ในความสับสนทั้งหมดข้างบนนี้ ดิฉันวิเคราะห์ออกมาเป็นข้อๆ ให้คุณเพ็ญชมพู และคุณ T.Klinhom ช่วยพืจารณา
1 พระยาโชฎึกราชเศรษฐี ท่านมีชื่อเดิมว่า "พุก" แน่นอน ยืนยันได้โดยหลักฐานชั้นปฐมภูมิจากการขอนามสกุลพระราชทาน ในรัชกาลที่ 6 ซึ่งผู้ทำเรื่องกราบบังคมทูลฯ จะต้องระบุชื่อบรรพบุรุษของตนไปด้วย มีบันทึกว่านามสกุลพระราชทาน หมายเลข ๐๓๔๙ คือ โชติกพุกกณะ สะกดเป็นอักษรโรมัน ว่า Jotikabukkana
ผู้ขอคือ พระตำรวจตรี พระยากำแหงรณฤทธิ์ (ฉาย) สมุหบาญชีใหญ่ กรมพระตำรวจ กับพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ฮวด) กรมท่าซ้าย กระทรวงนครบาล บุตรพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (พุก)
https://sites.google.com/site/thailandsurname/home/-ch-1 ในเมื่อบรรพบุรุษชื่อ "พุก" นามสกุลนี้จึงพระราชทานว่า โชติกพุกกณะ ส่วนพระยาโชฎึกราชเศรษฐีอีกท่านที่มีชื่อเดิมว่า เล่าเถียน พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 พระราชทานนามสกุลว่า โชติกเสถียร ด้วยนัยเดียวกัน คือมีชื่อบรรพบุรุษอยู่ในนามสกุล
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานในหนังสือเกี่ยวกับประวัติของสกุลโชติกพุกกณะ ที่คุณเพ็ญชมพูแสดงไว้ในคห. 7 ว่า ท่านชื่อเดิมวา "พุก"
2 ถ้าหากว่าพระยาโชฎึก(พุก) มีแซ่ว่า แซ่ตัน การออกเสียงแซ่ทำให้สันนิษฐานว่าท่านเป็นจีนฮกเกี้ยน ไม่ใช่แต้จิ๋ว หรือแคะ หรือจีนกลาง
แต่ถ้าท่านแซ่อื่น ข้อนี้ก็ตกไป
3 คำว่า "พุก" เป็นได้ทั้งภาษาจีนและไทย ถ้าเป็นจีนก็เป็นได้ทั้งฮกเกี้ยน แคะ และแต้จิ๋ว
4 บุตรของพระยาโชฎึกฯ ที่ชื่อพระยาโชฎึกราชเศรษฐีเช่นกัน มีนามเดิมว่า ฮวด หรือบุ้นฮวด คำนี้เป็นการออกเสียงแบบแต้จิ๋ว
ทำให้คิดว่า "พุก" น่าจะเป็นสำเนียงแต้จิ๋วด้วย เพราะไม่น่าเป็นไปได้ที่พ่อเป็นฮกเกี้ยน แล้วจะตั้งชื่อลูกเป็นแต้จิ๋ว
ุุ5 ชื่อนายลี้เซ่งเต็ก ปรากฏในหนังสือของคุณพิมพ์ประไพ พิศาลบุตร และในกูเกิ้ล แต่ไม่ทราบที่มาว่าได้มาจากหลักฐานใด ในเมื่อหลักฐานในสมัยก่อนหน้าที่เกี่ยวกับตระกูลโชติกพุกกณะ ล้วนระบุว่าท่านชื่อ "พุก"
6 ถ้าหากว่านายลี้เซ็งเต็กเป็นคนเดียวกับเจ้าสัวพุก ก็ควรมีคำอธิบายว่าทำไมนายลี้เซ็งเต็ก ถึงมีอีกชื่อว่า นายพุก แซ่ตัน หรือนายตันพุก ทำไมคนคนเดียวถึงเรียก 2 ชื่อและแซ่ ไม่เหมือนกัน
7 ถ้านายพุก แซ่ตันเป็นคนละคนกับพระยาโชฎุึกราชเศรษฐี (พุก) ข้อ 1-6 ก็จบกันไป
กลับมาถามคุณ T.Klinhom ว่าคุณมีหลักฐานอะไรนอกเหนือจากหนังสือของคุณพิมพ์ประไพบ้างที่ทำให้เชื่อว่าพระบริบูรณ์ธนากร มีชื่อว่าพุก แซ่ตัน และเป็นคนละคนกับพระยาโชฎึกฯ