^
ขอออกความเห็นตอบกลับไปบ้าง ชักมัน
ไหนๆอาจารย์ยังควบธันเดอร์เบิร์ดกลับมาไม่ถึง ห้องเรียนก็ไม่ควรเงียบสนิท จริงไหมคะ
จิตร เป็นคนหนึ่งที่เหมาะสมกับคำว่า "เกิดก่อนยุคสมัย" หรือ "เกิดผิดยุคสมัย" รุ้ง จิตเกษมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เหมาะกับสองคำนี้ ต่างกันว่าคนหนึ่งอยู่ในโลกจริง อีกคนอยู่ในจินตนาการ แต่ก็จบชีวิตก่อนเวลาอันควรทั้งสองคน
ดิฉันขอแบ่งจิตรออกเป็น 2 ภาค คือจิตรที่เป็นปัญญาชนนักวิชาการ กับจิตรที่เป็นนักต่อสู้ทางการเมืองเพื่ออุดมการณ์ สองบทบาทนี้ ถ้ามองดีๆจะแยกออกจากกันได้
ถ้าจิตรคงคุณสมบัติข้อแรก รอดตายจากพ.ศ. 2509 มาได้ เขามุ่งไปทางพัฒนาฝีมือสติปัญญาในเรื่องวิชาการให้ต่อเนื่อง ด้านภาษาและประวัติศาสตร์ อย่างสุขุมลุ่มลึกตามวัย เขาคงจะได้รับเชิญไปเขียนคอลัมน์ประจำ เป็นเกียรติแก่ค่ายมติชนมาหลายปีแล้ว
อาจจะได้รับการประกาศชื่อเป็นนิสิตเก่าดีเด่นของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เช่นเดียวกับดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ และเช่นเดียวกับดร.นิธิ จิตรอาจปฏิเสธเกียรติเรื่องนี้ จิตรอาจได้รับเชิญไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเป็นประจำ นอกเหนือจากที่ธรรมศาสตร์ สถาบันพระปกเกล้า และที่อื่นๆ
สวรรค์ส่งให้จิตรเกิดมาเพื่อเป็นนักวิชาการผู้มีคุณค่า เขาจงเห็นอะไรหลายอย่างที่ปรมาจารย์หลายท่านยังมองไม่เห็น หรือไม่ได้ดูตามเส้นทางนั้น ชายหนุ่มอย่างจิตรสร้างงานค้นคว้าหลายชิ้นที่น่าทึ่ง เป็นนวัตกรรมของชาวอักษรศาสตร์ ซึ่งในฐานะที่ดิฉันจบมาจากที่นั่นก็บอกได้ว่า กาลเวลาในคณะอักษรศาสตร์ แน่วแน่ แต่แน่วนิ่ง พูดภาษาง่ายกว่านี้คือเดินได้ช้ามาก อาจจะเร็วในยุคนี้ แต่ไม่ใช่ยุคก่อน
จิตรเป็นนิสิตอักษรศาสตร์ที่ไวกว่ายุคมาก จึงน่าเสียดายว่า จิตรอาจจะไม่รู้ว่าคนอย่างเขาเกิดมาเพื่อควรทำงานอะไรให้เต็มร้อย เขาจึงแบ่งชีวิตไปให้อีกภาคหนึ่ง คือภาคที่สอง
ภาคที่สองของจิตรในฐานะนักต่อสู้ทางการเมืองที่มีอุดมการณ์ มีชะตากรรมที่ไม่ได้ต่างจากนักต่อสู้เพื่ออุดมการณ์อื่นๆ ทั่วโลก คือสร้างแบบอย่างไว้ให้เป็นอนุสาวรีย์แก่คนรุ่นหลัง แต่ตัวเองไม่เคยทันเห็นการบรรลุผล สิ่งตอบแทนคือความคับแค้นใจ ขมขื่น เดือดร้อนแก่ตัวเองและครอบครัว เหมือนแบกรับผลร้ายเอาไว้หมด เพื่อผลดีให้คนรุ่นหลังชื่นชมศรัทธา แต่จนแล้วจนรอดอุดมการณ์นั้นก็ไม่มีวันเป็นจริง
เป็นชะตากรรมที่เดินเข้าไปแล้วร้อยทั้งร้อยเหมือนกันหมด แต่พวกนี้ก็เต็มใจเดินเป็นเทียนที่เผาไหม้ตัวเองให้ความสว่างแก่คนอื่น คนอื่นได้ดีจากผลงานของเขา แต่ตัวเขาไม่เคยได้อะไรเลยตลอดชีวิต
ถ้าจิตรยังมีชีวิตอยู่จนปัจจุบัน และยังไม่แสวงหาเส้นทางเป็นหัวหน้าพรรคจิตราธิปไตย หรือเสี่ยจิตรเจ้าของสื่อ น.ส.พ. หรือสื่ออื่นๆอะไรก็ตาม ดิฉันลงความเห็นว่าจิตรไม่สวมเสื้อสีไหนเลย แถมอาจจะสวดยับอีกด้วย เพราะมันไม่ใช่อุดมการณ์ของเขา จิตรอาจมองเห็นว่ามันไม่ใช่อุดมการณ์อะไรเลยด้วยซ้ำ
จิตรไม่ได้โชคดีที่ตายก่อน หรือตายทีหลังเมื่ออายุ ๑๐๐ ปี คนอย่างจิตรไม่เคยโชคดีเลยตั้งแต่เกิดมา สังคมต่างหากที่โชคดี ได้มีคนอย่างจิตร
ช่วงนี้ผมพอมีเวลาว่างเลยมาไล่อ่านกระทู้ที่น่าสนใจ
ได้อ่านกระทู้นี้มาหลายวันแล้ว กำลังติดตามอ่านอย่างเมามัน และมีหลายอย่างช่วงที่อยากแสดงความเห็น(แม้จะเป็นกระทู้เก่า) แต่คิดว่า รออ่านให้จบก่อน
บังเอิญมาอ่านของท่านเทาชมพู เลยนึกถึงตัวเอง และนึกถึงเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งที่กำลังทุ่มเททำงานเพื่อชาติ (หมายถึงเพื่อนผมคนนั้นนะครับ ไม่ใช่ผม)
อ่านความเห็นของท่านเทาชมพูแล้วต้องขอบอกว่า "โดนครับ" โดนมากด้วย
เป็นการใช้คำ และมุมมองที่ควรค่าแก่การได้อ่าน และเป็นการเรียบเรียงถ้อยคำ เรียบเรียงข้อความเพื่อสื่อถึงความคิดเห็นที่ผมต้องแอบขโมยเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ขอบคุณครับ