กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ธ.ค. 11, 13:57 พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร (ชุมพล) จุฑาธุช มีเขียนเล่าไว้สองตอน ตอนแรกตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนได้อภิเษกสมรส เขียนโดยเจ้าจอม ม.ร.ว. สดับ(ลดาวัลย์)ในรัชกาลที่ ๕ ให้ชื่อว่า "สัญญาอดีต เรื่องท่านหญิง" ตอนที่สอง เริ่มแต่ได้อภิเษกสมรสแล้ว เสด็จมาประทับที่วังเพชรบูร เนื่องด้วยระยะเวลาที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรอินทราชัยประชวรสิ้นพระชนม์ หม่อมเจ้าธานีเสิกสงัด ชุมพล พระอนุชา กำลีงศึกษาอยู่ต่างประเทศ ได้ปรารภว่าใคร่จะทราบการเป็นมาของเจ้าพี่(หม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร) ที่ได้ทรงผูกพันกับสมเด็จพระพันวสาฯ มาอย่างไร จึงได้ทราบเรื่องการเป็นมาจากหม่อมเจ้าหญิงอัปภัศราภา (ดิศกุล) เทวกุล ทรงเล่าให้ฟัง กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ธ.ค. 11, 14:14 หม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร พระนามเดิมที่เสด็จในกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ พระบิดาประทานให้ว่า "จิรบุญนี" ประสูติวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ กับหม่อมบุญยืน ชุมพล ณ อยุธยา พระโอรสธิดาที่ร่วมหม่อมมารดา มี ๔ พระองค์คือ ๑. หม่อมเจ้าหญิงจิรบุญนี ๒ หม่อมเจ้าชายฐิติศักดิ์วิบูลย์ ๓. หม่อมเจ้าชายธานีเสิกสงัด ๔. หม่อมเจ้าหญิงจงจำเนียร เจ้าพี่เจ้าน้องที่ต่างหม่อมมารดา ๑. หม่อมเจ้าชายอุปลีสาร ๒. หม่อมเจ้าหญิงจงใจถวิล หม่อมมารดาคือ หม่อมจำเริญ ชุมพล ณ อยุธยา ๓. หม่อมเจ้าชายอุปลีสาณ ๔. หม่อมเจ้าชายกมลีสาณ หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา เป็นหม่อมมารดา ๕. หม่อมเจ้าชายชมิยบุตร หม่อมคำเมียง ชุมพล ณ อยุธยา เป็นหม่อมมารดา ๖. หม่อมเจ้าชายชุมปกบุตร หม่อมมารดาคือ หม่อมปุ๊ก ชุมพล ณ อยุธยา กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 14:20 มีภาพจาก พันทิป (http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/11/D9870708/D9870708.html) มาช่วยเสริม
ที่อาคารบุญจิราธรในซอยสุขุมวิท ๕๑ (http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/11/D9870708/D9870708-1.jpg) บริเวณทางเข้า มีแผ่นจารึกลายพระหัตถ์รัชกาลที่ ๕ พระราชทานพระนามแก่ "หม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร" (พระนามเดิม "จิรบุญญินี") (http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/11/D9870708/D9870708-2.jpg) ;D กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ธ.ค. 11, 14:32 สหายท่านใดจะเอื้อเฟื้อพระรูป ยินดีและขอบคุณเป็นอันมาก ท่านที่ปลื้มใจคิดจะเข้ามา "ปาด" เพราะมีข้อมูลอยู่บ้างนั้น ขอโปรดระงับใจไว้ก่อน เนื่องจากงานเขียนของเจ้าจอม ม.ร.ว. สดับ (ลดาวัลย์) นั้น นุ่มนวลและน่าอ่านมาก ข้อมูลก็ "วงใน" จริง ๆ ตั้งใจจะคัดมาฝากเพราะเป็นเรื่องหาอ่านยากค่ะ สมัยที่ท่านหญิงประชวรอยู่ที่โรงพยาบาลสมิติเวชในซอยกลาง(สุขุมวิท ๔๙) เจ้านายเสด็จเยี่ยมท่านหญิงกันบ่อย ประชาชนทั้งปวงที่สัญจรไปมาหน้าปากซอยหรือมะรุมมะตุ้มอยู่ที่ร้านเก๋วยเตี๋ยวหมู "แซว" หรือร้านไอสครีมน้อยหน่าปากซอย ได้เฝ้าชมพระบารมีกันเนือง ๆ ที่ทราบว่าท่านใดจะเสด็จเวลาใดนั้น รถตุ๊กๆจะโดนขอให้ร่วมมือเลื่อนรถก่อน การจอดรถใกล้ๆปากซอยก็ไม่มี กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ธ.ค. 11, 14:48 ;D
กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 06 ธ.ค. 11, 15:01 "เสด็จในกรมพระบิดาประทานนามท่านหญิงว่า "จิรบุญนี" ครั้นเสด็จเข้ามาในกรุงเทพ ฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงเปลี่ยนพระราชทานนามให้ใหม่ว่า "บุญจิราธร" ในเวลาที่ทรงพระมหากรุณาเปลี่ยนนามใหม่พระราชทานนั้น ได้ทรงแสดงพระราชจริยา ให้ประจักษ์ว่า ไม่ได้เพ่งเล็งแต่จะให้เพราะ ได้ทรงเรียกปฎิทินมาตรวจอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงตกลงพระราชทานนามว่า "บุญจิราธร" สังเกตได้ว่าท่านหญิงพระองค์นี้เป็นที่ต้องพระราชอัธยาศรัยในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมาแต่ต้น ซึ่งเรียกตามประสาสามัญชนได้ว่าชะตาต้องกัน ดูให้ทรงแสดงพระอิริยาบถต่อท่านว่า ทรงเอ็นดูถึงลูบห้วตบหลังบ่อย ผิดกว่าเด็ก ๆ รุ่นเดียวกันในขณะนั้น ถึงแม้ว่าจะได้รับพระราชทานนามใหม่แล้ว ก็มักจะเรียกกันว่าท่านหญิงลาว ซึ่งทำให้น่าเอ็นดูเพิ่มขึ้นด้วย ซ้ำมีอยู่องค์เดียว เจ้านายจึงทรงอี๋กันมากทั้งนั้น กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 07 ธ.ค. 11, 02:33 ท่านหญิงเริ่มจะเข้ามาอยู่ในวังเมื่องานรัชมังคลาภิเษก เสด็จในกรมพระบิดาต้องเสด็จเข้ามาจากอุบล ฯ เนื่องในงานนั้น ท่านหญิงจึงตามเสด็จพระบิดามาในงานนั้นด้วย ในเวลานั้นท่านหญิงน่ารักน่าเอ็นดู เสียจริง ๆ เสด็จในกรมพระบิดาทรงเป็นผู้สนพระทัยในการแต่งกายของผู้หญิง ท่านช่างแต่งตัวสวยงามและ แปลกตาผู้พบเห็น สมัยนั้นสตรีบรรดาศักดิ์ นอกจากเจ้าน้อยดารารัศมี (พระราชชายา)แล้ว ก็ไม่มีใครนุ่งถุง (ผ้าซิ่น) มีแต่ก๊กในกรมนี้แห่งเดียว ทรงช่างแต่งประทานลูกเมียท่านทุกคน บนเกศาก็ประดับดอกไม้สดบ้าง ดอกไม้ทองประกอบลูกปัดขาว เช่นทำเป็นดอกเกศเมือง งามน่าเอ็นดูมาก ผ้าถุงไหมเชิงทองเวลานั้นยังไม่มีใครแต่ง วิธีนุ่งก็ยาวถึงข้อเท้าแบบแต่งราตรีสมัยนี้ ท่านใช้แพรหรือลูกไม้กว้าง ๆแต่พันเข้ารูปเป็นเสื้อเสร็จในตัว ไม่ต้องตัดเป็นชิ้น เป็นตะเข็บ เมื่อเสร็จแล้วดูงามมาก แต่จะต้องเป็นทรงในแบบเสื้อแจคเก็ต(jacket) ที่ไม่มีชายเอวคลุมนอกผ้าถุง แต่ให้กลายเป็นชายห้อยเข้าที รวมทั้งหมดแล้ว ข้าพเจ้าเห็นว่าทั้งสวยทั้งเก๋ ไม่น่าจะทำลืมกันเสียเลย ถ้าจะกลับ ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่เดี๋ยวนี้ก็ไม่น่าจะขัดเขิน สวยกว่าเครื่องแต่งกายสตรีปัจจุบันที่หยักรั้งตั้งท่าเหมือนจะชกต่อยกันเป็นไหน ๆ ท่านหญิงเจ้าของท่านก็ไม่ฟื้นฟูขึ้น คนอื่นก็ไม่มีใครกล้าทำกัน กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 07 ธ.ค. 11, 14:02 ได้กล่าวแล้วว่าท่านหญิงจะเข้ามาอยู่ในวังนั้น เริ่มด้วยงานรัชมังคลาภิเษก พระบิดาต้องเสด็จเข้ามาในงานพิธี ท่านหญิงท่านชายที่เจริญบ้างแล้ว และหม่อมก็ตามเสด็จมาด้วย พวกเราจึงได้ชมแบบการแต่งกายผู้หญิงของเสด็จในกรม อย่างติดตาติดใจ ที่จริงในระหว่างงานพระราชพิธีรัชชมังคลาพิเษก ทั้งงานที่กรุงเก่า (อยุธยา) และที่กรุงเทพ ฯ ท่านหญิงยังอยู่กับ เสด็จพ่อเวลาเสด็จพ่อเข้ามาในงานพระราชพิธี ท่านหญิงก็ตามเสด็จมาด้วย ก็ทรงพาท่านหญิงเข้ามาอยู่ทางฝ่ายใน ไม่ประทับรวมกัน ท่านหญิงยังเยาว์ชันษา ๘ ขวบเท่านั้น เมื่อพระบิดาทรงปล่อยให้เข้ามาองค์เดียว ท่านก็อุตส่าห์เลี้ยงองค์เอง วางตัวได้เหมาะสมไม่ รุงรังขวางหูขวางตาใคร หาที่นั่งที่ลุกได้ถูกต้อง ไม่ทำความรบกวนใครหรือร้องไห้งอ ๆ แงๆ ด้วยความตื่นเต้นเก้อเขินอันน่าจะมีแก่เด็กขนาดนั้นบางคน ภายหลังเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วท่านเล่าว่า เสด็จพ่อรับสั่งให้เข้าไปที่คุณจอมมารดาชุ่มในรัชกาลที่ ๔ พระมารดาของเสด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เวลา นั้นท่านคุณจอมมารดายังแข็งแรง เข้าสมาคมหลวงต่างๆได้ ในกรมพระบิดาของท่านไม่ทรงสนพระทัยหาดีในทางประจบประแจงใคร ขึ้นกับสำนักนั้น ไม่ขึ้นกับสำนักนี้ การที่ท่านหญิงได้เข้ามาอยู่ที่สำนักพระวิมาดาก็เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 07 ธ.ค. 11, 15:26 เมื่องานรัชมังคลาภิเษกเสร็จสิ้นแล้ว ก็มีงานวัดเบญจมบพิตร ร้านของหลวง ปีนั้นเป็นปีเสด็จกลับจากยุโรป ทรงซื้อตุ๊กตาฝรั่งต่าง ๆ พร้อมทั้งเครื่องอุปกรณ์ของตุ๊กตาทุกอย่าง มีโภคภัณฑ์ บ้านเรือน ล้วนแต่เหมือนของคน คนใช้ได้จริง ๆ แต่เป็นของตุ๊กตา ร้านหลวงปีนั้นจึงขายตุ๊กตาและขายหนังสือไกลบ้านเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ ซึ่งต้องพิมพ์เป็นตอน ๆ เป็นพระราชหัตถเลขาที่พระราชทานมาถึงสมเด็จหญิงพระองค์น้อย (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้านิภานพดล กรมขุนอู่ทองเขตขัติยนารี) ฉบับหนึ่งพิมพ์ขายไปดูเหมือนราคาเล่มละ ๑ บาทเท่านั้น จำไม่ได้เพราะผู้เขียนได้รับพระราชทานฟรี สินค้าสองสิ่งนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ชายหญิงนิยมซื้อกัน แต่ตุ๊กตาดูเหมือนจะขาดทุน เพราะเด็กชอบกันมาก เพียรเข้าลูบคลำจับต้องสิ่งที่ตนชอบ เมื่อทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้นก็มักจะพระราชทานฟรี ท่านหญิงก็เป็นองค์หนึ่งที่อยู่ในจำนวนที่ได้รับพระราชทานฟรีมาก ส่วนเจ้าของร้าน ผู้รับรองแขกที่เข้าร้านก็คือสมเด็จหญิงพระองค์กลาง สมเด็จหญิงพระองค์น้อย สำหรับสมเด็จหญิงพระองค์กลาง (สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงมาลินีนพดารา กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญา) ท่านมีพระนิสัยโปรดเอาธุระแก่คนที่ได้ทรงพบปะเป็นพิเศษทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และมีพระปฎิสันถารให้คนสบายใจไม่เก้อเขิน ข้อนี้เป็นทุนประจำพระองค์อยู่แล้ว เมื่อท่านหญิงเข้าเฝ้าในหลวงก็ดี หรือจะเลือกของเล่นก็ดี สมเด็จหญิงพระองค์กลางก็จะทรงกุลีกุจอรับรองและทรงแสดงพระเมตตาปรานีต่อท่านหญิงอย่างเป็นกันเอง ท่านหญิงจึงชักจะติดสมเด็จหญิง พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทอดพระเนตรเห็นทีท่าความสนิทสนมในระหว่างสองพระองค์ดังนั้น เมื่อจะมีพระราชดำรัสอะไร ที่เกี่ยวกับท่านหญิงจึงมักจะรับสั่งกับสมเด็จหญิงพระองค์กลางเสมอ เป็นธรรมดาของเด็กทุกคนเมื่อเห็นใครแสดงความเอื้อเฟื้อเป็นพิเศษกว่าคนอื่นในหมู่เดียวกันนั้น ก็ย่อมสมัครรักใคร่ติดพันในผู้นั้น ผู้เขียนเห็นท่านจูงกันต้อย ๆ บ่อย ๆ ในที่สุดสมเด็จหญิงพระองค์กลางก็ทรงชวนอย่างหยอก ๆว่าอยู่ด้วยกันไหม ท่านหญิงก็ทูลว่าอยู่ ก็เลยอยู่กันจริง ๆ ฝ่ายพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเมื่อทรงทราบว่าอยู่จริง ๆ ก็ดูพอพระราชหฤทัยมีการทรงลูบเศียรตบเศียรอยู่บ่อย ๆ แท้จริงพระบิดาของท่านไม่ได้มีพระประสงค์ที่จะให้ลูกท่านอยู่ในวัง หรือถวายพระวิมาดา เพราะไม่ทรงคุ้นเคยกับพระวิมาดา และพระวิมาดาก็ไม่ได้ทรงรู้เห็นเป็นใจกับสมเด็จหญิงพระองค์กลางด้วย พูดอย่างปากชาวบ้านก็ว่าท่านทั้งสองท่านเคยอุปภัมภ์ค้ำชูกันมาแต่ลำพังเอง กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 ธ.ค. 11, 16:29 ทีนี้จะกล่าวถึงขบวนเสด็จของท่านหญิงที่เข้ามาอยู่ในวังอย่างจริงจัง มีหญิงผู้ใหญ่ผู้ดีคนหนึ่ง เป็นพระญาติฝ่ายคุณจอมมารดาของเสด็จในกรม ชื่อคุณสุข ท่านหญิงทรงเรียกว่าคุณอา ที่ตำหนักพระวิมาดา ก็พากันเรียกว่าคุณอาหมด แม้แต่สมเด็จหญิงทุกพระองค์ ก็เรียกแม่สุขอยู่แต่พระวิมาดากับท่านป้าสารภีเท่านั้น คุณอาปกครองข้าหลวงและอบรมดูแลท่านหญิง ท่านหญิงทั้งรักทั้งกลัว ถัดมาก็ข้าหลวงพื้นเมืองชาวพื้นเมืองอุบลทั้งนั้น อายุราว ๑๓ ปีขึ้นไปถึง ๑๗ ปีหลายคน ประมาณ ๑๐ คนเห็นจะได้ จำชื่อได้คือสาวแต๋ สาวหลอด และชื่ออะไรอีกจำไม่ได้ ลางคนก็หน้าตาหมดจด ท่านหญิงนั้นพระรูปพระโฉมก็สมบูรณ์ดี แต่โดยที่โอ๊ะกัน และเพราะถวายพระเกียรติกันมาแต่เมืองอุบล ฯ เลยยังต้อนรับเสด็จอุ้มกันอยู่นานพอดู เมื่อคุ้นเคยชินกันแล้วจึงเลิกอุ้ม ได้กล่าวแล้วว่าการที่ท่านหญิงเข้ามาอยู่ในตำหนักพระวิมาดาโดยที่พระบิดามิได้มีพระประสงค์ที่จะให้พระธิดา ของท่านเป็นชาววังเลย ท่านจึงมิได้ติดต่อเฝ้าแหนทำความสนิทสนมใกล้ชิดกับพระวิมาดาเลยจนตลอดกาล พระชะตาของท่านหญิงนับว่าเป็นผู้มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ใครเห็นใครรัก ใครเข้าใกล้ใครชอบ ติดใจ ท่านหญิงเริ่มทรงศึกษาประถมต้นมาจากเมืองอุบล ฯ เมื่อเข้ามาอยู่ในวังแล้วสมเด็จหญิงพระองค์กลางก็ทรงเริ่มเร่งรัดการศึกษาจนจบ หลักสูตรของโรงเรียนราชินีสมัยนั้น(มัธยม ๖) แต่ท่านหญิงโปรดวิชาวาดเขียนเป็นพิเศษ อันมีเค้าเงื่อนมาแต่ทรงพระเยาว์ จนสมเด็จหญิงพระองค์กลางทรงสังเกตได้แน่ว่าท่านหญิงจะเป็นช่างเขียน มีเรื่องอยู่ว่า วันหนึ่งท่านหญิงขึ้นเฝ้า พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมีพระราชกระแสรับสั่งถามสมเด็จหญิงพระองค์กลางว่าท่านหญิงมีนิสัยอย่างไร สมเด็จหญิงพระองค์กลางกราบบังคมทูลว่า ชอบวาดเขียน จึงมีพระราชดำรัสว่าดี ขอให้ช่วยสนับสนุน ท่านหญิงนอกจากจะสนพระทัยในการวาดเขียนแล้ว ยังเป็นผู้โปรดสิ่งสวยงามต่าง ๆ ทั้งของธรรมชาติและของประดิษฐ์ พระเนตรและพระหัตถ์มีศิลปเท่า ๆ กัน ที่ว่าพระเนตรและพระหัตถ์มีศิลปเท่า ๆ กันนั้น ลางคนช่างสังเกตความสวยงามของ สิ่งต่าง ๆได้ถูกถ้วนละเอียดดี แต่ทำด้วยมือเองไม่ได้ สำหรับท่านหญิงท่านมีศิลปทั้งทางสมองและทางกาย ข้าพเจ้าจึงเรียกว่า พระเนตรและพระหัตถ์มีศิลปเท่ากัน กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 ธ.ค. 11, 17:04 เมื่อถึงวันชันษาครบ ๑๑ ปี ก็ได้ทรงรวบเกศายาวซึ่งเกล้ามวยอยู่ประจำให้เป็นจุก แล้วก็เข้าพิธีเกศากันต์ ในพระบรมมหาราชวัง ณ พระที่นั่งดุสิต ฯ ตามพระราชประเพณีของพระราชวงศ์จักรีเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ แต่ก่อนกุลสตรีทั้งหลายเมื่อโกนจุกแล้ว ผู้ปกครองก็เริ่มกวดขันกิริยามารยาทสอดส่องทีท่าของเด็กวัยรุ่นอย่างเคร่งครัด ท่านหญิงผู้มีนิสัยซื่อตรงไม่เป็นผู้มีเล่ห์เหลี่ยม เมื่อถูกผู้ปกครองซักไซ้เรื่องใดก็ตาม ก็มักจะว่าโพล่ง ๆ ไปตามอารมณ์ ไม่เลี่ยงเลี้ยวไปตามเหตุการณ์ ดังที่เรียกว่าช่างแก้ตัว สมเด็จหญิงพระองค์กลางผู้ปกครองจึงมักจะห่วงใยว่าท่านหญิงไม่ปราชญ์เปรื่องสมพระทัย ท่านหญิงเป็นเด็กโบราณ เป็น สาวโบราณ ไม่สูสีเอาเรื่องเอาราวของหนุ่มสาวที่นิยมกันมาเป็นอารมณ์ในพระทัย ทั้งๆที่ท่านมีความสมประกอบพร้อมในองค์ของท่าน เรียบร้อย อ่อนหวาน ละมุนละไม ไม่เป็นคนสวยบาดตาก็จริง แต่เป็นผู้หญิงที่น่าเอ็นดู น่ากรุณา น่าคบหาสมาคมเป็นมิตร กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 ธ.ค. 11, 17:28 ท่านหญิงพระองค์นี้ ถ้าจะพูดกันตามสำนวนเก่า ๆ ก็ต้องพูดว่าเป็นลูกแก้วลูกขวัญพ่อของแม่ได้ เช่นการที่เสด็จในกรมพระบิดาจะได้อพยพครอบครัวกลับเข้าประทับกรุงเทพ ฯ สมพระหฤทัยของพระองค์ท่าน อย่างเรียบร้อยราบรื่นก็เนื่องจากท่านหญิงเป็นต้นเหตุประกอบด้วยประการหนึ่ง คือกาลวันหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงมีพระราชหัตถ์เลขาถึงเสด็จในกรมไปยังอุบลราชธานี ซึ่งเมื่อเสร็จงานพระพิธีรัชมังคลาพิเษกแล้ว เสด็จในกรมต้องเสด็จกลับไปประจำราชการยังจังหวัดอุบล ฯ แต่ทรงปล่อยท่านหญิงพระธิดาที่ติดพระองค์ ๆ เดียวของท่าน ไว้ในกรุงเทพ ฯ จึงทรงพระกรุณาสอดส่องข่าวทุกข์สุขของท่านหญิง จากการที่ทรงมีพระราชปฎิสันถารกับพระองค์หญิง เองบ้าง มีพระราชดำรัสถามจากสมเด็จหญิงพระองค์กลางผู้ปกครองบ้าง ส่งไปพระราชทานเสด็จในกรมให้ทรงทราบเนือง ๆ วันหนึ่งมีพระราชดำรัสถามท่านหญิงว่าจะเอาอะไร ท่านหญิงกราบบังคมทูลว่าจะเอาเสด็จพ่อ จึงทรงมีพระราชดำรัสกับท่านหญิงว่า แล้วจะจัดการให้ ต่อมาจึงทรงมีพระราชหัตถ์เลขาพระราชทานไปถึงเสด็จในกรมเป็นความว่า ลูกสาวสบายเป็นปรกติดี ได้ถามว่าจะเอาอะไร มันว่าจะเอาพ่อ ด้วยเหตุนี้ประกอบด้วยส่วนหนึ่ง เสด็จในกรมพระบิดาจึงได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้อพยพ ครอบครัวเสด็จกลับเข้ามารับราชการในกรุงเทพ ฯ นับว่าท่านหญิงได้ฉลองพระเดชพระคุณพระบิดาได้แต่ยังเยาว์ เพราะทราบว่า เสด็จในกรมมีพระหฤทัยทรงดำริอยู่ว่าอยากกลับมาตายในกรุงเทพ ฯ ข้อนี้เป็นเพียงพระปรารถ ไม่ถึงกับแสดงความเบื่อระอาในการต้องประทับจำเจอยู่ที่เมืองอุบล ฯ ตั้งหลายปีมาแล้ว แม้กระนั้นก็เป็นโอกาส อันสำคัญของท่านหญิงที่ได้ทรงแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระบิดาอย่างน่าชื่นใจ กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 ธ.ค. 11, 03:12 คุณสมบัติอันน่ารักของท่านหญิงนั้นได้ปรากฏมาตลอดตั้งแต่เยาว์วัยจนผ่านถึงวัยรุ่นด้วยความสวัสดีมีชัย ถึงเป็นสะใภ้หลวงชั้นเอก คือเป็นพระชายาของสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระบรมราชินีนาถบรมราชชนนีพระพันปีหลวง โดยที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมี พระมหากรุณาทรงเป็นพระราชธุระสู่ขอท่านหญิงต่อพระบิดา แล้วพระราชทานพระมหากรุณาทรงทำพระราชพิธีหมั้น และอภิเษกสมรสพระราชทานอย่างเต็มพระเกียรติ แล้วพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์์์์์ทุติยจุลจอมเกล้าด้วย กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 ธ.ค. 11, 03:35 ผู้เขียนเป็นโรคชอบชื่นชมคนแต่งตัวสวย ๆ แปลก ๆ จึงต้องขอกล่าวถึงการแต่งองค์ท่านหญิงในแบบทูลกระหม่อมฟ้าติ๋ว ทรงออกแบบในวันพิธีหมั้นอย่างละเอียดสักหน่อย เวลานั้นสมเด็จหญิงพระองค์กลางยังมีพระชนม์อยู่ ท่านหญิงแต่งองค์ที่ตำหนักเล็กในสวนสุนันทา ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จหญิงพระองค์กลางและท่านหญิงอยู่ด้วยกัน ทูลกระหม่อมฟ้าติ๋วเสด็จมาทรงแต่งประทานด้วยพระองค์เอง ฉลองพระองค์เย็บสำเร็จรูปมาจากวังเพ็ชรบูรด้วยฝีมือของคุณท้วน บุนนาค เป็นผู้ตัดเย็บตามพระบัญชาของทูลกระหม่อม แบบของทูลกระหม่อมโปรดทรงใช้แพรไม่บางนักเกลี้ยง ๆ เนื้อทิ้ง ๆ สะบัดพริ้ว เย็บเป็นเสื้อ แล้วแต่งแพรอีก ๒ สีเย็บซ้อนกัน ใช้ตะเข็บเข้าถ้าอย่างเย็บถลกบาตรพระให้แลเห็นทั้งสองหน้า แล้วพันองค์โอบชายไปเบื้องซ้าย ปล่อยทิ้งชายยาวถึงลาก ไปกับพื้น ส่วนเบื้องล่างก็ใช้ถุง (ผ้าซิ่น) ไหมเชิงทองเมืองอุบลฯ รวมแล้วไม่แพ้ซิ่นของเสด็จในกรมตามที่กล่าวมาแล้ว การแต่งแปลกคล้ายคลึงกันนี้ ได้เห็นเสด็จพระนางลักษมีลาวัณย์ทรงแต่งเมื่อวันพระราชทานพระสุพรรณบัตรตั้งเป็นพระองค์เจ้า เปิดงานที่วังปารุสกวัน แบบนั้นไม่ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้า ฯ ท่านทรงออกแบบหรือผู้ใด งามดีเหมือนกัน แต่ดูเป็นฝรั่งไปหน่อย เป็นอันว่าข้าพเจ้าตัดสินถวายให้ของเสด็จในกรมงามเป็นที่ ๑ ของทูลกระหม่อมฟ้าติ๋วเป็นที่ ๒ ที่เสด็จพระนางลักษมี ฯ เป็นที่ ๓ ส่วนงานวันอภิเษกสมรสข้าพเจ้าจำไม่ได้ ดูไม่ใครเอิกเริกเหมือนพิธีหมั้น เห็นว่าจะเป็นเพราะเวลา ใกล้เคียงกับการสิ้นพระชนม์ของเสด็จในกรมพระบิดาหรืออย่างไร กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 ธ.ค. 11, 03:57 พอท่านหญิงได้ทรงหมั้นแล้วไม่ช้า พระบิดาก็สิ้นพระชนม์ เมื่อท่านหญิงได้รับพระราชทานพระมหากรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกอบพืธีอภิเษกสมรสแล้ว ก็เสด็จไปอยู่วังเพชรบูรที่ตำหนักตึกด้านวัดสระปทุม ในวังนั้นทูลกระหม่อมทรงสร้างที่ประทับต่าง ๆเป็นการชั่วคราว มีหลายตำหนักที่เป็นไม้ ทรงตั้งชื่อตำหนักเหล่านั้นว่า ตำหนักปฐม เรือนลมพัดชายเขา เป็นต้น ส่วนพระตำหนักใหญ่อย่างถาวรสำหรับเฉลิมพระเกียรตินั้น กำลังตั้งต้นสร้าง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอาณาบริเวณวังเพ็ชรบูร ให้ติดกับสระใหญ่ คือตรงด้านหลังของกรมตำรวจปัจจุบันนี้ ซึ่งเพิ่งจะลงรากพื้นล่างยังไม่เสร็จ ทูลกระหม่อมก็เสด็จสิ้นพระชนม์เสีย และเมื่อเสด็จพระองค์บุษบันบัวผันพระอภิบาล ของทูลกระหม่อมซึ่งได้เสด็จออกมาประทับอยู่ที่ตำหนักปฐม เสด็จเข้าไปประทับในพระบรมมหาราชวังแล้ว ท่านหญิงจึงมา ประทับอยู่ที่ตำหนักนั้น แต่เมื่อท่านหญิงมีพระชันษาล่วงเข้ามัชฌิมวัยแล้ว ก็ทรงมีพระราชประสงค์ความสุขในเรื่อง ของหญิงผู้ใหญ่ทั่ว ๆ ไป คือต้องมีห้องเก็บสัมภาระรุงรังต่าง ๆ เป็นต้น ท่านจึงต่อตำหนักอีกหลังหนึ่งเชื่อมเข้าให้ได้ ระดับเดียวกันกับตำหนักปฐม คือเป็นที่ประทับตลอดมาจนทุกวันนี้ กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 ธ.ค. 11, 05:59 ในพระชันษาของท่านหญิงเมื่อพ้นระยะปฐมวัยแล้ว ไม่ค่อยจะมีระยะห่างกับความวิปโยค กล่าวคือ พอทรงรับหมั้นแล้ว ยังไม่ทันได้อภิเษกสมรส พระบิดาก็สิ้นพระชนม์ อันเป็นทุกข์ใหญ่ครั้งที่ ๑ ต่อมาทรงอภิเษกสมรสแล้วไม่นาน ทูลกระหม่อมสวามีก็สิ้นพระชนม์อันเป็นทุกข์ใหญ่ครั้งที่ ๒ ต่อจากทูลกระหม่อมฟ้าติ๋ว สิ้นพระชนม์ไม่นานก็ถึงสมเด็จหญิงพระองค์กลางผู้ปกครองอันเป็นที่น่าเสน่หาอาลัยซึ่งกันและกันก็สิ้นพระชนม์ลงอีก พระองค์หนึ่ง ท่านหญิงทรงชินกับการกระทบกระเทือนขนาดหนัก ๆ จนเป็นที่ชำนิชำนาญกับการลำลองเลี้ยงพระองค์เอง ได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว ทรงมีไหวพริบรักษาพระเกียรติรักษาทรัพย์ อันตั้งแต่เล็กถึงใหญ่โตกว้างขวางขึ้นตามลำดับการณ์ จนกระทั่งการที่สูงสุดคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หังองค์ปัจจุบันทรงพระพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แบ่ง พระราชมรดกอันเป็นสังหาริมทรัพย์ของสมเก็จพระพันปีหลวง เฉลี่ยเป็นกอง ๆ พระราชทานพระสุณิสาและพระราชนัดดา ในสมเด็จพระพันปีหลวงพระองค์นั้นเป็นส่วนเท่า ๆ กันทุกพระองค์ ท่านหญิงมีพระนิสัยโปรดการวาดเขียนมาแต่เยาว์ตาที่กล่าวมาแล้ว และงานชิ้นนี้นั่นเองทำให้ท่านหญิงเชี่ยวชาญในการออกแบบ และโปรดพลิกแพลงเลือกเฟ้นในเครื่องประดับได้อย่างเก่งพอดู และพอจะพูดได้ว่าโปรดปรานทรงงานจำพวกนี้ยิ่งกว่างานอื่นและวิชาใด ๆ หมด เมื่อท่านหญิงได้รับพระราชทานมรดกอันเป็นเครื่องประดับ ท่านหญิงจึงแก้ไขดัดแปลงให้เข้าที่ สมกาลเทศะและทันความนิยมโดยมาก ในเรื่องนี้รุ้สึกว่าทำให้ท่านหญิงทรงเพลิดเพลินเจริญพระทัยไม่น้อย เท่ากับเป็นยาบำรุงชีวิตอย่างหนึ่ง ส่วนอสังห่ริมทรัพย์ ท่านก็ทรงทำธุระกิจต่าง ๆ ของท่านเองเจริญขึ้นตามลำดับกาลเวลาโดยราบรื่นตามสมควร กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 ธ.ค. 11, 06:12 ถ้าจะพูดเรื่องน้ำใสใจคอที่แท้จริง ท่านหญิงเป็นผู้ที่ถี่เหนียวมาก ไม่มีคำว่าสุรุ่ยสุร่าย ใจคอกว้างขวางตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ซึ่งท่านออกโอษฐ์ว่าสุภาษิตข้อที่ว่า ขายผ้าเอาหน้ารอดนั้นท่านไม่ใช้เลย ท่านทรงใช้เงินอยู่ในขอบเขตแต่ในสิ่งจำเป็นและควรกระทำ ในเรื่องการตั้งองค์วางองค์ ท่านหญิงตั้งองค์เหมาะสมพอดี เข้าใครเข้าได้ทุกชั้นทุกวัย ไม่ทรงสมาคมอยู่แต่ในกรอบชั้นสูงเป็นพระเกียรติแต่อย่างเดียวแต่ทรงแสดงพระมารยาทได้กว้างขวางในสังคมทั่วไป ไม่เคยได้ยินคำครหานินทาถึงพระมารยาทท่านหญิงเลย กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 ธ.ค. 11, 06:35 มีเรื่อง ๆ หนึ่งในพระประวัติท่านหญิง ที่ข้าพเจ้าอยากจะเล่าแต่เกรงว่าจะละลาบละล้วงมากไปหรืออย่างไร และบางคนอาจว่าไม่น่าเชื่อ หรือจะเชื่ออะไรกะฝัน แต่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าติดใจจะเล่า ข้าพเจ้าได้กล่าวในตอนต้นแล้วว่า ท่านหญิงเป็นผู้หญิงที่น่าดูน่าชมความอ่อนหวานนิ่มนวลความเรียบร้อย เป็นที่พึงพอใจของผู้เจาะจงจะดูผู้หญิง ท่านหญิงจึงเข้าประทับในพระหฤทัยเจ้าชายหลายพระองค์ แต่ได้กล่าวแล้วเหมือนกันว่า ท่านหญิงเป็นเด็กโบราณ ท่านหญิงไม่เคยทอดสะพานให้ผู้ใดไต่ตามได้เลย ท่านหญิงจึงผ่านวัยสาวถึง ๒๕ ปี จึงถึงทรงอภิเษกกับทูลกระหม่อม ทีนี้จะกล่าวถึงจุดสำคัญที่อยากจะเล่า คือกาละคืนหนึ่ง ท่านหญิงทรงฝันว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมีพระราชกระแสรับสั่งกับท่านว่า จะให้ของสิ่งหนึ่งในหีบไม้ใหญ่ซึ่งตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์ในขณะนั้น และมีพระราชกระแสรับสั่งให้ทรงเลือกเอาของในหีบ ท่านหญิงก็ทรงหยิบพระจุฑามณี(ปิ่นซ่นโบราณสำหรับปักผมจุก) ขึ้นมา แล้วท่านหญิงก็ตื่น ท่านหญิงจะได้ทรงแก้ฝันกับผู้ใดหรือเปล่าไม่ทราบ ข้าพเจ้าเห็นแปลกจึงเก็บมาเล่าอย่างคนแก่ เพราะท่านหญิงทรงเล่ากับข้าพเจ้าเมื่อท่านมีพระชันษาได้ ๗๐ ปีแล้วนี่เอง กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 ธ.ค. 11, 21:19 ตอนมัชฉิมวัย หลังจากที่ต้องประสบเหตุการณ์วิปโยคทุกข์ต่าง ๆ ล่วงไปแล้ว ไม่ช้าก็ทรงประสบ แต่พระอนามัยไม่ดี พูดกันอย่างเก่า ๆ ก็เรียกว่าขนอน เลือดจะไปลมจะมา ตอนนั้นท่านหญิงจับบทขี้โรค เดี๋ยวประชวรโรคนั้น เดี๋ยวประชวรโรคนี้ ล้วนเป็นโรคที่รุนแรงต้องได้รับการรักษาและทนุบำรุงกันอย่างเต็มที่อยู่เป็นเวลานาน เป็นปี ๆ อันที่จริงในระยะนั้นท่านหญิงกับข้าพเจ้าเหินห่างกันมาก ต่างฝ่ายต่างอยู่ คุณพฤกธ์เป็นผู้ใหญ่ผู้ดีและเป็นผู้ฉลาดเฉลียว มีความสามารถในการช่างฝีมือดีต่าง ๆ อย่างกุลสตรีผู้ดีเก่านั้น และเป็นบุตรีพระอินทรเดชสังวาลย์ พี่คุณจอมแฉ่ง คุณจอมเชื้อ พระวิมาดาประทานให้ไปเป็นผู้ใหญ่ไปมาติดต่ออยู่กับท่านหญิงที่วังเพชรบูรณ์ เกิดเป็นโรคมะเร็งที่น่าอกตาย วังเพชรบูรณ์กับ วังสวนสุนันทาถึงออกจะขาดตอนกันทีเดียว เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าได้ฟังจากท่านหญิงเล่าเองว่า เมื่อขนอนนั้นท่านแสนจะทุกข์เดือดร้อนเพราะความป่วยไข้ โรครุนแรงต้องรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ เงินที่จะใช้ก็ไม่มีพอแก่การณ์ เพราะในเวลานั้นท่านยังไม่มีผลประโยชน์พิเศษอะไร มีเงินสุทธิเป็นหลักอยู่แต่เงินสะใภ้หลวง ส่วนค่าอาหารเป็นเงินกองกลางของวังเพชรบูรณ์ ในตอนนั้นท่านว่า จะตายก็จะตาย จนก็จน แสนที่จะทุกข์กังวลเดือดร้อน บังเอิญความทราบถึงทูลกระหม่อมฟ้าหญิง (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าวลัยอลงกรณ์ กรมหลวงเพ็ชรบุรีราชสิรินทร) พอทรงทราบก็เสด็จมาเยี่ยม แล้วนำความขึ้นกราบบังคมทูลสม้ด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้า เมื่อสมเด็จทรงทราบความก็เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมทันทีทันใด แล้วทรงแสดงพระอิริยาบถพระราชทานพระเมตตากรุณาสงสาร ถึงกับลงพระหัตถ์ปฏิบัติการพยาบาลด้วยพระองค์เองอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง เช่น ทรงใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นลูบเช็ดองค์ท่านหญิงทั่วร่างกายเป็นต้น แล้วทรงมีพระราชกระแสกำชับหมอที่กำลังเฝ้ารักษาอยู่ แล้วยังทรงเป็นพระธุระเอื้อเฟื้อในสิ่งต่าง ๆ ซ้ำยังมีพระราชกระแสดัง ๆ ว่า ท่านหญิงเป็นลูกเจ้าพระเดชนายพระคุณของพระองค์ท่าน พระราชกระแสนี้มีความกว้างขวางพิสดารสำหรับผู้ใกล้ชิดอยู่ในขอบข่ายพระมหากรุณา ของสมเด็จพระองค์นี้ ถ้าจะกล่าวโดยย่อบ้างก็คือ เสด็จในกรมพระบิดาท่านหญิง ท่านทรงจงรักภักดีในสมเด็จพระพันวัสสาฯ มาแต่ต้น นานตลอดพระชนม์ด้วยความหนักแน่นเยือกเย็น พระธิดาพระองค์ใหญ่ของท่าน หม่อมเจ้าจงใจถวิล ชุมพล ท่านเคยทรงเล่าแก่ผู้เขียนว่า ท่านเคยอยู่กินที่พระตำหนักเป็นเพื่อนเล่นกับทูลกระหม่อมฟ้าหญิงเล็ก (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าหญิงศิราภรณ์โสภณ) แล้วยังทรงมีพระราชกระแสสั่งกับท่านหญิงว่า ถ้าจะต้องการอะไรให้รีบกราบบังคมทูล ไม่ต้องเกรงพระราชหฤทัย จะช่วยทุกอย่าง ตั้งแต่นั้นมาท่านหญิงก็เห็นน้ำพระราชหฟทัยอันแท้จริง ซึ่งเปี่ยมด้วยพรหมวิหารธรรมปานใด แต่ก่อนท่านไม่เคยรู้ ท่านหญิงเรียกได้ว่าเป็นคนไม่ขี้แย แต่เมื่อท่านเล่าถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันวสา ฯ ตอนนั้นทีไร ท่านก็มีสีพระพักคร์บ่งถึงความตื้นตันจับใจอย่างลึกซึ้ง ข้าพเจ้าชอบใช้อาการอย่างนี้ว่า "จุกคอ" คือไม่ถึงกับน้ำตาไหล แต่นั้นมาท่านหญิงก็เคล้าเคลียสนิทสนมด้วย แสดงความระลึกถึงพระเดชพระคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้จนตลอดการสวรรคต กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ธ.ค. 11, 10:39 ขอแนบภาพหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช ไว้ให้ครับ
กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 11 ธ.ค. 11, 10:59 (ขอบคุณคุณหนุ่มสยามสหายผู้เอื้อเฟื้ออยู่เป็นนิจ) อนึ่งมีข้อความจะงดเว้นไม่กล่าวเสียไม่ได้อีกข้อหนึ่ง ตามที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ข้างบนนี้ ว่าท่านหญิงเข้าใครเข้าได้ ทุกเพศทุกวัยและทุกชั้น นั่นขอต่อว่าข้าพเจ้านิยมน่าเอ็นดูท่านในเวลาที่ท่านรับแขกคนเฝ้าที่เป็นชาวพื้นเมืองอุบล ฯ ท่านจะต้องใช้สำนวนสำเนียงของชาวเมืองนั้นอย่างคล่องแคล่วไม่ขัดเขิน แล้วท่านก็แปลเป็นภาษากรุงเทพ ฯ ให้เราฟังอีกที เมื่อท่านรับสั่งพื้นเมืองฟังเหมือนกับผู้ที่มาเฝ้าไม่ผิดเพี้ยน ไม่แปร่งปร่าเลย ผู้ที่มาเฝ้าก็ดูปลาบปลื้มที่ท่านหญิงสนทนาด้วยภาษาเดียวกัน ดูถึงอกถึงใจ นี้เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้านิยม แบบนี้ได้เคยเห็นพระราชชายาเจ้าดารารัศมีก็ทรงปฏิบัติอย่างนี้ แต่พระกระแสเสียง พระราชชายาท่านแปร่งในภาษากรุงเทพ ฯ ท่านหญิงไม่แปร่งทั้งสองฝ่ายในเวลาที่ใช้เสียงกลับไปกลับมาในทันทีทันใด กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 11 ธ.ค. 11, 11:30 หม่อมบุญยืน ชุมพล ณ อยุธยา เป็นหม่อมชั้นผู้ใหญ่ ท่านชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่ชอบออกจากวัง และรับแขกแม้แต่ในสวนดุสิต ซึ่งมีท่านหญิงอยู่กับสมเด็จหญิงพระองค์กลาง และหม่อมยังได้ถวาย หลานสาว แด่สมเด็จหญิงพระองค์กลาง คือหม่อมหลวงไถง กุญชร ซึ่งหม่อมหลวงไถงเป็นญาติ กับหม่อม ๆ ก็ไม่ไปเฝ้าถวายหลานสาว ส่งให้ท่านหญิงนำถวาย ถ้าท่านมีของอะไรแปลก ๆ เช่น เห็ดโคนสด ๆ ขึ้นที่วัง ท่านก็เก็บส่งเข้าไปถวายสมเด็จหญิงพระองค์กลาง หม่อมก็ไม่เข้าไปถวายเอง เวลาท่านหญิงประชวรหม่อมก็เกณฑ์ให้หม่อมเจียงคำไปเยี่ยมแทน หม่อมไม่ได้ไปเยี่ยมและเฝ้าสมเด็จหญิงเอง ท่านเป็นคนชอบเงียบสงบถึงเพียงนี้ ในเวลานั้นหม่อมในกรมพระบิดาท่านหญิงมีหม่อมบุญยืน เป็นผู้สูงอายุกว่าเพื่อน แต่ไม่ชอบเอะอะหรูหรา เข้าสมาคมอะไรต่าง ๆ ตามที่กล่าวมาแล้วประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งหม่อมเจียงคำมีพระโอรสเป็นองค์แรก รองจากท่านหญิง เป็นท่านชายใหญ่อยู่ติดพระองค์เสด็จพ่อคือท่านชายอุปลีสาร ส่วนท่านชายใหญ่แท้ๆ ของในกรม คือหม่อมเจ้าประสบประสงค์นั้น หม่อมมารดาเสียชีวิตไปนานแล้ว ดังกล่าวเหตุผลแล้วนี้ หม่อมเจียงคำจึงได้รับพระราชทานตราทุติยจุลจอมเกล้า" กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 11 ธ.ค. 11, 11:35 จบพระประวัติตอนที่ ๑ สัญญาอดีต เรื่องท่านหญิง โดย เจ้าจอม ม.ร.ว. สดับ (ลดาวัลย์) ในรัชกาลที่ ๕ คัดลอกด้วยความระมัดระวัง เพื่อแสดงงานเขียนของเจ้าจอมสดับ กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 11 ธ.ค. 11, 12:11 พระประวัติตอนที่ ๒ เรื่องราวความเป็นมาจากหม่อมเจ้าอัปภัศราภา (ดิศกุล) ทรงเล่า เมื่อหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรจะทรงอภิเสกสมรสกับสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เข้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรอินทราชัยนั้น สมเด็จพระพันวัสสาได้ตรัสกับหม่อมเจ้าอัปษรสมาน กิติยากร (เทวกุล) ว่า ทรงยินดีนักที่สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ได้ทรงเลือกหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรเป็นพระชายา เพราะว่าหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรทรงเป็นพระธิดาของกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งสมเด็จพระพันวัสสา ฯ ทรงนับถือประดุจพระเชษฐา เนื่องด้วยในคราวที่สมเด็จพระพันวัสสา ฯ แรกจะเสด็จมาประทับที่วังสระปทุมนั้น กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีที่ปรึกษา ได้เสด็จมาประทับเฝ้าแหนเป็นประจำ ทำให้ รู้สึกอบอุ่นพระทัยคลายพระกังวลในเรื่องความปลอดภัย เพราะพระโอรสยังประทับศึกษาอยู่ ณ ต่างประเทศ ครั้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าน้องเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขันเพขรบูรอินทราชัยสิ้นพระชนม์ลง พระเจ้าบรมวงค์เธอ พระองค์เจ้าบุษบันบัวผันจึงได้ไปขอเฝ้าสมเด็จพระพันวัสสา ฯ กราบทูลว่าจะเสด็จกลับเข้าไปประทับ ในพระบรมมหาราชวังดังเดิมกับพระองค์เจ้าสุทธิสิริโสภา และพระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช ส่วนหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร นั้นจะประทับอยู่วังเพชรบูรต่อไป เนื่องจากทรงมีสุขภาพไม่แข็งแรงจะได้สะดวกในการตามแพทย์มารักษา โดยจะมีหม่อมบุญยืนหม่อมมารดาเป็นผู้ใหญ่ และพระยาอนุศาสตร์เป็นมหาดเล็กผู้ใหญ่ซึ่งสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลกฯ ทรงแต่งตั้งไว้ พระองค์เจ้าบุษบันฯ ทรงฝากหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรไว้กับสมเด็จพระพันวัสสา ฯ ให้ทรงดูแล เพราะวังอยู่ใกล้กับวังสระปทุม กระทู้: สัญญาอดีต พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร จุฑาธุช เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 11 ธ.ค. 11, 12:24 หม่อมเจ้าธานีเสิกสงัด ชุมพล เขียน รำลึกในพระกรุณาธืคุณ ว่า "เมื่อหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร (ชุมพล) จุฑาธุช ประชวร ณ พระตำหนักวังเพชรบูร พระบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าวาปีบุษบากร ได้ทรงพระกรุณาเสด็จมาประทานเยี่ยมพระอาการด้วยพระองค์เอง แต่เนื่องจากทรงพระชรา และทรงดำเนินไม่สดวก จึงประทับในรถพระที่นั่ง หม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรได้เสด็จลงไปเฝ้า เพียงเท่านี้หม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรรู้สึกซาบซึ้งในพระกรุณาเป็นอย่างสูง แม้นเมื่อประชวร ณ โรงพยาบาลแล้ว ต่างองค์ก็ทรงปรารถนาว่าอยากจะได้พบปะรับสั่งถามทุกข์สุขซึ่งกันและกัน เมื่อหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธรได้ถึงชีพิตักษัยก็ได้ประทานพวงมาลาไปวางที่หน้าพระโกศพระศพ และได้ประทานเงินมาช่วย ในงานนี้ เป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น |