ดะหมังยาสาได้รับคำสั่งก็มาจัดเครื่องบรรณาการที่ศาลาลูกขุนใน
เอา ศาลาลูกขุนใน นี่เขามีไว้ทำอะไร ช่วยกันอธิบายหน่อยเร้ว
"สั่งให้ชักไพร่หลวงสมกำลัง เสบียงคนละถังทุกตัวไพร่"
กลอน ๒ วรรค นี้หมายความว่าอะไร ช่วยอธิบายหน่อย
ลูกขุน” ที่กล่าวถึงใน “บุญบรรพ์” เป็นเรื่องของ “ลูกขุน” ในสมัยโบราณ อันเป็นประเพณีการปกครองมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
ซึ่งคำว่า “ลูกขุน” มิได้หมายถึงแต่เฉพาะข้าราชการด้านศาล หรือแผนกตุลาการเท่านั้น ทว่าหมายถึง บรรดาข้าราชการผู้ใหญ่ซึ่งคำโบราณเรียกรวมกันว่า “ลูกขุน”
ในสมัยโบราณจนถึงรัชกาลที่ ๕ วิธีบังคับบัญชาข้าราชการในกระทรวงต่าง ๆนั้นเสนาบดีตั้งจวนอยู่ที่ไหนก็ว่าราชการกระทรวงของตนที่นั่น ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ หรือผู้มีกิจธุระในกระทรวงใด ต้องไปทำการและประกอบกิจธุระที่จวนเสนาบดีกระทรวงนั้น
แต่บรรดาข้าราชการผู้ใหญ่ซึ่งคำโบราณเรียกว่า “ลูกขุน” ต้องมาประชุมกันที่พระราชวังทุกวัน
จึงมีศาลาที่ประชุมเรียกว่า “ศาลาลูกขุน” ๓ หลัง
หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ภายนอกพระราชวังจึงเรียกว่า “ศาลาลูกขุนนอก” ในกรุงเทพฯ แต่เดิมศาลาลูกขุนนอกตั้งอยู่ริมหลักเมือง เป็นที่ประชุมข้าราชการอันมีตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาชั้นสูงปรึกษาอรรถคดี ศาลานี้จึงได้นามอีกอย่างหนึ่งว่า “ศาลหลวง” (Supreme Court) คณะข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งนั่งศาลาลูกขุนนอกจึงเรียกกันว่า “ลูกขุน ณ ศาลหลวง”
อีกสองหลัง ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังจึงได้เรียกกันว่า “ศาลาลูกขุนใน” ฝ่ายซ้ายเป็นที่ประชุมข้าราชการพลเรือน ขึ้นอยู่กับมหาดไทย (สมุหนายก) ฝ่ายขวาเป็นที่ประชุมข้าราชการฝ่ายทหาร ขึ้นอยู่กับกลาโหม (สมุหกลาโหม)ที่เรียกว่าฝ่ายซ้ายขวา เพราะแต่โบราณมา เมื่อเข้าเฝ้าฯ พระเจ้าแผ่นดิน พลเรือนอยู่ฝ่ายขวาของพระเจ้าแผ่นดิน ทหารอยู่ฝ่ายซ้ายของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งถ้านับจากผู้เข้าเฝ้าฯ ก็เป็นพลเรือนฝ่ายซ้าย ทหารอยู่ฝ่ายขวา จึงนับกันมาว่าทหารเป็นฝ่ายขวา พลเรือนเป็นฝ่ายซ้าย
ดังนั้น บรรดาข้าราชการผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งนั่งประชุมศาลาลูกขุนทั้ง ๒ แห่ง จึงได้นามรวมเรียกกันว่า “ลูกขุน ณ ศาลา”
ทั้ง “ลูกขุน ณ ศาลหลวง” และ “ลูกขุน ณ ศาลา” ๓ ศาลานี้ ประชุมปรึกษา และบัญชาข้าราชการที่อยู่ในวงอำนาจหน้าที่ทั้ง ๓ แห่ง
เมื่อเสร็จแล้วต่างจึงเข้าไปเฝ้าฯ เป็นการประชุมพร้อมกันที่ในท้องพระโรง โดยพระเจ้าแผ่นดินเสด็จออกประทับ เป็นประธานนำข้าราชการขึ้นกราบบังคมทูล ทรงปรึกษาและบังคับบัญชาราชการเป็นชั้นชี้ขาดด้วยพระบรมราชโองการ
สำหรับศาลาลูกขุนใน ในพระบรมมหาราชวัง ในสมัยรัชกาลที่ ๔ คือ
ศาลาลูกขุนในของเดิมเปน ๒ หลัง โปรดให้สร้างโรงใหญ่ที่ระหว่างศาลาลูกขุนนั้นหลัง ๑ เปนที่เก็บรักษาปืนใหญ่สำหรับเฉลิมพระ เกียรติยศ คือปืนพระยาตานีเปนต้น ที่สระน้ำน่าศาลาลูกขุนฝ่าย ขวาก็โปรดให้ลงเขื่อนแลสร้างเก๋งขึ้นเปนเครื่องประดับ ( โรงปืนแลสระรื้อแลถมเสียในรัชกาลที่ ๕ เมื่อสร้างศาลาลูกขุนรวมเปนหลังเดียวกัน )