เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 28 พ.ค. 14, 13:07
|
|
เปิดฉากถึงเพลงข้างบนนี้เสียทีค่ะ เรื่องราวของ Tom Dooley เป็นหนึ่งในตำนานจากเรื่องจริงของรัฐคาโรไลน่าเหนือ ถ้าใครเปิดแผนที่สหรัฐอเมริกาดูจะเห็นว่าเป็นรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก ย้อนหลังกลับไปหนึ่งร้อยเกือบจะห้าสิบปีก่อนหน้านี้ ในเมืองเล็กๆชื่อแฮปปี้แวลลีย์ บรรยากาศก็คงเหมือนรูปที่นำมาลงรูปล่างนี่ละค่ะ เมืองเล็กๆที่หน้าตาเป็นเมืองชนบทมาก เมืองนี้เป็นถิ่นที่เกิดของชายหนุ่มคนหนึ่ง มีชื่อว่า Tom Dula นามสกุลของเขาเขียนว่าดูล่า แต่ a ตรงท้ายคำออกเสียงเหมือนสะกดด้วย y จึงออกมาเป็นนายทอม ดูลี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 28 พ.ค. 14, 13:40
|
|
ในตอนที่เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐทางเหนือและใต้ของสหรัฐอเมริกา ทอม ดูลี่ก็ถูกเกณฑ์ไปทัพกะเขาด้วย นายคนนี้ท่าทางจะดวงแข็งจึงรบในสงครามมาได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ตายหรือพิการ จนกระทั่งสงครามสงบด้วยความพ่ายแพ้ของรัฐทางใต้ เขาก็เดินทางกลับบ้านเดิม เพื่อจะตั้งหลักปักฐานต่อไป
ทอม ดูลี่เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ อารมณ์ดี รักเสียงเพลง แม้แต่ตอนอยู่ในค่ายทหาร เขาก็เอาแบนโจติดตัวไปด้วยเพื่อจะเล่นคลอเวลาร้องเพลงให้เพื่อนฝูงครึกครื้น ผู้ชายแบบนี้ต่อให้ไม่หล่อก็มีเสน่ห์ แต่ดูจากในรูปถ่าย ทอมก็หน้าตาไม่เลว จึงไม่แปลกอะไรที่สมัยเขายังเป็นหนุ่มชาวบ้านก่อนเกณฑ์ทหาร สาวๆในหมู่บ้านพากันรุมล้อมกันเกรียวกราว ในจำนวนผีเสื้อสาวที่บินโฉบอยู่รอบดอกไม้หนุ่มรายนี้ มี 2 รายที่เข้ารอบสุดท้าย คือสาวชื่อลอร่า ฟอสเตอร์ และลูกพี่ลูกน้องของเธอชื่อแอน จะว่าไปทั้งลอร่าและแอนก็เป็นคนสวยรวยเสน่ห์ มีหนุ่มๆมาติดกันหลายรายด้วยกัน แต่นายทอมของเราน่าจะคารมเป็นต่อ และรูปหล่อไม่เป็นรองใคร จึงจีบติดสาวทั้งคู่ เด็ดกว่านี้คือทอมสามารถสับหลีกรถไฟไม่ให้ชนกันได้สำเร็จเสียด้วย จนกระทั่งเขาต้องจากไปสงคราม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 28 พ.ค. 14, 14:11
|
|
ระหว่างรอ เชิญฟังเพลงนี้ที่ถูกนำทำนองมาใส่คำร้องเป็นเพลงไทยได้ชื่อว่า
หนูกับราชสีห์ จากเสียงร้องนำโดย คุณ มีศักดิ์ นาครัตน์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 28 พ.ค. 14, 21:54
|
|
ไม่ได้ฟังเพลงนี้มานานจนลืมไปแล้วว่ามีอยู่กะเขาด้วย ขอบคุณคุณ SILA มากค่ะที่นำมาเปิดให้ฟัง
เรื่องราวของทอม ดูลี่ มีหลายสำนวน ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนใส่ไข่ เพราะรายละเอียดไม่เหมือนกัน แต่ก็พอจะสรุปได้ตามนี้ค่ะ
แอน ฟอสเตอร์ไปแต่งงานกับชายอื่น ตั้งแต่ก่อนทอมจากไปทัพ ส่วนลอร่ายังว่างอยู่ เมื่อทอมกลับมา เขาก็เริ่มสายสัมพันธ์กับสองสาวอีก ความจริงลอร่าเองก็มีชายอื่นมาติดพันอย่างจริงจัง แต่เธอก็ยังตัดทอมไม่ขาด วันหนึ่งลอร่าก็เก็บเสื้อผ้า เอาม้าของพ่อออกจากคอกแล้วควบหายไปจากบ้าน เธอหนีตามทอมไปอยู่ด้วยกัน
ลอร่าไม่มีโอกาสกลับมาให้พ่อแม่พี่น้องเห็นหน้าอีกเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 30 พ.ค. 14, 10:42
|
|
เมื่อลอร่าหายตัวไป พ่อเธอก็สงสัยว่าลูกสาวหนีตามผู้ชายไปเสียแล้ว คนนั้นน่าจะเป็นทอม ดูลี่ ซึ่งตอนนั้นมีข่าวว่าเดินทางออกจากคาโรไลน่าเหนือไปทำงานที่รัฐเทนเนสซี่ หลังจากชาวบ้านค้นหากันพักใหญ่ก็มีผู้พบศพของลอร่าถูกฝังอยู่ในหลุมตื้นๆไม่ไกลจากเมือง ตายเพราะถูกแทงที่ทรวงอกเป็นแผลฉกรรจ์ ในยุคนั้น ฆาตกรรมในเมืองเล็กๆเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับผู้หญิง จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่โตที่ชาวบ้านให้ความสนใจกันมาก จนเลยไปถึงหนังสือพิมพ์ของรัฐด้วย นายอำเภอติดตามตัวผู้ต้องสงสัยคือทอม ดูลี่ นายจ้างของเขาชื่อพันเอกเกรย์สันรู้เรื่องเข้าก็พาตัวชายหนุ่มมามอบให้ ทอมถูกสอบสวน และขึ้นศาลในเมือง ลูกขุนลงความเห็นว่าเขาผิด จากพยานหลักฐานแวดล้อม แม้ไม่มีใครเป็นประจักษ์พยานถึงการฆาตกรรม ทอม ดูลี่จึงถูกประหารด้วยวิธีแขวนคอให้ตายตกไปตามกัน
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 30 พ.ค. 14, 10:53
|
|
ที่จริงมันก็มีเงื่อนงำบางอย่างในฆาตกรรมรายนี้ ที่ยังทิ้งร่องรอยให้น่าสงสัยว่าฆาตกรตัวจริงอาจไม่ใช่ทอม ดูลี่ แต่เป็นแอน ฟอสเตอร์ ลงมือแทงลอร่าเองด้วยความหึงหวงในตัวทอม เธอยังตัดเขาไม่ขาดแม้ว่าแต่งงานไปกับชายอื่นแล้วก็ตาม ส่วนทอมเองก็ยังรักแอนอยู่ จึงปกป้องด้วยการไม่ยอมบอกความจริง มิฉะนั้นคนที่ได้รับโทษก็คือผู้หญิงคนนี้ มีข่าวว่า ก่อนถูกแขวนคอ ทอมประกาศกับบรรดาเจ้าหน้าที่ที่มาทำหน้าที่ประหารชีวิตเขาว่า " ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย ผมขอยืนยันว่าผมไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนนั้นแม้แต่เส้นผม"
และมีข่าวลือต่อมาหลังจากนั้นว่า ต่อมาแอนกลายเป็นคนวิกลจริต เธอสารภาพความจริงก่อนเสียชีวิตว่า เธอเป็นคนฆ่าลอร่า ฟอสเตอร์เอง
แต่เรื่องจริงเป็นยังไงไม่มีใครรู้ อย่างน้อยคนเล่าเรื่องนี้ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าฆาตกรรมเรื่องนี้ถูกนำไปเล่าใหม่ เป็นเนื้อร้องในเพลงที่แต่งขึ้นเป็นโฟล์คซองในภายหลัง มีการปรุงแต่งใหม่ในเนื้อร้องให้เกรย์สันนายของทอม กลายเป็นคู่แข่งของเขา เนื้อหาก็กลายเป็นรักสามเส้าระหว่างหนึ่งหญิงสองชาย ทอม ดูลี่ในเพลง ซึ่งสะกดชื่อใหม่ว่า Tom Dooley เป็นฆาตกรตัวจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 30 พ.ค. 14, 10:55
|
|
เพลงนี้กลายเป็นเพลงสุดฮิทในปี 1958 เมื่อ Kingston Trio นำมาร้องใหม่ ถึงขั้นติดอันดับ 1 ของบิลบอร์ด ต่อมาได้รับคัดเลือกเป็น "หนึ่งในเพลงแห่งศตวรรษของอเมริกา โดย Recording Industry Association of America (RIAA), the National Endowment for the Arts, และ Scholastic Inc.
ข้างล่างนี้คือศิลาจารึกบนหลุมศพของทอมและลอร่า ใครไปถึงรัฐคาโรไลน่าเหนือ อยากเห็นก็ไปเสาะหาเอาเองเถอะค่ะ บางทีทอมอาจจะมาเข้าฝันเล่าความจริงให้ฟังก็ได้ ว่าใครฆ่าลอร่ากันแน่ รู้แล้วกลับมาเล่าเผื่อกันบ้างก็แล้วกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 30 พ.ค. 14, 10:56
|
|
ส่งไม้คืนให้คุณศิลาค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 30 พ.ค. 14, 15:44
|
|
เพลงเก่านำมาเล่าใหม่สดๆ ร้อนๆ ครับ
เพื่อให้เข้ากับเพลงที่อาจารย์เพิ่งเล่าไป จึงขอลัดคิวนำเสนอเพลงนี้ก่อน ครับ
Miss Otis Regrets
ฟังเพลง murder ballad เล่าเรื่องชายสังหารหญิงแล้ว เชิญฟังเรื่องนารีพิฆาตบ้าง จะได้สมดังข้อความว่า อันความจริงหญิงก็ม้วยลงด้วยชาย ชายก็ตายลงด้วยหญิงจริงดังนี้ (พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีตามนางละเวงไปอยู่ในเมืองลังกา)
เพลงนี้เป็นผลงานของนักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่แห่งอเมริกา Cole Porter ในสไตล์ blues นำสู่สาธารชนครั้งแรกในละครเวที ที่ลอนดอน เมื่อปี 1934
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 30 พ.ค. 14, 15:48
|
|
เชิญรับฟังเพลงจากเสียงของนักร้องในตำนาน Ella Fitzgerald และรับชมเนื้อร้อง ครับ
Miss Otis regrets she's unable to lunch today Madam Miss Otis regrets she's unable to lunch today She is sorry to be delayed But last evening down on Lovers Lane she strayed Madam Miss Otis regrets she's unable to lunch today
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 30 พ.ค. 14, 15:50
|
|
When she woke up and found that her dream of love was gone Madam She ran to the man who had led her so far astray And from under her velvet gown She drew a gun and shot her lover down Madam Miss Otis regrets she's unable to lunch today
When the mob came and got her and dragged her from the jail Madam They strung her upon the old willow 'cross the way And the moment before she died She lifted up her lovely head and cried
"Madam Miss Otis regrets she's unable to lunch today"
Greta Garbo Regrets
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 30 พ.ค. 14, 15:56
|
|
เนื้อเพลงเล่าผ่านคนรับใช้(หญิงหรือชาย แล้วแต่คนร้อง) ของคุณโอทิส สุภาพสตรีมารยาทงาม (ตราบจนลมหายใจสุดท้าย) ที่เอ่ยขออภัยคุณผู้หญิงแทนคุณโอทิสที่นัดรับประทานมื้อกลางวันด้วยกัน แล้วไม่สามารถมาตามนัดได้ เพราะเกิดเหตุการณ์แสนเศร้า คุณโอทิสถูกชายหลอกลวงจนฝันสลาย เธอตัดสินใจลงโทษชายคนนั้นด้วยอาวุธปืนในมือเธอ
ฟังแล้วทึ่ง ในอัจฉริยภาพของคุณปู่ Cole Porter ที่แต่งเพลงเศร้า เล่าเหตุการณ์รุนแรง กรณีฆาตกรรมแล้วยังตามด้วยประชาทัณฑ์ ฟังแล้วสลดแต่ก็อดยิ้มเล็กๆ ไม่ได้ กับตลกแสนร้าย ในความแสนสุภาพของคุณโอทิสและความซื่อของคนรับใช้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 30 พ.ค. 14, 16:05
|
|
เพลงนี้ ไม่ได้แต่งจากเหตุการณ์ฆาตกรรมจริง แต่มีเรื่องเล่าจากเพลงนี้ถึงที่มาของเพลง ที่แสดงให้เห็นความสามารถอันเอกอุในการประพันธ์เพลงของคุณปู่ว่า ระหว่างที่คุณปู่กำลังรับประทานมื้อกลางวันกับเพื่อนๆ คุณปู่ได้คุยอวดว่าสามารถแต่งเพลง เกี่ยวกับเรื่องอะไรๆ ก็ได้ทั้งนั้น เพื่อนๆ จึงท้าให้คุณปู่แต่งเพลงจากคำพูดที่จะได้ยินต่อไปในภัตตาคาร นี้ หลังจบคำท้า ปรากฏว่าบริกรเดินมาที่โต๊ะข้างๆ โต๊ะคุณปู่แล้วก็เอ่ยกับผู้ที่นั่งอยู่ว่า
"Miss Otis regrets she's unable to lunch today".
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 01 มิ.ย. 14, 09:20
|
|
เพลงลำดับต่อไป ครับ จากเกาะสกายข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคมาขึ้นฝั่งอเมริกา ยุคตื่นทองกับเพลง
Sutter's Mill
เพลง(ปี 1985) อันโด่งดังสุดๆ ในบ้านเราของ Dan Fogelberg ศิลปินชาวอเมริกันผู้ล่วงลับ ไปแล้ว จากอัลบั้มชุดนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 01 มิ.ย. 14, 09:22
|
|
เพลงยาวมาก(6 นาทีครึ่ง)
In the Spring of Forty-seven, So the story, it is told, Old John Sutter went to the mill site Found a piece of shining gold.
Well, he took it to the city Where the word, like wildfire, spread. And old John Sutter soon came to wish he'd Left that stone in the river bed.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|