ไม่ทราบว่าเกิดผิดพลาดขึ้นที่จุดใด ตัวอักษรจึงหายไป ขอยกมาใหม่ตรงนี้
ตัวอย่าง
วสันต์คลายเคลื่อนคล้อย เลยไป แล้วฤๅ
หนาวยิ่งกาลเหมันต์ แผ่นพื้น
ปวงสาวบ่าวเริงใจ เสริมแต่ง กายเฮย
ชวนเที่ยวกันครื้นคล้อง คู่เคียง
เราเดียวดายแล้งคู่ เดินควง นาพ่อ
โสตแว่วคำสำเนียง ล่อล้อ
เจ็บแปลบอยู่ในทรวง คาคั่ง โอ้อก
คงแต่เพียงพ้อเพ้อ บ่นเปรย ฯ
ขอทักท้วงตามเท่าที่เคยได้เรียนมาจากครู
การส่งและรับสัมผัสในตัวอย่างโคลงบาทกุญชร
ที่คุณwillyquiz มีทีผมติดใจคือ คำที่ขีดเส้นใต้ ๒ แห่งนั้น
จริงอยู่ว่า ครูบาอาจารย์โบราณท่านอนุโลมให้สลับตำแหน่งคำเอกคำโท
ในโคลงดั้นบาทกุญชรได้ แต่การสลับตำแหน่งนั้นมีเหตุผลอธิบายได้
ว่าบางทีคำที่หาได้หรือเนื้อความไม่เอื้อให้ใส่คำเอกก่อนคำโทตามบังคับฉันทลักษณ์
เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็เลยอนุโลมให้สลับตำแหน่งคำโทมาอยู่ก่อนคำเอกได้
แต่ก็ไม่ใช่ว่าสลับคำเอกคำโทได้ทุกตำแหน่ง ที่อนุโลม
คือตำแหน่งคำเอกคำโท ในบาทแรก เท่านั้น บาทที่สองไม่ได้อนุโลมตามนัยนี้
และถึงจะสลับตำแหน่งคำเอกคำโทในบาทแรก แต่การรับสัมผัสก็ไม่เปลี่ยนแปลง
นั่นหมายความว่า เมื่อส่งคำสัมผัสซึ่งเป็นตำแหน่งคำเอกวรรคหลังบาทที่ ๓ จากบทก่อน
ก็ต้องมารับสัมผัสด้วยคำเอกในวรรคหน้าบาทที่ ๑ โคลงบทต่อไป
ไม่ว่าคำเอกจะอยู่ในตำแหน่งคำที่ ๔ หรือคำที่ ๕ ก็ตาม เพราะลักษระของโคลง
ย่อมส่งและรับสัมผัสด้วยตำแหน่งคำประเภทเดียวกัน ไม่ข้ามประเภทเด็ดขาด
คือ คำสุภาพ(คำที่ไม่มีรูปวรรณยุกต์)ส่งและรับสัมผัสกับคำสุภาพ
คำเอกส่งและรับสัมผัสกับคำเอก และคำโทส่งและรับสัมผัสกับคำโทเท่านั้น
ฉะนั้น จากตัวอย่างโคลงดั้นบาทกุญชรที่คุณwillyquiz นำมาแสดง
โคลงบทแรกบาทที่ ๓ วรรคหลัง คำที่ ๒ คือว่า แต่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งคำเอกถูกต้อง
ส่งสัมผัสมายังตำแหน่งคำเอกในโคลงบทที่ ๒ วรรคหน้า คำที่ ๔ (กรณีไม่สลับตำแหน่งคำเอกคำโท)
หรือคำที่ ๕ (กรณีสลับตำแหน่งคำเอกคำโท) แต่คุณwillyquiz
ให้คำว่า แล้ง ซึ่งเป็นตำแหน่งคำโทรับสัมผัส คำว่า แต่ง ซึ่งเป็นคำเอก ซึ่งไม่ถูกต้องตามฉันทลักษณ์
ที่ถูกต้อง ต้องรับสัมผัสตรงตำแหน่งคำว่า คู่ นั้น ซึ่งคำว่า คู่ ย่อมไม่รับสัมผัสกับคำว่า แต่ง
เมื่อสลับตำแหน่งคำเอกคำโท การรับสัมผัสก็ต้องย้ายตำแหน่งตามไปด้วยถึงจะถูก
ตัวอย่างนี้ยังไม่เหมาะที่จะใช้เป็นตัวอย่างดังได้แย้งมาด้วยประการฉะนี้