เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 01, 03:10



กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 01, 03:10
ยกขึ้นเป็นกระทู้ใหม่  ต่อจากกระทู้เก่าค่ะ

href='http://vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn5&number=327'
target='_blank'>http://vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn5&number=327

/>


การจลาจลปลายกรุงธนบุรี  พระยาสรรค์เป็นตัวชูโรงอันดับแรก
/>


เริ่มต้นการจลาจลอยู่ที่พระยาวิชิตณรงค์ผู้รักษากรุงเก่า
ได้สัมปทานการขุดทรัพย์สินที่อยุธยา
/>
ก่อนกรุงแตกชาวอยุธยาฝังทรัพย์สินเงินทองของตนลงดินไว้แล้วแยกย้ายกันหนี  
หนีไปได้ก็มี ตายกันไปก็มาก   พอถึงสมัยธนบุรี
จึงเกิดการตามล่าหาขุมทรัพย์ในอยุธยากันใหญ่
เป็นเหตุให้พระยาวิชิตณรงค์เกิดไอเดียขอสัมปทานผูกขาดการขุดไว้คนเดียว  
โดยถวายค่าสัมปทานแก่พระเจ้าตากปีละ ๕๐๐ ชั่ง
/>
ในพระราชพงศาวดารกล่าวว่าพระยาวิชิตณรงค์ไม่ได้ขุดอย่างเดียว
แต่ไปรีดนาทาเร้นเอาจากราษฎรชาวอยุธยาด้วย  จะเพื่อให้คุ้มหรือไงไม่รู้ละ
ราษฎรก็เลยลุกฮือขึ้น



แต่ถ้าไม่เชื่อพงศาวดาร  
เอาแต่เนื้อล้วนๆมาก็บอกได้เพียงว่า  ในตอนปลายธนบุรี   เกิดจลาจลที่อยุธยา
ชาวบ้านฮือกันเข้าไปปล้นเผาบ้านพระยาวิชิตณรงค์เจ้าเมือง  
ฆ่าตายกันเรียบทั้งลูกเมีย    



พระเจ้าตากก็ให้พระยาสรรค์
ขุนนางธนบุรีไปปราบ   ทีนี้หัวหน้าพวกปล้นนั้นชื่อขุนแก้วเป็นน้องพระยาสรรค์เอง
   แทนที่พี่ชายไปปราบน้องจะยอมโดยดีเพราะเกรงพี่  
ก็กลับเกลี้ยกล่อมพี่ชายให้เข้าเป็นพวกแล้วยกพวกมาถึงธนบุรี


/>
ธนบุรีนั้นเข้าง่ายดายจริงๆ  พระยาสรรค์พาพวกบุกเข้ามาล้อมวังได้สำเร็จ  
ไม่รู้ว่าทหารรักษาเมืองไปไหนกันหมด  
/>
ทหารที่ป้องกันพระเจ้าตากเหลือเพียงทหารฝรั่งล้อมวังและทหารราชองครักษ์ซึ่งเป็นพวกนับถือคริสตศาสนา
    พวกนี้สู้เต็มที่แต่กำลังน้อย  
พระเจ้าตากก็เสด็จไปที่คุกปล่อยนักโทษออกมาสู้  
แต่สู้ฝ่ายพระยาสรรค์เพียงคืนเดียวพระองค์ก็กลับใจไม่สู้


/>
จดหมายเหตุกรมหลวงนรินทรเทวีเล่าเอาไว้น่าวิเคราะห์มากว่า  
การสู้รบกันครั้งนี้  " ผู้คนบางเบาร่วงโรยนัก" หมายถึงว่าทางธนบุรี
กำลังฝ่ายพระเจ้าตากไม่มีเลย



การกบฎครั้งนี้แปลกมาก  
เพราะฝ่ายพระเจ้าตากมีทหารเก่งๆหลายคน  คือพระยาธิเบศร์ พระยารามัญ
พระยาอำมาตย์ พวกนี้สู้ตายลากปืนใหญ่ขึ้นป้อมมายิงจนข้าศึกถอยหนี  
แต่แทนที่พระเจ้าตากจะตีพระยาสรรค์ให้แตกอย่างที่เคยทำกับข้าศึกมานับครั้งไม่ถ้วน
กลับบอกว่า



"….เสด็จกลับออกไปรับสั่งห้ามว่า  
สิ้นบุญพ่อแล้ว  อย่าให้ยากแก่ไพร่เลย  พระยาธิเบศร์ พระยารามัญ พระยาอำมาตย์
มิให้สู้อยู่ตายด้วยเจ้าข้าวแดง"


/>
คือห้ามทหารพวกนั้นไม่ให้สู้ตายเพราะเห็นแก่พระคุณเจ้านาย    ทรงถือว่า
"สิ้นบุญท่านแล้วก็อย่าให้ทหารลำบากต้องมาตายแทน"


/>
การที่ทรงตัดสินพระทัยเช่นนี้ ก็ทำให้นักประวัติศาสตร์บางท่านเห็นว่า
พระเจ้าตากมิได้เสียพระจริต  ตรงกันข้ามทรงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร  
และยังมีพระกรุณาต่อข้าแผ่นดินด้วยดีเหมือนเดิม  
แต่บางคนก็ลงความเห็นว่า..เป็นเพราะทรงรู้ว่าอำนาจของพระองค์จบสิ้นลง
ไม่เข้มแข็งได้เหมือนเดิม


/>
พระยาสรรค์เมื่อชนะแล้วก็ไม่ได้ทำอันตราย
แต่ให้นิมนต์พระราชาคณะมาบรรพชาพระเจ้าตาก    
เรียกว่าบวชให้พ้นทางโลกไปเสีย

เรื่องนี้
พระเจ้าตากพอพระทัยมากที่ได้บวช  มิได้เสียดายราชสมบัติ



"
ทรงพระสรวล  ตบพระเพลา ว่า เอหิภิกขุลอยมาถึงแล้ว…อยู่ในราชสมบัติ ๑๔ ปี ๔
เดือน ทรงผนวช"



คำว่า "เอหิภิกขุ ลอยมาถึงแล้ว" แปลว่า
การได้บวชโดยง่ายดายไม่มีพิธีรีตองอะไร  
เป็นสิ่งที่ทรงพระประสงค์อย่างยิ่ง


/>
พระยาสรรค์หัวหน้าคณะรัฐประหารได้อำนาจมาง่ายดายเกินคาด
ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น   เพราะในธนบุรีตอนนั้น ว่างคน

 
แม่ทัพสำคัญๆคือเจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ไปทำศึกอยู่ข้างนอก  
พระยาพิชัยไปเป็นเจ้าเมือง  
กรมหมื่นอินทรพิทักษ์พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ก็ไม่อยู่ ไปเขมร  
เหลือแต่หลานชายคือกรมขุนอนุรักษ์สงคราม พระยาสรรค์ก็จับตัวไว้ได้  
แล้วครองอำนาจอยู่ในธนบุรี
/>
พงศาวดารบอกว่าพระยาสรรค์กล่อมกรมขุนอนุรักษ์สงครามเป็นพวก  
รวมทั้งพระยาทั้งหลายที่เคยเป็นฝ่ายพระยาเจ้าตากด้วย


/>
เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ได้ข่าวว่าธนบุรีเกิดเหตุร้าย
ก็ส่งหลานชายคือพระยาสุริยอภัยให้กลับมาโดยด่วน เข้าเมืองได้
(แต่บางแห่งบอกว่าพระยาสุริยอภัยอยู่ในกรุงธนไม่ได้ไปไหน)
แต่จะเป็นอย่างไหนก็ตาม
แน่ๆคือมีการปะทะกันในธนบุรีระหว่างฝ่ายธนบุรีและพระยาสุริยอภัย
/>
หัวหน้าฝ่ายพระยาสรรค์ คือกรมขุนอนุรักษ์สงคราม


/>
ถึงตอนนี้ต้องขอแทรกบทบาทผู้หญิงเก่งเอาไว้คนหนึ่ง คือเจ้าศิริรจจา
ภรรยาเจ้าพระยาสุรสีห์ เป็นน้องสาวเจ้าเจ็ดตนของทางเหนือ   สามีไม่อยู่
ตัวเองสามารถคุมทหารมอญออกรบ ช่วยพระยาสุริยอภัยสู้กรมขุนอนุรักษ์สงคราม
/>
กรมขุนอนุรักษ์สงครามแพ้  พระยาสุริยอภัยก็คุมกำลังในเมืองเอาไว้ได้  
ส่วนพระยาสรรค์อ่อนน้อมบอกว่าไม่มีเจตนากบฎ เป็นเรื่องของกรมขุนอนุรักษ์สงคราม
ตัวเองตั้งใจจะรักษาเมืองไว้มอบให้เจ้าพระยาจักรี


/>
ถ้าหากว่าเราไม่เชื่อพงศาวดาร มองกันแต่เหตุการณ์ ก็จะเห็นว่า
การปะทะในตอนแรก เกิดจากฝ่ายพระยาสรรค์รบกับพระเจ้าตาก
กรมขุนอนุรักษ์สงครามอยู่ฝ่ายพระเจ้าตาก   ฝ่ายแรกชนะ  
พระเจ้าตากยอมแพ้แล้วผนวช

ต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นไม่ทราบ  
ถ้าหากว่าพระยาสรรค์ไม่รู้เห็นกับกรมขุนอนุรักษ์สงครามจริงๆ  
ก็แปลว่ามีการปล่อยกรมขุนอนุรักษ์สงครามเป็นอิสระ
คุมกำลังทางทหารมารบกับพระยาสุริยอภัยได้  
โดยไม่ได้ปราบพระยาสรรค์เสียก่อน
/>
กลายเป็นศึกระหว่างหลานพระเจ้าตากกับหลานของเจ้าพระยาจักรีเสียแทน  
ฝ่ายหลานชายเจ้าพระยาจักรี ชนะ
/>
ส่วนพระยาสรรค์กลับบอกว่าเข้าข้างเจ้าพระยาจักรี  ที่ทำรัฐประหารมา  
ไม่ได้เพื่อตัวเอง


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 07 ก.พ. 01, 18:31
ขอตั้งข้อสังเกตดังนี้
1.กำลังทหารในกรุงธนบุรี สู้กำลังพระยาสรรค์ไม่ได้ถึงขั้นพระเจ้าตากทรงขอให้เลิกสู้ แสดงว่ากำลังมีน้อยกว่ากันมากหรือเปล่า?
2.พระยาสรรค์คนนี้เป็นบุตรของพระยาสรรค์คนเดิมที่เป็นทหารคนสนิทที่เคยร่วมรบในช่วงการรวบรวมแผ่นดิน แต่พระยาสรรค์คนเดิมก็เสียกำลังที่สะสมไว้ในศึกอะแซหวุ่นกี้ ตัวพระยาสรรค์ผู้ลูกเองก็เพิ่งรับราชการมาไม่กี่ปี จะนำกำลังมากมายจากที่ไหนไปปราบจลาจล
3.ถ้าพระเจ้าตากทรงทราบว่าตัวการก่อจลาจลเป็นน้องชายพระยาสรรค์ น่าจะให้พระยาสรรค์ไปเกลี้ยกล่อมโดยไม่ต้องนำกำลังไปด้วย เพราะการนำกำลังไปใช่ว่าจะช่วยอะไรได้

ถ้าอ่านจากหนังสือของอ.นิธิ จะเห็นว่ากำลังของพระเจ้าตากส่วนมากได้มอบให้กรมขุนอินทรพิทักษ์ยกไปปราบจลาจลที่เขมร และกำลังส่วนน้อยที่เหลือไว้รักษากรุงได้มอบให้พระยาสรรค์ไปปราบจลาจล แล้วพระยาสรรค์ได้นำกำลังนั้นมาปฏิวัติ
ผมกลับเห็นว่ากำลังส่วนที่พระยาสรรค์ได้ไปน่าจะเป็นส่วนน้อย กำลังที่ใช้ปฏิวัติน่าจะเป็นกำลังจาก "แหล่งอื่น" ที่เตรียมไว้ ซึ่งก็ไม่เกี่ยวข้องกับการปราบจลาจลด้วย กำลังที่พระยาสรรค์นำออกจากกรุงธนบุรีน่าจะมีจุดประสงค์เพื่อลดทอนกำลังของพระเจ้าตากโดยอ้างเหตุการณ์จลาจลมากกว่า โดยถ้ารวมถึงเหตุการณ์ที่ทัพพระยาสุรยอภัยมาถึงกรุงธนบุรีได้ในเจ็ดวันนับจากมีเหตุ ทั้งๆที่การเกณฑ์กำลังนั้นต้องอาศัยเวลา และเวลานั้นทัพของเจ้าพระยาจักรีที่ไปร่วมปราบเขมรโดยยกไปทางโคราชซึ่งพระยาสุริยอภัยดูแลอยู่กลับไม่เกณฑ์ทหารจากโคราชไปด้วย และทัพของเจ้าพระยาจักรี กับเจ้าพระยาสุรสีห์ ก็เดินทัพช้ามาก (ยังไปไม่ถึงเขมรทั้งๆที่ทัพกรมขุนอินทรพิทักษ์ถูกญวนล้อมไว้ที่เขมรเรียบร้อยแล้ว) ก็น่าจะสงสัยอย่างที่อ.นิธิตั้งข้อสงสัยไว้
นอกจากนี้ ผมเคยได้อ่านพงศาวดารในสมัยร.๑ก่อนที่จะอ่านหนังสือของอ.นิธิ ก็เคยรู้สึกสงสัยอยู่ว่าร.๑ทรงให้ความช่วยเหลือพวกองเชียงสือในการสงครามแย่งชิงอำนาจในญวนอย่างมากจนแน่แปลกใจ ก็ดูจะสอดคล้องกับสมมติฐานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 07 ก.พ. 01, 22:10
อ่านที่คุณเทาชมพูคัดลอกมาแล้ว
ทำให้สงสัยในหลายประเด็นว่า
เหตุการณ์ มันดูง่ายดายเหลือเกิน สำหรับกษัตริย์นักรบ ที่รบมาตลอดชีวิต แต่กลับพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย
แล้วถ้าพระเจ้าตาก ขอผนวชแล้ว ทำไมถึงยังต้องถูกสำเร็จโทษอยู่ล่ะครับ


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 08 ก.พ. 01, 01:51
การที่กษัตริย์หรือผู้มีศักยภาพในการเป็นผู้นำทางการเมืองไปผนวชหรือไปบวช ในประวัติศาสตร์ไทยยุคช่วงก่อนนั้นไม่มาก ไม่เป็นทางที่จะทำให้ผู้มีอำนาจวางใจได้เลยครับ

เจ้าพระฝางนั้นตั้งตนขึ้นเป็นผู้นำชุมนุมทั้งเป็นพระนั่นแหละ
พระเจ้าเอกทัศหรือขุนหลวงขี้เรื้อนก็ถูกพระราชบิดาจับผนวช จะได้ไม่กีดขวางการมอบราชสมบัติให้เจ้าฟ้าอุทุมพร แต่พระเจ้าเอกทัศก็ยังสึกออกมาอ้างสิทธิในราชสมบัติจนได้
ในสมัยอยุธยา การสมคบคิดวางแผนคิดโค่นล้มกษัตริย์ลง ทำได้แม้แต่ในกุฏีพระครับ

ถ้าพูดอย่างที่คุณเทาชมพูเชื่อ (หรือจะพูดอย่างอาจารย์นิธิเชื่อก็ได้ เพราะในที่สุดก็จะเหมือนกัน) พระเจ้าตากสินในขณะนั้นทรงพระสติแปรปรวนไปเสียแล้ว กลับกลายจากวีรกษัตริย์ผู้ทรงพระคุณไปเป็น potential ภัยคุกคามความมั่นคงของพระราชอาณาจักรแล้ว จะให้อยู่ในตำแหน่งไม่ได้ ขุนนางผู้ใหญ่ต้องถอดเสียไม่ให้ร้อนแก่แผ่นดิน (ขนบนี้มีมาแต่กรุงศรีฯ เช่นตอนขุนนางผู้ใหญ่คบคิดกับถอดแม่เจ้าอยู่หัวศรีสุดาจันทร์กับชู้เป็นต้น) แต่ถอดแล้วให้ท่านเป็นพระก็ไม่ใช่จะแก้ปัญหาได้ ตราบได้ที่ยังคงพระชนม์อยู่ ถึงพระเจ้าตากเองไม่ทรงพระประสงค์ก็อาจจะทรงถูกใช้เป็นเครื่องมือก่อความระส่ำระสายได้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อประโยชน์ของการรักษาความสงบเรียบร้อยของแผ่นดิน จำเป็นต้องตัดไฟแต่ต้นลมครับ
ถ้าพูดอย่าง อ. นิธิฯ ก็ยิ่งชัด ก็กลุ่มขุนนางเก่าจะล้มระบบกรุงธนฟื้นระบบกรุงศรีอยู่แล้ว เมื่อทำสำเร็จ เก็บพระเจ้าตากสินไว้ไม่ได้หรอกครับ ต่อให้ทรงผนวชแล้วก็เถอะ เพื่อให้สิ้นปัญหาในภายหน้า จำเป็นต้องตัดไฟหัวลมเช่นกันครับ
การเมืองครับการเมือง เป็นอย่างนั้นแหละครับ เป็นความจำเป็นทางการเมืองอย่างนั้น

อธิบายเป็นภาษาความเชื่อแบบไทยโบราณว่า "สิ้นพระบารมีแต่เพียงนั้น"  ก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น พระเจ้าตากสินเองก็คงจะทรงตระหนักดีจึงได้รับสั่งว่า " สิ้นบุญพ่อแล้ว..."


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 08 ก.พ. 01, 02:15
แต่อันนี้เราพูดเลยล่วงหน้าเร็วเกินไปหน่อย เรื่องเพิ่งถึงแค่กบฏพระยาสรรค์ แต่ก็ถือว่าคุณพระนายถามน่ะครับเลยฟาสต์ฟอร์เวิร์ดไปหน่อย
คำถามคุณ Crazy Horse ผมเห็นภาพนึกตาม อ.นิธิไปได้อย่างคุณว่าได้เหมือนกัน แต่ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องของการตีความ ก็ถือว่าช่วยกันตีความคนละแง่ละมุมนะครับ

ผมเห็นว่าเป็นไปได้ทั้งที่คุณว่า (ถ้าใช้ฐานการมองของ อ. นิธิ) แต่ในขณะเดียวถ้าลองเลือกตีความอีกทาง ก็เป็นไปได้ว่า พระเจ้ากรุงธนไม่ทรงทราบว่าผู้นำกบฏเป็นน้องชายพระยาสรรค์เอง จึงได้ทรงมอบกำลังให้ไปปราบ เพราะถ้าทรงทราบ คุณบอกว่าก็น่าจะทรงส่งพี่ให้ไปเกลี้ยกลอมน้องโดยไม่ต้องใช้รี้พล ผมกลับมองว่าถ้าผมต้องตัดสินใจ ผมจะไม่ให้รี้พลไปกับพี่เพื่อไปกล่อมน้องครับ ไว้ใจได้เมื่อไหร่ พี่น้องกันเดี๋ยวก็ไปเข้ากัน (ซึ่งในที่สุดก็ไปเข้ากันจริงๆ) ทหารคนอื่นๆ ก็ยังมีให้ทรงใช้ อย่างน้อยก็ข้าเดิมที่ต่อสู้ป้องกันพระองค์ตอนหลังที่ศึกพระยาสรรค์มาติดกรุงไง ถ้าเราเชื่อสมมติฐานว่า พระเจ้าตากเสียพระสติ หรืออาจไม่ถึงพระสติวิปลาศไปโดยสิ้นเชิงเลยก็ได้ แต่พระสติอารมณ์แปรปรวนไปบ้างตามที่มีบันทึกไว้ที่คุณเทาชมพูอ้าง ผมก็ขอใช้วิชาจิตวิทยาเบื้องต้นจับว่า มีพระอาการระแวงนิดๆ ครับ ออกๆพารานอยด์ เช่น ระแวงฝรั่งเป็นชู้ ฯลฯ อันนี้ว่ากันตามหลักฐาน แล้วขนาดเราๆ ว่ากันด้วยเหตุผลคนปกติ ยังมีเหตุอันควรสงสัยพระยาสรรค์ได้เลย ว่าไม่ควรสงไปราชการครั้งนี้ พื้นพระอารมณ์ขณะนั้นจะไม่ทรงระแวงหรือ ถ้าทรงทราบว่าส่งพี่ไปปราบน้องยังงั้น
ผมจึงขอสงสัยว่า น่าจะไม่ทรงทราบว่าพระยาสรรค์เป็นพี่ผู้นำกบฎครับ อันนี้ต้องเรียนฝากคุณเทาชมพูตรวจสอบหลักฐานจริงๆในพงศาวดารด้วย

เรื่องพระยาสรรค์ไม่น่ามีรี้พลมากมาย เอามาจากไหน ในเมื่อพระยาสรรค์ไม่มีพลเดิมมาก ผมว่า แล้วแต่พระราชโองการให้ถือพลไปเท่าไหร่ครับ ไม่ใช่บารมีส่วนตัวพระยาสรรค์เอง ในเมื่อเป็นราชการรับสั่งมา
เรื่องกำลังที่เหลือกรุงธนเบาบางก็ใช่ อธิบายได้อย่าง อ. นิธิอธิบาย แต่อธิบายธรรมดาก็ได้ว่า ก็ทหารส่วนใหญ่ไปราชการทัพกับเจ้าพระยาจักรีเจ้าพระยาสุรสีห์ อีกส่วนถูกแบ่งไปปราบกบฎ ก็เหลือน้อย -เท่านั้น  

แต่เรื่องกำลังอีกส่วนที่ซุ่มอยู่ เป็นกองกำลังนอกแบบ ที่ว่า เป็นอะไรที่พงศาวดารไม่ได้จดไว้นี่ ก็เป็นการคาดคะเนของ อ. นิธินะครับ ผมว่า น่าสนใจตรงที่อาจารย์ใช้ประวัติศาสตร์จากการบอกเล่าของตระกูลมาประกอบด้วย คุณ CrazyHorse อ่าน การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธน แล้ว จำได้ใช่ไหมครับตรงนั้น (ตระกูล สุรนันท์?) ผมว่าเป็นหลักฐานที่น่าสนใจดี


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.พ. 01, 09:17
เรื่องส่งพระยาสรรค์ไปปราบขุนแก้วที่อยุธยา มีทางสันนิษฐานได้หลายอย่าง
๑) ไม่ทรงทราบว่าขุนแก้วหัวหน้าจลาจลที่อยุธยาเป็นน้องชายพระยาสรรค์  อย่างคุณนกข.ว่า
๒) ทรงทราบดี  แต่ทรงเชื่อว่าให้พี่ไปปราบน้อง น้องเกรงพี่จะต้องยอมให้จับโดยดี    ไม่เสียรี้พลเหมือนเอาแม่ทัพนายกองคนอื่นไปปราบขุนแก้ว  เพราะตอนนั้นกำลังในเมืองธนบุรีมีน้อยมาก  ถ้าต้องเปลืองไปในการปราบจลาจลก็ยิ่งน้อยลงไปอีก
อีกอย่างหนึ่ง อาจจะทรงถือว่า จลาจลเริ่มต้นจากความไม่พอใจที่ราษฎรมีต่อพระยาวิชิตณรงค์  ไม่ใช่ว่าเป็นกบฎผีบุญที่ไม่พอใจต่อกษัตริย์  
ดังนั้นเรื่องนี้เป็นสิ่งสะท้อนถึงความเดือดร้อนของราษฎรโดยตรง   ขุนแก้วเพียงแต่ร้องทุกข์ขึ้นมาในลักษณะรุนแรงเท่านั้น
ถ้าหากว่าพระยาสรรค์ขออาสาว่าจะไปเอาตัวน้องชายมาถวายโดยไม่ให้เปลืองชีวิตไพร่พล  พระเจ้าตากก็อาจเห็นดีด้วย
๓) พระวิจารณญาณผิดพลาด  มองข้ามไปถึงสิ่งที่จะย้อนเป็นภัยแก่ตน เพราะพระสติแปรปรวนไปแล้ว

ดิฉันเชื่อข้อ ๒ ค่ะ  เพราะธรรมเนียมการเอาผู้ใหญ่ที่น่านับถือไปจับตัวผู้น้อยที่ก่อเรื่องร้ายแรง เป็นนโยบายที่ทำกันมาไม่แปลกอะไร  เพราะการเกลี้ยกล่อมให้ประนีประนอมยอมความ เป็นนโยบายอันดับต้นๆของการปราบปราม
 แม้ในมหาดไทยยุคสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ก็เอาหัวหน้าโจร(ที่มาสวามิภักดิ์) ไปปราม และปราบโจรรุ่นน้องกันมามากมายหลายสิบครั้ง
อ่านเรื่องพระเจ้าตากให้พระยาสรรค์ไปปราบขุนแก้วน้องชาย นึกถึงขุนช้างขุนแผน เมื่อขุนแผนพานางวันทองหนี  ขุนช้างไปถวายฎีกาว่าขุนแผนเป็นกบฎตั้งค่ายระดมรี้พลเป็นภัยแก่แผ่นดิน
พระพันวษาให้ขุนเพชรขุนราม ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นเป็นเพื่อนของขุนแผนไปปราบ และให้จมื่นศรีสรรักษ์ผู้ใหญ่ที่ขุนแผนนับถือคุมไปด้วย
เพราะอะไร?
ก็เพราะขุนแผนจะได้เกรงใจจมื่นศรี ผู้เกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้ได้ง่าย   และขุนเพชรขุนรามเป็นเพื่อนกัน ขุนแผนจะได้ทำร้ายไม่ถนัด
แต่ขุนเพชรขุนรามมุทะลุไปด่าขุนแผนเข้าก่อน ก็เลยขัดใจถึงฆ่าฟันกัน   จมื่นศรีเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ  แผนล้มเพราะคนที่ส่งไปไม่เข้าใจนโยบาย "ปราบด้วยสันติวิธี"


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.พ. 01, 18:13
คุณ CrazyHOrse ดิฉันไปเปิดหนังสือ "ไทยรบพม่า" ดูเรื่องทัพพระยาสุริยอภัยที่บอกว่ายกมาหลังเกิดจลาจลในธนบุรี ๗ วัน
พบว่า
พระยาสรรค์เข้ายึดอำนาจ เมื่อค่ำวันเสาร์ เดือนสี่  แรม ๑๑ ค่ำ ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๒๔ สู้กันทั้งคืนกับทหารรักษาพระองค์ ตอนเช้าพระเจ้าตากก็ยอมแพ้  เป็นอันว่ายึดได้วันอาทิตย์ แรม ๑๒ ค่ำ เดือนสี่
 ส่วนพระยาสุริยอภัยยกทัพจากโคราชมาถึงธนบุรี วันศุกร์ เดือนห้า ขึ้น ๙ ค่ำ ปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕
ก่อนหน้านี้   เจ้าพระยาจักรีให้พระยาสุริยอภัยตั้งทัพอยู่ที่โคราชเพื่อฟังข่าวคราวทางธนบุรี นับตั้งแต่พระเจ้าตากสั่งเฆี่ยนพระสงฆ์แล้วค่ะ  เพราะเป็นเรื่องใหญ่ของเมือง
เมื่อเกิดเหตุปะทะระหว่างกรมขุนอนุรักษ์และพระยาสุริยอภัย  เจ้าพระยาจักรีอยู่ที่เมืองเสียมราฐในเขมรค่ะ


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 09 ก.พ. 01, 04:15
อ่านอันหลังสุดให้เกิดความสงสัยขึ้นมาอีกจะข้ามตอนสำคัญอีกมั้ยเนี่ย
คุณเทาชมพูบอกว่า เจ้าพระยาจักรีให้พระยาสุริยอภัย คอยฟังข่าวทางกรุงธนบุรีเนื่องจากทราบข่าวพระเจ้าตากเฆี่ยนพระสงฆ์ อย่างนี้แสดงว่า ทางเจ้าพระยาจักรีท่านเตรียมการไว้แล้วหรือเปล่าครับ กะว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างกับ พระเจ้าตากแน่นอน


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 09 ก.พ. 01, 08:55
ผมเห็นว่ามันก็เหมือนกับเรื่องเสียกรุงครั้งที่สองแหละครับ สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าวางแผนหรือไม่วางแผนกันอย่างไร แต่อยู่ที่ความจริงที่ว่าสมดุลของอำนาจได้เปลี่ยนไปแล้ว


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.พ. 01, 09:00
ในหนังสือ "ไทยรบพม่า " อธิบายไว้อย่างนี้ค่ะ

" การที่พระเจ้ากรุงธนบุรีทำแก่พระสงฆ์ดังกล่าวมา  เมื่อทราบถึงไหนคนทั้งหลายก็พากันตกใจ  เห็นว่าเกิดวิปริตขึ้นในบ้านเมือง   บางพวกก็โกรธแค้น  บางพวกก็สงสารพระสงฆ์ซึ่งต้องรับพระราชอาขญา  เกิดโกลาหลสะดุ้งสะเทือนกันไปทั่วพระนคร
ครั้นต่อมาพระเจ้ากรุงธนบุรีซ้ำมีอาการเกิดทรงระแวงว่าข้าราชการพากันลอบลักพระราชทรัพย์  ให้โบยตีจำจองและบางทีก็เอาตัวผู้ต้องหาขึ้นย่างไฟจะให้รับเป็นสัตย์  แล้วพระราชทานรางวัลแก่ผู้เป็นโจทก์ฟ้องร้อง   ก็เลยเป็นเหตุให้คนพาลแกล้งใส่ความฟ้องผู้อื่นชุกชุมขึ้น  มีคนต้องโทษกักขังเฆี่ยนตี  และที่ถูกประหารชีวิตมากขึ้นทุกที
ข่าวที่วิปริตขึ้นในกรุงธนบุรีเห็นจะทราบไปถึงสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก   เมื่อราวเดือน ๑๑ หรือเดือน ๑๒  จึงให้รอการที่จะทำสงครามกับญวนไว้  แล้วให้พระยาสุริยอภัยผู้เป็นหลาน กลับมายังเมืองนครราชสีมา   ให้มาคอยฟังเหตุการณ์ทางกรุงธนบุรี   ถ้าเห็นว่าบ้านเมืองจะเกิดเป็นจลาจลจริง  ก็ให้รีบยกกองทัพเมืองนครราชสีมาเข้ามารักษากรุงธนบุรีไว้  พระยาสุริยอภัยก็กลับมาคอยฟังเหตุการณ์อยู่ ณ เมืองนครราชสีมา"

คุณพระนายตั้งคำถามเข้าที   ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจดิฉันว่า
สมมุติว่าเหตุการณ์เป็นอีกอย่างหนึ่ง  เจ้าพระยาจักรี( หรือสมเด็จเจ้าพระยามหาฯ)ไม่กลับมาธนบุรี  แต่เดินหน้าไปรบกับญวนตามเดิม    การรบนี้กว่าจะกลับมาได้ก็กินเวลานานเป็นปีสองปีสามปี    เราคิดว่าทางธนบุรีจะเป็นอย่างไร หากความวุ่นวายนั้นมีจริง?
(ถ้าความวุ่นวายไม่มีจริง ก็ไม่ต้องสมมุติซีนะคะ เพราะธนบุรีก็อยู่กันไปตามปกติ)


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 09 ก.พ. 01, 11:00
อืม สรุปว่ามีความวุ่ยวายจริง ๆ
ทีนี้ ผมคิดไปถึงอีกเรื่องนึงครับ แต่เป็นทำนองนิยายมากกว่า
ผมเคยอ่านเรื่อง เพลิงพระนาง เป็นเค้าของเรื่องพม่าเสียเมือง แต่เรื่องมาน่าสนใจตรงที่ว่า กษัตริย์ของพม่าผมจำไม่ได้ว่าในเรื่องใช้ชื่อเมืองมอญ หรือเมืองอะไร ตอนแรก ก็เป็นกษัตริย์ที่รบเก่ง รวมแผ่นดินพม่าที่มีหลายเผ่า ทั้งตองอู ไทยใหญ่ มอญ เป็นหนึ่งได้
หลังจากนั้น ในเรื่องนะครับ มีนางสนมคนนึงที่ วางแผนร้ายกาจ ผสมตัวยาสมุนไพรชนิดนึง ให้กษัตริย์องค์นี้ กิน แล้วก็เกิดอาการผิดปกติทางประสาทครับ วิกลจริต แล้วก็ฟั่นเฟือนไปเลย
ผมเพียงแต่คิดเล่น ๆ นะครับ ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วในสมัยก่อน มีสมุนไพรอันตราย ๆ แบบนี้อยู่จริงหรือเปล่า แล้วถ้าเอามีจริง จะมีการใช้มั้ยเนี่ย


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: พัดโบก ที่ 09 ก.พ. 01, 11:58
ขออภัยครับ หายไปหลายวัน
ยังตามอ่านอยู่นะครับ


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.พ. 01, 16:49
พิมพ์ยาวแล้วพลาดยังไงไม่ทราบ หายหมดเลย
พิมพ์ใหม่ สั้นๆแล้วกันนะคะ

เมื่อพระยาสุริยอภัยควบคุมสถานการณ์ในธนบุรีได้แล้ว   เจ้าพระยาจักรีทราบก็ยกทัพกลับมา   แล้วก็สั่งให้ไต่สวนพระเจ้าตากต่อหน้าขุนนาง ถึงเรื่องเฆี่ยนตีพระสงฆ์ ลงโทษข้าราชการถึงขั้นย่างไฟ
พระเจ้าตากรับผิดทั้งหมด    จึงมีการปรึกษาขุนนางทั้งหลายเรื่องลงโทษ  ก็มีคำตัดสินออกมาว่าให้ประหารชีวิต
ก่อนถูกประหาร  พระเจ้าตากขอผู้คุมให้พาไปพบเจ้าพระยาจักรี ว่า
" ตัวเราก็สิ้นบุญ จะถึงที่ตายแล้ว  ช่วยพาเราแวะเข้าไปหาท่านผู้สำเร็จราชการ  จะขอเจรจาด้วยสัก ๒-๓ คำ"
แต่เจ้าพระยาจักรีโบกมือมิให้นำมาพบ   ผู้คุมก็หามกลับไป   แล้วนำไปประหารด้วยการตัดศีรษะที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์  ศพฝังที่วัดบางยี่เรือใต้  ภายหลังเมื่อสถาปนากรุงเทพแล้วจึงขุดขึ้นมาพระราชทานเพลิง  
รัชกาลที่ ๑ และกรมพระราชวังบวรฯ เสด็จไปพระราชทานเพลิงเองทั้ง ๒ พระองค์

หลังจากประหารชีวิตพระเจ้าตากแล้ว  ก็ไต่สวนกรมขุนอนุรักษ์สงครามและพระยาสรรค์ แล้วประหารชีวิตทั้ง ๒ คน


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.พ. 01, 16:57
กรมขุนอินทรพิทักษ์หรือเจ้าฟ้าจุ้ย  พระราชโอรสพระองค์ใหญ่อยู่ที่เขมร  ได้ข่าวว่าพระราชบิดาถูกประหารไปแล้ว  ก็ตีฝ่าทัพเขมรที่ล้อมอยู่กลับเข้าเขตแดนไทยถึงปราจีน    ทหารพอรู้ข่าวก็หนีทัพกันหมดเหลือเจ้าฟ้าจุ้ยกับพระยากำแหงสงครามแม่ทัพคนสนิท กับทหารอีก ๕ คนไปซุ่มซ่อนตัวในป่า
กรมพระราชวังบวรฯ ยกทัพไปจับตัวมาได้ นำเข้าเฝ้า   รัชกาลที่ ๑  เห็นว่าไม่มีความผิด  ก็ตรัสถามว่าจะยอมสวามิภักดิ์หรือไม่  ถ้ายอมก็จะทรงเลี้ยงไว้    แต่เจ้าฟ้าจุ้ยไม่ยอม  ขอตายตามพระราชบิดา  ก็เลยถูกประหารพร้อมพระยากำแหงสงครามที่ยอมตายตามนาย  ส่วนทหารอีก ๕ คนถูกปล่อยตัว
การไต่สวนยังไม่จบแค่นี้    ขุนนางฝ่ายพระเจ้าตากถูกประหารไปอีก ๓๙ คน
ที่แทรกเข้ามาคือกรมพระราชวังบวรฯ ทรงประหารขุนนางไปอีก ๘๐ เศษ  ล้วนแต่เป็นผู้มีเรื่องขุ่นเคืองกับพระองค์มาก่อน

เจ้านายผู้ชายพระญาติฝ่ายพระเจ้าตาก ที่เป็นผู้ใหญ่ ถูกประหารหมด   เว้นพวกผู้หญิงและเด็กๆไว้ รวมทั้งโอรสเล็กของพระเจ้าตากด้วย
กรมพระราชวังบวรฯ ทูลขอให้ประหารหมด  เพราะจะเป็นเสี้ยนหนามต่อไป  แต่ร. ๑ ทรงขอชีวิตไว้ทั้งหมด

มากริ้วอีกครั้งก็เมื่อตอนพระราชทานเพลิงพระเจ้าตาก  เจ้าจอมหม่อมห้ามและเจ้านายฝ่ายในของพระเจ้าตากที่ตอนนี้ย้ายมาเป็นฝ่ายในของร. ๑ พากันร้องไห้คร่ำครวญถึงเจ้านายเดิม   ก็เลยกริ้วสั่งเฆี่ยนหลังลายกันเป็นแถว


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.พ. 01, 17:09
ในพระบรมราโชวาทในรัชกาลที่ ๕ ทรงมีไปถึงเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรก   ลงวันที่ ๓ พฤกษภาคม ร.ศ. ๑๑๒
ทรงเท้าความถึงเหตุการณ์ตอนนี้ว่า

"(การสั่งประหารพระเจ้าตาก) เป็นการจำเป็นเพราะมีผู้แค้นเคืองเจ้ากรุงธนบุรีเป็นอันมาก   และถ้าไม่ทำเช่นนั้นบ้านเมืองก็จะไม่เป็นปกติเรียบร้อยได้  เพราะผู้ที่ยังนับถือพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ยังมีบ้าง   จึงเป็นการจำเป็นต้องให้ประหารชีวิตเจ้ากรุงธนบุรีเสีย
แต่ถึงดังนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯยังไม่ได้สิ้นความนับถือหรือยกข้อเหตุที่ทำอันตรายแก่ครอบครัวของท่านอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นที่ตั้ง  แล้วทำลายวงศ์ตระกูลแห่งพระเจ้ากรุงธนบุรีนั้นเสีย  ตามคำขอแห่งกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาทนั้นเลย   ได้ทำเฉพาะผู้เดียวแต่เจ้าจุ้ย ซึ่งเป็นกรมขุนอนุรักษ์สงคราม  การที่ทำนั้นก็ทำโดยความที่เจ้าจุ้ยนั้นเองไม่เต็มใจจะอยู่รับราชการต่อไป  เพราะเห็นโทษของบิดา และเห็นตัวเป็นที่กีดขวางโอรสธิดาของเจ้ากรุงธนบุรี
นอกนั้นได้ทรงชุบเลี้ยงไว้หมดทั้งสิ้น   ใช่จะเป็นแต่เพราะเจ้าฟ้าเหม็น (หมายถึงพระนัดดา)  โอรสเจ้ากรุงธนบุรีอื่นๆคือพระพงศ์นรินทร์  พระอินทรอภัย อายุถึง ๑๔-๑๕ ปีแล้วทั้งสิ้น ก็ยังเอามาชุบเลี้ยงใช้สอย"

บุตรของผู้ถูกประหารในคราวนั้นทรงไว้ชีวิตไว้ทั้งหมดและนำมารับราชการทั้งหมดเช่นกันค่ะ
เชื้อสายพระเจ้าตากกลายมาเป็นข้าราชการสืบต่อกันมาในต้นรัตนโกสินทร์    ยังมีลูกหลานมาจนทุกวันนี้

หมดกระทู้นี้แล้วจะเล่าถึงลูกหลานของพระเจ้าตาก จนถึงปัจจุบันว่ามีนามสกุลอะไรบ้าง


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 09 ก.พ. 01, 19:48
กำลังรออ่านต่อไปเรื่อยๆนะคะ คุณเทาชมพู


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.พ. 01, 21:53
เนื้อหาการจลาจลจบเพียงนี้ค่ะ
ไม่ทราบว่ามองกันอย่างไร
ดิฉันมองแยกเป็น ๓ อย่าง จากเนื้อความที่เล่ามา
๑)พระเจ้าตากสินทรงสิ้นบารมีที่จะสร้างความปึกแผ่นภายในได้อีก
จะด้วยทรงมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปขนาดก่อความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างพงศาวดารว่า  หรือเป็นเพราะอำนาจของเจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ขยายใหญ่ขึ้นมากที่สุดก็ตาม
๒) concept of loyalty   ไม่มีอีกแล้วในตอนปลายธนบุรี
กลับเข้าสู่สังคมที่มีผู้นำและผู้ตาม   บุคคลเข้มแข็งที่สุดจะได้ตำแหน่งผู้นำแทนคนเก่า   ถ้าเป็นลักษณะนี้ การรัฐประหารจะเกิดขึ้นง่ายที่สุด
๓) การกระทำหลายอย่าง เป็นการสยบอำนาจเก่าลงไม่ให้เป็นปัญหาได้อีก    แต่การกระทำหลายอย่างบ่งถึงการประนีประนอมแก่ผู้ที่ไม่ใช่เสี้ยนหนามอันดับหนึ่ง อย่างบรรดาขุนนางที่ถูกประหารไป บุตรก็ได้รับราชการต่อ รวมทั้งบุตรพระยาสรรค์ด้วย  ทั้งนี้จะมีผลทางขวัญกำลังใจของข้าราชการโดยส่วนรวม

ในปัจจุบันที่ไม่มีการฆ่าฟันกันอีกแล้ว  เราคงเคยเจอข่าวในวงราชการว่า พอใครได้กินตำแหน่งข้าราชการสูงสุดในกรมหรือกระทรวง  โดยไม่ได้สืบต่อจากบิ๊กคนเก่าโดยตรง    แต่มาจากที่ใหม่ หรือเป็นฝ่ายตรงข้ามกับคนก่อน   ก็จะมีการ "ล้างบาง" กลุ่มสมัครพรรคพวกของคนเก่า  โยกย้ายกันอุตลุด แขวนตำแหน่งลอยก็มาก   นี่คือการสยบในทำนองเดียวกัน


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 09 ก.พ. 01, 22:04
ทำไมวันจักรีเป็นวันที่6 เมษายนลัคะ  ...วันที่สถาปณากรุงรัตนโกสินทร์จริงๆเป็นวันไหนคะ รู้สึกว่าวันที่ที่อ้างในหนังสือ "ไทยรบพม่า " ที่คุณเทานำมาโพสต์ไว้ทำดิฉันสับสนอย่างไรไม่ทราบ หรือว่าพระเจ่าตากยังมีชีวิตอยู่ในวันสถาปณากรุงรัตนโกสินทร์คะ


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 09 ก.พ. 01, 22:41
เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นเลยครับว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมคิดว่าที่ชัดที่สุดคือ อำนาจและบารมีของเจ้าพระยาจักรี กับเจ้าพระยาสุรสีห์ นั้นมีมากแน่ ๆ เพราะขนาดทหารของเจ้าฟ้าจุ้ย ยังหนีทัพกันหมดไม่คิดจะช่วยเจ้านายรบแต่อย่างใด พระเจ้าตากท่านก็คงทรงทราบบ้างเหมือนกัน ถ้าไม่ทรงเสียพระจริตไปทั้งหมด


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.พ. 01, 08:36
คุณส้มหวาน  วันจักรีหาอ่านได้ที่นี่ค่ะ



http://www.geocities.com/Tokyo/Garden/9425/jakree001.html



ดิฉันยังหาวันที่ไม่พบว่าพระเจ้าตากถูกสำเร็จโทษวันไหน  แต่ดูรูปการณ์แล้ว  คิดว่าปราบดาภิเษกก่อนจะสอบสวนลงโทษค่ะ


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.พ. 01, 17:01
หนังสืออ้างอิง
๑) พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา
๒) ไทยรบพม่า พระนิพนธ์ในสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
๓)เรื่องสนุกสมัยธนบุรี ของนายแพทย์วิบูล วิจิตรวาทการ
เรื่องนี้คุณหมอวิบูลได้ยกเรื่องจดหมายเหตุของบาทหลวงมาลงไว้ยาวมาก   ดิฉันก็เลยประหยัดเวลาที่จะต้องไปค้นในห้องสมุดเพื่อหาหนังสือจดหมายเหตุโดยตรง  
ใช้วิธี quote ข้อความในจดหมายเหตุจากที่ลงในหนังาสือคุณหมอวิบูลแทน
คิดว่าถ้าใครสนใจก็หาซื้อได้ตามร้านค่ะ   ดิฉันไปซื้อจากศูนย์หนังสือจุฬาที่สยามสแควร์


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 12 ก.พ. 01, 19:56
ขอ comment รายการอ้างอิงของคุณเทาฯ หน่อยนะครับ
1.พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาชำระในสมัยร.4และฉบับที่มีพิมพ์จำหน่าย(ซึ่งเข้าใจว่าคุณเทาฯใช้อยู่)ปกสีแดง ได้รับการ comment โดยกรมพระยาดำรงฯ เนื้อความสอดคล้องกับไทยรบพม่าครับ ผมถือว่าเป็น Source เดียวกัน
2.เรื่องเล่าของหมอวิบูลย์ ผม no comment ครับ


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 12 ก.พ. 01, 21:54
คุณหมอวิบูล วิจิตรวาทการ ถ้าถือเสียว่าท่านใช้ sources ต่างประเทศ ก็โอเคครับ ถือว่าคุณหมอไปช่วยรวบรวมมาให้จากต่างประเทศ เป็นอีกแหล่งข้อมูลหนึ่ง
แต่สไตล์ของคุณหมอเอง หรือการเอาข้อมูลเหล่านั้นมาตีความใหม่เองของคุณหมอ เวลาเขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย หลายเรื่อง หลายชิ้น หลายยุค ผมอ่านแล้วคงจะรู้สึกคล้ายๆ คุณ CrazyHorse ครับ คือ ...
...โนคอมเม้นต์ ครับ


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.พ. 01, 22:27
จะ comment ก็ได้นี่คะ  ว่าคุณไม่เห็นด้วย

เคยบอกชื่อหนังสือมา ๓ ข้อ มีข้อ ๔ ด้วยค่ะ

) ลายพระหัตถ์ในรัชกาลที่ ๕ ที่มีไปถึงเจ้าฟ้ามหาวริรุณหิศ เกี่ยวกับเหตุจลาจลของปลายกรุงธนบุรี

พงศาวดารและหนังสืออื่นๆที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯเป็นผู้รวบรวมและเรียบเรียง ถูกมองจากหลายคนว่าเป็น " แหล่งเดียวกัน"
จึงมีความสนใจจะมองจาก "แหล่งอื่น"
เท่าที่เห็นก็คือ หลักฐานข้อมูลจากที่อื่นๆที่ไม่ใช่พระราชพงศาวดาร เช่นเรื่องที่ทรงตัดสินข้ามไป ไม่นำมาไว้
หรือแหล่งข้อมูลจากต่างประเทศ

ถ้าหากว่ามีหนังสือน่าสนใจ หรือข้อมูลอื่นที่ตีความได้เป็นอื่น ก็อยากอ่านในกระทู้นี้ค่ะ


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 13 ก.พ. 01, 01:17
ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยอย่างเดียวครับ เห็นด้วยไม่เห็นด้วยเป็นเรื่องของความคิดเห็น แต่บางครั้งมันเกินความคิดเห็นไปเป็นเรื่องความรู้สึก ผมรู้สึกต่อความเห็นบางอย่างของคุณหมอว่า รับไม่ได้ครับ
ไม่ใช่เรื่องพระเจ้ากรุงธนนะครับ แต่เป็นเรื่องอื่น หลายครั้ง ผมรู้สึก (อาจจะรู้สึกไปเองก็ได้) ว่าคุณหมอเหยียดชนชาติไทยมากไปหน่อย เป็นต้นว่ามีงานเขียนของคุณหมอที่อ้างบันทึกฝรั่ง (งานคุณหมอมักชอบอ้างฝรั่ง) สมันต้นกรุงรัตนโกสินทร์ว่ามาสำรวจทางธรรมชาติวิทยา ทำแผนที่ วัดแม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ น่าชมที่ฝรั่งเขาใส่ใจขวนขวายหาความรู้ ไม่เหมือนคนไทยชาติขี้เกียจ ดักดานอยู่ตรงนี้แหละติดแม่น้ำเจ้าพระยาแท้ๆ ไม่รู้จักค้นคว้าเหมือนฝรั่งมั่ง- -
ผมอ่านถึงตรงนี้ก็ต้องเถียงคุณหมออยู่ในใจว่า ก็เราไม่เคยคิดที่จะไปรุกรานเอาเมืองฝรั่งเป็นอาณานิคมนี่โว้ย... จะได้ส่งคนไทยไปทำเป็นไปทำไมตรีที่ลอนดอนแล้วแอบวัดปากแม่น้ำเทมส์เตรียมจะหักหลังทำร้ายน้ำใจไมตรีเจ้าของบ้าน อย่างที่ฝรั่งมันทำ ฝรั่งที่คุณหมอชื่นชมน่ะใช่ว่ามันมีเจตนาบริสุทธิ์เพื่อวิทยาการเมื่อไหร่เล่า มันก็ทำจารกรรมน่ะแหละ
ทัศนคติอันอื่นหลายๆ อย่างของคุณหมอผมก็กลืนไม่ลง อย่างเรื่องเชื้อชาติ เรื่องไพร่เรื่องผู้ดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ขออภัยครับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องพระเจ้าตาก เอาเป็นว่า ผมรับฟังคุณหมอในฐานะที่ท่านอุตส่าห์ค้นคว้าหาหลักฐานฝรั่งแปลกๆ มาเล่า ตรงนั้นขอบคุณคุณหมอครับ แต่เลยไปจากนั้นผมขอมีข้อสรุปของผมเอง และขอบอกด้วยว่ารับข้อสรุปและแนวคิดบางอย่างของคุณหมอไม่ได้ครับ
ว่าที่จริงแล้วก็เหมือนกับงานคุณหลวงวิจิตรวาทการหรือชื่อเดิมว่าท่านมหากิมเหลียงนั่นแหละ ที่ผมอ่าน รับนับถือในความรู้ของท่าน แต่ความคิดของท่านหลายอย่างผมไม่อาจเห็นด้วยกับท่านได้ครับ


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 13 ก.พ. 01, 01:32
เอาเป็นว่า ดึงเรื่องจากคุณหลวงวิจิตรคุณหมอวิบูล กับการศึกษาประวัติศาสตร์ไทย กลับมาที่เรื่องพระเจ้ากรุงธนกันต่อก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวจะเลยออกนอกเรื่องไปกันใหญ่

ตออนนี้ถึงไหนแล้วครับ ? สำเร็จโทษไปแล้ว ร.1 ทรงปราบดาภิเษกแล้ว การเมืองตอนผลัดขึ้นแผ่นดินใหม่ ขุนนางกลุ่มเก่ากลุ่มใหม่ใช่ไหมครับ
เชิญต่อครับ


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 13 ก.พ. 01, 10:16
ขอโทษด้วยนะครับ เจตนาของผมไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมรับฟังแต่อย่างใด แต่ช่วงนี้ยุ่งมากๆๆๆ ไม่มีเวลาเขียนยาวหรือไปค้นหนังสือ
สิ่งที่ผมพยายามจะพูดคือ เอกสารที่คุณเทาชมพูใช้อ้างอิงนั้นเป็นข้อมูลจากแหล่งเดียว คือข้อมูลของผู้ชนะ และก็ไม่ได้เป็นหลักฐานชั้นต้น(รวมถึงหลายๆส่วนที่อาจจะไม่สอดคล้องกับหลักฐานชั้นต้น) พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขานั้นถูกเรียบเรียงขึ้นในรัชกาลที่ 4 ซึ่งก็ระบุว่ามีการแก้ไขดัดแปลงถ้อยความในหลายๆตอน รวมทั้งยังได้รับการแก้ไขโดยพระราชหัตถเลขาของพระจอมเกล้าเอง(ซึ่งการการถึงเหตุการณ์ในช่วงเปลี่ยนราชวงศ์คือการอ้างถึงบรรพบุรุษของพระองค์เอง) หลายๆตอนในพระราชพงศาวดารฉบับนี้ก็พิลึกกึกกือเกินจะเชื่อ เช่นตอนส่งราชทูตไปฝรั่งเศสในสมัยพระนารายณ์ซึ่งเราเพิ่งจะเอามาเล่ากันอย่างสนุกเมื่อไม่นานมานี้ ตัวอย่างที่ใกล้มากกว่านี้คือการเลื่อนตำแหน่งของเจ้าพระยาจักรี ซึ่งคงต้องยอมรับกันว่าไม่สอดคล้องกับหลักฐานชั้นต้น
ผมไม่ได้หมายความว่าเราจะเชื่อเรื่องในพงศาวดารนี้ไม่ได้เสียทั้งหมด แต่การอ่านจะต้องทำใจให้เป็นผู้เรียบเรียงด้วยว่าถ้าเป็นคุณคุณจะเขียนอย่างไร การบิดเบือนเรื่องราวในพงศาวดารนี้ทำกันเป็นปกติมานาน เรื่องราวเดียวกัน เขียนคนละสมัย คนละปัจจัยการเมือง ก็เขียนออกมาต่างอารมณ์กันมากเหลือเกิน ลองเอาพงศาวดารฉบับจักรพรรดิพงศ์ และ ฉบับพันจันทนุมาศ มาเทียบดูเหตุการณ์ในราชวงศ์บ้านพลูหลวงจะเห็นว่าอารมณ์ผิดกันมาก เรื่องของเรื่องก็คือพงศาวดารไทยไม่ใช่ปูมประวัติศาสตร์แบบที่ตะวันตกยึดถือ แต่เป็น วงศ + อวตาร ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจตนารมณ์นั้นคือเพื่อสดุดีพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระราชอำนาจอยู่
ถ้าเราคุยกันเรื่องช่วงการเปลี่ยนราชวงศ์ตรงนี้ผมมองว่าน่าจะแยกประเด็นออกเป็นดังนี้
1.การเปลี่ยนแปลงสมดุลทางอำนาจนี้เกิดขึ้นอย่างไร - เห็นได้อย่างชัดเจน และเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
2.เหตุการณ์ช่วงจลาจลแล้วแท้จริงเป็นอย่างไร - สำหรับผู้สนใจแสวงหาความจริง เอกสารที่มีอยู่เชื่อว่าจะเรียบเรียงออกมาได้
3.ถือเป็นการชิงราชสมบัติหรือเปล่า - คงเห็นกันชัดเจน แต่อย่างที่ผมเคยบอก อย่าเอาจริยธรรมมาจับตรงนี้ เพราะนี่เป็นกลไกที่สำคัญสำหรับระบบราชาธิปไตย
4.พระเจ้าตากเสียพระจริตหรือไม่ - ผมเองไม่อยากจะคุยในประเด็นนี้จริงๆ บางครั้งพามาหาหมอ หมอยังไม่แน่ใจเลย แล้วบรรทัดฐานเรื่องความคิด ถ้าคุณต่างจากคนอื่นมากหน่อย เขาก็ว่าคุณบ้า อย่าว่าอะไรเลย เพื่อนผมก็ว่าผมบ้าอยู่บ่อยๆ ( แต่หมอไม่แน่ใจ :) )
5.การเปลี่ยนแปลงนี้ให้ผลอย่างไรกับราชอาณาจักร - ผมเห็นว่าเรื่องนี้ชัดเจนและเกี่ยวเนื่องกับข้อ 1 และ 3
ที่สำคัญคือตอนนี้เราจะใช้กรอบคิดแบบตะวันตกคือแสวงหาความจริง ไม่ใช่สดุดีพระพุทธยอดฟ้าหรือพระเจ้าตาก พูดตามตรงคือเนื้อความที่คุณเทาชมพูเอามาลงผมก็รู้อยู่แต่แรกแล้วว่ามาจากไหน เพราะผมก็มีอยู่เหมือนกัน แต่ที่อยากให้บอกแต่ต้นว่ามาจากที่ไหนก็เหมือนกับเวลาคุณอ่าน paper ทางวิชาการ การ refer ถึงเอกสารอื่น ถ้าเรารู้ว่ามาจากไหนแต่ต้น เราก็สามารถประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลนั้นได้ โลกคงวุ่นวายน่าดูถ้าศาลจะพิพากษาคดีใดโดยฟังเรื่องเล่าจากโจทก์หรือจำเลยเพียงฝ่ายเดียว เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะไปคนละทางแน่นอน การพิพากษานั้นจะต้องฟังความรอบข้างมาประมวลเพื่อหาข้อยุติ แต่อยากจะฝากไว้ตรงนี้อีกนิดหนึ่งคือ ข้อยุติก็ไม่ได้หมายความว่าความจริงจะต้องเป็นอย่างนั้นไปด้วย เป็นเพียงความเชื่อว่าน่าจะเป็น ซึ่งก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงทุกเมื่อเมื่อมีหลักฐานใหม่


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.พ. 01, 12:58
ดิฉันอยากฟังหลักฐานที่แตกต่างไปจากหนังสือที่ยกมาค่ะคุณCrazyHorse  คิดว่าคุณคงมีอยู่แน่นอน
มันจะสนุกมากกว่าถ้าหากว่าเรามีข้อมูลทั้งสองด้าน มาให้อ่านและพิจารณาร่วมกัน  คนอื่นๆที่หาหนังสือยากเพราะอยู่ต่างแดน หรือไม่ใช่นักวิชาการแต่ว่าสนใจประวัติศาสตร์ จะได้เห็นกว้างขึ้นไงคะ

สิ่งที่ดิฉันยกมา  ที่เรียกว่าข้อมูลแหล่งเดียวกัน  ก็ยกมาเฉพาะสิ่งที่คิดว่าเป็นเนื้อความซึ่งสืบเนื่องกัน  
เช่น ๑) พฤติกรรมของพระเจ้าตากที่เห็นว่าเปลี่ยนแปลงไปจากต้นรัชกาล
๒) เหตุการณ์วุ่นวายเมื่อตอนปลายกรุงธนบุรี
๓) การสยบอำนาจเก่าและการเปลี่ยนอำนาจใหม่ของเจ้าพระยาจักรี

อะไรที่คุณพูดมาดิฉันก็เคยอ่านมาบ้างจากอ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ และคิดว่ามีคนอื่นๆด้วย   แต่อยากฟังว่าคุณจะเล่าว่ายังไงเท่านั้นละค่ะ
กำลังรอฟังอยู่ตอนนี้ คือข้อมูลของคุณค่ะ


กระทู้: จลาจลสมัยปลายธนบุรี
เริ่มกระทู้โดย: พัดโบก ที่ 15 ก.พ. 01, 15:10
ขอบคุณมากครับ คุณเทาชมพู