เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: จ้อ ที่ 10 มี.ค. 02, 13:38



กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 10 มี.ค. 02, 13:38
บังเอิญเมื่อหลายที่แล้วมีข่าวเกี่ยวกับเจ้าหญิงองค์น้อยที่ประสูติมาจาก
องค์มงกุฎราชกุมารของญี่ปุ่นและพระชายา สื่อมวลชนลงข่าวว่าอาจจะมีการแก้รัฐธรรมนูญ
ให้ผู้หญิงสามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิ์ได้ ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์กันพอสมควร
เพราะสังคมญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างจะผู้ชายเป็นใหญ่

เลยทำให้ผมสงสัยว่าในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเคยมีผู้หญิงที่ขึ้นเป็นจักรพรรดิ์หรือไม่???
หลังจากที่ซักถามสาวญี่ปุ่นห้องตรงข้ามอยู่เนิ่นนานหลายวันหลายคืน ...
ในที่สุดผมก็... พบว่าไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นเคยมีจักรพรรดินี แต่ยังเชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่รวบรวมประเทศอีกต่างหาก ...

เธอผู้นั้นมีชื่อว่า ฮิมิโกะ มีชีวิตอยู่ราวศตวรรษที่ 3 ซึ่งเรื่องราวของเธอเขียนอยู่ในบันทึกโบราณ
ที่เป็นภาษาจีน สมัยของเธอตรงกับราชวงค์ Wei ของจีน (ไม่ทราบว่าออกเสียวว่าอย่างไร อุๆ เว่ย หรือ เหว่ย ?)

สาวๆญี่ปุ่นให้การว่า เรื่องราวของฮิมิโกะนั้นชาวญี่ปุ่นรู้จักกันดี แต่หลายๆเรื่องจะออกไปทางอภินิหาร หรือเวทมนต์เป็นกึ่งตำนานเสียสวนใหญ่ แหล่งข่าวแจ้งว่าฮิมิโกะนี่รูปโฉมงดงามเสียด้วย ... อืม

บันทึกโบราณของจีนบอกว่า เมื่อราวๆปี ค.ศ. 239 ฮิมิโกะ ส่งของขวัญไปยังราชสำนักจีนของ ในช่วง Wei Dynasty และขากลับทูตของฮิมิโกะก็ได้ของแรกเปลี่ยนติดมือกลับมา เป็นกระจกจีน
ซึ่งเมื่อสองสามปีที่แล้วก็มีการขุดค้นพบกระจกจีนในสุสาน ซึ่งคาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับ ฮิมิโกะ ... ถ้าเกี่ยวจริงก็แสดงว่ามีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ ไม่ได้เป็นแต่เพียงตำนานเท่านั้น

ที่น่าสนใจอีกอันหนึ่งคือ บันทึกบอกว่าฮิมิโกะเป็นผู้รวบรวมแคว้นต่างๆในญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน
และน่าจะเป็นคนแรกเสียด้วยซ้ำ ... ซึ่งเรื่องนี้เกิดหลังจากยุคสงครามกลางเมืองในสมัยที่
ญี่ปุ่นแบ่งแป็นแคว้นต่างๆ สามสิบกว่าแคว้น ...


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 22 ม.ค. 02, 09:28
อันนี้เป็นลิงก์เรื่องการค้นพบกระจกของฮิมิโกะครับ ...

http://he.net/~archaeol/9805/newsbriefs/japan.html



หลังจากสอบถามสาวญี่ปุ่นห้องตรงข้ามอีกครั้งก็ได้ความเพิ่มเติมว่า

นอกจากฮิมิโกะแล้ว ในสมัย Heian era ญี่ปุ่นก็มีจักรพรรดิ์หญิงอีกคนหนึ่ง

เธอชื่อว่า ซุอิโกะ (Suiko) ในสมัยหลังจากยุคของเมืองนารา

ซึ่งญี่ปุ่นย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่เกียวโตแล้ว


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 22 ม.ค. 02, 10:57
ฮิมิโกะ ส่งทูตถึงจีน คศ 239
เข้าใจว่าสมัยสุมาอี (Wei ก็คือก๊กโจโฉละครับ)
ขงเบ้งตาย 234


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 22 ม.ค. 02, 23:03
ถ้าเป็นอย่างที่คุณภูมิว่า ก็คือแคว้นเว่ยในเรื่องสามก๊กครับ

สงสัยต่อ -
1. ทำไมเจ้าของกระทู้ต้องไปซักสาวญี่ปุ่นเรื่องนี้ตอนกลางคืน? ซักถามกันตอนกลางวันไม่พอหรือ?
2. ทำไมราชวงศ์ญี่ปุ่นชอบมีเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นกระจก? ดูเหมือนเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่นหนึ่งในสามชิ้นก็เป็นกระจกเหมือนกัน แต่อันนั้นตั้งแต่สมัยตั้งราชวงศ์ละมั้ง ดูเหมือนเป็นกระจกของอามาเตราสึโอมิคามี สุริยเทวีที่ญี่ปุ่นเขาเชื่อว่าเป็นบรรพสตรีของราชวงศ์จักรพรรดิญี่ปุ่น เครื่องราชกกุธภัณฑ์โบราณอีกชิ้นเป็นดาบซามูไร ชิ้นที่สามผมจำไม่ได้ว่าเป็นอะไร(สร้อย?))
3. กฏห้ามผู้หญิงเป็นจักรพรรดินีเริ่มมีมาตอนไหน? ในเมื่อในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเองก็มีจักรพรรดินีมาแล้วตั้งสององค์ แถมถ้าเราเชื่อตำนาน ต้นวงศ์ของราชวงศ์ก็เป็นเจ้าแม่นะครับไม่ใช่เจ้าพ่อ เจ้าแม่ดวงอาทิตย์ เอ้า - ถ้าจะยกตำนานอีกอันมาค้านว่าจิมมูเทนโนเป็นจักรพรรดิองค์แรก เป็นชาย แต่เทพธิดาอามาเตราสึก็เป็นต้นกำเนิดของจักรพรรดิยิมมูเทนโนอีกทีอยู่ดี

ฝากคุณจ้อเป็นข้ออ้างบังหน้าไปถามสาวญี่ปุ่นต่อด้วยครับ ส่วนมือชั้นคุณภูมิ เห็นจะไม่ต้องใช้ข้ออ้างคำถามนี้ในการคุยกับสาวญี่ปุ่นก็ได้...


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 23 ม.ค. 02, 05:11
ฮ้าๆๆๆ อาริกาโต๊ะ ท่านพี่ นกข ซัง
ผมได้ข้ออ้างให้ไปจีบ... เอ้ยถามใหม่แล้ว เหอๆๆๆ
Iki Ma sho ... let go to ask her ...

ถามกลางวันไม่ได้ครับเนื่องจากกระผมเรียนหนักชนิด ... หามรุ่ง... หามค่ำ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 23 ม.ค. 02, 06:11
ถ้าผมจำไม่ผิด ในสามก๊กฉบับไทยเรียกก๊กเว่ยนี้ว่า วุ่ยก๊ก อีกสองอันรู้สึกจะเป็นจ๊กมก เอ๊ย ... จ๊กก๊ก กับ ง่อก๊ก

แคว้นของพระนางฮิมิโกะ ที่ว่าชื่อ Yamatai นั้นชวนให้นึกถึงชื่อ ยามาโต ซึ่งจำได้คลับคล้ายว่าเป็นชื่อโบราณของญี่ปุ่น
...และชวนให้นึกทะลึ่งไปถึงคำญี่ปุ่นอีกคำ (พระอาญาไม่พ้นเกล้า ..คืนนี้พระราชินีฮิมิโกะจะทรงมาเข้าฝันด่าผมไหมเนี่ย...) ว่า ยามาเต๊ะ ดูเหมือนแปลว่า อย่ามาแตะ เอ๊ย แปลว่า "...อย่าค่ะ ..."  ได้ยินบ่อยๆ ในภาพยนตร์บางประเภทของญี่ปุ่นที่เพื่อนผมชอบดูมาก ผมน่ะเฉยๆ ครับดูเป็นเพื่อนเพื่อนเท่านั้น ... ผมเด็กดี...


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 23 ม.ค. 02, 07:24
แหมผมก็สงสัยมานานแล้วว่าทำไม สาวในวีซีดี ต้องพูดอะไรเกี่ยวกับยามาโต๊ะ  ยามาเต๊ะ เพิ่งรู้ว่าแปลว่า อย่า อย่า อย่าหยุด นี่เอง
ผมเองก็ไม่เคยตั้งใจดูนะครับ แค่เปิดผ่าน ๆ เอง


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 23 ม.ค. 02, 16:04
ยาเมะเตะ  ครับ แปลว่าหยุด (ไม่ใช่มะ)

เครื่องราชกกุธภัณฑ์สามอย่างคือ
กระจก (yata no kagami)
กระบี่ (kusanagi no turugi)
และ แก้ว (yasakani no magatama)


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 23 ม.ค. 02, 23:01
คุณนกข คุณพระนาย และคุณภูมิครับ เอ่อ ... ทำไมผมไม่เคยได้ยินคำว่า ยาเมะเตะ ล่ะครับ
ได้ยินแต่ ยาเมะนัยเตะ อิกินัยเตะ โมอิจิโดะ วนไปวนมาอยู่สามคำ เอ้อ ... ไม่รู้แปลว่าอะไร?

เท่าที่ได้ฟังมา อามาเตราสึโอมิคามีหรือสุริยะเทพเป็นต้นกำเนิดของชาวญี่ปุนทั้งหมดด้วยครับ (ตามความเชื่อ)
โดยที่จักรพรรดิ์ของญี่ปุ่นนั้นเกิดจากโลหิตหรือเลือดของสุริยะเทพ ...

เรื่องกฎห้ามผู้หญิงครองราชย์นั้นเท่าที่ได้ฟังมาคาดว่าไม่ได้เขียนไว้เป็นอย่างชัดเจน
และอาจจะไม่ได้มีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างที่ผมเข้าใจในตอนแรก น่าเป็นเพียงแค่ประเพณีที่ยืดหยุ่นได้
เช่นถ้าหากว่าจักรพรรดิ์ไม่มีพระโอรสมีแต่พระธิดา พระธิดาองค์นั้นก็สามารถที่จะขึ้นเป็นจักรพรรดิ์ได้
แต่ถ้ามีพระโอรส จะต้องให้ผู้ชายขึ้นเป็นจักรพรรดิ์ตามประเพณีนิยม
อย่างในกรณีของซุอิโกะ (Suiko) ก็เป็นเช่นนี้คือพระบิดาไม่มีพระโอรส เธอจึงได้ขึ้นเป็นกษัตริย์
ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนักมีอยู่ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์
ส่วนตัวฮิมิโกะนั้นเป็นกษัตริย์ได้อย่างไรนี่ก็น่าสนใจครับ กำลังค้นอยู่อีกเหมือนกัน

สำหรับกระจกนั้นยังถามไม่ได้ความครับ ต้องกลับไปถามต่อ อาจจะใช้เวลาหลายวันหน่อย
สงสัยผมจะต้องถามหลายๆคนซะแล้วซิ ฮี่ๆๆๆๆ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 24 ม.ค. 02, 10:09
ยาเมะนัยเดะ อย่าหยุด (รูปปฎิเสธ)
อิกินัยเตะ อันนี้ขอเซ็นเซอร์  :-)
โมอิจิโดะ อีกครั้ง


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: มิดะ ที่ 24 ม.ค. 02, 13:54
คุณภูมิขาแล้วคำที่เซ็นเซอร์นี่หมายความว่าอะไรคะ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 24 ม.ค. 02, 23:08
ว้า กระทู้ติดเรทซะแล่ว

เปลี่ยนเรื่องกลับมาเป็นวิชาการใหม่

ผมจำไม่ได้ว่าจันทรเทพบุตรของญี่ปุ่นชื่ออะไร แต่ว่าเป็นผู้ชายในขณะที่เทพธิดาพระอาทิตย์ของญี่ปุ่นเป็นผู้หญิง แปลกดี เจ้าแม่พระอาทิตย์ เจ้าพ่อพระจันทร์ของญี่ปุ่นนี่ตำนานว่าเป็นพี่น้องกันครับ น้องคนสุดท้องคนที่สามเป็นชาย ชื่อเทพสุซาโนโอะ ดูเหมือนจะเป็นเทพประจำสมุทรหรือยังไงไม่ทราบ แต่ดูจะเป็นเด็กมีปัญหาหน่อย เคยก่อเรื่องทะเลาะกับเทพธิดาอามาเตราสึโอมิคามิพี่สาวคนโต ถูกเทวสภาไล่ลงมาในโลกมนุษย์ แล้วยังไงต่อก็จำไม่ได้แล้ว รู้สึกจะกลับใจกลายเป็นพระเอกไปช่วยชาวบ้านปราบอสูรร้ายแปดหัวรึไงนี่แหละ ดูเหมือนว่าดาบโบราณที่เป็นหนึ่งในสามเครื่องราชกกุธภัณฑ์ประจำราชวงศ์นั้น ตามตำนานว่ามาจากข้างในท่อนหางของอสูรกายแปดหัวตัวนี้เอง

คุณภูมิช่วยขยายความหน่อยครับ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 28 ม.ค. 02, 04:19
ได้ความมาแล้วบางส่วนครับ ฮี่ๆๆ
สุซาโนโอะ หรือ Susanoto เป็นเทพเจ้าแห่งกลางคืนครับ

ตามคำภีร์โคจิกิ หรือ Kojoki ซึ่งถือเป็นตำราประวัติศาสตร์เล่มแรกของญี่ปุ่น
ซึ่งว่ากันว่าเป็นทั้งทำราการเมือง ประวัติศาสตร์ ศาสนา และวรรณกรรมไปด้วยในตัว
เล่าถึงตำนานเทพเจ้าและตำนานการกำเนิดของเกาะญี่ปุ่นเอาไว้

เทพเจ้าสององค์แรกที่เกิดขึ้นมาคือ อิซานากิ (Izanagi) กับอิซานามิ (Izanami)
ซึ่งทั้งสองแต่งงานกันเกิดลูกออกมาเป็นเทพเจ้าหลายองค์ แต่ที่เราพูดถึงกันอยู่ก็คือ
อามาเตราสึ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ กับ ซุสาเนโอะ เทพเจ้าแห่งกลางคืน

เทพอิซานามินั้นออกลูกมากไปหน่อย พอคลอดบุตรคนสุดท้ายคือเทพแห่งไฟก็เสียชีวิต
ซึ่งทำให้ซุสาเนโอะซึ่งเป็นลูกชาย เศร้าโศกเสียใจกลายเป็นเด็กมีปัญหา อ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง
พอมีปัญหามากๆเข้าก็เลยถูกขับไล่ออกมาจากสวรรค์โดยบิดาคืออิซานากิ  
ตกลงมาในหมู่บ้านเจออสูรกาย 8 หัว อย่างที่คุณนกข. ว่ามาแล้ว
และซุสาเนโอะก็สามารถสังหารอสูรกายได้ แถมยังพบสาวงามอีกต่างหาก

เรื่องราวดำเนิดต่อไปยังไงก็ไม่ทราบได้ ระหว่างที่ซุสาเนโอะ เร่ร่อนอยู่ในโลกมนุษย์
พี่สาว (หรือน้องสาว?) คือ อามาเตราสึ เทพแห่งดวงอาทิตย์เกิดสงสาร
เลยชวนไปอยู่ด้วย แต่ซุสาเนโอะ ยังเกเรเหมือนเดิม ไม่รู้เหมือนกันว่าไปทำอะไรเข้า (เพราะคนที่เล่าให้ฟังจำไม่ได้ฉ
อามาเตราสึเลยเศร้าโศกเสียใจ ไปขังตัวเองอยู่ในถ้ำ ...

พออามาเตราสึขังตัวเองอยู่ในถ้ำ ชาวบ้านก็เดือดร้อนเพราะ ไม่มีแสงแดด (ก็ตัวเธอเป็นเทพดวงอาทิตย์)
เทพเจ้าอื่นๆก็เลยวางแผนปลอมตัวเป็นชาวบ้าน ไปจัดงานรื่นเริงที่หน้าถ้ำ ร้องรำทำเพลง กัน
อามาเตราสึ ก็สงสัยว่าทำไมชาวบ้านพวกนี้อารมณ์ดีจัง มาเต้นรำกันในความมืด
หล่อนก็เลยแง้มปากถ้ำออกมาดู พอหล่อมโพล่ออกมา ก็ถูกเทพเจ้าองค์อื่นๆดึงตัวออกมานอกถ้ำ

เท่าที่ได้ฟังมารู้สึกว่าตอนที่มีงานรื่นเริงนั้น จะมีการนำกระจกออกมาล่ออามาเตราสึด้วย ...


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 28 ม.ค. 02, 04:32
ส่วนเรื่องเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่นสามชิ้นนั้นก็มีบันทึกอยู่ในโคจิกิเช่นเดียวกันครับ



เป็นเรื่องราวตำนานของ นินิกิ ซึ่งถือว่าเป็นจักรพรรดิ์ที่ถูกอามาเตราสึส่งลงมาปกครองญี่ปุ่น

เรื่องมีอยู่ว่า อามาเตราสึส่งหลานชายคือ นินิกิโนมิโกโต๊ะ (Ninigi-no-Mikoto) ลงมาเพื่อปกครองญี่ปุ่น

มิโกโต๊ะนั้นหมายถึงเจ้าชายอะไรทำนองนั้น ...

ก่อนที่นินิกิจะลงมายังโลก อามาเตราสึก็ให้ของขวัญ คือของวิเศษมา 3 ชิ้น

คือ หยก (หรือสร้อยหยกก็ได้ถ้าเอาสร้อยร้อยเข้าด้วยกัน)

ชื่อว่า ยาซากะโนะมากาตามา (Yasaka-no-Magatama)

อีกอันคือดาบวิเศษ คูซานากิ โนะซูรูกิ (Kusanagi-no-Tsurugi)

กับกระจกโลหะที่ชื่อว่า  ยาตะโนะคากามิ (Yaata-no-Kagami)



อามาเตราสึบอกกับนินิกิว่า กระจกนั้นคือวิญญานของเธอ ให้นินิกิบูชากระจกเหมือนตัวเธอ



หลังจากนั้นนินิกิก็ลงมายังโลกมนุษย์


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 28 ม.ค. 02, 05:00
ในตำราโคจิกินี้บันทึกวิธีจีบสาวแบบโบราณของญี่ปุ่นไว้เหมือนกัน ลองฟังดูก็แล้วกันครับ



หลังจากที่นินิกิ ลงมายังโลกมนุษย์ สร้างปราสาทเรียกร้อยแล้วก็บังเอิญไปเจอสาวสวยนางหนึ่งเข้า

นินิกิก็เลยถามเธอว่า " น้องสาวเป็นลูกใครจ๊ะ"

สาวงามก็ตอบว่า "หม่อมฉันเป็นบุตรสาวของโอยามาซึ ซึ่งเป็นเทพท้องถิ่นแถวนี้

ส่วนตัวหม่อมฉันมีนามว่าโคโนฮานะ "

นินิกิถามต่อ " ตัวเจ้ามีพี่สาวหรือน้องสาวหรือเปล่า "

โคโนฮานะตอบกลับ "มีพี่สาวชื่ออิวานากะ พัยคะ"

นินิกิตอบทันที "ข้าอยากจะแต่งงานกับเจ้า ตกลงว่าไง?"  

โฮ่ๆๆ อะไรมันจะปานนั้น โคโนฮนะก็ตอบว่าขอกลับไปถามพ่อก่อน

ซึ่งพ่อของเธอก็ดีใจมากเลยส่งตัว โคโนฮานะ กับพี่สาวคือ อิวานากะ มาให้นินิกิ พร้อมของกำนัลเพียบ

แต่ว่า นินิกิ ส่งตัวอิวานากะกลับคือพ่อของหล่อน แล้ว spent the night กับโคโนฮานะเพียงคนเดียว

ด้วยเหตุผลก็คือ อิวานากะไม่สวย ...



หลังจากอยู่ด้วยกันหนึ่งคืน โคโนฮานะ ก็ตั้งท้อง แต่พอหล่อนไปบอกกับนินิกิว่าหล่อนท้อง

นินิกิกลับไม่ยอมรับ บอกว่าอะไรอยู่ด้วยกันคืนเดียวท้องได้ไง ... อุๆๆๆ

ช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ เหอๆๆๆ



โคโนฮานะ โกรธจัดเลยบอกว่าถ้าไม่ใช่ลูกของนินิกิจริงขออย่าให้คลอดออกมาโดยปลอดภัย

แล้วเธอก็ได้สร้างกระท่อมไว้สำหรับคลอดบุตร ในขณะที่กำลังจะคลอดนั้นก็จุดไฟเผากระท่อมซะ

(เพื่อจะพิสูจน์ว่าเป็นลูกของนินิกิจริงหรือเปล่า) ปรากฎว่าลูกคลอดปลอดภัยเป็นแฝดสามอีกต่างหาก

และหนึ่งในสามคนนี้ก็เป็นต้นราชวงค์ของจักรพรรดิ์ญี่ปุ่นครับ ...



อ่านเรื่องย่อๆได้ที่เว็ปนี้ครับ

http://www.harapan.co.jp/english/miya_e/myth/kojiki_ninigi.htm

มีแผนฝังจักรพรรดิ์และเทพเจ้าให้ดูด้วย ... รู้สึกว่าที่สุดสายของแผนผังจะมีจักรพรรดิ์ชื่อ จิมมู

ซึ่งถือว่าเป็นจักรพรรดิ์โบราณที่มีชื่อเสียงองค์หนึ่ง



ส่วนรูปข้างล่างเป็นภาพของนินิกิพระเอกของเรา


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 28 ม.ค. 02, 05:02
ตามตำนานนี้หลังจากนั้นเครืองราชกกุธภัณฑ์ทั้งสามก็สืบทอดกันมาเรื่อยๆครับ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: ok ที่ 28 ม.ค. 02, 09:13
ซึ้งจริงๆ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 28 ม.ค. 02, 10:53
เพิ่มเรทให้กับกระทู้หน่อยนะครับ  :-)
คุณjor ไปถาม ข้างห้องแล้วมาเขียนหน่อยซิครับ
ตอนเริ่มต้น ของ KOJIKI เลย บทKUNITSUKURI
ที่วิ่งวนรอบเสานะครับ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 29 ม.ค. 02, 07:49
ถามไปถามมาหลายๆรอบนี่เหนื่อยเหมือนกันนะครับคุณภูมิ อุๆๆ
ผมขอไปค้นในเนตก่อนจะดีกว่าครับ ถ้าหาเจอแล้วจะมาเล่าสู่กันฟัง
ว่าแต่คุณภูมิจะไม่บอกเคล็ดลับจีบสาวญี่ปุ่นบ้างหรือครับ?
ผมขอเพื่อให้คุณแจ้งนะครับนี่ไม่ได้จะเอาไปใช้เองเลยจริงๆ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 29 ม.ค. 02, 21:28
พาดพิงครับ ขอใช้สิทธิ์พาดพิง

คุณจ้อก็ช่างเอาผมมาอ้าง ผมว่าจะทำเป็นไม่ไม่เห็นกระทู้นี้แล้วเชียว คุยเรื่องหนังเหนิงอะไรกันก็ไม่รู้ ไม่เห็นเข้าใจเลย...  

สาวๆ ญี่ปุ่นน่ารักนะครับ ปากนิดจมูกหน่อย ขาวๆ แต่เห็นคุณนิวัติ กองเพียร แกบอกว่า เจอสาวญี่ปุ่นสิบคน สวยซะแค่คนเดียว  ผมก็ยังไม่เชี้อ ไม่เชื่อครับ ก็เห็นในหนังน่ะสวยจัดซะทุกคน คงต้องถามคุณภูมิครับว่าสาวญี่ปุ่นส่วนมากน่ะสวยจริงหรือเปล่า...


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: เรไร ที่ 31 ม.ค. 02, 08:52
ขอแวะมารอฟังด้วยคน  ชอบสาวญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: ภูวง ที่ 31 ม.ค. 02, 14:04
ขอตามแม่หญิงมาคุยเรื่องสาวญี่ปุ่นด้วยคนครับ
สวยไม่สวยนี่เป็นรสนิยมของแต่ละคนครับ สำหรับผมว่าไม่สวย  ร้อยคนเจอสวยสองคน(สุ่มตัวอย่างมาจริงๆ)  หน้ามักจะหยีๆ ขาวซีดๆ ฟันเบียดกันแน่นเกไปเกมา(บางคนอาจจะชอบ)
ที่สำคัญน่องทู่ซะร้อยละเก้าสิบ(คงเป็นที่โครโมโซม)แล้วก็ยังหน่อมแน้ม โนะเนะ เป็นเอกลักษณ์
ที่สวยๆเก๋ๆในหนังไม่เจอเลยเพื่อนผมที่เดินเกร่ๆไปด้วยกันก็บ่นทำนองนี้เลยครับว่าเห็นในหนังน่ะสวยๆทั้งนั้นเลย หายไปไหนหมดหนอ
ผู้หญิงไทยสวยและดูดีกว่าเยอะมากครับ
คุณภูมิอาจจะมีมุมมองไม่เหมือนผมนะครับ นี่ผมสรุปรวมตามสายตาหนุ่มใหญ่วัยดึกอาจมองต่างกันไป


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: ภาธร ที่ 01 ก.พ. 02, 07:38
นั่นแน่ คุณภูวง แอบมาคุยตรงนี้ด้วย
ระยะเวลาที่พูดถึงตรงกับ ปลายสมัยสามก๊กของจีนครับ ราชวงศ์ที่ว่าก็คือราชวงศ์ วุย ของโจผี ลูกชายโจโฉ
สาวญี่ปุ่น ไม่ค่อยสวยจริงๆด้วยครับ ที่สวยๆจะอยู่ในสถานที่สำคัญๆที่ต้องการคนสวยเป็นพรีเซนเตอร์  ที่เดินๆตามถนน หาสวยยากมากกก


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: ภังคี ที่ 01 ก.พ. 02, 07:57
แฮ่มมม ผมคุยมั่งซี เดี๋ยวไม่ครบสามหนุ่มมุมเดียว    สาวญี่ปุ่นเนี่ย น่าเอ็นดูดีครับ มักจะว่านอนสอนง่าย ให้เก่งยังไงตอนเป็นสาวโสด พอแต่งงานก็ยกพ่อเจ้าประคุณเป็นใหญ่ทั้งนั้น ผู้ชายญี่ปุ่นก็เลยเคยตัว
สาวไทยน่ารักกว่าน่า ดูแต่แม่หญิงเรไรนี่ไง


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: นุช ที่ 01 ก.พ. 02, 20:21
พอดีเมื่อกี้น้องไปดูหนังเรื่อง"สุสานหิ่งห้อยมา"
เป็นหนังการ์ตูนญี่ปุ่นที่เศร้ามากๆหนังสงครามคะ
เข้ากับบรรยากาศตรงนี้พอดีช่วงมีเจออะไรที่เป็นญี่ปุ่นๆเยอะมากคะ  แล้วมีใครเคยดูหนังเรื่องนี้รึเปล่าคะ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: คนที่ได้อ่าน ที่ 02 ก.พ. 02, 16:25
แค่ได้อ่านน่ะมีคนพิมพ์ให้อ่านเศร้ามากเลย ขออนุญาตนำมาแปะดีกว่า
***********************************
เมื่อกี้เราไปดูหนังเรื่องนี้มาที่คญะวิจิตหละหนังเศร้ามากงานนี้มีคนร้องไห้เยอะเเยะถ้านายดูคงอินเหมือนกันเราเอาไปถามที่เรือนไทยเรียบร้อยละตานี้เราจะเล่าให้นายฟังนะ    มันเป็นหนังที่เกิดขึ้นสร้างเป็นหนังสงคราม(การืตูน)แต่ภาพเหมือนจริงมาก   เรื่องนี้นะเป็นความผูกพันธ์ของสองพี่น้องที่หนีสงครมกันแม่ของเค้าสองคนโดนระเบิดตายพ่อเป็นทหารก็ตายตอนหลังนะพี่เป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณไม่เกิน18น้องก็3ขวบกว่านิดๆเค้าเป็นเด็กกำพร้าในยุคสงครามก็เลยพาน้องไปอยู่กับป้าอยู่ได้ไม่นานป้าเขาก็รู้ว่าแม่ของเขาตายเขาไม่ยอมบอกแม้แต่น้องสาวเพราะว่าน้องยังเด็ก  ป้าก็เริ่มบ่นว่ามาอยู่ไม่ได้ช่วยอะไรให้กินแต่ข้าวต้ม  สว่นสามีและลูกสาวตนให้กินอาหารที่ดีอ้างว่าเขาทำงานมันยังอยู่ในสงครามอาหารก็ขาดแคลนป้าเค้าก็เลยเอาชุดกิมมิโนของแม่เด็กไปขายน้องสาวเค้าน่ารักมากวิ่งไปเกาะแขนป้าร้องเรียกให้เอาชุดของแม่มาไว้  หลังจากนั้นไม่นานเด็ก2คนก็ขอออกจากบ้านไปอยู่กันเองสาเเหตุทนป้าไม่ไหวแกบ่น  พี่น้อง2คนก็ออกไปอยู่กันเองเป็นคล้ายๆถ้ำไกล้ลำธารมันเป็นภาพที่น่ารักหนังเรื่องนี้จะให้ดี่มันต้องดูเองกะตาถ้ามิเช่นนั้นเด็กวิจิตรเขาคงไม่เอามาฉายหรอกไหนๆๆเราเล่าแล้วเราก็เล่าต่อจนจบนายอาจนึกภาพออกบ้าง  เค้า2คนพีน้องกันช่วยกันสร้างบ้านคือจัดอุโมงที่เค้าอยู่กันฉากที่เรชอบคือคืนนี้เค้า2คนช่วยกันจับหิ่งห้อยมาใส่มุ้งแล้วนอนดูที่นี้มีหิ่งห้อยมาก  ขอเล่ารวบลัดนิดนึงต่อมาเขาก็เริ่มขาดอาหารกันไม่มีอะไรกินน้องสาวก้เริ่มท้องเสียเราเข้าใจว่าน้องเค้าคงแอบกินดินมั้งพี่ชายก็ออกหาของมาให้น้องกินวันนึงไปโขมยของที่สวนโดนจับไปให้ตำรวจและถูกซ้อมน้องสาวก็ร้องให้เรียกพี่ชาย   แล้วตำรวจก็ปล่อยมาน้องสาวกก็เดินตามมาถึงที่โรงพักเลยตอนท้ายร้องเริ่มอดและไม่สบายแล้วก็ตายในที่สุดจบ
*******************************
เจ้าของกระทู้เคงไม่ว่านะคะ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 03 ก.พ. 02, 11:29
หนังของมิยาซากิ ผมไม่ค่อยชอบเลย
ชอบประชดประชันสังคมมากเกินไป
พยายามตีให้โดนใจคนดู

ผมถือคติที่ว่า เราเป็นอย่างที่เราคิด
ถ้าเรามัวแต่คิดเศร้าสร้อย ก็ได้แต่จมลึกลงไปเท่านั้น

แต่หนังของเขาเพลงเพราะดี

เปลี่ยนเรื่อง
เมื่อก่อนตอนเพื่อนผมไปเยี่ยมที่ญีปุ่น เขาก็บอกว่า เดินในเมืองทั้งวัน เจอเข้ท่าแค่คนเดียว
นอกนั้น พวกดีๆก็มีเจ้าของกันหมดแล้ว (ฮือๆ)


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 04 ก.พ. 02, 07:00
สวยไม่สวยนี่แล้วแต่คนมองครับ แต่ถ้าจะให้สวยเหมือนในหนังหรือหนังสือ(บางประเภท)
คงจะลำบากหน่อย ผมคิดว่าหนังสือแบบนั้นเขาคัดมาแล้วอย่างดีครับ (ไม่งั้นใครจะซื้อล่ะ?)

เคยดูรายการทีวีของอังกฤษ พิธีกรชายไม่แท้ชื่อนาย Graham Norton แกไปเที่ยวญี่ปุ่น
พอกลับมาก็บอกว่า สาวญี่ปุ่นนี่นะ(ยะ) Big Head Big Legs and Little thing between (ฮ้า)
(พีธีกรอังกฤษส่วนมากจะปากจัดครับ เหอๆๆๆ โดยเฉพาะวิจารณ์ชาติอื่นนี่ชอบมากๆๆๆๆๆ)
แต่กระผมว่าเดี๋ยวนี้วัยรุ่นญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆ ไม่ Little thing between แล้วนะครับ
แขนขาก็ยาวขึ้น เพราะเขารัปทานอาหารที่มีคุณภาพ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ผมเป็นห่วงวัยรุ่นไทยมากกว่า ได้ข่าวว่าเด็กวัยรุ่นกำลังฮิตแฟชั่น XS เอ็กซะตร้า ซะมอล
บางคนถึงกับอดข้าวอดน้ำเพื่อที่จะได้ใส่เสื้อตัวเล็กๆเท่าไซด์เด็กประถม
ฟังแล้วก็กลัวว่าจะเป็นโรคขาดอาหารซะก่อน น่าจะหันมาออกกำลังกายจะได้มีรูปร่างสมส่วนมากกว่า


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 04 ก.พ. 02, 07:12
ถ้าเอาตามแบบญี่ปุ่นโบราณนะครับ ลักษณะสาวงามขึ้นชื่อควรจะมีดังนี้

1 ผมดำ หนา และ ยาว นุ่ม ชวนหลงไหล (เดาว่าต้องหอมด้วย)
2 ผิวต้องขาว อันนี้ผมว่าธรรมดาก็ขาวกันอยู่แล้ว เอาเป็นว่าขาวนวลเนียนก็แล้วกัน
3 ช่วงหัวใหล่ต้องสวย คำว่าสวยคือไม่กว้างมากนัก ดูแล้วอรชรอ้อนแอ่น กำลังดี
4 อันนี้จุดสำคัญ คอ ครับ คอ ... คอต้องยาวสวย เหมือนคอหงส์

จะเห็นว่าชุดกิโมโน จะเปิดโชว์ให้เห็นช่วงต้นคอด้านหลัง เปิดมากเปิดน้อยก็แล้วแต่จะให้ยั่วยวนขนาดใหน
และสาวเจ้าก็จะแต่งหน้าทาแป้งซะให้ขาว ...
จะสวยแค่ไหนนี่ผมก็ไม่ทราบคงต้องถามคุณภูมิกันเอาเองละครับผม


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: ฝอยฝน ที่ 04 ก.พ. 02, 20:04
คุณ  Jor หาข้อมูลเก่งจังค่ะ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 06 ก.พ. 02, 06:25
ผมไม่ได้หาเองครับคุณฝน ไปหลอกถามสาวๆมา หุๆๆ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: อ้อยขวั้น ที่ 06 ก.พ. 02, 10:51
คุณ Jor หลอก (หาข้อมูลจาก) สาวๆ เก่งจังค่ะ อิอิ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 06 ก.พ. 02, 20:32
อีกหน่อยคุณ Jor จะรวบรวมเรื่องเล่าต่างๆ ที่ได้จากการหลอกหาข้อมูลจากสาวๆ ญี่ปุ่นเหล่านี้ เรียบเรียงเป็นหนังสือให้ชื่อว่า "คำให้การแฟนเก่า" ...
...แข่งกับหนังสือชื่อ "คำให้การชาวกรุงเก่า"  ที่แปลมาจากคำให้การที่พม่าจดปากคำของเชลยชาวไทยกรุงศรีอยุธยาที่พม่ากวาดต้อนไปคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 ...

อิอิอิ


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 07 ก.พ. 02, 04:31
อะจึ๋ย ... คุณนกข กระผมหลอกแค่ถามข้อมูลอย่างเดียวครับ
ฟงแฟนอะไรผมไม่มีครับ โสดครับผมเป็นโสด เพื่อนกันทั้งน้าน
... ขอเปลี่ยนเป็นคำให้การเพื่อนเก่าก็แล้วกันครับ (เพียงแต่เป็นเพื่อนผู้หญิงน่ะ)


กระทู้: กระจกของฮิมิโกะ
เริ่มกระทู้โดย: 1860 ที่ 11 มี.ค. 02, 01:38
กลัวญี่ปุ่นไม่ให้เงินกู้หรือ ยำเงินกู้ หรือไง กลัวกันจน...
หน้าละอายแท้พวกปอดแหก ....ปอดแหกกันแบบนี้..
ประเทศถึงเป็นทาสเขา  ...