เรือนไทย

General Category => ระเบียงกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: NAVARAT.C ที่ 01 เม.ย. 13, 17:21



กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 เม.ย. 13, 17:21
ทองกวาวเอ๋ย


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 เม.ย. 13, 17:22
ทองกวาวเอ๋ย

เคยผ่านไปได้ชื่นระรื่นจิต
เจ้าเรียงต้นชิดช่อลออสง่า
ดอกแสดสดงดงามอร่ามตา
ชาวประชาผู้สัญจรร้อนผ่อนคลาย

ผ่านกลับไปคราวนี้มีแต่ทราก
เขาถอนรากเจ้าไปให้ใจหาย
คงยืนต้นขวางประโยชน์โทษถึงตาย
ธรรมชาติพินาศสลายวอดวายเอยฯ


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 เม.ย. 13, 17:25
ไว้อาลัย ในวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๖
ณ ข้างทางหลวงหมายเลข๑๒ ประมาณ๔.๓๐กม.จากอำเภอวังทอง  บนเส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก



กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 เม.ย. 13, 20:33
มาทำความรู้จักกับทองกวาว

ต้นไม้ประจำจังหวัด                         เชียงใหม่
ชื่อพันธุ์ไม้                                   ทองกวาว
ชื่อสามัญ                              Flame of the forest, Bastard Teak, Bengal kinotree, Kino tree
ชื่อวิทยาศาสตร์                       Butea monosperma Kuntze.
วงศ์                                LEGUMINOSAE
ชื่ออื่น                                    กวาว ก๋าว (ภาคเหนือ), จอมทอง (ภาคใต้), จ้า (เขมร), ทองธรรมชาติ ทองพรหมชาติ ทองต้น (ภาคกลาง)
ลักษณะทั่วไป                           เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 8–1 5 เมตร เปลือกสีเทาคล้ำแตกเป็นร่องตื้นๆ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบออกสลับกัน ออกดอกเป็นช่อตามกิ่งก้านและที่ปลายกิ่ง ดอกสีเหลืองถึงแดงแสด ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม ผลเป็นฝักรูปขอบขนานแบน มีเมล็ดที่ปลายฝัก
ขยายพันธุ์                               โดยการเพาะเมล็ด
สภาพที่เหมาะสม                     ดินร่วนปนทราย ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง แสงแดดจัด
ถิ่นกำเนิด                                ที่ราบลุ่มในป่าผลัดใบ ป่าหญ้าหรือป่าละเมาะที่แห้งแล้ง พบมากทางภาคเหนือ


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 เม.ย. 13, 06:52
ไว้อาลัย ในวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๖
ณ ข้างทางหลวงหมายเลข๑๒ ประมาณ๔.๓๐กม.จากอำเภอวังทอง  บนเส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก



เวลาเปลี่ยน การณ์ก็เปลี่ยน กระแสการพัฒนาขยายถนนหรือความเจริญย่อมเข้ามาสู่ชุมชน ทั้งนี้ต้นทองกวาวเหล่านี้เติบโตก่อนถนน หรือ หลังถนนก็ตามที แต่เอาเป็นว่า เมื่อได้มีการตัดถนนปักเสาไฟฟ้าแรงสูงแล้วไซร้ ย่อมหมายว่า ทองกวาวเหล่านี้ยืนต้นอยู่ในเขตถนนทางหลวงแล้ว  :o


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 เม.ย. 13, 08:22
แปลว่าต้นทองกวาวเหล่านี้เป็นฝ่ายผิด  เพราะบุกรุกที่หลวง
จึงถูกประหาร


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 เม.ย. 13, 08:59
โชคดีของน้องกวาวเชียงใหม่   ยังยืนต้นอยู่ได้ตามปกติ  ไม่เจอข้อหาบุกรุกที่สาธารณะ


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 เม.ย. 13, 09:45
^
ระวัง อนาคตอย่าประมาท


คนปลูกเราเขาหวังได้           รื่นรมย์
ชูจิตผู้จรดล                      ผ่านฉนี้
เราทำหน้าที่จน                  อเนกทศ วรรษนา
สร้างศักดิ์ศรีสง่าให้             ถิ่นแคว้นแมนสรวง

คนฆ่าเราเขาคิดแค่             ความสบาย
ถนนตรงขยายง่าย              ไป่เยื้อ
ถนนคล่อมอาจบานปลาย      ลำบาก
โค่นแล้วปลูกใหม่ได้           ใช่แล้วจริงฤา
    


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 เม.ย. 13, 11:01
ประมาณปี๒๕๓๗+/-๓ปี ผมขับรถไปเมืองตราด พอผ่านพ้นเขตจังหวัดจันทบุรีได้ไม่นาน พบว่ากรมทางกำลังขยายถนนหมายเลข๓ จากถนนเส้นเดี่ยวเป็นถนนเส้นคู่ หรือ sprit highway รถวิ่งไปมาสวนกันคนละทาง ซึ่งเป็นเรื่องดีที่จะลดอุบัติเหตุได้มาก

แต่แล้วก็ต้องผงะ เพราะแนวถนนที่จะตัดใหม่นั้น มุ่งเข้าหากลุ่มต้นยางนานับร้อยต้นที่ยืนเด่นเป็นสง่ามาแต่ครั้งรัชกาลที่๕กระมัง ดูแล้วเห็นฉากการฆ่าหมู่ต้นไม้เหล่านั้นขึ้นมาในมโนภาพ ผมจึงถ่ายรูปไว้และทำเรื่องด่วนถึงนายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งนายกสมาคมฯสมัยนั้นก็สนองตอบทันทีโดยการทำหนังสือคัดค้านการตัดต้นไม้ยางข้างแนวถนนเดิม โดยเสนอให้เบี่ยงแนวถนนเพื่ออนุรักษ์มรดกทางธรรมชาติ ที่มีคุณค่าทางสุนทรียภาพนี้ไว้ ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและอธิบดีกรมทางหลวง ก็รู้อยู่เต็มอกว่าถ้าท่านไม่ฟัง เราก็คงไปห้ามท่านไม่ได้

ก็นานนับเดือนเหมือนกันที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีหนังสือตอบขอบคุณมา และแจ้งว่า กรมทางหลวงตกลงที่จะแก้ไขแบบใหม่ โดยเบี่ยงแนวถนนหลบต้นยางนากลุ่มนี้ไป จากหนังสือของท่าน ทำให้ทราบว่า ไม่ใช่เฉพาะสมาคมสถาปนิกสยามฯเท่านั้นที่แสดงตนคัดค้าน แต่ที่สำคัญคือชาวบ้านในละแวกนั้น ดูเหมือนจะชื่อบ้านหวักและคนจังหวัดตราดเอง ที่มิได้แค่คัดค้านหากแต่จะต่อต้านด้วยหากกรมทางยังคงดื้อดึงจะตัดต้นไม้มีค่าของเขา


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 เม.ย. 13, 11:05
ผมผ่านไปอีกทีหนึ่งนับสิบปีหลังจากนั้น พบว่าถนนสุขุมวิทสายเก่าในช่วงนี้กลายเป็นช่วงแยกไปแล้ว ยางนาเก่าแก่ทั้งหลายยังคงทำหน้าที่ให้ความร่มเย็นแก่มนุษย์ของมันต่อไปยั่งยืน
 
ผมหาภาพที่เคยถ่ายไว้ไม่เจอ เลยนำภาพที่ได้จากสถานที่จริงในตำบลดังกล่าวมาลงให้ชมกัน


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 เม.ย. 13, 11:06
.


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 เม.ย. 13, 11:09
ต้นไม้ปลูกใหม่ได้ตามอ้าง แต่ดูความแตกต่างสิครับ


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 03 เม.ย. 13, 11:18
ปัญหานี้กรณีเดียวกันกับ "ถนนธนรัชต์" เลยนะครับ ต้นไม้ไม่มีสิทธิ์เสียงใด ๆ ทั้งสิ้น เจอรถไถดันดินก็เรียบร้อย

(ภาพประกอบทางหลวงตัดผ่านในประเทศจีน กรณีปัญหาเรียกร้องการเวนคืน)


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 เม.ย. 13, 17:48
split highway แปลว่าถนนหลวงที่แบ่งแยกทางรถวิ่งสวนกันชัดเจน แนวกึ่งกลางถนนทั้งสองด้านควรจะขนานกันก็จริง แต่หากจำเป็นก็เบี่ยงแนว ไม่ต้องขนานกันก็ได้

ข้อดีคือ สามารถอนุรักษ์ หรือหลีกเลี่ยงการทำลายพื้นที่ที่เบี่ยงหลบไปนั้น

ในภาพเป็นถนนมิครภาพแถวแก่งคอย


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 เม.ย. 13, 17:52
ข้อเสีย คือทำให้งานยากขึ้น เสียเวลาคนออกแบบที่มักจะถูกนายเร่งงานให้เสร็จเร็วๆ เร็วๆเป็นต้น

ในภาพเป็นถนนมิตรภาพแถวลำตะคอง


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 เม.ย. 13, 18:27
ความจริงการสร้างทางหลวงขึ้นใหม่หรือขยายทางเดิม ปัจจุบันมีพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ระบุให้ต้องส่งรายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment ย่อว่า EIA) ฉบับให้กับสำนักงานสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาอนุมัติ

กฎหมายดังกล่าว ประการหนึ่งก็มุ่งที่จะ คุ้มครองและฟื้นฟูให้เป็นมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของชาติ กลุ่มต้นไม้ริมถนนบางสายที่มีคุณค่าทางสุนทรีภาพพอก็จำเป็นต้องอนุรักษ์ไว้ แต่ก็นั่นแหละ มักจะมีข้อถกเถียงกันได้เสมอว่าอะไรสำคัญกว่ากัน ส่วนใหญ่แล้วเหตุผลทางเศรษฐกิจมักจะชนะขาด


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 เม.ย. 13, 18:29
ลงจากระเบียงกวีมาบ่นกลางถนนพอสมควรแล้ว เห็นทีจะต้องยุติ


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 เม.ย. 13, 19:31
อ้าว   กลายเป็นเรื่องสั้นจบในหน้า 2 ไปเสียแล้ว  :(

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5574.0;attach=39898;image)

บ้านกลางถนนหลังนี้มาถึงตอนจบแล้วค่ะ   ในที่สุด บ้านที่อยู่มาก่อนก็ต้องพ่ายแพ้ถนนที่มาทีหลัง

     สำนักข่าวซินหวาเมืองเวินหลิ่ง มณฑลเจ้อเจียงได้รายงานว่า เมื่อเวลา 8. 40น . ของวันเสาร์ที่ผ่านมา (1ธ.ค.) บ้านเดี่ยวโดดกลางถนนที่ยืนหยัดไม่ยอมย้ายออก หรือที่ชาวจีนเรียก “บ้านตะปูสุดอึด” ได้ถูกรื้อถอนตามกฎหมายแล้วนั้น หลังจากที่เจ้าของบ้านคือ นายหลัว เป่าเกิน และเจ้าพนักงานท้องถิ่นของรัฐ ได้ร่วมเซ็นสัญญารื้อถอนตึก 5 ชั้น โดยได้รับค่าชดเชยจากภาครัฐเท่าเดิม
      
       นักข่าวสำรวจพื้นที่แล้วพบว่า นายหลัวเป่าเกิน ตัดสินใจย้ายออกกลางดึกหลังเซ็นสัญญาในบ่ายวันศุกร์(30 พ.ย.) โดยบริษัทขนย้ายของตำบลต้าซี และความช่วยเหลือของญาติมิตร จากนั้นเวลา 7. 20 น. “บ้านตะปูสุดอึด” ก็ถูกรื้อถอนอย่างเป็นทางการ
         
       ทั้งนี้ บ้านนายหลัว เป่าเกิน ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเซี่ยหยางจาง ตำบลต้าซี หมู่บ้านดังกล่าวที่มีบ้าน 548 หลังคาเรือน 459 ครอบครัว ล้วนต้องถูกรื้อถอน ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐของตำบลต้าซีได้ทำการสำรวจโครงการรื้อถอนและการชดเชยการตั้งถิ่นฐานใหม่นี้อย่างถี่ถ้วน พร้อมทั้งมอบหมายให้บริษัทประเมินราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ติ่งซิ่น จำกัด ของเมืองไถโจว มาประเมินและกำหนดราคา การเจรจาผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ของหมู่บ้านเซี่ยหยางจาง และตัวแทนหมู่บ้าน
      
       กระทั่งวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ประชาชนเกือบทั้งหมดในหมู่บ้านดังกล่าวได้ลงนามยินยอมรื้อถอนแล้ว และเจ้าหน้าที่ได้รื้อถอนแล้วจำนวน 484 ห้อง 406 ครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 88.4 นายหลัว เป่าเกินอ้างว่า ครอบครัวมีฐานะยากจน และเพิ่งซ่อมแซมบ้าน อีกทั้งไม่พอใจกับมาตรฐานค่าชดเชยที่ได้รับ
      
       เนื่องจากบ้านของนายหลัว เป่าเกินนั้น ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นกลางถนนหน้าสถานี หลังจากสื่อรายงานข่าวแล้ว ก็ได้รับสมญานามว่า “บ้านตะปูสุดอึด” ได้รับความสนใจจากสังคมเป็นวงกว้าง
      
       รัฐบาลท้องถิ่นเวินหลิ่ง เจ้าหน้าที่เขตทางรถไฟใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เจรจากับนายหลัว เป่าเกินและครอบครัว ทำความเข้าใจว่ารายละเอียดสัญญายินยอมรื้อถอนของนายหลัว เป่าเกิน จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังคงดำเนินการตามนโยบายการรื้อถอนของเมืองเวินหลิ่งเหมือนกับครอบครัวอื่น ค่าชดเชยรื้อถอนจะคิดเป็นตารางเมตรละ 300หยวน และชดเชยค่าตกแต่งภายในด้วย คิดตามนี้แล้ว นายหลัว เป่าเกินจะได้รับเงินชดเชยทั้งหมด เป็นเงิน 260,015 หยวน ทั้งยังได้รับทาวเฮาส์สองคูหาอีกด้วย
      
       ทั้งนี้ “บ้านตะปู” (ติงจื่อฮู่-钉子户) หมายถึง บ้านที่ยืดหยัดต้านการรื้อถอนของเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องการนำที่ดินไปทำโครงการพัฒนาต่างๆ “บ้านตะปู” นับเป็นปัญหาร่วมสมัยของจีนปัญหาหนึ่ง สืบเนื่องจากยุคพัฒนาสังคมเมืองอย่างชนิดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินของจีน จึงมีการผุดโครงการก่อสสร้าง ทั้งโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภค โครงการที่อยู่อาศัย โครงการศูนย์การค้าอาคารพาณิชย์ ฯลฯ พร้อมๆกันนี้ก็เกิดความขัดแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนที่ถูกสั่งโยกย้ายออกจากบ้านในช่วงหลายปีมานี้
  http://mgr.manager.co.th/China/viewnews.aspx?NewsID=9550000147495


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: Jalito ที่ 04 เม.ย. 13, 01:12
ผมผ่านไปอีกทีหนึ่งนับสิบปีหลังจากนั้น พบว่าถนนสุขุมวิทสายเก่าในช่วงนี้กลายเป็นช่วงแยกไปแล้ว ยางนาเก่าแก่ทั้งหลายยังคงทำหน้าที่ให้ความร่มเย็นแก่มนุษย์ของมันต่อไปยั่งยืน
 
ผมหาภาพที่เคยถ่ายไว้ไม่เจอ เลยนำภาพที่ได้จากสถานที่จริงในตำบลดังกล่าวมาลงให้ชมกัน

ผมเคยเช็คระยะทางถนนสี่เลนที่ตัดใหม่นี้ นับหลักกม.ได้ 10 กม.ทีเดียว  ถ้าหากก่อสร้างตามแนวเก่าแล้วต้องตัดต้นไม้อายุรุ่นคุณทวดลงทั้งหมด ต้องนับว่าผู้บริหารระดับสูงของกรมทางหลวงจิตใจอำมหิตมากทีเดียว รัชกาลที่ 5 อุตส่าห์เฉือนแผ่นดินส่วนอื่นแลกเอาแผ่นดินส่วนนี้คืนมาจากฝรั่งเศส ต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ก็คงผ่านร้อนผ่านหนาวในยุคนั้นมาแล้ว
  เพื่อนคนหนึ่งในชั้นเรียนเดียวกันพื้นเพแกเป็นคนขลุง ได้เก็บเอาฟอร์มต้นไม้ใหญ่แถวนี้ไปลงเป็นต้นไม้ประกอบแบบ  ตอนที่ผมผ่านมาแถวนี้ครั้งแรกเมื่อ 30 ปีที่แล้วได้เห็นหมู่ไม้เหล่านี้ก็นึกถึงหมอนี่ทันที


กระทู้: เหตุเกิดข้างทางหลวงหมายเลข๑๒
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 เม.ย. 13, 13:24
เมื่อน้องไม้เป็นฝ่ายชนะ

ป.ล. ภาพแบบนี้ ยังไม่เจอในบ้านเรา   
สงสัยว่าถ้ามีขึ้นมาจริงๆ ต้นไม้เหล่านี้คงจะถูกรถไม่ชนิดใดก็ชนิดหนึ่ง ไม่ว่าสิบล้อ กระบะ รถนั่ง มอเตอร์ไซค์  พุ่งชนไม่เว้นแต่ละวันจนยอมแพ้ตายไปเอง