เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: เฟื่องแก้ว ที่ 11 ส.ค. 06, 04:41



กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 11 ส.ค. 06, 04:41
 กำลังตกที่นั่งลำบากนิดหน่อยค่ะ จึงบากหน้ามาขอความช่วยเหลือ
วันที่ 12 สิงหานี้ จะมีงานวันแม่ที่วัด
เมื่อสักครู่นี้ เพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นมรรคทายกอยู่ที่วัดโทรมาขอความช่วยเหลือ
ให้เฟื่องกล่าวอาเศียรวาทในงานวันอาทิตย์นี้หน่อย
ด้วยความที่เห็นใจเพื่อนจึงได้รับปากนำเรื่องนี้มาเป็นธุระ
แต่ก็ยังมีข้อข้องใจบางข้อค่ะ เป็นประเ็ด็นของความเหมาะสมจะขอเรียนถามดังนี้ค่ะ

1. เฟื่องไม่ขัดข้องที่จะแต่งบทอาเศียรวาทเอง แต่ติดขัดว่า เวลากระชั้นชิดมาก
เกรงว่าจะแต่งออกมาได้ไม่ดี และต้องซ้อมอ่านด้วย
หากเฟื่องจะขอยกบทอาเศียรวาทของผู้อื่นไปอ่าน
(โดยบอกชื่อผู้ประพันธ์ด้วย)
จะเป็นการผิดมารยาทไหมคะ

2. เพื่อนบอกลำดับพิธีการคร่าว ๆ มาดังนี้
-อัครราชทูตจะกล่าวถวายพระพร
-คนไทยร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา
-การแสดงต่าง ๆ
เฟื่องห่างเหินงานพิํธีการนานมาก จึงขอเรียนถามว่า  
ควรอ่านบทอาเศียรวาท ในช่วงไหนคะ
หากอ่านหลังจากจบเพลงสดุดีมหาราชา และก่อนการแสดงจะเหมาะสมหรือไม่

อาจจะเป็นคำถามที่ไม่ค่อยเข้าท่านะคะ แต่ตอนอยู่เมืองไทยมักจะมีผู้ที่ทราบโพรโตคอล เป็นคนคอยช่วยแนะ คอยกำหนด
ตอนนี้ มีแต่พระ กับนักศึกษาที่ช่วยๆ กัน เฟื่องกังวลนิดหน่อยจึงมาเรียนถามผู้ใหญ่ ผู้รู้ทุกท่านค่ะ
หากมีข้อแนะนำอื่นๆ แถมเพื่อความเหมาะสมด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ

ขอบพระคุณล่วงหน้าไว้ ณ ที่นี้ค่ะ


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ส.ค. 06, 09:41
 1.  อ่านบทอาเศียรวาทของผู้อื่น
ขึ้นต้นว่า อาเศียรวาท ประพันธ์โดย  นาย...(นางสาว...)
แล้วอ่านบทอาเศียรวาทจนจบ
ลงท้ายว่า ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม   ข้าพระพุทธเจ้า  คนไทยในฝรั่งเศส (สมมุติว่าทำในนามกลุ่มนี้นะคะ)
2. ข้อนี้เป็นค.ห.ส่วนตัว  เพราะดิฉันเป็นคนที่มีความจำแย่มากในการลำดับขั้นตอน   ไปงานต่างๆทีไรไม่เคยจำพิธีการสักที
ลองลำดับตามนี้
-บทอาเศียรวาท
-อัครราชทูตกล่าวถวายพระพร
-คนไทยร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา
-การแสดงต่าง ๆ

เพราะนึกเทียบง่ายๆว่าถ้าเป็นงานไหว้ครู  อาเศียรวาทคือบทไหว้ครู ต้องเอาขึ้นหน้าก่อน ไม่ใช่เอาไว้ทีหลัง

ดิฉันก็ยังลังเลเหมือนกันว่าควรจะลำดับอัครราชทูตถวายพระพรก่อนดีหรือไม่   แต่มานึกอีกทีว่า บทอาเศียรวาทก็เป็นการถวายพระพรในนามคนไทยทุกคน ไม่ได้แยกท่านทูตออกไปต่างหาก
ก็น่าจะเอาอาเศียรวาทไว้ก่อน  
เมื่อท่านถวายพระพร ก็จะได้เชื่อมกับรายการคนไทยร้องเพลงสดุดีมหาราชา  ไม่งั้นถ้าท่านถวายพระพรก่อน มีอาเศียรวาทคั่น ก็ไม่ค่อยจะเรียบลื่นเท่าไร

ถ้าคุณนกข.แวะเข้ามา คงจะช่วยชี้ขาดได้ค่ะ


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: Andreas ที่ 11 ส.ค. 06, 09:59
 เรียนคุณเฟื่องครับ....

ผมละกลัวตอบผิดจังเลยครับ....จริงๆก็อยากจะช่วยให้คำแนะนำนะครับ.....แต่กลัวหน้าแตกครับ...

ผมค่อนข้างจะมีข้อสงสัยบางประการครับคุณเฟื่อง....

การกล่าวอาเศียรวาทกับการกล่าวถวายพระพร คือลักษณะเดียวกันหรือเปล่าครับ...เพียงแต่ต่างกันเพราะการใช้ร้อยแก้วกับร้อยกรอง....

ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นเค้าทำพิธีกันตอนอยู่เมืองไทย ผมก็เห็นเค้าให้ประธานในพิธีกล่าวคำถวายพระพรหรือกล่าวคำอาเศียรวาทหลังจากเปิดกรวยดอกไม้ และถวายความเคารพแก่พระบรมฉายาลักษณ์

หลังจากนั้นขจึงเป็นการแสดง อาจจะเป็นรำถวายพระพร...สุดท้ายคือการร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชินีครับ...

พอคุณเฟื่องบอกมาว่าเพื่อนคุณเฟื่องจะให้คุณเฟื่องอ่านอาเศียรวาท...แต่มีท่านทูตมาร่วมงานด้วย..... ตามหลักอาวุโสแล้วผมเห็นว่า ท่านทูตในฐานะประธานต้องเป็นคนกล่าวถวายพระพรก่อน.....แต่ถ้าพิจารณาตามความสำคัญแล้ว อาเศียรวาทต้องมาก่อนคำถวายพระพร ..... ผมเลยงงไปกับคุณเฟื่องอีกคนเลยครับ....

ถ้าคุณเฟื่องอ่านอาเศียรวาทก่อน แล้วคุณเฟื่องจะลงท้ายว่าอย่างไรล่ะครับ... "ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า .........." ถ้าแทนว่าคณะทูต อันนี้ต้องให้ท่านทูตเป็นคนพูดจะถูกหลักมากกว่ามั้งครับ...

พูดมาก็ยังงงเองเลยครับ..... ทำไมถึงไม่ให้ท่านทูตกล่าวคำถวายพระพรเสียอย่างเดียวเลยละครับ จะได้ไม่ต้องมีคำอาเศียรวาทครับ...

รอคนอื่นมาช่วยดีกว่าครับคุณเฟื่อง...กระผมหมดปัญญาเสียแล้วครับ...

สวัสดีครับ
Andreas


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: Andreas ที่ 11 ส.ค. 06, 10:03
 อายจัง......เขียนชื่อเพลงผิดอ่ะครับ.....ต้องเป็นเพลงสดุดีมหาราชาครับ....


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 11 ส.ค. 06, 10:34
 หากจะยกบทอาเศียรวาทของท่านอื่นมาเป็นตัวอย่าง ผมเห็นว่ามีบทหนึ่งที่ไพเราะไม่แพ้บทไหนๆ เป็นผลงานของอาจารย์ผ่องพรรณ  นวลขาว
ตัวอย่างที่ยกมาให้ เป็นบทอาเศียรวาทการครองราชย์ครบ50ปีครับ


อาเศียรวาทราชสดุดี

        ปวงข้าเทิดทศนัขประณตนฤบดินทร์  
   เอกองค์ธานินทร์                                  ไผท
         ปกเกล้าคุ้มศิรมานผสานพลวไกร
   นิกรกสานติ์ใส                                      มนัส
         ไทยทั่วแคว้นสุขเย็นธเป็นวรกษัตริย์
   ฉัตรแก้วอภิรัฐ                                      วิรุฬห์
         ห้าสิบล่วงวิสฤตบพิตรบุรณหนุน
   รักราษฎร์และการุณ                               ประจักษ์
         นบบัวบาทนฤบาลวิศาลภทรศักดิ์
   ด้วยชีพมโนภักดิ์                                   นิรันดร์
 


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 11 ส.ค. 06, 13:31
 กราบขอบพระึคุณอาจารย์เทาชมพูเป็นอย่างสูงค่ะ
หนูกำลังสับสนว่า ควรบอกชื่อผู้ประพันธ์ตอนต้น หรือตอนท้ายอยู่เชียวค่ะ

คุณ Andreas สวัสดีค่ะ มาตอบกระทู้ทีไรก็ตอบแบบสุภาพน่ารักทุกทีเลย
เฟื่องก็มักจะมาแบบงงๆ  คราวนี้เลยมาช่วยกันงงอีกแล้ว
เฟื่องคิดเหมือนคุณ Andreas ค่ะ ก็เสนอเพื่อนไปแล้วว่า ให้อ่านอาเศียรวาทก่อน
ทีนี้ มรรคนายกซึ่งเป็นคนสุภาพเรียบร้อยมากๆๆๆ
คงเกรงว่าจะไม่เหมาะหากอ่านบทอาเศียรวาทก่อนท่านอัคร ฯ ซึ่งเป็นประธานในพิีธี
เลยเสนอมาให้อ่านอาเศียรวาทกทีหลังก่อนรำถวายพระพร
ฟังคล้ายๆ จะให้เป็นหนึ่งในการแสดงน่ะค่ะ
แว่วๆ มาว่ารุ่นพี่คนนึงเสนอมาค่ะ (รุ่นพี่รุ่นน้องเยอะมากค่ะ อีกหน่อยจะตั้งชมรมศิษย์เก่าที่นี่)
พูดง่าย ๆ คือ บทอาเศียรวาทสำคัญก็จริง แต่ตัวคนอ่านไม่ค่อยสำคัญน่ะค่ะ อิอิ

ให้ดีเลยนะ ไม่ต้องอ่านเลยจะดีที่สุด :)

กำลังคอยคุณพระนิลอีกคน
แล้วเฟื่องจะลองปรึกษามรรคทายกตามที่อาจารย์เทาชมพูและคุณ  Andreas แนะนำนะคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ

คุณหมูน้อย ฯ สบายดีหรือคะ ขอบคุณนะคะ สำหรับบทอาเศียรวาท
พี่กำลังอยากได้โคลงสุภาพเหมือนกัน อ่านถนัดหน่อย และไพเราะด้วย
ต้องหาบทถวายพระพระสมเด็จพระนางเจ้า ฯ น่ะค่ะ
มีไหมคะ อิอิ


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 11 ส.ค. 06, 16:25
 ขออภัยครับ ไม่ได้เข้ามานาน เห็นคำถามคุณเฟื่องฯ แล้วดูเวลา ไอ๋หยา ต้องรีบตอบ ใกล้วันเฉลิมฯ แล้วนี่ครับ งานที่ว่านี้ ถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ หรือในหลวงครับ? ถ้าวันเฉลิมสมเด็จฯ ก็ใกล้วันเต็มทีแล้ว (ป่านนี้คุณเฟื่องฯ อาจจะเจรจากับสถานทูตได้ข้อสรุปไปเรียบร้อยแล้วก็ได้)

พอเข้ามาอ่านความเห็นของหลายๆ ท่านก็ชักมึน เห็นด้วยกับประเด็นทั้งสองข้าง เอาสรุปให้แน่ๆ ก่อนว่า ลำดับงานขั้นคนไทยร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา ทุกท่านเห็นพ้องกันว่าควรจะเป็นทีหลัง และการแสดงก็เป็นขั้นที่มีต่อจากสดุดีมหาราชาอีกที อันนั้นไม่มีปัญหา

แต่ก่อนหน้านั้น คือก่อนสดุดีมหาราชา จะให้อัครราชทูตขึ้นก่อนรึบทอาเศียรวาทขึ้นก่อนล่ะ?

ที่ผมมึนก็เพราะว่า อย่างอาจารย์เทาฯ ว่า การที่ท่าน อท. กล่าวถวายพระพรและบทอาเศียรวาท ที่จริงมันคือสิ่งเดียวกันโดยสาระ คือการถวายพระพรนั่นแหละจะเป็นร้อยแก้วหรือร้อยกรองเท่านั้น

เท่าที่เคยเห็นและเคยจัดพิธีมาในสมัยทำงานอย่เมืองจีน ไม่ได้แยกครับ คือ ท่านทูต (หรืออุปทูต หรือในกรณีนี้ก็อัครราชทูต) ท่านกล่าวถวายพระพรก่อน จะกล่าวเป็นร้อยแก้วร้อยกรองก็แล้วแต่ แล้วคนไทยก็ร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา

แต่งานนี้ คนกล่าวถวายพระพรเป็นท่านอัครราชทูตคนหนึ่ง คนอ่านอาเศีนยรวาทเป็นอีกคนหนึ่ง อืมม์..


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 11 ส.ค. 06, 16:52
 อันที่จริงผมนึกถึงคำลงท้ายด้วย และความต่อเนื่องลื่นไหลด้วย ว่าจะทำยังไงให้มันต่อเนื่อง ตามโจทย์ที่ให้มานี่ วิธีที่ดีที่ซู้ดแต่ไม่แน่ว่าจะทำได้รนึเปล่า คือรวบเสียเอาอาศิรวาทไปฝากให้ท่านอัครราชทูตอ่านซะเลย แล้วท่านจะอ่านของท่านเองเป็นร้อยแก้วต่อไปก็ได้ ฝากท่านอ่านกลอนในนามคนไทยว่างั้น พอจบเรื่องถวายพระพรทั้งร้อยแก้วร้อยกรองแล้ว ค่อยลง "ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม..." แล้วต่อด้วยคนไทยร้องเพลง ต่อไป

แต่ถ้าทำไม่สะดวกวิธีนี้ จะเอาใครขึ้นก่อนดีหว่า?

มีหลายสำนักคิดครับ

- ถ้าจะเอาตามลำดับอาวุโสและความเกรงใจแบบไทยๆ ในแง่นี้ ท่านอัครราชทูตอาจจะควรได้รับเชิญให้ขึ้นกล่าวก่อน แล้วก็ลง - ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ...ชื่อเสียงเรียงนามตำแหน่งท่าน  และให้ท่านแถมด้วยว่า ในนามคนไทยพสกนิกรในประเทศนั้นๆ อันนี้ถือว่าท่าน อท. เป็นประธานงาน กล่าวในนามพวกเราทุกคนที่นั้น ถวายพระพรโดยตรงไปยังสมเด็จพระนางเจ้าฯ
เสร็จแล้วคนไทยทั้งหลายร่วมร้องเพลงถวาย
ถือว่าเป็นจบขั้นตอนพิธีการ นี้ส่วนหนึ่ง

หลังจากนั้นมีการแสดง ก่อนการแสดงก่อนมีรำอะไรก็แล้วแต่ ก็มีอ่านบทอาศิรวาท เป็นทำนองเสนาะในลักษณะเป็นส่วนเบื้องต้นการแสดง แล้วรำต่อไป ตรงนี้ ผมเองเห็นว่า อาจจะไม่ต้อง ด้วยเกล้าฯ อีกรอบ ถือว่าถวายพระพรตามพิธีการไปแล้ว

- อีกวิธีคิดหนึ่ง ถือว่า คนไทยกลุ่มนี้เป็นผู้จัดงาน เป็นเจ้าภาพ และเชิญสถานทูตมาเป็นแขกในงาน เป็นแขกเกียรติยศ ไม่ใช่ประธานจัดงาน อย่างนั้น ให้ท่าน อท. นั่งสบายๆ เลยครับ ผู้ที่ทำหน้าที่กล่าวถวายพระพร คือกลุ่มเจ้าภาพเอง อ่านบทอาศิรวาทเอง (แต่ท่านผู้อ่านควรจะมีอาวุโสพอสมควร เพราะเท่ากับว่าทำหน้าที่ "ประธาน" งาน) เวลาอ่านบทอาศิรวาท คือการสื่อสารกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ กราบทูลถวายพระพร ลงท้ายด้วย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ... ด้วย แล้วเชิญคนไทยร้องเพลงสดุดีมหาราชา เป็นเสร็จขั้นตอนพิธีการถวายพระพร

*แล้วค่อย* เชิญท่าน อท. ขึ้นพูดกับคนไทยที่มางาน ไม่ใช่ถวายพระพร เช่นพูดว่า พี่น้องครับ แหมวันนี้ผมดีใจที่ได้เห็นคนไทยที่จงรักภักดีมากันแยะ น่าชื่นใจ อะไรก็ว่าไป ไม่ใช่การกราบบังคมทูลถวายพระพรแล้วแต่เป็นลักษณะแขกผู้มีเกียรติที่เราเชิญมากล่าวกับพวกเรา แล้วต่อด้วยการแสดง

ที่สำคัญต้องซักซ้อมกับท่าน อท. คุยกันให้เคลียร์ก่อนว่าจะให้ท่านไปในฐานะไหนด้วยแหละ

รายละเอียดปลีกย่อยซึ่งคล้ายๆ กับที่ผมว่ามา อาจจะมีอีกวิธีคือ แนวคิดเดิม ท่าน อท. มาเป็นแขก ท่านประธานกลุ่มว่าเองแต่ต้น แต่เมื่อท่านมาแล้วเราให้เกียรติ ไม่ได้ให้นั่งข้างล่างเฉยๆ เวลาทำพิธรถวายพระพร (ซึ่งเข้าใจว่าทำเป็นหมู่ใช่ไหมครับ) ก็เชิญท่านขึ้น ถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์ เปิดกรวยดอกไม้ ถวายคำนับ ... แต่ไม่ต้องพูดอะไร (ซักซ้อมก่อนนะครับ) พอถวายคำนับเสร็จเดินกลัยบไปเข้าหมู่คนไทยแล้ว อีกคนหนึ่งเสียงดีๆ ที่ไม่ใช่ท่านอัครราชทูต ค่อยอ่านบทอาศิรวาท จนจบ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม .. แล้วคนไทยทั้งหมู่ร้องเพลงถวาย เสร็จแล้วค่อยเชิญท่านอัคราชทูตกล่าวความรู้สึกของท่าน ต่อคนไทย ก็เป็นไปตามที่ผมว่าข้างบน


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ส.ค. 06, 17:07
คิดอะไรไม่ออก บอกนิลกังขา


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 11 ส.ค. 06, 17:10
 ปัญหาคือมันมีการกล่าวถวายพระพรสองหน ทั้งโดยท่านอัครราชทูตและโดยการกล่าวอาศิรวาท เลยออกจะงงๆ ผมจึงเสนออย่างที่ว่า แต่ต้องคุยกับสถานทูตก่อนนะ - คือ ถ้าจะมีอาศิรวาท ก็มีไปเลย ท่าน อท. ไม่ต้องกล่าวเอง (กล่าวคำปราศรัยกับคนไทยได้) มิฉะนั้น ถ้าจให้ท่าน อท. กล่าวถวายพระพรด้วย กล่าวอาศิรวาทด้วย ใจผมยังนึกว่า ก็ต้องไม่ถือว่าบทกลอนนั้นเป็นบทอาศิรวาท ต้องเอาไปเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงเสียเลย เป็นคนละขั้นตอนกับส่วนพิธีการ (มีเพลงสดุดีมหาราชาคั่น)

ถ้าจะเอาทั้งบทอาศิรวาทกับบทกล่าวถวายพระพรไว้ด้วยกันตอนต้นทั้งคู่ ได้ไหม .... อืมมม์... ถ้าหากท่าน อท. ไม่รับอ่านให้ทั้งคู่ซะเองแล้ว ผมยังนึกไม่ออกจะทำไงให้เหมาะสมงดงามครับ

ถ้าจะเอายังงั้นจริงๆ ก็ได้เหมือนกัน มีประเด็นอีกว่าแล้วเอาอะไรขึ้นก่อน? ผมออกจะเห็นด้วยกับอาจารย์เทาฯ ถ้าจะเอางั้นจริงๆ แล้ว ต้องถือว่าบทอาศิรวาทเหมือนไหว้ครูครับ น่าจะกล่าวก่อน (แต่เสร็จแล้วท่าน อท. จะกล่าวถวายพระพรของท่านยังไงได้ล่ะหว่าโดยความไม่ซ้ำ?) เอ้าถวายพรพรสองหนก็ได้ ถ้ายังงั้น กล่าวอาศิรพาทแล้ว ไม่ต้องลงจบด้วยเกล้าฯ เพราะถ้าลงจบซะแล้วท่าน อท. ก็จะเคว้งต่อไม่ได้ ก็ว่ากลอนก่อน แล้วหยุด ให้ท่าน อท. กล่าวต่อ .ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ....." จนจบ ให้ท่านลงให้ว่า ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม .. แล้วร้องเพลง

ทั้งนี้ทั้งนั้นผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความจงรักภักดีครับ การที่กลุ่มคนไทยตั้งใจจะแสดงความจงรักภักดีให้ปรากฏนั้นเป็นเรื่องดีน่าชื่นใจแล้วครับ รายละเอียดพิธีการนั้นน่าจะหารือกันได้กับทางสถานทูต เชื่อว่าถ้ามีความจงรักภัดีด้วยกันเหมือนกันเป็นที่ตั้งก็คุยกันไม่ยากหรอกครับ คือฟังดู เหมือนคนจัดจะไม่แน่ใจว่า จะให้เกียรติท่าน อท. แค่ไหนอย่างไรดี ยังงั้นก็นำเรื่องเรียนหารือท่านเลยสิครับ เอาไงเอากัน ได้ทั้งนั้น มันมีหลายสำนักคิด และแต่ละแนวคิดก็มีเหตุผลอธิบายได้ทั้งนั้น อยู่ที่จะเอายังไงเท่านั้นแหละ

ตอบกระทูนี้มึนดีครับ เป็นการออกกำลังสมอง


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 11 ส.ค. 06, 17:11
 อุ้ย แหม .... อาจารย์ครับ ผมเขิลลลล์


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 11 ส.ค. 06, 17:18
 ปล. ที่วัดของคุณเฟื่องเชิญท่าน อท. แล้วตัวท่านเอกอัครราชทูตไปไหนล่ะครับ หรือว่าท่านทูตติดงานอื่น ซึ่งเป็นไปได้เพราะคงมีงานที่คนไทยจัดถวายพระพรหลายที่ หรือว่าท่านทูตอาจจะไม่อยู่?

อยากรู้เฉยๆ ครับ


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 11 ส.ค. 06, 18:27
 คิดไม่ออกบอกนิลกังขา จริงๆ ด้วยค่ะ สนับสนุนอาจารย์เทา ฯ

ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ ที่ช่วยแนะนำ เพิ่งเปิดหน้านี้เป็นไกด์ไลน์เพื่อหารือกับมรรคทายกวัดไปแล้ว
บอกว่า ขอคำปรึกษามาจากอาจารย์เทาชมพู และคุณพระ ณ กระทรวงบัวแก้วค่ะ

เฟื่องเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า น่าจะให้ท่านอัคร ฯ อ่านบทอาเศียรวาทเอง อิอิ เสียงท่านเพราะค่ะ
ส่วนมรรคทายกเอนเอียงไปทางเลือกข้อที่ว่า เชิญท่านเปิดกรวย เฟื่องกล่าวอาเศียรวาท ร้องเพลงสดุดีมหาราชา
หลังจากนั้น จึงเชิญท่าน อท. กล่าวปราศรัย
เนื่องจากทางวัดอยากให้ท่านกล่าวให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์แก่ชาวไทย

อย่างไรก็ตาม เพื่อนจะโทรไปเรียนปรึกษา สอท. อีกครั้ง
ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ

ตะกี้ มรรคทายก มีคำถามปวดใจอีกแล้วค่ะ
ตามธรรมเนียม เมื่อเปิดกรวยแล้ว ต้องร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีไหมคะ

ปล. เรียกวัดของเฟื่อง แหม ฟังแล้วอิ่มบุญ อยากมีวัดเป็นของตัวเองมากๆ สมพรปากค่ะ  สาธุ

ออท. ติดภารกิจค่ะ วันอาทิตย์นี้ รองนายกรัฐมนตรีจะอยู่ที่ฝรั่งเศสค่ะ


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 11 ส.ค. 06, 18:29
  ....คุณเฟื่องเกิดสงสัยในเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีการฯ

  .....แต่ก็ไม่กล้าถามในกระทู้ เพราะรู้ว่าอาจผิดกฎ

  .... จนแล้วจนรอด ทำอย่างไรดี ?

..ในที่สุดเวลาก็กระชั้นเข้ามา เจ้าตัวจึงอึดอัดมากขึ้น

....จึงทำใจดีสู้เสือ ถามเข้ามา

  ......ถามมาด้วยความเอียงอาย

.....อาจารย์ตอบกลับมา

  ...... ด้วยรอยยิ้ม

.......หลายคน เข้ามาช่วยกันหาทางช่วย

  ....คุณเฟื่อง เริ่มมีความหวัง



      .....แต่ทุกคนก็เริ่มหัวหมุนเพราะพระเอกของกระทู้ยังไม่ยอมปรากฏตัว
.....
..... เวลาผ่านไป
.....

.....(ถ้าทำผิดขั้นตอนลำดับการ เจ้านายคงเอาตาย)คุณเฟื่องคิดในใจ

.....
.....(รอ)

.....
.....(ทุกคนรอ)


....ในที่สุดพระเอก อัศวินขี่ม้าขาว ก็ปรากฏกาย

? ? ?
?
  ......อ้าว..ใส่รูปผิด!! (ขอโทษครับ)
....(เอาใหม่)

...แล้วพระเอกของเรา คุณพระนิลก็เข้ามาทันเวลา
....คุณพระนิล รีบตอบคำถามอย่างรวดเร็วและชำนาญ ดุจสิงห์ปืนไว

....และมีให้ไอเดียดีๆแก่สาวน้อย?(น้อยรึเปล่านะ?)

...ทุกคนแทบไม่เชื่อสายตาในความเก่งกาจของพระเอก

....คุณเฟื่องรู้สึกขอบคุณ เป็นกำลัง


   ....อาจารย์เทาฯชมเชย พระเอก

....ทำให้พระเอกสะเทินอาย(แต่ก็ยังคงมาดพระเอกได้ได้ยอดเยี่ยม)

  .....คุณเฟื่องยิ้มไม่หุบ

  ....กล่าวขอบคุณพระเอก และทุกคน


....ทุกคนร่วมยินดี






....เจ้าหมูน้อยฯก็ยินดีด้วย


จบมินิซีรี่ย์ ซีเรียส !!


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ส.ค. 06, 18:43
ถ้ามีการถ่ายทอดสด  
น่าจะมีใครส่งตั๋วเครื่องบินให้หมูน้อยไปเป็นพิธีกร เนอะ
แววออกวาววับแล้ว


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 11 ส.ค. 06, 21:59
 พูดถึงนกข. นกข.ก็มา    


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: tuka007 ที่ 11 ส.ค. 06, 22:05

มาชื่นชมอีกคนค่ะ พระเอก  


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 11 ส.ค. 06, 22:25
 กร๊ากกก ตลกจังมินิซีรีส์หมูน้อย

อาจารย์ขา อยากได้พิธีกรอยู่เลย จะตั้งกระทู้หาสปอนเซอร์ส่งหมูน้อยมาเป็นพิธีกรเสียเลยดีไหมเนี่ย
ช่วยกันส่งหมูเข้าวัด อิอิ พอเสร็จงานพิธีการก็ช่วยกันก่อกองไฟ ย่างหมูขายทำบุญให้วัดต่อไป


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ส.ค. 06, 23:01
 ไม่กินหมูย่างมาหลายปีแล้วค่ะ  
แต่ถ้าเป็นหมูน้อยย่าง ก็น่าคิด...
น่าทำบุญนะเนี่ย  


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 12 ส.ค. 06, 00:04
 ผมขอเป็นแค่คนดู อ่านกระทู้ และกินหมูย่างนะครับ ฮี่ฮี่


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 12 ส.ค. 06, 02:23
 ตกลงหาบทอาศิรวาทได้แล้วค่ะ
เป็นโคลงสุภาพ ประพันธ์โดย คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ ฮือๆ ดีใจจัง

กำหนดการออกมาแล้วค่ะ หลังจากที่มรรคทายกปรึกษากับทางสอท.
กำหนดการมีดังนี้
ผู้แทนคณะกรรมการจัดงาน กล่าวรายงาน
อท. เปิดกรวยดอกไม้ ถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์
ผู้เข้าร่วมพิธีร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
อท. กล่าวสดุดีสมเด็จพระนางเจ้า ฯ  และจุดเทียนชัยถวายพระพร
ผู้เข้าร่วมพิธีร่วมจุดเทียน และร้องเพลงสดุดีมหาราชา
ผู้แทนคณะกรรมการจัดงานพิธีถวายรพระพรกล่าวบทอศิรวาท (เฟื่องเอง)
รำถวายพระพร
อท. กล่าวให้โอวาทเรื่อง
"ความกตัญญูกตเวทีที่ปวงชนชาวไทยพึงมีต่อประเทศชาติ
และการเป็นสมาชิกที่ดีต่อสาธารณรัฐฝรั่งเศส"

คิดว่าน่าจะเหมาะสมงดงามดีพอใช้นะคะ
ขอบพระคุณครูอาจารย์ทุกๆ ท่านที่แนะนำช่วยเหลืออีกครั้งค่ะ

เหลือแต่ ตอนอ่านโคลงสุภาพนี่แหละ ฮือออออออ เดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 14 ส.ค. 06, 11:05
 จ๊าก.ก.ก.ก.ก.

ไม่ไปฝรั่งเศส
ไปไปวัด
ไม่ไปไหนทั้งสิ้นแล้ววววว
ขออยู่เล้า ตัวเองนี่แหละดีแล้วค๊าบ

(โถ่ .. อาจารย์ก็เป็นไปกับเค้าด้วย ฮื่อๆ..)
......


พี่เฟื่องฯเล่าให้หมูฯ และทุกๆคน ฟังมั่งดิครับ ว่าบรรยากาศในงานเป็นไงบ้าง ราบรื่นดีไม๊ ?


กระทู้: การกล่าวอาเศียรวาท
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 14 ส.ค. 06, 23:53
 อ้าว ตกลงย้ายจากในกะลาไปอยู่ในเล้าแล้าหรือจ๊ะ

มากราบเรียนอาจารย์เทาชมพู คุณพระนิล เรื่องผลของการกล่าวอาศิรวาทของเฟื่องที่ได้กรุณาแนะนำนะคะ
ตกลงว่า จากแค่กล่าวอาศิรวาท เฟื่องเลยตกที่นั่งพิธีกรจำเป็นไปด้วยค่ะ
พอดีว่า เพื่อนร่วมรุ่นเป็นพิธีกรชาย จึงรับส่งลูกกันได้เกือบแนบเนียน อิอิ
อากาศที่ฝรั่งเศสตอนนี้กำลังแปรปรวนค่ะ หลังจากช่วงเดือนที่แล้ว อากาศร้อนจัด
เนื่องมาจากคลื่นความร้อน กานิกุล (canicul) ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุเสียชีวิตหลายพันคนในปี 2003
ปีนี้ อากาศร้อนจัดกว่าในปี 2003 มาก พอร้อนมากๆ เข้าความร้อนมันก็กลั่นตัวออกมาเป็นไอน้ำ
ช่วงนี้ อากาศจึงเย็นลงอย่างรวดเร็ว และมีฝนตกฟ้าคะนองกระจาย
บรรยากาศเหมือนช่วงฤดูใบไม้ร่วงไม่มีผิดเลยค่ะ
ซึ่งเป็นบรรยากาศของงานวันแม่เมื่อวานนี้
พระพิรุณโปรยปรายแต่เช้า เบาบาง
ตอนท่านอัครราชทูตเปิดกรวย กล่าวสดุดีสมเด็จพระนางเจ้า ฯ ฝนก็ยังลงเป็นละออง
แต่พอเฟื่องเริ่มกล่าวอาศิรวาทเท่านั้นแหละค่ะ
ฝนเทลงมาจั้กๆๆๆ แรงมากค่ะ กรี๊ดด น่าสงสารท่านอัคร ฯ ต้องให้โอวาทกลางสายฝน
(มีคนกางร่มให้อีกที)
หลังจากงานพิธีก็เป็นช่วงบันเทิงค่ะ มีนักร้องลูกครึ่งไทย-อเมริกันมาร้องเพลงชื่อ เดวิด อินธี
อาจจะบอกชื่อผิดนะคะ เฟื่องไม่รู้จักหรอก เสียงดีค่ะ หน้าตาดี น่าจะอนาคตไกล
บริเวณงานก็มีการออกร้านอาหารชนิดต่าง ๆ ก๋วยจั๊บน้ำข้น ผัดไทย ไส้กรอกอีสาน
ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตก ส้มตำ ซุปหน่อไม้ กล้วยแขก (ขายดีมากๆ)
ของง่ายๆ แบบนี้แหละ มีงานกี่ครั้งๆ ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทุกครั้ง
มีการถวายสังฆทาน มีร้านสอยดาว
คนไทย ลาว เวียดนาม และคนฝรั่งเศสที่มาร่วมงานก็น่ารักมากๆค่ะ
ฝนตกแรงๆ ก็ไม่ยักกลัว กางร่มยืนอยู่รวมกัน เป็นกระจุกๆ ในสนาม
สนามก็เฉอะแฉะไปหมด พอคนย่ำพื้นก็ลื่นเป็นโคลน
กระนั้นคนก็ยังอยู่ร่วมงานไม่ท้อถอย
กว่่าคนจะซา แยกย้ายกันกลับบ้าน ก็เกือบๆ หกโมงเย็นนู่น
เหมือนเทียวงานวัดเมืองไทยเลยค่ะ เป็นบรรยากาศที่คุ้นเคยและสนุกมากๆ
(อาจารย์เทา ฯ ขา ลูกศิษย์อาจารย์สองคนไปเต้นเชิ้บๆ อยู่หน้าเวทีน่ะค่ะ
พอเสร็จช่วงพิธีกรก็ลงไปเต้นกับพ่อแม่พี่น้องข้างล่าง
ขนาดนักร้องเขาเชิญขึ้นไปเป็นแดนเซอร์บนเวทีก็ไม่ยอมนะคะ อิอิ)
เฟื่องเพิ่งได้กราบท่านเจ้าอาวาสเมื่อตอนเสร็จงาน (กราบลา)
เพราะตอนมีงานท่านติดรับสังฆทาน เพราะคุณโยมทั้งหลายเจาะจงถวายสังฆทานจากท่านเท่านั้น
ท่านสอนธรรมะได้อย่างเข้าใจง่าย คุยแล้วสบายใจมากๆค่ะ

เสร็จงานที ก็อิ่มใจ อิ่มบุญ ปีหน้าค่อยไปเชิ้บๆ ใหม่อีกครั้ง :)