เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: จ้อ ที่ 14 ม.ค. 01, 10:08



กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 14 ม.ค. 01, 10:08
เคยเรียนสมัยเด็กๆ
ว่าสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
/>
อยุธยาได้ส่งคณะฑูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส
/>
แต่ไม่ทราบว่าหัวหน้าคณะที่เดินทางมาเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
/>
หรือ The Sun King ที่พระราชวังแวร์ซายล์ ชื่อว่าอะไร
/>
เข้าใจว่าคือ เจ้าพระยาโกศาปาน ใช่หรือไม่ครับ ?
/>
ผมไม่ค่อยจะทราบลายละเอียดครับ... แหะๆๆ


/>
พอดีมีภาพของพระราชวังนี้มาฝาก เป็นภาพของ ห้องที่เรียกว่า

La
Galerie des Glaces หรือ Hall of Mirrors ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตก
/>
ของพระราชวัง ที่เลือกห้องนี้มาฝากก็เพราะว่าไกด์ชาวฝรั่งเศสบอกผมว่า
/>
คณะฑูตจากชาติต่างๆ ที่จะเข้าเฝ้า  The King pf France จะต้องเดินผ่าน
/>
ห้องนี้ซึ่งมีความยาวถึง 70 เมตร...



ผมก็หลับตานึกภาพ
คณะฑูตจากอยุธยาเดินผ่านห้องโถงอันยิ่งใหญ่

เข้าไปพบพระเจ้าหลุยส์
ในฐานะผู้แทนจากอณาจักรที่ยิ่งใหญ่แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา

เทห์จริงๆ
ครับ...

(ผมคาดว่าคงจะต้องเดินผ่านห้องนี้แหละครับ ... )
/>


อ้อ... ห้องนี้ยังเป็นที่ลงนามสนธิสัญญาแวร์ซายล์
/>
ในช่วงที่สงครามโลกครั้งที่1 สงบด้วยนะครับ
/>
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
src='http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW265x000.jpg'>


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 03 ม.ค. 01, 01:53
อีกรูปหนึ่ง ( อันนี้ถ่ายเอง อันข้างบนก็อปเขามา แหะๆๆ )

เป็น Courtyard ของพระราชวัง


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 03 ม.ค. 01, 01:59
ที่ชอบที่สุดก็คงเป็น สวนของพระราชวัง

น่าเสียดายที่ผมไปหน้าหนาวเลยไม่สวยเท่าไหร่

ไม่ทราบเหมือนกันว่า เมื่อสมัย 200 กว่าปีที่แล้ว

ตอนฑูตไทยมาเยี่ยม The Sun King จะเห็นสวยอย่างนี้หรือเปล่า



เอ... หรือว่าสมัยนั้นคณะฑูตไทยไม่ได้มาที่พระราชวังนี้ก็ไม่ทราบ

( เสียวหน้าแตกครับ ) .... ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าอยากให้ชมของสวยๆ งามๆ

บ้างก็แล้วกันครับ แหะๆๆ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 03 ม.ค. 01, 02:01
อีกรูปหนึ่งครับ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 03 ม.ค. 01, 02:12
รูปสวยจังค่ะ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 03 ม.ค. 01, 08:18
หัวหน้าคณะทูตคือพระยาโกษาปานครับ สมัยพระนารายณ์ระดับเจ้าพระยาหาทำยายากครับ พระองค์ท่านไม่โปรด manager ครับ ใช้ Sup. หลายคนทำงานแทน manager ครับ สนใจลองหาอ่าน การเมืองไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์ของ อ.นิธิ ดูนะครับ จะเห็นมุมมองที่แปลกไปอีกแบบ
ส่วนเรื่องราชทูตไทยกับฝรั่งเศสอยากให้ลองหาพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาอ่านดู อืม... มหัศจรรย์มากครับ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 03 ม.ค. 01, 08:51
มหัศจรรย์อย่างไรหรือครับคุณ CrazyHOrse ?
ผมอยู่ไกลบ้าน คงหาพงศาวดารอ่านลำบากครับ
ช่วยกรุณาเล่าย่อๆ ให้ฟังได้ใหมครับ
เพื่อท่านอื่นจะสนใจด้วย


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ม.ค. 01, 11:59
โกษาปานเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เมื่อพ.ศ. ๒๒๒๙  เดินทางตั้งแต่ปี ๒๘ ค่ะ
อ่านมติชนรายวันวันนี้  พบข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยย่อมาให้อ่าน
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ปรีดี พิศภูมิวิถี ซึ่งกำลังทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโททางประวัติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ค้นพบเอกสารไทย เขียนในสมุดไทยสีดำ ตัวดินสอสีขาว ในแผนกเอกสารตัวเขียน หอสมุดแห่งชาติ กรุงปารีส  เป็นเรื่องราวของราชทูตโกษาปารระหว่างเดินทาง เขียนเป็นนิราศ ใช้คำประพันธ์ประเภทกาพย์ มีความยาว  ๓๘ หน้า
ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญแห่งกองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ของกรมศิลปากรกำลังชำระอยู่ เสร็จไปประมาณ ๘๐% แล้ว
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
นับเป็นเอกสารสำคัญทางวรรณคดีและประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นมาก  นักวรรณคดีและประวัติศาสตร์คงได้คุยเรื่องนี้กันคึกคักอีกพักใหญ่
 ถ้าชำระเสร็จเมื่อไร จะไปหาข่าวคราวมาคุยเรื่องนี้กันในเรือนไทยค่ะ

มาคอยฟังคุณCrazy HOrse เล่าอีกคนค่ะ  ดิฉันมีหนังสือของอ.นิธิอยู่ที่บ้านอีก ๒ เล่มยังอ่านไม่จบ  เลยขอวางมาฟังคุณเล่าดีกว่า


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 03 ม.ค. 01, 23:56
การเมืองไทยสมัยพระนารายณ์ ของ อ. นิธิ อ่านจบแล้วครับ อืมมม.... เป็นอีกมุมมองหนึ่ง แตกต่างไปจากมุมมองเดิมเลย

เมืองฝรั่งเศส สำหรับคนไทยสมัยนั้น คงจะเป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีอะไรประหลาดพิสดารน่าทึ่งหลายอย่าง ผมคลับคล้ายคลับคลาว่ามีบันทึกประวัติศาสตร์ของไทย จะใช่พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาที่คุณ Crazy Horse อ้างถึงหรือไม่ ไม่แน่ใจ แต่บันทึกที่ว่านี้บรรยายภาพเมืองฝรั่งเศสและราชสำนักพระเจ้าหลุยส์เลอกรังด์ไว้พิลึกกึกกือ อ่านสนุกดีมาก แต่ไม่รู้เชื่อได้แค่ไหน ทั้งนี้ โดยอ้างว่าเป็นคำบอกเล่าของท่านโกษาปาน
ผมก็จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว จำได้เรื่องเดียวว่า ตามบันทึกนี้ พระเจ้าหลุยส์มหาราช สุริยกษัตริย์ ทรงมีสมบัติแก้งจักรพรรดิอยู่ 3-4 ดวง เป็นแก้วทับทิมบ้าง มรกตบ้าง ฯลฯ สรุปว่าเป็นแก้วสีต่างๆ ว่างั้นเถอะ เวลาเช้าขึ้นมาก็ทรงแก้วดวงหนึ่งสีหนึ่ง แก้วดวงนั้น ลูกใหญ่มหึมาและมีรัศมีโชติช่วงมาก สมมติว่าเวลานั้นได้เวลาที่จะทรงทับทิม แสงแก้ว (โคตร) ทับทิมก็จะจับพระองค์แดงงามไปทั้งองค์ และทั้งห้องที่ประทับด้วย อีกเวลาหนึ่งก็เปลี่ยนทรงแก้วยักษ์อีกดวง รัศมีแก้วก็เปลี่ยนสีฉลองพระองค์และห้องที่ประทับไปได้ทั้งห้องอีกเหมือนกัน


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 04 ม.ค. 01, 00:03
ดูเหมือนบันทึกฝ่ายไทยนี้ (น่าจะเขียนขึ้นในชั้นหลัง อาจจะหลังสมัยพระนารายณ์ไปนานแล้ว) นอกจากจะเขียนแสดงความทึ่งฝรั่งแล้ว ยังเขียนให้ฝรั่งมาทึ่งไทยไว้ด้วย
ตามเรื่องที่ไทยเขียน ไม่ทราบว่ามีในหลักฐานฝรั่งเศสด้วยหรือเปล่า แต่คงไม่มี ทหารไทยที่ไปในคณะราชทูตครั้งนี้ ได้มีโอกาสแสดงวิทยาคมของไทยหน้าพระที่นั่งพระเจ้าหลุยส์ด้วย คือนั่งให้ทหารฝรั่งเศสเอาปืนยิง และใช้อำนาจอาคมทำให้ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก หรือยิงพลาดไป โดยทหารไทยไม่เป็นอันตราย
เรื่องนี้จะจริงเท็จแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ปรากฏอยู่ในบันทึกทางไทย และ อ. คึกฤทธิ์ได้เอามาเป็นเค้าแต่งเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งของท่าน ชื่อเรื่อง ลองของ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นกข. - อีกรอบ (อองกอร์) ที่ 04 ม.ค. 01, 00:17
ผมมานั่งนึกๆ ดูด้วยความฟุ้งซ่านประจำตัวของผมเอง (ซึ่งจะเอาเป็นหลักฐานอะไรไม่ได้เด็ดขาด) แล้ว เห็นว่า ถ้าสมมติเรื่องทหารไทยท้าให้กองทหารฝรั่งเศสยิงเป็นการลองวิชานี้ จะเป็นเรื่องจริง กองทหารฝรั่งเศสกองไหนจะเป็นกองที่มีบทบาทในเรื่องนี้ได้บ้าง?
ผมจำไม่ได้แล้วว่า ในเรื่องสั้น ลองของ ของอาจารย์คึกฤทธิ์ ท่านแต่งให้เป็นกองทหารกองไหน เดาว่าเป็นทหารแม่นปืน
เดาต่อไปว่า น่าจะเป็นกองทหารที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้เป็นกองทหารรักษาพระองค์ รับใช้ใกล้ชิดองค์พระเจ้าหลุยส์ สมัยนั้นปืนที่ใช้กันก็น่าจะเป็นปืนคาบศิลา หรือปืนยาวรุ่นโบราณ ซึ่งเรียกว่า ปืน Musket ทหารเหล่าที่ถือปืนแบบนี้ และเป็นเหล่าที่รับใช้ใกล้ชิดประจำพระองค์ เรียกกันว่า... Musketeers และทหารเสือมัสเกเตียร์คนที่โลกรู้จักดีที่สุดเพราะงานเขียนของอเลกซองดร์ ดูมาส์ นั้น คือหนุ่มห้าวชาวกาสกอญที่ชื่อว่า ดาตาญังนั่นเอง

ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด รัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์เลอกรังด์ สุริยกษัตริย์ นั้น มาก่อนรัชสมัยในเรื่องสามทหารเสือของดูมาส์ แปลว่าอาจจะเป็นรุ่นพ่อหรือปู่ของสามทหารเสือ ที่ได้มีบทบาทสาธิตวิชาอาคมของทหารไทยในครั้งนั้น

โกษาปานจึงถูกลากมาเกี่ยวกับดาตาญังได้ด้วยประการฉะนี้แลฯ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 04 ม.ค. 01, 08:18
ใช่ที่คุณนกข.เล่าเลยครับ แต่ที่ทหารไทยต้องแสดงวิทยาคมเป็นเพราะว่าฝรั่งเศสเปิดโชว์ให้ทหารยืนกันสองแถวหันหน้าเข้าหากันแถวละ ร้อยกว่าสองร้อยคนนี่แหละครับ(จำได้ไม่แม่น) แล้วผลัดกันยิงกรอกปากกระบอกปืนกัน ไม่มีใครพลาดเลย ว่าแล้วเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็ถามราชทูตไทยทำนองว่าอย่างนี้พวกทหารไทยคงทำไม่ได้ใช่ไหม ราชทูตของเราก็เลยว่าทหารไทยเราไม่ทำกันอย่างนี้หรอก เพราะเรามีวิชาดี เจ้ากรุงฝรั่งเศสจึงขอให้แสดงให้ดูหน่อย ราชทูตไทยว่าผู้มีวิชาไทยเราจะให้อยู่ในกองทัพ ไม่อยู่ในคณะทูต แต่ในคณะนี้ยังพอมีมือรองอยู่บ้าง จะแสดงให้ดู
รอบแรกผู้ถูกปลุกเสก 19 คนก็นั่งให้ทหารฝรั่งเศส(เข้าใจว่าชุดเดิม)ยิง ปรากฎว่ายิ่งไม่ออก รอบสองให้ยิงออกแต่ยิงไม่เข้าบ้างแคล้วคลาดบ้าง เล่นเอาฝรั่งเศสอึ้งไปเลยครับ ฮ่าฮ่าฮ่า
ความจริงยังมีเกร็ดอีกหลายเรื่องในส่วนนี้ ค่อยๆเล่าแล้วกันนะครับ เรื่องอย่างนี้ที่จริงก็เป็นเรื่องเล่าที่ดูปกติสำหรับเมืองไทย แต่ที่แปลกคือมันอยู่ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาของพระจอมเกล้า เท่าที่อ่านดูตั้งแต่ช่วงพระนเรศวรมาเรื่องราวค่อนข้างจะพิศดาร(ทั้งละเอียดทั้งแปลก) ก็ต้องลองหาอ่านดูเองล่ะครับถึงจะสนุกเร้าจาย


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 04 ม.ค. 01, 12:50
ที่ว่าทหารแม่นปืนฝรั่งเศสโชว์ความแม่นปืนให้ราชทูตไทยดูนั้น
ผมเคยอ่านผ่านๆ (จำไม่ได้ว่าหนังสือเล่มไหน เมื่อคืนไปลองค้นดูแล้วหาไม่เจอ)
เค้าวิเคราะห์ว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่ทหารแม่นปืน จะแม่นขนาดยิงกรอก
ปากกระบอกปืนกันได้ทุกคน หรือหากเป็นไปได้ ปืนของคนที่อยู่ตรงข้ามก็น่าจะเสียหาย
เรื่องนี้จึงเป็นว่า ฝรั่งเศสลวงไทย โดยใช้ปืนที่บรรจุเพียงดินดำอย่างเดียว
ไม่ได้บรรจุกระสุน เหมือนกับการยิงสลุต  หรืออีกนัยหนึ่ง สมัยนั้นไทยยังไม่รู้จัก
ประเพณีการยิงสลุตต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง พอเห็นว่าทหารฝรั่งเศสยิงสลุตให้
ก็ตกใจนึกว่าทหารฝรั่งเศสเป็นนักแม่นปืนมือฉมัง  เลยคิดหาวิธีแก้ลำ
เหมือนดังที่ CrazyHOrse ได้เล่าไว้ข้างต้น  

มีเกร็ดเสริมของคุณ CrazyHOrse นิดนึงครับ ตอนที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส
ถามราชทูตไทยว่า  (ผมใช้ทำว่าไทยนะครับดูง่ายดี) เมืองไทยมีทหารที่มีความสามารถ
อย่างนี้หรือไม่ ราชทูตไทยคิดว่าหากทำเป็นตื่นเต้น หรือตกใจในความสามารถ
ฝ่ายฝรั่งเศสจะได้ใจ และความคิดที่จะแสดงพระบรมเดชานุภาพของพระนารายณ์ให้ปรากฎ
จึงได้ตอบแบบตัดไม้ข่มนามในเชิงว่า วิชาอย่างนี้เมืองไทยไม่นิยม แต่จะส่งเสริมคนที่
คงกระพันชาตรีฟันไม่เข้ายิงไม่ออกมากกว่า ทำให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสไม่พอพระทัย
คิดว่าไทยอวดตัว ราชทูตไทยจึงเสนอว่าจะแสดงให้ประจักษ์ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้
ทัดทานไว้หลายครั้ง เนื่องจากเกรงว่าฝ่ายไทยจะเป็นอันตราย แต่ในที่สุดก็ได้ทรงอนุญาต


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 04 ม.ค. 01, 18:05
เห็นด้วยกับคุณแจ้ง ใบตองครับเรื่องยิงกรอกปากกระบอกปืนนี่ฝรั่งหลอกแหงๆ
เท่าที่ทราบมา ผมคิดว่าปืนสมัยก่อนนั้นมีประสิทธภาพต่ำ ไม่เหมือนกับสมัยนี้
ต่อให้ทหารที่แม่นปืนขนาดใหนก็ยากที่จะควบคุมได้
เวลารบกันสมัยก่อนถึงต้องให้ Musketeers มายืนเรียงกันเป็นแถว
อาศัยยิงทั้งหมู่ครับ เพราะยิงคนเดียวยังไงก็ไม่โดน ต้องเอายิงมากๆ เข้าว่า
( นอกเรื่องนิด รู้สึกว่ากลยุทธ์นี้ชาวญี่ปุ่นเป็นคนใช้ครั้งแรก โดย นาบูนาแงะ
ตอนทำสงครามกับกองทัพม้า ช่วงสงครามกลางเมือง และฝรั่งเอาอย่างบ้าง)

ผมเลยคิดว่า ราชทูตไทยอาจจะทราบว่าฝรั่งอำ เลยอำกลับก็เป็นได้ครับ
ฟังแล้วสนุกมากครับ ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังครับ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 04 ม.ค. 01, 18:24
ถ้าไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างอำกันไปมา ก็เป็นไปได้อีกทางหนึ่งว่า จริงๆ แล้วเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเลย แต่ผู้เขียนพงศาวดารซึ่งเป็นคนไทยยุคหลังใส่เข้าไปเองให้สนุกตื่นเต้น ทำนองเดียวกับเรื่องนางนพมาศ ซึ่งอาศัยเค้าโครงที่มีอยู่จริง แต่แต่งเติมเสริมต่อเข้าไปมากจนกลายเป็นนิทาน
คงจะต้องตรวจสอบทานกับหลักฐานฝรั่งเศสและหลักฐานอื่นๆ ที่เป็นอิสระแก่กันก่อนจะเชื่อว่า เป็นจริงหรือไม่ แค่ไหน


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นางในหมอก ที่ 05 ม.ค. 01, 05:08
ขออ่านอย่างเดียวเจ้าค่ะ
เอ สมัยก่อนโน้นกว่าจะเดินทาง
ไปถึงฝรั่งเศส พระยาโกษาปาน
คงเมาเรือน่าดู คิก คิก

รูปถ่ายสวยมากๆ ค่ะ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 05 ม.ค. 01, 08:09
เห็นด้วยกับคุณนกข.ครับ ผมว่าคนไทยอำคนไทยกันเองมากกว่า บันทึกในเรื่องนี้ของไทยกับฝรั่งเศสผิดกันลิบลับครับ ฝรั่งนั้นมีวัฒนธรรมการบันทึกที่ลงตัวแล้วในเวลานั้น ของแถบเราพงศาวดารมักเขียนย้อนหลัง พงศาวดารพม่าบางฉบับเล่าย้อนหลังกันเป็นพันปีก็มีครับ คงเอานิยายอะไรมากไม่ได้
สำหรับคุณนางในหมอก ในพงศาวดารไทยเล่าว่าการเดินทางนี้เรือของคณะทูตไปติดอยู่ในวังวนใหญ่กลางทะเลครับ(นึกภาพไม่ออกเหมือนกัน) เรือวนอยู่รอบวังวนอยู่ ๓ วัน ๓ คืนก็ยังไม่จมลงไปเสียที ราชทูตจึงบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าถ้าสยามกับฝรั่งเศสมีวาสนาจะได้เจริญสัมพันธไมตรีขอให้เรือพ้นจากวังวนนี้เถิด เรือจึงพ้นมาได้ พอไปถึงฝรั่งเศสพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็ทึ่งตามเคยครับว่าไทยรอดมาจากวังวนนั้นได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็มีมูลความจริงอยู่บ้าง ผมเคยอ่านเจอผ่านๆว่าคณะทูตไทยเจอเอาพายุกลางทะเล รายละเอียดจำบ่ได้แล้ว ใครรู้ละเอียดรบกวนเล่าด้วยครับ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 05 ม.ค. 01, 17:50
จากความจำซึ่งไม่ปะติดปะต่อและอาจไม่แม่นยำนะครับ

คณะทูตไทยไปเจริญสัมพันธไมตรีกับมหาอำนาจยุโรป มีไปหลายคราว และดูเหมือนมีคราวหนึ่ง (ไม่ใช่ครั้งโกษาปาน) ที่ทูตไทยไปเจอพายุเรือแตกเอาจริงๆ แต่ตัวทูตรอดมาขึ้นฝั่งได้ ดูเหมือนจะแถวๆ แอฟริกา แหลมกูดโฮปหรือไงนี่แหละ

ธรรมเนียมไทยโบราณเวลาส่งทูต จะมีไปเป็นคณะ 3 คน ไม่นับพนักงาน เจ้าหน้าที่ ทหาร เสมียน ล่าม ฯลฯ นะครับ ที่เป็นตัวทูตแท้นั้นมีราชทูต เป็นที่ 1 อุปทูตเป็นที่ 2 และตรีทูต เป็นที่ 3

คำว่าราชทูต เรายังใช้อยู่จนเดี๋ยวนี้ในคำ เอกอัครราชทูต อัครราชทูต และอัครราชทูคที่ปรึกษา ซึ่งเทียบแปลเป็นฝรั่งว่า Ambassador, Minister, และ Minister-Counsellor ตามลำดับ มีนักแปลบางท่าน มีมติว่า คำเหล่านี้ควรใช้แต่กับประเทศที่มีกษัตริย์ ถ้าเป็นทูตจากประเทศสาธารณรัฐ ผมเห็นบางทีก็แปลกันว่า เอกอัครรัฐทูต แต่ผมเอง มีความรู้สึกส่วนตัวว่าคำว่าเอกอัครราชทูต อัครราชทูต และอัครรราชทูตที่ปรึกษา เป็นคำทั่วไปไปแล้ว ไม่ต้องแปลว่าทูตเฉพาะของพระราชาก็ได้

อุปทูต ก็ยังเป็นคำที่ใช้อยู่ แต่ความหมายเปลี่ยนไปบ้าง อุปทูตเดิมเป็นตำแหน่งที่สองในคณะทูต เดี๋ยวนี้ ตำแหน่งที่สองในสถานทูตก็แล้วแต่ว่าจะเป็นสถานทูตเล็กหรือใหญ่ บางที่อาจจะเป็นอัครราชทูต บางที่อาจจะเป็นที่ปรึกษา สถานทูตบางแห่งของบางประเทศเล็กมากๆอาจจะมีแต่ตัวเอกอัครราชทูตกับเลขาเอกเท่านั้น เลขาเอกก็เป็นเบอร์สอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตำแหน่งเบอร์สองอย่างนี้ ไม่เรียกว่าอุปทูต อุปทูต คือผู้รักษาการทำการแทนเอกอัครราชทูต เมื่อทูตไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ จึงจะเรียกเบอร์สอง หรือเบอร์รองๆ ลงไป (ถ้าหากเบอร์สองก็เผอิญไม่อยู่) ว่า อุปทูต คือเป็นตำแหน่งชั่วคราวไม่ใช่ตำแหน่งประจำ อุปทูตในความหมายปัจจุบันนี้ ตรงกับภาษาฝรั่งว่า Charge d' affaires

ในบางครั้งเมื่อสถานการณ์ไม่ปกติ หรือความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศไม่ปกติ อาจจะมีการเรียกทูตกลับหรือไม่มีการส่งตัวทูตไปประจำเมืองหลวงอีกฝ่าย ผู้แทนทางการทูตที่ทำหน้าที่อยู่ก็เป็นอุปทูต ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็อุปทูตโคจาของซาอุดิอารเบียไงครับ การที่เขาไม่ยอมส่งเอกอัครราชทูตมาเมืองไทย ก็เพราะเขายังโกรธไทยอยู่

ที่ผมสนใจมากที่สุด คือ คำว่า ตรีทูต ซึ่งเป็นตำแหน่งทูตที่สามในคณะทูตไทยโบราณ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว ผมยังไม่เข้าใจว่า ทำไมคำว่าตรีทูตในชั้นหลังนี่จึงกลายไปเป็นหมายความว่าโคม่า ใกล้จะตาย ไปได้ อย่างที่พูดว่า อาการเข้าขั้นตรีทูตแล้ว งงครับ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 05 ม.ค. 01, 18:05
ถามเอง เดาเอง ว่า มาจากพุทธประวัติตอนเจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็น "เทวทูต 4"  จำแลงมาสื่อ หรือมาเตือน ให้ทรงระลึกได้ถึงความจริงแห่งชีวิต (หลังจากถูกพระราชบิดาพยายามวาดภาพชีวิตให้มีแต่สิ่งน่ารื่นรมย์เป็นโลกียสุขอยู่นาน) และดำริจะออกบวช คือ
คนแก่ 1 คนเจ็บ 1 คนตาย 1 และสมณะ 1
คนตายที่เจ้าชายสิตธัตถะได้เห็นนั้น เป็นทูตหมายเลข 3 ... คือตรีทูต
เดาเอานะครับ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ม.ค. 01, 18:18
เปิดพจนานุกรมของราชบัณฑิตยฯ  ให้ความหมาย"ตรีทูต" ว่า ผู้แทนคนที่ ๓ (นี่คงจะหมายถึงตำแหน่งทูต),  ลักษณะบอกอาการของคนเจ็บหนักใกล้จะตาย( คืออาการขั้นตรีทูต)
เคยได้ยินคุณแม่พูดว่า เข้าขั้นชักกระตุกตรีทูต  คงเป็นอาการขั้นที่ ๓ ของคนป่วยหนัก   แต่อาการขั้น ๑ และ ๒ เป็นยังไงไม่ทราบ

แต่อ่านคำสันนิษฐานของคุณนกข.แล้ว  เข้าเค้ามากค่ะ  

ย้อนมาถึงตำแหน่งทูต    เคยมีขุนนางท่านหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๖  มีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอนุทูต   คิดว่าท่านคงเป็นอุปทูต

ขอถามเป็นความรู้  ในสถานทูตใหญ่ๆอย่างสหรัฐอเมริกาหรืออังกฤษ  ข้าราชการสถานทูตไทย มีตำแหน่งเรียงลำดับจากหนึ่งไปถึงสุดท้าย อะไรบ้างคะ
ดิฉันเคยเขียนจดหมายถึง "ที่ปรึกษาการศึกษา" ที่สหรัฐ  ตำแหน่งนี้อยู่ในลำดับไหนคะ และมีหน้าที่อะไร?


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นางในหมอก ที่ 05 ม.ค. 01, 19:57
มาอ่านต่อเจ้าค่ะ  
เรื่องการเดินทางในอดีตของไทย เป็นเรื่องราว
น่าสนใจมากทีเดียว
เคยอ่าน เรื่องตามเสด็จไกลบ้าน
อ่านแล้วอยากเดินทางไปตามหาเรื่องราวใน
อดีตอย่างนั้นบ้างจัง


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 05 ม.ค. 01, 21:26
ลำดับอาวุโสของตำแหน่งทางการทูตที่ใช้กันเป็นสากล และไทยก็รับมาด้วยนี้ เป็นดังนี้ครับ
เอกอัครราชทูต Ambassador
(ถ้าไม่อยู่ ผู้รักษาการแทน ทำการแทน ไม่ว่าจะมีตำแหน่งของตัวจริงๆ ระดับไหนอยู่ เรียกว่า อุปทูต) ระบบซีของเรา กพ. กำหนดให้เป็นระดับ ซี 10 เท่าอธิบดี รองปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด
อัครราชทูต Minister ในที่นี้ไม่ได้แปลว่ารัฐมนตรีครับ นอกจากนั้น  มินิสเตอร์แปลว่านักบวชในศาสนาคริสต์อย่างหนึ่งก็ได้อีกด้วย กพ. ให้เท่ากับซี 9 เท่ารองอธิบดี
อัครราชทูตที่ปรึกษา Minister-Counsellor เป็นข้าราชการชั้นซี 8 เท่ากับระดับผู้อำนวยการกอง
ที่ปรึกษา Counsellor เป็นซี 7
เลขานุการเอก First Secretary อย่างผม เป็นซี 6 เลขาโท Second Secretary เป็นซี 5 เลขาตรี Third Secretary เป็นซี 4 ภาษาลาวดูเหมือนจะเรียกเลขานุการที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม ไม่เรียกเอก โท ตรี
ตำแหน่ง First Secretary เป็นแค่ชื่อตำแหน่งเท่านั้นเอง ไม่ได้แปลว่าผมเป็นนักพิมพ์ดีดหมายเลขหนึ่งแต่อย่างใด
ซี 3 ปกติสมัยนี้เราไม่ส่งออกประจำการต่างประเทศครับ แต่ถ้ามี ก็จะเรียก Attache แอตตาเช่ ก่อนนี้เคยเห็นเรียกกันว่า นายเวร หรือผู้ช่วยเลขานุการ แต่เดี๋ยวนี้เลิกใช้คำนั้นแล้ว
นี่ว่ากันเฉพาะราชการฝ่ายกระทรวงต่างประเทศนะครับ สถานทูตแต่ละแห่งไม่จำเป็นต้องมีบุคลากรเต็มตามตำแหน่งทุกตำแหน่งเสมอไป บางที่ก็มีอยู่เพียง 3-4 คนเท่านั้นเองรวมตัวทูตแล้วด้วย

ทีนี้ ราชการฝ่ายกระทรวงอื่นๆ ที่มาทำงานร่วมกับเราในสถานทูต
ทางทหาร ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบกเรืออากาศ (บางประเทศมีไม่ครบสามเหล่า) ต้องเป็นนายทหารยศพันเอกหรือเทียบเท่า รองผู้ช่วยทูตทหาร (บางแห่งไม่มี) ต้องเป็นพันโทหรือเทียบเท่า ที่เรียกว่า "ผู้ช่วย" ทูตฝ่ายทหาร นี้ เป็นตำแหน่งสูงสุดแล้วนะครับของฝ่ายทหารประจำสถานทูตนั้นๆ คือตรงกับที่แต่ก่อนเคยเรียกว่า "ทูตทหารๆ" นั่นเอง ชื่อตำแหน่งจริงๆ นั้นคือ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร มีความหมายโดยนัยว่า ตัวท่านทูตจริงๆ นั้น คือเอกอัครราชทูต แล้วท่านผู้การทูตทหารเหล่านี้ก็เป็นผู้ช่วยของท่านทูต ในกิจการทางทหาร
นอกจากนั้น เรามีข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ เกษตร คลัง วิทยาศาสตร์ กพ. แรงงาน ... มีอะไรอีกก็ไม่แน่ใจ ไปประจำอยู่ในสถานทูตไทยบางแห่งด้วย แต่ละท่านเหล่านี้ก็รับผิดชอบความสัมพันธ์ไทยกับประเทศนั้นๆ ในด้านของท่าน
ข้าราชการเหล่านี้ตำแหน่งอาวุโสระดับไหนก็เป็นไปตามอัตรากำลังที่ กพ. และต้นสังกัดกำหนด เช่น ที่เราเรียกกันเล่นๆ ว่า "ท่านทูตพาณิชย์ๆ"  นั้น ในสถานทูตบางแห่งเป็นซี 7 ท่านก็จะเป็นที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ บางที่เป็นซี 8 ก็เป็นอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์
อย่างที่วอชิงตันนั้น ที่ปรึกษาฝ่ายการศึกษา ไปจาก กพ. ครับ คือเราให้ กพ. ดูแลนักเรียนทุนรัฐบาลและข้าราชการที่ไปศึกษาที่นั่น รวมไปถึงนักเรียนทุน พก. ที่ฝากให้ กพ.ดูด้วย แล้วเราก็เรียกตำแหน่งท่านให้ฝรั่งเข้าใจได้ง่ายๆ ว่าเป็นที่ปรึกษาสถานทูตฝ่ายการศึกษา ทั้งๆ ที่ท่านไม่ได้มาจากกระทรวงศึกษา เพราะจะเรียกว่าเป็นที่ปรึกษาฝ่าย Civil Service ซึ่งดูแลนักเรียนทุนรัฐบาลและข้าราชการที่ลาศึกษา... ก็จะยาวและฝรั่งจะงงเสียเปล่าๆ
ดูจากชื่อ แปลว่าท่านเป็น Counsellor คือเป็น ซี 7 แต่ผมเข้าใจว่านี่เป็นตำแหน่งเก่า เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้ตำแห่งนี้เป็นอัครราชทูตที่ปรึกษา คือ ซี 8 แล้ว


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 05 ม.ค. 01, 21:40
มีบางที่ที่ "ท่านทูตพาณิชย์" เป็นซี 9 เพราะเป็นสถานทูตที่มีความสำคัญทางการค้าสูง ก็เป็นอัครราชทูต (ฝ่ายพาณิชย์)
ตำแหน่งเดียวในต่างประเทศเวลานี้ที่ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ดำรงตำแหน่งระดับ 10 (เอกอัครราชทูต) อยู่ คือ ตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก ที่เจนีวา

เรื่องตำแหน่งต่างๆ ในต่างประเทศนี้ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจปี 40 รัฐบาลก็ประหยัด โดยปรับลดอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ในต่างประเทศลง ปิดสำนักงานของบางกระทรวงในบางประเทศลงไปบ้างก็มีครับ แล้วก็ลดเงินที่ให้พวกผมที่นี่ลงไปด้วย ค่าเช่าบ้านในต่างประเทศถูกปรับลดลง 30 % ทั่วโลก ก็ทำให้เราต้องย้ายบ้านกันบ้าง หรือคนมาใหม่ก็หาบ้านยากขึ้นหรือได้บ้านเล็กลง แต่เราก็เข้าใจ เพราะประเทศของเรากำลังแย่ ต้องช่วยๆ กัน


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: อยากรู้ ที่ 06 ม.ค. 01, 01:12
ขอแจมหน่อยค่ะ แล้วอย่างคุณศุพชัย พาณิชภักดิ์ ถ้าสะกดนามสกุล
ผิดก็ขออภัยด้วย จะไปเป็น ผอ องค์การค้าโลก จริงๆ มันก็น่าจะเกี่ยว
กับเศรษฐศาสตร์มากกว่า ไม่ทราบว่าเป็นซีอะไรคะ เห็นคุนนกข เอ่ย
ไปเรื่องตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก ที่เจนีวา


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 08 ม.ค. 01, 18:26
ประเด็นหลุดจากเรื่องราชทูตสมัยโกษาปานไปเป็นเรื่องสมัยปัจจุบันไปแล้ว ขออภัยเจ้าของกระทู้ด้วยครับ

ท่านอดีตรองนายกฯ ศุภชัย ไม่ได้เป็นซีอะไรทั้งสิ้นครับ เพราะตำแหน่งที่ท่านกำลังจะได้มาเป็นนั้น ไม่ใช่ตำแหน่งในระบบราชการไทย ท่านกำลังจะมาเป็น ผอ.ใหญ่องค์การการค้าโลก ซึ่งเป็นตำแหน่งขององค์การระหว่างประเทศ ถือว่าเมื่อท่านมารับตำแหน่งนี้ท่านก็จะกลายเป็นคนของโลก ไม่ใช่คนของประเทศไทยประเทศเดียว
ผมเห็นด้วยว่าตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ WTO ควรรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์ แต่ท่านศุภชัยก็มีพื้นความรู้ด้านนี้มาด้วยไม่ใช่หรือครับ

เมื่อท่านศุภชัยมาเป็น ผอ. WTO แล้ว ตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรของไทยประจำองค์การ WTO ก็ยังคงมีอยู่ เพราะเป็นคนละส่วนกัน ท่านทูตไทยประจำ WTO เป็น ซี 10 ทำหน้าที่ให้รัฐบาลไทย ทำงานคนละด้าน (แต่เกี่ยวเนื่องกัน) กับท่าน ผอ.ศุภชัย ซึ่งทำงานให้องค์การ หรือให้รัฐสมาชิกทั้งหมด


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: คนถาม ที่ 09 ม.ค. 01, 00:59
ใช่ใช่ รู้ว่าคุณศุพชัยอดีตเคยเป็นเด็กทุนแบงค์ชาติ เป็นคนเก่ง นิสัยดี เรื่องนิสัย
ไม่รู้นะคะ พอดีคนรู้จักเค้ารู้จักคุณศุพชัยก็เลยทราบว่าตัวจริงแกค่อนข้าง
nice มาก ข่าวคือถ้าปชปได้เสียงข้างมาก คุณศุพชัยจะเป็นที่ปรึกษาให้
แต่ก็ ทรท ชนะ แต่ก็มีข่าวลืออีกว่า ทรท ขอเชิญตัวคุณศุพชัยไปเป็นที่ปรึกษา
แต่เค้าไม่ตอบว่าอะไร เพราะบอกว่าตำแหน่งที่เค้าจะไปทำในอีก สองปีข้างหน้านี้
ก็ทำเพื่อประเทศด้วยนอกจากทำเพื่อตัวเค้าเอง

ขอบคุณ คุณนกข อีกครั้งค่ะ แล้วก็ขอโทษเจ้าของกระทู้ด้วย พอดีอยากอ่าน
ประวัติคุณศุภชัยเหมือนกัน แต่หาอ่านไม่ได้


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 09 ม.ค. 01, 07:46
ขออภัยเจ้าของกระทู้อีกทีครับ
ประวัติคุณศุภชัย กระทรวงพาณิชย์น่าจะมีครับ
ลืมเรียนข้อเท็จจริงที่น่าสนใจไปว่า ท่านทูตไทยประจำ WTO ท่านปัจจุบัน เป็นสุภาพสตรีครับ

...............
กลับไปสมัยพระนารายณ์นะครับ เจ้าของกระทู้คงเซ็งแย่แล้วที่ผมลากกระทู้ท่านไปไกลขนาดนี้

เรื่องพายุพัดเรือราชทูตไทย ไม่มีใครมีเรื่องรายละเอียดต่อเลยหรือครับ ผมอยากทราบ
ครั้งโกษาปานไปฝรั่งเศสนั้น บันทึกว่าเจอลมพายุเข้าบ้างเหมือนกัน แต่รอดมาได้ เรือไม่ล่ม (ตามที่ว่ามีการบนบาลศาลกล่าวตั้งสัตยาธิษฐานกันด้วย)
แต่ครั้งที่เรือแตกจริงๆ นั้น ไม่แน่ใจว่าครั้งไหน แต่ไม่ใช่ครั้งที่โกษาปานไปแน่ คลับคล้ายคลับคลานะครับว่า เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ คอนสแตนติน ฟอลคอน ที่ร่วมสมัยกับโกษาปานนั้น เคยได้มีส่วนช่วยขุนนางไทยที่ออกไปราชการแล้วเรือแตก จะเป็นทูตหรือไม่ ไม่แน่ใจ ขุนนางไทยที่ฟอลคอนช่วยไว้นั้นมีส่วนชักนำให้ฟอลคอนเข้ามาสู่ราชสำนักสยามด้วย
............

เรื่องแก้วดวงใหญ่เหลือเชื่อที่ทำให้องค์พระเจ้าหลุยส์แดงไปทั้งองค์ ทั้งห้องด้วยนี่ คุณจ้อไปเห็นแวร์ซายล์มาแล้ว (ผมยังไม่ได้เห็น) เป็นไปได้ไหมครับว่าคนไทยที่เขียนบันทึกสมัยหลังสับสนกับ "ห้องเขียว" / "ห้องแดง" / "ห้องฟ้า" ฯลฯ ที่วังฝรั่งมักจะมี ที่สถาปนิกกำหนดให้ใช้สีนั้นๆ แต่งห้องทั้งห้อง โดยไม่เกี่ยวกับเพชรพลอยที่พระเจ้าหลุยส์ทรงแต่อย่างใด แวร์ซายล์มีห้องแบบนี้ไหมครับ
.............
เครื่องแบบราชทูต อุปทูต ตรีทูต สมัยนั้น ผมคงไม่มีวาสนาจะได้ใส่ในสมัยนี้แล้ว เพราะทูตสมัยนี้ก็แต่งตัวชุดสากลธรรมดา (หรือในบางโอกาสอย่างที่จะแปลกบ้างก็อาจจะตอนแต่งชุดขาวข้าราชการ) แต่ดูในรูปเขียน ทูตสมัยโกษาปานใส่ชุดคล้ายๆ พระยาแรกนาสมัยนี้ สวมครุย สวมลอมพอกหรืออะไรคล้ายๆ ชฎาด้วย
เมื่อไม่เกินร้อยปีมานี้เอง ข้าราชการฝ่ายการทูตของไทยมีเครื่องแบบแปลกประหลาดพิเศษไปกว่าขุนนาง เอ๊ยข้าราชการไทยอื่นนะครับ ผมหมายถึงสมัยราวๆ ร.5/ ร. 6 ครั้งนั้นเป็นสมัยล่าอาณานิคม มีความจำเป็นที่เราต้องทำตัวให้ฝรั่งเขาไม่ดูถูกแล้วก็หาเรื่องยึดเราเป็นเมืองขึ้น วิธีการที่จะไม่ให้ฝรั่งดูถูกก็คือ จำเป็นต้องทำอะไรที่เหมือนๆ ฝรั่ง เพราะฝรั่งสมัยนั้นหลายคนใจแคบ อะไรที่แปลกประหลาดไปจากของเขา เขาเห็นเป็นป่าเถื่อน ดังนั้น ราชทูตสยามจะแต่งตัวมีเอกลักษณ์ไทยแบบสมัยโกษาปานไม่ได้แล้ว เขาจะหาว่าป่าเถื่อนเอา ดังนั้นเครื่องแบบทูตสยามก็ลอกเครื่องลิเกฝรั่งมาเลย คือเครื่องแบบขุนนางชั้นสูงในราชสำนักฝรั่ง มีแม้แต่หมวกพู่ ทรงที่ไทยแต่ก่อนท่านเรียกว่า หมวกอุศเรนด้วย
นึกดูผมก็ออกจะดีใจทีไม่จำเป็นต้องแต่งเครื่องแบบนั้นแล้วในสมัยนี้... แต่ก็ยังแต่งตัวลอกฝรั่งมาอยู่ดี เพียงแต่วิลิศมาหราน้อยลง แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่เรียกว่าเครื่องฝรั่ง เขาเรียก เครื่องชุด "สากลนิยม" แทน


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ม.ค. 01, 09:08
ชุดที่โกษาปานแต่งเป็นเครื่องแบบเต็มยศของข้าราชการสมัยอยุธยาค่ะ  ส่วนที่สวมบนศีรษะเรียกว่าลอมพอก
ข้าราชการรัตนโกสินทร์ยังคงรับสืบทอดมา ตรงเสื้อผ้าโปร่งสวมทับ ที่เราเรียกว่าเสื้อครุย  แต่ไม่สวมลอมพอกแล้ว
เสื้อครุยข้าราชการนี่เองก็กลายมาเป็นชุดรับปริญญาของบัณฑิตจุฬาฯ ซึ่งก่อกำเนิดขึ้นมาตอนแรกเป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือน   ส่วนเสื้อครุยธรรมศาสตร์ ได้แบบมาจากบัณฑิตฝรั่ง  
เสื้อครุยบัณฑิตฝรั่งก็ไปได้แบบมาจากเสื้อคลุมพระบาทหลวงอีกทีหนึ่ง เพราะตั้งแต่ยุคกลาง ผู้เล่าเรียนเขียนอ่านเป็นบัณฑิตได้ก็มีแต่พวกพระบาทหลวง
ย้อนกลับมาอีกที  
ตอนราชทูตไทยไปอังกฤษสมัยร. ๔ ก็ยังแต่งครุยชุดโกษาปานนี่แหละ แต่ไม่มีลอมพอก สวมหมวกแทน  ราชทูตสวมหมวกปีกกว้างแบบพระมาลาของร. ๑ ตามพระบรมราชานุสาวีรย์เชิงสะพานพุทธ   ส่วนทูตและผู้ติดตามรองลงมาสวมหมวกหูกระต่ายเหมือนพวกที่แต่งชุดไทยตามเสด็จเวลาเสด็จพระราชดำเนิน  คือไม่มีปีก แต่มีแผ่นห้อยลงมาปิดหูสองข้าง
ชุดเสื้อครุย ทับเสื้อคอปิดกับผ้าม่วง เคยเห็นม.ร.ว. คึกฤทธิ์แต่งถ่ายรูปเอาไว้ พร้อมเครื่องยศแบบเจ้าพระยา  ถือดาบฝักคร่ำทอง  มีเชี่ยนหมาก กระโถน พานทอง  วางอยู่บนโต๊ะข้าง   อลังการดีค่ะ
อีก ๓๐ ปี ถ้าเพื่อนฝูงเรือนไทยคนไหนได้เป็นข้าราชการตำแหน่งใหญ่ระดับพระยาเจ้าพระยา  จะลองแต่งชุดขุนนางโบราณถ่ายรูปโชว์ก็คงโก้ไม่เบา  
 ถ้าหากว่าดิฉันยังเล่นเน็ตอยู่จนถึงเวลานั้นจะไปขอประทานกราบเรียน เชิญภาพถ่ายมาลงให้ดูทั่วกันไงคะ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 09 ม.ค. 01, 12:31
วาสนากระผมจะถึงชั้นนั้นหรือเปล่าก็มิรู้ได้ขอรับกระผม
แต่ว่า สุภาพสตรีที่ได้รับพระราชทานตราตั้งเป็นคุณหญิงนี่ สมัยก่อนก็พระราชทานหีบหมากเป็นเครื่องยศด้วยรึไงนี่แหละครับ สมัยก่อนนี้ ก่อนที่จะมีคุณหญิงอย่างสมัยนี้ (ไม่นับคุณหญิงที่อยู่ดีๆ ก็ได้เป็น เพียงเพราะเป็นเอกภริยาของเจ้าคุณ) สตรีที่จะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์โดยที่เป็นผลมาจากการปฏิบัติหน้าที่ภารกิจของผู้นั้นเอง ไม่ใช่อาศัยสามี  นั้น ส่วนมากเป็นคุณท้าว เช่น คุณท้าวที่รับราชการฝ่ายใน หรือคุณท้าวเทพสตรี คุณท้าวศรีสุนทร คุณท้าวสุรนารี
สมัยนี้คุณหญิงที่เป็นคุณหญิงตามสามี คงหาไม่ได้เท่าไหร่แล้ว เพราะผู้หญิงมีความสามารถและได้โอกาสแสดงความสามารถกันเองได้มากขึ้น คุณหญิงประเภทนี้แต่ก่อนคงใกล้เคียงกับคุณท้าวมากกว่า
คุณเทาฯ พอจะหารูปถ่ายคุณท้าวสมัยใหม่พร้อมกาน้ำหีบหมากเครื่องยศพระราชทานมาลงแทนไปก่อนได้ไหมล่ะครับ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ม.ค. 01, 13:28
เอางั้นเชียวหรือคะ?
เคยเห็นเหมือนกันค่ะคุณท้าวยุคใหม่ที่ว่ามา  แม้ว่าท่านจะไม่เอากาน้ำหีบหมากมาโชว์ แต่ก็มีชุดไทยยกทอง   เครื่องราชฯเหรียญตราสายสะพาย พร้อมเครื่องเพชรประจำตระกูล  อลังการไม่แพ้เจ้าคุณ
เสียแต่ท่านเหล่านั้นไม่เล่นเน็ต เลยไม่มีภาพจะมา scan ประดับเรือนไทย
มีแต่คนมีเท้าเฉยๆ เอาไว้วิ่งหาข้อมูล   ไร้อลังการ
นอกจากกินไม่ได้แล้วยังไม่เท่อีกตะหาก
เลยไม่เอามาโชว์ให้รกเรือนไทยเปล่าๆคะ  นอกจากเอาไว้เป็นทวารบาลกันคนเข้าเรือนไทยละก็อาจจะเป็นไปได้


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: LIKE TO KNOW MORE ที่ 09 ม.ค. 01, 19:53
ขอโทษที่ต้องคุยนอกประเด็นอีกรอบ

ตอบคุณ นกข ค่ะ


ขออภัยเจ้าของกระทู้อีกทีครับ
ประวัติคุณศุภชัย กระทรวงพาณิชย์น่าจะมีครับ


ลองใช้ googlesearch ( ระบบเสิรจที่ใช้ได้      )ยังหาไม่เจอเลยค่ะ มีคนบอกให้ฟังว่า
ประวัตินักการเมืองไม่มี บันท฿ึกในเวบค่ะ อ้อ ลองให้คนในแบงค์
ชาติ เสริจให้ด้วย แต่ก็หาไม่เจอเพราะ
ปัจจุบัน คุณ ศุภชัยไม่ได้ทำงานที่นั่น


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ม.ค. 01, 22:12
คุณ LIKE TO KNOWฯ

ประวัติคุณศุภชัยมีอยู่ในหลายเว็บค่ะ  ถ้ารวมเว็บที่เอ่ยถึงท่านก็มี ๑๕๐๖ เว็บเป็นอย่างน้อย    อ่านได้ตามสบายจากรายชื่อเว็บพวกนี้

http://www.siamguru.com/cgi-bin/xsearch?q=%C8%D8%C0%AA%D1%C2+%BE%D2%B9%D4%AA%C0%D1%A1%B4%D4%EC&image.x=29&image.y=20



หรือถ้าจะเอาประวัติย่อ ก็ที่นี่

http://www.yonok.ac.th/dep/fac/work.htm

และ

http://www.thaigov.go.th/general/cabin/supachai_t.htm


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: Thank you ที่ 10 ม.ค. 01, 02:38
ขอบคุณ คุณเทาชมพูนะคะ

คือที่บอกเวบประวัติินักการเมือง
เค้าไม่ทำไว้น่ะ แหะๆ หมายไปรวม
ทุกคนในเวบน่ะค่ะ พอดีจะหาอ่าน
คุณ ธรินทร์ นิมาเหมินต์ อาจจะสะกด
ผิดด้วย พอดีสมัยชวนมีคนบอกว่า เค้า
ทำเศรษฐกิจเสียหาย คนหลายท่านก็
พลอยไม่ชอบคุณศุภชัยไปด้วย ก็เลย
อืม อยากอ่านดู เพราะก็ยังเชื่อมั่นใน
นิสัย ความสามารถ ของคุณศุภชัยอยู่ดี
แล้วยิ่งรู้ว่าท่านโดยส่วนตัวก็นิสัยดี
ก็เลย ทำให้ติดใจว่า ทำไมคนหลายคน
กลับไม่ชอบท่าน

ู แล้วทีนี้ ก็อยากอ่าน
ประวัติคุณศุภชัย เพราะว่า ทราบแค่ว่า
ท่านอดีตเคยเป็นเด็กแบงค์ชาติ
แต่อยากทราบต่อว่าเรียนที่ไหน ก่อน
เข้ามาทำงานไปทำงานที่ไหน

ยังไงก็ขอบคุณทั้งคุณ นกข คุณเทาชมพู
แล้วก็คุณ จ้อ ที่ให้ใช้เนื้อที่ในกระทู้นี้ด้วยคนค่ะ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 10 ม.ค. 01, 07:30
ไม่เป็นไรมิได้ครับ...

คุณเทาชมพูครับ ที่เคยเล่าให้ฟังถึงห้องอาหารในปารีสที่ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕
เคยเสด็จเมื่อคราวประพาสยุโรป น่ะครับ

ถ้าเกิดว่าคุณเทาฯหาเจอช่วยกรุณาบอกผมด้วยนะครับ
จะได้ไปถ่ายรูปมาประดับเรือนไทย


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ม.ค. 01, 10:10
กำลังหาอยู่ค่ะว่าไปอ่านเจอที่ไหน ไม่นานมานี้เอง
เป็นร้านเป็ดอัด หรืออะไรสักอย่างคล้ายๆนี้   แล้วเขาจะแจกหมายเลขให้ผู้กินทุกคนเก็บไว้  จะได้รู้ว่าตัวเองกินเป็ดเป็นตัวที่เท่าไรของร้าน
จำนวนเป็ดก็ยังเพิ่มมาเรื่อยๆจนปัจจุบัน
ได้ความว่ารัชกาลที่ ๕ ก็เสด็จร้านนี้ด้วย
ถ้าใครมีพระราชนิพนธ์ไกลบ้านคงจะพอทราบว่าร้านไหน  ดิฉันไม่มีหนังสือค่ะ


กระทู้: พระราชวังแวร์ซายล์ กับ คณะฑูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ม.ค. 01, 22:08
ต่อจากข้อ ๒๘

ดิฉันไม่มีภาพ"คุณท้าว" มาลง  มีแต่เครื่องยศ เลยนำมาลงให้คุณนกข.ดูแทนค่ะ



"ฝ่ายใน" ที่ได้รับพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ตั้งแต่ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษขึ้นไป มีอิสริยศักดิ์ เสมือน "ท่านผู้หญิง"  ในอดีต

ท่านผู้หญิงในอดีตได้รับพระราชทานเครื่องยศ อันได้แก่ หีบหมากทองคำ กาน้ำทองคำ ผ้าห่มปักดิ้นทอง พร้อมพานรองทองคำ และกระโถนทองคำ

แต่ปัจจุบัน   มิได้รับพระราชทานเครื่องยศดังกล่าวเป็นสิทธิส่วนตัวดังในอดีต

ในวันฉัตรมงคล  เจ้าพนักงานจะเชิญเครื่องยศไปตั้งไว้   ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตั้งแต่ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษขึ้นไป จะถวายคำนับที่โต๊ะตั้งเครื่องยศด้วย  เป็นการแสดงถึงการรับพระราชทานเครื่องยศค่ะ