มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับมนุษย์กิ้งก่าหรือมนุษย์ไดโนเสาร์อยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งวนเวียนอยู่ในเน็ตมานานแล้ว
ไม่มีหลักฐานอ้างอิง แม้แต่รูปถ่าย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่เทือกเขาแอนดีส ประเทศเปรู
นักสำรวจกลุ่มหนึ่งได้ค้นพบเจอมนุษย์ประหลาด เพศชาย อายุประมาณ ๑๘ ปี มนุษย์ประหลาดพยายามต่อสู้ แต่นักสำรวจได้ใช้ลูกดอกอาบยาสลบยิงจนสามารถจับได้
มนุษย์ประหลาดดังกล่าวสูงประมาณ ๑๖๓ เซนติเมตร มีหน้าเหมือนไดโนเสาร์มีครีบใต้คางเหมือนกิ้งก่า ตากลมโตเหมือนมนุษย์ต่างดาว ผิวหนังเป็นเกล็ดสีเขียวอมเทา แขนขายาวเก้งก้าง มือแต่ละข้างมี ๓ นิ้ว ส่วนเท้ามี ๕ นิ้ว ทั้งมือและเท้ามีพังผืดยึดติดไว้คล้ายตีนเป็ด
นักมานุษยวิทยาอเมริกันได้ขอตัวมนุษย์ประหลาดนี้นำไปวิจัยที่ศูนย์วิจัยลับแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของมลรัฐมิชิแกน พร้อมกับตั้งชื่อโครงการวิจัยนี้ว่า “โครงการวิจัยสิ่งมีชีวิตกึ่งคนกึ่งไดโนเสาร์” พวกเขานำมนุษย์ประหลาดนี้ขังไว้ห้องที่มีลูกกรงเหล็กรายล้อมรอบ มีโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาพฤติกรรมได้ตลอดเวลา
ในระยะแรกมนุษย์ประหลาดไม่ยอมกินอะไร ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน เอาแต่เดินงุ่มง่านภายในที่พัก ต่อมาเมื่อคุ้นเคยขึ้น เจ้ามนุษย์ประหลาดเริ่มพูดภาษาคนได้ และเรียกเผ่าตัวเองว่า “พีซะห์” สามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษและสเปนในระดับเด็กหัดเดิน เป็นนักฟังที่ดี แต่มีการแสดงออกน้อยนิด ไม่ค่อยตอบสนองต่อความก้าวร้าว และมีความเมตตา ชอบออกกำลังกายตลอดเวลา ไม่อยู่นิ่ง ๆ
วัดไอคิวได้ ๘๐-๘๕ ชอบกินอาหารประเภทสัตว์ขนาดเล็ก เช่น งู หนอน หนู และพวกพืชก็รากไม้สด ๆ
จนป่่านนี้ยังไม่มีข่าวคราวความก้าวหน้าเกี่ยวกับโครงการวิจัยมนุษย์ประหลาดนี้
คุณเทาชมพูเชื่อหรือไม่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง