เรือนไทย

   ย้อนหลังไปสมัยสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทยมี 2 ช่อง ขาวดำ คือช่อง 4 บางขุนพรหม และช่อง 7 กองทัพบก
    ทางช่อง 4   คุณจำนง รังสิกุลผู้บริหารในสมัยนั้น สั่งหนังชุดยอดนิยมของอเมริกามาให้ดูกันมาก  รวมทั้งของอังกฤษก็มีบางเรื่อง       ส่วนของไทย  มีละครที่เจ้าหน้าที่พนักงานของช้อง 4 แสดงกันให้ดูอยู่หลายเรื่องหลายแบบ
   ทั้งหมดเป็นอดีตที่จบไปนานแล้ว     ถ้าไม่มีเครือข่ายของอินทรเนตร   ดิฉันก็คงไม่รู้ว่าดาราที่เราเคยนั่งจ้องเป๋งอยู่หน้าจอ ทุกสัปดาห์  ทุกวันนี้อยู่สุขสบายหรือเป็นตายร้ายดีอย่างไร      แต่ตาวิเศษในโซเชียลมิเดียช่วยหาคำตอบมาให้ไม่ยาก   ก็เลยขอแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านเรือนไทยซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเกิดทัน ได้รู้ว่าดาราคนโปรดในอดีต ทุกวันนี้เป็นอย่างไรบ้างค่ะ

ขอประเดิมด้วยเรื่องนี้   Leave It to Beaver  ชื่อพากย์ไทยว่า หนูน้อยบีเวอร์

https://www.youtube.com/watch?v=fe0TlvSVByQ

    หนังชุดเรื่องนี้เป็นหนังยอดนิยมในช่วงปลายทศวรรษ 1950s ข้ามมาถึงต้น 1960s ด้วยคะแนนนิยม จึงถ่ายทำกันเรื่อยไปแล้วปีเล่า จนยาวถึง 234 ตอน  เริ่มออกอากาศตั้งแต่ ปี 1957 ไปจบเอา 1963 
    เนื้อเรื่องแสดงภาพครอบครัวอเมริกันชนชั้นกลาง ชื่อครอบครัวเคลเวอร์ มีพ่อ แม่ และลูกชายสองคน วอลลี่และธีโอดอร์ หรือชื่อเล่นว่าบีเวอร์     
    ความเป็นอยู่ของพวกเคลเวอร์เป็นไปตามแบบอุดมคติของคนอเมริกันชั้นกลางในสมัยนั้น  คือพ่อทำงานออฟฟิศ เป็นคนฉลาด และใจดี  แม่เป็นแม่บ้านสะสวยอ่อนหวาน   ลูกชายทั้งสองเป็นตัวแทนเด็กที่คนอเมริกันคิดว่าน่าจะเป็น   ทั้งสี่คนอาศัยในบ้านขนาดกะทัดรัด ในชานเมืองที่สงบและสะอาดสะอ้าน เจริญหูเจริญตา
    ชีวิตดูดีงาม  แต่ไม่ได้ดีจนเว่อ    มีปัญหาเล็กๆน้อยๆที่เด็กทั้งสองเจอก็เป็นปัญหาพื้นๆ สมจริง เช่นปัญหาที่โรงเรียน  ปัญหาคบเพื่อน  ทุกครั้งเด็กทั้งสองก็พบว่าพ่อแม่เป็นที่ปรึกษาได้ดีที่สุด  แม้ว่ามีอุปสรรคบ้างเข้าใจผิดกันบ้าง   คนดูรู้สึกเพลิดเพลินเหมือนติดตามชีวิตคนจริงๆ    ดาราก็เล่นกันเก่งทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็ก   โดยเฉพาะดาราเอกคือเจรี่ แมเธอร์นั้นเล่นเป็นธรรมชาติอย่างเด็กน้อยซื่อใส  ไม่ได้ทำตัวฉลาดเป็นกรดอย่างดาราเด็กโดยมาก

บ้านของครอบครัวเคลเวอร์  บ้านในฝันของชนชั้นกลางในยุค 1950s
บ้านนี้เป็นฉากในโรงถ่าย เท่านั้นเองค่ะ   มีแต่ด้านหน้า

ตัวอย่างปัญหาของเด็กน้อย

เวลาผ่านไปหลายปี  เด็กน้อยทั้งสองเติบโตขึ้น   จากเด็กโตกับเด็กเล็กก็กลายเป็นเด็กหนุ่มกับเด็กโต    เมื่อมาถึงเวลาที่วอลลี่จะเรียนจบชั้นมัธยม  บินออกจากรังไปเข้ามหาวิทยาลัย   หนังชุดนี้ก็ต้องจบโดยปริยาย เพราะจะเหลือน้องชายเล็กเล่นเป็นตัวเอกอยู่คนเดียวก็ทำไม่ได้

หนังจบแต่คนดูยังไม่จบ  หนังเรื่องนี้จึงรีรันอยู่ตามสถานีโทรทัศน์ในหลายรัฐ และตามเคเบิลทีวี    ปีแล้วปีเล่า   คนดูที่เคยเป็นเด็กน้อยวัยเดียวกับวอลลี่และบีเวอร์ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน  จากวัยหนุ่มสาวกลายเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน  แต่งงานมีลูกหลานเต็มบ้าน
แต่พวกเขาก็ไม่เคยลืมเพื่อนในวัยเยาว์คู่นี้
ในที่สุด  สถานีโทรทัศน์ก็พาครอบครัวเคลเวอร์ชุดเดิมกลับมาให้ชมกันอีก   โดยไปตามดาราเก่าที่เคยเล่นกลับมาเล่นใหม่  ในวัยที่แตกต่างจากเดิมลิบลับ
เริ่มด้วยหนังชุด 4 ตอนฉายทางทีวีชื่อ   Still the Beaver ในปี 1983    และขยายเป็นหนังทีวีเรื่องยาวเป็นตอนๆ ในปี 1984-85
จากนั้นมาเป็น New Leave It to Beaver  ออกอากาศตั้งแต่ปี 1986-1989

      ในตอนใหม่ ปูพื้นว่า วอร์ด เคลเวอร์ผู้พ่อถึงแก่กรรมไปตั้งแต่ปี 1977  เหลือแต่จูน ภรรยาม่ายอาศัยอยู่ในบ้านเดิมตามลำพัง   มีลูกชายคนโต วอลลี่ซึ่งเรียนจบ ทำงานทำการมีครอบครัวแล้ว ซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆพร้อมกับแมรี่ภรรยาและลูกสาว 1 คน   ส่วนบีเวอร์ลูกชายคนเล็กเป็นพ่อม่ายเมียหย่า  มีลูกชาย 2 คน  กลับมาอาศัยอยู่กับแม่    

     เมื่อหนังเรื่องนี้จบชุดลง  ดาราก็แยกย้ายกันไป   ฮิวจ์ โบมองต์ผู้แสดงเป็นพ่อ ถึงแก่กรรมเมื่อปี 1982  ก่อนจะมีหนังชุดบีเวอร์ตอนใหม่ บาร์บารา บิลลิงสลีย์ผู้รับบทแม่อายุยืนกว่านั้น  เธอเล่นหนังชุดรอบสองชุดนี้จนครบหมดทุกตอน ไปเล่นเป็นดารารับเชิญในหนังทีวีอื่นๆบ้างเล็กน้อย ก่อนจะเกษียณจากวงการ   แล้วจากไปในปี 2010 ด้วยวัยสุกงอม  94 ปี
       
    ชีวิตดาราเด็กทั้งสอง เป็นแบบเดียวกับดาราเด็กโดยมาก คือพอพ้นวัยเด็กเข้าสู่วัยหนุ่มสาว  ความน่ารักน่าเอ็นดูหมดไป    น้อยรายจะรุ่งเหมือนเดิม     ส่วนใหญ่ถูกกลืนหายไปกระแสวงการ   กลายเป็นตัวประกอบบ้าง  เปลี่ยนอาชีพเป็นอื่นบ้าง  โทนี่ ดาว (วอลลี่)กับเจรี่ แมเธอส์(บีเวอร์) ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงชะตากรรมนี้ได้   
    หลังจากเป็นขวัญใจวัยรุ่นในบทวอลลี่   โทนี่ ดาวเล่นหนังเรื่องอื่นๆ แต่ว่าได้รับบทตัวประกอบเสียส่วนใหญ่    จนกระทั่งเป็นหนุ่มใหญ่เต็มตัวก็เปลี่ยนอาชีพมาเป็นผู้กำกับ  ทำงานหลายด้านจนในที่สุดก็ผันตัวเองเป็นประติมากร  ผลงานรูปหล่อบรอนซ์ประสบความสำเร็จงดงาม    ได้รับคัดเลือกไปแสดงนิทรรศการ  Société Nationale des Beaux-Arts exhibition, ใน Carrousel du Louvre, 
    งานของเขามีชื่อว่า Unarmed Warrior  ตามรูปข้างล่างนี้   ถ้าใครดูไม่ออกว่าเป็นอะไร ขออธิบายว่าเป็นรูปผู้หญิงถือโล่ค่ะ

โทนี่ถ่ายพร้อมกับบาร์บาราและเจรี่ เมื่อสิบปีก่อน

กระทู้นี้ยังไม่มีใครเข้ามา อาจจะเพราะว่าสมาชิกส่วนใหญ่อยู่ในยุคทีวีสี จินตนาภาพทีวีขาวดำไม่ออก
เกรงว่าอาจารย์จะวังเวง เลยเข้ามายกมือแสดงตัวว่า ได้ดูซีรี่ "หนูน้อยบีเวอร์" เหมือนกัน

เลือกเบอร์ได้ตามใจชอบเลยค่ะ คุณ Jalito

อ่านเรื่องราว หนูน้อยบีเวอร์ เพิ่มเติมจากกระทู้เมื่อวันวาน ครับ

http://www.reurnthai.com/index.php?PHPSESSID=853a1d2908ddaccc9f929ae7ac6a1eaf&topic=2320.15

ขออนุญาตค่ะอาจารย์ ขอถามนอกเรื่องนิดนะคะ พอเห็น 'ฉลาดเป็นกรด' ทำให้นึกได้ว่าเคยสงสัยถึงที่มาค่ะ ทำไมถึงเปรียบความฉลาดกับกรดคะ

คนไทยเรานิยมเปรียบเทียบความฉลาด ด้วยคุณศัพท์ที่แสดงให้เห็นถึงของแหลม /ของคมที่เจาะทะลุอะไรได้ปรุโปร่ง
อย่างคำว่าแหลมคม  หรือหลักแหลม ก็แปลว่าฉลาด    พูดจาคมคาย ก็คือพูดจาฉลาด
ก็เลยมีคนหยิบยก "กรด" มาใช้   เพราะกรดมันก็มีคุณสมบัติ กัดทะลุอะไรต่อมิอะไรได้ง่าย ไม่ว่าผ้าหรือของใช้อื่นๆ
จึงมีคำว่า ฉลาดเป็นกรด  ไม่ใช่ฉลาดเป็นด่าง หรือฉลาดเป็นน้ำ  เพราะสองอย่างหลังไม่มีคุณสมบัตินี้
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1849.msg33910#msg33910

โทนี่ ดาวเคยเปิดเผยว่าเขาป่วยด้วยโรคซึมเศร้า (Clinical Depression) การไปทำงานด้านศิลปะคงจะช่วยให้ดีขึ้นมาก  คิดว่าปัจจุบันคงหายขาดแล้วค่ะ
ส่วนเจรี่ ดูในปัจจุบันแทนคำตอบ  มีหลานแล้ว

ขอข้ามจากฮอลลีวู้ดมาฮ่องกง    หนังชุดทางทีวีเรื่องแรกที่ดู คือมังกรหยก   นำแสดงโดยไป่เปียว เป็นก๊วยเจ๋ง และหมีเซียะ เป็นอึ้งย้ง
เขยิบเวลาเข้ามาใกล้ๆหน่อย  เผื่อสมาชิกเรือนไทยจะเคยดู นอกเหนือจากคุณ Jalito

ในบรรดาเรื่องจีนกำลังภายใน ชอบมังกรหยกมากที่สุดค่ะ ชอบฝีมือประพันธ์ของกิมย้งมากกว่าโกวเล้ง   เนื้อหามันแน่นกว่า 
มังกรหยกเป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานเรื่องกำลังภายในเข้ากับประวัติศาสตร์  ตัวละครแต่ละตัวเด่นไม่ซ้ำแบบกัน และเด่นแบบตัดกันด้วย  ซึ่งมีผลทางดราม่ามาก
เมื่อฝ่ายพระเอกซื่ออย่างก๊วยเจ๋ง  นางเอกอย่างอึ้งย้งก็ต้องเป็นนางมารน้อย   ขืนพระเอกดีนางเอกดี  มันไม่มีอะไรตัดกันให้เกิดสีสัน

หมีเซียะตอนเล่นเรื่องนี้ ยังอยู่ในวัยสาวสด   หน้าตาขี้เล่น มีจริต   เหมาะกับบทมาก   ส่วนไป่เปียวหน้าเหมาะจะเป็นผู้ร้ายมากไปหน่อย 

ไป่เปียว

ชุดนี้เป็นของปี 1976  แล้วก็มาสร้างใหม่เมื่อค.ศ. 1983   คราวนี้ดังระเบิด  เพราะได้ดาราที่ตรงเป๊ะกับบุคลิกพระเอกนางเอกในเรื่อง  คือหวงเยอหัว เป็นก๊วยเจ๋ง และองเหม่ยหลิงเป็นอึ้งย้ง

https://www.youtube.com/watch?v=tC8gGZx7FZQ

เลือกแล้วครับ 1 เบอร์ ยังไม่มีเวลาตรวจ
อารมณ์ตรวจหวยนี่ระทึกยังกับแง้มประตูเข้าไปทัวร์บ้านร้าง

สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์เทาชมพู ถ้ามีโอกาสกรุณาเล่าเรื่องของแม่ชีกายสิทธิ์ ไม่ทราบว่าจำชื่อถูกต้องหรือไม่ ที่แม่ชีสาวเหาะได้น่ะค่ะ อีกเรื่องเป็นเรื่องที่ม้าพูดภาษาคนได้ แต่ตะคุยกับพระเอกคนเดียว ประมาณนั้น คิดว่าน่าจะช่อง 4 นะคะ ขอบคุณมากค่ะ หรือถ้าเคยเล่าไว้แล้ว กรุณาช่วยลิงค์ให้ด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ

ขอหากระทู้เก่าให้แทนครับ เรื่อง คุณอัศว์ เริ่มที่ความเห็น ๕๐ ของหน้านี้

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6352.msg147977#msg147977

มังกรหยกยุค 1983 นี้ ผมทันได้ดูครับ แต่ด้วยวัยเวลานั้น ผมไม่รู้เรื่องเลย สนุกเฉพาะตอนที่ตัวละครต่อสู้กันเท่านั้นครับ

ช่าวงเวลานั้น เป็นช่วงที่บ้านผมเพึ่งจะซื้อเครื่องเล่น VDO มาใช้งาน การรอดูหนังชุดสัปดาห์ละสองถึงสามตอนจึงไม่ค่อยจะทันใจเสียแล้ว ความอยากรู้ว่า เอี้ยคัง จะทำอะไรต่อไป ผลักดันให้เกิดการดูรวดเดียว 24 ม้วน (ม้วน VDO) เกิดขึ้น ตาแฉะกันทั้งครอบครัวครับ

ขอบคุณคุณ SILA มากค่ะ เป็นเรื่องที่ประทับใจในวัยเด็กมากๆ ส่วนมังกรหยกยุคหมีเซียะนี่ เคืองช่อง 7 มาก โฆษณาทีนานมากเดินไปกินก๋วยเตี๋ยวปากซอยกลับมายังไม่จบโฆษณา เลยหันไปเช่านิยายอ่านแทนค่ะ ไม่หลับไม่นอนไปพักใหญ่

จำได้ว่ามีหนังชุดที่ภรรยาเป็นแม่มดสั่นจมูกดุ๊กดิ๊กเวลาเสกคาถา (Bewitched?)  กับอีกเรื่องเป็นนางจินนี่ในคนโฑ  แล้วก็แม่ชีบินได้

นอกนั้นก็มีเรื่อง flipper ปลาโลมาแสนรู้  เรื่อง bonunza etc. ค่ะ  ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวชีวิตชาวอเมริกันทั้งในอดีตและปัจจุบัน  ภาพชีวิตที่สะท้อนมาทางหนังชุดช่วงนั้นดูสงบสุขและอบอุ่น ครอบครัวดูใกล้ชิดกัน

ดิฉันจำมังกรหยกฉบับไป่เปียว - หมีเซียะ ได้  แต่จำฉบับ หวงเย่อหัว - องเหม่ยหลิง - เหมียวเฉี่ยวเหวย ไม่ได้  แปลกใจตัวเอง

เสียดายองเหม่ยหลิงที่จากไปก่อนวัยอันควร

ดิฉับชอบกิมย้งมากกว่าโกวเล้งเหมือนกันค่ะ  ชอบเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรด้วย

หนังจีนกำลังภายในชอบของสมัยก่อนมากกว่านะคะ  ฉากบู๊เป็นวิชาหมัดมวยหรือกระบี่จริงๆ  สมัยหลังๆ กลายเป็นปล่อยแสงอะไรกันไปใหญ่

มังกรหยกปี 1983  ได้ชื่อว่าเป็นเวอร์ชั่นดีที่สุดค่ะ   นักแสดงลงตัวมากโดยเฉพาะพระเอกนางเอก  แม้ว่านางเอกล่วงลับไปนานแล้ว และพระเอก หวงเยอหัวก็เปลี่ยนจากหนุ่มเป็นวัยกลางคน   หนังชุดเรื่องนี้ก็ยังอยู่ในความทรงจำของคนดูจำนวนมาก
เสียดายคุณ tita จำไม่ได้ อาจจะดูบ้างบางตอนแต่ไม่หมดรึเปล่าคะ

ตอบคุณ Molly
หนังชุดแม่ชีบินได้ หรือแม่ชีกายสิทธิ์  ภาษาอังกฤษคือ The Flying Nun ค่ะ เป็นหนังชุดฉายในปี 1967-70 นำแสดงโดย Sally Field   ทุกวันนี้เป็นดาราใหญ๋วัยดึกไปแล้ว   แต่ในยุคนั้นเธอยังละอ่อน เป็นแม่ชีฝึกหัดสาวน้อยแสนซน  น้ำหนักไม่ถึง 90 ปอนด์  บวกกับเสื้อผ้ารุ่มร่ามพลิ้วไสวและหมวกปีกนกใบใหญ่  ทำให้กระแสลมแรงเชิงเขาที่คอนแวนต์ตั้งอยู่ หอบเธอลอยลมไปได้ไกลๆ  
นี่คือคำอธิบายอย่างไม่เข้าท่าของผู้เขียนบท  แต่ดาราเล่นเก่งทุกคนไม่ว่าชีสาวฝึกหัด ไปจนถึงคุณแม่อธิการจอมเฮี้ยบของคอนแวนต์ ทำให้ซิทคอมเรื่องนี้อยู่ได้นานถึง 3 ปี

 ทั้งๆเรื่องนี้ไม่มีความรักของพระเอกนางเอก  แม้แต่ตัวพระเอกก็ไม่มี  มีแต่ดาราหนุ่มเชื้อสายอาเจนตินาชื่ออเลฮันโดร เรย์ มารับบทเพลย์บอยเจ้าของบ่อนคาสิโนท้องถิ่น ซึ่งเป็นมรรคนายกหนุ่มของวัดด้วยอีกหน้าที่หนึ่ง
แต่หนังก็ดังเป็นพลุตั้งแต่ออกอากาศ พล็อตแปลกไม่ซ้ำแบบใคร เป็นหนังเบาสมองถูกรสนิยมคนดู   ปีแรกประสบความสำเร็จมากแล้วค่อยๆลดระดับลงในปีที่สอง จนจบปีที่สามก็โบกมืออำลาไป

ขออนุญาตย้อนกล่าวถึงเรื่องที่สอง

ชื่อ "มังกรหยก"  คุณจำลอง พิศนาคะ (http://www.jadedragon.net/translator-jumlong.html) เป็นคนตั้ง ชื่อในภาษาจีนคือ 射鵰英雄傳 แปลว่า ตำนานวีรบุรุษยิงอินทรี   คำว่า "กำลังภายใน" ที่เราใช้เรียกนิยายจีนประเภทนี้ก็เป็นศัพท์บัญญัติของคุณจำลองเช่นกัน

           ก่อนที่จะมาบินออกอากาศทางช่องเจ็ดสีใน แม่ชีกายสิทธิ์ สาวน้อย(วัย 18 ปีในตอนนั้น) 
Sally Field ได้ออกทะเลโต้คลื่น(หลอกๆ เพราะตัวจริงไม่สามารถ) ที่ช่องสี่บางขุนพรหมในเรื่อง
สาวน้อยโต้คลื่น Gidget

          ซีรี่ส์ชีวิตวุ่นวัยรุ่นในเมืองชายฝั่งที่มีตัวละครหลัก คือ Gidget กับคุณพ่อ(ม่าย)และพี่สาวที่แต่งงานแล้ว
          ซีรี่ส์เริ่มอออกอากาศในปี 1965 และจบซีซั่นแรกนี้ในปี 1966 โดยที่ไม่มีซีซั่นสองเนื่องจากเรทติ้งไม่ดี
เพราะออกอากาศชนกับซีรี่ส์ฮิท The Beverly Hillbillies(กลอยใจจอมเปิ่น) และ The Virginian(จ้าวทุ่ง?)
แม้จะย้ายเวลาหนีแต่ก็ยังไปชนกับ Gilligan's Island(เกาะหรรษา) สาวน้อยโต้คลื่นซีรี่ส์เหล่านี้ไม่ไหว
           ต่อมาสถานี ABC จึงได้ออกซีรี่ส์ใหม่ให้แซลลี่มาบินแทนและประสบความสำเร็จได้บินออกอากาศสามปี

        ก่อนหน้านั้นในปี 1959 มีหนังโรงชื่อ Gidget สร้างจากนิยาย Gidget, the Little Girl with Big Ideas
ออกฉายและเป็นต้นแบบให้กับหนังแนวปาร์ตี้ชายหาด(beach party film) เรื่องต่อๆ มา รวมทั้งซีรี่ส์ Gidget นี้ด้วย

ตัวอย่างหนัง Gidget ปี 1959  ทำให้แซนดรา ดี ติดอันดับดาราทำเงิน 1 ใน 10 ของฮอลลีวู้ด และเจมส์ ดาร์เรนเป็นทีนเอจไอดอลของยุค 1960 ช่วงต้น
https://www.youtube.com/watch?v=adtFTiOQMMA&list=PLBGEYpJemOGJEdCbrN9Qlc_6sh8FigIO0&index=4

ขอบพระคุณท่านอาจารย์เทาชมพูมากค่ะที่กรุณาเล่าเรื่องราวของแม่ชีน้อยและให้ชื่อเรื่องเป็นภาษาอังกฤษมาด้วย ดิฉันลองเข้าไปค้นหาใน website ของห้องสมุดประจำเมือง ปรากฏว่ามีเป็น CD ด้วยค่ะ ดีใจมาก ไว้มีโอกาสจะขอยืมมาดูท้าวความทรงจำ ชอบที่อาจารย์บรรยายถึงตัวละคร (แม่ชี) ที่ลอยขึ้นฟ้า เห็นภาพและโดนใจมากๆ ค่ะ ส่วนเรื่องที่คุณ SILA เล่าเพิ่มเติม อืมม์ ไม่รู้จักค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสเจอจะลองดู เพราะคุณชื่อเรื่องแล้วขอบคุณนะคะ

ป.ล. 1. ขอโทษนะคะ ทำแบบที่อ้างถึงความเห็นก่อนหน้า แล้วยกมาเป็นวรรค/ประโยค ไม่เป็นค่ะ
       2. ก่อนที่จะมีมังกรหยกในทีวี มีเป็นภาพยนตร์ด้วยนะคะ จากบริษัทชอร์บราเดอร์ ฟู่เซิงเล่นเป็นก้วยเจ๋งค่ะ น่ารักมาก ส่วนนางเอกจำชื่อไม่ได้แล้ว อิอิ

เอามาช่วยฟื้นความหลังค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=rbwwk_k5-dw

เรื่องหนูน้อยบีเวอร์นี่ไม่ได้ดูเลยครับ ไม่รู้เป็นเพราะผมอยู่ต่างจังหวัดหรือเปล่า มีแต่ออกอากาศช่องในกรุงเทพผมเลยพลาด แต่เชื่อว่าน่าจะมีการเอามาออกทางทีวีในยุคที่ผมยังเด็กๆ เพราะรุ่นน้องที่อายุใกล้เคียงกันคนหนึ่งเขามีชื่อเล่นว่า บีเวอร์ ถามไปถามมาก็ทราบว่าได้ชื่อจากหนังทีวี เพราะเจ้านี่เขาหน้าเหมือนหนูน้อยบีเวอร์เลย แสดงให้เห็นว่าในยุคนั้นก็คงเป็นรายการที่คนนิยมมาก

มังกรหยก 1983 นี่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองแห่ง TVB ก็ว่าได้เลยนะครับ เวอรชั่นนี้เป็นที่ประทับใจของผู้ชมแม้กระทั่งปัจจุบัน บางครั้งผมยังไปอ่านเจอในที่ต่างๆ ก็ยังมีคนโหวตให้มังกรหยกภาคก๊วยเจ๋งอึ้งย้ง (1983) กับ ภาคเอี้ยก้วย(1983) ที่สร้างติดต่อกันใช้ตัวแสดงร่วมกันเนี่ยว่าเป็นสุดยอดแห่งความคลาสสิค แม้ว่าพวก special effect ฉาก องค์ประกอบหลายๆอย่างจะสู้เวอรชั่นที่สร้างในยุคหลังไม่ได้ แต่จุดเด่นที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของตัวแสดงครับ อาจจะเป็นเพราะนิยายชุดนี้ของกิมย้งประสบความสำเร็จในการสร้างตัวละครประกอบที่หลากหลาย ที่ดูมีเอกลักษณ์ และน่าสนใจ ไม่ว่า ภูตบูรพา พิษประจิม ยาจกอุดร ราชันย์ทักษิณ เฒ่าทารก(ตัวนี้ผมชอบที่สุด ฮ่าๆๆ) และมังกรหยกในปี 1983 ทั้งสองภาค เลือกตัวแสดงเหล่านี้ได้ตรงกับบุคลิกราวกับว่าเดินออกมาจากหนังสือเลยทีเดียว ผมดูเรื่องนี้มาหลายเวอรชั่นและขอฟันธงว่าไม่มีเวอรชั่นไหนที่คนเล่นเป็นเฒ่าทารกจะแสดงได้สมบูรณ์แบบอย่างคนนี้อีกแล้ว

ชอบตรงกันเลยค่ะ  เฒ่าทารกจิวแป๊ะทงเป็นตัวละครที่น่ารักมาก    คนเล่นบทนี้ที่เหมาะที่สุดก็คือในรูปข้างบนนี้แหละ
ฉิน หวง( Chun Wong, Qin Huang)

Bewitched หรือ แม่มดเจ้าเสน่ห์ เป็นหนังทีวียอดฮิทยาวนานที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติการณ์หนังชุดทางทีวี คือตั้งแต่ 1964-1972
ฮิทขนาดที่ว่าเมื่อพระเอกคือดิ๊ค ยอร์คผู้รับบทดาร์ริน สตีเฟนส์ สามีของซาแมนธานางเอก  เกิดป่วยด้วยโรคปวดหลังอย่างหนักจนเล่นต่อไปไม่ไหว   ในเมื่อหนังเรตติ้งยังสูง ก็ไม่อาจเลิกได้    ผู้อำนวยการสร้างต้องหาพระเอกใหม่มาเล่นบทเดิมแทนเขา  คือเรียกว่าเปลี่ยนตัวกันดื้อๆกลางอากาศ โดยไม่มีคำอธิบายใดๆว่าทำไมกลายเป็นคนละคนกันในบทบาทเดิม

ข้างล่างคือดาราประจำ 3 คน นางเอก พระเอก และแม่ยาย(แม่)มดตัวแสบ

ดิ๊ค เซอร์เจ้นท์เข้ามาแทนดิ๊ค ยอร์ค

นางเอกก็เลยมีสามีใหม่ชื่อเดิมนามสกุลเดิม

ดาราทั้งหมดทั้งที่ประจำ และมาเยือนบ่อยๆ

ในปี 2017 นี้ดาราในรูปข้างบนขึ้นไปรับบทต่อภาคสวรรค์กันแล้วเกือบหมด  ยกเว้นหนูน้อยที่รับบทลูกสาวลูกชายค่ะ  ปัจจุบันก็วัยกลางคนกันไปแล้ว

I Dream of Jeannie  คือหนังชุดเบาสมองอีกเรื่องที่ฮิทในยุค 1960s ต่อมาถึง 1970s ต้นๆ   เรื่องนี้ฉายอยู่ 5 ปี คือ 1965–1970 เป็นเรื่องของภูตสาวอายุ 2000 ปีที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากขวดแก้วโดยมนุษย์อวกาศหนุ่ม   เธอก็เลยตามมารับใช้เขา และแต่งงานกันในที่สุด

แลรี่ แฮคแมนพระเอกของหนังชุดนี้ถึงแก่กรรมไปแล้ว เมื่อ ค.ศ. 2012  ด้วยวัย 81 ปี    เขาไปดังในหนังชุุด Dallas  หรือเจ้าพ่อดัลลัส       

ส่วนบาร์บารา อีเดน นางเอกยังพริ้งเพราไม่ยอมแก่ อยู่ในวัย 85 ปี

ในบรรดาดาราประจำ 4 คน  ไปเสียแล้วสอง คือพระเอก แลรี่ แฮคแมน  กับดาราอาวุโส เฮย์เดน ร้อร์ค (Hayden Rorke)ขวาบนในภาพ   ผู้รับบทจิตแพทย์ ประจำนาซ่า ชื่อ ดร.เบลโลส์   รายนี้ถึงแก่กรรมเมื่อปี 1987 ในวัย 76 ปี
เหลืออีกสอง นอกจากบาร์บารา คือบิล เดลี่ (ซ้ายบน)ปีนี้ย่างเข้า 90 แล้วค่ะ 

ปัจจุบัน

https://www.youtube.com/watch?v=ZBZGhmdjlk0

ระลึกความหลังได้ดีเชียวค่ะ อาจารย์คะ

จำได้เลือนๆ เรื่องหนึ่งเป็นเศรษฐีน้ำมันบ้านนอก มียายห้าวๆ มีหลานชื่อ เจโทร
อีกเรื่อง ชื่อน่าจะ Lost in space ประมาณนี้ มีครอบครัวไปกับยานบินแล้วมีหมอสมิทตัวร้าย มีหุ่นยนต์คอยเตือน อันตรายๆ สนุกมากค่ะเรื่องนี้
และเรื่อง คนผี ชอบมือที่ชื่อ ธิง

เห็นหนังทีวีชื่อ I dream of Jeannie ทำให้นึกถึงเพลงนี้เลยครับ
 Jeanie with the Light Brown Hair เป็น American Folk Song ที่แต่งโดยราชาเพลงพื้นเมืองของอเมริกัน Stephen Foster
เนิ้อเพลงเริ่มต้นด้วยประโยคว่า I dream of Jeanie with the light brown hair....
นักไวโอลินที่ชอบเล่นเพลงเล็กๆหวานๆฟังสบาย ต้องรู้จักเพลงนี้กันทุกคน

https://www.youtube.com/watch?v=IqxXD2wvSbw

ขออนุญาตย้อนกล่าวถึงด้วยครับ
จำลอง พิศนาคะน่าจะเป็นคนที่แปลนิยายจีนกำลังภายในที่ได้รับความนิยมคนแรก ต่อมาก็มี ว ณ เมืองลุง และ น นพรัตน์ เป็นสามผู้บุกเบิกวงการ
สมัยก่อนผมอยุ่ในซอยเพชรบุรี 5 ในนั้นจะมีร้านเช่าหนังสือเก่าแก่ร้านนึง ให้เช่าอ่านวันละบาทสองบาทต่อเล่ม อยู่ในซอยนั้น 7-8 ปี นิยายจีนของกิมย้ง โก้วเล้ง ผมอ่านหมด (คนอื่นแต่งเคยพยายามอ่าน แต่ไม่ไหว เสียเวลา 5555)
อย่างมังกรหยกนี่อ่านทุกสำนวนแปลที่มีให้เช่าเลย
จำลอง พิศนาคะ จะใช้สำนวนโบราณๆหน่อยอ่านแล้วได้ความรู้สึกเหมือนอ่านพงศาวดาร
ว ณ เมืองลุงสำนวนยุคใหม่ขึ้นมาหน่อย
ส่วน น นพรัตน์ในยุคแรก(2 พี่น้องช่วยกันแปลและเกลาสำนวน) มีสำนวนกระชับและคมคาย ดูเหมือนจะเหมาะสมกับนิยายโก้วเล้งมากกว่ากิมย้ง
สำนวนกำลังภายในที่คนไทยพูดกันติดปาก แนวๆว่า มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตา หลั่งเหงื่อเย็นเยียบ ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ส่งกันพันลี้สุดท้ายก็ต้องจากลา ลูกเต่าผิดไปแล้ว วิญญูชนจอมปลอม ฯลฯ เหล่านี้
ผมเดาเอาจากความคุ้นเคยว่าน่าจะเป็นสำนวนของ น นพรัตน์เสียส่วนมาก

กระทู้นี้ฟรีสไตล์ค่ะ   จะย้อนไปย้อนมา เดินหน้าถอยหลัง แล้วแต่ใจของแต่ละท่านเลย  ไม่ต้องเกรงใจว่าเรื่องนี้ผ่านไปหลายหน้าแล้ว   
ดิฉันมีหนังดีวีดีเก่า ปี 1952 ไปได้มาจากเขาโละกองขายในซูเปอร์  มีเรื่อง I Dream of Jeannie(With the Light Brown Hair) ด้วยค่ะ  ยังคิดถึงเพลงนี้ไม่คลาย   ดีใจที่คุณปากกานินีเอ่ยถึง เหมือนเล่าถึงเพื่อนเก่า

https://archive.org/details/IDreamOfJeanie

Flipper เป็นหนังทีวีปี 1964 ออกอากาศยาวไปถึงปี 1967  เป็นเรื่องปลาโลมาที่ฉลาดพอกับคนหรือกว่าคนเสียอีก   มีดารานำ 3 คน คือตัวพ่อม่ายหนุ่มใหญ่ที่เป็นหัวหน้าผู้ดูแลอุทยานและแหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติทางทะเล  กับลูกชาย 2 คน   ในเรื่องปลาโลมาเป็นตัวนำ  คนเลยกลายเป็นตัวประกอบ   แต่รวมๆแล้วก็เป็นหนังใสๆสไตล์ครอบครัวและอนุรักษ์สัตว์ ที่ผู้ใหญ่ดูได้ เด็กดูดีค่ะ

     ดารานำเรื่องนี้ที่เล่นเป็นตัวพ่อชื่อ Brian Kelly เป็นหนุ่มหล่อล่ำ ฝีมือการแสดงก็ดี น่าจะไปไกล   บทใน Flipper ส่งชื่อเสียงเขาเป็นที่รู้จักกันทั่ว เพราะทีวีเข้าได้ถึงทุกบ้าน    เมื่อหนังชุดนี้จบลง เขาทำท่าจะรุ่งในหนังใหญ่   น่าเสียดายที่โชคไม่ช่วย ประสบอุบัติเหตุจากควบมอเตอร์ไซค์บาดเจ็บสาหัส จนเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก  เป็นอันจบอาชีพนักแสดงเพียงแค่นั้น
     เขาจากไปด้วยวัย 74 ปีเมื่อค.ศ. 2005

     Bonanza เป็นหนังลูกทุ่งตะวันตกยอดนิยม เริ่มออกอากาศตั้งแต่ปี 1959  แล้วลากยาวข้ามทศวรรษไปจนจบเมื่อปี 1973  เริ่มด้วยเป็นหนังขาวดำ แล้วเปลี่ยนเป็นสีในช่วงหลัง     กลายเป็นหนังยาวอันดับ 2 ของประวัติการณ์  อันดับหนึ่งคือ Gunsmoke หรือควันปืน ที่เคยฉายทางช่อง 4 เหมือนกันค่ะ แต่คิดว่าชาวเรือนไทยยังไม่เกิดทันเห็นสักคน 555
     เรื่องนี้เป็นชีวิตของเศรษฐีลูกทุ่งตระกูลคาร์ตไรต์   เจ้าของไร่ขนาดมหึมา ชื่อไร่พอนเดอร์โรซ่าในรัฐเนวาดา   อยู่ใกล้ๆเมือง เวอร์จิเนียซิตี้  พวกคาร์ตไรต์ประกอบด้วยเบน พ่อม่ายเมียดาย กับลูกชายหนุ่ม 3 คนชื่ออาดัม ฮอส และลิตเติ้ลโจ  ล้วนแต่เกิดจากคนละแม่     กับพ่อครัวชาวจีนที่อยพข้ามทะเลมาทำมาหากินอยู่ในอเมริกา
    ตอนดูโบนันซา ยังเด็ก เลยไม่ได้ติดอกติดใจนัก   หนึ่งคือมันจะคาวบอยก็ไม่ใช่   หนังครอบครัวก็ไม่เชิง     สอง สงสัยว่าพวกนี้รวยได้ไง  ไม่เห็นทำมาหากิน    ไม่มีฉากทำไร่ไถนา ตัดไม้ เลี้ยงวัว หรืออะไรที่พอจะบอกได้ว่าหาเงินจากไหน   ไร่พอนเดอร์โรซ่าปลูกอะไรมั่งก็ไม่รู้   มีแต่วันๆเข้าเมืองไปเจอเหตุการณ์โน่นนี่     อย่างสุดท้ายคือพวกนี้จีบผู้หญิงรักกันทีไร  หล่อนต้องตายตอนจบหรือไม่ก็เลือกผู้ชายอื่นแทนทุกที     ดูทีไรเดาได้ก็ว่าต้องแห้วแน่นอน

โลมาเพื่อนแก้ว ริกและเคธีกับจุดจบที่แสนเศร้า

http://www.reurnthai.com/index.php?PHPSESSID=059ff6304af56fbd5c35b86001cd8e84&topic=6352.msg148292#msg148292

(http://www.reurnthai.com/index.php?PHPSESSID=059ff6304af56fbd5c35b86001cd8e84&action=dlattach;topic=6352.0;attach=59368;image)

ดาราใน Bananza  ไม่เหลืออยู่สักคนค่ะ    ที่แปลกคือส่วนใหญ่อายุไม่ยืนนัก  มีเพอร์เนล โรเบิร์ตส์คนเดียวอยู่ถึงเลข 8 
แดน บล็อคเกอร์ ผู้รับบทลูกชายคนรอง อายุสั้นที่สุด  ตายไปตั้งแต่ก่อนโบนันซาจบชุด วัยแค่ 43 ปี

Bonanza

Name                   Born                  Status   Died           Age
dead   Lorne Greene   2/12/1915           dead         9/11/1987   (72)
dead   Michael Landon   10/31/1936   dead         7/1/1991   (54)
dead   Dan Blocker   12/10/1928   dead         5/13/1972   (43)
dead   Pernell Roberts   5/18/1928           dead         1/24/2010   (81)
dead   David Canary   8/25/1938           dead         11/16/2015   (77)
dead   Victor Sen Yung   10/18/1915   dead         11/9/1980   (65)

เรื่องแรกคือ Beverly Hills Billies ค่ะ ชื่อไทยคือ กลอยใจจอมเปิ่น  ค่ะ   
คำว่ากลอย น่าจะเป็นคำไทยที่สาบสูญไปนานแล้ว  รอยอินให้ความหมายว่า  คล้อย, ร่วม, เช่น กลอยใจ กลอยสวาท.
หนังทีวีชุดนี้เป็นชุดยอดฮิทอีกชุดของทศวรรษ 1960s  ยาวถึง 9 ปี  ตั้งแต่ 1962 ถึง 1971  ดาราที่เล่นไม่ใช่ดาราดังมาแต่แรก ล้วนเคยเล่นเป็นตัวรองๆหรือตัวประกอบในหนังใหญ่บ้าง หนังทีวีบ้าง มาก่อน  บางคนก็หน้าใหม่  แต่พอมาจับกลุ่มกันเข้า มีมุกตลกถูกใจคนดู   ก็เลยดังระเบิดยาวนาน

ผู้สร้างปูพื้นเรื่องว่ามีครอบครัวบ้านนอกจนๆอยู่ครอบครัวหนึ่ง อาศัยอยู่รัฐไหนไม่ระบุชัดเจนนัก แต่เอาเป็นว่าบ้านนอกสุดๆ มีศัพท์เรียกพวกหลังเขานี้ว่า hillbillies   ประกอบด้วยพ่อม่ายวัยกลางคน มีลูกสาวสวยแต่ออกห้าวๆ แบบดาวเรืองคนหนึ่ง    ถูกเลี้ยงดูโดยยาย แทนแม่ซึ่งตายไปตั้งแต่ก่อนเปิดเรื่อง    กับหลานชายไอ้หนุ่มบ้านนอกปัญญาอ่อนหน่อยๆอีกคนหนึ่ง
ทุกคนอยู่กันมาลำบากยากจน จนกระทั่งบริษัทน้ำมันค้นพบว่าที่ดินหลังเขาแห่งนี้มีบ่อน้ำมันมหาศาล    เมื่อทำสัญญา ครอบครัวนี้ก็กลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาในพริบตา    จึงย้ายจากถิ่นเดิมมาอยู่ที่บีเวอร์ลี ฮิลล์ ซึ่งดาราฮอลลีวู้ดและเซเลบเขาอยู่กัน   แต่ก็ยังแต่งกายแบบเดิม ทำอะไรเชยๆอย่างเดิม ตรงข้ามกับเพื่อนบ้านที่ล้วนแต่ไฮโซ
ความเด๋อด๋าไร้เดียงสาแต่ไม่โง่ของครอบครัวนี้ ผูกใจคนดูอยู่ได้ถึง 9 ปี

เพิ่งทราบว่า Michael Landon เสียชีวิตเมื่ออายุ 54 เอง  นึกว่าจะอายุมากกว่านั้น  เพราะจำได้ว่าหลังจากเล่นเรื่อง Bonunza มายาวนาน  (เหมือนจะเป็นตัวละครรุ่นแรกเล่นจนจบเรื่อง  คนอื่นล้มหายตายจากหรือเลิกเล่นไปก่อนแล้ว)  ยังไปเล่นเป็น Charles Ingalls ในซีรีย์บ้านเล็กอยู่อีกด้วย

ค่ะ เขาดังมาจากโบนันซ่า   เมื่อไปเล่นและกำกับหนังทีวีชุด  Little House ซึ่งก็ได้รับความนิยมสูงมากเช่นกัน  เขาก็เล่นลีลาท่าทางแบบเดิม
ดูๆ ราวกับลิตเติ้ลโจโตเป็นผู้ใหญ่ แต่งงาน  อำลาพ่อและพี่ชาย  อพยพครอบครัวไปอยู่อีกรัฐหนึ่งงั้นแหละ

ซีรีย์อวกาศยอดนิยม Star Trek

เริ่มออกอากาศปี คศ 1966  เป็น Original Series  มีผู้แสดงนำคือ
William Shatner รับบท Captain James T. Kirk  
Leonard Nimoy  รับบท Mr. Spock
DeForest Kelley รับบท Dr. Leonard "Bones" McCoy
James Doohan รับบท Montgomery "Scotty" Scott
Nichelle Nichols รับบท Uhura
George Takei รับบท Hikaru Sulu
Walter Koenig รับบท Pavel Chekov


เนื้อเรื่องโดยรวม กล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคต หลัง พ.ศ. 2606 (ค.ศ. 2063) เมื่อมนุษย์สามารถพัฒนาเทคโนโลยี จนสามารถสร้างยานอวกาศที่เดินทางได้เร็วกว่าความเร็วแสง เรียกว่า "การวาร์ป" (warp) ได้มี "การติดต่อครั้งแรก" (first contact) กับชาววัลแคน (Vulcan) เผ่าพันธุ์จากต่างดาวที่มีความก้าวหน้า ทำให้เทคโนโลยีของมนุษย์โลกพัฒนายิ่งขึ้น และเดินทางลึกเข้าไปในแกแล็กซีและพบกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ จนมีการรวมตัวจัดตั้งสหพันธ์แห่งดวงดาว (United Federation of Planets) ขึ้น โดยจะนำเสนอเกี่ยวกับ การเดินทางของยานอวกาศชื่อ "ยูเอสเอส เอนเทอร์ไพรซ์"

แม้จะออกอากาศเพียง 3 ปี  แต่ซีรีย์เรื่องนี้ได้รับความนิยม  และต่อมาได้มีการสร้างเป็น ซีรีย์ ภาพยนตร์ และแอนิเมชั่น มากมายตราบจนถึงปัจจุบัน  แม้แต่ Original Series เองก็ยังมีการนำกลับมาฉายซ้ำอีกหลายครั้ง

แม้ฉากต่างๆ จะดูล้าสมัยเมื่อมาดูในปัจจุบัน  แต่เทคโนโลยีหลายอย่างก็ยังล้ำสมัยจนกระทั่งในปัจจุบันก็ยังทำไม่ได้  เช่นการเคลื่อนย้ายคนหรือสิ่งของแบบ Teleport ("Beam me up, Scotty!!) เป็นต้น

William Shatner เกิดปี พ.ศ. 1931

ปัจจุบันอายุ 86 ปี

Leonard Nimoy เกิดปี คศ. 1931 เช่นกัน (เกิดหลัง William Shatner 4 วัน)

Leonard Nimoy เสียชีวิตเมื่อปี คศ. 2015 

"Mr. Spock" gives "Vulcan Salute" in 2011

A life is like a garden. Perfect moments can be had, but not preserved,
except in memory. LLAP [Live Long and Prosper].

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=4255.0;attach=54777;image)

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4255.msg141597#msg141597

หนูน้อยบีเวอร์นี่จำได้ เป็นหนังฝรั่งเรื่องแรกๆที่ตามดู ตอนนั้นอายุก็ประมาณหนูน้อยในทีวี
แต่คาดว่าหนังเอามออกอากาศหลายปีหลังจากหนังดัง เพราะผมดูทางทีวีช่องสิบหาดใหญ่
เวลาดูต้องวิ่งไปดูบ้านเพื่อนเพราะทีวีที่บ้านไม่มี  ตอนนั้นยังแปลกใจหนังอะไรตอนยิงมุข มันถึงมีเสียงหัวเราะแทรกด้วย

ผ่านไป 20 ปีนับแต่หนังจบชุด  ดาราในกลอยใจจอมเปิ่นกลับมาเจอคนดูอีกครั้ง

https://www.youtube.com/watch?v=nIno3jm9e2s

     อีกชุดหนึ่งที่เด็กน้อยในทศวรรษ 1960s รู้จักกันดี คือ Lost in Space  ชื่อไทยว่าอะไรลืมไปแล้ว   เป็นเรื่องของโลกอนาคต  ครอบครัวโรบินสันประกอบด้วยพ่อ แม่  ลูกสามคนและหนุ่มหล่อนักบินผู้ช่วยอีก 1 คน เดินทางด้วยยานอวกาศจูปิเตอร์ 2  ไปในอวกาศเพื่อจะไปตั้งถิ่นฐานบนดาวดวงใหม่    แต่กลับหลงทางซัดเซพเนจรไปลงตามดาวต่างๆ     
     เรื่องนี้  จะว่าเป็นผจญภัยในอวกาศแบบ Star Trek (หรือตะลุยจักรวาล) ก็ไม่ใช่  เป็นหนังให้เด็กดูเสียมากกว่าค่ะ    ตัวเด่นของเรื่องไม่ยักใช่ครอบครัวทั้งกลุ่ม แต่กลับเป็นตัวร้ายในเรื่องชื่อหมอแซคเคอรี่ สมิธ กับวิล โรบินสัน ลูกชายคนเล็ก   อีกตัวหนึ่งคือหุ่นยนต์แสนรู้    คนอื่นๆเป็นตัวประกอบแทบไม่มีบทบาทอะไร   
    คนเล่นเป็นหมอสมิธ เล่นเก่งมาก เป็นกึ่งตัวโกงกึ่งตัวตลก   ก็เลยกลายเป็นผงชูรสสำคัญของเรื่อง  จับคู่กับดาราเด็ก บิล มูมี่ผู้รับบทลูกชายคนเล็กของครอบครัว ได้กลมกลืน
    หนังชุดนี้ยาว 3 ปีกว่าจะอวสาน

เมื่อหนังชุดจบลงในปี 1968  ดาราก็แยกย้ายกันไป     บางคนก็ไปเล่นหนังทีวีเรื่องอื่นๆ  บางคนไปทำงานหลังกล้อง  บางคนก็อำลาวงการมายาไปประกอบอาชีพอื่น   มาถึงวันนี้ต่างคนต่างเกษียณจากงานกันเกือบหมดแล้ว
ที่จากไปแล้วมี 2 คนคือ กาย วิลเลียมส์ผู้รับบทพ่อ และหมอสมิธจอมโกง

โลกพิศวง หนังทีวีในดวงใจเมื่อวัยเยาว์  ;D

ผู้แสดงเป็นหมอสมิธคือ Jonathan Harris ดังมาก ถึงกับมาโชว์ตัวที่เมืองไทย ในภาพถ่ายคู่กับสมจินต์ ธรรมทัต ผู้พากย์เสียงหมอสมิธที่ห้องส่งช่องสี่บางขุนพรหม

    คุณหมอเพ็ญทันดูด้วย   ;D ;D ;D

    ขออาจารย์กู๊กช่วยกวาดสายตาเร็วๆ มองหนังทีวีในยุค 1960s ก่อนจะไปถึง 1970s  ว่ามีเรื่องไหนที่คนไทยนิยมกันอีกบ้าง  พบว่าวิกบางขุนพรหมสมัยนั้นสั่งหนังดังๆเข้ามาไม่น้อย   เรียกว่าคนดูทีวีไทยยุคคุณตาคุณยายยังเด็กได้ทันสมัยไม่น้อยหน้าเด็กอเมริกันเชียวละ
     อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นหนังชุดครื้นเครงเฮฮาเบาสมอง คือ ทหารเรือมาแล้ว หรือ McHale's Navy   ใช้ฉากย้อนยุคไปสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ปี 1943  เมื่อทหารเรืออเมริกันไปตั้งฐานทัพอยู่ที่เซาธ์แปซิฟิค    ตัวเอกของหนังชุดนี้ชื่อนาวาตรีแม็คเฮล เป็นทหารตัวแสบ   พร้อมกับลูกน้องตั้งก๊วนกวนประสาทผู้บังคับบัญชาเป็นประจำ    คนรับบทคืออดีตดาราตุ๊กตาทอง เออเนสต์ บอร์กไนน์
   บอร์กไนน์เป็นดาราใหญ่มาจากหนังใหญ่ในอดีตหลายเรื่องด้วยกัน  โดยมากรับบทผู้ร้าย    เล่นดีจนได้ตุ๊กตาทองนักแสดงนำฝ่ายชายในปี 1955 จากหนังเรื่อง Marty   เมื่อหันมาเล่นหนังชุดทางทีวี  ที่วงการสมัยนั้นมองว่า ใครออกจากหนังจอใหญ่มาเล่นจอเล็กถือว่ามือตก  ซ้ำยังต้องมาเล่นบทตลกร้ายๆฮาๆ แทนบนเข้มข้นดุดันอย่างของเดิม   เขาก็กลับสร้างชื่อเสียงพุ่งทะลุฟ้า จนหนังเรื่องนี้ออกอากาศยาวนานถึง 4 ปี   กลายเป็นประวัติอันน่าภูมิใจของดาราในเรื่องทุกคน
   บอร์กไนน์ยืนยงอยู่ในวงการมายายาวนานถึง 6 ทศวรรษ   อายุยืนยาวจน 95 จึงจากไปเมื่อปี 2012 นี้เองค่ะ

ดูอีกรูป

หนังชุดทีวีที่นำเข้ามาฉายในไทยสมัยแรกๆนั้น ส่วนมากจะเป็นเรื่องวิถีชีวิตของ Cowboy   กำลังคิดอยู่ว่าจะเสนอชื่อชุดหนังเท่าที่นึกออกได้ไปพร้อมกันหลายชื่อ หรือจะค่อยๆเสนอไปทีละชื่อดี

ชื่อหนังชุดแรกที่น่าจะทำให้นึกออกได้อีกหลายๆเรื่องก็คงจะเป็นเรื่อง Maverick  ชุดแรกๆเป็นเรื่องของพี่ชายคนเดียว ต่อมาก็มีน้องชายเข้ามาเกี่ยวด้วยแทรกบ้างเป็นตอนๆไป

พอคุณตั้งเอ่ยขึ้นมาถึงนึกได้ว่า 1960s เป็นยุคที่หนังทีวียิงกันเปรี้ยงปร้างสนั่นจอ    พระเอกคาวบอยเดินกันเพ่นพ่านเต็มจอแก้ว  ปัจจุบันหายสูญกันไปเกือบไม่เหลือร่องรอย  ยิ่งในหนังชุด ยิ่งปิดฉากกันไปโดยสิ้นเชิง
ในแดนคาวบอยที่พระเอกต้องชักปืนเร็ว   ไม่มีใครดังเท่า Maverick   พี่น้องนักพนันอาชีพแห่งดินแดนตะวันตก

ลีลาโพสท่า เท่ไม่เบา

ฝากคุณหมอ SILA แนะนำเจมส์ การ์เนอร์ และแจ๊ค เคลลี่ด้วยค่ะ

              สามพี่น้องสกุล Maverick นำโดย พี่ James Garner แล้วตามมาด้วยน้อง Jack Kelly

              ปู่ James Garner เพิ่งจากไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน

         http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4255.msg135051#msg135051

[ภาพประกอบสามพี่น้อง Maverick(ความคิดเห็นที่ 1256) เป็น Jack Kelly, Roger Moore และ
Robert Colbert ที่(ได้รับเลือกเพราะหน้าตาละม้าย James Garner) เข้ามาเสริมในช่วงท้าย]

              ส่วนยอดชายนาย Maverick คนกลางเด็กวันพุธ Jack Kelly โด่งดังฉายแสงน้อยกว่าและ
อำลาฟากฟ้าไปก่อนพี่น้อง
              ปู่แจ็คแสดงในซีรี่ส์นี้มีทั้งตอนนำเดี่ยวและบางตอนก็ออกคู่กับปู่เจมส์ หลังจากซีรี่ส์จบไปแล้ว
ก็มีผลงานน้อยลงๆ ก่อนจะผันตัวมาจับธุรกิจอสังหาและเข้าสู่วงการเมืองท้องถิ่น
              ปู่แจ็คป่วยด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลันและเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมองเมื่อปี 1992

           และ Roger Moore (ลูกพี่ลูก) น้องที่เข้ามาในซีซั่นที่สี่แทนพี่คนโตที่ออกไปเนื่องจากมีปัญหา
กับสตูดิโอและแล้วก็ตามพี่คนโตไปในไม่ช้า 
          พี่ทั้งสองลับจากฟากฟ้าไปก่อน เหลือแต่ท่านเซอร์ Roger Moore ที่เคยฉายแสงรุ่งโรจน์กว่าพี่ๆ
แต่ตอนนี้เริ่มริบหรี่ด้วยวัย 90 ปี และสารพัดโรครุมเร้าทั้งเบาหวาน, มะเร็งต่อมลูกหมาก(รักษาแล้ว),หัวใจ
เต้นผิดจังหวะต้องผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจและต้องใส่เครื่องช่วยการได้ยิน

เรื่อง Maverick นี้เคยทำเป็นลักษณะของหนังโรงอีกด้วย เคยดูในทีวีแต่จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อใด  จำได้ว่า James Garner โผล่มาเข้าฉากอยู่ไม่กี่ฉากและในลักษณะเป็นตัวละครเสริม 

อีกเรื่องหนึ่งที่คนติดกันงอมแงมเช่นกัน คือเรื่อง ไอ้ปืนโต "Wanted Dead or Alive" นำแสดงโดย Steve McQueen

คือเรื่องนี้ Maverick (1994)  

หนังใหญ่เรื่อง Maverick  เจมส์ การ์นเนอร์รับเชิญมาเป็นมาเวอร์ริคตัวจริงจากหนังทีวี    ส่วนเมล กิ๊บสันรับบทมาเวอร์ริคแต่แรก  มาเปิดเผยแบบหักมุมกับคนดูทีหลังว่าเป็นตัวลูก

ข้างล่างนี้คือท่านเซอร์โรเจอร์ มัวร์ ปัจจุบันกับอดีต     อนิจจังสังขาร

จำโรเบิร์ต คอลเบิร์ตเล่นหนังชุด Maverick ไม่ได้ค่ะ  ต้องไปถามอาจารย์กู๊ก  ถึงได้ประวัติมาว่าเล่นได้แค่ 2 ตอนก็โดนปลดระวาง  ตัวเขาเองก็ไม่ได้เต็มใจเล่นอยู่แล้ว  แต่ถูกยัดเยียดบท Brent Maverick ให้เล่นแทนเจมส์ การ์นเนอร์ซึ่งลาออก     ดาราคนไหนโดนให้เล่นเป็นตัวแทนดาราดัง อนาคตก็อับแสงอยู่แล้วเห็นๆ  ถ้าสู้คนเดิมไม่ได้
เขาก็ไปเล่นหนังเรื่องอื่นๆ  เป็นดารารับเชิญบ้าง ดารานำแบบประกบสองคนบ้าง   แฟนทีวีไทยอาจจะจำเขาได้จากหนัง The Time Tunnel หรืออุโมงค์มหัศจรรย์  เป็นเรื่องนักวิทยาศาสตร์สองคนที่หลงอยู่ในอุโมงค์เวลา

ปัจจุบันคุณปู่อยู่ในวัย 86 ปี    เกษียณนมนานแล้ว    แต่ใจยังรักอาชีพอยู่ก็แวบๆมาให้เห็นบ้าง   หรือไม่ก็ไปแจกลายเซ็นในงานเชิญดาราเก่ามาให้แฟนเก่าๆเห็นหน้า

เอาภาพดาราที่เล่น อุโมงค์มหัศจรรย์ มาให้ดูค่ะ   ทั้งภาพในอดีตและปัจจุบัน

ขออนุญาตกลับไปหาหมอสมิธ


จากหนังสือดาราทีวี พ.ศ. ๒๕๐๙

และ ตะลุยจักรวาล พ.ศ. ๒๕๑๐ โฆษณาว่าตื่นเต้นดีกว่า โลกพิศวง  ;)

ก่อนจะตามคุณเพ็ญชมพูไปตะลุยจักรวาล  เอาดาราคาวบอยที่เดินกันเกลื่อนจอแก้วมาให้ดูค่ะ
พวกนี้เป็นดาราสังกัดวอเนอร์บราเธอส์ ซึ่งโด่งดังในการผลิตหนังคาวบอยในยุคปลาย 50s ต่อถึงต้นและกลาง 60s
จากซ้ายไปขวา Will Hutchins (Sugarfoot),(หนังเรื่องนี้ไม่ได้มาฉายในไทย)
Peter Brown (Lawman),
Jack Kelly (Maverick),
Ty Hardin (Bronco),
James Garner (Maverick),
Wayde Preston (Colt .45),
John Russell (Lawman)

ทั้งหมดข้างบนนี้ เหลือ 1กับ 4 เท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่  แต่ก็อำลาอาชีพไปนานแล้ว
ที่เหลือขึ้นดวลปืนกันในอีกมิติหนึ่ง

รูปของไท ฮาร์ดิน "บรองโก" ในวัยเกษียณ

    มีหนังชุดของอังกฤษอยู่เรื่องหนึ่งที่ก้าวมาโด่งดังในอเมริกา  ยืนยงคงกระพันตั้งแต่ปี 1961-1969     คือ The Avangers หรือพากย์ไทยว่า ขวัญใจสายลับ 
    หนังชุดนี้เปลี่ยนดารานำไปเรื่อยๆหลายคน  ตั้งแต่แรก   มาถึงช่วงพีคเมื่อบริษัทได้ดาราละครเวทีสาวสวยชื่อ ไดอาน่า ริกก์ มาเล่นบทสายลับหญิง เอมม่า พีล    ส่วนฝ่ายชายที่ยืนโรงอยู่ก่อนหน้้าแล้วชื่อจอห์น สตีด รับบทโดยแพ็ทริก แม็คนี
    https://www.youtube.com/watch?v=A1XqUNPGbdo

      เอมม่า พีล เป็นสายลับหญิงนักบู๊ ที่ผู้สร้างไม่ยอมให้ภาพลักษณ์ของเธอออกมาเป็นนักมวยหญิง  แต่ยังคงความเป็นนางแบบแฟชั่นระดับสูงเอาไว้  แต่งตัวสวย ล้ำสมัยในยุคมินิสเกิร์ต  ไม่ว่าจะชกต่อยตีรันฟันแทงกับเหล่าผู้ร้ายขนาดไหน  หน้าไม่เคยยับ ผมไม่เคยยุ่ง เสื้อผ้าไม่เคยเยิน  ยังสวยเฉิดฉายเหมือนถ่ายโฆษณาแฟชั่นอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ
     ไดอาน่าเล่นบทเอมม่า พีลได้อย่างมี Sex appeal   มีบุคลิกเป็นตัวของตัวเอง   เธอเป็นแม่เหล็กของหนังชุดนี้จนอำลาไปเป็นดาราจอใหญ่

     https://www.youtube.com/watch?v=um3--rHaIqU

       ไดอาน่า ริกก์ เติบโตมาจากวงการละครเวทีคลาสสิคของอังกฤษ อยู่ในสังกัด Royal Shakespeare Company ก่อนจะมาเล่นหนังทีวีชุดขวัญใจสายลับ ที่ส่งให้ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศอังกฤษ    แต่ผู้ผลิตโหดกับเธอไปหน่อย ตั้งค่าตัวให้ต่ำกว่าช่างกล้องเสียอีก    พอเธอจับได้  เธอก็เลยไม่ต่อสัญญาในปีที่ 3   แต่ข้ามมาเล่นหนังให้ฮอลลีวู้ด ในบทของเทรซี่ เจ้าสาวตัวจริงหนึ่งเดียวของเจมส์ บอนด์
       ไดอาน่าเป็นคนมีฝีมือในการแสดง  เล่นได้ทั้งละครเวที  หนังทีวีและหนังใหญ่  เล่นได้ทั้งบทดีบทร้าย   จึงได้รางวัลมาหลายเวทีรวมทั้งโทนี่อวอร์ดที่มอบให้นักแสดงละครเวทีดีเด่น และรางวัลเอมมี่ในบทนางร้ายใน Rebecca   แม้ว่าอายุเลยเกษียณไปเป็นไหนๆแล้วก็ยังมีงานแสดงไม่ขาดสาย  ผลงานล่าสุดคือ Game of Thrones, ในบท Lady Olenna Tyrell,
      ไดอาน่าได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์  Commander of the Order of the British Empire (CBE) ในปี 1988 และเป็น Dame Commander of the Order of the British Empire (DBE) ใน 1994.  มีสิทธิ์ใช้คำว่า Dame นำหน้า แบบไทยๆก็เรียกว่าคุณหญิงน่ะละค่ะ
      ปีนี้ คุณย่าอายุ 79 แล้วค่ะ

ตอนสาวๆ สวยติดอันดับแถวหน้าของอังกฤษ และฮอลลีวู้ดทีเดียว

https://www.youtube.com/watch?v=Qv3wW8i5Mgs

     ส่วน Patrick McNee เป็นดาวดวงขนาดกลางๆของทีวีอังกฤษ    ได้รับเลือกเล่นบท John Steed สายลับมาดโก้ถือไม้เท้า สวมหมวกโบว์เลอร์แบบผู้ดีอังกฤษ ก็เพราะบุคลิกให้    เคยเรียนที่โรงเรียนชั้นนำของอังกฤษอย่างอีตันมาก่อน      เขาเริ่มเข้ามาในหนังทีวีชุดนี้ในฐานะตัวรองจากพระเอก   เมื่อพระเอกตัวจริงอำลาจอไปเล่นหนังใหญ่ก็เลยได้เลื่อนขึ้นเป็นตัวนำแทน
     เมื่อจบหนังชุด ขวัญใจสายลับ   แพทริคหาบทดีเท่านี้ไม่ได้อีก    ก็เลยเล่นเป็นดารารับเชิญในหนังทีวีเรื่องอื่นๆไปเรื่อย  เคยเล่นเป็นทั้งเชอร์ล็อคโฮล์มส์และดร.วัตสันเพื่อนคู่หูของนักสืบใหญ่ 
     ถึงแก่กรรมเมื่อค.ศ. 2015 นี้เองค่ะ

พ้นจากทศวรรษ 60s ขึ้นสู่ทศวรรษ 70s  หนังชุดทางทีวียังคงเป็นที่นิยม  แต่แทนที่จะเป็นหนังครอบครัว หรือหนังแฟนตาซีเบาสมอง ยาวครึ่งช.ม. ก็กลายเป็นหนังยาว 1 ช.ม.  เนื้อหาตื่นเต้นโลดโผนผจญภัย  
เรื่องดังสุดในจำนวนนั้น มี 3 เรื่อง  คนไทยได้ดูทั้งสามเรื่อง

เรื่องแรก The Six Million Dollar Man ฟังแต่ชื่อเหมือนตัวเอกเป็นเศรษฐีมีสตางค์  แต่ความจริง พันเอกสตีฟ ออนตินเป็นมนุษย์อวกาศ  ได้รับบาดเจ็บสาหัส    หกล้านดอลล่าร์คือค่าผ่าตัดใส่อวัยวะเทียมให้เขา ที่แขนขวา ตาซ้าย และขาทั้งสองข้าง ด้วยอุปกรณ์อีเล็กโทรนิคส์ ทำให้เขากลายเป็นมนุษย์จอมพลัง วิ่งเร็วปานลมกรด มองเห็นทะลุแผ่นเหล็กได้  ทำให้องค์การ OSI(Office of Scientific Intelligence) จ้างเขาเป็นสายลับให้เผชิญงานเสี่ยงภัยต่างๆที่ไม่มีมนุษย์หน้าไหนทำได้
ดารานำเรื่องนี้ชื่อ ลี เมเจอส์  เป็นอดีตดาราคาวบอยรูปหล่อจาก The Big Valley  หนังชุดทีวียุค 60s  พอมารับบทนี้เข้าก็เหมือนพยัคฆ์ติดปีก ดังระเบิดเถิดเทิง กลายเป็นไอคอนของทศวรรษไป  ลีลาหลายอย่างเช่นเวลาวิ่งเร็วจนดูไม่ทัน ก็ถ่ายแบบสโลว์โมชั่น ให้รู้ว่าที่ทำท่ายืดๆช้าๆเหมือนวิ่งใต้น้ำนี่น่ะ จริงๆคือวิ่งเร็วยิ่งกว่าพายุพัดนะ

เห็นภาพของ Patrick McNee ทำให้นึกถึงหนังทีวีเมื่อวันวานอีกชุดหนึ่ง  เรื่อง Bat Masterson ครับ

คนนี้เลยค่ะ  Gene Barry  ดารานำในหนังทีวี Bat Masterson

Bat Masterson หรือชื่อไทย(ถ้าจำไม่ผิด) ว่า "ชายชาตรี" เป็นหนึ่งในหนังคาวบอยยอดนิยมยุค 50s ที่ข้ามมาถึง 60s  ส่งชื่อเสียงให้ยีน แบรี่ดังขึ้นมาในระดับแถวหน้าของคาวบอยทีวี 
เรื่องนี้ไม่มีบทบู๊ยิงกันสนั่นจอ  พระเอกแต่งกายแบบผู้ดียุโรป สวมหมวกโบว์เลอร์ ถือไม้เท้า แต่พกปืน  ชักปืนเร็วกว่าผู้ร้ายเสมอมา   
ยีน แบรี่มีมาดพระเอกผู้ดี เศรษฐี ไฮโซ  จึงรับบทแบบนี้อยู่ประจำค่ะ  อายุยืนยาวมาถึง 90 ปีถึงลาจากไปเมื่อปี 2009

กลับมาที่ Star Trek  หรือ ตะลุยจักรวาล

หนังทีวีชุดนี้เป็นการผจญภัยในอวกาศของยานอวกาศเอนเทอร์ไพร้ส์ ที่มีกัปตันคือนาวาอวกาศเอกเจมส์ ที.เคิร์กเป็นผู้การ   รับบทโดยวิลเลียม แชทเนอร์ ดาราหนุ่มรูปหล่อจากแคนาดา   
ดาราเด่นอีกคนนอกเหนือจากพระเอกคือตัวพระรอง คุณสป๊อคหูแหลม  ชาววัลแคน รับบทโดยเลียวนาร์ด นีมอย

ดาราประจำอยู่ในภาพข้างล่างนี้ค่ะ

    ในเรื่อง ยานอวกาศเอนเทอร์ไพร้ส์อยู่ในโครงการสำรวจจักรวาลเป็นเวลา 5 ปี  แต่หนังชุดนี้ ออกอากาศได้ 3 ปี ระหว่าง 1966-69 ก็ถึงกาลอวสาน  จากนั้นเมื่อหลุดผังสถานีใหญ่ไปแล้ว ก็ไปรีรันอยู่ตามสถานีทีวีท้องถิ่นในรัฐต่างๆ   แบบเดียวกับหนังทีวีเก่าๆอีกหลายชุด  ที่กลายเป็นหนังชุดรอบบ่ายบ้าง รอบเช้าบ้าง   สำหรับแม่บ้านและเด็กๆดูกันแก้เหงา
   ตะลุยจักรวาลสร้างปรากฎการณ์ขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ คือในช่วง 1970s  ที่เรื่องนี้รีรันอยู่    กลับกลายเป็นหนังยอดนิยมของผู้ใหญ่และเด็ก จนกลายเป็นเรื่องฮือฮา  ทำให้ผลิตผลจากเรื่องนี้เช่นของเล่นต่างๆขายดิบขายดี    ดาราที่หรี่แสงไปแล้วในเรื่องก็กลายเป็นที่นิยมอีกครั้ง ทั้งๆพ้นวัยหนุ่มสาวกันไปแล้ว  จนต้องกลับมารวมตัว เล่นหนังทีวีเรื่องนี้เป็นตอนพิเศษกัน

ภาพข้างบนนี้คือ กัปตันและลูกเรือของยานเอนเทอร์ไพรซ์ จากซ้ายไปขวาคือสป๊อค รองผู้การ   ซูลู   Helmsman  เชคอฟ navigator  สก๊อตตี้   หัวหน้าช่างเครื่อง    หมอแม็คคอย แพทย์ประจำยาน   และอูฮูรา พนักงานสื่อสาร
ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษไว้ เพราะไม่แน่ใจว่าตำแหน่งนี้ในยานอวกาศเรียกว่าอะไร ใครทราบช่วยบอกด้วยนะคะ

ดาราทั้งหมดนี้ เหลืออยู่ 4 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ในค.ศ. 2017 ส่วนคุณสป๊อค  หมอแม็คคอย และสก๊อตตี้เดินทางล่วงหน้าไปอีกมิติหนึ่งกันหมดแล้ว
แต่ที่เหลือก็ล้วนแต่ส.ว. มากมาย ทั้งผู้การเจมส์ เคิร์ก  ซูลู เชคอฟ และอูฮูรา

หนึ่งในดาราประจำของ McHale's Navy  เพิ่งลาลับไปในวัย 85 ปี  
Tim Conway ก้าวจากนักแสดงตลกหนุ่มหน้าตาเด๋อด๋า  ขึ้นไปเป็นดาวตลกดวงใหญ่ของวงการทีวี  โดยเฉพาะในรายการวาไรตี้โชว์มหายอดนิยม The Carol Burnett Show  (ไม่ได้ฉายในไทย)   แล้วอยู่มาจนแก่ชรา ก่อนจะจากไปตามอายุขัย

https://www.youtube.com/watch?v=HWa2fQJOazU

ทิม คอนเวย์มาดังสุดๆในบทหมอฟันจอมประสาท ใน Carol Burnett Show

https://www.youtube.com/watch?v=nF_C3bO8WZ0

ดารานักแสดงใน McHale's Navy เดินทางล่วงหน้าไปก่อนทิม คอนเวย์ เกือบจะยกชุดแล้วค่ะ

หนูน้อยบีเวอร์ ดาราเด็กขวัญใจชาวบ้านยุค 1950s   อายุครบ 71 ไม่กี่วันนี้เองค่ะ

ขออนุญาตเรียนถาม ซีรีส์เรื่องหนึ่งในสมัยก่อนเหมือนจะเคยดูทางทีวีน่าจะช่อง 9 ถ้าจำไม่ผิดนะครับ
แต่ผมจำได้ลางๆ เป็นกลุ่มผี เฝ้าคฤหาสน์ แต่ไม่ใช่หนังน่ากลัว เป็นหนังดูได้ทั้งครอบครัว
หนังจากประเทศอังกฤษ ซีรีส์ฉายที่เมืองนอกประมาณ พ.ศ. 2519
พยายามไปตามหา เจอว่าน่าจะเป็นเรื่องนี้ครับ
ชื่อเรื่อง the ghosts of motley hall
ตามรูปครับ

แต่ผมจำไม่ได้ว่าสมัยก่อนตอนที่ฉายใช้ชื่อไทยว่าอะไร อยากทราบชื่อตอนที่ฉายครับ
ขอรบกวนท่านผู้รู้ หรือผู้เคยได้ชมและยังจำได้ ช่วยกรุณาชี้แนะให้ด้วยนะครับ
ขอบพระคุณมากครับ

ไม่เคยดูหนังเรื่องนี้เลยค่ะ  เลยไม่ทราบชื่อภาษาไทย
ไปค้นดูในยูทูป เจอบางตอน ก็เลยเอามาให้ดูกัน
เผื่อท่านใดจะนึกชื่อไทยออก

https://www.youtube.com/watch?v=ffQMIA6L4qY