รายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เดลินิวส์กระทรวงการต่างประเทศของไทยขอให้มีโครงการสำรวจภายในองค์เจดีย์ร่วมกันระหว่างไทยกับพม่า เพื่อหาหลักฐานภายในองค์เจดีย์ที่เชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร ทางพม่าจึงอนุมัติเป็นชื่อโครงการว่า ’Joint development of Thai government and Myanmar government for fact finding Archaeological of the stupa believed to be that of King Udumbara (Dok Dua)” ซึ่งมีระยะเวลาการทำงาน ๑ เดือน โดยมีมาตรฐานในการปฏิบัติทุกขั้นตอน
ถึงแม้พื้นที่สุสานจะกว้างใหญ่มาก แต่เราก็ไม่ได้ขุดแบบไร้ทิศทาง เพราะตัวสถูปไม่ได้ฝังอยู่ในดินด้วยความสูงโผล่พ้นป่าหญ้ารกร้างทำให้เรารู้จุดที่จะสำรวจ รวมทั้งมีฐานเจดีย์ให้เห็น จึงเริ่มสำรวจบริเวณนั้นก่อน ชิ้นแรกที่ขุดพบคือ ชิ้นส่วนของบาตร ซึ่งเป็นบาตรพระราชทานที่พระเจ้าแผ่นดินโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิและบรรจุไว้ในเจดีย์ พม่าเรียกว่า “บาตรแก้วมรกต” ประดับประดาด้วยกระจกสีฉาบปรอท มีเส้นทอง นอกเหนือจากนี้บาตรดังกล่าวยังตั้งอยู่บนพานแก้วแว่นฟ้า ซึ่งเป็นกระจกเขียนสีลายเทวดาและลายต่าง ๆ สวยงามมาก
จากข้อสังเกตที่เชื่อว่าเป็นของสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร คือ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของพม่าที่มาทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทย กล่าวถึง ๓ ประเด็นสำคัญ คือ
๑. พระเถระธรรมดาไม่สามารถใช้บาตรลักษณะนี้ตั้งอยู่บนพานแก้วแว่นฟ้าได้ ต้องเป็นของที่พระราชทานเท่านั้น
๒. เจ้าประเทศราชที่บรรจุพระศพหรือบรรจุอัฐิอยู่บริเวณสุสานล้านช้างทั้งหมดมีการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีหัวหน้าวงศ์ตระกูลหรือเจ้าประเทศราชที่เป็นลำดับพระมหากษัตริย์ที่เป็นระดับมหาเถระ ดังนั้นบาตรนี้จึงเป็นสมณศักดิ์ของพระเถระเท่านั้น
๓. สายวงศ์สกุลของชาวต่างชาติประเทศราชทั้งหลายไม่มีสายสกุลไหนที่เดินทางไปพม่าทั้งพระบรมวงศานุวงศ์มากเท่ากับสายสกุลอยุธยา
อย่างไรก็ตาม คณะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ขุดลงไปแค่เจดีย์ ๒ องค์ที่เห็นเท่านั้น ก่อนจะขุดเราต้องทราบโครงสร้างก่อนโดยเริ่มดายหญ้านำแปรงค่อย ๆ ปัด บันทึกวาดภาพ วัดขนาดและวิเคราะห์ร่วมกันกับนักวิชาการพม่า เราพบต้นโพธิ์ขนาดใหญ่อายุประมาณหลายร้อยปีที่โอบอุ้มเจดีย์ทรงโกศไว้ด้วย จากนั้นค่อย ๆ เปิดหน้าดินก็เจอโครงสร้างค่อนข้างใหญ่ซึ่งคาดว่าจะเป็นวิหาร แต่ด้านบนพังไปหมดแล้ว เพราะในสมัยนั้นน่าจะใช้เครื่องไม้ เสาไม้ ซึ่งเป็นที่นิยมของพม่า ทำให้ไม้ผุพังไปตามกาลเวลา แต่พื้นเป็นอิฐยังคงอยู่ นอกจากนี้ยังเจอกำแพงแก้วและฐานเจดีย์มากมาย
เจดีย์องค์หนึ่งอยู่ตรงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อขุดลงไปไม่ลึกมากก็เจอบาตร ตัวพานซึ่งเป็นไม้ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะไม้อยู่ในดินโดนความชื้นปลวกก็กิน แต่กระจกอยู่ได้ตลอดและมีดินโอบอุ้มไว้ ส่วนตัวบาตรฝังไว้ในดิน ทำจากดินเผาประดับกระจก จากการศึกษาของที่นิยมทำในสมัยราชวงศ์พระเจ้าปดุงก็เป็นบาตรดินเผาเคลือบแต่ลายซึ่งประดับกระจกไม่เหมือนกับของคนอื่น เพราะเป็นบาตรที่ทำมาเพื่อพระองค์เท่าที่ทางนักวิชาการพม่าไปดูมาบอกว่าไม่เคยเจอลายที่สวยขนาดนี้ แต่รูปแบบการติดกระจก และบาตรดินเผาเคลือบเป็นสมัยนิยมก็จริง แต่ฝีมือขนาดนี้ชาวบ้านทำหรือใช้เองไม่ได้ต้องเป็นการสั่งทำเฉพาะกษัตริย์ และจากการเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเปิดบาตรพบพระบรมอัฐิ ประกอบด้วย พระเศียร กราม และชิ้นส่วนอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก เพราะในสมัยก่อนจะใช้ไฟต่ำตอนถวายพระเพลิง จึงเหลือเศษพระอัฐิหลายชิ้น ที่สำคัญพระอัฐิทั้งหมดห่ออยู่ในผ้าเหลืองซึ่งเป็นผ้าจีวร จึงเน้นย้ำได้ว่าเป็นสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร
ต่อมาทางการพม่าประกาศว่าไม่สามารถรื้อถอนสุสานได้แล้ว เพราะเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองอมรปุระ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการประท้วงจากหลายฝ่ายจนเป็นข่าวอยู่เรื่อย ๆ เราจึงไปขออนุญาตที่จะปฏิสังขรณ์หรืออนุรักษ์ไว้จากซากโบราณสถานที่มีอยู่เดิม และนำสิ่งของที่ค้นพบไปบรรจุและตั้งชื่อโครงการว่า “โครงการอนุสรณ์สถานมหาเถระสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร สุสานล้านช้าง อมรปุระ” (Mahatera King Udumbara Memorial Ground) โดยการรวบรวมกลุ่มนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญของพม่าซึ่งเป็นคนเชื้อสายอยุธยามาร่วมโครงการด้วย
ทันทีที่ได้รับคำตอบอนุญาตจากพม่า ขั้นตอนต่อไปเราจะทำการอนุรักษ์บริเวณสุสานหลวงแห่งนี้ไว้ โดยเป็นโครงการที่ทำร่วมกับนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญของพม่า เพื่อให้เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของพม่าที่แสดงถึงความสำคัญระหว่างพระมหากษัตริย์พม่ากับพระมหากษัตริย์ไทย เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนชาวพม่าเชื้อสายไทยที่อยู่ที่พม่า เพราะว่าอีก ๒ ปีข้างหน้าเราจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โครงการนี้จึงถือเป็นโครงการดี ๆ ที่พม่าเห็นชอบด้วย