เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 135 เมื่อ 29 ก.ย. 18, 19:01
|
|
ทั้งๆที่แปลกใจกับสภาพแปลกๆของร้านกาแฟที่เห็น คุณนายวอร์เบอร์ตันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ซื้อของที่ต้องการได้แล้วก็กลับไปหาสามีที่จุดนัดพบ เพื่อกลับบ้านด้วยกัน เธอเล่าให้สามีฟังถึงร้านกาแฟแปลกๆร้านนั้น ตกลงกันว่าเมื่อไปจ่ายของในสัปดาห์หน้า จะพาเข้าไปที่ร้านให้เห็นกับตาตัวเอง หนึ่งสัปดาห์ต่อมา คุณนายก็พาสามีไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อจะไปกินกาแฟที่ร้านหน้าตาย้อนยุคดังกล่าว แต่เธอต้องพิศวงงงงันอย่างยิ่งเมื่อเดินเข้าไปในอาคารซูเปอร์ แล้วพบว่า ไม่มีร่องรอยของร้านกาแฟให้เห็นแม้แต่น้อยนิดว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนมันตั้งอยู่ตรงนั้น พื้นที่ส่วนที่เธอเห็นว่าเป็นร้านกาแฟ เป็นส่วนหนึ่งของโถงใหญ่ ใช้ตั้งสินค้าคือตัวอย่างตู้เย็น ข้างหลังก็เป็นผนังอาคารว่างๆ ธรรมดานี่เอง ทีแรกเธอนึกว่ามาผิดร้าน ก็เดินหาไปที่ซูเปอร์แถวนั้นอีกสองแห่ง แต่ก็ไม่พบ คุณนายแน่ใจว่าตัวเองตาไม่ฝาด และไม่ได้ทึกทักคิดเอาเอง เธอก็เลยลงมือค้นหาว่ามันเกิดอะไรขึ้นแน่
คุณนายค้นพบว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตั้งใหม่นั้น เดิมพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นโรงภาพยนตร์ช่ื่อโรงหนังคอสมอสมาก่อนจะรื้อทำซูเปอร์ ติดกับโรงหนังเป็นสโมสรเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งยังมีคนเฝ้าอยู่ สองสามีภรรยาก็เลยไปสอบถาม ได้ความว่าครั้งหนึ่งด้านหลังอาคารโรงหนังมีบาร์เครื่องดื่มเล็กๆ เสิฟกาแฟและเครื่องดื่มให้ลูกค้าด้วย เมื่อคุณนายวอร์เบอร์ตันอธิบายรายละเอียดของร้านกาแฟที่เธอเห็น ก็พบว่ามันตรงกับเป๊ะกับบาร์เครื่องดื่มที่เคยอยู่ตรงนั้นเมื่อหลายปีก่อน แต่ทั้งโรงหนังทั้งบาร์เครื่องดื่มถูกรื้อทิ้งไปนมนานแล้ว ไม่มีคำอธิบายอื่นนอกจากว่า คุณป้าหลุดผ่านมิติเวลาเข้าไปในอดีต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 136 เมื่อ 30 ก.ย. 18, 12:09
|
|
กรณีของคุณป้าและคุณน้าที่แวซายลส์ กับคุณยายที่ร้านกาแฟย้อนยุค ยังพออธิบายได้ว่ามันเป็นเรื่องของการหลงมิติเวลา ผู้หญิงสามคนเดินทางกลับไปในอดีตโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แล้วกลับออกมาในเวลาสั้นๆ แต่เรื่องต่อไปนี้ จะอธิบายว่าอย่างไรดี
เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1954 ที่ประเทศญี่ปุ่น ณ สนามบินฮาเนดะ วันที่เกิดเหตุเป็นวันทำงานธรรมดาๆที่ขวักไขว่ไปด้วยผู้คน เครื่องบินจากยุโรปลำหนึ่งลงจอดส่งผู้โดยสาร จากนั้น ขบวนผู้โดยสารก็เดินเข้าแถวมาตรวจที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ ในจำนวนนั้นมีฝรั่งผิวขาววัยกลางคนคนหนึ่ง แต่งกายเรียบร้อยประณีต รวมอยู่ด้วย เขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่ามาโตเกียวด้วยธุรกิจตามเคย ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วในรอบปี ภาษาที่เขาพูดคือภาษาฝรั่งเศส แต่เขาก็เข้าใจภาษาญี่ปุ่นและภาษาอื่นๆในยุโรปด้วย กระเป๋าเงินของเขาก็มีธนบัตรของหลายประเทศในยุโรป สมกับคำบอกเล่าว่าเขาเป็นนักธุรกิจ ความจริงผู้ชายคนนี้ก็น่าจะผ่านด่านสะดวกง่ายดายเหมือนผู้โดยสารอื่นๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่ถามว่าเขามาจากประเทศอะไร เขาก็ตอบอย่างธรรมดาๆที่สุดว่า มาจากประเทศทอเรด ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างฝรั่งเศสกับสเปน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 137 เมื่อ 30 ก.ย. 18, 12:44
|
|
เจ้าหน้าที่ตอบด้วยความแปลกใจว่า ประเทศที่ว่านั้นไม่มีจริงหรอก ชายผู้นั้นก็เลยยื่นพาสปอร์ตของเขาให้ดู มันเป็นหนังสือเดินทางออกโดยทางการของประเทศทอเรด ในแต่ละหน้าของพาสปอร์ตยังประทับตราวีซ่าของประเทศญี่ปุ่นครั้งก่อนๆ และตราประทับของประเทศในยุโรปอีกหลายประเทศ เป็นการยืนยันว่าเป็นหนังสือเดินทางของจริง ทีนี้ ปัญหาก็เกิดขึ้นทันที เจ้าหน้าที่งงงันไปกับเอกสารที่เห็น คนหนึ่งไปหาแผนที่มากางให้ผู้โดยสารรายนี้ดู เพื่อให้เขาชี้ว่าประเทศที่ว่านั้นอยู่ตรงไหน เขาก็ชี้ไปตรงประเทศอันโดร่าทางตอนใต้ของฝรั่งเศส แต่บอกด้วยเสียงเคืองๆว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อประเทศอันโดร่า ตรงนี้ในแผนที่คือประเทศทอเรด บ้านเกิดของเขา ซึ่งเป็นประเทศเก่าแก่ตั้งอยู่นานนับพันปีแล้ว เจ้าหน้าที่ขอตรวจเอกสารอื่นๆ เช่นใบขับขี่ ก็พบว่ามันออกโดยทางการของประเทศทอเรดอีกนั่นแหละ เจ้าหน้าที่ด่านไม่รู้จะทำยังไงกันแน่ เพราะกรณีนี้ประหลาดเกินกว่าจะตัดสินใจได้ว่ามันคือความเข้าใจผิด หรือนายคนนี้ฟั่นเฟือน หรือเล่นตลกบ้าๆอะไรกับทางการ แต่ยังไงก็ปล่อยตัวเข้าประเทศไม่ได้แน่ นายคนนี้ก็เลยถูกส่งไปกักตัวที่โรงแรมใกล้ๆสนามบิน จนกว่าจะหาคำตอบได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tita
|
ความคิดเห็นที่ 138 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 09:48
|
|
- เคสประเทศทอเรดนี่มีผลสรุปอย่างไรคะ
- เรื่องย้อนยุคนี่สมัยก่อนเคยได้ยินเรื่องเล่าว่ามีคนเดินลงอุโมงค์หน้าจุฬาฯ พอขึ้นมาทางฝั่งตรงข้าม (ฝั่งหอพัก, คณะครุศาสตร์ฯ) กลายเป็นทุ่งนาโล่งๆ สภาพเหมือนสมัยโบราณ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 139 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 10:35
|
|
มาเล่าตอนจบค่ะ
ที่โรงแรม มีรปภ.เฝ้าหน้าห้องตลอดคืน ไม่ให้หนีไปไหนได้ ส่วนพาสปอร์ตนั้นเจ้าหน้าที่ยึดไว้ เก็บใส่เซฟของที่ทำงานไว้เรียบร้อย
วันรุ่งขึ้น เมื่อเปิดห้องเข้าไปก็พบว่านายผู้โดยสารลึกลับคนนั้นหายตัวไปแล้ว ไม่มีร่องรอย พร้อมกับกระเป๋าเดินทาง ทั้งๆยามก็เฝ้าอยู่หน้าห้องทั้งคืน เมื่อกลับมาเปิดเซฟดูพาสปอร์ต มันก็อันตรธานจากเซฟไปอีกเหมือนกัน
จนบัดนี้ก็ไม่มีใครอธิบายได้ว่า ผู้โดยาสารคนนั้นหลงมิติมาจากเอกภพคู่ขนาน หรือเป็นการเล่นตลกอำกันสุดยอด หรือแม้แต่เป็นเรื่องกุขึ้น กันแน่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 140 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 10:57
|
|
จนบัดนี้ก็ไม่มีใครอธิบายได้ว่า ผู้โดยสารคนนั้นหลงมิติมาจากเอกภพคู่ขนาน หรือเป็นการเล่นตลกอำกันสุดยอด หรือแม้แต่เป็นเรื่องกุขึ้น กันแน่
นอกเหนือจากคำอธิบายว่านายคนนั้นหลงมิติมาจากเอกภพคู่ขนาน อาจจะมีคำอธิบายอื่นเป็นต้นว่า ๑. ความผิดพลาดในการสื่อสาร นายคนนั้นอาจจะบอกว่าเขามาจาก terre d’Andorra (ดินแดนอันดอร์รา) เจ้าหน้าที่ฟังเป็น Taured เรื่องอื่น ๆ ก็เป็นการขยายความจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น ๒. เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่มีหลักฐานบันทึกเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น หรือข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 141 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 15:04
|
|
เห็นด้วยกับคุณเพ็ญชมพูค่ะ ถ้างั้นมาฟังเรื่องใหม่กัน เรื่องนี้ระบุชื่อเสียงเรียงนามผู้ประสบไว้ชัดเจน เพราะฉะนั้นก็ตัดประเด็นเรื่องไม่มีตัวตนออกไป เหลือแต่ว่าจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน
เรื่องนี้เกิดเมื่อเดือนตุลาคม ปี 1979 สามีภรรยาชาวอังกฤษคู่หนึ่งชื่อเจฟ และพอลีน ซิมป์สัน อาศัยอยู่ที่เมืองโดเวอร์ ออกเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปโดยทางรถยนต์ เขาชวนเพื่อนสามีภรรยาอีกคู่ชื่อเลน และซินเธีย กิสบี ไปด้วยกัน โดยตั้งใจว่าจะไปเที่ยวฝรั่งเศสและสเปน ทั้งสองคู่ลงเรือข้ามจากอังกฤษไปขึ้นที่ฝรั่งเศส ที่นั่นเขาเช่ารถยนต์ขับรถมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือ ในวันที่ 3 ตุลาคม หลังจากขับรถมาตลอดวันมาจนเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย จนถึงเวลาค่ำ ก็มองหาโรงแรมข้างทางสำหรับพักค้างแรม
พวกเขาเห็นโรงแรมเล็กๆแต่หน้าตาหรูหราข้างทาง เลนลงจกกรถเดินเข้าไปข้างในโรงแรม พบพนักงานชายแต่งกายแปลกตาด้วยเครื่องแบบสีม่วงแดง เขาตอบว่าโรงแรมนี้เต็ม แต่ถัดไปทางใต้มีโรงแรมอีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ริมถนนพอดี น่าจะมีที่พัก เลนก็กล่าวคำขอบใจแล้วกลับไปที่รถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 142 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 15:36
|
|
เส้นทางที่ขับไปตามคำบอกนี้ ท้ั้งสี่คนพบว่าถนนดูแปลกไปจากเส้นทางเดิม เป็นทางแคบๆปูด้วยหินแบบโบราณ บ้านเรือนที่ผ่านไปสองข้างทางก็ดูประหลาด สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นคือโปสเตอร์โฆษณาละครสัตว์ที่ติดอยู่ข้างทาง เป็นละครสัตว์แบบรุ่นเก่ามาก จนสะดุดตาทุกคน
ในที่สุด นักท่องเที่ยวทั้งสี่ก็มาถึงอาคารเตี้ยๆยาวๆหลังหนึ่ง มีหน้าต่างเรียงรายเปิดไฟไว้สว่าง มีคนยืนอยู่สองสามคนหน้าอาคาร เมื่อซินเธียร้องถามว่าที่นี่คือโรงแรมใช่ไหม ก็ได้คำตอบว่า ที่นี่คือโรงเตี๊ยม(inn) ทั้งสี่ก็เลยขับรถผ่านไป รถแล่นต่อไปจนถึงอาคาร 2 แห่ง แห่งหนึ่งเป็นสถานีตำรวจ อีกแห่งเป็นอาคารสองชั้นหน้าตาแบบโบราณ มีป้าเขียนว่า "โรงแรม" เมื่อเข้าไป ก็เห็นว่าภายในสร้างด้วยไม้ท่อนใหญ่ๆ โต๊ะอาหารไม่มีผ้าปูอย่างห้องอาหารทั่วไป อุปกรณ์ทันสมัยที่จำเป็นในโรงแรม อย่างโทรศัพท์หรือลิฟต์ก็ไม่ยักมี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 143 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 16:09
|
|
ทั้งสี่พักค้างคืนอยู่ที่นั่น หลังจากกินมื้อค่ำในห้องอาหาร ประกอบด้วยสเต๊ก ไข่และเบียร์แล้ว ทุกคนก็เข้านอน พบว่าห้องพักมีหน้าต่างก็จริงแต่ไม่มีบานกระจก เป็นหน้าต่างไม้บานเกล็ด ผ้าปูที่นอนเป็นผ้าเนื้อหนา ไม่มีหมอน ส่วนห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันนั้นมีอุปกรณ์แบบโบราณล้าสมัยมาก ในตอนเช้า ทุกคนตื่นลงมากินอาหารเช้าในห้องอาหารอีกครั้ง พบว่ามีแขกอื่นมากินอยู่ด้วย หนึ่งในจำนวนนี้เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง อุ้มหมามาด้วย สิ่งสะดุดตาคือเธอแต่งกายด้วยชุดราตรีแพรยาวหรูหรา ราวกับเพิ่งกลับจากงานราตรีสโมสร ทั้งๆเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า พอลีนให้การภายหลังว่า "ฉันสะดุดตาจนถอนสายตาจากเธอไมไ่ด้" นอกจากนี้ยังมีตำรวจอีกสองนายเดินเข้ามา เป็นตำรวจฝรั่งเศสอย่างที่เห็นทั่วไปในประเทศ แต่ที่ประหลาดคือเครื่องแบบของเขาไม่ใช่เครื่องแบบตำรวจทั่วไป แต่เป็นเครื่องแบบรุ่นเก่าสีน้ำเงินแก่ มีผ้าคลุมไหล่และหมวกมีกระบังยื่นมาข้างหน้า ทั้งสองมาถึงก็หาที่นั่ง ลงมือกินอาหารเช้าอย่างปกติ ทั้งๆรู้สึกแปลกใจ ทั้งสี่คนก็รู้สึกแฮปปี้ดีกับที่นี่ เมื่อกลับขึ้นไปที่ห้องอีกครั้ง สามีทั้งสองก็ถ่ายรูปภรรยายืนอยู่ข้างหน้าต่างบานเกล็ดไว้เป็นที่ระลึก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 144 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 18:12
|
|
เครื่องแบบแบบนี้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 145 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 18:25
|
|
เมื่อจะออกเดินทาง เลนกับเจฟเข้าไปถามตำรวจถึงเส้นทางรถยนต์ที่เขาจะขับไปยังเมืองอาวินญอง และเขตแดนสเปน เพื่อจะหาทางที่สะดวกที่สุด แต่ตำรวจทั้งสองทำท่าเหมือนไม่เข้าใจว่า "เส้นทางรถยนต์" นั้นคืออะไร ชายอังกฤษทั้งสองสรุปกันเองว่า เขาคงจะออกเสียงคำนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสไม่ถูกต้อง ตำรวจทั้งสองบอกเส้นทางไปเมืองอาวินญองให้ แต่นักท่องเที่ยวก็พบว่าเป็นเส้นทางเล็กๆ ห่างไกลจากถนนใหญ่ไปหลายไมล์ จนในที่สุด ชายทั้งสองต้องกางแผนที่หาทางลัดไปสู่ถนนใหญ่เอง เก็บข้าวของขึ้นรถเสร็จ เลนเดินไปจ่ายค่าที่พักของทั้งหมด เขาประหลาดใจมากเมื่อผู้จัดการโรงแรมคิดเงินเพียง 19 ฟรังค์ ทีแรกเลนนึกว่าเข้าใจผิดกัน เขาอธิบายว่ามากันทั้งหมด 4 คนแถมยังกินอาหารเช้าอีก จะเป็นเงินแค่นั้นไปได้ยังไง แต่ผู้จัดการก็พยักหน้ารับรองว่าถูกต้องแล้ว เลนหยิบใบเสร็จไปโชว์ให้ตำรวจดู ตำรวจก็ยิ้มและพยักหน้ารับรองว่าใช่ เลนก็เลยจ่ายเงินสด แล้วรีบออกจากโรงแรมก่อนผู้จัดการจะเปลี่ยนใจ
ทั้งสี่คนไปเที่ยวอยู่ในสเปนอีก 2 สัปดาห์จนถึงกำหนดกลับ ก็กลับมาตามเส้นทางเดิม ต่างคนเห็นพ้องกันว่าแวะพักค้างคืนสักคืนที่โรงแรมนั้นก็คงจะดี เพราะบรรยากาศที่นั่นน่าทึ่งไม่เหมือนที่อื่น แถมราคาก็ถูกอย่างเหลือเชื่อ คืนที่พวกเขาขับรถมาถึงบริเวณนั้น เป็นคืนที่ฝนตก อากาศหนาวและทัศนวิสัยก็มืดมนมองไม่ค่อยเห็นทาง แต่เขาก็หาทางเลี้ยวจากถนนใหญ่จนพบ สังเกตเห็นโปสเตอร์ละครสัตว์ยังติดอยู่เหมือนคราวก่อน พอลีนยืนยันว่ามาตามทางนี้ถูกต้องแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 146 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 18:36
|
|
อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านที่อ่านกระทู้มาตั้งแต่แรกคงพอเดาได้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง แต่สี่คนนั่นไม่รู้ พวกเขาแปลกใจมากที่ขับรถไปตามเส้นทางนั้นจนแล้วจนรอด ก็ไม่ยักเจอโรงแรมที่ตั้งใจจะมาพัก ในที่สุด เขาพารถย้อนกลับไปยัง "โรงเตี๊ยม" หลังแรกที่เจอพนักงานในชุดสีม่วงแดงบอกทางให้ไปโรงแรม โรงเตี๊ยมที่ว่านั้นยังอยู่ แต่พนักงานที่เคานเตอร์ยืนยันว่าไม่มีพนักงานคนไหนแต่งกายแบบนั้น และไม่เคยมีใครแต่งตัวแบบนั้นเคยทำงานที่นั่นด้วย ทั้งๆพิศวงงงวย ทั้งสีก็โคตรทรหด ขับรถไปกลับย้อนไปย้อนมาอยู่ 3 เที่ยวเพื่อหาโรงแรมที่ว่านั้นให้ได้ สอดส่ายสายตาหาทุกซอกทุกมุมถนนสายนั้นจนแน่ใจว่า ไม่มีโรงแรมดังกล่าวตั้งอยู่แน่นอน
ดึกเต็มที ทั้งสี่ก็ยอมแพ้ ขับรถต่อไปทางเหนือจนถึงเมืองลียงส์ หาโรงแรมที่พักได้แห่งหนึ่งเป็นโรงแรมทันสมัย ค่าห้องบวกอาหารปาเข้าไป 247 ฟรังค์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 147 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 21:03
|
|
เมื่อกลับมาถึงโดเวอร์ เจฟและเลนนำกล้องถ่ายรูปไปให้ร้านล้างฟิล์มอัดรูปออกมา ภาพที่เขาถ่ายห้องในโรงแรมอยู่ตรงกลางๆม้วน เมื่อช่างภาพอัดรูปและส่งม้วนฟิล์มกลับมาให้ ปรากฏว่าไม่มีรูปที่ถ่ายในโรงแรมนั้น เมื่อตรวจดูม้วนฟิล์ม ก็ไม่พบภาพเนกาตีฟที่เสีย ม้วนฟิล์มมีรูปเต็มหมดทั้งม้วน เหมือนกับว่าไม่มีการถ่ายรูปที่โรงแรมนั้นเลย เว้นแต่มีร่องรอยรายละเอียดเล็กๆที่ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ยอร์คเชอร์ที่เอากล้องไปตรวจสอบพบว่า "มีร่องรอยว่ากล้องถูกกดจับภาพอะไรสักอย่างตรงช่วงกลางของม้วนฟิล์ม เพราะรูที่ขอบฟิล์มช่วงนั้นมีร่องรอยเสียหาย" สามีภรรยาทั้งสองคู่ปิดปากเงียบเรื่องเหตุการณ์นี้อยู่ถึง 3 ปี เล่าให้ฟังแต่เฉพาะเพื่อนและคนในครอบครัว เพื่อนคนหนึ่งค้นพบในหนังสือว่าเครื่องแบบของตำรวจฝรั่งเศสที่เห็นแบบนั้นเป็นยุคสมัยก่อนปี 1905 ในเมื่อเล่ากันต่อๆไปเรื่องก็ไปกระทบหูนักข่าวของหนังสือพิมพ์โดเวอร์ ก็เลยนำเรื่องนี้ไปเขียน ภายหลัง สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นก็มาสัมภาษณ์ออกรายการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 148 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 21:10
|
|
ต่อในปี 1985 นายแพทย์อัลเบิร์ต เคลเลอร์ จิตแพทย์ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ทำการสะกดจิตเจฟ ซิมป์สัน เพื่อดูว่าเขาจดจำรำลึกเหตุการณ์อะไรได้มากกว่านี้บ้างไหม ภายใต้ภาวะถูกสะกดจิต เจฟไม่สามารถจะเพิ่มเติมอะไรได้มากกว่าที่เขาจำได้แล้ว เรื่องนี้ได้รับความสนใจแพร่หลายไปทั่วอังกฤษ มีผู้ติดตามสืบเสาะหาความจริงกันว่ามันคืออะไรแน่ หนึงในนั้นคือนักเขียนชื่อเจนนี่ แรนเดิลส์ เธอตั้งคำถามว่า " เกิดอะไรขึ้นกับนักท่องเที่ยวสี่คนนั่น? หลงมิติเวลา ? ถ้าเป็นงั้นจริงทำไมผู้จัดการโรงแรมถึงไม่มีท่าทีแปลกใจกับรถยนต์ในอนาคตยุค ปี 1979 ที่มาจอดหน้าโรงแรม ตลอดจนการแต่งกายของนักท่องเที่ยวยุคหลังจากยุคของเขาเกือบร้อยปี และทำไมเขาจึงยอมรับธนบัตรเงินปี 1979 ซึ่งย่อมจะดูแปลกประหลาดสำหรับผู้คนในยุคศตวรรษก่อนอยู่ดี"
คำถามทั้งหมดนี้ สามีภรรยาทั้งสองคู่ไม่มีคำตอบ เจฟบอกได้แต่เพียงว่า "เราก็รู้เท่าที่เจอนั่นแหละครับ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 149 เมื่อ 01 ต.ค. 18, 21:11
|
|
คิดว่าสี่คนนี้กุเรื่องขึ้นหรือเปล่าคะ คุณเพ็ญชมพู?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|