อ้าว โดนนักเรียนเร่งให้เลกเชอร์
แอนนายังเล่าอีกว่า ในวันที่ประหารชีวิตเจ้าจอมทับทิม หน้าต่างทุกบานของตำหนักต่างๆที่อยู่ทางด้านตะวันออกเปิดกว้างออกหมด ที่กำแพงพระบรมมหาราชวัง ก็จะเป็นที่ประทับชั่วคราวทางด้านในของใบเสมา(หมายถึงด้านในของกำแพงวัง) สำหรับพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทอดพระเนตรการประหาร พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เจ้านายข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน สาวสนมกำนัลก็ตามเสด็จกันมาถ้วนหน้า
พอบ่ายสามโมง เจ้าหน้าที่ก็ขนเครื่องทรมานด้วยวิธีต่างๆมาพร้อมสรรพ วางไว้ใต้พื้นตะแลงแกงทั้งสองที่ ในจำนวนนั้นมีฟืนดุ้นเล็กและดุ้นโตอยู่เป็นอันมาก
**********************
ก่อนอื่น แหม่มทั้งสองแหม่มคือแหม่มแอนนาและแหม่มมาร์กาเร็ตนั้น ไม่รู้ว่าในเขตพระบรมมหาราชวังนั้นไม่มีใครเข้าไปตายได้ เว้นแต่เจ้านายที่สิ้นพระชนม์ด้วยเหตุธรรมชาติต่างๆเช่นประชวรพระโรค แม้แต่สามัญชนที่ทำงานในวัง ก็ต้องหามออกไปตายนอกวัง เว้นแต่กะทันหันหามออกไปไม่ทันจริงๆเช่นหัวใจวายเฉียบพลัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำพิธีกลบบัตรสุมเพลิง ปัดรังควาน เพื่อให้พ้นจากอัปมงคลต่างๆที่อาจจะพึงมีขึ้นมาได้
ในเมื่อไม่รู้ ว่าคนไทยถือกันว่าเรื่องตายเป็นเรื่องไม่ใช่มงคล ต่อให้ตายธรรมดาในวังก็ยังไม่ถือว่าธรรมดาอยู่ดี คุณเธอก็เลยบรรยายเต็มปากว่า พิธีประหารชีวิตเจ้าจอมทับทิมและพระครูปลัดจึงทำกันเป็นงานมหกรรมอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง มีพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางใหญ่น้อย แม้แต่ตำหนักใหญ่น้อยก็เปิดหน้าต่างดูกันเอิกเกริก ประชนชนอุ้มลูกจูงหลานแห่กันมาดู ปานประหนึ่งว่าเป็นพระราชพิธีสมโภชอะไรสักอย่าง
ทั้งหมดนี้พูดอย่างไม่เกรงใจว่า คนเขียนปั้นน้ำเป็นตัวเพราะไม่รู้จักประเพณีไทยเท่าที่ควร และไม่ศึกษาด้วย แต่เอามาเขียนซะเจื้อยแจ้วเชียว
จะปอกเปลือกนิยายของแอนนา ออกมาให้ดูทีละชั้นเหมือนปอกหัวหอม ถ้าผิดพลาดตรงไหนกรุณาแก้ไขให้ด้วยนะคะ