่งแรกในบางกอก ตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย...
"สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินสำหรับสร้างวัด และเป็นที่อยู่อาศัยของชาวโปรตุเกสกลุ่มหนึ่งราว 60-70 ครอบครัว จึงมาตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่ตำบลสวนพลู (ปัจจุบันคือโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และสุสาน) สังฆราชหลุยส์ลาโน ได้รวบรวมครอบครัวคริสตัง สร้างวัดพระแม่ปฏิสนธินิรมล (วัดน้อย) ขึ้นราว พ.ศ. 2317 ซึ่งเป็นโบสถ์เครื่องไม้ ต่อมาได้ทรุดโทรม พระสังฆราชปาเลอกัวซ์จึงได้สร้างวัดคอนเซ็ปชัญราว พ.ศ. 2379 สง่างามด้วยสถาปัตยกรรมยุโรปเคียงข้างวัดน้อย"

สำหรับพระสังฆราชปาเลอกัวซ์ ....วิกิพีเดีย...ให้ข้อมูลว่า
"ในปี พ.ศ. 2318 ท่านได้บรรพชาเป็นพระอธิการแห่งวัดคอนเซ็ปชัญ มีสมณศักดิ์ว่า สังฆราชแห่งมัลโลว์ ท่านได้ปรับปรุงวัดแห่งนี้ ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2217 ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หลังจากถูกทิ้งร้างมานาน แล้วย้ายไปอยู่ที่วัดอัสสัมชัญ ในปี พ.ศ. 2381
พระสังฆราชปาลเลอกัวซ์ ได้เดินทางกลับประเทศฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2397 ช่วงต้นรัชกาลที่ 4 และเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2399 และถึงแก่มรณภาพที่วัดอัสสัมชัญ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2405 อายุ 57 ปี พระศพฝังอยู่ในวัดคอนเซ็ปชัญ"

สำหรับประวัติพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย ค่ะ

"เมื่อพระเจ้าตากสินสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีแล้ว คุณพ่อกอร์ บาทหลวงชาวฝรั่งเศสซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยาและพาพวกเข้ารีตหลบหนีไปอยู่เขมรเมื่อกรุงแตก ได้กลับมาพร้อมพวกเข้ารีตและได้พบหมู่คริสตังจำนวนไม่น้อยอาศัยอยู่รวมกันใกล้ป้อมที่บางกอก จึงได้ขอพระราชทานที่ดินบริเวณนี้จากพระเจ้ากรุงธนบุรีเพื่อสร้างโบสถ์ ตั้งชื่อว่า “ซางตาครู้ส” (Santa Cruz) เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกเก่าแก่อันดับ 2 รองจากวัดคอนเซ็ปชัญ  ที่สามเสนฝั่งตะวันออก ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พวกโปรตุเกสนอกจากจะตั้งถิ่นฐานในชุมชนกุฎีจีนแล้ว ยังมีที่ วัดกาลหว่าร์  บริเวณตลาดน้อย ซึ่งเป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกหลังที่ 3 ในบางกอก "
จากบทความ พบว่าในสมัยนั้นมีโบสถ์คาทอลิก 3 แห่งคือ
1. วัดคอนเซ็ปชัญ  อยู่บริเวณสามเสน สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นที่ประทับของพระสังฆราชปาเลอกัวซ์
2. วัดซางตาครู้ส อยู่ฝั่งธนบุรี บริเวณชุมชนกุฏีจีน
3. วัดกาลหว่าร์ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนเจริญกรุง
แต่ภาพปัจจุบัน ไม่เหมือนในภาพของท่าน siamese เลยสักโบสถ์เดียวค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ก.ย. 10, 14:24
คุณดีดีลืมไปอีกวัดหนึ่ง

วัดอัสสัมชัญ

สังฆราชปาลเลอกัวซ์ได้เขียนถึงการก่อสร้างวัดอัสสัมชัญและสำนักพระสังฆราชไว้ในหนังสือเล่าเรื่องกรุงสยามของท่านดังนี้

"มีโบสถ์คริสตัง หรือค่ายคริสตังอยู่ ๕ แห่งด้วยกัน ในนครหลวง แห่งแรกชื่อค่ายอัสสัมชัญ ซึ่งวิทยาลัยเสมินาร์ตั้งอยู่ที่นั่น   ใกล้กับตัวโบสถ์อันสง่างามก่ออิฐถือปูน สร้างมาได้เกือบ ๑๐ ปีแล้ว ตัวโบสถ์นั้นมีสวนอันกว้างล้อมรอบอยู่โดยรอบ มีบ้านเรือนของพวกคริสตังกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ห่างจากแม่น้ำลึกไปประมาณ ๑๐๐ เมตร จะเห็นสำนักพระสังฆราชอันสูงเด่น ซึ่งสิ้นค่าก่อสร้างไปถึง ๓,๐๐๐ ฟรังก์เศษ   ชั้นล่างของอาคารหลังนี้จัดสรรให้เป็นที่ทำการของโรงพิมพ์แต่เพียงอย่างเดียว ชั้นบนซึ่งมีอยู่เพียงชั้นเดียวประกอบด้วยห้องนอน ๒ ห้อง และห้องรับแขกอันกว้างใหญ่อีก ๑ ห้อง ..."  

http://www.catholic.or.th/archive/archbkk/church/church1/archbkk10.html



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 30 ก.ย. 10, 20:33
เอาภาพโบสถ์รุ่นใกล้ๆกันมาวางเทียบ
1. กำแพงวัด จะทำแบบนี้หรือ สงสัยยิ่งนัก
2. หอสูง ทำไมไม่ทำชะลูดอย่างโกธิก ในเมื่อโบสถ์วัดกัลว่าร์ ยังก่อสร้างได้ในยุคเดียวกัน
3. ต้นหมาก นึกถึงฝั่งธนบุรี เช่นกัน แต่มีต้นเดียว เอกายิ่งนัก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 30 ก.ย. 10, 20:38
ส่วนอาสนวิหารอัสสัมชัญ คงไม่ใช่ เนื่องจากมีภาพเก่าของโบสถ์เดิมแบบนี้ งามยิ่งนัก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ก.ย. 10, 21:35
ดูจากรูป  วัด(หรือโบสถ์)นี้น่าจะสร้างใหม่ สีสันยังดูผ่อง ไม่มีคราบตะไคร่เชื้อราด่างดำ  ก็แสดงว่าก่อสร้างประมาณปลายรัชกาลที่ ๔
ดูจากต้นหมากก็เป็นภาคกลาง จะว่าเป็นโบสถ์เมืองใหญ่อย่างเชียงใหม่ก็ไม่น่าใช่  ส่วนหัวเมืองเล็กๆ ไม่มีแน่นอน
หรือ..
โบสถ์นี้ถูกรื้อ หรือว่าซ่อมแซมสร้างใหม่เพิ่มเติมภายหลัง  เลยไม่มีร่องรอยให้เห็น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 02 ต.ค. 10, 22:40
สวัสดีค่ะทุกท่าน ดิฉันหายไปต่างจังหวัดหลายวัน กลับมาเจอยาขมของคุณ Siamese หม้อใหญ่เชียว
แถมเจ้าของภาพดูจะไม่ทราบคำตอบเอาเสียด้วย

คราวก่อนก็เอารูปพรรณาคารของสกุลบุนนาคมาหลอกล่อให้หลงไปค้นหาโบสถ์คาทอลิคมาครั้งหนึ่งแล้ว
คราวนี้เห็นท่าจะไม่ง่ายแน่ ๆ

สังเกตุอาคารด้านข้าง ดูจะเป็นอาคารแบบไทย คล้ายกุฏิพระตามวัดไทย หรือ ไม่ก็อาคารในพระบรมมหาราชวังนะคะ
ปลูกสร้างหนาแน่นผิดปกติที่จะเป็นวัด หรือ โบสถ์ในศาสนา มีคนปลูกบ้านมุงจาก เอาผ้ามาตากเสียด้วย กันเองผิดสังเกตุค่ะ

ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับวัดและวังมากกว่าจะเป็นโบสถ์คริสต์ พยายามขยายบรูปเท่าไร ก็มองไม่เห็นไม้กางเขนสักอัน มันดูจะเป็นอะไรที่เหมือนนกตรงหน้าจั่ว มากกว่าไม้กางเขน บนยอดโดมแหลม ๆ นั่นก็ไม่เหมือนไม้กางเขนนะคะ

ว่าแต่เจ้าของภาพเถอะค่ะ แน่ใจหรือว่า สถานที่นี้อยู่ในกรุงเทพ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ต.ค. 10, 23:29
หัวหน้าแก๊งค์ลูกน้ำกลับมาแล้ว ;D
เหลือคุณศรีสยามกับคุณณัฐดล ยังหายตัวอยู่

ตั้งคำถามใหม่
ถ้าสิ่งก่อสร้างนี้ไม่ใช่โบสถ์คริสต์  จะเป็นอะไรได้อีก?

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14645;image)

๑ มองไม่เห็นไม้กางเขน
๒ มีบ้านเรือนปลูกสร้างติดกันแน่นขนัด
๓ ซ้ายและขวาของรูป มีอาคารก่ออิฐถือปูน ลักษณะเหมือนกุฏิวัดของไทย  สถาปัตยกรรมแบบรัชกาลที่ ๓ คือมีหน้าบันแต่ไม่มีช่อฟ้าใบระกาหางหงส์
๔  บ้านแบบไทยหลังคามุงจาก  เปิดด้านหน้าเหมือนหน้าถังของร้านค้าเสียด้วย  ตัวเรือนเตี้ยมาก ไม่มีใต้ถุนอย่างบ้านชาวบ้านทั่วไป  มองดูเหมือนร้านมากกว่าบ้าน
ในเมื่อสร้างเตี้ยติดดิน ก็แสดงว่าแถวนี้ไม่มีน้ำท่วม และบ้านเหล่านี้ไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากใต้ถุนบ้าน
๕    ถนนที่ผ่านกลางเหมือนลาดคอนกรีตเรียบร้อย แต่พอข้ามมาอีกฟากก็มีผ้าตากไว้ระนาว 
     ใครพอจะดูออกบ้างว่าผ้าที่ตากเป็นอะไร  เป็นผ้าสี่เหลี่ยมผืนเรียบ ไม่ใช่เสื้อผ้าบาทหลวง  ผืนสีคล้ำดิฉันดูคล้ายๆผ้านุ่ง ผืนสีขาวขนาดเหมือนปลอกหมอน   


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 03 ต.ค. 10, 10:43
ตามหลังท่านหัวหน้าแก๊งค์ด้วยอาการมึนตึ๊บ.............
เพราะภาพนี้โหดหินมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ท่านsiameseน่าจะบอกที่มาของภาพสักนิด...พอได้ไหมครับ..........
ก็ได้แต่ช่วยปรับภาพให้ทุกท่านได้วิเคราะห์ต่อ....... ;D


ถนนที่เห็นในภาพน่าจะอยู่ระหว่างการสร้างทีละครึ่งถนน?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 10, 19:44
ถนนเล็กๆในภาพ เรียบและสวยงาม จนน่าทึ่งเมื่อนึกถึงยุคสมัยต้นรัชกาลที่ ๕   กรุงเทพส่วนใหญ่ยังแคบและเป็นป่า ปนหนองน้ำ  ไม่ต่างจากรัชกาลที่ ๔   ใครอ่านหนังสือประวัติเจ้าพระยาวรพงษ์คงนึกออกถึงสภาพกรุงเทพที่ไม่ได้ต่างจากต้นรัตนโกสินทร์กี่มากน้อย     กว่ากรุงเทพจะมาหรูหรามีถนนราชดำเนินก็ล่วงเข้าไปครึ่งหลังของรัชกาลที่ ๕
ถนนที่เชิดหน้าชูตากรุงเทพก็คือถนนเจริญกรุง ที่ตัดขึ้นมาให้บรรดาฝรั่งทั้งหลายได้นั่งรถม้าออกมาสูดอากาศนอกบ้าน ตามคำขอของฝรั่ง   ส่วนคนไทยไม่ใช้ถนนเพราะเราไม่นั่งรถม้า   เราสัญจรกันทางน้ำ มีเรือเป็นหลัก

ถ้าที่นี่เป็นวัดคาทอลิค    ถนนเล็กๆในภาพนับว่าทันสมัยมาก  พูดถึงประโยชน์ใช้สอยเห็นจะไม่ได้มีเอาไว้บริการกระต๊อบสองสามหลังในภาพ   แต่สร้างขึ้นเพื่อนำชาวคาทอลิคมาโบสถ์ในวันอาทิตย์  กว้างพอรถม้าจะวิ่งได้ เพราะคนที่มาวัดในต้นรัชกาลที่ ๕ น่าจะมีฝรั่งเป็นแกนนำ   เดาว่าเป็นทูตานุทูตฝรั่งเศส  หรือโปรตุเกส  เพราะอังกฤษกับอเมริกันนับถือโปรแตสแตนท์  ไม่มาโบสถ์แบบนี้
ถ้าดูจากความกว้างของถนนแล้วก็น่าจะพอสำหรับรถม้าคันเล็กๆ ที่เราเรียกว่ารถกูบ หรือ Phaeton  ไม่น่าจะเป็นการสร้างแค่ครึ่งเดียว  แต่ก็อยากฟังคุณศรีสยามวิเคราะห์ต่อ ว่าทำไมคิดอย่างนั้น

ถ้าฝรั่งเศสมาโบสถ์นี้    โบสถ์ก็น่าจะอยู่ไม่ไกลจากสถานทูตฝรั่งเศสนัก  สถานทูตตั้งแต่แรกอยู่ที่ถนนเจริญกรุงข้างโรงแรมโอเรียนเต็ล
ถนนเล็กๆสายนี้น่าจะแยกจากถนนใหญ่คือเจริญกรุง  พาฝรั่งคาทอลิคนั่งรถม้าจากเจริญกรุง แยกเข้าทางเล็กที่ลาดคอนกรีต(หรืออะไรสักอย่างที่ดูเหมือนคอนกรีต) ราบเรียบให้รถม้าวิ่งได้สบาย  มาหยุดหน้าประตูโบสถ์ในวันอาทิตย์
โบสถ์นี้ก็น่าจะอยู่แถวเจริญกรุงนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: pierre ที่ 03 ต.ค. 10, 20:06
เป็นไปได้มั๊ยคะที่จะไม่ใช่โบสถ์คาทอลิก  หนูคิดไปถึงโบสถ์ไครสต์เชิร์ชอะไรแบบนี้มากกว่า
แอบคิดว่าที่ไม่ใช่โบสถ์คาทอลิกเพราะดูเล็กเกินไป อีกอย่างไม่เห็นมีไม้กางเขนที่ดูเด่นออกมาชัดเจนด้วยน่ะค่ะ
(ติดกับบ้านคนเลยด้วย ดูกันเองไปหน่อยมั้งคะ)  :)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 03 ต.ค. 10, 20:42
กำแพง ? ควรเป็นกำแพงแถวป้อมหรือไม่ เพราะว่าถ้าเป็นกำแพงพระนครจะเป็นทรงใบเสมา

หรือ ตามคุณเพ็ญชมพูว่าเป็นแค่กำแพงวัด / กำแพงกันเขตกันเอง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 10, 20:53
โบสถ์ไครสเชิร์ชคืออะไรคะ?
ดูในรูปที่คุณศรีสยามขยาย  มองเห็นไม้กางเขนเหนือประตู  และบนยอดโดม ก็หน้าตาเหมือนไม้กางเขนด้วยนะคะ
ในปลายรัชกาลที่ ๔ ต้นรัชกาลที่ ๕ มีฝรั่งอยู่ในสยามไม่ถึง ๑๐๐ คน  ถ้าเอาสองหารก็มีคาทอลิคไม่ถึง ๕๐ คน  บางทีอาจจะสัก ๒๐ ได้ละมัง  คือพวกทูตที่มาประจำในสยาม  อาจมีพ่อค้ามาติดต่อการค้าบ้าง
โบสถ์ขนาดนี้น่าจะพอแล้ว

เพิ่งเห็นคำถามคุณ siamese  
กำแพงเล็กและเตี้ยมากนะคะ  ถ้าสูงขนาดกำแพงเมือง พื้นดินจะต้องดูต่ำกว่านี้   คนถ่าย น่าจะยืนอยู่ประมาณชั้นที่สองของตึก และอยู่ใกล้กำแพงด้วย  


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 03 ต.ค. 10, 22:36
น่าจะไม่ใช่ไม้กางเขนละครับ....แรกก็เข้าใจเช่นนั้นเหมือนกัน...แต่พอขยายรูปดูแล้ว..ไม่ใช่แน่นอน

ถนนที่สร้าง....ที่เข้าใจว่ากำลังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะอีกครึ่งที่ติดกำแพง ยังเป็นดินอยู่
หากสร้างแค่นี้เสร็จสมบูรณ์ ตัวถนนก็น่าจะอยู่กลาง...ไม่ใช่อยู่ติดกระต๊อบซึ่งจะต้องถูกรื้อออกไปเมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้น...
การสร้างถนน(หากวิเคราะห์ถูก)ต้องสร้างที่ละครึ่ง-มิฉะนั้นจะไม่สามารถขนวัสดุก่อสร้าง/คนงาน/อุปกรณ์เข้าออกได้เลยระหว่างที่ยังสร้างไม่เสร็จ

ที่ว่าน่าจะอยู่เจริญกรุง....น่าเป็นไปได้ที่อยู่ช่วงบางรักเพราะแถบนี้เป็นย่านอยู่อาศัยของชาวต่างชาติในยุคนั้น

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 04 ต.ค. 10, 13:37
เอารูปโบสถ์ Christ Church มาให้อาจารย์เทาดูค่ะ มันคล้ายกันเล็กน้อยเท่านั้นเอง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 04 ต.ค. 10, 13:45
สิ่งที่มีส่วนคล้ายกัน เปรียบเทียบจากในภาพ จะเห็นความนิยมทำแนวสลับสีดังในภาพ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 04 ต.ค. 10, 13:59
น่าคิดว่าที่ไหน เพราะมีอะไรคาบเกี่ยวกันระหว่าง บ้าน(พระยา) วัด  หรือ วัง ????
เจ้าของสถานที่ น่าจะเป็นผู้นิยมศิลปะฝรั่ง สมัย ร.4 มีใครบ้างที่ติดต่อกับฝรั่ง

เสียดายค่ะ Comp ไม่แข็งแรง เข้าเวปหลายแห่งไม่ได้
หาข้อมูลไม่สะดวกเอาเสียเลย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 04 ต.ค. 10, 14:15
สำหรับแนวกำแพงเตี้ย ๆ ที่มีคนเอาไม้ไปพาดตากผ้าได้นี้
ท่านเจ้าของภาพเน้นมากเหลือเกินว่า ป้อม หรือ กำแพง ฝั่งธนบุรีมีไหม

เท่าที่เห็น กำแพงในยุดแรก เป็นรูปใบเสมาทั้งสิ้น
จะมีที่เป็นแบบในภาพก็เฉพาะบริเวณป้อม ซึ่งมักจะโค้ง ๆ
แต่ในรูป ไม่ใช่บนป้อม ดูคล้ายจะเป็นกำแพงวัด
ไม่น่าจะเป็นวัง เพราะเตี้ย และไม่ได้รับการเคารพ(เอาผ้าไปตากได้)

วัดที่มีกำแพงลักษณะนี้ มีแต่วัดราชนัดดา แต่มีลายปูนปั้นรูปจักรติดอยู่ด้วย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ต.ค. 10, 14:31

อ้างถึง
เอารูปโบสถ์ Christ Church มาให้อาจารย์เทาดูค่ะ มันคล้ายกันเล็กน้อยเท่านั้นเอง
อ๋อ  โบสถ์คาทอลิค
หน้าต่างประตูโค้งแบบนี้เรียกว่าโกธิค เป็นศิลปะกำเนิดของยุโรป มีมาตั้งแต่ยุคกลาง   โบสถ์คาทอลิคแม้ว่าสร้างสมัยหลังก็มีจำนวนมากที่ยึดแบบนี้
ถ้าเป็นสถานที่ศาสนาของพวกโปรแตสแตนท์อย่างหมอเฮาส์หมอบรัดเลย์ จะไม่สร้างแบบนี้     มักจะเป็นโรงเรือนแบบง่ายๆ ไม่มีการออกแบบประดับประดา
แต่ถ้าไม่ใช่สถานที่ทางศาสนา จะเป็นอะไรได้อีก 

รอคุณร่วมฤดีมาหลายวันแล้วค่ะ    :D
๑  บ้านคน ไม่น่ามีกำแพงวัดล้อมรอบ   สิ่งก่อสร้างเหมือนโบสถ์ ถ้าใช้อยู่อาศัยน่าจะไม่สะดวกนัก
๒   คุณศรีสยามขยายรูปมาให้ดู  ยอดแหลมบนหลังคาไม่ใช่ไม้กางเขน
๓    พวกติดต่อกับฝรั่งในรัชกาลที่ ๔ ก็พวกบุนนาคละค่ะ   แต่ไม่เคยเห็นหลักฐานว่าสร้างบ้านเหมือนโบสถ์   
   ในรูปยังมีสิ่งก่อสร้างเหมือนกุฏิอีก ๒ หลังด้วยนะคะ
๔     กระต๊อบในรูปนี้ดูขัดกับโบสถ์และกุฏิ อยู่มาก ผ้าผ่อนก็ตากปลิวไสว   ภายในกำแพงนี้มีอะไรที่ดูตามสบายไม่มีระเบียบเคร่งครัดอยู่มาก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 04 ต.ค. 10, 16:41
ลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมแบบโกฑิคที่ทำเป็นศาสนสถานนั้น  นอกจากองค์ประกอบดังที่ท่านอาจารย์เทาชมพูได้กล่าวถึงแล้ว  ผังพื้นที่ของศาสนสถานนั้นยังจะมีลักษณะเด่นเป็นรูปไม้กางเขน  ลักษณะเด่นนี้คงติดมาถึงหอประชุมโรงเรียนวชิราวุธที่รับแนวคิดหอสวดของพับลิคสกูลในอังกฤษมา  ก็มีผังพื้นที่เป็นรูปไม้กางเขน  แต่มีการประยุกต์ศิลปกรรมไทยเข้าไปจนแทบจะกลืนสถาปัตยกรรมแบบโกธิคซึ่งเป็นโครงสร้างหลักไปเลยทีเดียว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ต.ค. 10, 17:04
ด้วยใจที่ยังคิดว่ารูปนี้เป็นโบสถ์คาทอลิค  ไม่ใช่บ้านขุนนางที่สร้างเหมือนโบสถ์ และคิดต่อว่าถ้าเป็นคาทอลิคก็สำหรับศาสนิกชนฝรั่ง มี ๒ ประเทศในสยามยุครัชกาลที่ ๔   คือฝรั่งเศสกับโปรตุเกส    ก็เลยไปหารูปโบสถ์ของทั้งสองประเทศมาเทียบกัน
ความจริงโบสถ์ฝรั่งมีหลายยุค เพราะสร้างกันมาหลายร้อยปี   เลยไปหาต่อว่าสมัยใกล้เคียงกันกับรัชกาลที่ ๔ มีแบบไหน   กับโบสถ์ที่มาสร้างแถวเอเชียเป็นแบบไหน

เคยไปเห็นซากโบสถ์เก่าแก่ของโปรตุเกสที่มาเก๊า   การก่อสร้างยกแผงขึ้นด้านหน้าคล้ายแบบนี้





กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ต.ค. 10, 17:05
ส่วนฝรั่งเศส หาเจอแบบนี้
รูปนี้มองหาไม้กางเขน ไม่เจอ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 05 ต.ค. 10, 09:24
อาจารย์เทาชมพูคะ ขออนุญาตแก้ความเข้าใจผิดสักนิดก่อนจะเดินหน้าไปด้วยกันนะคะ

อ้างถึง
อ๋อ  โบสถ์คาทอลิค
Christ Church ไม่ใช่ Catholic ค่ะ เป็น Anti Catholic ค่ะ นิกาย Anglican ของอังกฤษค่ะ

อ้างถึง
ถ้าเป็นสถานที่ศาสนาของพวกโปรแตสแตนท์อย่างหมอเฮาส์หมอบรัดเลย์ จะไม่สร้างแบบนี้     มักจะเป็นโรงเรือนแบบง่ายๆ ไม่มีการออกแบบประดับประดา
ศาสนสถานของ Protestant ที่เป็นแบบ Gothic ก็มีค่ะ ไม่ใช่ทุกแห่งจะเป็นโรงเรือนแบบง่าย ๆ
ดูรูป "โบสถ์สืบสัมพันธ์วงศ์" ที่ถนนประมวลเป็นหลักฐานค่ะ
ดิฉันเรียนจบจากโรงเรียนในนิกาย Presbyterian ค่ะ รักโบสถ์นี้มาก

อ้างถึง
พวกติดต่อกับฝรั่งในรัชกาลที่ ๔ ก็พวกบุนนาคละค่ะ   แต่ไม่เคยเห็นหลักฐานว่าสร้างบ้านเหมือนโบสถ์
พวกบุนนาคนี่แหละ เป็นกลุ่มที่สร้างอาคารเป็นของตนเองแบบ Gothic และแบบฝรั่งมากที่สุดค่ะ ดูรูปพรรณาคารเป็นหลักฐาน ก็คุณ Siamese ผู้เป็น "อัสสัมชนิก" ยังเคยเอารูปที่วัดประยูรมาหลอกให้หลงไปหา โบสถ์Catholic มาคราวหนึ่งแล้ว จำได้ไหมคะ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ต.ค. 10, 09:57
ดิฉันอาจเข้าใจผิดเองค่ะ   เพราะที่เคยเห็นมา โบสถ์แบบนี้เป็นของคาทอลิค   แต่ถ้าโปรแตสแตนท์มีแบบนี้ได้เหมือนกันก็แปลว่าต้องขยายเขตการสันนิษฐานให้กว้างขึ้น
มิชชันนารี อเมริกันบอร์ดมาถึงแล้วตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ ๔    ต้องไปตามประวัติ  หมอๆเหล่านั้นว่าสร้างโบสถ์ที่ไหน

ถ้าหากว่าไม่ใช่โบสถ์แต่เป็นบ้านหรืออาคารสถานของพวกบุนนาค  ก็ถึงคำถาม
๑  ขุนนางมีกำแพงบ้านแบบนี้หรือ
๒   บ้านหลังนี้สร้างไว้อยู่อาศัยหรือเพื่อทำอะไร
๓    ทำไมมีสิ่งก่อสร้างเหมือนกุฏิอยู่ใกล้ๆ
๔    ทำไมมีกระต๊อบอยู่ติดกัน  และอยู่ข้างหน้าก่อนจะถึงโบสถ์      เรือนบริวารน่าจะอยู่ด้านหลัง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 05 ต.ค. 10, 10:13
อ้างถึง
๑  ขุนนางมีกำแพงบ้านแบบนี้หรือ

ไม่แน่ใจ  แต่จะเป็นกำแพงวังเจ้านายได้หรือไม่  ถ้าเป็นวังเจ้านายชั้นเจ้าฟ้า มีเสมาบนกำแพงวังได้ ถ้าเป็นวังเจ้านายชั้นพระองค์เจ้า ไม่มีเสมาบนกำแพง  (จำไม่ได้ว่าไปอ่านมาแต่หนังสืออะไร)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: pierre ที่ 05 ต.ค. 10, 10:14
รูปที่เรายังพยายามหาคำตอบอยู่นั้น เป็นศิลปะแบบโกธิคแน่นอน
ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๔ และ ๕ ศิลปะแบบโกธิคกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง
เห็นได้จากการที่มีวัดหรือโบสถ์คริสต์หลายๆแห่งถูกสร้างขึ้นในสมัยนั้น
แล้วถ้าเป็นโบสถ์คริสต์จริงๆ เราจะดูได้จากอะไรบ้างคะ ว่าเป็นของนิกายไหน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 05 ต.ค. 10, 10:45
อาจารย์เทาคะ ดิฉันกลับมองข้ามพวกบุนนาคไปก็เพราะข้อสังเกตุของอาจารย์นี่แหละค่ะ
"""" มีกำแพงด้วยหรือ ? """"

ตอนนี้ ดิฉันค้นข้อมูลของวังหน้าค่ะ พระปิ่นเกล้านั้น ทรงคบหาชาวตะวันตกมากมาย จนถึงกับต่อเรือได้
วังหน้า เป็นที่ ๆ น่าจะมีกำแพงดังในรูป แต่ก็ยังหาหลักฐานภาพถ่ายมายืนยันไม่ได้

ปลาย ร.4 ไม่มีวังหน้าแล้ว เพราะพระปิ่นเกล้าสวรรคตไปก่อน และไม่ได้ตั้งใครมาแทน
อาจจะเป็นไปได้ว่า วังถูกทิ้งร้าง สิ่งก่อสร้างแม้ยังใหม่ก็ไม่ได้ใช้งานอะไร
คนเก่า ๆ ในวังอาจจะอาศัยอยู่ข้างใน แล้วตากผ้าแบบไม่เกรงใจ(เจ้าของไม่อยู่)

เป็นเพียงข้อสันนิษฐานนะคะ เพราะยังขัดแย้งกับวันอุปราชาภิเษกพระองค์เจ้ายอดยิ่งยศในต้นสมัย ร.5
ว่าเป็นวันที่ 25 พ.ย.2411 ก็ไม่ทราบว่า ภาพนี้ถ่ายเมื่อใดกันแน่ ก่อน หรือ หลังอุปราชาภิเษก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 05 ต.ค. 10, 10:57
ภาพนี้เป็นภาพสมัยรัชกาลที่ 4 เห็นพระอภิเนาว์นิเวศน์ มีหอนาฬิกาแบบฝรั่งสร้างในเขตวังหลวงได้
จึงไม่น่าแปลกอะไรหากวังหน้า หรือ พระปิ่นเกล้าจะสร้างอาคารฝรั่งในพื้นที่วังหน้าบ้าง

มองไปให้สุดถนนในภาพ คือ บริเวณวังหน้าในสมัยนั้น ต่อมาถูกรื้อเป็นสนามหลวง
จึงไม่มีใครเคยเห็นอาคารฝรั่งนี้อีกต่อไป

สภาพหลังคา หน้าบัน ต่าง ๆ คล้ายในรูปมาก แต่ไม่เห็นอาคาร Gothic เจ้าปัญหานั่น
อาคารแบบ Gothic อาจจะไม่ได้ใช้เป็นโบสถ์ อาจจะเป็นท้องพระโรงก็ได้

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี่ ดิฉันเดาเอาค่ะ ;D ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ต.ค. 10, 13:40
อาคารทรงโกธิค นั้นไม่น่าจะอยู่ในวังหน้า เนื่องจากหลังสิ้นวังหน้า ก็ถูกปล่อยร้าง และแปลงเป็นกรมทหารฯ แถมตากผ้า สร้างถนนได้น่าเกลียดเช่นนี้ ไม่เกรงใจสถานที่เลยแม้แต่น้อย แต่การที่นึกถึงพวกบุนนาค สร้างอาคารทรงโกธิคไว้จำนวนมาก น่าคิดเสียยิ่งกว่า

ดูจากกำแพง สิ่งก่อสร้างตั้งอยู่ในพื้นที่แน่นอน แต่ก็คงไม่ใช่ที่วัดประยุรวงศาวาส เนื่องจากวัดนี้ แม้ว่าจะมีพรรณาคาร ที่เป็นแบบโกธิคดังที่เคยนำมาลงไว้แล้ว แต่ก็แย้งตรงที่ วัดแห่งนี้เป็นวัดรั้วเหล็ก ปืนสามกระบอก หอกสามแสน ซึ่งท่านเจ้าพระยาฯ จะนำมามาล้อมพระบรมมหาราชวังแทนรั้วพะเนียดไม้แบบเก่า แต่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๓ ทรงไม่เห็นด้วย จึงโปรดเกล้าให้แลกกันด้วยน้ำหนักน้ำตาล กับ น้ำหนักของรั้วเหล็กแทน

ท่านเจ้าพระยาจึงนำมาล้อมไว้ที่วัดประยุรวงศาวาส แทน

ให้ดูอีกสักภาพ บรรยากาศโคมไฟ ตามด้วยทางเดินหิน บรรยากาศยังกับอยู่ในลอนดอน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ต.ค. 10, 13:47
เข้ากับบรรยากาศวัยรุ่นกันสักหน่อย ช่วยยามบ่าย มาจิบน้ำชาแบบผู้ดีอังกฤษ แต่ก็กลายๆไปทางอเมริกันด้วยเป็น ขนมโดนัท มาให้เลือกทานกัน จะได้คลายความเมื่อยล้ากับอาคารทรงโกธิค สักหน่อย เชิญแก๊งค์ลูกน้ำเลือกทานเลย ไม่ต้องรอคิวเป็นนานหลายชั่วโมงด้วย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ต.ค. 10, 14:09
^
^
^
โดนัท Krispy Kreme รึปล่าว

(http://www.ilovetogo.com/FileUpload/Editor/ImagesUpload/WebContent/England/Shopping/Krispy_Kreme_1.jpg)

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 05 ต.ค. 10, 14:42
แวะมาดู เห็นขนมปั๊ป รีบเข้ามาหยิบปุ๊ปเลยเจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่าน Siamese และ อาจารย์เทาค่ะ

บ่าย ๆ แบบนี้ ขอเป็นอเมริกันชนนะคะ ดื่มกาแฟร้อน ๆ สักถ้วยดีกว่า ไม่ค่อยถนัดชาอังกฤษค่ะ

อาคารของพวกบุนนาค จะมีกำแพงอย่างนี้หรือคะคุณ Siamese ขออนุญาตถามแทนอาจารย์เทาค่ะ

แต่ก็น่าคิดและน่าสงสัยเป็นที่สุด เพราะอ่านจากประวัติการสร้างบ้านของสมเด็จเจ้าพระยาแบบฝรั่งนั้น

ได้กล่าวไว้ว่า ท่านมีบ้านแบบฝรั่งหลายหลัง แหม่มแอนนาเมื่อแรกมาถึง ก็มาอาศัยบ้านท่านก่อนจะเข้าพระราชวังค่ะ

แต่ทำไงได้คะ หาข้อมูลด้านรูปไม่ได้เลยค่ะ ลุง Srisiam กับคุณ Natadol หายไปไหนไม่มาช่วยกันช้อนลูกน้ำ

คุณ Siamese เฉลยเถอะค่ะ เจ้าประคู้ณณณณ...ตอบไม่ได้ก็อย่าตัดสิทธิ์กินโดนัทเลยนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 05 ต.ค. 10, 14:45
เอากาแฟมาเสริฟค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ต.ค. 10, 18:19
โรคหลอนกับภาพ กลับคืนมาอีกแล้ว   ไขกุญแจเข้าเรือนไทย ตรงดิ่งมากระทู้นี้
เจอโดนัทกับกาแฟรออยู่  ค่อยยังชั่ว

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14674;image)

คุณ siamese ปล่อยขุมสมบัติที่สองมาทรมานใจอีกแล้ว
ยังแกะรอยไม่ถูก  ต้องระดมพลจากแก๊งค์ลูกน้ำ  เพราะถนนสายในรูปที่สอง คนละเส้นทางกับถนนสายแรก   สายแรกถนนวิ่งมาทางด้านข้างของโบสถ์  แต่สายใหม่นี่วิ่งตรงเข้าประตูโบสถ์
อาคารทางขวา น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของวังเจ้านาย  ไม่ใช่บ้านคน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 05 ต.ค. 10, 18:55
ภาพนี้ก็เป็นอาคารทรงโกธิคที่ไม่ใช่โบสถ์ในคริสต์ศาสนา  แต่มาโผล่ที่ในที่ที่ไม่น่าเป็นไปได้และไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับครืสต์ศาสนาแต่อย่างใดเลย  ลองทายกันดูนะครับว่า อาคารนี้ชื่ออะไร  อยู่ที่ไหน?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ต.ค. 10, 20:52
นึกถึงวังลดาวัลย์  กับตึกไทยคู่ฟ้า

ความแตกต่างอยู่ที่ว่าตึกที่คุณ V_Mee นำรูปมาลง  เห็นได้ชัดว่าส่วนที่เป็นมุขโกธิค เป็นส่วนตกแต่งของอาคาร   มีห้องอยู่ก็จำนวนน้อย   แต่ส่วนใช้สอยคือสองปีกยาวซ้ายขวา   เพราะฉะนั้นตึกนี้ส่วนใช้งานคือปีก ไม่ใช่มุข    สร้างขึ้นเพื่อรองรับห้องต่างๆ   แสดงว่ามีคนจำนวนมากใช้ห้องเป็นประจำ  แต่ละห้องก็แยกกันไปเป็นสัดส่วน
ลักษณะนี้ไม่ใช่โบสถ์ ซึ่งใช้เฉพาะคนมาฟังเทศน์ในวันอาทิตย์  เป็นเหมือนห้องประชุมใหญ่ห้องเดียว ทำพิธีแต่งงาน งานศพ และรับศีลของทารก   รวมอยู่ในที่เดียวกันคือภายในตัวโบสถ์  ไม่ต้องมีปีกและห้องหับจำนวนมาก
แต่โบสถ์ปริศนาของคุณ siamese  สร้างขึ้นเหมือนประโยชน์ใช้สอยทำนองเดียวกับโบสถ์    ถ้าหากว่าเป็นส่วนหนึ่งของวังเจ้านาย  ท่านก็คงไม่ได้ใช้อยู่อาศัย แต่อาจจะเป็นทำนองท้องพระโรง

ถ้าเป็นสิ่งก่อสร้างของสกุลบุนนาค  อาคารใหญ่ทางขวามือ และกำแพงเหมือนวัด  จะมีไว้ทำไมคะ

ป.ล. ใจเร็วไปหน่อย ตอนแรกทายว่าเป็นร.ร. หรือกรมกระทรวง เพราะมีห้องหับมาก แล้วไปแก้ไขว่าเป็นวัง  ก็เลยผิด


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ต.ค. 10, 20:55
ตึกมนุษยนาควิทยาทาน ภายในโรงเรียนวัดบวรนิเวศ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯจัดสร้างถวายขอรับ อ. V_mee


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ต.ค. 10, 21:08
โบสถ์ปริศนาของคุณ siamese เป็นโรงเรียนในวัดใดวัดหนึ่ง ได้ไหมคะ
แต่ไม่น่าสร้างตั้งแต่ต้นรัชกาลที่ ๕ ??


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ต.ค. 10, 21:15
คงใช้เป็นโรงเรียนคงไม่ได้ เพราะทางเข้าทางเดียว แถมยังดูจากลักษณะอาคารเป็นโถงด้านในด้วย คงต้องใช้เพื่อกิจกรรมทางศาสนามากกว่าครับ ให้แสงส่องเข้าที่กระจก (สีหรือเปล่า) และเข้าด้านหน้า เพื่อเน้นบรรยากาศเข้มขรึมครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 06 ต.ค. 10, 02:57
มารายงานตัวแล้วครับ  หาข้อมูลได้พอสมควรครับยังขาดแต่รูปถ่ายใกล้เคียงกับของคุณsiameseครับ  น่าที่จะเป็นตึกรับแขกเมืองที่เข้ามาทำสัญญาในสมัยรัชกาลที่4ครับ อาคารทางชวามือเป็นตึกของเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ ส่วนตึกที่เห็นอยู่ข้างโบสถ์เป็นที่พำนักของชาวยุโรปที่มารับราชการอยู่ในสยามขณะนั้นครับ 


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 06 ต.ค. 10, 06:36
ถูกต้องแล้วครับคุณ Siamese

ตึกมนุษยนาควิทยาทาน  ซึ่งบรรดาศิษย์ในสมเด็จพระมหาสมณะจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ร่วมกันจัดสร้างอุทิศถวายแก่สมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระองค์นั้นเมื่อคราวถวายพระเพลิงพระศพ  ที่น่าแปลกคือเป็นตึกทรงโกธิคที่ไปอยู่ในวัดบวรนิเวศ  ด้านวัดรังศีสุทธาวาส


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ต.ค. 10, 09:13
มารายงานตัวแล้วครับ  หาข้อมูลได้พอสมควรครับยังขาดแต่รูปถ่ายใกล้เคียงกับของคุณsiameseครับ  น่าที่จะเป็นตึกรับแขกเมืองที่เข้ามาทำสัญญาในสมัยรัชกาลที่4ครับ อาคารทางชวามือเป็นตึกของเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ ส่วนตึกที่เห็นอยู่ข้างโบสถ์เป็นที่พำนักของชาวยุโรปที่มารับราชการอยู่ในสยามขณะนั้นครับ 

คุณณัฐดลโผล่เข้ามาพร้อมด้วยข้อมูลที่ทำให้แตกฮือกันทั้งกระทู้
ตึกรับแขกเมืองเคยมีระบุเอาไว้ในหนังสือรับราชทูตไทยสมัยรัตนโกสินทร์  น่าจะมีชื่อเฉพาะนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 06 ต.ค. 10, 09:44
เอ  จำได้ว่า  ผมเคยเล่าไว้ในกระทู้ตำนาน "พริฏิษ  แฟกฏอรี" นะครับ   :)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ต.ค. 10, 09:56
ใช่ที่เดียวกับตรงนี้หรือเปล่า

พระราชหัตถเลขา

                  สมเด็จพระปรมินทรมหาจุลาลงกรณ  พระจุลจอมเกล้าเจ้าแผ่นดินสยามซึ่งเปนพระเจ้าแผ่นดินใหญ่  ในรัชกาลที่ ๕ ในพระบรมวงษ์  วึ่งได้ประดิษฐานแลดำรงกรุงรัตนโกสินทรมหินทรายุทธยา ณ ประเทศบางกอกนี้
              ขอประกาศให้ไว้แก่ท่านทั้งปวง   ผู้ควรจะได้รู้ความในหนังสือสำคัญนี้ให้ทราบว่า    ตึกที่หลวงสำหรับรับแขกเมืองชาวต่างประเทศ   ซึ่งเรียกว่าบริติชแฟกฏอรี่น่าวัดประยุรวงษาวาศ  ด้านน่าริมแม่น้ำกว้าง  ๒๐  วา  ๒  ศอก   ด้านหลังกว้าง  ๑๙  วา  ๑  ศอก   ด้านเหนือตั้งแต่กำแพงบ้านลงแม่น้ำยาว  ๓๕  วา  ๑  ศอก   มีตึกใหญ่หลังหนึ่ง  ๓  ห้อง  ยาว  ๗  วา  ๒๐  ศอก  ขื่อกว้าง   ๔  วา  เฉลียงรอบกว้าง   ๕  ศอก   มุขน่าชั้นล่างกว้าง   ๙  ศอก   ยาว  ๑๐  ศอก   มุขหลังชั้นล่าง   ๓  ห้อง  ยาว  ๔  วา   ขื่อกว้าง   ๑๐  ศอก   มีเรือนแถวด้านเหนือหลังหนึ่งยาว  ๒๐  วา  ๒  ศอก  ขื่อกว้าง  ๓  วา  ๑  ศอก  เฉลียงกว้าง   ๓  วา  เรือนแถวด้านใต้หลังหนึ่งยาว   ๑๙  วา  ๒  ศอก   ขื่อกว้าง  ๓  วา  ๑  ศอก   เฉลียงกว้าง  ๕  ศอก  ๑ คืบ   ครัวไฟเก่าหลังหนึ่ง  ยาว  ๕  วา  ๑  ศอก   ขื่อกว้าง  ๓  วา  ๑  ศอก   ครัวไฟใหม่หลังหนึ่ง  ยาว  ๕  วา  ขื่อกว้าง  ๓  วา  มีกำแพงน่าบ้าน   ๓  ด้าน   แลกำแพงสกัดหลังหมดเขตรบ้าน  ที่ดินกับตึกกำหนดที่ว่ามานี้   ข้าพเจ้าได้ยอมให้พระยาภาสกรวงษ์อยู่พักอาไศรยมาประมาณ  ๕  ปีแล้ว   บัดนี้พระยาภาสกรวงษ์มีความชอบ  ได้รับราชการข้อสำคัญเปนคุณประโยชน์แก่แผ่นดินเปนอันมาก    ข้าพเจ้ายอมยกที่ตึกดังว่ามาแล้วนั้น  ให้เปนสิทธิ์เปนทรัพย์แก่พระยาภาสกรวงษ์ชั่วลูกหลาน   ตามแต่พระยาภาสกรวงษ์จะปลูกสร้างเปลี่ยนแปลงตามชอบใจ   และจะขายจะยกให้ผู้หนึ่งผู้ใดก็ตามแต่ใจเปนอันพ้นจากแผ่นดินแล้ว     ต่อไปภายน่าพระเจ้าแผ่นดินฤๅท่านผู้มีอำนาจจะต้องประสงค์ที่ตำบลนี้ด้วยเหตุอันหนึ่งอันใด   ก็ขอให้พระยาภาสกรวงษ์ได้รับราคาตามสมควรแก่ที่นั้น   ขออย่าให้ต้องกฎหมายว่า   ควรจะต้องไล่เสียเปล่าๆ   ดังตำราเก่านั้นเลย   จดหมายประกาศนี้  ข้าพเจ้าได้ให้เขียนเปนสอง ฉบับความต้องกันได้ลงตราราชหัดถเลขาของข้าพเจ้าเปนสำคัญ   แลมอบให้พระภาสกรวงษ์ฉบับ  ๑  มอบให้กรมพระนครบาลฉบับ  ๑  ตั้งแต่วัน ๕  แรม ๖  ค่ำ  เดือน  ๙  ปีมะโรงโทศก  ศักราช  ๑๒๔๒  เปนปีที่  ๑๓  เปนวันที่  ๔๓๐๗  ในรัชกาลปัตยุบันนี้


(พระราชหัดถเลขา) สยามินทร์


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 06 ต.ค. 10, 13:07
อ้างถึง
แต่ก็น่าคิดและน่าสงสัยเป็นที่สุด เพราะอ่านจากประวัติการสร้างบ้านของสมเด็จเจ้าพระยาแบบฝรั่งนั้น

ได้กล่าวไว้ว่า ท่านมีบ้านแบบฝรั่งหลายหลัง แหม่มแอนนาเมื่อแรกมาถึง ก็มาอาศัยบ้านท่านก่อนจะเข้าพระราชวังค่ะ

สมมติฐานของดิฉันไปตรงกับข้อมูลของคุณ Natadol ได้พอดี
อ้างถึง
น่าที่จะเป็นตึกรับแขกเมืองที่เข้ามาทำสัญญาในสมัยรัชกาลที่4ครับ อาคารทางชวามือเป็นตึกของเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ ส่วนตึกที่เห็นอยู่ข้างโบสถ์เป็นที่พำนักของชาวยุโรปที่มารับราชการอยู่ในสยามขณะนั้นครับ

หลานลุงศรีสยามเก่งมาก ๆ หาข้อมูลได้จากที่ไหน ช่วยบอกต้นทางด้วยนะคะ ดิฉันสนใจอ่านเรื่องพวกนี้ค่ะ
 
และที่บ้านมี DVD เรือง The King and I ฉบับ Yul Bryner ดูแล้วดูอีกไม่รู้เบื่อ
และจำได้ว่าแหม่มแอนนามาถึง ก็พบท่านสมุหพระกลาโหมบนเรือ และ ถกเถียงเรื่องที่พัก
ซึ่งต้องไปถกเถียงกันต่อกับ The King of Siam จนยอมแพ้ต้องพักในวัง
แต่นั่นคือ นิยาย ของ Margaret Landon ไม่ใช่ เรืองจริงของ Anna

ราชทูตจากตะวันตกน่าจะมีที่พัก หรือ เรือนรับรองที่สมุหพระกลาโหม (เทียบเท่า ร.ม.ต.ต่างประเทศ)
จัดไว้ต้อนรับให้สมศักดิ์ศรี ดังนั้น จึงไม่ใช่สถานที่อะไรที่ต้องเคร่งครัดนัก จึง ตากผ้าเวลาไม่มีแขกมาก็ได้

อาคารรูป Gothic ของคุณ Siamese มักจะไม่เกี่ยวกับโบสถ์ค่ะ นั่นง่ายเกินไป
.......ท่านนิยมให้ย่อยหินค่ะ......... :-\ :-\ :-\ 


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ต.ค. 10, 13:39
The King and I ฉบับ Yul Brynner  พอให้ได้ระลึกถึง

http://www.youtube.com/watch?v=6PlnzCl5x-8

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 06 ต.ค. 10, 14:02
ขอบคุณ ๆ เพ็ญชมพูค่ะ เพลงในเรื่องนี้เพราะมากนะคะ

มาที่รูปของคุณ Siamese กันต่อดีกว่า  รูปที่ถนนวิ่งตรงเข้าประตูนั้น (รูปที่ 1258) เป็นอาคาร Gothic คนละอาคารกันกับรูปที่มีราวตากผ้านะคะ

รูป 1258 เป็นพรรณาคารค่ะ จะเห็นหลังคาวัดประยูรด้านหลัง มีช่อฟ้าชัดเจน
 แต่ก็เป็นหลักฐานว่า ท่านนิยมอาคารฝรั่ง และตกแต่งแบบฝร่ัง มีโคมไฟรายทาง
แต่ก็มีเรือนพักของคนของท่านทางซ้าย ที่ดูขัดกัน ไม่เรียบร้อยพอจะอวดแขกบ้านแขกเมือง
ตรงนี้ค่ะ คล้าย ๆ กับการปล่อยให้มีราวตากผ้าหน้าตึก Gothic ในรูปริศนา

พรรณาคารสร้างเป็นที่ระลึกถึงคุณหญิงพรรณ ภริยาของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์(ช่วง บุนนาค)
ท่านสมเด็จเจ้าพระยาท่านนี้ ที่ติดต่อสมาคมกับฝรั่งมากที่สุด และ ทำกันมาตั้งแต่สมัย ร.3 ด้วยซ้ำ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 06 ต.ค. 10, 14:21
ตัดมาจากเวปสกุลบุนนาคค่ะ

อ้างถึง
บริเวณจวนของสมเด็จเจ้าพระยา ยังเป็นสถานที่พักและรับรองคณะทูตตะวันตก ที่เข้ามาทำสนธิสัญญากับไทย ในพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ได้กล่าวถึงตึกรับรองที่หน้าวัดประยูรวงศาวาส อันเป็นที่รับรองทูตคนสำคัญเช่น นายเฮนรี่ เบอรนี นายจอห์น ครอเฟิร์ด และเซอร์จอห์น เบาว์ริ่ง เป็นต้น แม้แต่แหม่มแอนนา เลียวโนเวนส์ ครูสอนภาษาอังกฤษ เมื่อแรกมาถึงเคยพักอยู่ในบริเวณบ้านสมเด็จ เจ้าพระยาก่อนจะไปอยู่ที่อื่

ตึกรับรองที่หน้าวัดประยูร คงไม่ใช่อื่นไกล ก็พรรณาคารนี้เอง ส่วน อาคารคล้ายโบสถ์แบบ Gothic น่าจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ต.ค. 10, 14:46
งั้นให้ดูพื้นที่บริเวณอาณาเขตรั้วบ้านเจ้าพระยาทิพกรวงศ์ ด้านขวามือนะครับ ลองช่วงเพ่งพินิจ ดูว่ารั้ว เป็นแบบเดียวกันไหมครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ต.ค. 10, 14:54
คุณ Ruamrudee แม่นมากครับ ภาพนี้เป็นภาพบรรยากาศเมื่อเรือมาจอดที่ฉนวนน้ำหน้าวัดประยุรฯ แล้วค่อยๆเดินเข้าไปยังพรรณาคารอยู่เบื้องหน้า ซึ่งฉนวนน้ำแห่งนี้เจ้านายฝ่ายหญิงท่านสร้างไว้และมีพระบรมราชหัตถเลขาแห่งองค์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ยกให้เป็นสิทธิ์ของวัดประยุรฯ ซึ่งพื้นที่ซ้าย ขวาไม่ใช่พื้นที่ของวัด ดังนั้นจึงได้เห็นภาพบรรยากาศของชาวบ้านฝั่งหนึ่ง และตึกขวามือหลังใหญ่ ตั้งอยู่หน้าวัดประยุรฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แถมยังตั้งอยู่ในโฉนดที่ดินของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อีกด้วย คงเป็นตึกหลวงแน่แท้ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ต.ค. 10, 15:10
ยิงโฉนดที่ดินให้คุณ คุณ Ruamrudee เรื่องท่าน้ำวัดประยุรฯ และอาคารพรรณาคาร เป็นประตูด้านทิศเหนือของวัด


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 06 ต.ค. 10, 15:14
มาสารภาพครับ.. ผมเอามาจากในเวป เรือนไทยนี่เองครับ.. จากคุณwandee ก๊อก ก๊อก ก๊อก มาทำไม แล้วตามด้วยคุณหลวงเล็กจากพริดิษ แฟคฎอรี่ แล้วข้ามไปอ่านสุดสองทวีป ของจ่าน้อม แล้วก็มาหารูปภาพจากสกุลบุนนาคครับ มามั่นใจก็รูปที่สองที่มีตะเกียงโคมส่องทาง ว่ามาถูกทางแน่ๆ  


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 06 ต.ค. 10, 15:33
ภาพ 1278 ของคุณ Siamese มองไม่ค่อยชัดค่ะ มีใบไม้ปกคลุมบางส่วน
ทำให้คล้ายกำแพงแบบในรูปที่มีอาคาร Gothic แต่ก็อาจจะเป็นกำแพงเรียบ ๆ ก็ไม้ ไม่แน่ใจค่ะ

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) ไม่มีบุตรธิดา
ถึงแก่พิราลัยตอนต้นแผ่นดินรัชกาล ที่ ๕ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๓ รวมอายุได้ ๕๗ ปี

ปี 2413 เทียบเท่ากับ ค.ศ.1870 ปีเดียวกับภาพปริศนา

ขอเดาอีกทีนะคะ เป็นไปได้ไหมที่สร้า่งอาคาร Gothic ไว้ตั้งศพท่าเจ้าพระยาทิพากรวงศ์????


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ต.ค. 10, 16:48
"ในราชอาณาจักรสยาม ไม่มีสถานที่ใดที่ชาวเรือนไทยหาไม่พบ"

คำขวัญใหม่ของกระทู้นี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 06 ต.ค. 10, 23:29




หลานลุงศรีสยามเก่งมาก ๆ หาข้อมูลได้จากที่ไหน ช่วยบอกต้นทางด้วยนะคะ ดิฉันสนใจอ่านเรื่องพวกนี้ค่ะ




มีหลานเก่ง....ลุงก็พลอยได้หน้าไปด้วย....ฮิฮิฮิ

ขอสนับสนุนความคิดข้อเสนอของคุณหนูร่วมฤดี....ว่าหากเฉลยภาพปริศนาแล้ว....ขอท่านผู้ร้ได้บอกที่มาของข้อมูลด้วยเพราะจะเกิดประโยชน์เอนกอนันต์แก่ผู้เข้ามาอ่านกระทู้...และยังนำไปสู่สิ่งที่น่ารู้อีกมากมาย....


ดีไหมเอ่ย???

เห็นด้วยกับคำขวัญใหม่ครับ

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ต.ค. 10, 12:50
เห็นด้วยกับคำขวัญใหม่ของอาจารย์เทาชมพูค่ะ สนับสนุนเต็มที่

และ สนับสนุนลุงSrisiamที่จะให้ทุกท่านบอกที่มาของแหล่งข้อมูลด้วยค่ะ
อีกทั้ง....อยากรู้จริง ๆ ค่ะ คุณ Siamese ขา ว่า เอารูปแปลก ๆ พวกนี้มาจากไหน
คงไม่ใช่เล่มละ 100 แบบ อาจารย์ Navarat C นะคะ

แปลกใจมาก เพราะคุณ Siamese หาภาพสถานที่เดียวกันได้คนละมุมกับดิฉัน
เช่น พรรณาคาร นั้น ดิฉันหาจากเวปสกุลบุนนาค และไม่เคยพบภาพในมุมเดียวกับของคุณSiameseเลย
อีกทั้งหลายท่านยังสามารถหาแผนที่โบราณมาประกอบการค้นหาสถานที ๆ ปัจจุบันไม่มีอะไรเหลือให้จำได้
แผนที่โบราณเหล่านี้ มาจากไหน เชื่อว่าใครก็ตามที่มาค้นข้อมูลเพื่อทำวิทยานิพนธ์ คงต้องการรู้เช่นกัน

แต่ที่น่าเกรงขามที่สุด ไม่ใช่อื่นไกล ลุงSrisiam เจ้าของแก๊งค์ลูกน้ำนี่แหละค่ะ
ท่านสามารถมากที่สุด ทราบแม้แต่เวลาที่ดิฉัน Scan ภาพ และ รู้ยี่ห้อเครื่อง Scan ด้วย :o :o
ยังติดใจไม่หายว่า รู้ได้อย่างไร ??? ??? คงจะมีความรู้ทาง Computer ระดับเซียนแน่ ๆ นับถือ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  ;) ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ต.ค. 10, 13:26
ตกลงจะมาค้นหา Siamese เลยหรือครับคุณ Ruamrudee  ::)
อันว่าภาพถ่ายเก่าๆนั้น มีด้วยกันหลายแหล่ง จากตำราเล่มต่างๆกัน ได้อ่าน ได้ศึกษามามาก และสงสัยไปเรื่อยเปื่อยครับ  ส่วนเรื่องข้อมูลเครื่องสแกน ก็ได้มาจากการที่ดู Track Property ของภาพได้นิครับ ลองหาดูก็จะทราบได้ ซึ่งเป็นเทคนิคชั้นเซียนของคุณ Sri Siam ที่จะให้คุณร่วมฤดีหายไข้ไวๆ เวลาตกใจ น้ำมูกจะโล่งจากจมูกครับ 8)

อย่างไอคอนคุณร่วมฤดีเป็นลูกน้ำหลายๆตัว ของขวัญจาก อ.นวรัตน์ท่านส่งให้ ลองหันมาดูไอคอนของผมบ้างซิ แล้วจะเห็นว่ามหัศจรรย์มาก  ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ต.ค. 10, 14:13
ดู "Track Property " ทำอย่างไรคะ ดิฉันใช้ Chrome ไม่ใช่ Explorer หรือ จิ้งจอกไฟค่ะ  เลยเป็นงง

แต่ก็ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ที่ทำให้ "ตกใจ" จนจมูกโล่ง น้ำมูกแห้งได้ ตอนนี้หายไข้หมดแล้วค่ะ

ดีที่ไม่ตกใจแล้วเผาห้างแบบที่ราชประสงค์นะคะ

เดี๋ยวเป็นภาระสมาชิกต้องมาค้นกันในเรือนไทยอีกว่า เมื่อก่อนเผา ที่ตรงนั้นมีอาคารอะไรบ้าง




กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ต.ค. 10, 15:13
ผมใช้โปรแกรมดูภาพ ดูครับ คุณRuamrudee ไปที่ Property คือคุณสมบัติของภาพ จะบอกว่าแหล่งที่มาของภาพนี้มาได้อย่างไรครับ อย่างที่เห็นก็จับภาพมาให้ชมนะครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ต.ค. 10, 15:54
ขอบคุณที่แนะนำค่ะ ดิฉันไม่มีโปรแกรมพวกนี้นี่เอง จึงไม่รู้จะดูอะไรอย่างไร
เอาเป็นว่า พึ่งใบบุญคนเก่ง ๆ ต่อไปดีกว่าค่ะ

รูป Icon ของคุณ Siamese คล้ายเป็นที่บูชาเทพเจ้าของพวกอินคา
หรือ ชนเผ่าอะไรแถว ๆ  Mexico ใช่ไหมค่ะไม่ค่อยถนัดเรื่องแถว ๆ นั้นค่ะ
ชอบแต่รูปสาวน้อยสีซอสามสายมากกว่าค่ะ

ขอนอกเรื่องเล็กน้อยนะคะ เรื่องดนตรีไทยค่ะ
ซอสามสายมีเสียงที่แปลกมากนะคะ มีเสน่ห์ในตัวเอง
ไม่แหลมใส แบบซอด้วง และไม่ทุ้มนุ่มลึกแบบซออู้
เวลาสีก็ต้องหันซอไปมาให้คันชักแตะสายที่ต้องการ
เหมือนสะล้อของล้านนา ไม่รู้ใรเป็นคนคิดซอชนิดนี้นะคะ




กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ต.ค. 10, 01:01
พาสาวเซกซี่แห่งสยามอดีต  มาประชันกับสาวสีซอสามสาย ค่ะ
ภาพนี้น่าจะถ่ายในสตูดิโอ มีการจัดฉากไว้สะสวย
สาวงาม แต่งตัวมาเข้ากล้องเต็มที่  ห่มผ้าแถบนุ่งผ้าลาย ดอกไม้ทัดหู  สวมรองเท้าแตะกำมะหยี่ปักเสียด้วย
ยิ้มหวานเป็นนางแบบเชียว






กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 09 ต.ค. 10, 10:02
เริ่มสนุกกับอาจารย์เทาชมพูเสียแล้วสิคะ เอารูปที่ให้อารมณ์ตรงกันข้ามกันมาประชันกัน

เลยนึกถึงหนังสือสุดรักสุดหวงของดิฉันเล่มหนึ่งขึ้นมา เก่ามากแล้วค่ะ ปัจจุบันมีคนเอามาพิมพ์ใหม่หลังจากห่างหายไปจากร้านหนังสือหลายสิบปี จนดิฉันสงสัยว่า หนังสือดีขนาดนี้ทำไมถึงถูกมองข้าม

ที่ว่าสุดรักสุดหวง เป็นเพราะ เป็นเพื่อนใจของปู่ขณะต้องโทษอย่างไม่เป็นธรรมจากผู้มีอำนาจในยุคทมิฬ

มาดูรูปกันดีกว่า ว่าหญิงในรูปนี้ ให้ความรู้สึกอย่างไร


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 09 ต.ค. 10, 10:06
ทีนี้มาทายรูปกันต่อดีไหมคะ มาจากหนังสือเล่มเดียวกันค่ะ นักอ่านหนังสือเก่า อย่างคุณ Siamese คุณวันดี คุณหลวงเล็ก คงจะร้องอ๋อได้ไม่ยากนะคะ

รูปนี้ ที่ไหนคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ต.ค. 10, 10:21
งดงามมากครับ คงถ่านในสตูดิโอของฝรั่ง แต่อุปกรณ์ประกอบฉากเป็นของญี่ปุ่น เป็นกระดาษพับจีบซ้อนๆกัน เหมือนพัดจีบ และฉากญี่ปุ่นด้านหลัง แถมยังรอยยิ้มของเธอ กินหมาก ฟันดำ สวยยิ่งนัก ทัดดอกไม้ ทรงผมกระทุ่ม เจาะหูด้วย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ต.ค. 10, 10:25
ทีนี้มาทายรูปกันต่อดีไหมคะ มาจากหนังสือเล่มเดียวกันค่ะ นักอ่านหนังสือเก่า อย่างคุณ Siamese คุณวันดี คุณหลวงเล็ก คงจะร้องอ๋อได้ไม่ยากนะคะ

รูปนี้ ที่ไหนคะ


ชะรอยจะเป็นโคกดินสักอย่าง เมื่อขุดค้นลงไปพบกองอิฐอย่างโบราณ ปัจจุบันเรียก เจดีย์ยุทธหัตถี ครับ  :D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 09 ต.ค. 10, 10:39
เห็นไหมคะ ง่ายเกินไปสำหรับคุณ Siamese จริง ๆ ค่ะ
ภาพนี้ มาจากหนังสือ "นิทานโบราณคดี" พระนิพนธ์ของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
เจดีย์ยุทธหัตถีนี้ อยู่ที่สุพรรณบุรี ปัจจุบันเป็นที่ถกเถียงกันว่า จะไม่ใช่ตำแหน่งที่ถูกต้อง
ยังไม่มีผู้ใดกล้าสรุปแบบ ฟันธงว่า ที่ไหน เป็นที่ถูกต้องจริง ๆ
ประวัติศาสตร์ไทย ไม่ได้มีการชำระอีกหลายเรืองนะคะ ทำให้มีความเข้าใจผิดกันมาก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ต.ค. 10, 11:10
ลองดูการแต่งกายของชาวสยาม ชาย หญิง ยุคต้นรัชกาลที่ ๕ กันสักหน่อยครับ อาจารย์เทาชมพู 
ฝ่ายชาย นุ่งเสื้อแขนยาว ทรงกระบอก น่าจะมีสองชั้น ชั้นในพื้นขาว ชั้นนอกพื้นเข้ม กระดุม ๕ เม็ด แต่เห็นติดรังดุมไว้แค่ ๓ เม็ด ต่อมาเห็นสายห้อยนาฬิกาออกจากกระดุมที่ ๔ นุ่งโจง คาดเข็มขัด ชายพกรั้งเลยเอว ผมโกนควั้นรอบ ไว้ตรงกลางอย่างมหาดไทย เท้าเปลือย

ฝ่ายหญิง นุ่งโจง ห่มสไบ จีบงดงาม ในสวมเสื้อแขนยาวทรงกระบอก คอจีน คาดเข็มขัด เท้าเปลือย ทรงผมอย่างโบราณต่อเนื่องกันมาแต่ในอดีต

ดูโครงสร้างของนิ้วเท้า ฝ่ายหญิง นิ้วทั้ง ๕ กางกว้าง เป็นลักษณะไม่เคยสวมรองเท้าแน่นอน

สตูดิโอที่ถ่ายคือ สตูดิโอห้องภาพของหลวงอัคนีฯ หรือ ฟรานซิส จิตร


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 09 ต.ค. 10, 11:29

ภาพนี้ มาจากหนังสือ "นิทานโบราณคดี" พระนิพนธ์ของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
เจดีย์ยุทธหัตถีนี้ อยู่ที่สุพรรณบุรี ปัจจุบันเป็นที่ถกเถียงกันว่า จะไม่ใช่ตำแหน่งที่ถูกต้อง
ยังไม่มีผู้ใดกล้าสรุปแบบ ฟันธงว่า ที่ไหน เป็นที่ถูกต้องจริง ๆ
ประวัติศาสตร์ไทย ไม่ได้มีการชำระอีกหลายเรืองนะคะ ทำให้มีความเข้าใจผิดกันมาก


แต่บังเอิญมีอธิบดีกรมศิลปากรท่านหนึ่งฟันธงไว้แล้ว...ในประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี 2539
แปลว่าถ้าเชื่อกรมศิลป์ฯ....ก็ไม่ต้องเถียงกันอีก....ไม่เชื่อก็เถียงกันต่อ....ไม่ผิดกติกาอันใดจ้า??

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 09 ต.ค. 10, 11:47
ขอบคุณข้อมูลจากราชกิจจานุเบกษาค่ะ แต่นักประวัติศาสตร์และโบราณคดีรุ่นใหม่ คงจะเถียงอย่างไม่ผิดกติกาต่อไปแน่ ๆ

ภาพการแต่งกายในต้นสมัย ร.5 แล้ว มาดูกันว่า ฝัร่งอย่างนายยอดทอง(E'mille Jottrand) กล่าวถึงคนไทย และการแต่งกายในปลายสมัย ร.5 ไว้อย่างไรบ้าง

"Korat, 2 September 1901

The Court of Justice in Korat has three judges: The president, newly arrived from Ayuthia, is a young man of the new school, those that are called new Siam,i.e., who know little and think they know a lot. External signs: shoes, assorted socks in the color of the phanung, the latter very vivid, a white, well groomed tunic, and occasionally the renunciation of betel. The two other judges are typical of old Siam....."

อยากเห็นรูปจริง ๆ ว่า การแต่งกายตรงที่เน้นสีม่วงไว้นั้น หน้าตาเป็นเช่นไร
ผู้รู้กรุณาสงเคราะห์ด้วยค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ต.ค. 10, 14:44
บรรดาข้าราชการในสมัยรัชกาลที่ ๕ ข้าราชการพลเรือน นุ่งเสื้อราชประแตน กระดุมห้าเม็ด นุ่งโจง สวมถุงเท้า รองเท้า และสวมหมวกด้วย
ส่วนข้าราชการทหาร จะสวมกางเกง บ่าประดับอินทรธนู สวมหมวกหม้อตาล


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 09 ต.ค. 10, 17:43
เรื่องเจดีย์ยุทธหัตถีอยู่ที่สุพรรณบุรีหรือกาญจนบุรีนั้น  ท่านหม่อมหลวงปิ่นเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งที่ท่านเป็นมหาดเล็กรับใช้ในรัชกาลที่ ๖  วันหนึ่งล้นเกล้าฯ จะทรงวาดภาพ "พระนเรศวรเปนเจ้า"  ได้มีรับสั่งถามท่านผู้เล่าว่า สมเด็จพระนเรศวรยกทัพออกจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อไร  ท่านผู้เล่าๆ ว่าไปเปิดพงศาวดาร ๓ ฉบับ  ทั้งฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ  พันจันทนุมาศ  และพระจักพรรดิพงศ์  พงศาวดารทั้ง ๓ ฉบับกล่าวไว้ไม่ตรงกัน  จึงไม่กล้ากราบบังคมทูลผลการค้นคว้า  จนมีรับสั่งถามอีกครั้งก็ได้กราบบังคมทูลไปตามจริงว่า ไม่ทราบเกล้าฯ  ก็มีรับสั่งว่า "รู้แล้ว"  แล้วทรงวาดพระนเรศวรเปนเจ้า  ทรงเครื่องดำทั้งชุด

เรื่องนี้ท่านผู้เล่าๆ ว่าค้างคาใจท่านอยู่นาน  จนได้รับพระราชทานทุนออกไปเล่าเรียนที่อังกฤษ  แล้วได้ใช้เวลา ๑ คืนเต็มๆ คิดสูตรคณิตศาสตร์ที่สามารถคำนวณปฏิทินล้านปีได้สำเร็จ  จึงได้ลองคำนวณดูว่า  สมเด็จพระนเรศวรได้ยกทัพออกจากกรุงศรีอยุธยาไปในวันใด  เมื่อคำนวณวันจากสมการดังกล่าวเปรียบเทียบกับวันที่บันทึกไว้ในพงศาวดารแล้ว  พบว่า พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติที่ว่าพระนเรศวรยกทัพออกจากกรุงศรีอยุธยาตรงกับวันเสาร์ที่  ๑๘  มกราคม    และเมื่อมีการจัดตั้งท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ ขึ้นแล้ว  ท่านผู้เล่าได้ขอให้อาจารย์สิงโต  ปุกหุต ผู้อำนวยการท้องฟ้าจำลองหมุนแผนที่ดวงดาวไปยังวันที่  ๑๘  ตุลาคม  ปีที่ท่านคำนวณไว้ (ขอประทานโทษที่จำปีไม่ได้)  แผนที่ดวงดาวนั้นก็แสดงว่าวันดังกล่าวเป็นวันแรม ๒ ค่ำ เดือนยี่  ซึ่งตรงกับพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯ  ท่านจึงสรุปไว้ว่า สมเด็จพระนเรศวรยกทัพออกจากกรุงศรีอยุธยาในวันเสาร์ตรงตามที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ทรงวาดภาพสมเด็จพระนเรศวรทรงเครื่องดำ  เพราะสีดำเป็นสีประจำวันเสาร์  และเมื่ออ่านพระราชบันทึกเรื่องดินเจดีย์ในจดหมายเหตุรายวันส่วนพระองค์ซึ่งทรงพระราชวิจารณ์ถึงเหตุที่สมเด็จพระนเรศวรยกมาตั้งรับและได้ทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาที่ดอนเจดีย์  จังหวัดสุพรรณบุรี  ในวันจันทร์  ย่อมเป็นเหตุเป็นผลกว่าที่จังหวัดกาญจนบุรีที่จะต้องใช้เวลาเดินทัพมากกว่า ๒ วันเป็นแน่

ถึงตอนนี้คงต้องรบกวนคุณวันดี  กรุณานำความในจดหมายเหตุรายวันส่วนพระองค์นั้นมาเล่าสู่กันฟังนะครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 ต.ค. 10, 19:30


อยู่ต่างจังหวัดค่าตอนนี้   ไม่มีขุมสมบัติมาด้วย     

ด้วยความเคารพขอผ่านเจ้าค่า    ไม่สามารถค้นเอกสารได้       ขืนใช้แต่ความคิด 

นักประวัติศาสตร์/ครูดาบของวงการ    คงสังหารดิฉันทิ้งด้วยอำนาจแห่งความโกรธเป็นแน่แท้

จำเรื่องหม่อมหลวงปิ่นที่คุณวีมีเล่าได้ค่ะ   หนังสือของท่านทั้ง ๘ เล่มดิฉันรู้ซึ้งถึงคุณค่า



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ต.ค. 10, 23:20

The Court of Justice in Korat has three judges: The president, newly arrived from Ayuthia, is a young man of the new school, those that are called new Siam,i.e., who know little and think they know a lot. External signs: shoes, assorted socks in the color of the phanung, the latter very vivid, a white, well groomed tunic, and occasionally the renunciation of betel. The two other judges are typical of old Siam....."

อยากเห็นรูปจริง ๆ ว่า การแต่งกายตรงที่เน้นสีม่วงไว้นั้น หน้าตาเป็นเช่นไร
ผู้รู้กรุณาสงเคราะห์ด้วยค่ะ

ชายหนุ่มผู้พิพากษาหัวหน้าคณะ ท่านนั้นแต่งกายสวมราชปะแตนและผ้าม่วงอย่างข้าราชการสมัยปลายรัชกาลที่ ๕ ค่ะ
ฝรั่งอธิบายไว้ว่า สวมรองเท้าหุ้มส้น   สวมถุงน่องหลากสี  เข้ากับผ้าโจงกระเบนสีสด   (โดยมากในรูปถ่ายเราเห็นแต่ถุงน่องขาว)  เสื้อราชปะแตนสีขาวตัดอย่างประณีต    บางครั้งก็ไม่กินหมาก (คือบางครั้งคงกิน แต่บางครั้งก็ไม่กิน
นี่คือภาพหนุ่มทันสมัยไฮโซ ในยุค 2444 โดยแท้  สมัยนั้นไฮโซคือข้าราชการ  ไม่ใช่หนุ่มนักธุรกิจอย่างยุคนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 09 ต.ค. 10, 23:32
คุณร่วมฤดี เอานายยอดตรัง มาหลอนอีกแล้ว ว่าจะแกล้งลืมแล้วเชียว... แก๊งค์ลูกน้ำครับ ยังไม่เสร็จศึกนะครับ ยังหาบ้านนายยอดตรังไม่เจอเลย... ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ต.ค. 10, 16:22
ดิฉันไม่หาญกล้าไปค้นหาตำแหน่งบ้านนายยอดตรังหรอกค่ะ
 
ไว้เป็นภาระคุณ Siameseและผู้รู้ท่านอื่น ๆ ที่มีแผนที่ดีกว่าค่ะ

เท่าที่เห็นก็มาได้ไกลขนาดสันนิษฐานตำแหน่งได้แล้วไม่ใช่หรือค่ะ

 มีแผนที่โบราณที่แสดงผังไว้ใกล้เคียงมาก

หรือใครมีหลักฐานที่เที่ยงตรงชี้ชัดได้มากกว่าการสันนิษฐานคะ

กรุณานำมาแสดงด้วยนะคะ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 10, 20:46
ระหว่างคอยคำตอบจากสวรรค์ ชี้บ้านนายยอดตรังมาให้รู้กัน     ขอนำเสนอรูปเก่าเล่าเรื่อง ที่ยังไม่มีใครคุยประเด็นนี้ในเรือนไทย

คำว่า Siam เป็นที่รู้จักของคนอเมริกันก็จากหนังสือ Anna and the King of Siam  ที่มากาเร็ต แลนดอน เขียนจากเรื่องสั้นของแอนนา เลียวโนเวนส์   แล้วนำไปเป็นละครเพลงบรอดเวย์  The King and I 
อีกคำหนึ่งคือ Siamese Twins  ที่หมายถึงเด็กแฝดเกิดมามีอวัยวะติดกัน     ไม่ว่าเด็กคนนั้นเชื้อชาติฝรั่ง แขก จีน คือเกิดในประเทศไหนในโลกก็เรียกว่า Siamese twins ทั้งนั้น
ชาวเรือนไทยรู้จัก อิน-จัน กันดี  ไม่ต้องเล่าย้อนความว่าเป็นใครมาจากไหน
แต่ใครรู้จักหนูน้อยสองคนในภาพนี้บ้างคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 10, 20:53
หนูน้อยวัยสามขวบสองคนนี้  ชื่อ นภิศ และ ปริศนา   ถ่ายภาพเมื่อเธอได้รับอิสระ  แยกออกจากกันได้แล้ว
เมื่อเกิดมา  เธอมีหน้าอกติดกัน  แต่การผ่าตัดใน พ.ศ. 2498  ที่ชิคาโก  ทำให้แยกร่างกายออกจากกันได้เป็นผลสำเร็จ
พ่อแม่ยกลูกสาวให้เป็นบุตรบุญธรรมของที่ปรึกษาชาวอเมริกัน ที่มาประจำอยู่ในประเทศไทย ชื่อ Mr. and Mrs. Ellis Atkinson, ตอนนั้นเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลไทย 
ในคำบรรยายบอกว่ามิสเตอร์แอทคินสันเป็น an adviser to the Thailand government under the International Cooperation Administration.
(ต้องขอแรงคุณวันดีแปลตำแหน่งให้หน่อยละค่ะ  ว่าองค์การอะไร)

ดิฉันจำได้แต่ว่าหนึ่งในแฝด  เคยกลับไปเยี่ยมประเทศไทยเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว     ปัจจุบันไม่ได้ข่าวคราวของเธอทั้งสอง ก็เข้าใจว่าคงยังมีชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกาในฐานะพลเมืองอเมริกัน  คงมีครอบครัวลูกหลานโตเป็นหนุ่มสาวแล้ว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 10, 21:07
มีรูปมาฝากคุณ siamese และแก๊งค์ลูกน้ำ  ให้ช่วยกันอ่านหน่อยค่ะ

(http://www.uppicweb.com/x/i/ib/735untitled.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 10, 21:10
อีกรูปหนึ่ง

(http://www.uppicweb.com/x/i/ie/239untitled2.jpg)



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 11 ต.ค. 10, 06:21
ภาพ Lao of Central Siam ท่ท่านอาจารย์นำมาลงให้ดูกัน  ดูจากแสตมป์ที่ปิดบนไปรษณียบัตรเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕  พิจารณาจากหมวก "กะโล่" ที่ชายสองคนในภาพสวมอยู่นั้นเป็นหมวกที่เริ่มมีใช้ในรัชกาลที่ ๖ ราว พ.ศ. ๒๔๕๕  ก่อนหน้านั้นเราใช้หมวก Helmet ทรงสูงปีกแคบเหมือนตำรวจอังกฤษ  กับลักษณะเสื้อราชปะแตนคอพับที่ชายสองคนในภาพสวมใส่อยู่  เป็นเสื้อที่ใช้กันมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๕  มาเปลี่ยนเป็นเสื้อคอแบะอย่างที่ทหารตำรวจสวมใส่กันในปัจจุบันราว พ.ศ. ๒๔๕๘  จึงน่าจะวินิจฉัยได้ว่า ภาพนี้น่าจะถ่ายในช่วงต้นรัชกาลที่ ๖ ก่อนที่สยามจะไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ใน พ.ศ. ๒๔๖๑  ส่วนจะเป็นลาวในภาคกลางเมืองสระบุรี  ราชบุรี หรือพระประแดง  คงต้องขอให้แก๊งค์ลูกน้ำช่วยกันวิเคราะห์ต่อไปครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ต.ค. 10, 07:30
ยอดเยี่ยมเช่นเคยค่ะ คุณ V_Mee
ยังอ่านอะไรไม่ได้มากนัก    สิ่งที่เห็นคือกลุ่มคนในภาพนี้แบ่งได้เป็น ๓ กลุ่ม 
๑  กลุ่มข้าราชการ   แต่งกายเรียบร้อย มีเครื่องแบบ
๒  กลุ่มชาวบ้าน  ชายแก่ไม่สวมเสื้อ นุ่งแต่โจงกระเบน    หญิงสาวสองคนท่าทีจะฐานะดี เห็นจากลักษณะผ้าห่มและตะแบงมานที่ดูเป็นผ้าสวย ไม่ใช่ผ้าทอหยาบๆของพื้นเมือง     อีกคนหนึ่งที่โกนหัวน่าจะเป็นผู้หญิงเช่นกัน มีผ้าคล้องคอปิดท่อนบน     เด็กๆไม่สวมเสื้อ
๓    ชายหนุ่ม ๔ คนแต่งกายเรียบร้อยเหมือนๆกัน  เสื้อขาวเดาจากเนื้อผ้าน่าจะเป็นผ้าฝ้ายหรือป่าน  ดูสะอาดตา ไม่เก่าขาด   หน้าประแป้งขาวลายพร้อย น่าจะเป็นการแต่งกายในเทศกาลอะไรสักอย่าง มีแคนประกอบด้วย    พ่อหนุ่ม ๔ คนน่าจะเป็นนักดนตรีดังเสียละมัง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ต.ค. 10, 08:55
ผมขอแกะรอยไปรษณีย์บัตร คร่าวๆก่อนนะครับ

ก่อนอื่นแกะรอยจากตราไปรณียากร ซึ่งที่เห็นนี้เรียกว่า "ชุดวัดแจ้งแก้สตางค์" เนื่องจากประเทศสยาม ได้ทำการเปลี่ยนแปลงระบบค่าเงิน จากระบบฬศ-ไพ -เฟื้อง-อัฐ ซึ่งเป็นระบบย่อยทด ๘ เป็นระบบทดร้อย คือ ๑ บาท เทียบย่อยออกเป็น ๑๐๐ หน่วยแทน จึงได้นำแสตมป์วัดแจ้ง (พิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๘ จากประเทศเยรมัน) มาพิมพ์แก้เป็นราคา ๓ สตางค์ (พิมพ์แก้เมื่อ ๑๕ ส.ค. ๒๔๕๒)

ดังนี้จึงบอกไว้ขั้นต้นว่า มีการปิดแสตมป์ ที่ใช้ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ช่วงเวลา ๒๔๕๒ ลงมาจนถึงในช่วงต้นๆรัชกาลที่ ๖

ลำดับต่อมา ดูตราประทับประจำวัน ซึ่งสามารถบ่งบอกระยะเวลาของการใช้งานนี้ได้
ตราประทับประจำวัน นี้เป็นรุ่นท้ายสุดในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นตราประทับกลมสองชั้น บนเป็นอักษรไทย ล่างเป็นอังกฤษ กลางระบุวัน และเวลา
แกะรอยอ่านได้คร่าวๆ ว่า เห็นตัวเลข ๘ ไทย เห็น ตัวเลขอารบิค 11 และตัวต่อมา ด้านล่างเห็นเลข 2 ซึ่งเป็นหลักสำคัญว่า การใช้งานไปรษณียบัตรนี้ถูกใช้งานในสมัยรัชกาลที่เท่าไรกันแน่ ระหว่าง รัชกาลที่ ๕ กับ รัชกาลที่ ๖ ซึ่งสามารถย้อนถึงเวลาของภาพโปสการ์ดได้
 


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ต.ค. 10, 09:06
เรียนรู้ตราประจำวันกัน เพื่อให้เข้าใจในระบบตราประทับ

ตราประจำวันแบบนี้เรารับเอารูปแบบหรือ Pattern มาจากทางยุโรป เพื่อปรับใช้ในการไปรษณีย์ของไทย
ด้านบน ระบุพื้นที่ของเขตไปรษณีย์ จะเห็นว่า "กรุงเทพที่ ๗"
ด้านล่าง ระบุ Bangkok 7
ซึ่งเลขดังกล่าวเป็นการแบ่งเขตพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการแบ่งเขตไว้ ๘ เขต คือ

๑. ที่ทำการไปรษณีย์กรุงเทพฯ ที่ ๑ ณ.ตึกใหญ่ "ไปรสนียาคาร" ปากคลองโอ่งอ่าง

๒. ที่ทำการไปรษณีย์กรุงเทพฯ ที่ ๒ ตั้งอยู่ตึกหลังเล็กในบริเวณกรมศุลกากรเดิมทางด้านใต้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลบางรัก

๓. ที่ทำการไปรษณีย์กรุงเทพฯ ที่ ๓  อำเภอคลองสาน ที่ริมถนนท้ายวัดอนงค์ฝั่งธนบุรี

๔. ที่ทำการไปรษณีย์กรุงเทพฯ ที่๔ เดิมตั้งอยู่ริมออฟฟิศทหารปืนใหญ่ มุมสวนสราญรมย์ ต่อมาได้ย้ายเข้าไปที่หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง

๕. ที่ทำการไปรษณีย์กรุงเทพฯ ที่ ๕ เดิมตั้งอยู่ที่มุมถนนเจริญกรุงกับพลับพลาไชย ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๓๗ ได้ย้ายมาในบริเวณกรมรถไฟหลวงที่ตำบลหัวลำโพง

๖. ที่ทำการไปรษณีย์กรุงเทพฯ ที่ ๖ ตั้งอยู่ที่ถนนจักรพงษ์ ในกำแพงพระนครใกล้ตลาดยอด

๗. ที่ทำการไปรษณีย์กรุงเทพฯ ที่ ๗ ครั้งแรกตั้งอยู่ที่บ้านพันทอง ตลองบางหลวง ฝั่งธนบุรี

๘. ที่ทำการไปรษณีย์กรุงเทพฯ ที่ ๘ ตั้งอยู่ที่ริมถนนเยาวราช ตรอกข้าวสาร รับส่งไปรษณียภัณฑ์ไปประเทศจีนเป็นสำคัญ

พื้นที่กลาง บอกวันเดือนปี ตัวเลขไทย และ ฝรั่ง เช่นภาพที่แนบมา
"๒๗-๕-๑๓๑ - 27.8.12"
หมายถึง วันที่ ๒๗ เดือนห้า ร.ศ. ๑๓๑ และ 27 สิงหาคม ค.ศ.1912


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ต.ค. 10, 09:09
เรียนคุณเทาชมพู

เรื่องราวต่าง ๆ บางเรื่องรู้สึกว่าจะออกนอกกรุงเทพฯ ไปพอสมควร

มาปรับเป็นกระทู้ "ภาพเมืองไทยในอดีต" จะดีไหม

คราวที่แล้วรู้สึกว่าจะถึงตอนทีี่่ (๖)

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1946.0

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ต.ค. 10, 09:15
มาถึงคำตอบการใช้ไปรษณียบัตรนี้

เห็นอักษรไทย ๘ หลังสุด ควรจะเป็น ร.ศ. ๑๒๘ ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๕๒ และ ค.ศ. 1909

ถูกใช้งานวันที่ 11 เดือน 12 และเห็นเลข 2 ด้านล่าง ทำให้ทราบว่า ถูกส่งออกจากพื้นที่ไปรณีย์ที่ ๒ ในเขตบางรัก อันเป็นที่ชาวต่างประเทศอยู่กันอย่างหนาแน่น

สรุปว่า ไปรษณียบัตรนี้ ถูกประทับตราเมื่อวันที่ 11 เดือนธันวาคม ค.ศ.1909 จากพื้นที่บางรัก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ต.ค. 10, 09:40
ตำรวจพลตระเวน

อย่างที่เคยค้นหากันมา ตรงสามแยกสุริวงศ์ เป็นที่ตั้งของโรงพักพลตระเวน ซึ่งครั้งก่อนเห็นสภาพด้านหน้าโรงพักและด้านในแล้ว วันนี้เลยนำภาพตำรวจพลตระเวน ณ สถานที่เดียวกันคือที่บางรัก นำมาเข้าแถวตรวจพล เทียบกับภาพในไปรษณีย์บัตร ซึ่งเป็นในรูปแบบเดียวกัน

ตำรวจพลตระเวน มักจะถูกเรียกเสมอๆแบบชาวบ้านว่า "หัวแดงแข้งดำ" คือ เครื่องแบบเลียนอย่างอินเดีย ซึ่งนำมาจากอังกฤษอีกทอดหนึ่ง เจ้าหน้าที่โปลิศพวกนี้จะมีรหัสประจำตัว ไม่เรียกชื่อกัน แต่เรียกรหัส เช่น โปลิศ ๑๓๒ หรือ โปลิศ ๒๔๓ เป็นต้น และสวมหมวกสักหลาดสีแดง พันหน้าแข้งสีดำ จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกนี้

ดูจากลักษณะการแต่งกายไม่น่าจะย้อนไปถึง พ.ศ. ๒๔๓๐ น่าจะอยู่ในช่วง ๒๔๔๐ลงมา เป็นช่วง ๑๐ ปีที่ถ่ายภาพและจำหน่ายโปสการ์ดในช่วง ๑๐ ปี น่าจะหมดสต๊อก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 11 ต.ค. 10, 09:46

ตอบ คคห ๑๓๐๖  จากคุณเทาชมพู

แปลแบบพอจะเข้าใจคือต่อมาได้กลายเป็น  ยูเซด   USAID  ค่ะ

องค์การความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและสังคม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ต.ค. 10, 10:05
มีรูปมาฝากคุณ siamese และแก๊งค์ลูกน้ำ  ให้ช่วยกันอ่านหน่อยค่ะ

ขอบคุณครับ ผมแปลได้ออกมาแบบนี้ครับ ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ต.ค. 10, 10:18
สาวเจ้าคือคนไท         บางคนไซร้่คิดว่าลาว
ไทดำรำพันเจ้า่           มาจากแคว้นเขตแดนไกล

http://www.youtube.com/watch?v=NynQ7Q9Gqx0&feature=related     


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ต.ค. 10, 10:28
(http://www.taidam.iblogger.org/web_images/Zong01.gif)

(http://www.taidam.iblogger.org/web_images/lang04.gif)

http://www.taidam.iblogger.org/index.php?p=1_4_-


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ต.ค. 10, 14:01
ขอแสดงความนับถือ ท่าน Siamese ข้อมูลละเอียดยิบ ยอดเยี่ยมมาก ๆ ค่ะ

สาวชาวนาลาวใส่เสื้อกระดุมเยอะจัง กว่าจะออกไปดำนา ติดกระดุมนานแน่

สาวชาวไทย ห่มผ้าแผลบเดียวตัวปลิวลงไปท้องนาได้ทันที



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ต.ค. 10, 14:22
ภาพใน # ๑๓๑๙ ชอบไปเที่ยวเสียเรื่อย

ตามกลับมาให้เห็นชัด ๆ

ใช่สาวชาวนาลาวเสียทีไหน สาวไทดำแท้ ๆ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ต.ค. 10, 14:42
ไทดำมาจากไหน

http://www.youtube.com/watch?v=HNFLANNBxBc&feature=related



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ต.ค. 10, 16:15
เข้าใจครับ คุณเพ็ญชมพู แต่จะอธิบายหน่อยว่า

"ครั้งอดีตสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้กวาดต้อนไทยดำพร้อมลาวในเวียงจันทน์และเมืองพวนมาอยู่ที่ธนบุรี ต่อมารัชกาลที่ ๓ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ลาวเวียงอยู่ที่ จ.ราชบุรี ลาวพวนอยู่ที่ธนบุรี และให้ไทยทรงดำไปตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี และสืบลูกหลานมาเป็นไทยทรงดำเมืองเพชร ซึ่งตั้งบ้านเรือนกระจายอยู่ในเขตอำเภอเมือง บ้านแหลม บ้านลาด ท่ายาง หนองหญ้าปล้อง แต่ที่หนาแน่นที่สุดคือที่อำเภอเขาย้อย แถบบ้านห้วยท่าช้าง, หนองปรง, หนองจิก, ทับคาง, ดอนทราย และหนองชุมพล"

"ชาวไทยทรงดำ เป็นชนเผ่าไทยกลุ่มหนึ่งซึ่งมีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่บริเวณดินแดนสิบสองจุไทยในเวียดนามเหนือปัจจุบัน คนไทยมักเรียกพวกเขาว่า 'ลาวโซ่ง' หรือ 'ไทยโซ่ง' เนื่องจากอพยพผ่านมาทางประเทศลาว ซึ่งคำว่า โซ่ง เป็นคำที่ถูกเรียกตามชุดแต่งกายเพราะนุ่งส่วงดำหรือกางเกงสีดำ ปัจจุบันนิยมเรียกว่า 'ไทยทรงดำ"


ดังนี้แล้วในสมัยที่พิมพ์หนังสือเล่มนี้ ก็เรียกว่า ลาว+ชื่อกลุ่ม ทั้งสิ้นโดยชาวสยาม จะนุ่งโจง เคี้ยวหมาก ฟันดำกัน ส่วนบรรดาผู้ใดเกิดไม่ได้นุ่งโจง นุ่งซิ่น ฟันขาว ก็ถือว่า เป็นลาว ไปโดยปริยาย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 11 ต.ค. 10, 16:42
จากรูป1307 เป็นไปได้ไหมครับที่จะเป็น ข้าราชการรักษาพระราชวัง พระนครคีรี(เขาวัง) ที่เรียกว่า เด็กชา เมื่อรับราชการปฏิบัติหน้าที่บนพระนครคีรี เด็กชาชาวโซ่งจะแต่งกายตามความนิยมของเผ่าตน สวมกางเกงสีดำ เรียกว่า ซ่วง ปลายขาแคบเกือบจรดข้อเท้า สวมเสื่อสีดำแขนกระบอกจรดข้อมือ ชายเสื้อยาวคลุมสะโพก เสื้อผ่าอกตลอดติดลูกกระดุมเงินชิดถี่ตั้งแต่ลำคอไปถึงเอว เรียกว่า ก่อม และคาดกระเป๋า โซ่งเรียกว่า หลวม คาดไว้ที่เอว ถ้ารับเสด็จในหลวง โซ่งจะสวมเสื้อยาว เรียกว่า เสื้อฮี ถือว่าเป็นเครื่องแต่งกายชุดใหญ่ ใช้ได้ทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งใช้งานมงคล และงานอมงคล ใช้อีกด้านหนึ่ง มีลวดลายหลากสี ถูกทุกคนครับ ลาวโซ่งหรือ ไทยทรงดำ หรือไทยดำ ก็คือกลุ่มเดียวกันครับ ลองฟังเพลงไทดำรำพันแล้วจะรักเมืองไทยขึ้นอีกมากเลยครับ แต่ฟังแล้วเศร้า...



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ต.ค. 10, 21:15
เรียนคุณเทาชมพู

เรื่องราวต่าง ๆ บางเรื่องรู้สึกว่าจะออกนอกกรุงเทพฯ ไปพอสมควร

มาปรับเป็นกระทู้ "ภาพเมืองไทยในอดีต" จะดีไหม

คราวที่แล้วรู้สึกว่าจะถึงตอนทีี่่ (๖)

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1946.0

 ;D

ขออภัย ผิดแล้วผิดเลย
คราวหน้าถ้ามีรูปอะไรนอกกรุงเทพ อีก จะเข้าไปต่อในกระทู้ที่คุณเพ็ญให้มานะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ต.ค. 10, 21:36
มาดูภาพนี้กันหน่อยครับ มีน้ำพุด้วย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ต.ค. 10, 23:20
ตกม้าตายค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 11 ต.ค. 10, 23:32
ภาพที่คุณ Siamese นำมาให้ชมกัน  ขออ่านภาพว่า เป็นโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยครับ
อาคารทางขวาของภาพ คือ ตึกยาว  อาคารที่เห็นแต่หลังคาทางตอนบนของภาพเป็น โรงเรียนเพาะช่าง
ภาพน้ำพุทางตอนล่างของภาพเป็นน้ำพุที่หน้าพระปฐมบรมราชานุสรณ์ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 12 ต.ค. 10, 06:59
ภาพที่คุณ Siamese นำมาให้ชมกัน  ขออ่านภาพว่า เป็นโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยครับ
อาคารทางขวาของภาพ คือ ตึกยาว  อาคารที่เห็นแต่หลังคาทางตอนบนของภาพเป็น โรงเรียนเพาะช่าง
ภาพน้ำพุทางตอนล่างของภาพเป็นน้ำพุที่หน้าพระปฐมบรมราชานุสรณ์ครับ

เยี่ยมเสมอครับ อ.V_Mee


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 12 ต.ค. 10, 08:58
คิดเหมือนคุณ Natadol ค่ะ
อ้างถึง
จากรูป1307 เป็นไปได้ไหมครับที่จะเป็น ข้าราชการรักษาพระราชวัง พระนครคีรี(เขาวัง) ที่เรียกว่า เด็กชา เมื่อรับราชการปฏิบัติหน้าที่บนพระนครคีรี เด็กชาชาวโซ่งจะแต่งกายตามความนิยมของเผ่าตน สวมกางเกงสีดำ เรียกว่า ซ่วง ปลายขาแคบเกือบจรดข้อเท้า สวมเสื่อสีดำแขนกระบอกจรดข้อมือ ชายเสื้อยาวคลุมสะโพก เสื้อผ่าอกตลอดติดลูกกระดุมเงินชิดถี่ตั้งแต่ลำคอไปถึงเอว เรียกว่า ก่อม และคาดกระเป๋า โซ่งเรียกว่า หลวม คาดไว้ที่เอว ถ้ารับเสด็จในหลวง โซ่งจะสวมเสื้อยาว เรียกว่า เสื้อฮี ถือว่าเป็นเครื่องแต่งกายชุดใหญ่ ใช้ได้ทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งใช้งานมงคล และงานอมงคล ใช้อีกด้านหนึ่ง มีลวดลายหลากสี ถูกทุกคนครับ ลาวโซ่งหรือ ไทยทรงดำ หรือไทยดำ ก็คือกลุ่มเดียวกันครับ ลองฟังเพลงไทดำรำพันแล้วจะรักเมืองไทยขึ้นอีกมากเลยครับ แต่ฟังแล้วเศร้า...


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 12 ต.ค. 10, 09:33
ภาพทหารรักษาพระองค์ค่ะ เขาบรรยายไว้ว่า
"ภาพจากหนังสือ Ein Welt - und Forschungsreisender mit der Kamera 1844-1920
รวบรวมผลงานถ่ายภาพของ Wilhelm  Burger ซึ่งเข้ามาเมืองไทยพร้อมคณะฑูตเมื่อ พ.ศ.2412"


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 12 ต.ค. 10, 11:21
อ่านและชมภาพด้วยความเพลิดเพลิน...........
ขอบพระคุณทุกท่านที่ระบุที่มาของภาพ ทำให้การตามไปค้นคว้าเพิ่มเติมเป็นไปโดยสะดวก

ขอบคุณอีกครั้งครับ



 ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 ต.ค. 10, 12:18
จากรูป1307 เป็นไปได้ไหมครับที่จะเป็น ข้าราชการรักษาพระราชวัง พระนครคีรี(เขาวัง) ที่เรียกว่า เด็กชา เมื่อรับราชการปฏิบัติหน้าที่บนพระนครคีรี เด็กชาชาวโซ่งจะแต่งกายตามความนิยมของเผ่าตน สวมกางเกงสีดำ เรียกว่า ซ่วง ปลายขาแคบเกือบจรดข้อเท้า สวมเสื่อสีดำแขนกระบอกจรดข้อมือ ชายเสื้อยาวคลุมสะโพก เสื้อผ่าอกตลอดติดลูกกระดุมเงินชิดถี่ตั้งแต่ลำคอไปถึงเอว เรียกว่า ก่อม และคาดกระเป๋า โซ่งเรียกว่า หลวม คาดไว้ที่เอว ถ้ารับเสด็จในหลวง โซ่งจะสวมเสื้อยาว เรียกว่า เสื้อฮี ถือว่าเป็นเครื่องแต่งกายชุดใหญ่ ใช้ได้ทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งใช้งานมงคล และงานอมงคล ใช้อีกด้านหนึ่ง มีลวดลายหลากสี


เด็กชาเหล่านี้แบ่งกันทำหน้าที่รับใช้เจ้านาย แต่ละพระองค์ เด็กชาบางคนรับใช้ใกล้ชิด พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ บ้างทำหน้าที่หามคาน หามเสลี่ยง ขึ้นลงเขา ยามพระองค์ทรงเสด็จฯ เด็กชารุ่นเก่า ๆ หลายคน คุ้นเคยกับเจ้านาย ข้าราชบริพาร พระเจ้าลูกยาเธอที่ยังทรงพระเยาว์ บางพระองค์ได้ขี่คอพวกเด็กชาขึ้นลงเขาวัง เป็นที่สนุกสนาน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เมื่อยังทรงพระเยาว์ตามเสด็จฯ มาพระนครคีรีอยู่เนือง ๆ พระองค์จึงทรงคุ้นเคยกับเด็กชารุ่นเก่า ๆ

เด็กชาเหล่านี้นอกจากรับใช้ในหลวง และเจ้านายต่าง ๆ เวลาเสด็จมาประทับแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นยามรักษาการณ์ รักษาข้าวของในพระนครคีรีอีกด้วย เด็กชาจะเข้าเวรผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเป็นชุด ๆ ชุดละ ๓-๔ คน โดยมีมหาดเล็กเป็นหัวหน้าควบคุมอีกทีหนึ่ง หัวหน้าผู้ดูแลพระนครคีรีมีบรรดาศักดิ์ที่พระบริบาลคีรีมาตย์ ดูแลพระราชวังโดยรวมทั้งหมด

http://th.wikipedia.org/wiki/เด็กชา (http://th.wikipedia.org/wiki/เด็กชา)

จากเครื่องแ่ต่งกายและหน้าที่ของเด็กชา บ่งบอกว่าเป็น "ผู้ชาย"

เด็กชา "ผู้หญิง" มีฤๅไฉน

 ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 12 ต.ค. 10, 12:38
แกะรอยฟื้นภาพ นั่งแต้มสีตามบันทึกที่มีไว้เรื่อง ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์

"เครื่องเต็มยศหมวกรูปทรงถังสูงหุ้มแพรสีม่วงแก่ ขลิบลูกไม้ทองเทศ (คือแถบทองมีลวดลายอย่างแขก)  พันหน้าหมวกเยื้องขึ้นไปทางเบื้องขวา  มีตราเงินหน้าหมวกเป็นอักษรพระบรมนามาภิธียย่อคือ ส.พ.ป.ม.จ.  และเลข ๕ ไว้กัน (หมายความว่าสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์รัชกาลที่ ๕)  รอบอักษรย่อนั้นมีรัศมีเป็นแฉก  และมีแพรสีทับทิมห้อยจากข้างบนทาบลงมาทางข้างขวาด้วย  เสื้อรูปทูนิกยาวตัดเป็น ๔ ปีก (คือผ่าเอวและผ่าหลัง) แพรสีเหล็ก (ซึงเป็นสีเสื้อยศของมหาดเล็กในสมัยนั้น)  มีแถบทองอย่างเล็กขลิบที่คอและขดเป็นลายยันต์  ที่มุมที่คอและข้อมือติดแถบทองเล็กวงรอบและขดเป็นลายยันค์ขัดสมาธิ  ดุมเงินมีอักษรพระบรมนามาภิธัยย่อเช่นกล่าวแล้ว  แต่ไม่มีรัศมีเปลี่ยนเป็นมีใบชัยพฤกษ์วงโอบรัดครึ่งตัว  นุ่งแพรสีเหล็ก  คาดประคตแพรสีทับทิมชายครุยข้างในเสื้อ  ให้ชายห้อยพ้นปีกเสื้อออกมาอยู่ข้างซ้าย  คาดเข็มขัดหนังดำหัวเงิน  มีอักษรพระบรมนามาภิยย่อเช่นตราหน้าหมวกทับนอกเสื้อ  ถุงเท้าขาวอย่างยาว  รองเท้าหนังดำ (รูปคอตชูมีเข็มเงิน)  นายทหารชั้นผู้ใหญ่พิ่มลายยันต์ทองที่คอและข้อมือเสื้อเป็น ๓ ชั้น  นายดาบและนายสิบเอกเป็นยันต์ ๒ ชั้น  และมีเครื่องหมายยศอีกอย่างหนึ่ง คือ มีบั้งแถบทองติดที่แขนเสื้อข้างซ้ายอย่างนายสิบเป็น ๓ ชั้น คือ นายดาบ ๓ บั้ง  นายสิบเอก ๒ บั้ง  นายสิบโท ๑ บั้ง  นายสิบตรีไม่มี  บรรดานายทหารชั้นที่หมวกเพิ่มพู่ขนนกฝรั่งสีเขียว (ใบไม้)  มำเป็นฝอยติดข้างเบื้องซ้ายอีกด้วย  แพระมาลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นใช้พู่ขนนกการะเวกแทนขนนกฝรั่ง"

จึงได้ภาพที่มีชีวิตชีวาขึ้นมากเลย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 ต.ค. 10, 12:44
เด็กชาที่เขาวังในรัชกาลที่ ๔ คงแต่งตัวลักษณะนี้

สองคนทางขวามือใส่เสื้อฮี  มีบางคนคาดกระเป๋าที่เอวด้วย

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 12 ต.ค. 10, 13:35
ภาพเด็กชา แห่งเขาวัง งามจังเลยครับ

ฝากต่อยอดเรื่องเครื่องแบบทหารมหาดเล็ก ซึ่งปรับปรุงในสมัยรัชกาลที่ ๕ และนำอักษรพระบรมนามาภิไธย่อคือ ส.พ.ป.ม.จ.  และเลข ๕ มาให้ชม ส่วนด้านซ้ายมือเป็นภาพเครื่องแบบทหาร ในสมัยพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ สังเกตุมีพู่อยู่กระจุกหนึ่งด้านหน้าหมวกพอดี


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 12 ต.ค. 10, 14:43
ขอบพระคุณท่าน siamese ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการแต่งกายของทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ค่ะ
ดูแล้วเหมือนเรารับเอาเครื่องแบบมาจากหลายๆ ประเทศนะคะ เหมือนแขกปนฝรั่งปนไทย

ส่งมาให้อีกภาพค่ะ เป็นภาพหมู่ดูขึงขังถือปืนด้วย ถ้าเป็นภาพสีคงมีชีวิตชีวาขึ้นนะคะ  ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 12 ต.ค. 10, 14:59
นำของว่างยามบ่ายมาบูชาความรู้ที่ทุกท่านเมตตาเผื่อแผ่ในกระทู้นี้ค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 12 ต.ค. 10, 17:09
ภาพของคุณsiamese ก็ตอบโจท์ยของคุณร่วมฤดีที่การแต่งกายเน้นสีม่วง.. แล้วทำไมถึงต้องเป็นสีม่วงล่ะครับ ทำไมไม่เป็นสีอื่นๆบ้าง ผ้าม่วง ถึงแม้เป็นสีอื่นๆก็ยังเรียกผ้าม่วง  แล้วสีม่วงได้มาจากยางไม้ชนิดไหนครับ ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 12 ต.ค. 10, 20:46
ทดลองใส่สีแล้วดูแปลก ชัดเจนขึ้น ภาพนี้ถูกถ่ายโดย ฟรานซิส จิตร ครับ


ผ้าม่วง เป็นผ้าแพรชนิดหนึ่งซึ่งทอจากเส้นไหม ที่เรียกว่าผ้าม่วงเป็นเพราะแต่เดิมคงจะ
มีแต่สีม่วงมาก่อน ชื่อสีนีจึ้งติดมา แม้ในระยะหลังจะมีสีอื่นอีก ก็ยังคงเรียกผ้าม่วงที่ขึน้ ชื่อ คือ
ผ้าม่วงเซี่ยงไฮ้ ซึ่งคงเป็นผ้าม่วงที่ส่งมากจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ส่วนผ้าม่วงไหมพืน้ เมือง
ชนิดดีที่มีราคาแพงกว่าผ้าม่วงที่สั่งเข้ามากจากต่างประเทศ คือ ผ้าหางกระรอก ซึ่งเป็นผ้าไหม
พืน้ เมือง ทอกันมากที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครศรีราชสีมา ผ้าม่วงหางกระรอกนีใ้ช้นุ่งกันน้อย
เพราะราคาแพง และใช้ไม่ทนเท่าผ้าม่วงเซี่ยงไฮ้ สีสันก็ฉูดฉาด มักจะเก็บไว้นุ่งเมื่อออกงาน
มากกว่านุ่งทำงาน ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้นุ่งผ้าม่วงแทนผ้าสมปักเวลาที่เข้าเฝ้า ซึ่ง
ผ้าม่วง สีนำ้เงินแก่นัน้ ไม่ได้ทำในประเทศไทย แต่ให้ช่างสั่งทำมาจากเมืองจีนเฉพาะใช้ในไทย
เท่านัน้ จีนไม่นุ่งเลย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 10, 20:56
ลงสีเก่งมาก ใช้โปรแกรมอะไรคะ ;D

ยังหาอะไรมาเสริมไม่ถูก  ขอติดตามอ่านไปพลางๆก่อน
พร้อมกับเอาขนมมาเสิฟเพิ่มเติม   ของโปรดของดิฉันตั้งแต่เด็กๆค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 12 ต.ค. 10, 21:10
อาจารย์เทาชมพูชอบลูกชุบหรือครับ เมื่ออาทิตย์ก่อนได้รับลูกชุบมารับประทาน ฝีมือทำลูกชุบงามมาก เลยถ่ายภาพไว้ เลยนำมาฝาก
สำหรับทำภาพสี ใช้ Photshop ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: puyum ที่ 12 ต.ค. 10, 21:53
ได้มาจากงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์เมื่อปีที่แล้ว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 10, 22:02
ชอบลูกชุบ ตรงที่มันเหมือนของเล่นค่ะ  เห็นแล้วอยากจะเอาเข้าตู้โชว์มากกว่ากิน
ลูกชุบของคุณ siamese ฝีมือปั้นสวยมาก
ที่จริงลูกชุบไม่ใช่ขนมไทยนะคะ  มันคือขนม marzipan ของฝรั่ง
ตามรูปนี้
พอประชันกับขนมโดนัทดอนเจดีย์ได้ไหม?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 13 ต.ค. 10, 09:41
ขอคารวะท่าน siamese เซียน Photoshop ค่ะ
ภาพเก่าที่ท่านใส่สีเนี้ยบมากค่ะ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเลยค่ะ
ประกอบกับเกร็ดความรู้ดีๆ ที่เล่าให้ฟังด้วย สมบูรณ์แบบจริงๆ ค่ะ
นับถือ นับถือ   ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 10, 09:57
ยังใส่สีใน photoshop ไม่เป็นเลยค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ต.ค. 10, 11:41
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14730;image)

ในภาพ เครื่องแบบทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ใช้อยู่ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๑๓-๒๔๑๔ ภาพนี้จึงน่าจะถ่ายในห้วงดังกล่าว แต่จะในโอกาสใดไม่แจ้ง จากภาพ นายทหารคนซ้ายสุดมียศเป็นนายดาบ เพราะติดบั้ง ๓ บั้งที่แขนเสื้อซ้ายและขัดกระบี่ นายทหารคนที่ ๒ ยศนายสิบเอก เป็นพลแตร (ถือแตร) ส่วนที่เหลือเป็นพลทหาร

ที่มา : ตำนานทหารมหาดเล็ก

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 13 ต.ค. 10, 12:34
คุณเพ็ญชมพู ในภาพมีนายทหาร ๓ คนนะครับ คนยืนด้านขวาภาพ อีกท่านด้วย สังเกตุว่า "นายทหารจะประดับพู่ขนนกสีเขียว ไว้ที่หมวกด้านซ้ายมือ"ครับ ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 14 ต.ค. 10, 03:26
ท่านลุงsrisiamหายไปหาภาพเก่าๆมาทายยังไม่กลับ ขอหลานลุงเอาภาพมาทายบ้างนะครับ ภาพนายกคนที่เท่าไรครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 14 ต.ค. 10, 07:28
ท่านลุงsrisiamหายไปหาภาพเก่าๆมาทายยังไม่กลับ ขอหลานลุงเอาภาพมาทายบ้างนะครับ ภาพนายกคนที่เท่าไรครับ

พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ฯ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒ ของประเทศไทย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 14 ต.ค. 10, 10:43
มาทายมั่งค่ะ...
ภาพใครคะ และ King กะ Queen หมายถึงองค์ไหนคะ และให้เนื่องในโอกาสอะไรคะ...
:ไม่มีเฉลยหรอกนะคะ เพราะผู้ถามไม่ทราบค่ะ ...อ้าว!!!... :-[


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 14 ต.ค. 10, 11:01
ภาพนักวิทยาศาสตร์เอกของโลก โธมัส เอลวา เอดิสัน ได้ทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ และสมเด็จพระนางเจ้า รำไพพรรณี ขณะเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกา ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ต.ค. 10, 11:04
คุณดีดี ส่งหมัดหนักพอๆกับนายยอดตรังเลยทีเดียว
ชนกลางอากาศกับคุณ siamese


(http://nakoi.files.wordpress.com/2008/07/edison-in-lab.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 14 ต.ค. 10, 11:10
ภาพ1349 ใกล้เคียงครับ..แต่ไม่ไช่ครับ คุณsiamese   ใบ้ให้นิดนึง...บิดาของเจ้าคุณพหลฯ เป็นทหารกรมเดียวกันกับบิดาของนายกท่านนี้ครับ ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 14 ต.ค. 10, 11:10
โห!!! ทั้ง 2 ท่าน เยี่ยมจริงๆ เลยค่ะ....ขอบพระคุณสำหรับความกระจ่างค่ะ...
ส่งมาให้อีกภาพนะคะ...
ภาพใครคะ และถ.ถ.คือท่านใดคะ... ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 14 ต.ค. 10, 11:20
โห!!! ทั้ง 2 ท่าน เยี่ยมจริงๆ เลยค่ะ....ขอบพระคุณสำหรับความกระจ่างค่ะ...
ส่งมาให้อีกภาพนะคะ...
ภาพใครคะ และถ.ถ.คือท่านใดคะ... ;D

อักษรพระนาม ร.ร. ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ แบบนี้ต้องให้อาจารย์ V_mee ครับ  ;D ;D  เห็นคำว่าละครรูปนางมารี

บทละครเรื่อง มิตรแท้ ที่ทรงแปลมาจากละครภาษาอังกฤษเรื่อง My Friend Jarlet ของ Arnold Golsworthy และ E.B. Norman มีตัวละครเอกชื่อ "มารี" ดังภาพด้านล่างนี้เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของล้นเกล้าฯ ทรงเล่นละครพูด เพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ รับเสด็จในการเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก เมื่อพ.ศ. ๒๔๔๐ ที่กรุงเจนีวา


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ต.ค. 10, 11:28
รอคุณ V_Mee มาตรวจการบ้านอีกที

หมายถึง มารี เลอร์รูซ์ (Marie Leroux) นางเอกในละครเรื่อง My Friend Jarlet ของ Arnold Golsworthy และ E.B. Norman
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6  ทรงแปลบทละครเรื่องนี้เป็นภาษาไทยชื่อว่า “ มิตรแท้"

ป.ล. คุณ D.D. คะ   คุณ siamese ทายรูปเอดิสันถูกคนเดียวค่ะ   ดิฉันมัวไปหลงทางอยู่ที่วู้ดโรว์  วิลสัน  มากลับลำทัน  ทีหลังค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ต.ค. 10, 11:43
โห!!! ทั้ง 2 ท่าน เยี่ยมจริงๆ เลยค่ะ....ขอบพระคุณสำหรับความกระจ่างค่ะ...
ส่งมาให้อีกภาพนะคะ...
ภาพใครคะ และถ.ถ.คือท่านใดคะ... ;D

อักษรพระนาม ร.ร. ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ แบบนี้ต้องให้อาจารย์ V_mee ครับ  ;D ;D  เห็นคำว่าละครรูปนางมารี

บทละครเรื่อง มิตรแท้ ที่ทรงแปลมาจากละครภาษาอังกฤษเรื่อง My Friend Jarlet ของ Arnold Golsworthy และ E.B. Norman มีตัวละครเอกชื่อ "มารี" ดังภาพด้านล่างนี้เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของล้นเกล้าฯ ทรงเล่นละครพูด เพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ รับเสด็จในการเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก เมื่อพ.ศ. ๒๔๔๐ ที่กรุงเจนีวา

ชนกลางอากาศกับคุณ siamese อีกหน  คราวนี้วิ่งเข้าเส้นพร้อมกันที่ชื่อ มิตรแท้ และ  มารี  ค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 14 ต.ค. 10, 11:57
ยังคงขอบคุณและชื่นชมทั้ง 2 ท่านอยู่ดีแหละค่ะ ถึงแม้ว่าท่านอาจารย์เทาชมพูจะสารภาพว่าหลงทางไปนิ้ด....
ต้องขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับพระนามแฝง ร.ร. นะคะ (พระนามแฝงเยอะจริงๆ เลยค่ะ) ขอโทษด้วยที่มองผิดเป็น ถ.ถ.
สำหรับภาพตัวละครที่ชื่อมารี จากพระนิพนธ์แปลของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 เรื่องมิตรแท้ งามจริงๆ นะคะ
คาดไม่ถึงจริงๆ เลยค่ะว่าพระองค์ท่านจะแต่งเป็นสตรีได้งามขนาดนี้.......


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 14 ต.ค. 10, 12:26
มาสนุกกันอีกภาพนะคะ ระหว่างที่รอคณะย่อยหินและคณะช้อนลูกน้ำหาภาพเก่าเมืองบางกอก มาทายกัน
ภาพท่านผู้ใดคะ
ภาพนี้มีเฉลยด้วยค่ะ...


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 14 ต.ค. 10, 13:27
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
เมื่อยังดำรงพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 14 ต.ค. 10, 13:31
รู้สึกว่าตอบด้วยคำพูดมันจะง่ายไปสักหน่อย ขอตอบด้วยภาพแทนคำพูดละกันครับ ว่าเป็นองค์เดียวกัน   ;D  ;D   ;D   ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 14 ต.ค. 10, 14:03
โห!!! อัจฉริยจริงๆ ค่ะ .... ;D
อีกภาพละกันนะคะ ภาพท่านผู้ใดคะ....


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 14 ต.ค. 10, 14:09
พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสี ประสูติแต่พระราชชายาเจ้าดารารัศมี
เป็นพระเจ้าลูกเธอลำดับ ที่ ๖๓ ในรัชกาลที่ ๕


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 14 ต.ค. 10, 14:16
พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงวิมลนาคนพีสี หรือพระนามเรียกขานในหมู่ข้าราชบริพารว่า เสด็จเจ้าน้อย เป็นที่โปรดปรานฯ ใน พระราชบิดา ยิ่งนัก ด้วยทรงเป็นเจ้าหญิงพระองค์น้อยที่ฉลองพระองค์ซิ่นแบบเจ้านายเมืองเหนือตลอด เวลา เป็นที่น่าเสียดายว่า พระธิดาทรงมีพระชันษาเพียง ๓ ปี ๔ เดือน ๑๘ วัน ก็ได้ประชวรและสิ้นพระชนม์ลง เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๕ (ต่อมาทรงได้รับโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระนามพระอัฐิขึ้นเป็น "พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าหญิงวิมลนาคนพีสี" "พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าหญิงวิมลนาคนพีสี" และ "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงวิมลนาคนพีสี" ตามลำดับ)

การสิ้นพระชนม์ของพระราชธิดาในคราวนี้นั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสียพระทัยยิ่งนัก ทรงมีรับสั่งกับ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวโทษพระองค์เอง ว่า "ทรงเสียพระทัยยิ่งนัก ที่ทรงมิได้สถาปนาพระยศพระราชธิดาให้เป็น "เจ้าฟ้า"ตามศักดิ์แห่งพระชนนีซึ่งเป็นเจ้าหญิงพระราชธิดาในพระเจ้าประเทศราช

ปัจจุบัน พระอัฐิของ เสด็จเจ้าน้อย ได้อัญเชิญประดิษฐานอยู่คู่กับพระอัฐิของ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี พระมารดา ณ กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ วัดสวนดอกวรมหาวิหาร และ สุสานหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 14 ต.ค. 10, 14:31
เดินไปเรื่อยเปื่อย พบกับสิ่งนี้เข้า .... เลยนำมาถาม ที่ไหนครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 14 ต.ค. 10, 15:46
ไชโย!! ท่าน siamese เบื่อเคี้ยวหมู เลยโยนหินมาให้แล้วค่ะ
คณะย่อยหิน และแก๊งช้อนลูกน้ำ รีบมาวิเคราะห์หินกัน เร๊ว...
บันไดคุ้นๆ แต่ทำไมต้องมีร่องระหว่างบันไดกับพื้นดินด้านหน้าด้วยนะคะ....
เฮ้อ! ก่อนเริ่มงานหนัก มาดื่มกาแฟเย็นให้ชื่นใจกันก่อนนะคะ... ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 14 ต.ค. 10, 19:51
ขอเฉลยก่อนครับ สงสัยภาพผมไม่ฮิต มีคุณsiamese ทายอยู่ท่านเดียว นายกรัฐมนตรีคนที่9ของไทยครับ นายพจน์ สารสิน ครับ ถ่ายภาพกับบิดาและมารดาของท่านคือพระยาสารสินสวามิภักดิ์(หมอเทียนฮี้)ซึ่งเป็นสหายร่วมรบกับบิดาของพลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 14 ต.ค. 10, 22:20
ขอเฉลยก่อนครับ สงสัยภาพผมไม่ฮิต มีคุณsiamese ทายอยู่ท่านเดียว นายกรัฐมนตรีคนที่9ของไทยครับ นายพจน์ สารสิน ครับ ถ่ายภาพกับบิดาและมารดาของท่านคือพระยาสารสินสวามิภักดิ์(หมอเทียนฮี้)ซึ่งเป็นสหายร่วมรบกับบิดาของพลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 14 ต.ค. 10, 22:58
ท่านลุงsrisiamหายไปหาภาพเก่าๆมาทายยังไม่กลับ ขอหลานลุงเอาภาพมาทายบ้างนะครับ ภาพนายกคนที่เท่าไรครับ

เข้าใจผิดแล้วครับ..............คุณหลานเอ๋ย...ไม่เกี่ยวกับไม่ฮิตหรือฮิตแต่ต้องให้เวลาผู้ชมค้นหาคำตอบสักวันสองวันหรือสามสี่วัน................แล้วค่อยเฉลยจ้า.......


คุณหลานใจร้อนดีแท้............วันเดียวเฉลยเลยรึ....ไม่ยอมให้หลอนอ.เทาฯท่านสักหน่อย.....ฮิฮิ

 ;D

ช่วงนี้ลากิจครับ......แล้วค่อยส่งใบลาย้อนหลัง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 15 ต.ค. 10, 06:45
เดินไปเรื่อยเปื่อย พบกับสิ่งนี้เข้า .... เลยนำมาถาม ที่ไหนครับ

ตอบว่า อนุสาวรีย์บรรจุพระอังคารพระราชชายา เจ้าดารารัศมี และพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสี ที่สุวานหลวงวัดราชพิธสถ้ตมหาสามารามครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 15 ต.ค. 10, 09:10
เดินไปเรื่อยเปื่อย พบกับสิ่งนี้เข้า .... เลยนำมาถาม ที่ไหนครับ

ตอบว่า อนุสาวรีย์บรรจุพระอังคารพระราชชายา เจ้าดารารัศมี และพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสี ที่สุวานหลวงวัดราชพิธสถ้ตมหาสามารามครับ

สถานที่ถูกแล้วครับ เยี่ยมมากๆครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 15 ต.ค. 10, 09:39
ตอบ   
อนุสาวรีย์นี้ บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอิศริยาภรณ์
พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๕ ประสูติแต่เจ้าจอมารดาหม่อมราชวงศ์ทิพเกสร  สนิทวงศ์
ประสูติเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๔๓๑ เวลา ๓ โมงเช้าเศษ
สิ้นพระชนม์ เมื่อ วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๔๓๕ เวลา ๕ โมงเช้า
พระชันษา ๓ ปี ๑๑ เดือน ๒ วัน  นับเป็นวันได้ ๑๔๓๓ วัน


รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอิศริยาภรณ์
พร้อมกับพระอัฐิของเจ้าลูกเธอ  พระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสี
และพระอัฐิของพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าลวาดวรองค์
ณ สุสานหลวงวัดราชบพิธ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๔๓๘ เวลา ๕ โมงเย็น
ในการบรรจุพระอัฐิครั้งนั้น  โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ
ทรงปฏิบัติพระราชกิจแทนพระองค์

ปัจจุบันบริเวณรอบอนุสาวรีย์ที่บรรจุพระอัฐิพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์นั้น
ได้ปลูกต้นเข็มพวงขาว ต้นจัน ต้นชบา ต้นโมกบ้าน และต้นลำดวน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 15 ต.ค. 10, 10:57
อย่าหลงกันนะครับ สถานที่บรรจุอาคารในสุสานหลวง มีสถาปัตยกรรมคล้ายคลึงกัน ๒ แห่ง แห่งหนึ่งมีเสาโรมัน อยู่ ๔ ด้าน แห่งหนึ่งไม่มีเสาโรมัน ดูดีๆนะครับ  ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 10, 01:36
เข้ามาดึงกระทู้ขึ้น
ไม่มีคำถามอะไรมาเพิ่ม และไม่มีคำตอบให้  เพราะยังไม่รู้
มีรูปวาดยุคหลัง ถึงเหตุการณ์กบฏเจ้าอนุวงศ์  ฝีมือวาดของใครไม่ทราบ แต่คุ้นๆเหมือนนักวาดในหนังสือแบบเรียนไทย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 10, 02:15
Siamese theater group which performed in Berlin, Germany in 1900.
คำบรรยายเขาว่าอย่างนี้      ละครเจ้าพระยามหินทรฯ หรือเปล่านี่


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 17 ต.ค. 10, 08:44
“...โรงละครหลวงหรูมาก ละครนั้นนายบุษมหินทร์พาไปเล่น แต่ขาดทุน เพราะไปผิดฤดูกาล หนาวกันเกือบตาย นายบุษมหินทร์เป็นบุตรเจ้าพระยามหินทร์ศักดิ์ธำรง นำเอาแบบเจ้าคุณพ่อ ซึ่งมีชื่อเสียงดังในเมืองเรามาแล้วไปเล่น ละครเจ้าพระยามหินทร์มีชื่อเสียงโด่งดังสมัยโน้น ใครๆ ก็รู้จัก ไม่ได้เล่นเป็นเรื่องเป็นราว แต่เป็นฉากๆ สวยงามมาก เครื่องแต่งกายก็สวยแวววับ พราวแพรวไปหมด ถ้าไปเหมาะๆ คงจะได้เงินบ้าง ทางทูตจัดส่งกลับเพราะไม่มีเงิน
ฉากละครที่จำได้แม่น คือ ชุดรำโคม ชุดรำพัด ชุดรำอะไรต่ออะไรไม่ได้จำ ชุดพระชุดนาง คงจะมีรำฉุยฉายด้วย เหลือกว่าเด็กจะจำได้...”
ผมพลิกหนังสือไปดูตามสายตาฝรั่งซึ่งบันทึกข้อมูลที่เขาสัมผัส ณ ห้วงเวลาเดียวกัน ซึ่งอยู่ในส่วนภาคผนวกของหนังสือเล่มเดิม ได้เห็นภาพคณะละครพลัดถิ่นทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรมอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บเดียวดาย
“...คณะนาฏศิลป์มีสมาชิก  ๓๕ คน เป็นหญิง ๒๓ ชาย ๑๒ ผู้หญิงเป็นทั้งตัวละคร นางรำ ส่วนผู้ชายเล่นดนตรี วงดนตรีประกอบด้วยเครื่องดนตรีไทยโบราณ เช่น ฆ้องวง ซึ่งประกอบด้วย ฆ้องโลหะระดับเสียงต่างๆ จำนวนมากรายรอบติดกับตัวไม้เป็นครึ่งวงกลม ระนาด ปี่ ขลุ่ย ฉิ่ง ฉาบ...”

ภาพที่แนบมานี้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ภาษาเยรมันครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 17 ต.ค. 10, 08:51
ในการจัดทำเครื่องละคร ปักดิ้น เลื่อม ทั้งหมดนี้ หมดงบประมาณไป ๙,๐๐๐ บาท ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลในสมัยรัชกาลที่ ๕ ในขณะที่ทองคำขายบาทละ ๑๒ บาท


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 10, 09:26
สมัยนั้น  ทองคำบาทละ 12 บาท   เงิน 9000  ซื้อทองคำได้หนัก 750  บาท
ทองปัจจุบัน บาทละ 19900 บาท (ราคาเมื่อ 14 ต.ค. 2553) ทองหนัก 750 บาท ต้องใช้เงิน 14,925,000 บาท
แค่เครื่องแต่งกายละคร  หมดไปโดยประมาณ  เท่ากับสิบห้าล้านบาท หย่อนนิดหน่อย :o
ไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่น  เช่นค่าเดินทาง   ค่าอาหารการกิน ค่าจ้างตัวละคร  ค่าคนงาน  ค่าฉาก ฯลฯ
 :o

รูปเจ้าพระยามหินทรฯ ที่เจอในเน็ตค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 18 ต.ค. 10, 14:48
เรื่องเกี่ยวกับละครคณะของนายบุศย์มหินทร์ ที่เป็นละครไทยคณะแรกที่เดินทางไปเปิดการแสดงในต่างประเทศนั้น
ข้อมูลจาก http://www.t-h-a-i-l-a-n-d.org/talkingmachine/boosra_mahin/pluethipol.html
เล่าไว้ว่า "เป็นความบังเอิญที่เกิดเป็นตำนาน

.....พระยาสุริยานุวัตร อุปทูตไทยประจำประเทศฝรั่งเศส เสนอความคิดให้ส่งมโหรีไปงานแสดงสินค้านานาชาติ
ซึ่งจัด ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. ๒๔๔๓ เพื่อชักชวนฝรั่งที่มาเที่ยวงานเข้ามาซื้อตั๋วเพื่อดื่มกาแฟภายในพลับพลาชั่วคราว ให้ได้อย่างน้อยวันละ ๒๕๐ คนเท่านั้นเอง! (ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อนำศิลปะวัฒนธรรมการแสดงละครของสยามไปเผยแพร่ยังทวีปยุโรปแต่อย่างใด) ซึ่งตรงนี้ท่านสามารถอ่านได้จาก จดหมายเหตุรายงานการประชุมกรรมการ เรื่อง จัดของส่งการพิพิธภัณฑ์กรุงปารีส คฤสตศักราช ๑๙๐๐ ครั้งที่ ๑๔ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๑๗ (พ.ศ. ๒๔๔๑) โดยได้กล่าวถึงเรื่องมโหรีไว้ดังนี้...
   "...เรื่องมโหรีนั้นเห็นว่า น่ากลัวคนที่ไปจะเสียคน จึ่งหาตัวยากใม่มีใครรับจัด บางคนว่าเลือกจ้างคนที่เป็นมาเลี้ยงไว้แลส่งไปคงจะหาได้แต่ก็ใม่มีใครขันอาษาเพราะเป็นการยากฤาใม่อยากหนักอกแม่ใม่มีใครบังคับ ที่ว่าใม่ควรส่งเลยก็มี บ้างก็ว่าเกรงฝรั่งจะหนวกหูเลยใม่มากินเลี้ยง บ้างว่าส่งลครยายปลื้มไปดีกว่า บ้างก็ว่าถ้าใม่มีการเล่นเกรงจะขายอาหารแลกาแฟได้ใม่ดี บ้างคิดให้ส่งแคนวง เจ้าฟ้ากรมขุนนริศราใม่ทรงเห็นด้วยโดยเสียราชการทางนี้เป็นคนแตรวงสำคัญทั้งนั้น แลเกรงจะขาดทุนใม่เชื่อว่าจะมีผลอย่างพระยาสุริยากล่าว พูดกันวกวนอยู่ช้านาน ในที่สุดตกลงให้บอกพระยาสุริยาว่า เราใม่สามารถจะจัดมโหรีหญิงไปได้ แลแม้จะส่งแคนวงผู้ชายก็เกรงจะขาดทุน ให้จัดเป็นที่เลี้ยงอาหารตามความคิด ทั้งที่มุขก็จัดเลี้ยงกาแฟด้วย ถ้าเห็นคนจะใม่ติด ก็ให้คิดหาฝรั่งดนตรีมาเล่น ถ้าสมควรจะส่งโน๊ตเพลงไทยออกไป และเกณฑ์ให้แต่งตัวเป็นไทยก็จะดีกว่าส่งคนออกไป ถ้าจัดใม่ได้ แลถ้าใม่มีมโหรีแล้วการเลี้ยงจะใม่คุ้มทุนจะกลับจัดเป็นป่าไม้และการเภาะปลูก ก็ขอให้บอกมาจะได้คิดต่อไป (กรมหมื่นนราธิปฯ เลขานุการ เป็นผู้จดหมายเหตุ)..."


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 18 ต.ค. 10, 14:53
๔ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๑๗  


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 18 ต.ค. 10, 15:29
เวลาเดียวกัน นายบุศย์ (ซึ่งดำรงตำแหน่ง เจ้าหมื่นไวยวรนารถ) บุตรชายคนหนึ่งของเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล) ได้เปิดตัวโรงละครใหม่ขึ้นอย่างใหญ่โตมโหฬาร ซึ่งทำให้มีหนี้สินมากมาย เป็นเหตุให้ตัดสินใจขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตไปแสดงละครยังต่างประเทศ ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าว่า ถ้าจะนำคณะละครไปแสดงก็ต้องถอดยศ หรือ ลาออกจากการเป็นเจ้าหมื่นเสียก่อนจะไปทั้งตำแหน่งไม่ได้ต้องไปในฐานะนายบุศย์ ประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ดังปรากฏเอกสารแจ้งความลาออกของนายบุศย์ จากราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๑๗ หน้า ๑๕๖ วันที่ ๙ กรกฏาคม ๑๑๙


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 18 ต.ค. 10, 15:50
ในที่สุด นายบุศย์ ได้นำคณะซึ่งประกอบด้วยสมาชิกทั้งสิ้น ๓๕ คน เป็นผู้หญิงถึง ๒๓ คน ที่มีผู้หญิงมากเป็นเพราะต้องแสดงเป็นตัวนาง ตัวละคร และนางรำ ส่วนผู้ชายมีเพียง ๑๒ คนมีหน้าที่คือเล่นดนตรีไทย เครื่องดนตรีประกอบด้วย ระนาด ปี่ ขลุ่ย แคน กลอง ฉิ่ง ฉาบ และอื่นๆ ไปแสดงมโหรีและดนตรีไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ ณ กรุงปารีส พ.ศ.๒๔๔๓ และอีกหลายประเทศ เช่น รัสเซีย ออสเตรีย เดนมาร์ก ฯลฯ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 18 ต.ค. 10, 15:53
....และคณะละครของนายบุศย์ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้านการบันทึกเสียงของไทย คือ เป็นการบันทึกเสียงที่เก่าแก่ที่สุดของสยาม....
โดย ในขณะที่เปิดการแสดงที่สวนสัตว์แห่งหนึ่งในกรุงเบอร์ลิน ได้มีอาจารย์เอกทางดนตรีชาวเยอรมันชื่อ Dr. Carl Stumpf ลงมืออัดเสียงการบรรเลงเพลงสยามของคณะนายบุศย์ลงกระบอกเสียงชนิดไขผึ้งของเอดิสัน เพื่อศึกษาในเรื่อง "Sonic System and Music of the Siamese" โดยกระบอกเสียงดังกล่าวถูกเก็บรักษาอย่างดียิ่งภายใน "PHONOGRAMM-ARCHIV DES PSYCHOLOG. INSTITUTS DER UNIVERSITAT BERLIN"
ซึ่งพวกเราชาวไทยทุกคน ควรภาคภูมิใจว่ากระบอกเสียงที่บันทึกเพลงไทยเดิมในครั้งนั้น อาทิ เพลงคำหอม ทยอยเขมร และสรรเสริญพระบารมี บรรเลงโดยคณะนายบุศย์มหินทร์ ได้ถูกกำหนดให้เป็นรหัสกระบอกหมายเลข 1 ในระบบการจัดเก็บและอนุรักษ์สื่อทางด้านเสียงของประเทศเยอรมันนี...


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 18 ต.ค. 10, 16:03
...คณะละครนายบุศย์มหินทร ถูกส่งกลับเนื่องจากการแสดงขาดทุนอย่างยับเยิน ไม่มีแม้ค่าเดินทางกลับบ้างก็ว่าหญิงละครบางคนต้องนำชุดละครออกขายฝรั่งเพื่อเป็นค่าเดินทางกลับสยาม บ้างก็ว่าได้รับความช่วยเหลือจากราชฑูตในยุโรป ทั้งนายบุศย์เองเมื่อกลับมาถึงยังโดนหญิงละครภายในคณะฟ้องร้องเรื่องค่าแรงตามสัญญาอีกด้วย
คณะละครนายบุศย์มหินทรกลับถึงสยามราวๆ กลางปี พ.ศ. ๒๔๔๔ โดยอ้างถึงหลักฐานจากหนังสือพิมพ์บางกอกไตมส์ฉบับวันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๔๔ ว่า
"ตั้งแต่กลับมาจากประเทศยูโหรบแล้ว บัดนี้เจ้าหมื่นไวยวรนารถได้ป่วยไป เข้าใจว่าเป็นเพราะเปลี่ยนอากาศ ร่างกายกระทบความร้อนในกรุงเทพฯ เข้า แต่ก็หวังว่าโรคที่ป่วยนั้น ไม่ช้าคงจะหายดีอย่างเดิม"
นายบุศย์ ถึงแก่กรรมเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๔

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก http://www.t-h-a-i-l-a-n-d.org/talkingmachine/boosra_mahin/pluethipol.html
...ที่ให้เราได้ทราบอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สยาม...


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 18 ต.ค. 10, 21:37


ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก http://www.t-h-a-i-l-a-n-d.org/talkingmachine/boosra_mahin/pluethipol.html
...ที่ให้เราได้ทราบอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สยาม...

ต้องขอขอบพระคุณคุณหนูดี๊ดีที่เมตตาบอกที่มาของข้อมูล....ทำให้ได้ความรู้เพิ่มเติมได้สะดวกยิ่งขึ้น
ดังที่เราทราบกันดีว่า...ความรู้จากอินเตอร์เน็ตในโลกไซเบอร์นั้นกว้างลึกมหาศาลประดุจห้วงมหาสมุทร...การจะเข้าถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง...ทั้งง่ายและยาก.....การช่วยสงเคราะห์ระบุที่มาโดยเฉพาะการให้ลิ้งค์หรือระบุURLมาให้.....ทำให้ยากกลายเป็นง่ายและรวดเร็ว..จึงขอขอบพระคุณอีกครั้งมายังทุกๆท่านที่ระบุที่มา......เป็นวิทยาทาน


 ;D ;D ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ต.ค. 10, 09:48
คุณศรีสยามกลับมาแล้วหรือคะ?

เอารูปมาฝาก พร้อมที่มา
http://www.oknation.net/blog/surasakc/2010/03/22/entry-1
บล็อคนี้มีรูปสวยๆหลายรูปด้วยกัน   ถ่ายสมัยรัชกาลที่ 4

รูปนี้น่าจะเป็นด้านหน้าอุโบสถวัดพระแก้ว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ต.ค. 10, 09:54
รูปนี้บรรยายสั้นๆว่า  Ayuthia, Siam.     [1865-1866]
ที่สะดุดตาคือกลุ่มคนในภาพ  คือใครกันนี่ ทำไมแต่งตัวแปลกตาราวกับนักบวชนิกายกรีกออโธดอกซ์
มีนิกายนี้ที่อยุธยาด้วยหรือ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 19 ต.ค. 10, 15:17
หายไปเสียหลายวัน กำลังเป็นทุกข์เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่รักค่ะ
คุณแจ๋วประจำบ้านเธอขอลากลับไปทำนาค่ะ
ตอนนี้บ้านนี้มีแจ๋วคนใหม่ชื่อ ร่วมฤดี ค่ะ เหนื่อยจริง ๆ
และคงมีเวลามาเกาะKey Board ขยับ Mouse น้อยลง

คุณ D:D: เอารูปดี๊ดี(สำนวนลุงSrisiam) จริง ๆ ค่ะ หามาบ่อย ๆ นะคะ จะตามอ่านตามดู

รูปพระ Greek Orthodox สมัยอยุธยาแน่หรือคะ ปีที่ระบุนั่นหาก หากเป็น ค.ศ.ก็เป็นสมัย ร.4 นะคะ

นิกายนี้ มีเฉพาะ รัสเซียหรือเปล่าคะ ใครทราบบ้่าง ประเทศกรีซ นับถือนิกายอะไรคะ โรมันแคททอลิค หรือ กรีกออโทด๊อก

แต่ยอมรับว่าแปลกจริง ๆ ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนิกายนี้ในไทย ดิฉันเคยอ่านพบครั้งแรกในหนังสือ รัสปูตินและเกิดวังปารุสนี่เอง

เจ้าฟ้าจักรพงษ์ ทำพิธีเสกสมรสที่โบสถ์ของนิกายนี้ (หากจำไม่ผิดนะคะ )


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 19 ต.ค. 10, 15:23
นึกแล้วว่าต้องมีคนสับสนเหมือนกัน................จังหวัดอยุธยาคงไม่ได้หมายถึงสมัยอยุธยาเพราะสมัยอยุธยายังไม่มีกล้องถ่ายภาพ
ลุงก็ตกใจเหมือนคุณหลานนั่นแหละ.............

ยังไม่ได้กลับมาครับอาจารย์.............เพียงแวะเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว...............
ยังไม่ครบกำหนดลากิจ........ครับผม

หากไม่ขยับเม้าส์นานเกิน...ระวังนิ้วล็อคเด้อ..อิอิอิอิ

 ;);D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 19 ต.ค. 10, 21:08
ภาพถ่ายมองไปที่อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม งดงามนัก เป็นภาพถ่ายจากอัลบั้มนายทอมสัน ที่เข้ามาในช่วงสำคัญของเมืองไทย คือ ช่วงพระราชพิธีโสกันต์เจ้าฟ้าใหญ่ ซึ่งก็คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ภาพถ่ายพระอูโบสถนี้จะเห็นได้ว่า บันไดเข้าพระอุโบสถสูงชัน ซึ่งมีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ปัจจุบันนี้บันไดช่วงสั้นและยาวกว่านี้ พร้อมทั้งรูปปั้นหญิงฝรั่ง

สำหรับภาพนักบวชที่ระบุว่า ถ่ายที่อยุธยานั้นเป็นการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดครับ ที่จริงผมเคยรู้ว่าเป็นนักบวช ถ่ายที่เมืองตูริน ครับ ไม่ใช่ในอยุธยา


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 20 ต.ค. 10, 07:59
ลุงSrisiam จ๋า
อ้างถึง
หากไม่ขยับเม้าส์นานเกิน...ระวังนิ้วล็อคเด้อ..อิอิอิอิ

นิ้วหนูล๊อคเป็นรูป มะเหงก" แล้วค่ะ

รูปข้างบนนี้ ไม่ทราบถ่ายจากมุมไหนในพระบรมมหาราชวังคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 20 ต.ค. 10, 08:09
ภาพข้างบน  ถ่ายที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ในพระอภิเนาว์นิเวศน์
ซึ่งรื้อลงในสมัยรัชกาลที่ ๕  เพราะทรุดโทรมไปตามกาลเวลา


ในภาพจะเห็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ ประทับใต้ร่มไม้
มีพระเจ้าน้องยาเธอ  ๓ ประทับอยู่ใกล้ๆ กัน
ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นพระองคืเจ้าเกษมสันต์โสภาคย์พระองค์หนึ่ง ทรงยืนอยู่
เจ้านายอีก ๒ พระองค์ที่ทรงนั่งอยู่ด้านหลังนั้น ไม่แน่ใจ เพราะมองเห็นได้ไม่ชัดนัก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 20 ต.ค. 10, 08:46
ขอบคุณค่ะคุณหลวงเล็กคะ

เห็นเสาแบบโรมัน จึงสงสัย เพราะไม่เคยเห็นมีในพระบรมมหาราชวัง

ตั้งแต่เป็นนักเรียน เข้าไปดูพระที่นั่งในวัง ได้ยินคำอธิบายว่า เคยมีพระที่นั่งอนันตสมาคมมาก่อนตรงนั้นตรงนี้

ใครมีรูปพระที่นั่งองค์นี้เต็ม ๆ บ้างคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 20 ต.ค. 10, 09:51
ใช่ครับ คุณ Ruamrudee หมู่พระที่นั่งพระอภิเนาว์นิเวศน์ นั้นก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมยุโรปผสมจีน ครับ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า สยามนั้นยินดีและต้อนรับมีอารยะทัดเทียมกับชาติตะวันตก และส่งผลมายังสถาปัตยกรรมไม่ให้เป็นที่ดูแคลนจากชาวยุโรป ซึ่งราชทูตหลายประเทศล้วนเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีในท้องพระโรงพระที่นั่งอนันตสมาคมหลายครั้ง

ผมมีภาพวาดลายเส้น จากหนังสือการเดินทางของอูโมต์ ชาวฝรั่งเศส ได้ตีพิมพ์ภาพภายในพระที่นั่งพระอภิเนาว์นิเวศน์ไว้ จะเห็นว่าด้านล่างอาคารเป็นใต้ถุน และหน้าต่างบานใหญ่ เหนือหน้าต่างเป็นช่องหน้าต่างให้แสงสว่างเข้าไปตัวอาคาร ซึ่งในขณะนั้นยังใช้ตะเกียงชวาลากันอยู่ เสาทรงโรมันคู่ ผสมลายปูนปั้นงามอย่างลงตัวดีครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 20 ต.ค. 10, 09:58
ภาพมุมสูงซึ่งถ่ายจากหอกลอง มุ่งหน้าพระบรมมหาราชวัง จะเห็นกลุ่มพระที่นั่งพระอภิเนาว์นิเวศน์ ได้ครับ ภาพนี้ถ่ายโดยหลวงอัคนีฯ หรือ ฟรานซิส จิตร ช่างกล้องราชสำนักครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 10, 11:48
ใช่ครับ คุณ Ruamrudee หมู่พระที่นั่งพระอภิเนาว์นิเวศน์ นั้นก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมยุโรปผสมจีน ครับ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า สยามนั้นยินดีและต้อนรับมีอารยะทัดเทียมกับชาติตะวันตก และส่งผลมายังสถาปัตยกรรมไม่ให้เป็นที่ดูแคลนจากชาวยุโรป ซึ่งราชทูตหลายประเทศล้วนเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีในท้องพระโรงพระที่นั่งอนันตสมาคมหลายครั้ง

ผมมีภาพวาดลายเส้น จากหนังสือการเดินทางของอูโมต์ ชาวฝรั่งเศส ได้ตีพิมพ์ภาพภายในพระที่นั่งพระอภิเนาว์นิเวศน์ไว้ จะเห็นว่าด้านล่างอาคารเป็นใต้ถุน และหน้าต่างบานใหญ่ เหนือหน้าต่างเป็นช่องหน้าต่างให้แสงสว่างเข้าไปตัวอาคาร ซึ่งในขณะนั้นยังใช้ตะเกียงชวาลากันอยู่ เสาทรงโรมันคู่ ผสมลายปูนปั้นงามอย่างลงตัวดีครับ

การก่อสร้างที่งามอย่างยิ่งนี้    สยามใช้ช่างก่อสร้างและสถาปนิกที่ไหนในยุคนั้นคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 20 ต.ค. 10, 13:14
ใช่ครับ คุณ Ruamrudee หมู่พระที่นั่งพระอภิเนาว์นิเวศน์ นั้นก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมยุโรปผสมจีน ครับ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า สยามนั้นยินดีและต้อนรับมีอารยะทัดเทียมกับชาติตะวันตก และส่งผลมายังสถาปัตยกรรมไม่ให้เป็นที่ดูแคลนจากชาวยุโรป ซึ่งราชทูตหลายประเทศล้วนเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีในท้องพระโรงพระที่นั่งอนันตสมาคมหลายครั้ง

ผมมีภาพวาดลายเส้น จากหนังสือการเดินทางของอูโมต์ ชาวฝรั่งเศส ได้ตีพิมพ์ภาพภายในพระที่นั่งพระอภิเนาว์นิเวศน์ไว้ จะเห็นว่าด้านล่างอาคารเป็นใต้ถุน และหน้าต่างบานใหญ่ เหนือหน้าต่างเป็นช่องหน้าต่างให้แสงสว่างเข้าไปตัวอาคาร ซึ่งในขณะนั้นยังใช้ตะเกียงชวาลากันอยู่ เสาทรงโรมันคู่ ผสมลายปูนปั้นงามอย่างลงตัวดีครับ

การก่อสร้างที่งามอย่างยิ่งนี้    สยามใช้ช่างก่อสร้างและสถาปนิกที่ไหนในยุคนั้นคะ

หมู่พระอภิเนาว์นิเวศน์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) เป็นแม่กองคุมการก่อสร้างอาคารในพระบรมมหาราชวัง ในพ.ศ. ๒๓๙๖ แต่ได้ถึงแก่พิราลัยเสียก่อน จึงโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นแม่กองสร้างต่อมา และกรมขุนราชสีหวิกรม เจ้ากรมช่างสิบหมู่เป็นนายช่างสร้างต่อมาจนสำเร็จ พระราชทานนามในหมู่พระราชมณเฑียรใหม่นี้ว่า พระอภิเนาว์นิเวศน์ ได้เฉลิมพระราชมณเฑียรเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๐๒ รวมเวลาก่อสร้าง ๖ ปี ได้พระราชทานชื่อพระที่นั่งและหอต่างๆ ให้คล้องจองกันดังนี้ พระที่นั่งไชยชุมพล พระที่นั่งภูวดลทัศไนย พระที่นั่งสุทไธศวรรย์ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระที่นั่งบรมพิมาน พระที่นั่งนงคราญสโมสร พระที่นั่งจันทรทิพโยภาส พระที่นั่งภานุมาศจำรูญ พระที่นั่งมูลมณเฑียร พระที่นั่งเสถียรธรรมปริตร หอราชฤทธิรุ่งโรจน์ หอโภชนลีลา และพระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 20 ต.ค. 10, 14:10
ส่งภาพผัง พระอภิเนาว์นิเวศน์ มาประกอบคำบรรยายของท่าน siamese ค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ต.ค. 10, 21:32
เยี่ยมมาก !


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 21 ต.ค. 10, 08:35
มีภาพมาให้ดูภาพหนึ่ง
สิ่งก่อสร้างที่เห็นโดดเด่นนี้ คือ อะไร
มีประวัติความสำคัญอย่างไร และอยู่ที่ไหน

(ไม่ยากหรอกครับ;D)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ต.ค. 10, 08:43
ตอบคุณหลวงเล็ก

"เดิมเมื่อฝรั่งนิกายโปรเตสแตนท์ถึงแก่กรรมลงต้องได้รับความลำบากมาก ด้วยไม่มีที่ฝังศพเช่นฝ่ายโรมันคาทอลิก เมื่อจะฝังต้องไปอาศัยฝังที่บ้านจีนที่เป็นคนชอบกันบ้าง ดูน่าสังเวชนัก ภายหลังท่านบัตเตอเวิด ผู้สำเร็จราชการเมืองสิงคโปร์ ปีนัง ซึ่งคุ้นเคยกับรัชกาลที่ ๔ มาแต่ก่อน จึงมีหนังสือขอพระราชทานที่มา และที่สุดก็ทรงยินดีอุดหนุนกิจ ได้ทรงซื้อที่พระราชทานให้ตามขอ เป็นจำนวนถึง ๑๐ ชั่ง ทำให้ชาวโปรเตสแตนท์รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นยิ่งนัก"

ภายในสุสานนี้ได้เป็นสถานที่ฝังร่างไร้ชีวิตของฝรั่งหลายเชื้อชาติที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ ซึ่งก็เป็นทั้งพ่อค้า มิชชันนารี และผู้ที่เข้ามารับราชการในประเทศไทย ซึ่งหลายท่านเป็นผู้ที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหมอบรัดเลย์ ชาวอเมริกันผู้บุกเบิกการแพทย์สมัยใหม่และการพิมพ์ ผู้ออกหนังสือพิมพ์ฉบับแรกของเมืองไทย คือบางกอกรีคอร์ดเดอร์ เมื่อ พ.ศ.๒๓๗๘
      
และยังเป็นสถานที่ฝังนายเฮนรี่ อลาบาสเตอร์ ชาวอังกฤษ ต้นสกุลเศวตศิลา ผู้เป็นที่ปรึกษาของรัชกาลที่ ๕ เป็นผู้วางแนวถนนเจริญกรุง ผู้ตกแต่งจัดสวนสราญรมย์ ผู้ริเริ่มงานไปรษณีย์ไทย เป็นผู้สอนวิชาแผนที่ และเป็นผู้จัดการพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของไทยที่หอคองคอเดียอีกด้วย นอกจากนั้นก็ยังเป็นที่ฝังกัปตันจอห์น บุช กัปตันเรือชาวอังกฤษผู้วางรากฐานงานเจ้าท่าในสมัยรัชกาลที่ ๕ ให้มีมาตรฐานสากล จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาวิสูตรสาครดิษฐ์ มีสุสานของตระกูลแมคฟาร์แลนด์ ผู้ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดไทย และเป็นอาจารย์แพทย์รุ่นแรกๆ

 มีสุสานของจอห์น เทเลอร์ โจนส์ ชาวอเมริกันผู้ทำพจนานุกรมแปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษรุ่นแรกๆ ใน พ.ศ.๒๓๘๙ ต้นฉบับยังอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติ แต่ยังไม่เคยตีพิมพ์ และเป็นสถานที่ฝังร่างของนายแฮมิลตัน คิง อัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ ๕-๖ ผู้เก็บหนังสือพิมพ์บางกอกรีคอร์ดเดอร์ฉบับแรกของไทยที่ออกเมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๗-๒๓๘๘ ของหมอบรัดเลย์ไว้ และทายาทของท่านได้นำมามอบไว้ที่สำนักข่าวสารอเมริกัน กรุงเทพฯ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 21 ต.ค. 10, 08:49
ตอบช้ากว่าคุณLuang Lek ครึ่งนาทีเองค่ะ ที่นี่ปัจจุบันสวยและสงบดีค่ะ
ตอนเย็น ๆ น่าไปเดินเล่าป่าช้าวัดดอนด้วนะคะ เดี๋ยวนี้ เขา Jogging กันในป่าช้าแล้ว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 21 ต.ค. 10, 08:50
ดีมาก ไวปานกามนิตหนุ่มจริงๆ :)

งั้นอีกสักภาพละกัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 21 ต.ค. 10, 09:27
แฮ่ะ แฮ่ะ (เสียงหอบค่ะ) มาช้ากว่าท่าน siamese และคุณ Ruamrudee ค่ะ...
แต่ก็ยังทันได้เก็บภาพเศร้าๆ แต่งดงาม เหนือหลุมศพใน "สุสานโปรเตสแตนท์" มาฝากนะคะ.......


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ต.ค. 10, 10:32
ตอบคุณหลวงเล็กครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ต.ค. 10, 11:01
แผนที่หมู่ตำหนักภายในวังสวนสุนันทา ขวามือถนนดาวดวงใน ด้านบนถนนซังฮี้ และสีเหลืองคือบริเวณพระตำหนักของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ต.ค. 10, 11:13
เห็นคุณวิกกี้บอกว่าตำหนักพระราชชายาเจ้าดารารัศมี มี ๓ ชั้น

http://th.wikipedia.org/wiki/ตำหนักพระราชชายา_เจ้าดารารัศมี (http://th.wikipedia.org/wiki/ตำหนักพระราชชายา_เจ้าดารารัศมี)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ต.ค. 10, 11:29
ใช่ครับมี ๓ ชั้น เป็นพระตำหนักเจ้าดารารัศมี ซึ่งตั้งอยู่ในรั้วพระบรมมหาราชวังครับ เหล่าตำหนักเหล่านี้มีด้วยกันหลายแห่งครับ คุณเพ็ญชมพู เช่น หมู่พระตำหนักในสวนสุนันทา, หมู่พระตำหนักที่บางปะอิน ซึ่งทรงพระราชทานปลูกไว้สำหรับเป็นที่ประทับของเจ้านาย เป็นที่ส่วนพระองค์กันครับ ลองหาอ่านในเรื่องเจ้าจอมก๊ก อ. ดูจะพบว่า ทรงมีพระราชอัธยาศัยอันลึกซึ้งในการพระราชที่ดินให้กับเหล่าบรรดาเจ้าจอม เป็นสมบัติติดกายไปเมื่อสิ้นรัชกาลของพระองค์ด้วยครับ ความคิดของล้นเกล้าฯ ลึกซึ้งมากนัก และเจ้านายสามารถปลูกสร้างห้องแถวเก็บกินได้ คือ เรียกว่า มีเงินใช้เมื่อแก่ตัวได้อย่างสบายๆ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 10, 12:25
เชื่อว่าหลายท่านคงจำได้นะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ต.ค. 10, 12:34
พระพุทธเจ้าหลวงพร้อมด้วยสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ พระบรมโอรสาธิราช เสด็จรับแกรนดยุกซาร์เรวิช ณ  ณ  พระราชวังบางปะอิน   พ.ศ. ๒๔๓๔  

คุณเทาชมพูพาไปนอกกรุงเทพฯ อีกแล้ว

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ต.ค. 10, 12:38
จำได้ครับ "พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร" พระราชวังบางปะอิน
เป็นที่รองรับพระราชอาคันตุกะหลายองค์ ก่อนที่จะไฟไหม้และได้ก่อสร้างใหม่เมื่อ ๒๐ ปีมานี้ เป็นอาคารไม้ทาสีเขียวอ่อน แก่ สลับกัน ต่อมาถูกปรับปรุงใหม่หมดทั้งหลัง เพื่อใช้ต้อนรับควีนอะลิซาเบธที่ ๒ แห่งอังกฤษ เมื่อพ.ศ. ๒๕๓๙ ดังนี้อาคารนี้ถูกเปลี่ยนหน้าตามา ๓ หนครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ต.ค. 10, 12:39
ยูเทิร์นกลับมาแล้ว  :D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 ต.ค. 10, 14:49
วังวรดิศ ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ต.ค. 10, 14:58
ปัจจุบัน

พิพิธภัณฑ์วังวรดิศ

(http://www.oursiam.in.th/content/pictures/museum_2_1.jpg)

http://www.prince-damrong.moi.go.th/Varadis.htm


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: pierre ที่ 21 ต.ค. 10, 22:28
ขอถามหน่อยค่ะว่า ภาพนี้เป็นคลองสายไหนในกทม.คะ ??? คนถามก็ไม่รู้จริงๆ
เคบพบภาพนี้ให้รายละเอียดเพียงว่า"คลองแห่งหนึ่งในบางกอก ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ไม่มีหลักฐานว่าเป็นคลองสายไหนแน่ ยังต้องค้นคว้าต่อไป  เข้าใจว่าถ่ายเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5  แสดงความเป็นชุมชนริมน้ำ และลักษณะเรือนไทย เรือไทย"
แฮะๆ อ่านแล้วงงค่ะ เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ เอามาถามบรรดาคณะย่อยหิน (แก๊งค์ลูกน้ำ) ช่วยหาคำตอบให้หน่อยจ้า
(http://)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 22 ต.ค. 10, 00:51
แก๊งค์ลูกน้ำลำดับสุดท้ายมาหาแหล่งช้อนลูกน้ำให้ก่อนเลยครับ  ชุมชนขนาดใหญ่นี้น่าจะเป็นคลองบางหลวงครับ จากแนวหมู่ตึกที่อยู่ด้านขวามือด้านใน น่าที่จะเป็นพริฎิษ แฟคฎอรีของคุณหลวงเล็ก ส่วนเพิงไม้ด้านซ้ายมือ เห็นแนวท่อประปา จะเป็นปั้มน้ำหรือไม่ ก๊กบ้านบน บ้านล่างฟากขะโน้นน่าที่จะมีระบบประปาใช้แล้วครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 22 ต.ค. 10, 07:29
แก๊งค์ลูกน้ำลำดับสุดท้ายมาหาแหล่งช้อนลูกน้ำให้ก่อนเลยครับ  ชุมชนขนาดใหญ่นี้น่าจะเป็นคลองบางหลวงครับ จากแนวหมู่ตึกที่อยู่ด้านขวามือด้านใน น่าที่จะเป็นพริฎิษ แฟคฎอรีของคุณหลวงเล็ก ส่วนเพิงไม้ด้านซ้ายมือ เห็นแนวท่อประปา จะเป็นปั้มน้ำหรือไม่ ก๊กบ้านบน บ้านล่างฟากขะโน้นน่าที่จะมีระบบประปาใช้แล้วครับ

ข้อมูลนี่น่าสนใจมากครับ คุณnatadol  ผมก็มีภาพนี้แบบความละเอียดสูง ซึ่งคิดว่าจะลงถามแต่แกะรอยไม่ได้กันแหงๆ เห็นคุณ pierre นำลงมาเลยน้ำลายหก ถึงปานกลาง ;D 

ขอขยายเพิงไม้ด้านซ้ายมือ อยากจะเห็นแนวท่อประปา ยังมองไม่เห็น  ::) แต่หมู่อาคารนี้น่าสนใจมาก ขอรายละเอียดเพิ่มได้ไหมครับว่า ทำแฟคตอรี อะไรกัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 22 ต.ค. 10, 13:47
ภาพ 1416 เป็นภาพริมคลองบางหลวง ย่านตลาดพลูค่ะ ภาพมาจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติค่ะ แต่ยังตามรอยไม่พบว่า ถ่ายจากมุมไหน จึงเห็นอาคารดังในรูปค่ะ

ตลาดพลู     เป็นย่านชุมชนริมน้ำที่มีชื่อเสียงโด่งดังย่านหนึ่งของฝั่งธนบุรีมา
ตั้งแต่อดีต  โดยเฉพาะความมีชื่อเสียงด้านการเป็นแหล่งผลิตและแหล่งรวม
สินค้าหมาก- พลู เพื่อรองรับการบริโภคของผู้คนทั้งในกรุงเทพ ฯ ต่างจังหวัด จน
ถึงต่างประเทศ อาทิ อินเดีย ตะวันออกกลาง เป็นต้น  กิจกรรมดังกล่าวจึงเป็นที่
มาของนามสถานแห่งนี้     นอกจากนี้ ตลาดพลูยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคม
ทางน้ำและทางบก   ทั้งยังเป็นเสมือนหนึ่งห้องครัวหลักของฝั่งธนบุรี โดยทำ
หน้าที่เป็นศูนย์รวม และกระจายสินค้าเกษตรและอาหารทะเล  ตลอดจนเป็นแหล่ง
บันเทิงยามค่ำคืน (โรงบ่อน โรงน้ำชา โรงยาฝิ่น)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 23 ต.ค. 10, 00:06
ภาพที่คุณร่วมฤดีเห็นน่าจะมีอยู่สองภาพนะครับ มาลองดูกัน      (บน) คลองบางกอกใหญ่ บริเวณตลาดพลูจะเลี้ยวไปคลองด่านและคลองภาษีเจริญ     (ล่าง) คลองบางกอกใหญ่ ทั้ง 2 รูปนี้พิมพ์อยู่ในหนังสือกรุงเทพฯ มาจากไหน? ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ (สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2548 ส่วนปั้มน้ำที่คุณsiamese ถาม จะอยู่ที่ภาพล่าง ด้านตรงข้ามแพ เป็นเพิงเล็กๆ จะเห็นแป๊ปน้ำโผล่มาเป็นข้อ งอๆ และมีท่อน้ำลากตรงมาลงที่คลองที่มีไม้ไผ่พาดอยู่ เป็นไปได้ไหมครับ ว่าแพที่เห็น จะมีของ ฟรานซิส จิตร อยู่ด้วย ส่วนเรื่องพรีฎิษ แฟคฎอรี่ ของคุณหลวงเล็กมีอยู่ในเรือนไทย นี่เองครับ ลองอ่านดูนะครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 23 ต.ค. 10, 09:26
ภาพที่คุณร่วมฤดีเห็นน่าจะมีอยู่สองภาพนะครับ มาลองดูกัน      (บน) คลองบางกอกใหญ่ บริเวณตลาดพลูจะเลี้ยวไปคลองด่านและคลองภาษีเจริญ     (ล่าง) คลองบางกอกใหญ่ ทั้ง 2 รูปนี้พิมพ์อยู่ในหนังสือกรุงเทพฯ มาจากไหน? ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ (สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2548 ส่วนปั้มน้ำที่คุณsiamese ถาม จะอยู่ที่ภาพล่าง ด้านตรงข้ามแพ เป็นเพิงเล็กๆ จะเห็นแป๊ปน้ำโผล่มาเป็นข้อ งอๆ และมีท่อน้ำลากตรงมาลงที่คลองที่มีไม้ไผ่พาดอยู่ เป็นไปได้ไหมครับ ว่าแพที่เห็น จะมีของ ฟรานซิส จิตร อยู่ด้วย ส่วนเรื่องพรีฎิษ แฟคฎอรี่ ของคุณหลวงเล็กมีอยู่ในเรือนไทย นี่เองครับ ลองอ่านดูนะครับ

คงเป็นภาพท่อน้ำนี้ใช่ไหมครับผม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 23 ต.ค. 10, 15:35
เป็นส่วนหนึงครับ คุณsiamese ตัวปั้มน่าจะอยู่ในเพิง ครับ ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 23 ต.ค. 10, 16:52
คุณ Natadol เก่งมากนะคะ ที่ดูภาพออกว่าเป็นปั๊มน้ำค่ะ ดิฉันมองอะไรไม่รู้เรื่องเลย

ทำไมถึงคิดว่า เป็นปั๊มน้ำได้คะ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 23 ต.ค. 10, 17:08
ไม่ได้เก่งหรอกครับ เดาล้วนๆ แต่ความน่าจะเป็น ในเพิง หากขยายภาพแล้วจะเห็นท่อแป๊ปน้ำ และมีข้องอ ยื่นอยู่ 2 อัน  อาจจะเป็นกิ่งไม้หรือไม้ไผ่ก็ได้ครับ แต่กิ่งไม้หรือไม้ไผ่จะไม่ตรงเท่ากับแป๊ปน้ำ  ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ต.ค. 10, 02:50
คุณ ณัฐดลและคุณหนุ่มสยาม เก่งจริงๆที่ดูออกว่าเป็นท่อน้ำ
ดิฉันซูมภาพเสียเต็มจอ ก็ยังแยกไม่ออกระหว่างไม้ไผ่กับท่อน้ำอยู่ดีละค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ต.ค. 10, 09:57
วิดีโอ รำไทยในค.ศ. 1929 (รัชกาลที่ 7) น่าจะเป็นรามสูรกับเมขลา
ตอนท้าย จะเห็นแฟชั่นหญิงไทยในสมัยนั้นด้วย

http://www.youtube.com/watch?v=Wns0IZKDeMw&feature=player_embedded#!


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ต.ค. 10, 10:01
กรุงเทพ สมัยรัชกาลที่ ๔

http://www.youtube.com/watch?v=eVUxF7lRs-4&feature=related


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 24 ต.ค. 10, 20:59
คนที่เอาภาพนิ่ง หลาย ๆ ภาพ ในสมัย ร.4 มาต่อกันได้กลมกลืนนี้เก่งจังนะคะ

และที่น่าทึ่งมากคือ บ้านเมืองไทยสมัยนั้น เจริญกว่าที่ดิฉันเคยวาดภาพไว้

อีกทั้ง ช่วยให้นึกบรรยากาศในวันที่แหม่มแอนนาเดินทางมาถึงได้ว่าเธอจะรู้สึกเช่นไร



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 24 ต.ค. 10, 22:31
ใช่ครับ กรุงเทพของเรานั้น งดงามและเจริญมาตั้งแต่อดีตแล้ว เพียงแต่ขาดเทคโนโลยีอันทันสมัย แต่ตึกรามบ้านช่อง สิ่งก่อสร้างล้วนเจริญมาก จะให้ดูภาพโคมไฟสองกิ่ง หน้าประตูเทวาพิทักษ์ คลาสสิกไหมครับ ภาพนี้ถ่ายสมัยรัชกาลที่ ๕ นะครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ต.ค. 10, 22:58
พิธีเปิดสะพานพุทธ เมื่อกรุงเทพอายุครบ๑๕๐ ปี
วิดีโอนี้บันทึกภาพมุมหนึ่งของกรุงเทพและแม่น้ำเจ้าพระยา    การแต่งกายของผู้คน  ถนนหนทาง เรือฯลฯ
เป็นกรุงเทพยุคเดียวกับที่คุณหลวงนฤบาลบันเทิง   พระยาพลวัต  วิมล  วิสูตร ศุภลักษณ์  ม.ร.ว.กีรติ และนพพร  อาศัยอยู่

http://www.youtube.com/watch?v=L73f4ciyyXo&feature=related


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ต.ค. 10, 23:23
พาย้อนกลับไปดูกรุงเทพ  ประมาณรัชกาลที่ ๗ หรือหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง  ดูจากการแต่งกายของผู้คน

http://www.youtube.com/watch?v=Ekb28WoX0GY&feature=related


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ต.ค. 10, 23:31
http://www.youtube.com/watch?v=jrjwZPJIwUA&feature=related

เข้าใจว่าถ่ายในรัชกาลที่ ๖   เห็นภาพมหาดเล็กหุ้มแพร แต่งตัวแบบสมัยรัชกาลที่ ๖
มีขบวนแห่อยู่ท้ายๆ   ตรงนาทีที่ 1.51  ดิฉันคร็อพรูปมาลง
บุคคลที่ประทับอยู่บนเสลี่ยง  คือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ หรือเปล่าคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 25 ต.ค. 10, 01:10
หากเป็น รัชกาลที่6 อาจเป็นตอนประกอบพระราชพิธีหรือเปล่าครับ เพราะ เศวตฉัตรที่เห็นเพียงแค่7ชั้น          พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เป็นฉัตร 9 ชั้น สำหรับพระมหากษัตริย์ที่ทรงรับพระราชพิธีบรมราชภิเษกตามโบราณราชประเพณีแล้ว ฉัตรแบบนี้เรียกโดยย่อว่า "พระมหาเศวตฉัตร"
สัปตปฎลเศวตฉัตร เป็นฉัตร 7 ชั้น ซึ่งมีลักษณะอื่น ๆ เหมือนพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร สำหรับพระมหากษัตริย์ที่ยังมิได้ทรงรับพระบรมราชาภิเษก พระอัครมเหสี สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระยุพราช และสมเด็จพระบรมราชกุมารี โดยหากใช้กับสมเด็จพระบรมราชชนนี หรือสมเด็จพระอัครมเหสี จะเรียกชื่อว่า "สัปตปฎลเศวตฉัตร" หรือ "พระเศวตฉัตร 7 ชั้น" แต่ถ้าใช้กับสมเด็จพระยุพราช จะเรียกว่า "พระบวรเศวตฉัตร"
 จากวิถีพีเดียครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 25 ต.ค. 10, 10:21
มาลงชื่อ ขอตามขบวนชมตึกคณะอักษรศาสตร์ด้วยคนครับ เรียนอยู่คณะข้างๆกันก็หลายปี แต่ไม่เคยได้เข้าไปจีบ... เอ๊ยไปชมคณะอักษรฯ สักทีครับ

พูดถึงตึกเรียน ทำให้ผมนึกถึงของเก่าอย่างหนึ่งที่เคยเห็นในคณะ

ผมไม่แน่ใจว่าตึก ๓ คณะวิศวฯ สร้างตั้งแต่เมื่อใด สมัยเรียนอยู่มีการต่อเติมชั้น ๔ ขึ้นไป แล้วลือกันว่าทำได้สบายมากเพราะตึกนี้สร้างไว้เผื่อการทิ้งระเบิดตั้งแต่สมัยสงครามโลก คนออกแบบเผื่อ safety factor ไว้ถือ 50 เท่า ตอนฟังก็เฉยๆ แต่มานึกย้อนหลังเห็นว่าจะโม้เสียมากกว่า และตึกนี้จะเก่าแค่ไหน เห็นทีคงต้องให้รุ่นพี่เก่าแก่อย่างคุณมานิตมาช่วยเฉลยครับ ตึก ๑ ตึก ๒ นั้นผมไม่ติดใจอะไร แน่ใจว่าต้องเป็นตึกเก่าก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ แน่นอนครับ

ตอนผมเรียน ห้องทะเบียนคณะจะอยู่ชั้นล่างของตึก ๓ ใกล้ๆกับห้องประชุม หน้าห้องมีเครื่องเหล็กชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ หนักมากขนาดยกไม่ขึ้น หน้าตาเหมือนมอเตอร์ตัวย่อมๆ และมีมือจับสำหรับหมุน มันคือหวอเตือนภัยสมัยสงครามโลกครับ

ผมเคยมือบอน ทดลองหมุนดูพอเบาะๆ พบว่าให้เสียงโหยหวนดีทีเดียว ตัวแกนนั้นหนักมาก เมื่อหมุนแล้วจึงสะสมทอร์คไว้มากพอจะทำให้เสียงหวอนั้นดังต่อเนื่องได้อีกนานเป็นครึ่งนาทีหลังจาปล่อยมือแล้ว ถ้าหมุนเต็มที เสียงหวอคงจะค้างได้นานกว่านี้อีกมากครับ

เมื่อผมเข้าไปที่คณะเมื่อคราวน้องสาวลูกคุณอารับปริญญาเมื่อปีที่แล้ว ไม่มีเครื่องนี้อยู่หน้าห้องทะเบียนอีกแล้ว ถามน้องๆนิสิต ก็ไม่เคยเห็นและไม่ทราบว่ามีของอย่างนี้อยู่ด้วยครับ

หวังว่าคงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่ใดสักแห่งนะครับ อย่าได้ถูกขายเป็นเศษเหล็กเลย

ขออนุญาตคั่นโฆษณาหน่อยครับ ... ยาหม่อง ยาลม ยาดม โอเล่ โบตัน ...

กลับมาเริ่มต้นกับกระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่ไปเร็วมากๆ จนตามไม่ทัน

คุณ CraZyHorse ถูกใครอำมาเหรอครับเรื่องตึก ๓ ผมแนะนำให้แอบถามท่านอาจารย์เทาชมพูดูก่อนจะดีกว่า ว่าท่านอาจารย์กับตึก ๓ ใครเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้อง แต่พอจะประมาณได้ว่ารุ่นใกล้ๆ กัน
แต่เรื่องที่ว่าออกแบบให้ SF ตั้ง ๕๐ เรื่องนี้จริงหรือไม่ คงต้องสอบถามกับท่านศาสตราจารย์อรุณ ชัยเสรีครับ เพราะท่านเป็นวิศวกรโครงสร้างผู้ออกแบบร่วมกับท่านศาสตราจารย์ชัย มุกตพันธ์ อาจารย์ของท่าน ซึ่งเป็นวิศวกรฐานรากด้วย

สิ่งที่พิเศษของตึก ๓ นี้ ถ้าใครไม่สังเกตจะไม่ทราบเลยว่า ตึก ๓ นี่ เป็นอาคารสองอาคารมาชนกัน ไม่ใช่เป็นอาคารหลังเดียวตลอดความยาว รอยต่อของอาคารอยู่ตรงแนวอาคารตรงบันไดหลังหอประชุมฯ
จำได้ว่าท่านอาจารย์อรุณฯ ท่านบอกไว้ว่าที่ต้องออกแบบเป็นสองอาคารเพื่อป้องกันการทรุดตัวที่ไม่เท่ากันของอาคาร เนื่องจากลักษณะยึกยักของตัวอาคารเอง

สมัยนั้น คุณ CraZyHorse เดินข้ามรอยต่อนี้แทบทุกวัน เคยสังเกตบ้างไหมครับ อาจจะคิดว่าตึกมันร้าวน่ะ ...

โฆษณาอันดับต่อไป ... ตัดมาจากพันทิป ... เอาไว้เช็ควัยของผู้เข้าชม ...








กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 25 ต.ค. 10, 10:45
ขอฝากภาพนี้สักภาพให้ช่วยพิจารณาและตอบคำถามให้ผมหน่อยนะครับ

ผมเกิดและโตที่ข้างโรงพยาบาลศิริราช สมัยเด็ก โรงเรียนที่เรียนก็อยู่ในตรอกวังหลัง ใกล้ๆ กับโรงเรียนสุภัทรา และจำอะไรได้หลายๆ อย่างของศิริราช
แต่มีเรื่องเดียวที่ผมกลับจำไม่ได้ คือ ถังจ่ายน้ำประปาในโรงพยาบาล (ทางซ้ายมือของภาพ) ผมจำได้ว่าผมไม่เคยเห็นถังนี้เลย

ใครจำได้ กรุณาบอกด้วยครับว่าอยู่ตรงไหน

เรือที่จอดเป็นแถวนั่น สมัยนั้นเรียกว่าเรือเผาหัว จะเป็นเครื่องดีเซลหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่กว่าจะออกเรือได้ต้องให้เครื่องมันร้อนก่อน
สมัยเด็กๆ จะมีท่าเรืออยู่ใกล้ๆ โรงเรียนท่าหนึ่ง เรียกว่า "ท่าคุณโกย หรือ ท่ายายโกย" ใช้เรือแบบนี้รับผู้โดยสารข้ามฟากไปท่ามหาราช
ค่าเรือ ๒๐ สตางค์ ขณะที่เรือของท่าสุภัทรา ๒๕ สตางค์ บางคนก็เอาเงินทอน ๕ สตางค์ บางคนก็ให้สลึงหนึ่งไปเลยไม่ต้องทอน
การจ่ายค่าเรือ ก็คือผู้โดยสารวางสตางค์ค่าเรื่อไว้ที่ที่นั่งนั่นแหละ ใครจะเอาตังค์ทอนก็หยิบกันเอง บางคนก็ไม่จ่ายค่าเรือ แกก็ไม่ว่าอะไร (คงจะไม่รู้มากกว่า)
พอเรือว่างจากผู้โดยสาร คุณยายโกย แกก็จะปีนจากที่นั่งขับ มาเก็บสตังค์ค่าเรือที่คนข้ามวางไว้กับที่นั่งบนเรือสักครั้งหนึ่ง
ตอนนี้ตรงท่าเรือคุณโกยกลายเป็นแมนชั่นริมน้ำไปแล้ว




กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 25 ต.ค. 10, 11:06
พระบรมรูปที่ท่านอาจารย์เทาชมพูครอบมาให้ชมกันนั้น  ยืนยันได้ว่าเป็น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องเต็มยศขาวจอมพลทหารบก  ประทับเหนือพระราชยานเสด็จพระราชดำเนินเป็นกระบวนพยุหยาตรา  ดูจากการแต่งกายของผู้เข้าร่วมขบวนที่มีทั้งทหารรักษาวัง  และทหารรักษาพระองค์ที่สวมหมวกเฮลเม็ตทรงเตี้ย (หมวกกะโล่) ซึ่งเริ่มใช้เมื่อปี ๒๔๕๕ แล้ว  ยืนยันได้ว่า ภาพนี้มิไม่ได้ถ่ายในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกทั้ง บรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียร ๒๔๕๓ และบรมราชาภิเษกสมโภช ๒๔๕๔  ส่วนฉัตรที่เห็นเป็น ๗ ชั้นนั้นเป็นเครื่องสูง ๗ ชั้นที่ใช้ในกระบวนพยุหยาตรา  ในภาพนั้นมีนายทหารตั้งแถวรอรับเสด็จอยู่ที่สนามหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม  จึงพอจะสันนิษฐานได้ว่า เป็นการเสด็จพระราชดำเนินไปวัดพระศรีรัตนศาสดารามคราวเสด็จพระราชดำเนินไปในวันครบรอบปีที่สยามประกาศสงครามกับเยอรมันและออสเตรีย - ฮังการี  และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์รามาธิบดี  เมื่อวันที่  ๒๓  กรกฎาคม  ๒๔๖๒ 


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 25 ต.ค. 10, 11:56
เรียนลุงไก่

ผมได้ภาพถังน้ำประปาได้ ๑ ถังแล้วครับ ไว้จะพยายามหาต่อไป ภาพนี้เป็นถังน้ำประปา เขตกองทัพเรือ ส่วนถังน้ำประปาเขตโรงพยาบาลศิริราช จะพยายาม หาต่อไป


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 25 ต.ค. 10, 15:27
ได้แล้วครับคุณลุงไก่

จากภาพที่คุณลุงแนบมานั้นเป็นภาพกลับ ครับ เมื่อได้ทำการจัดกลับด้านใหม่แล้ว จะเห็นว่าถังน้ำประปานั้นตั้งอยู่บริเวณระหว่างพื้นที่โรงพยาบาลศิริราชและพื้นที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย ซึ่งพื้นที่จะถูกคั่นด้วยคลองเล็กๆ (ปัจจจุบันได้ถูกถมเรียบร้อยแล้ว) ซึ่งก็ริมคลองนี้เอง ควรจะเป็นที่ตั้งของสถานีสูบน้ำเพื่อเก็บไว้ในถังสูงดังกล่าว ซึ่งอยู่ในพื้นที่โรงพยาบาลศิริราช  สำหรับถังน้ำในสถานีบางกอกน้อยก็มีครับ แต่อยู่ริมคลองบางกอกน้อยเลย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 25 ต.ค. 10, 15:57
ขออนุญาตคั่นโฆษณาหน่อยครับ ... ยาหม่อง ยาลม ยาดม โอเล่ โบตัน ...

กลับมาเริ่มต้นกับกระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่ไปเร็วมากๆ จนตามไม่ทัน

คุณ CraZyHorse ถูกใครอำมาเหรอครับเรื่องตึก ๓ ผมแนะนำให้แอบถามท่านอาจารย์เทาชมพูดูก่อนจะดีกว่า ว่าท่านอาจารย์กับตึก ๓ ใครเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้อง แต่พอจะประมาณได้ว่ารุ่นใกล้ๆ กัน
แต่เรื่องที่ว่าออกแบบให้ SF ตั้ง ๕๐ เรื่องนี้จริงหรือไม่ คงต้องสอบถามกับท่านศาสตราจารย์อรุณ ชัยเสรีครับ เพราะท่านเป็นวิศวกรโครงสร้างผู้ออกแบบร่วมกับท่านศาสตราจารย์ชัย มุกตพันธ์ อาจารย์ของท่าน ซึ่งเป็นวิศวกรฐานรากด้วย

สิ่งที่พิเศษของตึก ๓ นี้ ถ้าใครไม่สังเกตจะไม่ทราบเลยว่า ตึก ๓ นี่ เป็นอาคารสองอาคารมาชนกัน ไม่ใช่เป็นอาคารหลังเดียวตลอดความยาว รอยต่อของอาคารอยู่ตรงแนวอาคารตรงบันไดหลังหอประชุมฯ
จำได้ว่าท่านอาจารย์อรุณฯ ท่านบอกไว้ว่าที่ต้องออกแบบเป็นสองอาคารเพื่อป้องกันการทรุดตัวที่ไม่เท่ากันของอาคาร เนื่องจากลักษณะยึกยักของตัวอาคารเอง

สมัยนั้น คุณ CraZyHorse เดินข้ามรอยต่อนี้แทบทุกวัน เคยสังเกตบ้างไหมครับ อาจจะคิดว่าตึกมันร้าวน่ะ ...

โฆษณาอันดับต่อไป ... ตัดมาจากพันทิป ... เอาไว้เช็ควัยของผู้เข้าชม ...

ขอบพระคุณคุณลุงไก่ที่ช่วยไขข้อข้องใจให้ครับ ผมยังจำตำแหน่งที่ตึกมาต่อกันได้อยู่ครับ ล่าสุดคุ้นๆว่าจะมีคิออสก์ทรูคอฟฟี่ไปตั้งอยู่ตรงนั้นให้ศิษย์เก่าที่ได้เข้าไปเห็นพิศวงงงงวยเล่นๆเสียอย่างนั้น

ส่วนเทียมมี่ ตอนผมเป็นเฟรชชี่ เทียมมี่ต้องหิ้วถังใส่ผลไม้แทนครับ นัยว่าช่วงนั้นเขาเข้มงวดเป็นพิเศษครับ ปัจจุบันไม่ทราบเป็นอย่างไรแล้ว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 25 ต.ค. 10, 16:28
ไม่เคยเฉลียวใจเลยว่าภาพนี้กลับด้าน แต่รู้สึกแปลกตาตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมตำแหน่งท่าเรือท่าพระจันทร์ ถึงเข้าไปอยู่ในพื้นที่ธรรมศาสตร์

คุณ siamese ใช้ความพยายามและวิเคระห์ภาพได้เก่งมากเลยครับ ขอใช้เวลาระลึกถึงตรงนั้นสักพัก คงจะคิดออก ส่วนภาพหอถังน้ำที่คุณแนบมานั้นอยูในพื้นที่ของกองทัพเรือ ปัจจุบันเรียกว่าอะไรไม่ทราบแล้ว แต่สมัยก่อนเป็นโรงพยาบาลทหารเรือครับ

ขอเพิ่มเติมในภาพที่แนบมานะครับ เท่าที่จำได้ที่คุณหมายเหตุในภาพว่า แนวคลองที่ถมแล้ว เท่าที่ผมจำได้ ไม่มีคลองครับ เป็นแค่แนวกำแพงระหว่างโรงพยาบาลกับพื้นที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย กับมีอาคารสองชั้นของสถานีตำรวจรถไฟ กับต้นโพธิ์ต้นใหญ่อยู่ข้างๆ

สำหรับถังน้ำหน้าโรงจักรรถไฟริมคลองบางกอกน้อยที่คุณกล่าวถึง แถบนั้นแถวหน้าหลวงพ่อโบสถ์น้อย ผมวิ่งเล่นสมัยยังเป็นเด็กครับ ยังพอจำสภาพเดิมได้ แต่เทียบกับสภาพปัจจุบันแล้วเสียดายมากๆ กับการปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่ที่อิงธุรกิจเป็นหลัก

หอถังจ่ายน้ำประปาใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่เหมือนกับที่ประปาแม้นศรี เท่าที่ทราบและยังเห็นอยู่ ก็มีที่ดาวคะนอง พระโขนง คงจะยังมีที่อื่นอีกนะครับ




กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 25 ต.ค. 10, 16:39
กับภาพนี้ ที่ทุกเวปที่นำภาพมาลงจะบอกว่าเป็นคลองบางกอกน้อย ซึ่งผมว่าไม่ใช่คลองบางกอกน้อยแน่นอน แต่จะเป็นคลองไหนนี่ไม่ทราบครับ ยังค้นไม่พบ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: tooclor ที่ 26 ต.ค. 10, 14:12
 ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 26 ต.ค. 10, 15:27
ยังตอบภาพ คุณลุงไก่ไม่ได้ค่ะ...
แต่มีภาพมาเรียนถามค่ะ
ปกติทราบมาว่าสตรีชาววังจะสำรวมกิริยามารยาท ลุกนั่งเดินต้องชดช้อยงดงาม
ภาพนี้น่าจะมีเจ้านายผู้ใหญ่ประทับอยู่ด้วย
แต่ทำไมมีบางท่าน นอนท่าไม่งาม อยู่บนสนามด้วยคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 26 ต.ค. 10, 19:43
คุณ :D :D ตั้งคำถามแบบนี้ คงจะตอบลำบาก ก็คงจะเพียงอ้อมๆ แอ้มๆ เอาตัวรอดไปสักคราหนึ่ง ในเขตพระราชฐานชั้นในที่ห้ามพนักงานชายเข้า แล้วกระผมจะทราบได้อย่างไรเล่าครับ

ขอเดาแล้วกันว่า คุณสตรีที่นอนท่าเอกเขนกอยู่นั้น อาจจะเป็นแม่ช้อย หลานคุณสาย หลบออกมาจากตำหนักเสด็จ มังครับ





กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 26 ต.ค. 10, 19:59
เรียนคุณ :D :D
ภาพเหล่านี้ถ่ายจากสวนศิวาลัย ในพระบรมมหาราชวัง เป็นบริเวณต่อจากสวนเต่า ซึ่งเป็นที่ผ่อนคลายพระอริยาบทและกิจการค่างๆ และคลายความแออัดภายในพระบรมมหาราชวัง เจ้านายเหล่านี้ทรงพระเกษมสำราญส่วนพระองค์ ช่างกล้องที่ถ่ายก็เป็นเจ้านายชั้นสูง ภาพเหล่านี้มีด้วยกันหลายภาพ เป็นภาพส่วนพระองค์ และเป็นภาพนอนหงายเท่านั้น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 26 ต.ค. 10, 20:51
คุณ siamese มาช่วยกู้หน้าลุงไก่ไว้ทัน จากคำสงสัยของคุณ D D

ขอบคุณ คุณ siamese ด้วยภาพโรงซ่อมหัวรถจักรสถานีรถไฟบางกอกน้อย ก่อนที่โกโบริจะมาพบรักกับอังศุมาลิน และก่อนที่เครื่องบินสัมพันธมิตรจะมาทิ้งระเบิดครับ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 26 ต.ค. 10, 21:15
ขอบคุณครับลุงไก่ สำหรับภาพโรงซ่อมสถานีรถไฟบางกอกน้อย ซึ่งสถานีรถไฟในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้เป็นที่ตั้งกองกำลังของกองทัพญี่ปุ่น เพื่อขนส่งวัสดุ อุปกรณ์ไปยังด้านตะวันตกและภาคใต้ พื้นที่ดังกล่าวจึงถูกฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดอย่างหนัก ตามภาพครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 26 ต.ค. 10, 21:16
๒๔๙๙ อันธพาลครองเมือง



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 26 ต.ค. 10, 21:25
รถรางผ่านหน้าโรงเรียนเก่าของใครเอ่ย??



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ต.ค. 10, 10:12
ใครนึกหน้าผู้หญิงคนนี้ออกบ้างคะ?



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 27 ต.ค. 10, 10:43
มีใบทะเบียนรถโบราณ มาฝากค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 27 ต.ค. 10, 19:14
ใครนึกหน้าผู้หญิงคนนี้ออกบ้างคะ?



แหม่มแอนนา ใช่ไหมครับผม  ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 28 ต.ค. 10, 09:42
ตอบว่าแหม่มแอนนา ด้วยคนค่ะ

แอนนา ลีโอโนเวนส์ (Anna Leonowens) หรือชื่อจริงว่า แอน แฮเรียต เอ็มม่า เอ็ดเวิร์ด
เดินทางมายังประเทศสยามในสมัยรัชกาลที่ 4 พร้อม หลุยส์ ลูกชายวัย 7 ขวบ
ในฐานะเป็น "พระอาจารย์ฝรั่ง" ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
รับราชการอยู่ 4 ปี 6 เดือน ก็ถวายบังคมลาออกจากหน้าที่เนื่องจากสุขภาพทรุดโทรม
ได้เขียนหนังสือ 2 เล่ม คือ "The English Governess at the Siamese Court"
และ "The Romance of the Harem"


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ต.ค. 10, 10:03
 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 28 ต.ค. 10, 19:08
ใครนึกหน้าผู้หญิงคนนี้ออกบ้างคะ?



เกือบจะตอบว่าแหม่มโคลล์ (Edna Sarah Kole 1878-1923) แห่งโรงเรียนกุลสตรีวังหลังมาจนถึงโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยซะแล้วสิครับ





กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 28 ต.ค. 10, 19:15
มีใบทะเบียนรถโบราณ มาฝากค่ะ

รถรุ่นนี้ใช่ไหมครับ คุณ :D :D ... น่าจะใช่นะ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 28 ต.ค. 10, 23:53
ใครนึกหน้าผู้หญิงคนนี้ออกบ้างคะ?



เกือบจะตอบว่าแหม่มโคลล์ (Edna Sarah Kole 1878-1923) แห่งโรงเรียนกุลสตรีวังหลังมาจนถึงโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยซะแล้วสิครับ





สะกดชื่อผิดครับ ขอแก้ไขเป็น Edna Sarah Cole: 1878-1923 (พ.ศ. ๒๔๒๑ - ๒๔๖๖)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 29 ต.ค. 10, 10:54
ชุดที่แหม่มCole ใส่ สวยเรียบร้อยดีค่ะ คงจะเป็นผ้าฝ้าย และ น่าจะไม่ร้อนนะคะ เธอดูสวยสง่าเสมอ

ลุงไก่คะ รถที่วิ่งได้ด้วยไฟฟ้ามีมานานขนาดนี้เชียวหรือคะ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ต.ค. 10, 11:45
เห็นแล้วนึกถึงผ้ามัสลินค่ะ   เอารูปมาให้ช่วยกันดู

(http://www.oldsacramentolivinghistory.com/museum/Virtual%20Museum/Clothing,%20Victorian%20and%20Civil%20War/1840%20Cotton%20Muslin%20Gown/slides/1840%20Cotton%20Muslin%20Gown.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 29 ต.ค. 10, 12:21
ชุดที่แหม่มCole ใส่ สวยเรียบร้อยดีค่ะ คงจะเป็นผ้าฝ้าย และ น่าจะไม่ร้อนนะคะ เธอดูสวยสง่าเสมอ

ลุงไก่คะ รถที่วิ่งได้ด้วยไฟฟ้ามีมานานขนาดนี้เชียวหรือคะ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ

ภาษาอังกฤษของผมไม่แข็งแรงครับ หาต้นฉบับมาให้อ่านซะเลย

http://en.wikipedia.org/wiki/Electric_car



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 29 ต.ค. 10, 12:32
วิชาการฝีมือสมัยเป็นนักเรียน ก็ใช้ผ้ามัสลินมาปักลายบ้าง ฉลุลายบ้าง ทำได้แต่ผ้าเช็ดหน้าค่ะ

มาเห็นชุดสวยทั้งตัว และ มีลวดลายแทรก ตัวผ้าก็เป็นฝ้าย 100% จึงดูยับย่นบ้างเป็นเสน่ห์ในตัว
เสื้อผ้ายุคนี้สวยหวานทีเดียว ดิฉันชอบอะไร ๆ ที่มีในสมัย รัชกาลที่ 5 มากค่ะ

พระพุทธเจ้าหลวงพระองค์นี้ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีรสนิยมเป็นเลิศ เวลาไปเที่ยววัง เห็นของตกแต่งพระที่นั่งต่าง ๆ ที่สวยหรู มักจะเป็นของในยุค รัชกาลที่ 5

คุณ Siamese ได้ Zoom ให้ดูโคมไฟริมถนน ข้างหน้าพระบรมมหาราชวัง เป็นไฟช่อที่สวยมาก
จนถึงวันนี้ ยังไม่มีผู้ปกครองบ้านเมืองคนใด สามารถแต่งบ้านเมืองให้ดูสวยอย่างมีรสนิยมเช่นนั้นได้อีกเลย

และขอบคุณลุงไก่ค่ะ เอาเรื่องรถวิ่งได้ด้วยไฟฟ้า สร้างโดย Thomas Edison มาให้อ่าน
แต่ คุณ Ford เธอคงไม่สนใจมังคะ ถึงได้มีแต่รถวิ่งได้ด้วยน้ำมันเต็มไปหมด

ในเมืองไทยเวลานี้ มีคนสร้างรถวิ่งด้วยไฟฟ้า ใช้เป็นรถในสนามGolf กันมาก
น่าจะมีการสร้างแบบในรูปของลุงไก่ใช้วิ่งรับส่งแขกโรงแรมบ้างนะคะ
จะให้ดี สร้างเป็นรูปราชรถแบบศิลปะไทยเสียเลย น่าจะประทับใจกว่าตุ๊ก ๆเป็นไหน ๆ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ต.ค. 10, 13:24
มีรูปมาฝากให้ทายอีก ๑ รูปค่ะ
ฝรั่งท่านนี้ ทำคุณประโยชน์ให้สยามเป็นอย่างมาก อีกท่านหนึ่ง   มีใครจำได้บ้างคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 29 ต.ค. 10, 15:09
ใช่ คนนี้ไหมคะ...

ดร. ฟรานซิส บี แซยร์ (Dr. Francis B. Sayre) ชาวอเมริกัน
ที่ปรึกษาต่างประเทศ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยากัลยาณไมตรี

เคยเห็นแต่รูปตอนอายุมากกว่านี้ เลยไม่แน่ใจค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 29 ต.ค. 10, 15:18
คนนี้นั่นรึ   เขาคือ พระอาจวิทยาคม (ยอร์ช บี. แมคฟาร์แลนด์)   8)

อยากรู้ประวัติ อ่านได้ที่นี่
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 29 ต.ค. 10, 15:36
คุณหลวงเล็กเก่งมากค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 ต.ค. 10, 15:42
นี่ครับ ตามด้วย หมอยอร์ช บี. แมคฟาร์แลนด์ กำลังสอนวิชากายวิภาคศาสตร์กับนักศึกษาแพทย์รุ่นที่ ๓ โรงพยาบาลศิริราช ท่านเก่งมากเลยครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 29 ต.ค. 10, 23:54
รูปข้างบนเห็นคนจีนไว้เปียมาเรียนแพทย์ด้วยนะคะ มือถือมีดเสียด้วย

สยามเป็นประเทศที่ใจดีมากนะคะ ชนชาติใดก็มาเจริญรุ่งเรืองที่นี่ได้ด้วยกันทั้งสิ้น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 10, 00:38
ถูกต้องค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 01 พ.ย. 10, 10:10
มีรูปรถไฟฟ้า สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งยังคงใช้อยู่ในรัชกาลปัจจุบันมาฝากค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 01 พ.ย. 10, 11:13
มีรูปรถไฟฟ้า สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งยังคงใช้อยู่ในรัชกาลปัจจุบันมาฝากค่ะ

ที่ยังหาข้อมูลไม่พบ คือเรื่องการประจุไฟเข้าแบตเตอรี่ของรถยนต์สมัยนั้น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 01 พ.ย. 10, 17:25
เรื่องการประจุไฟเข้าแบตเตอรี่ของรถยนต์สมัยนั้น ยังหาไม่พบเหมือนกันค่ะ

ไปได้รายชื่อผู้สร้างสะพานข้ามคลองถนนเจริญกรุง มีรายชื่อคลองและค่าก่อสร้าง
แต่ไม่มีรายชื่อสะพานค่ะ...


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 01 พ.ย. 10, 18:20
สะพานอรไทย ถนนลูกหลวง ข้ามคลองเปรมประชากร สะพานกว้าง ๔ วา ยาวตามถนน ๔ วา สูงแต่พื้นคลองถึงที่วางรอด ๑ วา ๓ ศอก
พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญา ทรงพระศรัทธาสร้าง สิ้นเงิน ๕,๙๐๕ บาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระเจ้าน้องนางเธอฯ เสด็จฯ ทรงเปิดสะพานเมื่อ ๑๗ เมษายน รศ ๑๒๑



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 01 พ.ย. 10, 18:29
สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ ... และได้สร้างนายกรัฐมนตรี ผู้ที่เอ่ยวาทะอมตะไว้ให้แผ่นดิน "ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว"

สะพานมัฆวานเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ (ที่ไม่ใช่เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓)





กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 01 พ.ย. 10, 18:54
นี่ครับ ตามด้วย หมอยอร์ช บี. แมคฟาร์แลนด์ กำลังสอนวิชากายวิภาคศาสตร์กับนักศึกษาแพทย์รุ่นที่ ๓ โรงพยาบาลศิริราช ท่านเก่งมากเลยครับ

นักเรียนแพทย์รุ่นนี้ไม่ต้องสอบ Entrance หรือใช้คะแนน Admission ใช้เวลาเรียน ๓ ปี จะได้รับประกาศนียบัตรแพทย์ (พ.ศ. ๒๔๓๓-๒๔๓๕) รับนักเรียนที่อ่านออกเขียนได้เข้าเรียน ปีแรกยังไม่มีการสอนแพทย์แผนไทย ปีต่อมาจึงสอนแพทย์แผนไทย ใน พ.ศ. ๒๔๔๑ จึงกำหนดรับนักเรียนที่จบประโยค ๒ เข้าเรียน

นักเรียนแพทย์รุ่นนี้มี ๑๕ คน จากเดิมที่สมัครเข้ามาเรียน ๕๐ คน เรียนไปๆ ก็หายไปเรื่อยๆ จนเหลือ ๑๕ คน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 02 พ.ย. 10, 10:13
เป็นน้องใหม่ เข้ามารายงาน
อ่านแล้วสนุกจริง ๆ อยากมีส่วนร่วมบ้าง
ฝากตัวกับผู้อาวุโสทุกท่านด้วยนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 02 พ.ย. 10, 10:40
เรียน อ.เทาชมพู
หนูพยายามใส่ภาพค่ะ แต่ไม่สำเร็จ
ภาพจากกระทู้ สนามหลวงสมัยก่อน ค่ะ  คห.ที่ 87 หน้า 6
นา่นมากแล้ว  ไม่ทราบว่าอาจารย์จะทราบหรือยังคะ ว่าเป็นสถานที่ไหน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 พ.ย. 10, 14:54
เข้ามาช่วยคุณ POJA

ให้คลิกตรง "ตัวเลือกเพิ่มเติม" และไปที่แนบไฟล์ ก็สามารถเลือกไฟล์ภาพที่จะทำการแนบได้ ซึ่งมีไฟล์ภาพอนุญาตได้คือ สกลุ Jpg, Gif, png เท่านั้นครับ ถ้าเป็น bmp ก็ต้องแปลงรูปแบบเสียก่อน และทั้งหมดนี้ไฟล์ห้ามใหญ่เกิน 250 KB ครับ และชื่อไฟล์ควรจะเป็นภาษาอังกฤษก็ยิ่งดีกว่าครับ

ลองทำดูนะครับ เผื่อคุณ POJA อาจจะมีภาพเมืองบางกอก งามๆสวยๆมาให้สมาชิกลูกน้ำ ตาลุกวาวกัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 02 พ.ย. 10, 15:15
ขอบคุณมากค่ะ
ลองใหม่นะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 02 พ.ย. 10, 18:03
มีรูปรถไฟฟ้า สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งยังคงใช้อยู่ในรัชกาลปัจจุบันมาฝากค่ะ

ที่ยังหาข้อมูลไม่พบ คือเรื่องการประจุไฟเข้าแบตเตอรี่ของรถยนต์สมัยนั้น


พบแล้วครับ กับเครื่องประจุไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่รถยนต์ ... ในเมืองไทยสมัยนั้น เครื่องประจุนี้จะตั้งอยู่ทั่วไปเหมือนกับปั๊มน้ำมันสมัยนี้หรือไม่ หรือว่าใครซื้อรถก็ต้องซื้อเครื่องนี้มาติดตั้ที่บ้านด้วยด้วย?

มีชุดแฟชั่นของสาวๆ เมื่อร้อยปีก่อนมาฝากอาจารย์เทาชมพูด้วยครับ .. นึกถึงตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือสมัยนี้เลย



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 02 พ.ย. 10, 18:06
Thomas A. Edison กับรถยนต์ไฟฟ้าของ Bailey ... อ่านจากป้ายโฆษณาหน้ารถน่ะครับ โฆษณาแบตเตอรี่รุ่นใหม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 พ.ย. 10, 19:25
จัดทิศให้ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 03 พ.ย. 10, 08:34
ถูกต้องค่ะ
แต่ที่เขียนไว้ว่าถนนพาหุรัดนั่นไม่ถูกต้องค่ะ
ที่ถูกคือถนนพระพิทักษ์  เป็นถนนเส้นที่สั้นที่สุดในกรุงเทพฯ
สะพานอุบลรัตน์เพิ่งก่อสร้างใหม่ ไม่กี่ปีมานี้  ขยายออกกว้างและจะขยายถนนนี้ด้วย แต่ชาวบ้านไม่ยอม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 03 พ.ย. 10, 13:17
เอาแผนที่มาช่วยกันดูค่ะ..


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 03 พ.ย. 10, 13:50
รูปตึกเปรียบเทียบกับปัจจุบัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 03 พ.ย. 10, 13:58
มาดูบริเวณนี้กันดีกว่าครับ คุณร่วมฤดีน่าจะคุ้นเคย เพราะตั้งอยู่แถวถนนเพลินจิต เป็นภาพยนตร์เสียงศรีกรุง เป็นโรงหนังที่ทันสมัยที่สุด บอกว่าตั้งอยู่ปลายถนนเพลินจิต ปัจจุบันควรอยู่บริเวณไหน ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 03 พ.ย. 10, 14:27
เว็ป http://www.artbangkok.com/detail_page.php?sub_id=448 เล่าไว้ว่า

"ปี ๒๔๗๗ พี่น้องวสุวัตได้เริ่มลงมือก่อสร้างโรงถ่ายภาพยนตร์เสียงอย่างถาวรและทันสมัยใหญ่โตขึ้นที่บริเวณทุ่งนา ชานพระนคร (บริเวณปากซอยอโศก ถนนสุขุมวิท ปัจจุบัน) ซึ่งเวลานั้นเรียกว่า ทุ่งบางกะปิ"

"ปี ๒๔๗๘ การก่อสร้างโรงถ่ายภาพยนตร์เสียงที่ทุ่งบางกะปิ ซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตขนาดใหญ่ ประกอบด้วยโรงถ่ายเก็บเสียง ห้องปฏิบัติการล้างและสำเนาฟิล์ม ห้องปฏิบัติการบันทึกเสียง ห้องตัดต่อ สำนักงานและอาคารบ้านพักสำเร็จลง คณะพี่น้องวสุวัตได้ติดตั้งเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่พวกเขาได้ประดิษฐ์และดัดแปลงกันขึ้นเอง โรงถ่ายนี้เริ่มเปิดกิจการและดำเนินการในรูปบริษัท ชื่อ บริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง จำกัด นับเป็นโรงถ่ายภาพยนตร์เสียงสมบูรณ์แบบแห่งแรกของชาติ"


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 03 พ.ย. 10, 14:40
ภาพบริเวณ ถนนสุขุมวิท ตัดกับถนนอโศก ค่ะ
หลังคาทีเทาๆ ยาวๆ ขนานกัน 2 อันนั้นคือ สถานีรถไฟฟ้าอโศก ค่ะ
ส่วนโรงถ่ายภาพยนตร์เสียงศรีกรุง จะเคยตั้งอยู่ตรงไหน ต้องรอคณะช้อนลูกน้ำมาชี้ตำแหน่งค่ะ.. ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 03 พ.ย. 10, 15:14
http://www.chaiyaprukthailand.com/index.php?option=com_content&view=article&id=283:2010-03-30-14-26-41&catid=58:2010-01-16-05-16-31&Itemid=56
ภาพอาคารสีเหลืองคืออาคารพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
"อาคารพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทยจำลองรูปแบบอาคารและยืมชื่ออาคารโรงถ่ายภาพยนตร์เสียงศรีกรุงมาใช้
ซึ่งของจริงเขาอยู่ที่กลางทุ่งบางกะปิเปิดใช้เมื่อปี 2478 เป็นโรงถ่ายภาพยนตร์เสียงแห่งแรกของไทย
ตอนหลังเคยเปลี่ยนมาเป็นโรงหนังชื่อ ศาลาศรีกรุง
เดี๋ยวนี้ตรงนี้กลายเป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ตรงปากซอยอโศก ถนนสุขุมวิท  ไปแล้ว"


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 03 พ.ย. 10, 15:14
ทราบว่าปัจจุบันนี้พื้นที่ของโรงถ่ายภาพยนตร์เสียงศรีกรุง กลายเป็นสถานีขึ้น-ลงรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสุขุมวิท ตั้งอยู่ในซอยประสานมิตรฝั่งตลาด

ต้องปรบมือดังๆให้คุณสองยิ้ม ดังๆเลยครับ เก่งมากๆ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 03 พ.ย. 10, 15:21
เรียกหนูดีดี เพราะกว่าสองยิ้มนะคะ ดูเหมือนมีสองหน้ายังไงไม่รู้ ฮิฮิ... ;D ;D

สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสุขุมวิท ที่ตรงปากซอยอโศก ถนนสุขุมวิท เป็นตำแหน่งสีขาวๆ ตรงตัวA ในภาพค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 03 พ.ย. 10, 16:38
เรียกหนูดีดี เพราะกว่าสองยิ้มนะคะ ดูเหมือนมีสองหน้ายังไงไม่รู้ ฮิฮิ... ;D ;D

สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสุขุมวิท ที่ตรงปากซอยอโศก ถนนสุขุมวิท เป็นตำแหน่งสีขาวๆ ตรงตัวA ในภาพค่ะ

อยู่ตรงไหนครับ คุณหนูสองดี


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 03 พ.ย. 10, 17:11
ถ้าเป็นถนนอโศก ทางลงสถานีอยู่ตรงที่เป็นหลังคาขาวๆ ใน คห.1489 น่ะค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 05 พ.ย. 10, 15:30
ต้องขอชมเชยคุณ D:D: เป็นอย่างมาก เก่งเหลือเกินที่หาคำตอบยาก ๆ ได้มากมายพร้อมสาระน่ารู้ค่ะ
อ้างถึง
มาดูบริเวณนี้กันดีกว่าครับ คุณร่วมฤดีน่าจะคุ้นเคย เพราะตั้งอยู่แถวถนนเพลินจิต เป็นภาพยนตร์เสียงศรีกรุง เป็นโรงหนังที่ทันสมัยที่สุด บอกว่าตั้งอยู่ปลายถนนเพลินจิต ปัจจุบันควรอยู่บริเวณไหน ?

ดิฉันไม่รู้จักโรงถ่ายศรีกรุงหรอกค่ะ มันเลยบ้านไปด้านที่(สมัยเด็ก ๆ )เปลี่ยว ๆ แต่ที่จำได้แม่น ก็คือ โรงถ่าย หรือบริษัทหนังอะไรที่ชื่อ หนุมานภาพยนต์ เพราะมองลงมาจากตึกเพลินจิตอาเขตก็เห็นภายในโรงถ่ายนั้นได้หมด


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 15 พ.ย. 10, 17:34
มาดึงกระทู้ขึ้นค่ะ เกือบจะตกหน้าแรกแล้ว... ;D
แก๊งช้อนลูกน้ำ และคณะย่อยหิน ไปเพลินอยู่กระทู้ไหนกันหมดค่ะ...
กลับมาเร็ววววว...กลับมาช่วยกันหลอน อาจารย์เทาชมพู กันหน่อยค่ะ

วันนี้มีภาพ หนังสือเดินทาง มาฝากค่ะ
ของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา
ฝากท่านผู้รู้ ช่วยวิเคราะห์ด้วยนะคะว่า ทรงเสด็จประเทศไหน เมื่อไร อย่างไร....
และล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ต้องทรงมีหนังสือเดินทาง หรือไม่คะ
ใครมีภาพช่วยนำมาฝากเป็นบุญตาด้วยนะคะ...


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 15 พ.ย. 10, 18:48
หนังสือเดินทางระบุว่าเดินทางเดือน Septemer 1938 เทียบปีไทย น่าจะเป็นเดือนกันยายน ๒๔๘๑ (ก่อน พ.ศ. ๒๔๘๓ ปีใหมเริ่มเมื่อเดือนเมษายน ดังนั้นอาจะสับสนกับการเปรียบเทียบปีบ้างนะครับ) เส้นทาง British Malaya, The Route of Siam

ในปีนั้น สมเด็จพระพันวัสสาฯ ได้เสด็จไปทรงเยี่ยมสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรค์วรพินิต ที่ชวา อินโดนีเซีย หม่อมเจ้าหญิงวงศ์ทิพย์สุดา พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ได้ตามเสด็จด้วย (ขอลอกจากหนังสือเลยก็ละกัน)

"... พี่อ้น (หมายถึงหม่อมเจ้าหญิงวงศ์ทิพย์สุดา เทวกุล) ก็ได้ตามเสด็จไปด้วยเช่นเคย เผอิญสมเด็จฯ เกิดไปประชวรไข้หวัดอย่างหนัก มีคุณหลวงประกิตเวชศักด์ แพทย์ประจำพระองค์ตามเสด็จด้วย แต่ไม่มีนางพยาบาล พี่อ้นก็ได้แสดงการปฏิบัติถวายอย่างดีมาก เพราะท่านเคยทำถวายเสด็จพ่อของท่านมาแล้ว ด้วยการป้อนพระอาหาร ... เมื่อพระอาการทุลาแล้วก็ได้เสด็จกลับกรุงเทพฯ ตั้งแต่นั้นมา สมเด็จฯ จะประชวรด้วยพระโรคอะไรและเมื่อไรก็ตาม จนตลอดถึงสวรรคต พี่อ้นจะต้องไปอยู่ยาม ค้างอยู่วังสระปทุมด้วยทุกครั้ง"
(บันทึก หม่อมเจ้าหญิงอัปภัศราภา เทวกุล)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 16 พ.ย. 10, 13:47
สวัสดีค่ะคุณ D:D: ยังตามอ่านตามดูไม่เลิกค่ะ แต่เวลามีน้อยค่ะ
ไม่สามารถปลีกตัวมาค้นข้อมูลได้แม่นยำเหมือนก่อนหน้านี้

เรื่อง Passport ของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้านั้น เป็นการเสด็จไปตามที่คุณหลวงเล็กว่าไว้

ดิฉันเคยอ่านพระประวัติกรมพระยาดำรง จำได้ว่า สมเด็จท่านทรงแวะเยี่ยมกรมพระยาดำรงที่ปีนังด้วยนะคะ

Visa ที่เห็น จึงเป็นของ British Malaya เพื่อเข้าประเทศมาเลเซียที่ขณะนั้นเป็นเมืองขึ้นอังกฤษค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 16 พ.ย. 10, 15:46
รายงานตัวกะคุณด๊ดี.....ขอบพระคุณที่ช่วยดึงกระทู้ขึ้นจะได้ตามอ่านไม่ลำบาก

ยังลากิจอยู่ครับ...

เห็น British Malaya แล้วนึกถึงกล้องเก่าตัวหนึ่ง...ผลิตปี 1950 ระบุแหล่งผลิตว่า made by occupied Japan ไทยเราโชคดีด้วยพระวิเทโศบายของร.5 ไม่งั้นประเทศเราอาจมีชื่อว่า British Siam   หรือไม่ก็ Occupied Siam


 :D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 10, 08:32
มาช่วยดึงกระทู้ขึ้นมาอีกคน
ไม่มีรูปอะไรจะทายแล้วค่ะ   ตอนนี้ก็ทำได้คือไปหารูปกรุงเทพในอดีตที่คิดว่าไม่ซ้ำกับรูปเคยลงมาแล้ว มาให้ดูกัน

(http://www.siamstuff.com/wp/wp-content/uploads/2009/09/oldbangkok182.jpg)

พยายามจะอ่านอะไรเท่าที่จะอ่านได้จากรูป   สถานที่-เสาชิงช้า แน่นอน   ลองคะเนพ.ศ. ดู น่าจะประมาณ 2500 กว่าๆ(ได้ไหม)
สาวในรูปยังนุ่งผ้าถุง(หรือโสร่ง?) อยู่เลย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 17 พ.ย. 10, 09:19
เป็นภาพใหม่ ไม่ใช่ภาพเก่า ...
แนวท่อพาดจากฝั่งพระนครจากถนนพระจันทร์ มาขึ้นที่หลังอาคารคณะพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช
ท่อในภาพเป็นท่อใหม่ไปแล้ว ไม่ใช่ท่อเดิม น่าจะใช้สำหรับสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นมากรองเพื่องานทำความสะอาดทั่วไป และเพื่องานดับเพลิง
ตามประวัติบอกว่า มีการวางท่อประปาลาดมาตามก้นแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นท่อทองแดงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔ นิ้ว
เหตุผลที่ใช้ท่อทอแดง ไม่ใช้ท่อเหล็ก เพระท่อทองแดงมีความอ่อนตัว (Flexible) มากกว่าท่อเหล็กซึ่งแข็งเกร็ง (Rigid)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 10, 09:26
รูปนี้เคยเอาลงหรือยังคะ

(http://www.tlc-brotherhood.org/photos/Campen%20Udorn%20and%20NKP/slides/0057_Bangkok-City%20Circle.jpg)

ใกล้ๆ ถิ่นเดิมของคุณศรีสยามไม่ใช่หรือ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 10, 09:29
ถ่ายจากตรงไหน
คำถามนี้ง่ายมาก
ถามใหม่ดีกว่า  โหดพอเหมาะพอควร
โรงภาพยนต์เฉลิมไทยกำลังฉายหนังเรื่องอะไร

น่าจะอยู่ในช่วงประมาณ พ.ศ.อะไรคะ   คงก่อนสร้างสะพานพระปิ่นเกล้า

(http://img195.imageshack.us/img195/553/62731032.png)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 10, 09:34
วัดไหน? คงทายไม่ยาก

(http://farm1.static.flickr.com/178/401451253_2ef3003b33_o.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 10, 09:37
(http://138.23.124.101/exhibitions/asia/thailand/Thailand_33886.jgp)

ไม่รู้เหมือนกันว่าคลองไหน

ทั้งหมดมาจาก www.skyscrapercity.com


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 17 พ.ย. 10, 11:33
ตอบอาจารย์เทาชพมู ดังนี้ครับ  ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 17 พ.ย. 10, 11:44
ภาพของอ.เทาชมพู ใน คห.1501 แปลก ๆ ชอบกล  ภาพกลับด้านค่ะ

ป้ายที่เห็นไม่ใช่โรงหนังเฉลิมไทย ซึ่งควรจะอยู่มุมบนขวา ตรงข้ามกับป้อม (แต่รูปก็กลับซ้ายขวาอีก)
ป้ายนั้น คล้ายกับเป็นป้านโฆษณาภาพยนตร์เรื่อง "อินทรีแดง" ไม่แน่ใจ-ภาพเบลอ
ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็น ศูนย์ศิลป ฯ ธ.กรุงเทพ ในปัจจุบัน
แต่ก่อนเป็นที่ดินของ มิตร ชัยบัญชา ค่ะ
ระยะเวลาก็ประมาณที่คุณมิตรเสียชีวิต  (2510-2513)
เคยเห็นป้ายนี้ตั้งอยู่ตอนเด็ก ๆ เป็นป้ายขนาดใหญ่มาก
และสงสัยตลอดว่าข้างหลังป้ายเป็นอะไร


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 17 พ.ย. 10, 12:17
ภาพน่าจะถ่ายจากมุมคลาสสิก บนภูเขาทองถ่ายภาพมายังสะพานผ่านฟ้าลีลาศ กลับซ้าย ขวาให้ครับ สำหรับโปสเตอร์หนัง ไม่ถนัดครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 17 พ.ย. 10, 12:36
บริเวณที่มีโปสเตอร์หนัง ปัจจุบันเป็นหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 17 พ.ย. 10, 12:43
ภาพยนตร์ในโปสเตอร์ไม่น่าจะใช่ อินทรีแดง เพราะชุดที่ คุณมิตร ชัยบัญชา ใส่แสดงในชุดอินทรีแดง เป็นสีดำ หน้ากากแดงค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 17 พ.ย. 10, 13:09
อินทรีทอง รูปนี้พอใกล้เคียงไหมคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 17 พ.ย. 10, 13:18
ขยายภาพมาลองเทียบดูค่ะ ตัวหนังสือเกือบจะอ่านได้นะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 17 พ.ย. 10, 13:28
ดูเหมือนว่า พระเอกของเรื่อง จะยืนกอดอก มือถืออะไรอยู่สักอย่างด้วยสูทสีขาว และด้านขวาเป็นชื่อหนัง ด้วยตัวอักษรสีเหลือง ขลิบแดง Font ปลายแหลมๆ ใต้ภาพล่างเป็นการเดินแถบสีขาว มีอักษรเหมือนอย่างภาษาจีน สองตัว ติดกัน และสามตัวติดกัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 17 พ.ย. 10, 13:30
ขอยืมภาพของคุณ :D :D มาตั้งคำถาม สงสัยมาหลายปีแล้ว ยังหาคำตอบไม่ได้
ตรงหลังป้อมมหากาฬ จะมีตึกชั้นเดียวอยู่หลังหนึ่งอยู่ริมคลอง ท่านใดพอจะทราบประวัติที่มาบ้างครับ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 17 พ.ย. 10, 14:29
หลังไหนคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 17 พ.ย. 10, 14:44
ต้องเป็นหลังนี้แน่ๆ เลย ที่คุณลุงไก่สงสัย ตึกชั้นเดียวอยู่ริมคลอง หลังป้อมมหากาฬ ดูลึกลับชวนสงสัยจริงๆ  ???
เจอแต่รูปค่ะ ยังไม่เจอประวัติ...


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 17 พ.ย. 10, 14:49
ตรงสามแยกปากคลองมหานาค บริเวณด้านหลังป้อมมหากาฬ มีตึกโบราณหลังหนึ่ง เป็นอาคารชั้นเดียวที่พระยาญาณประกาศ (เลื่อน ศุพศิริวัฒน์) ปลัดทูลฉลองกระทรวงเกษตราธิการ เป็นผู้สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อาคารหลังนี้ใช้เป็นท่าเรือต้นทางสำหรับเจ้านายและข้าราชการที่จะเดินทางไป เฝ้าฯสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งทรงย้ายไปประทับที่วังสระปทุม ริมคลองแสนแสบ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๕๙ นอกจากนั้นแล้ว ยังเล่ากันว่า อาคารท่าเรือหลังนี้ได้ใช้เป็นที่ประทับของเจ้านายที่เสด็จมาทอดพระเนตรการ เล่นสักวาในคลองโอ่งอ่าง ซึ่งในระยะหลังการเล่นสักวามักมีในช่วงงานภูเขาทอง กลางเดือน ๑๒ วันลอยกระทง งานมีถึง ๑๐ วัน ๑๐ คืน

จาก  http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=51

น่าจะหลังเดียวกับคุณดีดีค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 17 พ.ย. 10, 15:08
นำภาพซ้อนอดีต ปัจจุบันมาให้ชมครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 17 พ.ย. 10, 15:27
ย้อนกลัยไปภาพเก่านะคะ
เห็นเสาสูงคล้ายเสาวิทยุอยู่ไกล ๆ ด้วย
น่้าจะเป็นกรมประชาสัมพันธ์นะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 17 พ.ย. 10, 15:32
ขอบคุณ คุณPOJA ค่ะ ที่ช่วยคลายข้อสงสัยเรื่องตึกหลังป้อมมหากาฬ
ไม่ทราบว่าจะใช่หลังเดียวกับที่คุณลุงไก่สงสัยหรือเปล่านะคะ...

สำหรับภาพซ้อนอดีตของท่าน siamese ยอดเยี่ยมจริงๆเลยค่ะ
เปรียบเทียบกันได้ชัดเจนว่าอะไร เปลี่ยนไปเป็นอะไร...
จากสะพานไม้เล็กๆ กลายเป็นสะพานมหึมา..

สองภาพนี้อายุห่างกันประมาณกี่ปีคะ...ถึง100 ปีไหมคะ หรือว่าเกิน?

...เวลาเปลี่ยน อะไรๆ ก็เปลี่ยน..เป็นอนิจจัง นะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 17 พ.ย. 10, 17:23
รูปนี้เคยเอาลงหรือยังคะ

(http://www.tlc-brotherhood.org/photos/Campen%20Udorn%20and%20NKP/slides/0057_Bangkok-City%20Circle.jpg)

ใกล้ๆ ถิ่นเดิมของคุณศรีสยามไม่ใช่หรือ?


ขออนุญาตใช้สิทธิถูกพาดพิงครับ...ท่านประธาน
อ.เทาท่านจำแม่นแท้ๆ......เห็นภาพถิ่นเก่า..สี่แยกปทุมวันแล้วนึกถึงระเบิดการเมืองลูกแรก?ของการเดินขบวนของนิสิตนักศึกษาประชาชน 21 มีนาคม 2519 หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยเบ่งบานนนนน


น.ศ. ประชาชนนับหมื่นเดินขบวนจากธรรมศาสตร์มุ่งไปสถานทูตอเมริกา...เพื่อต่อต้านฐานทัพอเมริกาในไทย........
ระหว่างทางเมื่อหัวขบวนถึงประมาณโรงหนังสยาม...ท้ายขบวนน่าจะประมาณบรรทัดทอง

ระเบิดลงกลางฝูงชนทผู้ร่วมเดินชบวนที่บริเวณสี่แยกปทุมวัน....ส่งผลให้ตายสี่ บาดเจ็บนับสิบ

รายละเอียดอ่านได้ที่เวปมิดไนท์คาวบอย?
http://midnightuniv.org/midarticle/newpage42.html


หลังจากนั้น หกเดือนก็เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา มหาอำมหิต...ที่สองฝ่ายเข้าใจผิดในเรื่องเดียวกันแท้ๆ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 17 พ.ย. 10, 17:38
ย้อนกลัยไปภาพเก่านะคะ
เห็นเสาสูงคล้ายเสาวิทยุอยู่ไกล ๆ ด้วย
น่้าจะเป็นกรมประชาสัมพันธ์นะคะ


เสาสูงในภาพไม่ใช่กรมประชาสัมพันธ์แน่นอนครับ เพราะไม่ได้อยู่บนถนนราชดำเนิน เดาว่าน่าจะเป็นเสาส่งสัญญาณโทรทัศน์ของสถานีไทยทีวีช่อง ๔ บางขุนพรหมครับ

สำหรับตึกฝรั่งที่สอบถามนั้น ถูกต้องครับว่าเป็นตึกนี้

สภาพปัจจุบัน ถ่ายไว้เมื่อเดือนมีนาคม




กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 17 พ.ย. 10, 17:41
กับภาพลายปูนปั้นประดับอยู่เหนือและข้างประตูทางเข้าอาคาร

แปลความหมายให้ด้วย ...



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 17 พ.ย. 10, 17:45
กทม กับกรมศิลปากร ทอดทิ้งไว้นาน ไม่ค่อยมาดูแลซ่อมแซม คงยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน

ถูกเจ้าพ่อสถาบันไหนก็ไม่รู้ มาแสดงความเป็นเจ้าของแล้ว ...




กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 17 พ.ย. 10, 20:40
กับภาพลายปูนปั้นประดับอยู่เหนือและข้างประตูทางเข้าอาคาร

แปลความหมายให้ด้วย ...



เมื่อท่านผู้สร้างคือ พระยาญาณประกาศ (เลื่อน ศุพศิริวัฒน์) ปลัดทูลฉลองกระทรวงเกษตราธิการ เป็นผู้สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ ลวดลายปูนปั้นก็ย่อมเกี่ยวเนื่องกับเครื่องมือการเกษตร ดังที่ทับหลังบนสุดเป็น แอก - ตามด้วยเชือกที่ขดเป็นวง หรือ อาจจะหมายถึงน้ำก็เป็นไปได้ - ตามด้วยคันไถ ซึ่งปูนปั้นที่ทับหลังนี้ผูกพันกับเครื่องมือการทำนา

ส่วนผนังด้านซ้าย-ขวา มีลักษณะเหมือนกัน ย่อมผูกพันกับการเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งก็คือ เคียว

ส่วนเครื่องมืออีกสองชิ้น มีด้าม ปลายยาว อันหนึ่งเหมือน มีดดาย ส่วนเครื่องมือหัวจับรูปสัตว์ ปลายใบหอก ผมว่า ควรจะเป็น ติ้วไว้นับข้าวครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 10, 08:31
ดีใจที่กระทู้นี้ยังไม่ตกหน้า

(http://www.gstatic.com/hostedimg/35d659a667c12da9_landing)

บ้านเก่าหลังนี้ อ่านป้ายไม่ออกว่าคืออะไร     ไม่แน่ใจว่าเป็นบ้านอดีตสถานทูตรัสเซียที่สาทรหรือเปล่าคะ

บ้านเก่าแถวยมราชหมดไปอีก 1 หลังแล้ว  ผ่านไปทีไรก่อนเลี้ยวไปคลองแสนแสบ ก็ดูอยู่เสมอ  เป็นตึกใหญ่สองชั้นทาสีเหลืองออกส้ม  มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นครึ้มไปหมด   
วันนี้เหลือแต่พื้นดินเปล่าๆ เตรียมรองรับโครงการคอนโดศุภาลัย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 10, 08:35
จาก skycrapercity อีกเหมือนกัน
เขาบอกว่าเป็นปทุมวัน แต่ยังนึกไม่ออกว่าถ่ายจากมุมไหน
(http://lh4.ggpht.com/_tt5Fzuyo1nc/SB4JB4QSHRI/AAAAAAAAFGU/qDLGN-wrf_k/s576/image2-10.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 18 พ.ย. 10, 10:37
ดีใจที่กระทู้นี้ยังไม่ตกหน้า

บ้านเก่าหลังนี้ อ่านป้ายไม่ออกว่าคืออะไร     ไม่แน่ใจว่าเป็นบ้านอดีตสถานทูตรัสเซียที่สาทรหรือเปล่าคะ

บ้านเก่าแถวยมราชหมดไปอีก 1 หลังแล้ว  ผ่านไปทีไรก่อนเลี้ยวไปคลองแสนแสบ ก็ดูอยู่เสมอ  เป็นตึกใหญ่สองชั้นทาสีเหลืองออกส้ม  มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นครึ้มไปหมด  
วันนี้เหลือแต่พื้นดินเปล่าๆ เตรียมรองรับโครงการคอนโดศุภาลัย

อ่านได้ว่า "โรงแรมไทยแลนด์" ครับผม อดีตสถานทูตรัสเซีย ถนนสาทร ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 18 พ.ย. 10, 10:43
ภาพนี้ถ่ายจากอาคารสยามเซนเตอร์ มองไปยังลานเบียร์และข้ามแยกไปยังฝั่งมาบุญครองในปัจจุบันครับผม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 18 พ.ย. 10, 10:53
ฝากภาพงามๆให้ชมครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 10, 10:56

 :D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 18 พ.ย. 10, 11:04
เรือนหลวงจิตรจำนงวานิช

หลวงจิตร์จำนงค์วานิช ขุนนางเชื้อสายจีน บุตรเขยหลวงสาทรราชายุตก์ (ยม) ผู้ซึ่งเป็นคหบดีคนสำคัญ ในยุคสมัยนั้น
เป็นผู้สร้างเรือนหลังนี้ในราวปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า อยู่หัวหรือในปี พ.ศ. 2431
ในบริเวณที่ดินที่ซื้อไว้บริเวณสีลมกับบ้านทวาย แล้วจ้างกรรมกรจีนขุดคลองผ่านที่ดินจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปบรรจบคลองหัวลำโพง
ซึ่งต่อมาได้มีการตัดถนนไปตามแนวสองฝั่งคลอง จึงเป็นที่มาของ “คลองสาทร” และ “ถนนสาทร” ตามชื่อหลวงสาทรราชายุตก์
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรด เกล้าฯ พระราชทานบ้านหลังนี้ให้กับเจ้าพระยารามราฆพ
หลังจากนั้นได้ปรับเปลี่ยนเป็น โรงแรมไทยแลนด์ อยู่ระยะหนึ่ง
จนต่อมาถึงปี พ.ศ. 2491 สาธารณรัฐโซเวียตโซเชียลิสต์ จึงขอเช่าอาคารหลังนี้เพื่อเป็นสถานอัครราชทูต
ก่อนที่จะย้ายที่ทำการไปยังซอยทรัพย์ในปี พ.ศ. 2545
ปัจจุบันเรือนหลังนี้กำลังถูกพัฒนาในเชิงอนุรักษ์ ซึ่งจะสามารถคงลักษณะทางสถาปัตยกรรมเดิม และการใช้ประโยชน์ในแนวใหม่ร่วมกันได้อย่างลงตัว

 จาก  http://www.crownproperty.or.th/cpad/vtr_8.php


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 10, 12:53

(http://farm5.static.flickr.com/4063/4571006134_a08aaacfa6_z.jpg)

ประมาณ 30 ปีมาแล้ว ตำรวจไทยยังทำงานริมถนนได้โดยไม่ต้องเข้าตู้ติดแอร์


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 10, 13:00
(http://teakdoor.com/Gallery/albums/userpics/26751/bkk1905.jpg)

ใน skycrapercity.com ไม่ได้บอกว่าวัดไหน  คุณ siamese กับท่านอื่นๆคงดูออก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 10, 13:01

(http://teakdoor.com/Gallery/albums/userpics/26751/royalmilitarycollege1905.jpg)

ร.ร.นายร้อยจ.ป.ร.


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 10, 13:13

(http://img509.imageshack.us/img509/7702/248303899666f22a1bc8b.jpg)

มีคำบรรยายว่า เป็นสี่แยกปทุมวัน   ใครดูออกบ้างคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 10, 13:26
(http://www.thaifilm.com/imgUpload/reply815521_2.jpg)

เฉลิมกรุงในอดีต


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 18 พ.ย. 10, 14:39
ตอบภาพนี้ครับผม  ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 18 พ.ย. 10, 14:43
ขอเชิญแกงค์ลูกน้ำ มาร่วมทายกับสถานที่แห่งนี้ได้เลยครับผม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 10, 14:50
ตองปุหนึ่ง

(http://www.pakpon.com/Lopburi/wattongpoo/100_1162.jpg)

หรือ ตองปุสอง

(http://www.amulet.in.th/forums/images/378.jpg)

หรือ ตองปุ สาม

(http://www.sadoodta.com/files/imagecache/Preset2/thumbnail/cover-sadoodta_720.jpg)

 ;) ;) ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 10, 14:52
ขอเชิญแกงค์ลูกน้ำ มาร่วมทายกับสถานที่แห่งนี้ได้เลยครับผม

ลายคาดขวางแบบนี้อีกแล้วหรือ  :-\
คราวที่แล้ว ทายกัน  กว่าจะรอดมาได้ ก็แทบตาย

ขอหลีกทางให้ประธานแก๊งค์ลูกน้ำก่อนค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 18 พ.ย. 10, 15:05
วัดตองปุ เป็นชื่อโบราณ ปัจจุบันเรียกว่า "วัดชนะสงคราม" ส่วนวัดทองปุหนึ่ง และวัดทองปุสาม ตั้งอยู่นอกพระนคร จึงคัดออกครับ  ;D

ซึ่งเมื่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ วัดนี้เรียกว่า "วัดกลางนา" ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้สถาปานกรุงรัตนโกสินทร์แล้วโปรดให้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "วัดตองปุ" เป็นวัดฝ่ายมอญ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดตองปุแล้วถวายเป็นพระอารามหลวงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดชนะสงคราม..


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 18 พ.ย. 10, 16:59
ถนนราชดำเนินกลาง เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 18 พ.ย. 10, 17:05

(http://teakdoor.com/Gallery/albums/userpics/26751/royalmilitarycollege1905.jpg)

ร.ร.นายร้อยจ.ป.ร.

สมัยนั้นยังเรียกว่า "โรงเรียนนายร้อยทหารบก" ครับ

ปัจจุบันเป็นอย่างนี้





กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 18 พ.ย. 10, 17:17
รีบมาทาย เพราะ อ.เทาท่านหลักทางไว้ค่ะ...แต่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนะคะ
รูป 1537 ทาย...ว่า เป็นรูปปั้นในบริเวณสวนของวังสราญรมย์ค่ะ

ได้ดูรูปเก่า ที่ เอามาแปะใหม่ เช่น บรรดาวงเวียนเก่า ๆ ในกรุงเทพ เช่น วงเวียนปทุมวัน ที่ปัจจุบัน เป็นสี่แยก
ดูแล้วอดคิดถึงวงเวียนอีกหลายที่ ๆ ที่เคยสวยงาม
มีน้ำพุบ้าง (วงเีวียนราชเทวี)
มีรูปปั้นบ้าง (วงเวียนใหญ่)
บางแห่ง เช่นที่หน้า โรงพักพระราชวังตรงใกล้ ร.ร.ราชินี
คุณอาท่านหนึี่ง เคยเรียกว่า "วงเวียนโง่ ๆ"
เพราะรถทุกคันจะต้องวิ่งวนรอบถังเก่าๆ ทาสีแดงขาว ตั้งอยู่หน้าโรงพักพอดี

มีคนเคยบอกว่า วงเวียนนั้น เขาสร้างไว้ให้การจราจรที่เป็นรถม้า ไม่ใช่รถยนต์
เพราะม้านั้น เวลาวิ่งมาเจอสี่แยก จะไม่รู้กฏจราจรว่า ให้รถทางขวาไปก่อน
คุณม้าทั้งหลาย พอใจที่จะวิ่งวนไปรอบ ๆ วงเวียน แล้วค่อยเลือกทางออกไปแยกที่ต้องการ
ดีกว่าหยุดม้าที่กำลังวิ่งค่ะ

จริงเท็จประการใด ช่วยกันเล่าสารคดีกันหน่อยนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 18 พ.ย. 10, 23:27
Carlo Allegri ออกแบบไว้ที่วัดเทพศิรินทร์ เป็นศิลปะนีโอคลาสสิค
ภาพปัจจุบันได้จากเวป
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=haiku&month=08-07-2010&group=20&gblog=3


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 18 พ.ย. 10, 23:33
ขอบพระคุณอาจารย์เทาชมพูที่เอาภาพต่างกาละแต่เทศะเดียวกันมาให้ชม....

เห็นได้ชัดว่าขณะที่ศูนย์การค้าสยามสร้างเสร็จเรียบร้อยใช้งานได้...แต่การปรับปรุงผิวจราจรที่สี่แยกปทุมวันยังไปไม่ถึงไหน...
ต้นไม้ใหญ่หายไปหลายต้น...


 ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 19 พ.ย. 10, 08:23
วัดตองปุใน คห.1532 ของอาจารย์เทาชมพู ทำให้เราเห็นว่าแต่เดิมทัศนียภาพของวัดนี้ช่างงามนัก  โดยเฉพาะทรวดทรงของเจดีย์ย่อมุมไม้ยี่สิบองค์นี้งดงามเกินบรรยาย....

ใครๆที่ไปวัดนี้ในปัจจุบันจะไม่มีโอกาสสังเกตุความงามของเจดีย์นี่เนื่องด้วยถูกกำแพงและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆบดบังหมดสิ้น

นี่คืออีกหนึ่งคุณูปการของ  -รูปเก่าเล่าเรื่อง เมืองบางกอก-  (โฆษณาแฝง  อิอิอิ)


 ;) ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ย. 10, 09:21
เห็นด้วยกับโฆษณาแฝง  ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ย. 10, 09:24
(http://www.postcardman.net/79067t.jpg)

รูปนี้น่าจะก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2  สมัยยังมีรถลาก
วัดสุทัศน์ในอดีต    สภาพแวดล้อมสะอาดและสงบกว่าปัจจุบันมาก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ย. 10, 09:29
เพิ่งหาเจอ  ดอนเมือง พ.ศ. 2502 จาก  forum.thaidvd.net

(http://img826.imageshack.us/img826/2816/31014991.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ย. 10, 09:30
คลองรังสิต 2502

(http://img72.imageshack.us/img72/7950/krse.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ย. 10, 09:47
ใครยังจำโรงแรมเอราวัณ ได้บ้าง

(http://img167.imageshack.us/img167/41/erawan11rb0.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ย. 10, 09:56
ซอยนานาใต้ สุขุมวิท

(http://img819.imageshack.us/img819/9541/nanahotel.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 19 พ.ย. 10, 12:12
มีคลองมาให้ดู 2 คลองค่ะ  ???
คลองอะไร อยู่ในกรุงเทพฯ หรือเปล่า
สภาพปัจจุบันเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน??

คลองภาพบน มีการใช้ไม้ซุงกั้นตลิ่งไว้ เพื่ออะไรคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 19 พ.ย. 10, 12:25
มีคลองมาให้ดู 2 คลองค่ะ  ???
คลองอะไร อยู่ในกรุงเทพฯ หรือเปล่า
สภาพปัจจุบันเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน??

คลองภาพบน มีการใช้ไม้ซุงกั้นตลิ่งไว้ เพื่ออะไรคะ

การใช้ไม้ซุงมาตั้งที่ริมตลิ่งแบบนี้ เรียกว่าการทำตลิ่งป้องกันดินพังครับ ถ้าในปัจจุบันก็เปลี่ยนเป็นคอนกรีตแทน แต่ในสใยโบราณไม่มีวัสดุใดหาง่ายเท่าไม้ ก็เอามาตอกเป็นแนวไว้ แล้วมีไม้ขัดตรงกลาง ด้านหลังก็ถมดินให้แน่นครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 19 พ.ย. 10, 14:05
สมัยนั้นยังเป็นที่รกร้างว่างเปล่าอยู่เยอะ นะคะ
ถ้าเป็นบ้านเรือนราษฎรธรรมดา ที่ปลูกแบบด้านซ้ายมือของภาพ ก็น่าจะย้ายไปหาที่ปลูกใหม่ได้ง่ายกว่า
ไม่น่าจะต้องลงทุนทำตลิ่งไม้ซุงซะสูงขนาดนั้น แล้วยังต้องหาดินมาถมให้แน่นอีก
ทำแล้วก็ไม่แน่ว่าจะทนทานแรงน้ำกัดเซาะได้นานแค่ไหน

น่าจะมีอะไรมากกว่านี้ไหมคะ...
เช่น เป็นสถานที่สำคัญที่ต้องตั้งอยู่ตรงนี้ย้ายไม่ได้ จึงต้องป้องกันตลิ่งไว้ไม่ให้ทรุด
หรือ ไม้ซุงเหล่านี้ทำไว้เพื่อการอื่น
หรือ.....
หรือ.....


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 19 พ.ย. 10, 15:29
ที่ทำเขื่อนริมคลองโดยใช้ไม้ซุงนั้น เพราะสมัยนั้นหาไม้ง่าย โดยตัดมาจากป่าทางเหนือ แล้วล่องลงมาทางแม่น้ำ
ทำเพื่ออะไร ... เพื่อถมดินหลังเขื่อนเตรียมก่อสร้างครับ ... ก่อสร้างอะไร
น่าจะเป็นการเตรียมการก่อสร้างถนนเลียบคลองกระมังครับ
หรืออาจจะเตรียมการก่อสร้างอาคารอย่างภาพล่างก้เป็นได้ ..
หรือ ...
หรือ ...



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 19 พ.ย. 10, 15:43
ดูรูปต่าง ๆ ของอาจารย์เทาชมพูแล้วคิดถึงบ้าน คิดถึงแหล่งที่อยู่เดิมจริง ๆ
ซอยนานา กว่าจะขยายถนน ต้องเวณคืนที่ดินบ้านบางหลังอยู่นาน กว่าจะได้
และสมัยก่อน มีคลองเล็ก ริมถนนด้านหนึ่ง แต่ละบ้านจะทำสะพานทีี่ประตูทางเข้า
เดี๋ยวนี้ ไม่มีใครนึกออกเลยว่าเดิมเคยเป็นอย่างไร

ว่าแต่ภาพคลองรังสิตที่มีเรือบรรทุกลูกอะไรสีเขียวอ่อน มีฟางคลุมอยู่ ใครทราบช่วยเฉลยหน่อยนะคะ

ท่อนซุงที่ปักกันตลิ่งพังในภาพคลองของคุณ D:D: ดูแล้สวคล้ายคลองหลอดมากนะคะ
ต้องปักเพื่อถมดินทำถนนเรียบริมคลองค่ะ คาดว่า สมัยก่อน กระแสน้ำ คงไม่รุนแรงอะไร มีแต่น้ำขึ้นน้ำลง
และ ไม่มีเรือหางยาวคอยสร้าง ซึนามิ ถล่มตลิ่งบ้านริมคลองแบบปัจจุบันนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 19 พ.ย. 10, 16:22
ว่าแต่ภาพคลองรังสิตที่มีเรือบรรทุกลูกอะไรสีเขียวอ่อน มีฟางคลุมอยู่ ใครทราบช่วยเฉลยหน่อยนะคะ

น่าจะเป็น แตงโม นะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 19 พ.ย. 10, 17:03
ทีแรกก็คิดว่าน่าจะเป็นแตงโมค่ะคุณ D:D: แต่สีของมันอ่อนกว่ากันมาก
อีกทั้งยังมีฟางคลุม จึงไม่แน่ใจว่าจะเป็นพวกกะหล่ำหรือเปล่า

สมัยยังเด็ก คุณพ่อแค่ขับรถออกไปทางรังสิต เลยออกไปไม่ไกลนัก
มีคนปักร่มสีแดง ใส่เสื้อแดง ขายแตงโมลูกยาว ๆ เหมือนตอปิโด
เปลือกสีเขียวอ่อน บางลูกมีลายตามยาวด้วย ผ่าครึ่งตามยาว โชว์สีเนื้อแตง แดง ๆ เห็นแต่ไกล
แตงโมสมัยนั้น หวานอร่อยมาก และไม่ทราบพันธุ์นี้หายไปไหน
ทุกวันนี้ เหลือแต่แตงลูกกลม ๆ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 19 พ.ย. 10, 17:19
สมัยก่อน แตงโมริมคลองรังสิต คงมีชื่อเสียงมากนะคะ
คุณไวพจน์ เพชรสุพรรณ นำมาร้องเป็นเพลงเลยนะคะ
ชื่อเพลง แตงเถาตาย ค่ะ

ตั้งแต่รังสิต ไปจนติด (บาง)ปะอิน
พหลโยธินมีของกินไม่น้อย
แม่ค้าหน้าหวานนั่งร้านแผงลอย
ปากนิดจมูกหน่อย แม่นั่งร้อยพวงมาลัย

สะพานรังสิต เชื่อมติดใต้เหนือ
มีก๋วยเตี๋ยวเรือดังแต่เหนือจรดใต้
วันเสาร์วันอาทิตย์แฟนเค้าติดมากมาย
แต่เดี๋ยวนี้เขาย้ายเลิกขายริมคลอง

ที่ริมทางระหว่างที่กล่าว
มีแฟนแม่สาวหน้าขาวผิวผ่อง
ผัดหน้าทาแก้มเสียแดง
นั่งร้านขายแตงอยู่ที่ริมคลอง (แตง = แตงโม)
ฝานแตงแดงแดงเป็นแผ่น
เหมือนหนึ่งเชิญแฟนให้ชิมลิ้มลอง
รอยยิ้มเหมือนน้ำผึ้งหยด
ทำให้ผมไวพจน์ต้องจอดรถลงมามอง
แตงเล็กแตงใหญ่ก็วางขายเป็นตับ
เจ้าของต้อนรับด้วยรอยยิ้มย่อง
ชาติเจ้าชู้ประตูดิน
ผมไม่ได้ซื้อแตงกินแต่อยากจะจีบเจ้าของ
เลยแกล้งถามเนื้อความนัยนัย
ว่าแตงน้องสองใบนั้นน้องจะขายไหมน้อง
เพลินคุยอยู่กับแม่ค้า
นั่นเจ้าของแตงมาตั้งท่าคอยจ้อง
ไม่พูดจาไว้ท่าอมภูมิ
ในมือพ่อหนุ่มนั้นกุมไม้พลอง
แม่ค้าแถวนี้แม่คงจะมีเจ้าของ
ลาก่อนละน้อง ชะโอ้แม่แตงเถาตาย

ตั้งแต่วันนั้น ผมผ่านไปมา
ไม่เคยมองหน้าแม่ค้าคนไหน
เพราะเบื่อรอยยิ้มมองไม่อิ่มหัวใจ
ล้วนแต่แตงเถาตาย เจ้าของเธอมี

http://www.youtube.com/watch?v=Ap2Y2nHRGsc

รูปนี้เก็บมาฝาก คุณRuamrudee ค่ะ แตงโมน่าหม่ำนะคะ  ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ย. 10, 18:35
ชวนแก๊งค์ลูกน้ำ และท่านอื่นๆ ไปดูหนัง
คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ สามเกลอ พล นิกร กิมหงวน  และดร.ดิเรก

หนังฉายปีไหนไม่ทราบ เดาว่าประมาณ 2500 ต้นๆ   ดาราในเรื่อง ดูเหมือนจะจากไปเล่นภาค 2 กันบนสวรรค์หมดแล้ว
ใครจำดาราเหล่านี้ได้บ้างคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ย. 10, 19:23
โรงแรม Rama  หายไปตั้งแต่เมื่อไร   นึกไม่ออก



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 21 พ.ย. 10, 10:43
ขอบคุณสำหรับแตงโมลูกยาว ๆ ค่ะ คุณ D:D:

โรงแรม RAMA นั้น Bakery อร่อยไม่แพ้ Erawan
สมัยเด็กคุณพ่อพาลูก ๆ ไปทานอาหารที่นี่บ่อยมาก
มี Coffee Shop ชื่อเหมือนกาแฟ คือ Espresso ด้วย
ครั้งสุดท้ายที่ไปที่นั่นในชื่อเดิม คือ พ.ศ.2523
แล้วก็กลายเป็น Holiday Inn ไปในที่สุด


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 21 พ.ย. 10, 12:01
ระหว่าง 2523 ถึงก่อนที่จะเป็น Holiday Inn

โรงแรมรามาอยู่ที่ราชประสงค์ ?
ใช่ที่เคยเป็นโรงแรมเพรสซิเดนท์ หรือเปล่า ?

ไม่ได้ผ่านแถวนั้นนานมาก ปัจจุบันยังไม่ได้รื้อลงใช่ไหมคะ ?



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 21 พ.ย. 10, 13:08
สีลม???
ข้าวแกงรามา?

 ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 21 พ.ย. 10, 14:17
ข้าวแกงรามา มีอยู่ร้านหนึ่งที่ลาดพร้าว แถว ๆ เซ็นทรัล

พยายามเปิดบริการหลายสาขาอยู่พักหนึ่่ง เป็นแฟรนไชส์ หรือเปล่าจำไม่ได้
โฆษณาว่าเป็นข้าวแกงอนามัย อะไรทำนองนั้น
สักพักก็เลิกกิจการไป



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 พ.ย. 10, 15:14
โรงแรมรามา ปัจจุบันเป็นโรงแรม Holiday Inn บนถนนสีลมครับ เข้ามายืนยันด้วยอีกแรง แต่ไม่ทราบว่า เบเกอรี่จะอร่อยทัดเทียมกับของโรงแรมเอราวัณ ซึ่งอร่อยมาก จัดภาพให้ชมโรงแรมเอราวัณเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 21 พ.ย. 10, 21:37
สีลม???
ข้าวแกงรามา?

 ;D ;D

 ข้าวแกงรามา...สีลม...โรงแรมรามา....พอล สิทธิอำนวย...PSA ...ตึกดำ
http://www.komchadluek.net/detail/20100803/68588/%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2.html

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=century&date=02-04-2008&group=14&gblog=11

http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20100406025618AAda4rX


 ;D :D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 22 พ.ย. 10, 09:48
ตึกดำ เดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่ กลายเป็นตึกขาวไปแล้ว (คล้าย ๆ ว่าเคยเป็นตึกแดงด้วยสิ)

คนสร้างคิดแปลก แหวกความเชื่อของคนในสมัยนั้น ฮือฮามาก
จำชื่อไม่ได้ค่ะ  มีใครจำได้ไหมคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ย. 10, 11:08
รู้จักข้าวแกงรามาค่ะ  แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปชิม ก็ปิดกิจการไปเสียแล้ว

เอารูปไปรษณีย์ไทยมาให้ดูบ้าง   รูปนี้เห็นทีแรก งงๆดูสถานการณ์ไม่ออก นึกว่าเกิดเหตุฉุกละหุก   ถึงต้องปีนป่ายบันได เหมือนจะหนีภัย   
มองอีกที จึงเข้าใจว่าเป็นการส่งจดหมายให้เจ้าของบ้านซึ่งตัวบ้านอยู่สูงมาก    หญิงสาวในบ้านผู้มารับจดหมายเลือกวิธีไต่บันได ซึ่งพาดจากข้างนอกเข้าไปข้างในบ้าน  แทนที่จะเปิดประตูรั้วด้านหลังบันได อย่างคนทั่วไปเขาทำกัน
ทำไมถึงเลือกวิธียากเย็นยังงั้นก็ไม่เข้าใจ 
หรือว่าจะเป็นภาพโฆษณาไปรษณีย์ ว่าเราส่งได้ในทุกลีลา   จัดฉากกันไว้ เห็นจากท่าของบุรุษไปรษณีย์ เหมือนโพสต์ท่าเก๋ไก๋ทีเดียว
สังเกตว่าหญิงสาวห่มผ้าแถบและนุ่งโจงกระเบนได้แน่นรัดกุมมาก  ขนาดไม่มีกระดุมไม่มีเข็มกลัดเหนี่ยวรั้งไว้  ปีนขึ้นลงบันไดสูงแบบนี้  ยังไม่มีท่าทีว่าจะหลุด


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ย. 10, 11:11
รูปนี้มีซุ้มประตูหน้าตาคุ้นเคย ในรูปก่อนๆ   เอามาฝากคุณร่วมฤดี
ไม่ทราบว่าถนนนี้ ที่ไหนกัน เคยไปช้อนลูกน้ำกันบ้างหรือไม่


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ย. 10, 13:16
นายแบบไทยเมื่อหนึ่งศตวรรษมาแล้ว  บุรุษไปรษณีย์ไทย
หน้าตาหล่อ  กางร่มกระดาษ  โพสต์ท่าได้ไม่ขัดเขิน 
แสดงว่าสมัยนั้นกรุงเทพอากาศร้อน แม้ว่ามีหมวก แต่บุรุษไปรษณีย์เดินฝ่าแดดทั้งวันคงไม่ไหวละมัง ถึงต้องกางร่ม
แต่สังเกตว่าไม่สวมรองเท้า  แสดงว่าแดดร้อน แต่พื้นดินเย็นสบายเท้ากว่า  ทางเท้าคอนกรีตยังไม่มี   อาจจะพายเรือส่งทางคลองหรือเดินเท้าเปล่าเข้าตามตรอก ตระเวนทั่วกรุงเทพได้ สะดวกกว่าสวมรองเท้า

(http://a.imageshack.us/img832/1319/whois.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 22 พ.ย. 10, 14:45
รูปนี้มีซุ้มประตูหน้าตาคุ้นเคย ในรูปก่อนๆ   เอามาฝากคุณร่วมฤดี
ไม่ทราบว่าถนนนี้ ที่ไหนกัน เคยไปช้อนลูกน้ำกันบ้างหรือไม่

เกรงว่าภาพนี้จะไกลบางกอกกระมัง???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ย. 10, 15:07
ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะคะ   ขยายรูปดูแล้วหรือ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 22 พ.ย. 10, 15:08
ภาพที่ 1571 ที่อาจารย์เทาชมพูนำมาลงไว้เป็นภาพตึกที่บ้านหม้อครับ

และสำหรับภาพการส่งไปรษณีย์กับสตรีนุ่งผ้าแถบที่บันไดนั้น ก็เห็นด้วยว่าจะเป็นการจัดฉากขึ้นมาเพื่อทำการถ่ายภาพ ซึ่งดูจากลุงไปรษณีย์นั้นไม่ใช่เป็นการส่งจดหมาย เหมือนการหยิบซองจดหมายถามไปยังสตรีผู้นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้กิจการไปรษณีย์ได้จัดทำบ้านเลขที่ ซึ่งคุณวันดีได้ลงกระทู้ไว้ "ก๊อก ก๊อกๆ ..." เพื่อจดหมายเลขบ้าน จำนวนคน ซึ่งผลพลอยได้ก็เป็นการสำรวจสำมะโนประชากรไปในคราวเดียวกัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 22 พ.ย. 10, 15:16
ลุงคนนี้ เป็นคนเดียวกันไหมหนอ ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 22 พ.ย. 10, 15:40
ลังเลอยู่นานว่าจะตอบแบบเดียวกับคุณ Siamese ดีหรือไม่ว่า ภาพ 1571 เป็นแถวบ้านหม้อ
ค่อนข้างมั่นใจว่าจะเป็นอะไร ๆ แถว ๆ นั้นเช่นกันค่ะ เพียงแต่หาภาพเทียบกันไม่ได้
ว่าเป็นตรงไหนชัด ๆ......ตึกแถวลักษณะนี้ ต้องสร้างสมัย ร.5 และ จะมีที่เป็น 3 ชั้นไม่กี่แห่ง
ส่วนใหญ่เป็น 2 ชั้นเท่านั้น

หากไม่ใช่บริเวณบ้านหม้อ ก็น่าจะแถว ๆ เจริญกรุงช่วงตัดกับถนนมหาไชย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 22 พ.ย. 10, 17:28
ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะคะ   ขยายรูปดูแล้วหรือ

ขยายแล้วแต่อ่านไม่ออกครับ...

ที่ตั้งข้อสังเกตว่าไกลกรุงเทพเพราะเคยจะนำภาพนี้มาทายกันเมื่อนานมาแล้ว...แต่เขาบรรยายภาพว่าเป็นตึกในภูเก็ต??ก็เลยลบทิ้งไป


ตอนนี้ย้อนกลับไปหาก็ไม่พบเสียแล้วว่ามาจากไหน
แต่ดูซุ้มประตูด้านซ้ายมือ....คล้ายซุ้มแถวๆแพร่ง......ก็เลยสับสนชีวิตอยู่เนี่ย...ที่ไหนแน่ รบกวนอาจารย์เฉลยด้วยครับ



 ;D ;) ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 22 พ.ย. 10, 18:26
ขอช้อนลูกน้ำด้วยนะคะ

สี่แยกบ้านหม้อค่ะ
ทางซ้ายมือ คือถนนพระพิทักษ์ ถนนที่มีความยาวน้อยที่สุดในกรุงเทพฯ
ต่อเนื่องกับอาคารในภาพก่อน
ขวามือคือถนนพาหุรัด

มีรูปเทียบเคียงแต่ถ่ายคนละฝั่งกันค่ะ
ยอดตึก จะมีสัญญลักษณ์รูปหม้อ เขียนว่า ตลาดบ้านหม้อ
มีอยู่ 2 หลังค่ะ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ย. 10, 18:28
ไม่อยากตอบให้คุณศรีสยามใจเสีย  ว่าดิฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ว่าที่ไหน  เอารูปมาลงเผื่อใครจะรู้บ้าง
คุณ siamese ฟันธงมาแล้วว่าเป็นบ้านหม้อ ประธานแก๊งค์ลูกน้ำก็เห็นด้วย
รอคุณณัฐดล  เผื่อจะเคยไปติดจานดาวเทียมแถวนี้บ้าง

ไม่ใช่ภูเก็ตนะคะ  ภาพที่คุณเข้าใจว่าเป็นภูเก็ตเป็นภาพตึกแถวกับถนนไม่ใช่หรือ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ย. 10, 18:28
มีนักช้อนลูกน้ำรายใหม่มาตอบให้แล้ว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 22 พ.ย. 10, 20:58
โรงแรมนี้เก่าคลาสสิกดีนะครับผม แถวไหนเอ่ย?  ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 22 พ.ย. 10, 21:13
หากจำไม่ผิด ร.ร.คิงส์ อยู่ถนนสาทรใต้ ข้างสถานทูตมาเลเซียเจ้าค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 22 พ.ย. 10, 21:19
เยี่ยมยอดเสมอครับคุณ Ruamrudee  งั้นฝากภาพตึกสมัยจอมพล ป. หลังงามให้ชมครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ย. 10, 21:31
แวะมาให้กิ๊ฟคุณร่วมฤดี


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 23 พ.ย. 10, 09:12
ภาพ 1584 คือ อาคารศาลาสันติธรรม พ.ศ. ๒๔๙๖ (เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ - ปัจจุบันรื้อลงแล้ว)

ปัจจุบัน เป็นดังที่เห็นในภาพข้างล่างนี้ค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 23 พ.ย. 10, 09:19
เอารูปมาทายบ้าง ไม่ถามว่าที่ไหนนะคะ แต่จะถามว่า สวนสนามกันเนื่องในโอกาสใดค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 23 พ.ย. 10, 09:55
เอารูปแยกบ้านหม้อมาเสริมคำตอบของคุณ Siamese และคุณ Poja ค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ย. 10, 09:59
เก่งจริงๆ  ขนาดต้นไม้บังอยู่ครึ่งหนึ่งยังเห็นจนได้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 23 พ.ย. 10, 10:22
เอารูปมาทายบ้าง ไม่ถามว่าที่ไหนนะคะ แต่จะถามว่า สวนสนามกันเนื่องในโอกาสใดค่ะ

ตอบ คุณRuamrudee ค่ะ
ภาพ การสวนสนามฉลองชัยชนะในสงครามอินโดจีน ประมาณพ.ศ. 2483 ค่ะ  ;D
เป็นสงครามที่ไทยรบกับฝรั่งเศสเพื่อขอทวงดินแดนเก่า ที่ฝรั่งเศสขู่บังคับเอาไปจากไทยในอดีตคืน
และไทยได้รับชัยชนะ อันเป็นที่มาของการสร้างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน
เทิดทูนวีรกรรมของทหาร ตำรวจและพลเรือนที่เสียชีวิตไปในสงครามครั้งนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 23 พ.ย. 10, 10:38
เก่งมากค่ะคุณ D:D: เอาคะแนนเต็มร้อยไปกอด แล้วไปแบมือขอรางวัลจากอาจารย์เทา เจ้าเรือนเองนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 23 พ.ย. 10, 11:02
ภาพที่คุณร่วมฤดีนำมาลงไว้ เป็นภาพอนุสาวรีย์ประชาธิไตย ไม่ใช่หรอคับ กระผมดูจากการประดับธงชาติ ที่ปีกนก ทั้ง ๔ เทียบกับภาพพิธีการเปิดอนุสาวรีย์ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๓ น่าจะเป็นคราวเดียวกัน

และในวันที่ ๒๗  เมษายน  ๒๔๘๔    ทางกองทัพสนามได้จัดให้มีการสวนสนาม ทหารบก  ทหารเรือพรรคนาวิกโยธิน  ทหารอากาศ  และตำรวจสนาม  บรรดาที่ได้ไปปฏิบัติการรบ  และได้ชัยชนะกลับมาอย่างงดงาม   เป็นการฉลองชัยชนะที่พระนคร


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 23 พ.ย. 10, 11:24
คุณ Siamese ค่ะ ที่มาของภาพ บรรยายไว้ดังนี้ค่ะ
อ้างถึง
สวนสนามฉลองชัยชนะในสงครามอินโดจีน พ.ศ. ๒๔๘๓ (ที่มา: สมุดภาพการเมืองไทย)



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 24 พ.ย. 10, 15:31
ดิฉันไปค้นข้อมูลเพิ่มเติม จึงได้ทราบว่า คุณ Siamese แม่นมากค่ะ เพราะสงครามอินโดจีน เริ่มปะทะกันปลายปี 2483 ไปสิ้นสุดในเดือน เมษายน 2484

ดังนั้น การสวนสนามนี้ จะต้องเกิดหลังสงครามได้รับชัยชนะแล้ว คือ ปี 2484 ค่ะ ไม่ใช่ 2483 ดังที่เวปกองทัพไทยเขียนไว้ค่ะ

ต้องขอแสดงความนับถือคุณ Siameseเป็นอย่างสูงค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 24 พ.ย. 10, 18:57
รูปนี้มีซุ้มประตูหน้าตาคุ้นเคย ในรูปก่อนๆ   เอามาฝากคุณร่วมฤดี
ไม่ทราบว่าถนนนี้ ที่ไหนกัน เคยไปช้อนลูกน้ำกันบ้างหรือไม่

ฝากให้พิจารณาครับ





กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 24 พ.ย. 10, 19:14
ขอบพระคุณอาจารย์เทาชมพูที่เอาภาพต่างกาละแต่เทศะเดียวกันมาให้ชม....

เห็นได้ชัดว่าขณะที่ศูนย์การค้าสยามสร้างเสร็จเรียบร้อยใช้งานได้...แต่การปรับปรุงผิวจราจรที่สี่แยกปทุมวันยังไปไม่ถึงไหน...
ต้นไม้ใหญ่หายไปหลายต้น...


 ;D ;D

บรรยายด้วยภาพ ...


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 24 พ.ย. 10, 20:15
รูปนี้มีซุ้มประตูหน้าตาคุ้นเคย ในรูปก่อนๆ   เอามาฝากคุณร่วมฤดี
ไม่ทราบว่าถนนนี้ ที่ไหนกัน เคยไปช้อนลูกน้ำกันบ้างหรือไม่

ฝากให้พิจารณาครับ






ขอบพระคุณมากครับที่นำมาให้พิจารณา....แบบนี้ไม่มีใครข้องใจอีกแน่ครับ...

 ;D ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 25 พ.ย. 10, 10:05
เรียนท่านอาจารย์ผู้รู้ในเรือนไทย

เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน ได้เดินเก็บภาพบนถนนเจริญกรุง และใกล้เคียง
โซเซไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง คล้ายวัดจีน มีลายประตูสวยงาม ดังในภาพ

จนถึงเวลานี้ ยังไม่ทราบชื่อสถานที่ จำไม่ได้ว่าอยู่ตำแหน่งไหน มีความสำคัญอย่างไร ??

รบกวนท่านผู้รู้ ตอบด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 25 พ.ย. 10, 13:12
มีวัดจีนอยู่วัดหนึ่งอยู่ถนนมังกร ฝั่งตรงข้ามกับวัดมังกรกมลาวาส จะใช่วัดตามภาพหรือเปล่าครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 25 พ.ย. 10, 16:24
ลักษณะเป็นวัดญวน ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 25 พ.ย. 10, 18:34
ภาพนี้เคยมีการเถียงกันในพันทิปว่าใช่คลองบางกอกน้อยหรือไม่ ...





กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 25 พ.ย. 10, 20:12
เรียนท่านอาจารย์ผู้รู้ในเรือนไทย

เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน ได้เดินเก็บภาพบนถนนเจริญกรุง และใกล้เคียง
โซเซไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง คล้ายวัดจีน มีลายประตูสวยงาม ดังในภาพ

จนถึงเวลานี้ ยังไม่ทราบชื่อสถานที่ จำไม่ได้ว่าอยู่ตำแหน่งไหน มีความสำคัญอย่างไร ??

รบกวนท่านผู้รู้ ตอบด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

คล้าย ๆ จะเป็นที่นี่ค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ย. 10, 20:41
แจกกิ๊ฟแทบไม่ทัน  เก่งๆกันทั้งนั้นค่ะ
วัดปริศนา มีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองอยู่ทางซ้ายด้วย  วัดญวน วัดจีน หรือวัดไทย?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 26 พ.ย. 10, 07:35
วัดในภาพเป็นภาพวัดญวน ตลาดน้อยมีชื่ออย่างทางการว่า "วัดอุภัยราชบำรุง" มีประวัติดังนี้

พงศาวดารระบุชัดว่ารัชกาลที่ ๑ องเชียงสือได้นำพวกญวนเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ต่อมาได้สร้างวัดญวนขึ้นสองวัด คือวัดกว๋างเพิ๊อกตื่อหรือวัดญวนบางโพ และวัดญวนตลาดน้อย หรือที่เรียกกันแต่เดิมว่า วัดคั้นเยิงตื่อ ภายในบริเวณวัดมีอุโบสถสวยงามตั้งสง่าติดพื้นดิน ด้านหลังเป็นกุฏิสงฆ์ หลังหนึ่งมีตราพระเกี้ยวประดับอยู่ เยื้องออกมาด้านหลังพระอุโบสถมีเจดีและเขามอบรรจุอัฐิของพระยาโชฏึกราชเศรษฐี (ฟัก โชติกสวัสดิ์) และเครือญาติ มีจารึกของทายาท


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 พ.ย. 10, 07:58
กำลังดูอยู่พร้อม ๆ กับคุณไซอามีสทีเดียว แต่ลังเลว่าทำไมหลังคาโบสถ์ไม่เหมือนกัน อาจถ่ายคนละด้าน

มีที่เหมือนกันอยู่ ๒ จุดคือ

ลายที่ประตู

(http://www.muangboranjournal.com/spaw/upload2/reMBJ501231chinatown%20(57).jpg)

และ

เจดีย์ทางขวา

(http://www.muangboranjournal.com/spaw/upload2/reMBJ501231chinatown%20(51).jpg)

http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=News&file=article&sid=2229

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: How_come ที่ 26 พ.ย. 10, 08:00
แอบตามอ่านอยู่นานแล้วครับ ขอนำมาฝากบ้างครับ อาจจะไม่เก่าเท่าไร ดูกันเพลินๆ

ขอบคุณทางเว็บ http://www.rottourthai.com ไว้ ณ ที่นี้ครับ

http://www.rottourthai.com/showthread.php?t=1878&page=37


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 26 พ.ย. 10, 08:48
ค้นหาตรงกันเลย  ;D คุณเพ็ญชมพู

ดังนั้นทายได้ไหมเอ่ย สถานที่แห่งนี้มีไว้ทำอะไร และอยู่ตรงไหนของกรุงเทพครับ  :-X


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 26 พ.ย. 10, 09:39
ใช่การประปาสามเสน หรือเปล่าคะ
เอ!! หรืออาจจะไม่ใช่ เพราะวงกลมๆ 4 อันรูปบนขนานไปกับคลอง แต่รูปล่างจาก google earth เป็นคนละแนวกัน  ???

รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้กรมสุขาภิบาลร่วมมือกับกรมคลองพิจารณาขุดคลองรับน้ำจากเชียงราก แขวงเมืองปทุมธานี
นำน้ำมาใช้ในพระนครตามแบบอย่างที่สมควรแก่ภูมิประเทศ กิจการที่นำน้ำมาใช้ในพระนครนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
เรียกตามภาษาสันสกฤตว่า การประปา

และได้เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังเช่นการจัดซื้อที่ดิน การขุดคลอง อ่างเก็บน้ำ ก่อสร้างประตูน้ำ ท่อไซฟอนลอดคลองสะพาน ติดตั้งเครื่องสูบเพื่อให้สามารถส่งน้ำจืด มายังโรงกรองน้ำสามเสนได้ ซึ่งได้ก่อสร้างอาคารเพื่อติดตั้งระบบผลิตน้ำ ได้แก่ การติดตั้งเครื่องกวนสารส้มเพื่อให้น้ำตกตะกอน ถังเกอะกรองน้ำที่ ตำบลสามเสน ในการก่อสร้างระบบน้ำได้ฝังท่อเหล็กเพื่อส่งน้ำไปตามท้องที่ที่จะจ่ายน้ำไปทั่วพระนครตั้งที่ปิด – เปิดน้ำตามถนนต่างๆ รวมค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างประปาทั้งหมดรวมทั้งค่าที่ดินทั้งสิ้น 4,308,221 บาท 81 สตางค์ โดยใช้เวลาดำเนินการ ประมาณ 5 ปีเศษ จึงสามารถจ่ายน้ำสะอาดให้กับชาวพระนครได้ใช้ นับว่าเป็นโครงการใหญ่ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ตราบเท่าทุกวันนี้

ในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2457 รัชกาลที่ 6 เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดกิจการโดยมีชื่อเรียกครั้งนั้นว่า การประปากรุงเทพฯ โดยมีพระราชดำรัสให้เห็นถึงความสำคัญของน้ำที่สะอาดของกิจการประปาตอนหนึ่งว่า

 "...ท่านทั้งหลายที่ได้ช่วยเราทำการอันนี้ให้สำเร็จไปได้ ควรรู้สึกปลื้มใจว่า ได้ทำการอันเป็นประโยชน์และ กุศลอย่างยิ่ง เพราะน้ำซึ่งใสสะอาดบริสุทธิ์ใครๆย่อมรู้อยู่แล้วทั้งในโบราณและบัดนี้ว่า เป็นของจำเป็นเพื่อประโยชน์และเพื่อความสุขสำหรับป้องกันโรคอันตรายของมนุษย์ น้ำใสสะอาดย่อมเป็นเครื่องบำบัดโรคได้ดีกว่าโอสถหรือเภสัชทั้งหลาย..."
  


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 26 พ.ย. 10, 10:22
ยังไม่ถูกครับ คุณดีดี  ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 26 พ.ย. 10, 10:28
เจอแล้วค่ะ น่าจะเป็นการประปานครหลวง  ตรงถนนประชาชื่นน่ะค่ะ
รูปนี้ปรับกลับทิศเหนือ-ใต้ เพื่อให้ตรงกับมุมภาพที่ คุณsiamese ทาย
แต่โรงกรองน้ำมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมที่มีแค่ 4 โรงค่ะ  ;D
(เดิมคิดว่าอยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี จริงๆ แล้วอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ค่ะ)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 26 พ.ย. 10, 10:38
เยี่ยมยอดครับ คุณดีดี  ;) ;) ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 26 พ.ย. 10, 10:51
ขอบคุณค่ะ...... ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 26 พ.ย. 10, 13:12
แถว ๆ ตลาดน้อยมีอะไรดี ๆ เกี่ยวกับชุมชนจีนเยอะนะคะ

บ้าน โซว เฮง ไถ่ ของเจ้สัวจาต แหล่งขายถ่านโกงกาง

วัดญวนที่ โฮจิมิน เคยมาอาศัยช่วงกู้ชาติ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 10, 08:19
น่าจะชวนคุณร่วมฤดีไปลุยตลาดน้อยกันดูบ้าง  :D

รูปนี้ถ่ายห่างไกลบางกอกไปมาก   เป็นรูปหายาก  นึกออกไหมคะว่าผู้ชายทางซ้ายเป็นใคร
(ควรรีบตอบ  ก่อนที่คุณ siamese จะกวาดคะแนนไปหมดอีก)   


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 พ.ย. 10, 08:29
ฮิตเลอร์ รับเสด็จ รัชกาลที่ ๗

http://atcloud.com/stories/75451


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 29 พ.ย. 10, 08:30
Is the man Mr. Adolf Hitler ? ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 10, 08:38
^
กิ๊ฟหมดไปอีก ๒ ตัว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 10, 08:42
ลบทิ้ง  เรื่องซ้ำค่ะ
ขอบคุณคุณลุงไก่


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 29 พ.ย. 10, 09:16
เรื่องของโรงภาพยต์ศรีกรุง อาจารย์เทาชมพู ต้องย้อนกลับไปที่หน้า ๑๐๐ ครับ .. ผลงานของคุณ :D :D กับคุณ Siamese



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 พ.ย. 10, 10:07
น่าจะชวนคุณร่วมฤดีไปลุยตลาดน้อยกันดูบ้าง  :D

รูปนี้ถ่ายห่างไกลบางกอกไปมาก   เป็นรูปหายาก  นึกออกไหมคะว่าผู้ชายทางซ้ายเป็นใคร
(ควรรีบตอบ  ก่อนที่คุณ siamese จะกวาดคะแนนไปหมดอีก)   

 8) ไม่ถึงกับกวาดคะแนนหรอกครับ อาจารย์เทาชมพู  ;D

งั้นมาร่วมทายกันต่อว่า อาคารหลังงามหลังนี้ แถวไหน ทำหน้าที่อะไร


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 10, 10:26
 ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 พ.ย. 10, 12:45
ท่าน siamese จะไม่ใบ้สักนิดเหรอคะ  :-[
ท่านอาจารย์เทาชมพูปาดเหงื่อแล้วนะคะ...


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 29 พ.ย. 10, 13:18
คล้าย ๆจะอยู่แถววังสราญรมย์ นะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 พ.ย. 10, 14:01
ใบ้ก็รู้หมดซิครับ... :P

ตึกขาวพร่างพร่างสะอาดตา          มีลีลาเส้นสายขยับเยื้อง
ริมฝั่งชลหรือริมถนนอย่าแชเชือน  จนเอื้อนเอ่ยขึ้นมาในบัดดล

จะโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร        จงตอบมาอย่าให้ฉงน
เมื่อเฉลยปั๊บร้อง อ๋อ ในบัดดล       ขอรีบยล เข้ามาร่วมกันทาย  ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 29 พ.ย. 10, 14:28
วังท่าพระ หรือเปล่าคะ  ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 29 พ.ย. 10, 14:34
วังท่าพระ หรือเปล่าคะ  ???

ไม่มีอาคารหน้าตาอย่างนี้ที่วังท่าพระครับ

เห็นตรงใต้หน้าจั่วหลังคา มีตัวอักษรโรมันด้วย 
ผมเห็นไม่ชัดนัก  คำแรก น่าจะเป็น BANGKOK  แต่ต่อไปคืออะไร
ใครตาดีช่วยพินิจหน่อยนะครับ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 พ.ย. 10, 14:59
วังท่าพระ หรือเปล่าคะ  ???

ไม่มีอาคารหน้าตาอย่างนี้ที่วังท่าพระครับ

เห็นตรงใต้หน้าจั่วหลังคา มีตัวอักษรโรมันด้วย 
ผมเห็นไม่ชัดนัก  คำแรก น่าจะเป็น BANGKOK  แต่ต่อไปคืออะไร
ใครตาดีช่วยพินิจหน่อยนะครับ



เกือบแล้วครับ คุณหลวงเล็ก ตอนผมเด็กๆ ผมชอบนั่งเล่นที่นี่ประจำ ลมเย็นๆพัดเข้ามา มีต้นไทรใหญ่เคียงข้างวังเวงพิกล  ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 29 พ.ย. 10, 22:19
ขอทำนายว่าตึกดังกล่าวอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา  ใกล้โรงแรมโอเรียนเต็ล  ใช่หรือไม่ครับ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 30 พ.ย. 10, 07:01
ขอทำนายว่าตึกดังกล่าวอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา  ใกล้โรงแรมโอเรียนเต็ล  ใช่หรือไม่ครับ?

ใช่ครับ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา / ใกล้โรงแรมโอเรียนเต็ล ก็ถือว่าใกล้เคียง แต่ไม่ได้อยู่ติดกันเสียทีเดียวครับ  :-X


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 30 พ.ย. 10, 11:55
อาคาร Bangkok Dock อู่ต่อเรือแห่งแรกในประเทศไทย อยู่ติดกับEast Asiatic ค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 30 พ.ย. 10, 12:15
อาคาร Bangkok Dock อู่ต่อเรือแห่งแรกในประเทศไทย อยู่ติดกับEast Asiatic ค่ะ

อู่ต่อเรือแห่งแรกในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ติดกับEast Asiatic แต่ที่ติดกันคือ......อาคารหลังขาวนี้ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 30 พ.ย. 10, 21:44
นึกไม่ออกว่าตึกนี้คือ บริษัทอะไร  แต่อาคารยาวๆ ที่เห็นแต่ด้านข้าง  ทางซ้ายของภาพเป็นตึกอีสต์เอเชียติ๊ค ใช่ไหมครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 10, 22:13
รูปปัจจุบัน

(http://farm3.static.flickr.com/2418/2189599082_06e25c41dc.jpg?v=0)


River Scene: East Asiatic Company

The East Asiatic Company (Det Østasiatiske Kompagni) was established in Denmark in 1897 and carried on extensive steamship service between Copenhagen, Bangkok and points farther east for decades. Its sphere of operations is even broader today and reaches to North America, Africa and Australia.

http://www.flickr.com/photos/22589647@N02/2189599082


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 10, 22:16
(http://blog.nationmultimedia.com/home/blog_data/20/20/images/06EastAsiatic.JPG)

The East Asiatic Company is a Venetian-style office building built in 1901 located beside the river at the end of Soi Oriental. An arch links the rear of the building to another identical block, and the wide passage under it leads to a small European-style square and the Assumption Cathedral.

http://blog.nationmultimedia.com/trirat2/2007/10/14/entry-1


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 01 ธ.ค. 10, 08:58
น่าจะชวนคุณร่วมฤดีไปลุยตลาดน้อยกันดูบ้าง  :D

รูปนี้ถ่ายห่างไกลบางกอกไปมาก   เป็นรูปหายาก  นึกออกไหมคะว่าผู้ชายทางซ้ายเป็นใคร
(ควรรีบตอบ  ก่อนที่คุณ siamese จะกวาดคะแนนไปหมดอีก)  

 8) ไม่ถึงกับกวาดคะแนนหรอกครับ อาจารย์เทาชมพู  ;D

งั้นมาร่วมทายกันต่อว่า อาคารหลังงามหลังนี้ แถวไหน ทำหน้าที่อะไร

สถานที่แห่งนี้คือ "ธนาคารแห่งอินโดจีน" ครับซึ่งก่อสร้างติดกับบริษัท อีสฑ์เอเซียติ๊ก จำกัด (มหาชน) ด้านกลังจะไปเชื่อมกับพื้นที่ของโบสถ์อัสสัมชัญและโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์

สำหรับอาคาร "บริษัท อีสฑ์เอเซียติ๊ก จำกัด (มหาชน)" ปัจจุบันนี้เป็นอาคารอนุรักษ์ มีตราสัญลักษณ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ติดไว้ด้านหน้า อนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ราวปี 2528 เป็นต้นมา และได้ขายตึกนี้ให้กับเจ้าพ่อน้ำเมา ไปเมื่อ 20 ปีก่อนแล้วย้ายไปที่ทำการใหม่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามบ่อนไก่ ปัจจุบันนี้ 2553 ทราบว่าบริษัทได้ขายให้กับคนอื่นไปแล้วโดยเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นไป อันเป็นการปิดตำนาน 100 กว่าปี

บริษัท อีสฑ์เอเซียติ๊ก จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่มีความชำนาญด้านการเดินเรือสมุทร และเข้ามาก่อตั้งกิจการในประเทศไทย โดยตั้งทำการอยู่ที่ตรอกโอเรียนเต็ล ทำกิจการค้าไม้สักจนร่ำรวย และควบคู่กับกิจการเดินเรือระหว่างประเทศ บริษัทรับใช้ระดับพระราชวงศ์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน

ผมเองก็ผูกพันกับตึกแห่งนี้บ้าง ไม่มากก็น้อย อาคารประกอบด้วยกลุ่มอาคาร 2 หลัง และเชื่อมกันด้วยสะพานเชื่อมกันบริเวณชั้นสองของตัวตึก อาคารมีสามชั้น พื้นชั้นล่างเทปูนหินขัด ส่วนชั้นบน และชั้นสาม ตลอดจนบันได ทำด้วยไม้สักทั้งสิ้น โดยเฉพาะบันไดมีขนาดใหญ่ แข็งแรง ลูกกรงกลึงรูปทรงแจกัน เป็นไม้ทั้งท่อน ส่วนพื้นชั้นสองและชั้นสาม เป็นไม้สักที่เป็นชิ้นโตสัก 50 ซม ได้วางขัดกันไป

ผนังอาคารแบบโบราณ ก่ออิฐและผนังมีความหนามาก เหมือนอย่างวัดโบราณ และเคยทราบมาว่า การวางเสาเข็มของทั้งสองอาคาร ก็เป็นแบบเอาไม้ซุงมาวางขัดกัน รองไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแข็งแรงและอยู่ริมน้ำมาจนทุกวันนี้ ถนนรอบตึกได้ถมสูงขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก่อนเวลาเข้าอาคารต้องเดินขึ้นบันได 3 ขั้นแล้วเข้าสู่ตัวอาคาร

ด้านหน้าเป็นบันไดปีกสองข้าง เดินเข้าไปจะเป็นห้องที่ทำงานของ "นายห้าง" ซึ่งเป็นฝรั่งชาวเดนมาร์ค และลึกเข้าไปก็เป็นพนักงานฝ่ายบัญชี ริมอาคารมีทางเดินเล็กๆ ลงไปห้องน้ำชั้นล่าง ซึ่งห้องน้ำมีความเก่าแก่พอกับอายุตึก คือ กรุด้วยกระเบื้องดินเผาสีแดง สุขภัณฑ์โถนั่งที่ชักโครกเป็นถังสูงอยู่เหนือหัวเรา เวลากดน้ำก็กระตุกโซ่ให้น้ำไหลลงมา

ลานหน้าอาคารเป็นลานคอนกรีตขนาดเล็ก ติดกับท่าเรือโอเรียนเต็ล มีแขกยามเฝ้า ซึ่งเป็นวัฒนธรรมแบบเก่า ใช้แขกปาทาน ห่มขาว นุ่งโสร่งขาว หนวดปั้นน้ำมันเรียวแหลม คอยเฝ้ายามอย่างดี เคยล้อว่า "บาบู" ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด้วยรั้วติดกันแต่เปิดโล่งถึงกัน ก็เป็นอาคารของธนาคาร อินโดจีน แต่สมัยที่ผมกล่าวนี้ คงเปลี่ยนเป็นที่ทำการของคริสจักรไปแล้ว ซึ่งหน้าอาคารมีต้นไทรขนาดใหญ่ นั่งเล่นบนหลังเขื่อนได้ ดูน้ำเจ้าพระยาซัดหาตลิ่งมิรู้เบื่อ

ต่อด้วยท่าเรือที่ยื่นด้วยโป๊ะลงในแม่น้ำ แต่ก่อนมี สองโป๊ะ ภายหลังยุบเหลือโป๊เดียว ซึ่งโป๊ะเรือนี้จะมีบริการเรือข้ามฟากของบริษัท ข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ที่ทำการของนมดูเม็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ และติดกับบริษัท ดูเม็กซ์ จะเป็นลานพักสินค้าของบริษัท เสริมสุข (เป็บซี่) กองขวดไว้มากมาย ท่าเรือหน้าบริษัท อีสเอเซียติ๊ก นี้ได้รับเกียรติจากเจ้านายเชื้อพระวงศ์เดนมาร์คมาหลายพระองค์ รวมทั้งโป๊บสันตะปาปาจอนห์ปอลที่ 2 ก็เสด็จมาขึ้นที่ท่าน้ำแห่งนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 10, 09:01
งั้นคำบรรยายในเว็บที่ยกมา  ก็ผิดงั้นหรือคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ธ.ค. 10, 09:14
อักษรโรมันที่หน้าตึกเขียนว่าอย่างไรเอ่ย  ??? ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 01 ธ.ค. 10, 09:15
ด้านหลังอาคารทั้งสอง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 01 ธ.ค. 10, 09:18
สภาพปัจจุบันค่ะ ถูกทิ้งร้างทรุดโทรมมาก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 01 ธ.ค. 10, 09:23
ส่วนรูปข้างล่างนี้คงเป็นตึกยาว ด้านข้างตึกสีขาวใช่ไหมคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 01 ธ.ค. 10, 09:25
อักษรโรมันที่หน้าตึกเขียนว่าอย่างไรเอ่ย  ??? ???

ตัวอักษรโรมัน หน้าตึก  เขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า  

" BANQUE  DE  L'INDO - CHINE "

รายละเอียดประวัติความเป็นมาของธนาคารนี้อ่านได้จาก
http://en.wikipedia.org/wiki/Banque_de_l'Indochine

เสียดายที่ไม่มีข้อมูลสาขาธนาคารนี้ในเมืองไทยไว้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 01 ธ.ค. 10, 09:30
งั้นคำบรรยายในเว็บที่ยกมา  ก็ผิดงั้นหรือคะ

คำบรรยายไม่ผิดหรอกครับ ที่ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1897 โดยก่อตั้งบริษัทชื่อว่า อีสฑ์เอเซียติ๊ก ขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้านี้กว่า 20 ปีคือ ช่วง ค.ศ. 1884 (พ.ศ. 2427) กัปตันฮันส์ นีสล์ แอนเดอเซ่น นักเดินเรือชาวเดนมาร์ค ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการเรือพาณิชย์หลวง "ทูลกระหม่อม" และสนิทสนมกับเจ้าพระยาภาณุวงศ์ เสนาบดีกรมท่า ต่อมากัปตันได้เข้าดำเนินกิจการโรมแรมโอเรียนเต็ล (และขายกิจการไปเมื่อ พ.ศ. 2436 และถูกขายต่ออีก ปัจจุบันคุณหมอชัยยุทธ กรรสูต เครืออิตัลไทย ซื้อกิจการไป) และพัฒนาที่ดินโดยรอบโดยใช้ชื่อว่า "ซอยบูรพา" และได้ก่อตั้งห้าง แอนเดอร์เซ่น แอนด์โก เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2427 และเมื่อทางโคเปนเฮเกน เดนมาร์ค มีมติจัดตั้งบริษัท อีสฑ์เอเซียติ๊ก ขึ้นจึงมีมติให้ใช้ทุนของห้าง แอนเดอร์เซ่น เป็นทุนก่อตั้ง ดำเนินกิจการค้าไม้สัก (แพร่) และส่งไปยังยุโรป


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 01 ธ.ค. 10, 10:44
ส่วนรูปข้างล่างนี้คงเป็นตึกยาว ด้านข้างตึกสีขาวใช่ไหมคะ

ตึกนี้เป็นตึกโรงภาษี ของกรมเจ้าท่า ปัจจุบันเป็นที่พักของตำรวจน้ำ กรมเจ้าท่า อยู่ตรอกภาษี อยู่ก่อนถึงวัดม่วงแค และไปรษณีย์กลางครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 01 ธ.ค. 10, 10:50
เสียดายนะคะ กรมเจ้าท่าไม่น่าปล่อยให้ทรุดโทรมขนาดนี้เลย
ตึกนี้ไม่ได้ขึ้นบัญชีตึกอนุรักษ์หรือคะ  ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 01 ธ.ค. 10, 11:16
อักษรโรมันที่หน้าตึกเขียนว่าอย่างไรเอ่ย  ??? ???

ตัวอักษรโรมัน หน้าตึก  เขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า  

" BANQUE  DE  L'INDO - CHINE "

รายละเอียดประวัติความเป็นมาของธนาคารนี้อ่านได้จาก
http://en.wikipedia.org/wiki/Banque_de_l'Indochine

เสียดายที่ไม่มีข้อมูลสาขาธนาคารนี้ในเมืองไทยไว้


ให้ชมกันชัดๆครับ คุณเพ็ญชมพู และขอปรบมือให้คุณหลวงเล็กครับ แกะรอยภาษาอังกฤษออกมาได้  ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 01 ธ.ค. 10, 14:52
ขอชมเชยคุณหลวงเล็กด้วยค่ะ ดิฉันได้แต่เดา เพราะแถวนั้น ได้เข้าไปเกี่ยวข้องแค่ บริเวณใกล้ ๆ ท่าเรือเท่าันั้น

ยิ่งภาษาฝรั่งเศสบนตึก ยิ่งไม่มีปัญญาอ่านค่ะ คุณหลวงเล็กเก่งมาก

สำหรับโรงภาษี ตึกที่โทรม ๆ เหล่านั้น เป็นที่เก็บภาษีร้อยชักสามมาก่อน

หากรัฐบาลจะเก็บอาคารนี้ไว้ทำพิพิธภัณฑ์บางรัก จะดีมาก

พวกเราชาวเรือนไทยในกระทู้นี้ จะได้แห่กันไปช่วยเขาจัดพิพิธภัณฑ์

คงไม่มีใครรู้จัก British Dispensary & Siam Free Press ได้ดีชาวเรือนไทยแล้วค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 4
เริ่มกระทู้โดย: gengkitty ที่ 22 เม.ย. 21, 11:10
ยิงโฉนดที่ดินให้คุณ คุณ Ruamrudee เรื่องท่าน้ำวัดประยุรฯ และอาคารพรรณาคาร เป็นประตูด้านทิศเหนือของวัด
รบกวนสอบถามคุณ Siamese ว่า แผ่นที่รังวัดพรรณคาร ได้มาจากที่ใดครับ