นี่ อสุรผัดตัวจริงเสียงจริงมาแล้ว ผมดีใจมากครับที่เข้ามาทักผม
เมื่อหนำใจแล้ว เราก็ลงเรือย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิม แต่แวะในอ่าวต่อไป ความจริงอ่าวนี้ก็เพียงแต่มีหัวเขาที่กั้นไว้กับหาดพระนางเมื่อกี้ ตาลุงขับเรือบอกว่า อ่าวนี้ชื่อไหร่เล้ เพื่อนแปลให้ว่า ไร่เลหรือไร่ทะเลนั่นเอง แต่ชาวใต้ไม่ค่อยอยากจะพูดอะไรยาวๆ เลยย่อว่าไร่เลเฉยๆ
หาดไร่เลก็ชื่อตามอ่าว คนสมัยนี้ดัดจริตเขียนว่าหาดไร่เลย์ ให้ดูว่ามาจากภาษาฝรั่งไปซะงั้น
เราลงจากเรือตรงต้นสนในภาพขวามือนะครับ เมื่อมองไปตามหาดที่โค้งสวยงาม ก็จะเป็นภาพอ่าวที่เห็น
และที่ใต้ต้นสนนั่นเอง ผมได้พบหนุ่มใหญ่ผอมเกร็งนุ่งผ้าขาวม้าคนหนึ่งนั่งอยู่คนเดียวบนพื้นทราย ผมเดินเข้าไปทักแบบไม่รู้จะพูดอะไรว่าบังนั่งรอเรือเข้าฝั่งเหรอ เขาบอกว่าเปล่า เขาอยู่ที่นี่ทำสวนมะพร้าวอยู่ตรงนี้ ผมถามว่ากี่ไร่ล่ะ เขาบอกห้าสิบไร่ ติดสองหาดทั้งสองด้าน ผมถามเล่นๆว่า ขายมั้ย เขาตอบทันทีว่าขาย ผมถามต่อว่าเท่าไหร่ เขาก็บอกราคามา ผมคิดว่าไม่แพงถ้าเทียบกับที่ชายทะเลที่ติดหาดสวยงามอย่างนี้ เอกสารสิทธิ์เป็นอะไรผมถาม เขาบอกว่าของเขาเป็นน.ส.๓ ของพี่เป็นส.ค.๑ ออกปี ๒๔๙๗ จะขายพร้อมกันไม่แบ่งขาย
ตอนนั้นผมไม่มีเงินสดพอจะซื้อหรอกครับ แต่คิดว่ามีปัญญาไปหาเงินกู้มาได้ บอกได้เลยว่าเป็นความโลภชัดๆ จึงบอกเขาไปว่าขอเวลาไม่เกิน ๓ วันนะ แล้วผมจะเอาเงินมาวางมัดจำ สรุปแล้วผมก็เลื่อนกลับกรุงเทพ หาทนายช่วยตรวจสอบเอกสารและทำสัญญาวางมัดจำกับเขาได้ในเที่ยวนั้น
ทราบที่หลังว่า ที่ดูเหมือนง่ายนั้น ความจริงผ่านกระบวนการยากมาแล้วหลายปี ตั้งแต่แม่และพี่น้องตกลงกันว่าจะขายหรือไม่ขายที่นี่ ความฝันของเขาคือ ในชีวิตนี้ถ้าได้มีบ้านอยู่บนที่ถนนมาถึง มีปิ๊กอัพเพื่อส่งลูกๆไปโรงเรียนได้ง่ายขึ้น และมีเรือประมงสักลำสำหรับหากินเห็นจะพอ เมื่อเลิกทะเลาะหันมามีมติว่าตกลงเด็ดขาดที่จะขาย ผมก็เดินลงจากเรือมาเจอเขาเป็นคนแรก
ผมทำให้เขาได้ในสิ่งที่หวัง แต่ผมเองยังไม่ได้เริ่มตั้งความหวังเลย