กระทู้: พระนางสร้อยลักขณา เริ่มกระทู้โดย: meawwadee ที่ 21 มิ.ย. 06, 05:59 คืออยากทราบเรื่องราวประวัติและภาพถ่ายของพระนางสร้อยลักขณาที่เป็นพระสหายของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ค่ะ พอดีมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นทำให้ต้องพยายามเสาะหาเรื่องราวและรูปถ่ายของท่านแต่หาไม่ได้เลยค่ะไม่ทราบว่ามีใครพอจะมีข้อมูลบ้างมั้ยคะ
กระทู้: พระนางสร้อยลักขณา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 มิ.ย. 06, 07:38 ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ค่ะ สงสัยว่าจะไม่มีตัวจริงด้วยซ้ำ
คุณไปได้ชื่อนี้มาจากไหนคะ กระทู้: พระนางสร้อยลักขณา เริ่มกระทู้โดย: meawwadee ที่ 22 มิ.ย. 06, 01:11 อาจจะฟังดูแปลกนะคะ คือพอดีมีพี่คนนึงเค้าไปที่จังหวัดเชียงรายค่ะแล้วมีเด็กคนนึงซึ่งเค้ามีพวกพลังจิตเค้าบอกพี่คนนี้ว่าพระนางสร้อยลักขณาอยากจะไปอยู่ด้วย ซึ่งหลายเรื่องราวที่เด็กคนนี้พูดมามันมีเรื่องต่อเนื่องกันมายาวมากอ่ะค่ะแล้วมันมาเกี่ยวพันกับพี่ชายดิฉันซึ่งพระนางสร้อยลักขณามาดลให้เป็นคนวาดรูปท่าน เพราะว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมา ซึ่งพี่ของดิฉันเคยเห็นท่านครั้งนึงโดยการนั่งวิปัสนา แต่ว่าจำมาวาดเป็นภาพไม่ได้ ซึ่งท่านบอกว่าถ้าพี่ดิฉันวาดรูปท่านทำให้ท่านได้มาอยู่กับเพื่อนซึ่งคือพี่ที่เดินทางไปเชียงราย (แต่บ้านพี่เค้าอยู่อเมริกานะคะ)ได้เค้าจะอโหสิกรรมให้เพราะว่าพี่คนนั้นคือพระนางสุนันทาฯมาเกิดใหม่ เรื่องมันค่อข้างซับซ้อนและเหลือเชื่ออ่ะค่ะ มันมีเรื่องราวเยอะกว่านั้นอีก ซึ่งตอนนี้พวกเราทุกคนก็อยู่ที่อเมริกาค่ะ แล้วเราก็พยายามลองหารูป เรื่องราวเกี่ยวกับพระนางสร้อบลักขณาองค์นี้แต่ก็ไม่พบเลย ก็คิดอยู่ว่าท่านจะมีจริงๆรึเปล่าเลยลองพยายามสอบถามดู ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเป็นยังไง แต่พี่ชายดิชั้นกังวลมากเพราะกลัวจะวาดท่านขึ้นมาไม่ได้ เพราะเคบลองจินตนาการเดาแล้ววาดไปทีนึง ท่านฝากมาบอกเลยค่ะว่าหน้าท่านไม่ใช่อย่างนี้ทั้งๆที่ไม่ได้คุยไม่ได้บอกน้องคนนั้นเลยนะคะว่าลองวาดดูแล้ว แต่เค้าโทรมาบอกเราเองได้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันล่ะค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ กระทู้: พระนางสร้อยลักขณา เริ่มกระทู้โดย: meawwadee ที่ 22 มิ.ย. 06, 01:39 เอาเป็นว่าจะเล่าเรื่องราวคร่าวๆให้ฟังแล้วกันนะคะ คือครอบครัวดิชั้นอยู่ที่อเมริกาค่ะ แล้วเรารู้จักกับพี่คนไทยอีกคนนึงชื่อพี่นัน ก็นัดกินข้าวคุยกันตามประสานะคะ วันนึงกินข้าวอยู่พี่ชายดิชั้นก็นั่งวาดรูปเล่น คือวาดป้าคนจีนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆเล่นเป็นภาพสเก็ตช์ แล้วพี่นันก็ถามว่า วาดรูปเป็นด้วยเหรอพี่อยากจะให้วาดรูปอะไรให้หน่อย แล้วพี่นันแกก็เล่าเรื่องราวว่าแกฝันเห็นผู้หญิงคนนึงใส่ชุดไทยแขนพองๆกับโจงกระเบนมาหา บอกว่าอยากมาอยู่ด้วยก็ไม่ได้ใส่ใจ จนกระทั่งแกกลับไปเที่ยวที่เมืองไทย แล้วก็ได้ไปเที่ยวที่พระที่นั่งวิมานเมฆ แล้วไปเห็นรถม้าคันนึงรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ามันคุ้นๆยังไงบอกไม่ถูกก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วก็เที่ยวไปเรื่อยๆจนได้ไปเชียงรายเพราะรู้จักกับป้าคนนึงแล้วพี่นันอุปการะเด็กคนนึงโดยช่วยส่งเสียค่าเล่าเรียนให้เด็กคนนี้มีพลังจิต ติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ ซึ่งพี่เค้าก็ไม่ทราบมาก่อน แต่เมื่อไปเยี่ยมแม่ของเด็กคนนี้ก็บอกให้ลูกเค้ามาดูดวงให้พี่นัน เด็กพูดไปพี่แกก็ไม่สนใจจนมาสะดุดเมื่อเด็กพูดว่า พี่มีคนเค้าอยากจะไปอยู่กับพี่น่ะ เค้าคือพระนางสร้อยลักขณา ท่านเป็นเพื่อนสนิทพี่ท่านต้องการไปอยู่กับพี่ พี่นันก็งงว่าพระนางสร้อยลักขณาไหนไม่เห็นรู้จักเลย แล้วเด็กก็บอกว่า สิ่งที่พี่ไปเห็นมาอ่ะพี่เคยใช้มันแล้วนะ รถม้าที่พี่ไปเห็นมาอ่ะพี่เคยใช้นั่งชมสวนบ่อยๆ พี่อ่ะเป็นพระนางสุนันทากุมารีรัตน์มาเกิด พี่เค้าตกใจมากเพราะไม่ได้บอกเรื่องที่ไปเห็นรถม้ามาเลย ก็กลัวๆ ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยลองถามว่า แล้วจะให้ทำยังไง จะให้พาไปอยู่ด้วยได้ยังไง ทำรูปปั้นได้มั้ย น้องเค้าก็บอกว่าไม่ได้เพราะอะไรนั้น ดิชั้นจำไม่ได้แล้ว ต้องวาดรูปขึ้นมาใหม่ ส่วนคนที่จะวาดนั้นท่านจะหามาให้เองท่านจะเป็นคนกำหนดเอง จนพี่เค้าก็เริ่มลืมๆไปและกลับมาอเมริกา จนกระทั่งได้มาเจอพี่ชายดิชั้นวาดรูปจึงลองๆถามดู พี่ชายก็งงๆ แต่ก็รับปากว่าจะลองๆวาดคร่าวๆมาให้ดูแล้วกัน พี่ดิชั้ก็วาดเล่นๆ ลองวาดรูปร่างผู้หญิงสวมชุดไทยสมัย ร.5 ที่เป็นแขนตุ๊กตาพองๆกับโจงกระเบนดู แต่วาดเล่นๆเลยวาดหน้าเป็นทางการ์ตูน เหมือนเวลาเราวาดภาพออกแบบเสื้อน่ะค่ะ ก็วาดดูแล้วก็ให้พี่เค้าดูเฉยๆว่าชุดประมาณนี้มั้ย พี่เค้าก็บอกว่าคล้ายๆ
กระทู้: พระนางสร้อยลักขณา เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 22 มิ.ย. 06, 01:48 เรื่องพลังจิต หรือปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติแบบนี้
บางทีให้คุณหมอมาตอบคุณเจ้าของกระทู้อาจจะได้คำตอบอีกแบบก็ได้ บางรายที่ผมเคยพบ เป็นรัชกาลที่ 5 ก็มี เป็นพระนางอะไรก็ไม่ทราบก็มี บางครั้งผู้ป่วยคนอื่นๆก็เชื่อกันเกลื่อนวอร์ด ผู้ช่วยพยาบาลงมงายไปด้วยก็เคยเห็น แต่เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรซักอย่างหรอกครับ ปล. เห็นว่าหมอจำนวนมากที่สมัครวิชาการดอทคอมพ์ มักมาขลุกกันอยู่ที่เรือนไทย ถ้าผมจะความกรุณาจากซักท่านให้เข้ามา "ร่วมแบ่งปันความรู้" ซักหน่อย จะได้มั้ยครับ กระทู้: พระนางสร้อยลักขณา เริ่มกระทู้โดย: meawwadee ที่ 22 มิ.ย. 06, 02:01 แล้วต่อมาพี่เค้าได้โทรศัพท์คุยกับน้องคนที่อยู่เชียงรายคนนั้น ก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยน้องคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า พี่นันพี่ได้คนวาดรูปแล้วใช่มั้ย ผู้ชายคนนั้นน่ะท่านบอกว่าให้เป็นคนวาดรูปนะ พี่เค้าก็แปลกใจเอ๊ะยังไม่ได้บอกอะไรเลย แล้วน้องเค้าก็พูดต่อว่าท่านฝากไปบอกเค้าด้วยนะว่าหน้าท่านน่ะไม่ใช่แบบนั้น พี่นันก็เลยมาบอกพี่ชายดิชั้น พี่ชายดิชั้นก็ลองวาดหลายๆแบบดูใช้ photoshop ช่วยตกแต่งลงสีต่างๆดู ทำมั่งไม่ทำมั่งจนนานไปก็ลืม แล้ววันนึงเพื่อนเค้าเป็นชาวเม็กซิกันแวะมาที่บ้านเค้าเป็นคนเชื่อพวกวิญญาณศาสตร์อะไรพวกนี้ซึ่งเราก็ไม่เคยทราบมาก่อน วันนั้นดิชั้นไม่อยู่บ้าน พี่ดิชั้นเล่าว่า พอเค้ามาเค้าก็ทักว่าบ้านนี้มีอะไรแปลกๆมีวิญญาณอยู่เป็นผู้หญิง เค้าจะทำให้ดูจากนั้นไฟฟ้าในบ้านก็วูบวาบติดๆดับๆ ตลอดสวิตซ์ ไฟหมุนเองได้ พี่ดิชั้นตกใจกลัวมาก แล้วเค้าก็พูดต่อว่า ทีแรกเค้าตั้งใจจะมาหลอกแต่พอเค้าเข้ามาพระพุทธรูปที่บ้านท่านบอกว่าให้สารภาพความจริงกับเจ้าของบ้านซะเค้าถึงบอก เค้าจะไม่ทำแล้ว หลังจากวันนั้นพี่ดิชั้นก็กังวลก็หมั่นไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลมากขึ้น พี่ดิชั้นเคยบวชมาก่อน และเคยไปเรียนวิปัสสนากับคุณแม่ศิริมา ก็เลยตัดสินใจลองนั่งที่บ้านดูแล้วเค้าบอกว่าเค้าเห็นผู้หญิงคนนึงยืนจ้องอาฆาตอยู่ เค้าก็ภาวนาตลอดว่าคงเป็ภาพคิดไปเองไม่มีอะไรเดี๋ยวก็หาย แต่ว่าภาพกลับตัดฉับๆ เหมือนเค้าหายตัวใกล้เข้ามา จนหน้ามาอยู่ติดกันแล้วก็จ้องแบบโกรธๆ พี่ดิชั้นตกใจกลัวมาก กลัวว่าจะเสียจริตเสียสติไป (เพราะการนั่งวิปัสสนาโดยไม่มีอาจารย์คอยช่วยคอยสอบอารมณ์จะทำให้เสียสติได้ง่ายๆ เพราะบางทีจะมีเจ้ากรรมนายเวรมาทวงหนี้ หรือเห็นภาพต่างๆได้ เพราะเพื่อนเคยนั่งแล้วกลายเป็นอัมพาตไป 2 วัน เพราะเห็รกรรมเก่าแล้วเห็นเค้ามาทวง ) จึงอธิษฐานขอถอนสมาธิ พี่ไม่รู้จะทำยังไงดีเลยสวดมาต์แล้วแผ่เมตตาจากนั้นจึงเข้าวิปัสสนาอีกรอบ ผู้หญิงคนนั้นยังอยู่แต่เปลี่ยนเป็นร่างสวยงามแล้ว พี่เลยขอให้พี่นันติดต่อน้องคนที่เชียงรายเพราะอยากถามให้รู้น้องเค้าบอกว่า พี่ชาติที่แล้วพี่ทำกับพระนางสร้อยลักขณาไว้มากนะท่านยังโกรธแค้นพี่อยู่ แต่ท่านบอกว่าถ้าพี่ทำให้ท่านได้ไปอยู่กับเพื่อนท่านได้ท่านจะอโหสิกรรมให้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเราต้องลองสืบเสาะหาเรื่องราว รูปภาพของท่านกันน่ะค่ะ ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่ท่านมีจริงรึเปล่าด้วยซ้ำ หรือถ้ามีก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเรื่องราวรูปภาพได้จากไหน พี่ชายดิชั้นบอกว่าภาพท่านยังติดตาอยู่เลยแต่วาดออกมาไม่ได้จากความนึกคิด
หลายคนอ่านแล่วอาจจะคิดว่าบ้ารึเปล่า แต่ว่าเราก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันค่ะเพราะเจอกับตัวเองถึงรู้ ถ้าใครพอทราบก็รบกวนด้วยนะคะ ยังไงก็ขอบคุณมากค่ะ กระทู้: พระนางสร้อยลักขณา เริ่มกระทู้โดย: Japonica ที่ 22 มิ.ย. 06, 02:37 ทดลองเอาเถิดเข้าล่อกับเด็กน้อยให้บอกชื่อที่มีตัวตนหน่อยก็จะดีนะครับ เรื่องราวจะได้สมบูรณ์หน่อย
กระทู้: พระนางสร้อยลักขณา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มิ.ย. 06, 08:06 อ่านคำอธิบายของเจ้าของกระทู้แล้ว ยิ่งอยากจะขอให้คุณหมอมาอธิบายให้ฟัง ในเชิงจิตเวช
ไม่ได้หมายความว่าพี่ของคุณเป็นบ้านะคะ แต่จิตของคนนั้นเล่นตลกกับคนได้เสมอ ส่วนดิฉันขออธิบายทางประวัติศาสตร์ ขอฟันธงลงไป ณ ที่นี้ว่าพระนางอะไรนั่นไม่มีตัวจริง พระนามนี้ก็ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ เจ้านายสตรีในรัชกาลที่ ๕ ที่อยู่ในระดับพระนางได้ ต้องเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า พระองค์ท่านพระราชทานพระนามให้ทุกพระองค์ ด้วยความเป็นปราชญ์ทางอักษรศาสตร์ การผูกพระนามขึ้นมาจึงถูกต้องตามหลักของบาลีสันสกฤต มีความไพเราะคล้องจองกัน ชื่อ "สร้อยลักขณา" ไม่ใช่ชื่อถูกต้องตามหลักนี้ ดิฉันอยากจะบอกว่าไม่มีความหมายเข้ากันเสียด้วยซ้ำระหว่างคำหน้าและคำหลัง ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่า "พระนาง" ไม่ใช่ระดับที่เจ้านายสตรีองค์ไหนๆก็เป็นพระนางกันได้ ที่จริง ตามที่ชาววังรัชกาลที่ ๕ และ ๖ เขาเรียก มีพระองค์เดียวเท่านั้นแหละ นอกเหนือจากพระนางเรือล่ม แต่ขอไม่บอกดีกว่า จะไปทำให้พระนามท่านถูกดึงเข้ามาพัวพันกับการเล่นอุตริของเด็กคนนั้นด้วย เด็กคนนั้นคงได้ยินชื่อ "พระนาง" ต่างๆในตำนาน อย่างพระนางจามเทวี หรือพระนางเรือล่ม มาก่อน แล้วก็พลอยนึกไปตามประสาเด็กว่า อ๋อ ขึ้นชื่อว่าเจ้านายสตรีก็ต้องเป็นพระนางกันทั้งนั้นน่ะสิ เลยสมมุติพระนางไร้ตัวตนขึ้นมาเป็นเพื่อนของ "พระนาง" แฟชั่นเสื้อแขนพองกับโจงกระเบนเพิ่งจะมารู้จักกันประมาณพ.ศ. ๒๔๔๐ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯสิ้นพระชนม์ไปนานแล้วก่อนหน้านี้ ท่านไม่เคยแต่งพระองค์แบบนั้น แต่เป็นแฟชั่นที่คนไทยนึกออกมากที่สุดเวลานึกถึงเจ้านายสตรีสมัยรัชกาลที่ ๕ สมเด็จพระพันปีท่านแต่งพระองค์แบบนี้ได้งามมาก จนเป็นที่จดจำกันมา ส่วนเรื่องพี่คุณคุ้นกับรถม้า หรือฝันเห็นอะไร มันมีคำว่า "อุปาทาน" อยู่คำหนึ่ง น่าจะใช้ได้กับคำนี้ ฝันแบบนี้ทางพุทธเรียกว่า "นิวรณ์" กังวลกับเรื่องอะไร จิตก็แปรสัญญาณออกมาในรูปสัญลักษณ์ เป็นคนมั่ง สถานที่มั่ง ของต่างๆมั่ง คนไทยส่วนใหญ่มักจะกลัวในสิ่งที่หาเหตุผลและตัวตนไม่ได้ ถึงไม่เชื่อก็กลัว เลยมีคำขวัญที่ทำให้สติปัญญาอับทึบลงไปว่า "ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่" ส่วนดิฉันไม่ยึดถือคำขวัญนี้ค่ะ กระทู้: พระนางสร้อยลักขณา เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มิ.ย. 06, 08:14 พี่คุณไม่ควรจะหัดนั่งสมาธิวิปัสนาโดยไม่มีครู และไม่ใช่ว่าครูสำนักไหนๆก็ฝึกให้ได้
ควรเลือกเรียนกับอาจารย์ที่มีความรู้ทางนี้จริงๆ และฝึกให้จิตนิ่งได้จริง ลองไปสืบหาวัดที่เชื่อถือได้ ส่วนใหญ่เป็นพระป่าที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพกันมานาน ไม่งั้นจิตมันจะเล่นตลกเอาอย่างที่เจอนี่แหละ ภาษาพุทธเรียกว่า"รูปนิมิต" ดิฉันเรียกว่าจิตหลอน ฟรอยด์เรียกว่าจิตใต้สำนึก จิตคนเรายุ่งเหยิงอลวนอยู่แล้วเพราะกิเลส พอไปบังคับให้นิ่ง กิเลสมันก็ลอยขึ้นมาประท้วง เหมือนกดลูกโป่งลงในน้ำ ลูกโป่งก็จะเด้งขึ้นมา มีบ่อยที่มาในภาพของสิ่งน่ากลัวต่างๆ ทำเอาคนตั้งสติไม่ทัน หวาดกลัวแทบเป็นบ้าไปก็มี ทางออกอย่างหลวงปู่เทสก์ เคยสอนไว้คือ "ส่งออก" อย่าไปยึดติดอยู่กับมัน เห็นแล้วก็เฉยไว้ ไม่ใส่ใจ เดี๋ยวก็หายไปเอง เพราะสิ่งเหล่านี้ หลวงปู่ดุลท่านเคยกล่าวไว้เตือนใจว่า " สิ่งที่เห็น เห็นจริง แต่ ไม่มีจริง" ขอให้พี่คุณพิจารณาดูอีกครั้ง แล้วเลิกสนใจเรื่องพระนางสร้อยลักขณาเสียเถอะค่ะ กระทู้: พระนางสร้อยลักขณา เริ่มกระทู้โดย: คุณพี่ ที่ 22 มิ.ย. 06, 11:25 .......ขอสนับสนุนสิ่งที่อาจารย์เทาชมพูกล่าวไปอย่างมากครับ...และเรื่องการวิปัสสนานั้นจะมัวไปนั่งคลำหาโดยไม่มีครูไม่ได้เพราะจะไปไม่ถูกทางแล้วจิตของเรามันก็จะเล่นตลกกับเราอย่างที่อาจารย์เทาชมพูกล่าวไว้นั่นถูกต้อง
.......แล้วข้อควรระวังในการนั่งวิปัสสนาในการไม่มีครูคือการเพ้อเจ้อเรื่องของรูปนิมิตที่เกิดขึ้นในจิตต้องระวังไว้อย่างมาก...... .......พี่ของคุณเองจะเข้าขั้นนั้นแล้วขอให้หยุดการวิปัสสนาไปชั่วคราวตอนนี้ในใจพี่คุณอาจจะคำนึงถึงเรื่องราวนี้และต้องการที่จะหาข้อเท็จจริงแล้วก็พยายามที่จะวิปัสสนามันจะเกิดผลเสียอย่างมากนะผมขอเตือนไว้ด้วยความหวังดี กระทู้: พระนางสร้อยลักขณา เริ่มกระทู้โดย: ลำดวนเอ๋ยพี่จะด่วนไปก่อนแล้ว ที่ 26 มิ.ย. 06, 10:15 เห็นด้วยกับคุณ เทาชมพู
ผมว่าไปหาอาจารย์เรียนวิปัสนาให้เป็นเรื่องเป็นราวดีกว่า แนะนำให้ไปที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ เพราะสำนักนี้มีชื่อเสียงมายาวนาน พระสงฆ์สมัยก่อนก็เล่าเรียนจากนี้ทั้งนั้น |