กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 14, 21:10 มาตั้งกระทู้ไว้ก่อน พร้อมลงรูป เป็นออเดิฟ
เรียกนักเรียนค่ะ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 11 ธ.ค. 14, 21:57 มาคร้าบบบบบบบบ
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 11 ธ.ค. 14, 23:07 เย้! ดีใจจังเลยค่ะ ;D เรือนของพวกเรากลับมาอุ่นหนาฝาคั่งอีกครั้ง อาทิตย์ก่อนช่วงวันหยุดยาว ขึ้นเรือนมาแล้วเด็กหญิงแอนนารู้สึกใจคอห่อเหี่ยว ไม่พบผู้ใหญ่ในเรือนเลยแม้แต่ท่านเดียว บรรยากาศเงียบเหงาวังเวงสุดๆ :'(
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 12 ธ.ค. 14, 07:13 เข้า class
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 08:46 ลงจากเรือนไทยไปพักผ่อนหลายวันค่ะ ปีนี้ไม่ได้ไปโคโลราโด หมดภารกิจทางโน้นแล้ว เลือกไปญี่ปุ่นเพราะคิดว่าอากาศน่าจะสบายกว่า ที่ไหนได้เจออุณหภูมิเท่าโคโลราโดเลย หนาวสุดๆ
ขาดแต่หิมะในเมืองเท่านั้น แต่บนภูเขาหิมะตกแล้ว ก่อนเริ่มเรื่อง ยกชาเขียวมาเสิฟนักเรียนก่อน ให้ได้บรรยากาศ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 08:47 แถมไอศกรีมชาเขียวปลอบขวัญคุณแอนนาอีก ๒ ถ้วย
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 09:06 ที่มาของตำนานเรื่องนี้คือวัดชื่อ Dojo เรียกแบบญี่ปุ่นว่า Dojo-ji, อยู่ในวาคายามา ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในค.ศ.701 ตามพระราชโองการของจักรพรรดิเทนมู เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในวาคายามา แต่ถ้าเดินเข้าไปจะพบว่าตัวสิ่งก่อสร้างนั้นสวยงามอยู่ในสภาพสมบูรณ์อย่างไม่น่าเชื่อ ก็ไม่น่าเชื่อจริงๆ เพราะมันไม่ใช่ของเก่าดั้งเดิม
ญี่ปุ่นมีทัศนคติในการอนุรักษ์โบราณสถานคนละขั้วกับไทย ไทยจะรักษาของเดิมเอาไว้มากที่สุดไม่ยอมรื้อ แต่ใช้วิธีบูรณะซ่อมแซมแทน กรมศิลปากรของไทยมีหน้าที่ยื่นมือเข้ามาห้ามไม่ให้ชาวบ้านเที่ยวรื้ออาคารบ้านเรือนเก่าแก่ตามใจชอบ โดยขึ้นทะเบียนโบราณสถานเอาไว้ แสดงว่าที่นั้นเป็นอาคารอนุรักษ์ รื้อทิ้งไม่ได้ แล้วกรมศิลปากรก็มีหน้าที่บูรณะสภาพเอาไว้ให้คงเดิมที่สุดเท่าที่งบประมาณและฝีมือจะอำนวย ส่วนญี่ปุ่นเขาตรงกันข้าม อาคารเก่าเขารื้อหมดเมื่อสภาพชักจะทรุดโทรม แต่ก่อนรื้อ เขาจะมีบันทึกการก่อสร้างเอาไว้อย่างละเอียด อาคารกี่ชั้น กว้างยาวขนาดไหน ใช้ไม้หน้ากี่นิ้วขนาดเท่าไหร่ หน้าต่างประตูเป็นยังไง กระเบื้องแบบไหนใช้กี่แผ่น จดละเอียดยิบเอาไว้หมด เพื่อส่งทอดให้ลูกหลานและชาวบ้านรุ่นหลังสร้างขึ้นมาได้ไม่ผิดเพี้ยนของเดิม แล้วก็สร้างใหม่โดยไม่ดัดแปลงจากเก่า เป็นการสืบทอดโบราณสถานทั้งหลายให้มีชีวิตชีวาอยู่ในสภาพเดิมเหมือนเมื่อแรกสร้าง ดังนั้นเมื่อย่างก้าวเข้าไปในวัดโบราณ ทั้งแห่งนี้และแห่งอื่นๆ จึงมองความงามสง่าแบบโบราณ แต่ไม่เห็นความคร่ำคร่าตรงไหนเลย ก้มลงมองพื้นก็เห็นเสื่อและพื้นไม้เอี่ยมสะอาดเป็นเงา แข็งแรงไม่ยุบไม่ยวบ ไม่มีรอยซ่อมแปะของใหม่แทรกของเดิม แต่เขาสร้างใหม่เฉพาะอาคาร ตัวโบราณวัตถุเช่นพระพุทธรูปและเทวรูปในวัด ยังเป็นของเก่าแก่ดั้งเดิมอยู่นะคะ รักษาไว้ในสภาพสมบูรณ์ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 09:27 สถาปัตยกรรมไม้ของญี่ปุ่น
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 09:28 เดินเข้าไปในอาคารนี้ ถ้าเป็นไทยน่าจะเรียกว่าวิหาร
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 09:29 อ้อ ลานวัดมีใบไม้เปลี่ยนสีด้วยค่ะ
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 09:53 เมื่อก้าวขึ้นบันไดไป ก็เจอแท่นบูชา และเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมพันมือ
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 10:00 มีรูปนางละครคาบูกิติดอยู่ข้างฝาและใต้เพดานเต็มไปหมด แปลกตาสำหรับคนไทย
เพราะเราจะไม่เอารูปผู้หญิง หรือการแสดงใดๆมาติดไว้ในโบสถ์วิหาร แต่รูปเหล่านี้มีความหมาย เพราะตำนานของวัดนี้กลายไปเป็นละครคาบูกิที่แพร่หลายมาก อ้อ นางละครคาบูกิทั้งหลายไม่ใช้ผู้หญิงแสดงนะคะ ทำนองเดียวกับละครนอกแต่ดั้งเดิมของไทย คือใช้ผู้ชายเล่น นางเอกคาบูกิบางคนล้างเมคอัพและวิกผมออกมา กลายเป็นคุณลุงคุณตาก็มี กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ธ.ค. 14, 10:27 บรรยากาศกำลังดีเลยครับ
กรุณาเปิดตัวพรีเซนเตอร์ได้แล้ว เอาแบบไม่สวมหน้ากากนะครับ เดี๋ยวจะเหมือนละครคาบูกิ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 10:34 อ้าว ละล้าละลัง กำลังจะพาชมวัดก่อนเข้าเรื่อง
โดนท่านอาจารย์ไล่ให้เข้าเรื่องแล้ว นักเรียน จ้ำมากันทางนี้ด่วน เร็วเข้า ข้างใน เป็นห้องโถงใหญ่เหมือนในพิพิธภัณฑ์ มีทั้งพระพุทธรูปและเทวรูปให้เคารพบูชา (และบริจาค) นี่เจ้าแม่กวนอิมพันมือ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 10:36 พระพุทธรูป โบราณ เขาบอกว่ามาจากปากีสถานหรือที่ใดที่หนึ่งแถวๆนั้น
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 10:38 พระพุทธรูปทั้งสามองค์
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 10:40 ไหว้พระเสร็จรึยังเธอ ลุกขึ้นไปฟังนิทานได้แล้ว ตำนานเรื่องนี้หลวงพ่อท่านจะเล่า ท่านรออยู่ในห้องโน้น
ด่วนๆๆ อย่าชักช้า กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 10:51 ตำนานเรื่องนี้แพร่หลายจนกระทั่งมีคนเอาไปทำละครคาบูกิ ละครสมัยใหม่ นิทาน ฯลฯ หลายรูปแบบ รายละเอียดก็ผิดแผกกันไปตามการตีความและใส่ผงชูรสญี่ปุ่นเข้าไปบ้าง
แต่สรุปเนื้อเรื่องหลักๆก็คือ นานมาแล้วในรัชสมัยของจักรพรรดิ์ดาอิโกะ มีพระญี่ปุ่นหนุ่มรูปหนึ่งมีชื่อว่า "อันจิน" ออกเดินธุดงค์ จากเมืองมัตสุไปเมืองคูมาโนะ ท่านธุดงค์แบบนี้ทุกปี ปีละหน เมื่อเดินทางท่านก็ไปแวะพักที่โรงเตี๋ยมแห่งหนึ่งเป็นประจำ เจ้าของโรงเตี๊ยมมีลูกสาวคนหนึ่งชื่อ "คิโยฮิเมะ" แม่สาวน้อยคนนี้ออกจะนิสัยเฮ้วอยู่สักหน่อย เมื่อหลวงพี่ไปพัก ก็ผูกมิตรกับเธอตามประสาผู้ใหญ่เมตตาเด็ก ถึงกับล้อเลียนว่า ถ้าเธอทำตัวดีๆละก็หลวงพี่จะแต่งงานด้วยแล้วพากลับไปอยู่กันที่เมืองมัตสุ มาถึงตรงนี้ ก็ขอเบรค 5 นาที เพื่ออธิบายว่าพระญี่ปุ่นนั้นบางวัดก็เคร่งครัดถือพรหมจรรย์แบบพระไทย แต่บางวัดก็แต่งงานมีลูกเต้าได้เหมือนฆราวาส หลวงพ่อเจ้าอาวาสที่วัดนี้ มีบุคลิกสำรวมมาก กิริยามารยาทเรียบร้อยน่าเลื่อมใส เคยมาเมืองไทย พูดไทยทักทายได้นิดหน่อย ฟังท่านเล่าตำนานให้แขกฟังจนจบก็เกิดสงสัยว่าท่านเหมือนพระสงฆ์เมืองไทยหรือไม่ จึงวานล่ามให้ถาม ก็ได้คำตอบว่า ท่านแต่งงานแล้ว แต่ไม่มีลูก กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 10:56 ตุ๊ง...หมดเวลา
นักเรียนทั้งหลาย ครูจะต้องไปสัมมนานอกห้องเรียน บ่ายกลับ นั่งกันดีๆชมรูปวาดไปก่อน อย่าซนนะ กลับมาแล้วจะเล่านิทานต่อ ระหว่างนี้จะคุยกันก็เชิญได้ตามสบายนะคะ ป.ล. ครูเพ็ญ อย่าเพิ่งมาปาดหน้าเล่าตอนจบซะก่อนล่ะ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 21:03 กลับมาต่อภาคค่ำ
อันจินเป็นพระหนุ่มรูปหล่อมาก คงไม่แพ้ณเดชน์ สาวน้อยคิโยจึงหลงรักอย่างง่ายดาย ของพรรค์นี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง จะด้วยอะไรก็ตาม หลวงพี่เองก็เผลอไปมีความสัมพันธ์กับเธอเข้า จนถึงขั้นสัญญิงสัญญาว่าไปธุดงค์เสร็จแล้วก็จะกลับมาแต่งงานด้วย คิโยจึงรอคอยอยู่ในโรงเตี๊ยม อย่างไรก็ตาม สามวันจากนารีเป็นอื่น ในกรณีนี้ฝ่ายเป็นอื่นคือหลวงพี่ เมื่อออกเดินทางไปธุดงค์ถึงจุดหมายปลายทาง เขาก็ได้สติขึ้นมาว่า อันที่จริงอาตมาไม่ได้ประสงค์จะมีลูกมีเมียกับเขาจริงๆนี่นา ด้วยเหตุนี้ตอนขากลับ หลวงพี่อันจินจึงไม่แวะโรงเตี๊ยม แต่เดินทางตรงกลับไปบ้านเลยทีเดียว ทางฝ่ายคิโยก็รอแล้วรอเล่าด้วยความหวัง เวลาผ่านไปนานเขาก็ไม่กลับมา เธอก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกหลอก เธอจึงออกเดินทางติดตามเขาไป จนไปทันกันที่แม่น้ำฮิดากะ วิธีข้ามมีทางเดียวคือนั่งเรือจ้างข้ามไป อันจินรีบลงเรือไปก่อน ติดสินบนคนแจวเรือว่าถ้ามีหญิงสาวไล่ตามหลังมา ขออย่าให้นายคนแจวเรือรับนางลงเรือข้ามไปเป็นอันขาด ให้ค้างเติ่งอยู่บนฝั่งนี่แหละ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 14, 21:06 อีกรูปหนึ่ง
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 12 ธ.ค. 14, 22:26 อ้างถึง นานมาแล้วในรัชสมัยของจักรพรรดิ์ดาอิโกะ มีพระญี่ปุ่นหนุ่มรูปหนึ่งมีชื่อว่า "อันจิน" อ่านถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงนานมาแล้วในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ มีชายหนุ่มสองนายมีชื่อว่า "อินจัน" กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: Methawaj ที่ 13 ธ.ค. 14, 00:28 ขออนุญาตนั่งรับฟังนิทานด้วยครับ
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ธ.ค. 14, 06:29 อ้างถึง นานมาแล้วในรัชสมัยของจักรพรรดิ์ดาอิโกะ มีพระญี่ปุ่นหนุ่มรูปหนึ่งมีชื่อว่า "อันจิน" อันจิน 安珍 安 = ปลอดภัย (安全), (ราคา) ถูก (安い) 珍 = หายาก, แปลก คิโยะฮิเมะ 清姫 清 = ใส, บริสุทธิ์ 姫 = เจ้าหญิง คิโยะนี้ เป็นคำเดียวกับในชื่อวัดดังที่เกียวโต คิโยะมิซึเดะระ 清水寺 = วัดน้ำใส ภาพยนตร์ข้างล่างชื่อภาษาญี่ปุ่นแปลง่าย ๆ ว่า อันจินและคิโยะฮิเมะ ถ้าตั้งชื่อเป็นภาษาไทยให้ตรงกับเนื้อเรื่องน่าจะเป็น "ไฟรักเพลิงแค้น" ;D กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 14, 10:10 เรียกนางเอกเสียใหม่ว่า คิโยะ ตามคุณเพ็ญชมพู
คนแจวเรือจ้างเป็นคนซื่อสัตย์ตามแบบญี่ปุ่น เมื่อรับสินบนจากหลวงพี่อันจินไปแล้ว ว่าอย่ายอมให้หญิงสาวที่ตามมานั่งเรือข้ามฟากไป แกก็ทำตามคำพูดอย่างเคร่งครัด เมื่อคิโยะมาถึงฝั่งน้ำ ชายแจวเรือจึงปฏิเสธไม่ยอมให้เธอนั่งเรือข้ามฟากไป คิโยะจึงไม่มีทางอื่นนอกจากโดดลงน้ำ ว่ายน้ำตามชายผู้หักหลังเธอไปด้วยตัวเอง มีสำนวนหรือคำพังเพยฝรั่งที่สามารถใช้กับญี่ปุ่นในเรื่องนี้ได้ ว่า Hell hath no fury like a woman scorned แปลว่า แม้แต่ไฟนรกก็ไม่ร้ายแรงเท่าไฟโทสะของหญิงที่ถูกคนรักทรยศ ไฟรักเพลิงแค้นตามที่เซนเซเพ็ญตั้งให้ระเบิดขึ้นในตัวของคิโยะ ทำให้ร่างของเธอกลับกลายเป็นงูใหญ่หรือมังกร ขณะว่ายน้ำอยู่นั่นเอง กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 14, 10:40 เมื่ออันจินเหลียวมาเห็นคิโยะกลายเป็นนางพญางู(หรือมังกร) ไปแล้วเช่นนั้น ก็ขวัญบิน โกยแน่บไปถึงวัดโดโจจิอันเป็นสถานที่เจ้าอาวาสกำลังเล่าเรื่องให้แขกมาเยือนฟังอยู่นี่แหละค่ะ ร้องขอให้ช่วย
บรรดาพระลูกวัดเห็นเช่นนั้นก็เข้ามาช่วย โดยเอาตัวอันจินเข้าไปซ่อนไว้ในระฆังใบใหญ่ของวัด เพื่อไม่ให้นางมังกรเจอเข้า นางมังกรก็เลื้อยไปทั่ววัดเพื่อจะดมกลิ่นของอันจิน จนในที่สุดได้กลิ่นมาจากระฆังใบใหญ่ นางจึงเลื้อยมารัดรอบระฆังไว้ แล้วพ่นไฟจนระฆังมอดไหม้ไปพร้อมกับชายที่อยู่ข้างใน ก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปด้วย เมื่ออันจินสิ้นชีวิต นางมังกรก็เลื้อยกลับลงน้ำ จบชีวิตตามไปอีกคนการจมดิ่งลงไปในห้วงน้ำ ทั้งอันจินและคิโยะไปเกิดเป็นงูด้วยกันทั้งสองคน ต่างก็มาหาเจ้าอาวาสวัดโดโจจิเพื่อขอให้สวดมนตร์อุทิศส่วนกุศลให้ เจ้าอาวาสก็ตกลงทำตามนั้น ด้วยอานิสงส์ของบุญกุศลที่ได้รับ ต่างก็ไปเกิดใหม่เป็นเทพอยู่บนสวรรค์ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 14, 11:20 ตำนานมีหลายเวอร์ชั่น ขยายความออกไปอีกก็มี แต่จะเล่าเท่าที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านเล่าให้ฟังแค่นี้ละค่ะ
ระฆังที่ว่านั้น มีจำลองอยู่มุมห้องที่หลวงพ่อเล่าให้ฟัง และมีจำลองอยู่ตามละครคาบูกิ ละครร่วมสมัย หนังฯลฯ อีกหลายแบบ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 14, 11:20 ตำนานมีหลายเวอร์ชั่น ขยายความออกไปอีกก็มี แต่จะเล่าเท่าที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านเล่าให้ฟังแค่นี้ละค่ะ
ระฆังที่ว่านั้น มีจำลองอยู่มุมห้องที่หลวงพ่อเล่าให้ฟัง และมีจำลองอยู่ตามละครคาบูกิ ละครร่วมสมัย หนังฯลฯ อีกหลายแบบ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 14, 11:47 เนื่องจากเรื่องนี้ดราม่าในรสชาติมาก มีทั้งรัก โศก ผิดหวัง เคียดแค้น อาฆาต จึงเป็นที่นิยมนำไปทำละครกันไม่รู้ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง โดยเฉพาะละครคาบูกิที่ถือว่าเป็นศิลปะการแสดงชั้นคลาสสิคของญี่ปุ่น
ห้องโถงในวัดมีตู้บรรจุชุดคาบูกิโชว์ไว้ด้วยค่ะ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 14, 11:55 ในห้องโถงที่หลวงพ่อเล่าตำนาน มีภาพเขียนประดับอยู่ด้วย เดินเข้าไปดูตอนแรกก็อ้าปากค้างหน่อยๆ เป็นภาพของสาวคิโยะตอนกำลังกลายร่างเป็นงู(ภาพนี้น่าจะงูมากกว่ามังกร) ศิลปินผู้วาดแสดงภาพเธอท็อปเลสทั้งสองภาพ ดูแล้วเป็นภาพวาดร่วมสมัยกับเรานี่แหละไม่ใช่ภาพโบราณ
ตามประสาคนไทย เคยเข้าแต่วัดไทยเป็นส่วนใหญ่ ก็ติดความตะขิดตะขวงใจมาว่าภาพนางเปลือย ไม่มีทางแขวนโชว์ไว้ในโบสถ์วิหาร ให้คนเข้ามาเห็นกันแจ่มแจ้ง แม้มีภาพนางฟ้าเหาะโปรยดอกไม้บนภาพผนังโบสถ์บ้างก็เป็นภาพเล็กๆ อยู่ไกลๆ ห่มสไบทับด้วย แต่เมื่อตระหนักว่านี่คือวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ก็ไม่ว่ากัน ต้องเคารพเจ้าภาพ เจ้าของสถานที่ ได้แต่เก็บภาพมาให้ดูกันเท่านั้นละค่ะ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ธ.ค. 14, 13:10 บรรดาพระลูกวัดเห็นเช่นนั้นก็เข้ามาช่วย โดยเอาตัวอันจินเข้าไปซ่อนไว้ในระฆังใบใหญ่ของวัด เพื่อไม่ให้นางมังกรเจอเข้า นางมังกรก็เลื้อยไปทั่ววัดเพื่อจะดมกลิ่นของอันจิน จนในที่สุดได้กลิ่นมาจากระฆังใบใหญ่ นางจึงเลื้อยมารัดรอบระฆังไว้ แล้วพ่นไฟจนระฆังมอดไหม้ไปพร้อมกับชายที่อยู่ข้างใน ก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปด้วย อีกเวอร์ชันหนึ่งเล่าว่า เมื่อนางพญางู (ตามรูปน่าจะเป็นงูใหญ่) ตามมาถึง ถามหาอันจิน แต่หาไม่พบ ด้วยความโกรธแค้น เห็นระฆังตั้งอยู่ จึงพ่นไฟแผดเผาระฆังจนมอดไหม้ โดยรู้ไม่ว่าชายคนรักที่เธอเฝ้าตามหาได้หลบอยู่ในนั้น เป็นโศกนาฏกรรมที่หญิงสาวเป็นฆาตกรฆ่าคนรักของตัวเองที่เป็นนักบวช เวอร์ชันนี้น่าจะสะเทือนใจกว่าเวอร์ชันแรก ;D กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 14, 13:26 เวอร์ชั่นของเซนเซเพ็ญช่วยบรรเทาความผิดของคิโยะลงไปมาก แต่เวอร์ชั่นที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสเล่าให้ฟังคือเวอร์ชั่นที่ดิฉันเล่าค่ะ
หลวงพ่อยังให้โอวาทแถมท้ายเรื่องว่า เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าปล่อยให้อารมณ์โกรธเข้าครอบงำ อย่างที่คิโยะเป็น เพราะมันมีพิษสงพอจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งตัวเราด้วย ขอให้ระงับอารมณ์โกรธให้ได้ สาธุ เห็นด้วยกับหลวงพ่อเรื่องอารมณ์โกรธ แต่ไม่เห็นด้วยว่าเรื่องนี้ควรโทษอารมณ์ของคิโยะฝ่ายเดียว ก็ถ้าไม่มีหลวงพี่อันจินไปก่อเหตุ คิโยะก็คงดำเนินชีวิตไปได้อย่างสงบจนแก่ตายไปตามสภาพ ใครล่ะไปหลอกเธอ ทั้งๆตัวเองก็เป็นพระ น่าจะรู้บาปบุญคุณโทษ เมื่อเปลี่ยนใจไม่สมัครใจจะครองเรือน แทนที่จะกล้าหาญมาสารภาพกับคิโยะตรงๆว่าคิดผิดไปแล้ว ก็ใช้วิธีหนีหัวซุกหัวซุน หลอกหนนึงยังไม่พอ ยังหยามน้ำหน้าเธอเป็นคำรบสอง ความผิดหวังกับความอับอายขายหน้าคิโยะก็ต้องรับอยู่ฝ่ายเดียว ใครมันจะนั่งใจเย็นอยู่ได้ เรื่องนี้สอนอีกข้อว่า ผู้ชายทำอะไรก็ไม่ผิด ขนาดนี้ตายแล้วยังไปเกิดเป็นเทวดาอีกแน่ะ กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 13 ธ.ค. 14, 13:50 การพ่นไฟให้ระฆังไหม้ คงต้องมีอานุภาพไฟร้อนเป็นพันองศา เพื่อให้โลหะหลอมละลาย ;)
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ธ.ค. 14, 09:59 ถ้าเป็นพันองศา อันจินคงไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า
กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ธ.ค. 14, 12:30 นึกถึง นางพญางูขาวของจีนซึ่งไม่โหดแต่เศร้า
งูขาวตามสามีมนุษย์มาที่วัดแต่ถูกหลวงจีนกีดกัน จึงต้องออกฤทธิ์แรงฟาดฟัน โดยงูขาวใช้เวทย์เรียกน้ำ(ไม่ใช้ไฟ) แต่สุดท้ายนางก็พ่ายแพ้หลวงจีนและถูกกักขังไว้ใน เจดีย์ งานนี้พระเอกรอด ส่วนงูขาวในที่สุดกว่าจะหลุดพ้นการกักกันได้ชายคนรักก็ล้มหาย ตายจากแล้ว กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 14, 16:54 สองเรื่องนี้มีส่วนคล้ายกัน จนสงสัยว่าจะมี่ที่มาที่เดียวกันหรือเปล่า
เรื่องของอันจินและคิโยะ ยังนำมาทำละครร่วมสมัยด้วยค่ะ http://www.examiner.com/review/dojoji-the-man-inside-the-bell-a-japanese-legend-1 (http://www.examiner.com/review/dojoji-the-man-inside-the-bell-a-japanese-legend-1) กระทู้: ตำนานญี่ปุ่น:ชายในระฆัง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 14, 17:07 ก่อนจบกระทู้ มีภาพมาฝากเซนเซเพ็ญชมพู
ไปเที่ยวปราสาทโอซาก้า เจอคุณลุงนักรบโบราณ แต่งเสื้อเกราะแดง กำลังทำงานอยู่อย่างขะมักเขม้น เลยไปขอถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก คุณตามีหน้าที่รักษาความสะอาดของบริเวณโดยรอบพระราชวัง ก้มหน้าก้มตาทำงานแข็งขัน เมื่อมีคนมาขอถ่ายรูป คุณตาก็มีท่าทีว่าเคยชินซะแล้วที่เป็นดาราหน้ากล้อง ผลจากความก้าวหน้าทางสาธารณสุข โภชนาการดี หยูกยาการรักษาโรคก็ดี ทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีผู้อายุยืนยาวเพิ่มจำนวนขึ้นมาก ส่วนเด็กเกิดใหม่ก็น้อยลงเพราะหนุ่มสาวญี่ปุ่นไม่ค่อยนิยมมีลูกเป็นภาระกันเท่าไหร่ มีก็คนเดียวกันเสียมาก ไปคราวหน้าเดินในเมืองเจอแต่หนุ่มสาวเต็มถนน เห็นเด็กที่พ่อแม่เอาใส่รถเข็นมาคนเดียวเท่านั้น ประเทศกำลังจะก้าวไปสู่สังคมคนสูงอายุ รัฐบาลจึงต้องช่วยเหลือผู้สูงอายุให้ดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข ดีกว่าอยู่กันไปอย่างซังกะตาย วิธีการของเขาคือหางานให้ทำ เพื่อจะได้อยู่อย่างกระฉับกระเฉง มีความหมายมากกว่าหายใจไปวันๆ ที่สนามบิน จึงเจอคุณตาแก่ๆ มาทำหน้าที่จัดคิวผู้โดยสารซึ่งกำลังจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง คิวนี้ยาว เอ้า เชิญไปทางโน้น คิวนั้นยังสั้น ยกที่กั้น จัดทางใหม่ ดูคุณตาทำงานอย่างกระฉับกระเฉง ไม่มีท่าทีเบื่อหน่าย นี่คือปัญหาที่สังคมไทยจะต้องเผชิญในอนาคตอันใกล้ หรือเจออยู่แล้วก็เป็นได้ |