ขอบคุณสำหรับของฝากของคุณศรีครับ
เป็นภาพประวัติศาสตร์ที่หาชมกันไม่ค่อยได้แล้วครับ
ผู้สนใจรุ่นใหม่ๆคงแทบไม่มีโอกาสได้เห็นภาพแบบนี้แล้ว
ผมไม่ใช่ครูหรอกที่ไหนหรอกครับ ยังเดินเตาะแตะอยู่มากครับ
แล้วก็ไม่ได้เก่งอะไรด้วยครับ ยังเป็นลูกงู และปลาซิวอยู่อีกมาก
(เป็นลูกปลาไมได้เนาะ เดี๋ยวจะกลายเป็นหม่อมเอา)
ส่วนเรื่องทับหลังว่าอยู่หรือไม่ ผมไม่ทราบจริงๆครับ
โดยส่วนตัวเห็นแล้วก็อยากตามให้ทราบเองด้วย
ถ้าขออนุญาตเป็นหลังวันปิยะฯไปแล้ว คุณศรีจะดุผมว่านานเกินไปมั้ยครับ
มาต่อกันที่คำถามของคุณศรีก่อนดีกว่า
ผมขอแบ่งออกจากกันไปเลย เป็น 2 เรื่อง
เรื่องแรก คือ
"ล้อขอมก็หมายถึงสร้างโดยเสียม-เพื่อเสียม-เป็นของเสียมแต่หมั่นไส้ขอมก็เลยสร้างล้อว่าข้าก็ทำได้"กับเรื่องที่ 2 คือ
แต่ด้วยฝีมือปูนปั้นที่ชำนาญกว่า...เสียมไม่ถนัดแกะหินล้วนๆมากๆแบบขอมส่วนที่เกิดขึ้นต่อไปหลังจากตรงนี้ "เป็นการวิเคราะห์ของตัวผมเอง"
ถ้าทำให้คุณศรี หรือคุณ sugar ไม่พอใจ ผมขออนุญาตขอโทษก่อนนะไครับ
หลังจากเมื่อคืนเห็นคุณศรีเรียก คุณนวรัตน์ ว่า "พี่เนา"
และพูดถึง "เสี่ยมกุก" เมื่อเช้า ผมเลยเดาเอา
ว่าคุณศรีอาจจะ
"กำลังใช้" มุมมองทางประวัติศาสตร์
แบบที่ผมตี๊ต่างเรียกว่า "ชาติพันธุ์นิยม" ในความคิดเห็นที่ 11
ของกระทู้
"ประวัติศาสตร์"หรือจะเป็นประวัติศาสตร์!ในขณะที่ตำราที่คุณ sugar และคุณ manit ใช้เรียนมา
น่าจะค่อนไปในกลุ่ม "ชาตินิยม" แบบกระทรวงศึกษามากกว่า
เรามาดูกันเล่นๆดีกว่า ว่า 2 กลุ่มนี้ต่างกันยังไงบ้าง
กลุ่มชาตินิยม มักจะพูดอะไรเป็น "การจัดการจากส่วนกลาง"
หรือมองในมุมมองว่า "มาจากแหล่งที่มีวัฒนธรรมสูงกว่า"
ในขณะที่
กลุ่มชาติพันธุ์นิยม มักจะพูดอะไรเป็น "เรื่องพื้นเมือง"
หรือมองในมุมมองว่า "เป็นการสืบเนื่องของบรรพบุรุษ"
2 เรื่องนี้เป็นมุมมองที่ "ผู้รับสาร"
จะต้อง "รู้ตัวเสมอ"
เวลารับสารจากคนที่มีความคิดมาจากมุมมองที่ต่างกลุ่มกัน
(ไม่ว่าจะอ่านเอา ฟังเอา ดูเอา หรือคุยเอา ต้องรู้ตัวหมด)
ถ้าไม่รู้ตัว... สมองของคนรับสารก็จะตั้งโปรแกรมไปตามนั้นโดยปริยาย
กับคนทั่วๆไปแล้ว ถ้าข้องแวะกับมุมมองกลุ่มไหนมากหน่อย
ก็มักจะคิดแบบกลุ่มนั้น และมีมุมมองไปตามกลุ่มนั้นโดยอัตโนมัติ
เพราะโดยปกติ เรามักจะตั้งโปรแกรมความคิดของเราไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อพบเรื่องใดเรื่องหนึ่งเข้ามา โปรแกรมที่ว่าจะถูกเรียกออกมาจัดการข้อมูล
และการประมวลผล จะเกิดขึ้น "ในมุมมองเดิม" แทบทุกครั้ง
เช่น ถ้าพูดถึงตัวอย่าง "การสร้างปราสาทขอมในภาคอีกสาน"
กลุ่มชาตินิยม มักจะมุ่งประเด็นไปที่ "คนสร้างนครวัดเป็นคนมาสร้าง" ไปก่อน
ในขณะที่
กลุ่มชาติพันธุ์นิยม มักจะมุ่งไปที่ "คนท้องถิ่นเป็นคนสร้างขึ้นเอง" อีกเหมือนกัน
(แบบที่ผมเข้าใจว่าทั้งคุณ sugar และคุณ srisiam
กำลังคิด แบบนี้อยู่
มีตัวอย่าง เช่น ความคิดเห็นที่ 62 และ 63 ตามลำดับ)
ทีนี้มาดูตัวอย่างที่ใกล้ตัวเราขึ้นหน่อย (ที่ผมใช้ไปแล้วเมื่อคืน) กันดีกว่า
"วัดทุ่งศรีเมือง" อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
แต่วัดนี้อยู่ในประเทศไทย คนไทยอาจจะรู้จักกันน้อยหน่อย
ไม่เชื่อลองถามคนรอบตัวเราซัก 10 คนดูก็ได้ว่า
"มีทริปไปดูวัดในเมืองอุบล ใครอยากไปบ้าง ?"
เกินร้อยละ 80 ถ้าอายุยังไม่เข้าใกล้ครึ่งร้อยคงปฏิเสธ
ส่วนคนที่อายุเลยเลข 5 ไปแล้ว(ที่อาจจะอยากไป) ถ้าไม่ได้คุ้นกับเรื่องแบบนี้มาก่อน
โปรแกรมในหัวจะ "แข็ง" มากแล้ว แต่ "ความจำ" หรือ "การถูกกระตุ้นให้นึกถึง" จะช้าลงตามวัย
สรุปว่า... ททท. ล้มเหลวกับประชากรในชาติตัวเอง (มันเกี่ยวกับกระทู้ขอมมั้ยเนี่ยะ ?)
มาดูอีกวัดที่น่าจะรู้จักกันมากกว่า
"วัดสีสะเกด" ที่รู้จักกันมากกว่า เพราะวัดนี้อยู่ที่ "เวียงจันทน์"
เวลาคนไทยอยากไปเที่ยวเมืองเล็กๆอย่างเวียงจันทน์
ไกด์ลาวไม่ค่อยมีอะไรจะมาหลอกคนไทยไปดูเลยต้องพาไปดูที่นี่กัน
คนไทยส่วนมากก็จะกลับมาตื่นเต้นอวดเพื่อนว่า "ชั้นไปมาแล้ว.... สวย"
(ที่จริงสำหรับคนส่วนใหญ่มันสวยเพราะต้องเอาพาสปอร์ตไปแสตมป์ตะหาก)
ที่ยกมาเพราะ 2 วัดนี้มีประวัติที่คล้ายกัน คือ "สร้างโดยรัตนโกสินทร์"
(ต้องเข้าใจก่อนว่า "รัตนโกสินทร์" ที่ผมพูดถึง คือ "กรุงรัตนโกสินทร"
อาจจะกินพื้นที่ไปถึงปริมณฑลรอบๆอีกหน่อย แต่ก็ไม่ได้กว้างไปกว่าภาคกลางตอนล่างนะครับ)
ที่เหมือนกันอีกข้อ คือ มันดันไปสร้างในเขต "เมืองประเทศราชของรัตนโกสินทร์"