ยังมีอีกโรคหนึ่งซึ่งผมไม่ทราบว่ามันพบแพร่กระจายอยู่ในพื้นที่ป่าเขามากน้อบเพียงใด ...โรคเท้าช้างครับ
โรคนี้มีพาหะเป็นยุงเช่นกัน แต่จะเป็นยุงพันธุ์ใหนก็มิทราบ ผมรู้จักแต่โรคเท้าช้างแบบขาเท้าบวมโตเป็นแท่ง ก็มารู้เพิ่มเติมจากหน่วยควบคุมโรคติดต่อ เมื่อครั้งไปทำงานอยู่ในพื้นที่แควน้อยใกล้ชายแดน ด้วยมีเจ้าหน้าที่เข้ามานัดชาวบ้านเพื่อทำการเจาะเลือดในช่วงเวลามืดค่ำ ประมาณ 2 ทุ่ม บังเอิญผมไปอยู่ในพื้นที่ของจุดนัดเจาะเลือดพอดี จึงได้มีโอกาสได้ถามข้อสงสัยและได้เรียนรู้เรื่องต่างๆจากจนท.ซึ่งได้ความว่า โรคเท้าช้างในพื้นที่แถบนี้หัวสูง คือเป็นชนิดลงอัณฑะ ทำให้อัณฑะขยายใหญ่ขนาดขันตักน้ำเลยทีเดียว แถมมันยังมีระยะฟักตัวเป็น 10 ปี การเจาะเลือดเพื่อนไปตรวจหาเชื้อก็จะต้องเจาะในช่วงเวลาค่ำคืน
ยุงนี่เป็นพาหะของโรคเมืองร้อนหลายชนิด ที่ดัง ๆ ตอนนี้เห็นจะเป็น "ไข้เลือดออก" สาเหตุจากเชื้อไวรัส นำโรคโดยยุงลาย "ไข้ป่าหรือมาลาเรีย" สาเหตุจากเชื้อโปรโตซัว มียุงก้นปล่องเป็นพาหะ "ไข้สมองอักเสบ เจอี" โรคจากไวรัส มียุงรำคาญเป็นพาหะ
ส่วน "โรคเท้าช้าง" นี้ เกิดจากหนอนพยาธิ (helminth) ๒ ชนิด ชนิดแรกที่คุณตั้งรู้จักดีทำให้ขาบวมใหญ่ระบาดแถวภาคใต้ตั้งแต่ชุมพรลงมา ส่วนอีกชนิดหนึ่งที่ทำให้อัณฑะใหญ่ระบาดแถวพื้นที่ติดต่อกับพม่าเช่นเมืองกาญจน์ ตาก และแม่ฮ่องสอน ยุงที่เป็นพาหะมีหลายหลากแล้วแต่ชนิดของพยาธิ ตั้งแต่ยุงลาย ยุงก้นปล่อง และยุงรำคาญ
ที่เจ้าหน้าที่ต้องเจาะเลือดตรวจตอนกลางคืนเพราะจะพบตัวอ่อนในกระแสเลือดมากในเวลานั้น ตัวแก่ของพยาธิจะอยู่ในท่อน้ำเหลืองทำให้ท่อน้ำเหลืองอุดตัน ทำให้อวัยวะบริเวณที่มันอยู่บวมโตขึ้น
ชนิดที่สองที่ทำให้อัณฑะบวมนอกจากมียุงเป็นตัวนำโรคแล้ว ผู้อพยพหรือชาวพม่าซึ่งอยู่แถวชายแดนก็ยังเป็นผู้นำเชื้อพยาธิตัวนี้อย่างสำคัญ ฉะนั้นจึงมีโอกาสที่โรคจะระบาดในกรุงเทพฯหรือเมืองใหญ่ ๆ ของเรา จากเชื้อในแรงงานต่างด้าวที่รับเข้ามาทำงานตามบ้านหรือในโรงงาน หากมีมาตรการตรวจสอบและป้องกันไม่รัดกุมพอ