ตอนนี้ อาหารจานเดียวที่คุณตั้งเรียกว่าจานใครจานมัน น่าจะเป็นอาหารที่เผยแพร่ในต่างประเทศได้ง่ายมาก
เมื่อก่อน ไปต่างประเทศ จะหาอาหารที่ไม่ใช่อาหารฝรั่งกิน ต้องไปหาอาหารจีนที่มีอยู่ตามเมืองต่างๆ มากินแก้เลี่ยน เดี๋ยวนี้อาหารไทยแซงหน้าไปแล้ว
ใช่ครับ อาหารจานเดียวเป็นอาหารที่เผยแพร่ได้ง่ายมาก
ที่ผมเรียกว่าจานใครจานมันนั้น ก็เพราะในระยะแรกๆที่เคยเห็นในต่างประเทศ แม้กระทั่งในปัจจุบันและในไทยด้วย ร้านอาหารอาจจะคิดคนละอย่างกับคนกิน ก็เลยเอารูปกับข้าวมาแสดงในเมนู คนต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยก็จะดูรูปแล้วชี้เอา สิ่งที่ได้มาก็มักจะเป็นเพียงกับข้าวจานเดียว ไม่มีข้าวมาให้ด้วย บางทีทางร้านก็จะถามว่าเอาข้าวด้วยใหม ฝรั่งก็งงเพราะนึกว่ามันมาด้วยกันบนจานเดียวกันนั้น บางคนก็สั่งเอาข้าวด้วย ซึ่งเนื่องจากวัฒนธรรมอาหารจานเดียว ทำให้บนโต๊ะนั้นมีทั้งคนที่กินกับข้าวเปล่าๆ และคนที่กินข้าวกับกับข้าว กับข้าวบางอย่างก็ซ้ำกัน หรือบางทีซ้ำกันเกือบทั้งโต๊ะ เป็นในลักษณะของใครของมันไป ก็น่าเห็นใจเพราะก่อนๆนั้น คนไทยที่ไปอยู่ในต่างแดนมีน้อย นักท่องเที่ยวไทยก็มีน้อยแถมทัวร์มักจะจัดให้กินอาหารจีน ก็เลยไม่มีตัวอย่างให้เห็นว่าคนไทยเขากินกันอย่างไร ที่จริงแล้วผมว่าฝรั่งเขาเอาความคิดเช่นนั้นมาจากการกินในร้านอาหารจีน ซึ่งแพร่หลายก่อนอาหารไทย ซึ่งจะทำในลักษณะนั้น บางทีก็น่าสงสารเพราะสั่งเอาแกงเผ็ดเข้า ก็เลยกินไม่ได้หรือต้องพยายามกินให้ได้ มิฉะนั้นอาจเสียมารยาทและเป็นการดูถูกร้านอาหารมากเกินไป คิดูเถอะครับ ซดแกงเผ็ดเปล่าๆ จะให้เป็นรสฝรั่งอย่างไรก็คงจะไม่ไหว
ระยะต่อมาไม่นานก็คงเริ่มได้ความคิดและเห็นว่าไม่น่าจะผิดกฎกติกามารยาทบนโต๊ะอาหารตามส้งคมวัฒนธรรมของเขาอะไรมากมายนัก ที่เจ้าของอาหารจานที่สั่งมาจะชักชวนให้ชม หรือตนเองก็ไปขอชิมเสียเอง พัฒนาการนี้เร็วมากจนเห็นเป็นการช่วยกันสั่งคนละอย่าง แต่ก็ยังไม่วายที่ผู้สั่งจานนั้นๆจะต้องรับผิดชอบกวาดให้หมด
โชคดีนะครับ ที่ร้านอาหารจีนที่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดทุกหย่อมหญ้านั้นทำลายอัตลักษณ์ของอาหารจีนลงด้วยตนเอง (แล้วค่อยเล่าให้ฟังถึงเหตุหลที่มาที่ไปทีหลัง หากสนใจครับ) ในขณะที่อาหารญี่ปุ่นก็แพงเกินไปและก็ถูกทำลายอัตลักษณ์ด้วยฝีมือของคนชาติอื่น (เช่นกัน หากสนใจจะเล่าให้ฟังทีหลังครับ) ในช่วงนี้เองที่อาหารไทยเข้าไป แล้วก็โชคดี แต่หากเราไปทำให้การพัฒนาการเป็นไปตามเส้นทางของอาหารจีนและญี่ปุ่น ก็คงจบและกลายเป็นอาหารทางเลือกรายวันเหมือนกัน
ผมคิดว่า อาหารที่จัดเป็นสำรับของไทยนั้น ในหลายๆกรณี หรือเกือบจะทั้งหมดก็ว่าได้ เราสามารถเอาอาหารในสำรับนั้นๆมาจัดลงให้เป็นอาหารจานเดียวได้ เรียกว่าย่อส่วนได้ ยกเว้นแกงจืดที่ต้องแยกออกไป ที่สำคัญ เราสามารถเลือกอาหารต่างๆที่มีรสชาติฉูดฉาดต่างกัน นำมาอยู่รวมกันได้อย่างนุ่มนวล ตัวอย่างเช่น สำรับน้ำพริกกะปิปลาทู ผักจิ้ม เราก็อาจจะทำเป็นอาหารจานเดียวได้โดยผัดน้ำพริกคลุกข้าว แกะปลาทูเอาแต่เนื้อใส่ข้างจาน แต่งจานด้วยผักสดหรือผักต้มหยอดด้วยกะทิ จะโปะด้วยใข่เจียวเปล่าๆสักเสี้ยวเล็กๆ หรือมะเขือชุบไข่ทอดก็ได้ ดูน่ากินเหมือนกัน อื่นๆก็เช่น ข้าวน้ำพริกลงเรือ ไข่เค็มและปลาสิด หรือข้าวแกงต่างๆกับผัดหรือไข่ต้ม ไข่เจียว ไข่พะโล้ ฯลฯ
นึกถึงข้าวคลุกกะปิ ที่มีหอมซอย มะม่วงซอย กุ้งแห้งทอด กะเทียมเจียว หมูหวาน พริกขี้หนู มะนาว และไข่เจียวซอย และข้าวราดแกงเขียวหวานกับปลาสละหรือปลาตะเพียนแดดเดียวหรือกับไข่พะโล้
ข้าวเฉโป หรือเสียโป ?? ก็เห็นในเมืองไทยนี้แหละครับ ในภูเก็ตยังไปถึงขนาดใช้ข้าวมันไก่ ปะหน้าด้วยไก่ตอน เป็ด หมูแดง หมูกรอบ จำไม่ได้ว่าเขาเรียกว่าข้าวอะไร