ว่าด้วยคำว่า ไทย ในสมัยอยุธยา
เริ่มนาทีที่ ๒.๓๐
แม่กลิ่นช่างขยันหาเรื่องแม่พุดตานเสียจริง ๆ มาคราวนี้สะดุดใจตรงที่ ทำไมยายกุยและแม่กลิ่น รู้สึกงงงวยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ พุดตาน เรียกตัวเองว่า คนไทย และแผ่นดินที่ยืนอยู่ว่า แผ่นดินไทย ประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานอยู่มากมายว่า คนในสมัยอยุธยาก็เรียกตนเองเข่นเดียวกับพุดตาน
หลักฐานชั้นต้นในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๒๓๑) ได้แก่ บันทึกของออกพระวิสุทธสุนธร (ปาน) ราชทูตที่เดินทางไปฝรั่งเศสใน พ.ศ. ๒๒๒๙ และวรรณกรรมเรื่อง "ต้นทางฝรงงเสษ" (Le chemin français) ซึ่งเป็นนิราศการเดินทางไปฝรั่งเศสของคณะทูตชุดดังกล่าว เช่นเดียวกับหลักฐานชั้นต้นในรัชกาลสมเด็จพระเพทราชา (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๒๓๑-๒๒๔๖) คือจดหมายของเจ้าพระยาศรีธรรมราช (ปาน) ถึงเมอซิเออร์ ปงชาร์แตรง (Louis II Phélypeaux de Pontchartrain) และ บาทหลวง เดอ ลาแชส (François de la Chaise) ใน พ.ศ. ๒๒๓๗ (ตามปฏิทินปัจจุบันเป็น พ.ศ. ๒๒๓๖) มีการใช้คำว่า "ไทย" ในหลายบริบท เช่น ชาวไทย เมืองไทย กรุงไทย พระมหากระสัตรเจ้ากรุงไทย สํมเดจ่พระม่หากร่ษตราธีราช่เจ้ากรุงไทย ทับไทย่ ท่หาร่ไทย่ ไพร่ไทย่ อีงบาศโดรไทย ราช่ทูตไทย เงีนไทย ไทย่แลต่างปรเทศ่
ในจดหมายเหตุราชอาณาจักรสยาม (Du Royaume de Siam) ของ ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ (Simon de La Loubère) ราชทูตฝรั่งเศสที่เดินเข้ามาในกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๒๓๐ รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ มีระบุว่า
"ชาวสยามเรียกตนว่า ไทย (Tàï) แปลว่า อิสระ อันเป็นความหมายตามศัพท์ในภาษาของพวกเขาอยู่ในปัจจุบัน พวกเขาภูมิใจที่ใช้นามว่า ฟรังซ์ (Franc) อันเป็นนามที่บรรพบุรุษของพวกเราได้ถือใช้เมื่อสลัดแอกชาติโกลออกจากอำนาจปกครองของจักรวรรดิโรมัน. ผู้ที่รู้ภาษาพะโคยืนยันว่า สยาม แปลว่า อิสระ ในภาษานั้นเหมือนกัน ฉะนั้นพวกปอรตุเกสจึงน่า จะนำเอาคำ ๆ นี้มาใช้เรียกสยามก็เป็นได้ เพราะได้รู้จักรชาวสยามจากปากคำของชาวพะโค (มอญ)
อนึ่ง นาวาร์แรต (Navarrete) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ พงศาวดารแห่งราชอาณาจักรจีน ตอนที่ ๑ บทที่ ๕ ว่า คำว่า สยาม ที่เขียน เสียน (Sian) นั้น มาจากคำสองคำ คือ เสียนโล้ (Sien Lô) แต่มิได้บอกไว้ว่าคำสองคำนี้หมายความว่ากระไร และมาจากภาษาไหน แม้จะได้สรุปเอาว่าเป็นคำที่ชาวจีนใช้เรียก เมืองไทย (Meüang Tàï) จึงเป็นนามที่ชาวสยามใช้เรียกราชอาณาจักรสยาม (เพราะคำว่า เมือง แปลว่า ราชอาณาจักร) และคำ ๆ นี้ เขียนอย่างง่าย ๆ ว่า Muantay ปรากฏอยู่ในหนังสือของ แว็งซังต์ เลอะ บลังก์ (Vincent le Blanc) และในแผนที่ภูมิศาสตร์หลายแห่ง ว่าเป็นราชอาณาจักรหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ชิดติดกับพะโค แต่ แว็งซังต์ เลอะ บลังก์ คงไม่ทราบว่านั่นแล้วคือราชอาณาจักรสยาม เพราะคงมิได้เฉลียวใจว่าคำว่าสยามกับไทยนั้น เป็นคำสองคำที่มีความแตกต่างกัน แต่หมายถึงพลเมืองของประเทศเดียวกัน.
ส่วนเมืองสยามนั้น ชาวสยามเรียกว่า ศรีโยธยา (Si-yo-thi-ya) และ โ ในคำว่าโย นั้นต้องจีบปากออกเสียงยิ่งกว่าสระ au ของเรา ลางทีพวกเขาก็เรียกเมืองสยามว่า กรุงเทพพระมหานคร (Crung-thé-paprà-maha-nacôn)..."
ลา ลูแบร์ กล่าวต่อว่า "อนึ่ง ชาวสยามที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนี้ เรียกตนเองว่า ไทยน้อย (Tàï-nôë, Siams-Petits) และตามที่ข้าพเจ้าได้ยินมา ก็ยังมีชนอีกจำพวกหนึ่งซึ่งยังป่าเถื่อนอยู่มาก เรียกกันว่า ไทยใหญ่ (Tàï-yàï, Siams-grands) และตั้งสำนักหลักแหล่งอยู่ตามภูเขาทางภาคเหนือ"
ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม (Histoire naturelle et politique du Siam) ของ นีกอลา แฌร์แวซ (Nicolas Gervaise) มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสที่เดินทางเข้ามาในสยามในช่วง พ.ศ. ๒๒๒๔-๒๒๒๘ ให้ข้อมูลไว้สอดคล้องกันว่า
"นครหลวงนั้นคนสยามเรียกว่า เมืองศรีอยุธยา (Meüang Sijouthia) และชาวต่างประเทศเรียกว่า ยุธยา (Juthia) หรือ โอเดีย (Odiaa) อันเป็นนามที่คนจีนตั้งให้ ชาวต่างประเทศเรียก สยาม (Siam) เป็นนามราชอาณาจักร แต่คนพื้นเมืองรู้จักแต่คำว่า เมืองไทย (Meüang-Thây) หรือไม่ก็เมืองกรุงเทพมหานคร (Meüang-Croung-Thêp-Maanacone)"
จดหมายเหตุของ เอ็งเงิลแบร์ท เค็มพ์เฟอร์ (Engelbert Kaempfer) นายแพทย์ชาวเยอรมันที่เดินทางเข้ามาในสยามพร้อมคณะทูตดัตช์เมื่อ ค.ศ. ๑๖๙๐ (พ.ศ. ๒๒๓๓) บันทึกไว้ตรงกันว่า
"Siam region vero vulgo dicitur Muan regio Thai, in libris vero scribitur: Krom circuitus thep pramma visitationis ha Ikon deorum. Peguensibus ac Malajis dicitur Tzjam, unde nobis natum est vocabulum Siam."
(ดินแดนสยามถูกเรียกโดยคนท้องถิ่นว่า ‘เมืองไทย’ บันทึกในหนังสือว่า ‘กรุงเทพพระมหานคร’ ชาวมอญและชาวมลายูเรียกว่า ‘Tzjam’ เป็นที่มาที่พวกเราเรียกว่า ‘Siam’)
ข้อมูลบางส่วนจาก
วิพากย์ประวัติศาสตร์ โดย คุณศรีสรรเพชญ์