เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 15:29



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 15:29
เรียนขออนุญาตต่อลูกหลานของท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร ทุกคน

ขอคัดลอก  หนังสือกับข้าวสอนลุกหลาน กับ ผลไม้ ของว่าง และขนม
แจกในการพระราชทานเพลิงงศพ ของท่านผู้หญิง
ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๐๔

เพื่อความรู้ของผู้มาที่หลัง



       ท่านผู้หญิง เกิดเมื่อวันอาทิตย์  ขึ้น ๙ ค่ำ  ปีชวด พ.ศ. ๒๔๑๙

บิดา                หมื่นนราอักษร(ปิ่น)
มารดา             หุ่น

ปู่                   หมวก    คหบดีชาวบางตำหรุ
ย่า                  คำ       คหปตานีชาวบางยี่ขัน

ตา                  หลวงรามณรงค์(เอม)  
ชวด                หลวงธรเณนทร์(ผู้เป็นน้องเจ้าพระยารัตนพิพิธ)

                    

                     เอกภรรยาของคุณหลวงคือ เจ้าสุพุทา  เชื้อเวียงจันทน์

                     เอกภรรยาของเจ้าพระยารัตนาพิพิธคือ เจ้าสุมณฑา

                    เจ้านางทั้งสองเป็นน้องของย่าเจ้าจอมมารดาดวงคำ(พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี  ตรัสเล่า)



                    เจ้าพระยาธรรมา(เสือ)บุตรเจ้าพระยารัตนาพิพิธ(สน) เป็นญาติของท่านผู้หญิงทั้งทางบิดาและมารดา
                    ถึงแก่กรรมก่อนท่านผู้หญิงเกิด

                    ท่านผู้หญิงจำได้ว่า  เจ้าพระยาธรรมา(ละมั่ง)ผู้เป็นญาติทางคุณตา   ได้ให้ความเมตตาปรานีต่อท่านเป็นอย่างมาก



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 15:48
ท่านผู้หญิงเกิดและโตในบ้านของเจ้าพระยารัตพิพิธ  ที่ตำบลสำราญราษฎร์

เป็นบ้านใหญ่   มีทายาทผู้ถือกรรมสิทธิ์หลายราย




เจ้าจอมพุ่มในรัชกาลที่ ๓  บุรีของเจ้าพระยาธรรมมา(เสือ) ผู้เป็นป้าของท่านผู้หญิง เมตตารักใคร่ท่านมาตั้งแต่เล็ก ๆ

ได้รับท่านจากเรือนมารดา   ขึ้นไปเลี้ยงดูบนตึกใหญ่ตั้งแต่เช้าจนเย็นทุกวัน   

อาบน้ำเกล้าจุกให้    รับประทานอาหารกลางวัน และนอนกลางวันกับท่าน

ส่งคืนตัวมาต่อเวลานอนตอนกลางคืน


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 16:19
       เจ้าจอมพุ่มถึงแก่อนิจกรรม  เมื่อท่านผู้หญิงอายุได้ ๗ ปี

พระเจ้าบรมวงษ์เธอ พระองค์เจ้าจามรีในรัชกาลที่ ๓  เจ้าจอมมารดาปุกเป็นธิดาของเจ้าพระยารัตนาพิพิธ

รับท่านเข้าไปอยู่ด้วยในพระบรมมหาราชวัง




     เมื่อพระองค์เจ้าจามรีสิ้นพระชนม์          เจ้าจอมมารดาดวงคำเจ้าจอมมารดาใน

พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้านารีรัตนา  และพระองค์เจ้าประดิษฐาสารี

ขอตัวท่านผู้หญิงไปอยู่ด้วยที่ตำหนัก




       พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าประดิษฐาสารี  ตรัสเล่าประทานธิดาของท่านผู้หญิงอยู่บ่อย ๆ ว่า

ท่านเป็นผู้ที่รูปร่างหน้าตางดงามและมีอัธยาศรัยใจคอน่ารักมาก

เจ้าจอมมารดาจึงดำริจะนำขึ้นถวายตัวในรัชกาลที่ ๕




       บิดาของท่านผู้หญิงไม่พอใจ  จึงส่งมารดามารับตัวไปเยี่ยมบ้าน

แล้วบิดาพาหนีเข้าสวนบางยี่ขันไปฝากไว้กับมารดาท่านเอง

บิดาได้เสียชีวิตลงในระหว่างนั้นเอง   แต่ได้สั่งมารดาของท่านผู้หญิงว่า

เพื่อความปลอดภัยทั้งปวง   มิให้รับท่านผู้หญิงกลับไปอยู่ด้วยในพระนคร

จนกว่าจะมีครอบครัวเป็นหลักฐาน




     ท่านผู้หญิงกลีบจึงต้องอยู่ในสวนกับย่าของท่านเป็นเวลาประมาณ ๓ ปี

มีโอกาสได้วิสาสะกับญาติฝ่ายบิดา  เมื่อมีอายุ ๑๕ ปีเศษ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 16:41
     เรื่องราวชีวิตของท่านผู้หญิงกลีบ  มหิธร   เป็นเรื่องของผู้หญิงชั้นแนวหน้าของประเทศ

มีเกียรติยศ ทางสามี และ บุตรหลาน




     ชีวิตของท่านเอง และ ญาติมิตรก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ น่าศึกษา




     ความประพฤติของกุลสตรีในสมัยนั้น  ยิ่งน่าศึกษาเป็นอันมาก  เพราะท่านทำงานของลูกผู้หญิง

ด้วยความรู้ความสามารถของชาววัง  และความขยันหมั่นรอมริบของชาวสวน  ที่ทำงานหนัก  ขยัน

น่านิยม


     เรื่องราวของท่านผู้หญิง ต่อไป  ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจ้านายฝ่ายใน  และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อีกมากมาย

ท่านที่สนใจจะถามถึงตัวบุคคล  ขอเชิญสนทนาได้ตามพอใจ  เพราะเราคุยกัน

ดิฉันไม่บังอาจจะเติม หรือ ขยายความตามใจชอบได้    แต่สามารถตอบคำถามว่าบุคคลที่ท่านผู้หญิงเอ่ยถึง ว่าเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไร





     ขอส่งคำเชิญไปถึงท่านสมาชิกใหม่ทุกท่านของเรือนไทย    ว่าโปรดแวะมาอ่าน และแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

มิตรของดิฉันคือคุณเพ็ญชมพู เป็นนักค้นข้อมูล   และคุณหลวงเล็กเป็นนักแย้งด้วยข้อมูล(ผู้ตรวจสอบข้อมูล)

ถ้าท่านไม่ไต่ถาม  พวกเราก็จะฟาดฟันกันด้วยข้อมูลที่มีที่มาและที่ไป




กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 08 พ.ค. 10, 16:56
ขออนุญาตนำภาพของท่านผู้หญิงมหิธร มาลงไว้ครับ
ภาพจากหนังสือซึ่งพิมพ์เป็นของชำร่วยผู้มาในงานทำบุญอายุครบ ๖๐ ปี ของท่านผู้หญิงมหิธร
เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๙
(หนังสือนี้นำเรื่อง ยี่จับสี่เห่า มาลงไว้ พิมพ์ที่โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร)



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 17:09
     ท่านผู้หญิงได้รับการอบรมวิชาการตามแบบกุลสตรี  คือฝึกกิริยามารยาท   การเย็บปักถักร้อย

การทำดอกไม้  การปรุงเครื่องหอมทั้งแบบเก่าแบบใหม่




     ในสวน  ท่านได้รับการอบรมให้รู้จักการทำกับข้าวของกินแบบโบราณ  ให้รู้จักเก็บหอมรอมริบ

ท่านผู้หญิงต้องดูแลการเก็บผลไม้  เก็บผัก   ตลอกจนตัดใบตองแห้งที่ในสวน   จัดใส่เรือให้คนใช้นำไปขาย



     ในยามว่างก็ทำการฝีมือที่ได้รับการฝึกหัดมาจากในวัง  เช่นถักตาชุน  ร้อยดอกไม้  และทำเครื่องใบตอง  

เช่นห่อของ และเย็บกระทงแบบต่าง ๆจนถึงกระทงเจิม  กระทงกระบุง และกระทงใส่ขนมคำเล็ก ๆ เช่นกระทงขนมตาล

นอกจากนี้ยังรับสบงจีวรมาเย็บเป็นการหาลำไพ่ด้วย(อักราภิธานศรับท์ ของอาจารย์ทัด    บรัลเลพิมพ์  ๒๕๑๔  หน้า ๑๑๖:

ลำไพ่   ทรัพย์ที่ทำได้นอกบังคับ   เช่นทาสหรือลูกทำได้  ทรัพย์เป็นส่วนของตัว)

    
      การร้อยมาลัยและทำเครื่องใบตองต่าง ๆนี้  ท่านผู้หญิงชอบมาก  และได้ทำมาตลอด



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 08 พ.ค. 10, 17:14
ส่งเสียงมาเรียนให้ทราบว่าชอบอ่านมาก  ช่วยลงต่อไปนะคะ  จะคอยอ่านค่ะ 


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 17:20
คุณลุงไก่คะ

       ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะ  ที่เอื้อเฟื้อด้วยไมตรี

       ถ้าชอบอ่านพงศาวดารจีน  วันหน้าคงได้คุยกันอีก

       เพียงอยากหาเรื่องประวัติบุคคลที่น่าสนใจมาเล่าและคุยกัน  ระวังที่จะไม่ใช้ข้อมูลที่ดาดจนเกินไป


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 17:29
ขอบคุณ คุณ Anna   ค่ะ


          ผู้หญิงที่มีคุณสมบัติลูกผู้หญิง    เติบโตมาในสกุลที่รักษาเกียรติ  เป็นคู่สร้างของสามี และพระของลูกหลานค่ะ


          ต่อไปจะมีพระนามของเจ้านาย และเจ้านายฝ่ายในออกมา

คุณแอนนาถามได้ทันทีเลยนะคะ  เพราะพวกเราสามารถตอบเป็นเกร็ดความรู้(มีที่อ้างอิงค่ะ)ที่เจ้านายองค์อื่นทรงสัพยอกไว้


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 พ.ค. 10, 18:28

สวัสดีครับ
แวะมาเยี่ยมพร้อมของฝากครับ

http://www.vcharkarn.com/varticle/381

ท่านที่เข้ามาอื่นๆ จะได้อ่านเรื่องที่ดี มีคุณค่าอีกเรื่องหนึ่งประกอบกันไปด้วย


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 พ.ค. 10, 20:23
ขอบคุณคุณนวรัตน ค่ะ

รูปนี้คือรูปท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร แต่งกายในโอกาสปกติ     มีผ้าคล้องคอ  น่าเสียดายว่ารูปตัดให้เห็นแค่ลำตัว ยืนบนระเบียง ไม่เห็นหน้า
ถ้าคุณเพ็ญชมพูมีหนังสือประวัติเจ้าพระยามหิธร  ช่วยสแกนรูปมาให้ดูอีกทีได้ไหมคะ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 พ.ค. 10, 20:40
วนไปวนมาอยู่หลายกระทู้เลยลืมไปแล้วว่าภาพถ่ายที่คุณเพ็ญชมพูกับคุณหลวงเล็กแย้งกันว่าเป็นเจ้าพระยามหิธรหรือขุนหลวงพระไกรสีนั้น อยู่กระทู้ไหน
ตกลงคุณเพ็ญว่าเป็นใครกันแน่     ส่วนดิฉันโหวตว่าเป็นเจ้าพระยามหิธร   ดูจากรูปนี้ เป็นหลัก


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 20:43
ขอบคุณคุณ  Navarat.C  ค่ะ ที่นึกถึงกัน

ขอบคุณคุณเทาชมพูค่ะที่แวะมาอ่าน




ตอนนี้มีประวัติสตรีของไทยที่น่านำมาคุยกันหลายท่าน
ขอเลือกตอนที่ความรู้และสนุกสนาน
เรื่องสายสัมพันธ์ของท่านผู้หญิงกลีบ  น่าตื่นเต้นมากทีเดียว
ใครมาช่วยแต่งตัวให้เป็นต้น


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 พ.ค. 10, 20:54
รอติดตามด้วยใจระทึก :)


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 21:15
       ถึงแม้ท่านผู้หญิงจะหมกตัวอยู่ในสวนที่ห่างไกลความเจริญ    ความดีของท่านก็หอมหวลกระจายไปไกล


       เจ้าคุณเพชรรัตน์ บิดาของเจ้าพระยามหิธร  ได้ส่งคุณหญิงเอี่ยมจรรยายุตกฤต์ บุตรสะใภ้คนใหญ่  

คุณท้าวนารี วรคณารักษ์(แจ่ม ไกรฤกษ์)  และ คุณหญิงจำเริญประเสริฐศุภกิจ(ธิดา ในเวลานั้นอายุ ๑๑ ปี

ไปดูตัวท่านผู้หญิง   โดยแสร้งทำเป็นทีว่าจะไปขอซื้อผลไม้ที่ในสวน

       เรื่องนี้คุณหญิงจำเริญ เล่าเองค่ะ




       พอไปถึงสวนก็ได้เห็นความสะอาดและความมีระเบียบเรียบร้อยอยู่ทั่วไป        ท่านผู้หญิงมีรูปร่างหน้าตางดงาม  

กิริยามารยาทเรียบร้อย  ผิดกับชาวบ้านทั่วไป

จึงกลับมาเรียนเจ้าคุณเพชรรัตน์ว่าสมควรนักหนาที่จะเข้ามาเป็นสะใภ้




ท่านเจ้าคุณจึงขอให้ท่านผู้หญิงจับ ภรรยาของพระมหาอำมาตย์(ชื่น กัลยาณมิตร) พี่สาวของท่านไปสู่ขอ ท่านผู้หญิงให้กับ
คุณละออ  เสมียนอยู่อรรถวิจารณ์ศาลา(คือศาลฎีกา) มีเงินเดือน ๓๐ บาท



     เมื่อมีคู่หมั้นแล้ว  มารดาของท่านผู้หญิงจึงไปรับตัวมาอยู่ในบ้านที่สำราญราษฎร์ เพื่อเตรียมตัวทำการวิวาห์

คุณละออก็ไปบวชที่วัดบวรนิเวศวิหารตามประเพณี



       ของหมั้นนั้น  ท่านผู้หญิงเล่าให้บุตรธิดาฟังด้วยความแช่มชื่นว่า  ได้หมั้นด้วยทอง ๒๐ บาท

กองทุนแต่งงานฝ่ายละ ๕ ชั่ง  สินสอด ๓ ชั่ง  ผ้าไหว้สามสำรับ

เจ้าบ่าวมาปลูกเรือนหอในที่ที่สำราญราษฎร์   เป็นเรือนไทยฝาประกน



     ท่านได้เห็นคู่หมั้นเมื่อบวชเป็นพระภิกษุและนั่งเรือพายมาบิณฑบาตร  ในคลองหน้าบ้านครั้งหนึ่ง

และได้เห็นอีกครั้งหนึ่งก็ในวันแต่งงานทีเดียว




กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 21:28

       การได้อ่านเรื่องราวของสกุลมหิธร และเรื่องความเป็นมาของท่านผู้หญิงกลีบ

ได้เรียนรู้ว่า  ท่านต้องต่อสู้ชีวิต  ที่มีขึ้นลง  เมื่ออยู่บ้านสวนก็พอใจทำงานสร้างรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ

สามีก็ไต่เต้าทำงานด้วยสติอันมั่นคง ปัญญาอันเลิศ  ขึ้นสู่ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

รู้สึกว่าโลกนี้ก็สวยงามส่วนหนึ่ง      เพราะความดีและความอดทนบากบั่นของศรีภรรยา  เจริญคู่เคียงกันไป


     หมายใจว่าคงถูกใจท่านผู้ที่เข้ามาอ่าน  และโดยเฉพาะคุณเทาชมพู


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 21:39
       การแต่งงานในสมัยโน้น  เชิญเฉพาะผู้ใหญ่ที่เคารพของผู้ปกครองทั้งสองฝ่าย

การรดน้ำถึงรดที่ศีรษะคู่บ่าวสาว  และรดคนละมาก ๆ จนผมเปียกโชกและเสื้อผ้าก็เปียกด้วย

     

     ท่านผู้หญิงได้จัดผ้าม่วงสีกรมท่าไว้เป็นผ้าห้อยคอ  สำหรับให้เจ้าบ่าวผลัดในเวลาส่งตัวผืนหนึ่ง

ผ้าห้อยคอผืนนี้  ท่านได้จัดให้เป็นผ้าห้อยคออีกครั้งหนึ่งเมื่อดุุษฎีบุตรีแต่งงานกับหม่อมหลวงปิ่น  มาลากุล ต่อมาภายหลังอีก ๓๖ ปี




(เสือปืนไวผู้หนึ่งได้ติดต่อมาขอบรรยายเรื่องท่านผู้หญิงดุษฎีมาลาเป็นตอนต่อเอง....ขอบพระคุณเจ้าค่ะ   คอยไปก่อนนะเจ้าคะ)



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 21:52
       
       เจ้าบ่าวมีความพอใจในฝีมือทำกับข้าวของเจ้าสาวของท่านมาก

ท่านเล่าให้ลูก ๆ ฟังว่า    ท่านผู้หญิงทำกับข้าวเก่ง มีรสมือดี

น่าประหลาดว่าฝีมือทำน้ำปลามะกอกในมื้อแรกภายหลังการแต่งงานนั้นเหลืองน่ารับประทานมาก 

ไม่ดำเหมือนน้ำปลามะกอกธรรมดาที่ผู้อื่นทำ



     ท่านผู้หญิงถ่อมตัวว่า   ท่านก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษแต่อย่างใด   

แต่น้ำปลามะกอกที่ทำให้ท่านเจ้าคุณรับประทานมื้อแรกไม่ดำนั้น   อาจจะเป็นศุภนิมิตรว่าท่านเจ้าคุณจะมีความเจริญรุ่งเรืองสืบไป




เนื่องจากไม่มีบันทึกเรื่องอาหารรายการอื่น  ขอเรียนเชิญท่านผู้อ่านทั้งปวงช่วยกันจัดเมนูอาหารบ่าวสาว ที่ไม่มากไม่น้อย มาอวดกัน

อิฉันเองนั้นไม่ทราบจริง ๆ       ขอแต่น้ำปลามะกอกชามเดียวค่ะ





กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 08 พ.ค. 10, 22:05

       พลิกตำรากับข้าวสอนลูกหลาน ไปที่หน้า ๔๖


ปลานึ่ง  น้ำพริกมะกอก

ล้างปลาช่อนหรือปลากะพงให้สะอาด        ใส่จานคลุมด้วยผักกาดขาว  ใบหอม  ดอกแค  นึ่ง 

พริกแห้ง  กระเทียม  กะปิ  กุ้งแห้ง  ข่า  โขลกให้ละเอียดใส่น้ำตาล น้ำปลา และน้ำปลานึ่งละลายชิมดู

หั่นมะกอกใส่เป็นน้ำจิ้มปลานึ่ง



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 08 พ.ค. 10, 23:14
จากความเห็น 14
ท่านผู้หญิงจับ  ภรรยาพระมหาอำมาตย์ (ชื่น  กัลยณมิตร)
เท่าที่เคยทราบมา  ท่านผู้หญิงก็คือภรรยาของเจ้าพระยา
ทำไมภรรยาพระมหาอำมาตย์  ได้เป็นท่านผู้หญิงค่ะ  ขอความรู้หน่อยค่ะ

จากความเห็น 17  น้ำปลามะกอก
คือน้ำปลากับมะกอกหรือเปล่าคะ
เพราะเคยมีปัญหากับพริกกะเกลือมาแล้วค่ะ     สมัยเรียนอ่านพบในหนังสือว่าพริกกะเกลือเป็นเสบียงกรังในการเดินทางไกล
ใช้คลุกข้าวกิน   ดิฉันกับเพื่อนๆงงมาก  เพราะเข้าใจว่าคือพริกกะเกลืออย่างที่ใช้จิ้มฝรั่งดอง  พอเพื่อนคนหนึ่งไปถามคุณยาย
อีกสองสามวัน  เพื่อนคนนั้นก็หิ้วพริกกะเกลือใส่กล่องมาให้ลองชิมกัน  คุณยายว่าให้เอามาเป็นรางวัลที่ทำให้ท่านได้หัวเราะค่ะ
วันนั้นพวกเราถึงได้รู้ว่ามันต่างกันกับอย่างที่ใช้จิ้มฝรั่งดอง   :-[







กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 พ.ค. 10, 00:34
เป็นการเรียกแบบยกย่องค่ะ

ลองตรวจดูจากราชกิจจาซิคะ




เรื่องพริกกะเกลือก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากจะเข้าใจนัก
รายละเอียดของการประกอบอาหารนั้น เป็นเคล็ดของแต่ละครอบครัว

ขนมไทยง่าย ๆ เช่นฝอยทองนั้น  การใช้ไข่ก็ยังแตกต่างกันไป ม.ล. เติบ สนิทวงศ์ท่านเล่าไว้ในตำราอาการสายปัญญาสนุกมาก

เรื่องน้ำปลามะกอก  คงเป็นมะกอก และน้ำปลาเป็นหลัก

อาหารจานที่ใกล้เคียงกันก็มี น้ำปลายำ  ที่บางบ้านใส่แค่ใบมะกรูดอ่อนฉีกยำกับน้ำปลา
บางบ้านก็มีน้ำพริกมะกรูด ใช้ใบกลางๆหั่นฝอย  กินกับหมูเปรี้ยว เป็นตำราเฉพาะของบางครอบครัว
บางบ้านก็มีตะไคร้อ่อนซอย  กุ้งแห้ง หรือหอมแดงด้วย
มะดันน้ำปลาก็มีมะดันซอย  หอมแดง  น้ำปลา(กินกับทุกอย่างที่ขวางหน้า)

เรื่องตำราอาหารก็เป็นเรื่องน่าสนใจค่ะ  เช่นตำราแม่ครัวหัวป่าก์   
ที่ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์จดมาจากแม่ครัวคนสำคัญของประเทศหลายคนหลายตำรา
จนต้องหาลูกหลานของสกุลนั้น ๆ มาช่วงทำงานครัวด้วย

ในนวนิยายต่าง ๆ ก็มักจะมีรายการอาหารจานโปรดของพ่อบ้าน
ซึ่งคงไม่ใช่แค่น้ำพริกมะขามผักต้ม


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 พ.ค. 10, 04:10
       
       เมื่อแต่งงานได้ ๖ เดือน    เจ้าคุณเพ็ชรรัตน์ต้องการให้บุตรชายกลับมาอยู่ที่บ้านในตำบลตึกแดงตามเดิม

ท่านผู้หญิงจึงต้องติดตามสามีมา   ตอนนั้นท่านอายุได้ ๑๙ ปีเศษ

ต้องดูแลบ้านเรือนตลอดจนทำอาหารให้สามีด้วยตนเอง  และต้องทำตนให้เป็นที่เอ็นดูของบิดาและมารดาของสามี

และวางตัวให้เข้ากับญาติและคนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันประมาณ ๑๐๐ คนได้เป็นอย่างดี



       สมัยนั้นการลงอาญาข้าคนเป็นของธรรมดาของหัวหน้าครอบครัวที่มีบรรดาศักดิ์สูง    ท่านผู้หญิงเป็นผู้ที่มีเมตตา

จึงพยายามอ้อนวอนท่านเจ้าคุณบิดาของสามี  ผู้เป็นที่เกรงขามของบุตรภริยาและผู้อยู่ในอำนาจ

มิให้ลงอาญากับข้่คนได้สำเร็จหลายครั้ง   สร้างความนิยมกตัญญูรักใคร่ได้มาก


       ไม่นานเจ้าพระยามหิธรได้เงินเดือนขึ้นเป็น ๔๐ บาท    ไล่กฎหมายได้เป็นเนติบัณฑิตคนแรกของประเทศ

ได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา  ได้เลื่อนเป็นหลวงจักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ  และได้เป็นอธิบดีศาลแพ่งเมื่อมีอายุเพียง ๒๓ ปี

เมื่ออายุ ๒๕ ก็ได้เป็นปลัดทูลฉลอง  เลื่อนบรรดศักดิ์เป็นพระจักรปาณี




       ท่านผู้หญิงมีภาระต้องดูแลบุตรที่เพิ่มขึ้นทุกปี     ดูแลบ้านเรือนต้อนรับแขกหรื่อที่เป็นมิตรและลูกศิษย์ของสามี

บางวันมีแขกมาร่วมรับประทานอาหารด้วยมื้อละหลายคนโดยมิได้ทราบล่วงหน้า      ท่านผู้หญิงต้องพลิกแพลงจัดปรุงอาหาร

แล้วมาร่วมรับประทานด้วย



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 พ.ค. 10, 04:36
อาหารที่ประกอบด้วยความชำนาญ เพื่อต้อนรับท่านผู้มีเกียรติ  ไม่พ้นกำลังฝีมือ



       แวะดูรายการอาหารในเล่ม หนังสือกับข้าวสอนลูกหลาน เพื่อนำมาแสดงฝีมือ

อาหารกลางวันที่ดูแตกต่างไปสักหน่อยคือ

หมี่น้ำส้ม   เครื่องปรุงมีเส้นหมี่  ปูทะเล  บวบหอม

ลวกเส้นหมี่ พักไว้

ลวกปูทะเลแกะเอาแต่เนื้อและมัน     หั่นบวบ

เครื่องปรุงประจำบ้านนั้น  โขลกพริกชี้ฟ้า  ละลายกับน้ำส้ม

ตั้งกะทะใส่น้ำมันหมู  ผัดบวบ  ใส่เส้นหมี่  เนื้อปู  ราดน้ำส้มที่ทำไว้

ใส่เกลือ  น้ำตาล  น้ำซอสตรากระต่าย  ชิมให้เปรี้ยวนำ มีรสเค็มหวาน

รองจานเปลด้วยผักกาดหอม

    

       ในฐานะนักชิม  นิยมการใช้เครื่องปรุงของท่านผู้หญิง  เพราะดูประหยัด  มีรส

เพราะบวบย่อมดูดรสหวานเปรี้ยวเค็ม



อาหารอีกจานหนึ่ง คือ หมี่เซ่งจีี๊      ท่านใช้เซ่งจี๊และตับเหล็กลวก

หลังจากทอดหมี่แล้ว   ทอดเซ่งจี๊กับตับให้กรอบ

เครื่องหมี่อื่นๆ คือ กุ้งแห้งทอด และเต้าเจี้ยว

หลังจากปรุงรสแล้วก็มีส้มซ่าหั่นฝอย  ทั้งเนื้อและเปลือก

กระเทียมดองซอยฝอย  พริกแดง  ผักชี



     แม่ครัวที่ดีนั้น  ต้องหัดมือรองไว้ปอก หั่น ทุบ ล้างอาหาร

เมื่อจะลงมือนั้น  คงต้องลงมือเอง


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 พ.ค. 10, 05:02
       เจ้าคุณบิดาของสามีนั้น  เป็นผู้ที่เคร่งครัดในการฝึกคนในบ้านให้รู้จักมัธยัสถ์  และทำตนให้เป็นประโยชน์

ท่านมีเลขอยู่ในสังกัดเป็นจำนวนมาก  และเลขเหล่านั้นต้องผลัดกันนำผลิตผลจากนาจากสวน  ได้แก่ข้าวเปลือก 

ปลาแห้ง  มะพร้าว  น้ำตาลและกล้วย  มาส่งเป็นประจำตลอดปี


       ท่านเจ้าคุณแนะท่านผู้หญิงให้รับซื้อ มะพร้าว น้ำตาล และกล้วย  ที่เลขเหล่านี้นำมาให้ในราคาถูก

และให้นำไปประกอบขนมขายเป็นลำไพ่


     ท่านผู้หญิงปฎิบัติให้ต้องตามความปรารถนาของท่านผู้ใหญ่   สร้างความเอ็นดูให้เพิ่มขึ้น

ท่านเล่าว่าท่านไม่เคยว่างเลย  เพราะเป็นแม่บ้านของปลัดทูลฉลองกระทรวงยุติธรรม   ยังต้องทำขนมออกเร่ขายรอบบริเวณบ้านทุกวัน



     (ความคิดเหมือนไฟฟ้าที่แว่บขึ้นมาถึง ช้อยในสี่แผ่นดิน ที่คุยกับพลอยว่า ถ้าได้เป้นท่านผู้หญิงจะทำตัวอย่างไร

คุณเปรมนั้นสกุลท่านเป็นเจ้าสัวหัวตะเภา  รุ่มรวยเป็นนักหนา)



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 พ.ค. 10, 05:25
ข้อความต่อไปนี้ คงตอบคำถามของ คุณ แอนนาได้ถูกต้อง

ในเวลานั้น ยังมิได้มีพระราชบัญญัติคำนำหน้าสตรี



     เมื่อสามีได้เลื่อนเป็นพระยาจักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์    คนทั้งหลายยังเรียกท่านว่า คุณนายกลีบ



ฐานะในครอบครัวยังเปลี่ยนแปลงได้  สมัยนั้นชายมีเอกภรรยาได้หลายคน เช่นภรรยาเดิม   ภรรยาแต่งงาน  และภรรยาพระราชทานเป็นต้น


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 พ.ค. 10, 11:46

       ในระหว่างที่สามีเป็นปลัดทูลฉลองกระทรวงยุติธรรมนั้น   ท่านผู้หญิงได้เฝ้าพระเจ้าบรมวงศ์เธอ

พระองค์เจ้าอัจฉรพรรณีรัชกัญญา    เชษฐภคินีของกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เสนาบดี

เสด็จได้ทรงนำท่านผู้หญิงขึ้นเฝ้าสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ   สมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี

และเจ้านายฝ่ายในพระองค์อื่น ๆ ในพระบรมมหาราชวังเนือง ๆ




       พระองค์เจ้าประดิษฐาสารีตรัสเล่าว่า   เมื่อพระองค์เจ้าอัจฉรพรรณี  ทรงแนะนำให้ทรงรู้จักท่านผู้หญิงในฐานะภริยาปลัดทูลฉลองนั้น

พระองค์ตกพระทัยมาก  ด้วยไม่ได้ทรงคิดว่าเด็กผู้หญิงผู้เป็นหลานของเจ้าจอมมารดาของพระองค์   ที่มารดาพาหนีไปจากตำหนัก

ของพระองค์เมื่อ ๑๐ กว่าปีมานี้    จะได้ดีมีเกียรติยศถึงกับเป็นภรรยาเจ้าคุณปลัดทุลฉลองกระทรวงยุติธรรม




       ปลายปี พ.ศ. ๒๔๔๗ เกิดกาฬโรคที่ตำบลตึกแดง        กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ทรงชวนให้เจ้าพระยามหิธร

และท่านผู้หญิงอพยพไปอยู่ที่ตำหนักซึ่งทรงปลูกไว้ที่เชิงสะพานเทเวศร์เป็นเวลาหลายเดือน




     เจ้าพระยามหิธรได้ซื้อที่ที่ถนนซังฮี้นอก บัดนี้คือถนนราชวิถี  และไปปลูกบ้านเรือนใหม่            บ้านถนนราชวิถีอยู่เยื้องกับสวนนอก

ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ซื้อประทานเจ้าจอมมารดาชุ่ม และบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ

พระราชทานแก่พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ และพระยาประเสริฐศุภกิจ  น้องชายทั้งสองของเจ้าจอมมารดา   ท่านผู้หญิงจึงได้ไปมาหาสู่ญาติทางสามี

และได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยเจ้าจอมมารดาชุ่มได้กรุณากราบเรียนว่าเป็นน้องสะใภ้


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 พ.ค. 10, 12:23

       เมื่อเกิดเหตุข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงยุติธรรม ๒๘ คน  ลงชื่อถวายฎีกาขอลาออกตามกรมหลวงราชบุรี

กรมขุนศิริธัชสังกาศรีบเสด็จมาถึงบ้าน  และทรงบังคับให้เจ้าพระยามหิธรทำหนังสือขอพระมหากรุณา

ขอถอนหนังสือกราบถวายบังคมลาและขอพระราชทานอภัย


     

(หนังสือ ประวัติพระยาสีหศักดิ์สนิทวงศ์ เล่มบาง ๆ  พิมพ์โดย บรรณกิจเมื่อปี  ๒๕๒๕  ราคา ๑๔ บาท

เป็นหนังสือที่น่าอ่านประกอบเรื่องราวตอนนี้   นักอ่านเมื่อสนทนากันจะจำเรื่องราวของคุณถัดมาเล่าประกอบ

เรื่องราวที่น่าตื่นเต้นตอนนี้ได้         ท่านที่ยังไม่ได้อ่านอย่าพลาดเป็นอันขาด  เพราะท่านจะเข้าใจประวัติศาสตร์ของไทย

ได้แบบซึมซาบ   เมื่อคุณถัดกับพี่น้องสามคนปีนรั้วหนีการประชุมออกมา  นักอ่านก็จำและเข้าใจและจำมาลองภูมิกันได้ครึกครื้น)





       กลับมาที่เรื่องของท่านผู้หญิงกลีบ  มหิธร


       เจ้าพระยามหิธรถูกงดความดีความชอบ  และไม่ได้รับพานทอง

ท่านผู้หญิงเป็นห่วงสามีเกรงจะได้รับพระราชอาญา  อาจจะต้องออกจากราชการ  และครอบครัวจะเดือดร้อน

เพราะรายได้ก็มีแต่เงินเดือน  และมรดกก็เป็นที่ดิน   ผู้คนในบ้านก็หลายสิบคน



ท่านหวลคิดถึงคำสั่งสอนของท่านเจ้าคุณบิดาของสามี       จึงเริ่มการหาลำไพ่โดยการปรุงน้ำอบไทย 

น้ำปรุง  แป้งร่ำ  ทำแป้งนวล  สีผึ้งสีปากและน้ำมันตานี

จัดใส่หาบให้คนใช้  ออกไปเร่ขายวันละ ๖ หาบ    พอช่วยค่าครองชีพได้  เพราะบ้านตั้งอยู่ในทำเลที่ดีใกล้พระราชวังดุสิต

ชาวบ้านสามเสนก็พอใจซื้อหา


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 10, 19:12
กระทู้นี้นอกจากได้ความรู้ที่หายาก  อาจได้น้ำหนักเพิ่มมาด้วยโดยไม่รู้ตัว

อ้างถึง
เรื่องน้ำปลามะกอก  คงเป็นมะกอก และน้ำปลาเป็นหลัก

คุณวันดีทำให้ดิฉันอยากรู้ขึ้นมามากๆ ว่าน้ำปลามะกอกเป็นยังไง    ไปถามแม่ครัวซึ่งรู้จักอาหารพื้นบ้านภาคกลางเกือบทุกชนิด เขาก็ไม่รู้จัก      กลับย้อนถามว่ามะกอกที่ว่าคือมะกอกชนิดไหน  มะกอกป่า หรือมะกอกน้ำ หรือมะกอกที่เมื่อก่อนขายกับฝรั่งดอง
เขาเดาว่าน่าจะเป็นน้ำปลาบีบมะกอกลงไป  โรยพริกป่น    กินทำนองเดียวกับแจ่ว  หรือไม่ก็น้ำปลา ซอยมะดันลงไป ใส่หอม และพริกขี้หนู


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 09 พ.ค. 10, 20:40
กระทู้นี้นอกจากได้ความรู้ที่หายาก  อาจได้น้ำหนักเพิ่มมาด้วยโดยไม่รู้ตัว

อ้างถึง
เรื่องน้ำปลามะกอก  คงเป็นมะกอก และน้ำปลาเป็นหลัก

คุณวันดีทำให้ดิฉันอยากรู้ขึ้นมามากๆ ว่าน้ำปลามะกอกเป็นยังไง    ไปถามแม่ครัวซึ่งรู้จักอาหารพื้นบ้านภาคกลางเกือบทุกชนิด เขาก็ไม่รู้จัก      กลับย้อนถามว่ามะกอกที่ว่าคือมะกอกชนิดไหน  มะกอกป่า หรือมะกอกน้ำ หรือมะกอกที่เมื่อก่อนขายกับฝรั่งดอง
เขาเดาว่าน่าจะเป็นน้ำปลาบีบมะกอกลงไป  โรยพริกป่น    กินทำนองเดียวกับแจ่ว  หรือไม่ก็น้ำปลา ซอยมะดันลงไป ใส่หอม และพริกขี้หนู

ขออนุญาตตอบนะครับ  น้ำปลามะกอก  จำได้เลาๆ ว่า ท่านให้เอามะกอกเลือกเอาลูกแก่ๆ  มาปอกเปลือกแล้วสับเนื้อฝานลงในน้ำปลานั้น   เติมพริกขี้นูหั่น หัวหอมแดงซอย ปนลงไปในน้ำปลานั้น  ส่วนจะเป็นมะกอกชนิดใดนั้น   คิดว่า  ควรเป็นมะกอกน้ำเพราะสมัยก่อนหาง่าย  ปลูกกันริมน้ำริมคลองแทบทุกบ้าน   ส่วนมะกอกป่า  ต้นสูงมาก   ชาวบ้านสมัยก่อนไม่ค่อยปลูกไว้ใกล้บ้าน   แต่เข้าใจว่าอาจจะใช้แทนกันได้  น้ำปลามะกอก  เคยเห็นท่านจัดให้รับประทานกับไข่ต้มเป็นตานีนิด  ท่านว่าเจริญอาหารดีนักแล ;D


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 10, 21:04
*


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 10, 21:11
อ้างถึง
ท่านผู้หญิงจับ  ภรรยาพระมหาอำมาตย์ (ชื่น  กัลยณมิตร)
เท่าที่เคยทราบมา  ท่านผู้หญิงก็คือภรรยาของเจ้าพระยา
ทำไมภรรยาพระมหาอำมาตย์  ได้เป็นท่านผู้หญิงค่ะ  ขอความรู้หน่อยค่ะ

ขอขยายความจากที่คุณวันดีตอบ  คือสมัยที่ยังไม่มีพระราชบัญญัติคำนำหน้าสตรี     ภรรยาหลวงของขุนนาง เรียกกันอย่างยกย่องว่า ท่านผู้หญิง   ไม่จำกัดว่าขุนนางระดับพระยาหรือเจ้าพระยา
ในขุนช้างขุนแผน  ขุนช้างเป็นแค่มหาดเล็ก  ไม่มีบรรดาศักดิ์    นางวันทองเป็นภรรยาหลวง (หรือที่ถูกคือภรรรยาคนเดียว)   กวีก็เรียกว่าท่านผู้หญิง  เห็นได้จากตอนพระไวยแต่งงาน

ท่านผู้หญิงวันทองร้องเรียกบ่าว             .....................

ในนิราศเมืองเพชร   ระหว่างเส้นทางที่สุนทรภู่เดินทาง   แวะบ้านมิตรเก่าชื่อขุนแพ่ง   ผู้ไปตายเสียในศึกเจ้าอนุวงศ์
ก็เรียกภรรยาหลวงว่า
สงสารท่านผู้หญิงมิ่งเมียหลวง              .......................

ขยายความต่อว่า แม้ในยุครัชกาลที่ ๖  ที่มีคำนำหน้าสตรีแล้ว   สตรีที่เป็นภรรยาหลวงของพระยา  ถึงไม่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯจุลจอมเกล้า  ก็เรียกว่า "คุณหญิง"   ส่วนผู้ที่ได้รับ ก็แน่นอนว่าเป็น "คุณหญิง" อย่างเป็นทางการ
ส่วนภรรยาหลวง หรือภรรยาออกหน้าออกตา ของเจ้าพระยา  ถ้าไม่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯถึงขั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ    ก็ไม่เรียกว่า ท่านผู้หญิง   เรียกว่า"คุณหญิง" เท่านั้น


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Tanat ที่ 09 พ.ค. 10, 21:18
มะกอกมีหลายชนิด
มะกอกที่มีรสหอมเมื่อสุก เอาไว้ใช้ทำกับข้าว คือมะกอกป่า
มะกอกชนิดนี้คือที่เขาเอามาตำส้มตำ เมื่อสุกปลิ้นเปลือกเคี้ยว มีรสเปรี้ยวอมฝาด
 หากกินน้ำตาม จะหวาน
ใบเอามาย่างไฟ ยำกับมะม่วง หอมนักแล

คนโบราณตัดกิ่งมาปักทำรั้ว อีกไม่นานก็ออกราก เติบโตเร็ว ขยายพันธุ์ง่าย


มะกอกน้ำ ประโยชน์น้อย แค่กรุบๆ กรอบๆ กินเล่น
ไม่ใช้ทำกับข้าวฮะ




http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:1vXEwZAzjDYJ:kontongphai.com/forum/index.php%3Ftopic%3D359.0+%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2&cd=10&hl=de&ct=clnk&gl=de


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 พ.ค. 10, 21:18
สมัยผมยังเรียนอยู่จุฬา มีร้านอาหารอิสานอยู่ในซอยข้างวัดปทุม ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาลตำรวจ อาหารเด็ดคือปลาดุกย่างจิ้มแจ่วปลาร้าใส่มะกอกกินกับข้าวเหนียว ถึงร้านจะสกปรกคนจะแน่น พวกผมก็ยังหมั่นไปอุดหนุนเพราะติดใจน้ำจิ้มนี่แหละ พอเขาจะสร้างโครงการใหญ่ตรงนั้น ร้านอาหารในซอยก็หายไปหมด ไม่มีใครได้ทันติดตามว่าร้านโปรดของพวกเราย้ายไปอยู่ที่ไหน แสนเสียดายฝีมือจริงๆ

มะกอกที่เขาหั่นทั้งเนื้อและเปลือกลงไปโขลกในครกเป็นมะกอกสุก เปลือกออกเหลือง พันธ์เดียวกับมะกอกดองที่เจ็กขายคู่กับฝรั่งดอง ตอนดิบๆจะกรอบและหวานมันกว่าฝรั่งมาก ราคาก็แพงกว่า เมล็ดจะมีขนแข็งๆยาวๆ เดี๋ยวนี้อาจจะหากินยากหน่อยแต่ก็น่าจะยังพอมีขาย

สัปดาห์ที่แล้วเผอิญไปติดอยู่ในซอยเจ๊เล้งอย่างทรมาน ไม่รู้จะทำอะไรเลยเดินเล่นแล้วไปเห็นร้านส้มตำที่ท้ายซอย แม่ค้าฝานฝรั่งสุกลงไปตำด้วย อดซื้อใส่ถุงมาทานที่บ้านไม่ได้ ทั้งกลิ่นและรสชาดไม่ผิดหวัง นึกถึงความหลังขึ้นมาทีเดียว

มะกอกน้ำเป็นลูกเล็กๆคล้ายสมอนะครับ เอาไปดองได้อย่างเดียว มะกอกป่าก็คล้ายมะกอกบ้าน แต่รสชาดโหดทั้งเปรี้ยวทั้งฝาดคนคงกินไม่ได้ นอกจากนกเงือก มะกอกที่ท่านผู้หญิงเอามาทำน้ำปลาคงเป็นมะกอกบ้าน หรือมะกอกสวน(มะกอกป่าที่คัดพันธ์มาแล้ว) อย่างเดียวกับแจ่วที่ผมโปรดปรานนั่นแหละครับ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Spondias cytherea Sonn.
ชื่อสามัญ : Jew’s plum, Otatheite apple
วงศ์ : Anacardiaceae
ชื่ออื่น : มะกอกฝรั่ง มะกอกหวาน (ภาคกลาง)


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 พ.ค. 10, 21:37
     ขอบคุณคุณเทาชมพูค่ะ         ชื่นชมท่านผู้หญิงที่ท่านมีวาจาอันหวานหูและเหมาะควรต่อเจ้าบ่าวของท่าน



     ชอบภาษาของคุณหลวงเหลือเกิน   ต้มไข่เป็นตานี แทนคำว่ายางมะตูม

ภรรยาของข้าราชการยุติธรรม  ซึ่งจำเป็นต้องสมาคมอยู่ในกลุ่มของตน  ในสมัยก่อนก็ต้องเลี้ยงอาหาร
เพราะหาที่ซื้อไม่สะดวก  และการสนทนาก็ใช้เวลานาน  ต้องปรึกษากันโดยรอบคอบ


ตำราทำอาหารของท่านผู้หญิงที่แปลกคือ ข้าวผัดส้มมะขามเปียก  และข้าวผัดน้ำมันเนยค่ะ

ข้าวผัดส้มมะขามเปียก
แกะมะขามเปียกเอาแต่เนื้อโขลกกับกุ้งแห้ง พริกแห้ง  กระเทียม  กะปิ  ให้ละเอียด  ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา

คลุกน้ำพริกกับข้าวที่ผึ่งไว้  ให้มีเปรี้ยว เค็มหวาน

ตอกไข่ดิบใส่ชาม  ตักไข่แดงออกมา
ทอดไข่ขาวให้เป็นไข่ดาว ฟองเล็ก ๆ  ใส่ไข่แดงดิบที่หั่นเป็นคำเล็ก ๆ

ผัดข้าวแล้วก็ประดับด้วยไข่ดาวฟองเล็ก ๆ

ศิลปการเรือนการครัวของแต่ละบ้านก็คงไม่เหมือนกัน     บ้านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่รับแขกมากและบ่อย ก็ต้องพลิกแพลง


ข้าวผัดน้ำมันเนย
ผัดหอมกระเทียม    ผัดข้าวที่คลุกน้ำพริกเผา    ใส่ไข่
รับประทานกับกระเทียมดอง และแกงจืด

ดูเครื่องปรุงแล้วไม่หรูหราหรือแพง  ดูจะประหยัดด้วยซ้ำ    แต่คงได้รสโอชา

สิ่งที่เหนือกว่ารสของอาหาร  คือการที่ได้ร่วมวงสนทนา


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 พ.ค. 10, 22:10

     คุณ Navarat.C   คงพูดถึงร้านปลาดุกย่างที่ย่างมาทีเป็นอ่าง แน่ ๆ

รำลึกความหลังได้เหมือนกัน   ว่าปลาดุกย่างกินกับมะกอก


เรื่องมะกอกเผาก็จำได้   ขอบคุณ คุณ Tanat


ท่านผู้หญิงเป็นสาวชาวสวน  กับข้าวมีอะไรใกล้มือ  ท่านก็หยิบทำไป



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 10, 22:39
ถามคนใกล้ตัวแล้ว   ปรากฏว่าในสวนมีทั้งมะกอกน้ำ และมะกอกที่เมล็ดมีขนแข็งๆยาวๆ   เขาก็สงสัยเหมือนกันว่านึกยังไงไปซักถามเขาเรื่องมะกอก     ร้อยวันพันปีไม่เห็นสนใจจะกิน
อีกวันสองวันคงจะได้ลิ้มรสน้ำปลามะกอก  กับไข่ต้มเป็นยางมะตูม    พอได้กลิ่นอายของสวนท่านผู้หญิงกลีบบ้าง
คงเอารสชาติมาเล่าสู่กันฟังละค่ะ

ไข่ต้มเป็นตานี   คำนี้  ที่มามาจากอะไรคะ คุณหลวง

สมัยเรียน  ไม่เคยมีเวลาพอจะเสาะหาอาหารมื้อกลางวันโอชารสอย่างคุณ N.C.    จำได้ว่ากินที่โรงอาหารกันตายไปวันๆ   ต้องรีบไปด้วย เพราะชักช้าพวกวิศวะจะมาแย่งที่นั่งไปหมด


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 พ.ค. 10, 23:34

       เมื่อบ้านที่ถนนราชวิถีได้ปรับปรุงจนอยู่สบายแล้ว    ได้รับมารดาของสามี คือ ท่านตาล เพ็ชรรัตน์
จากบ้านเก่าที่ตึกแดงมาปลูกเรือนให้อยู่ในบริเวณบ้าน

     ท่านผู้หญิงได้สมัครเป็นสมาชิกแม่เสือ ในกองเสือป่าและลูกเสือ

     เมื่อตั้งสโมสรจิตรลดาขึ้น  มีการพบกันที่พระตำหนักจิตรลดาทุกวันเสาร์และรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน
เมื่อถึงเวรของเจ้าพระยามหิธร นายทะเบียน  ท่านผู้หญิงก็ต้องอำนวยการ จัดอาหาร

ในงานออกร้านฤดูหนาวเพื่อหารายได้บำรุงกิจการเสือป่า       ท่านเจ้าคุณต้องออกร้าน  ท่านผู้หญิงก็ต้องจัดร้าน  และคอยรับเสด็จพระราชดำเนินเวลาเสด็จประพาสร้าน


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 พ.ค. 10, 23:49

     ท่านผู้หญิงมีสวนดอกไม้ที่เป็นมงคลและมีชื่อในวรรณคดี  เช่น


ราชพฤกษ์                  ชัยพฤกษ์                เกด             แก้ว                 พิกุล
บุนนาค                    สารภี                    ประยงค์            กาหลง              ชงโค
โยทะกา                 มหาหงส์                  มะลิลา                มะลิซ้อน              จำปี
จำปา                 กระดังงา                   ลำดวน                   บุหงา                  ลำเจียก
ปีป                สายน้ำผึ้ง                    จำปาแขก                   จันทน์กะพ้อ                นมแมว
เทียนกิ่ง       เขี้ยวกระแต                    ชะลูด                           และ โมก  เป็นต้น


       ท่านผู้หญิงได้กลั่นน้ำหอมและน้ำมันหอม    ไว้ใช้ปรุงน้ำอบไทยและน้ำปรุง



       ท่านสะสมเครื่องหอม  ปลูกเตย  เนียม    เลี้ยงชะมดและซื้อพิมเสน       หย้าฝรั่นและกำยาน  น้ำตาลแดงและแก่นจันทน์

มีโถขนาดต่าง ๆ  ตะคันและทวน             ท่านฟั่นเทียนได้อย่างชำนิชำนาญ และทำเทียนอบไว้ใช้เองเสมอ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 พ.ค. 10, 07:41

ไข่ต้มเป็นตานี   คำนี้  ที่มามาจากอะไรคะ คุณหลวง


คงมีที่มาจากลักษณะของน้ำมันตานีที่เหนียวข้น  แถวบ้านผมไม่มักเรียกว่าไข่ยางมะตูม  แต่จะเรียกว่าไข่ตานีแทน 
เข้าใจว่า  คงจะสะดวกปาก  และสั้นกว่า  แต่ถ้าถามว่าทำไมภาษาสุภาพจึงยักย้ายไปเรียกว่า  ไข่ยางมะตูม 
ตอบอย่างเดาๆ  ว่า  คำว่า ตานี ซึ่งมีที่มาจากน้ำมันตานี  มันไปปรากฏเป็นบทสวดคฤหัสถ์ชื่อบทสวดแขกตานี  ซึ่งเป็นกลอนแดงเถือกทีเดียว
สุภาพชนท่านจึงเลี่ยงไปใช้ยางมะตูมแทน  ซึ่งก็ฟังเข้าที  แต่ชาวบ้านก็ยังติดคว่า ไข่ตานีเมือนเดิม


เอ  ผมสงสัยว่า  น้ำมันตานี  กับ มุหน่าย เป็นของสิ่งเดียวกันหรือไม่ครับ :-\ ???


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 พ.ค. 10, 08:01

มุหน่าย  คือนำ้มันตานีที่ผสมเขม่าและน้ำปูนใส

เข้าใจว่าผสมแล้วใส่เปลือกหอยแครงขนาดกลางๆไว้

การขูดเขม่านั้น  ใช้เปลือกหอยแครงขูด เพราะมีร่องขูดได้คล่อง

เปลือกหอยแครง  ชาวบ้านสั่งสอนกันมาว่าใส่ไว้ในรังถึงจะช่วยป้องกันตะกรันได้ส่วนหนึ่ง



ท่านเจ้าประคุณขุนช้างจะแต่งตัวไปงานแต่งงานพระไวย(ตอนครูแจ้งที่ว่าหายากนักหนา)
ควักมุหน่ายใส่ไปตั้งสามฝา


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 พ.ค. 10, 08:44

     ท่านผู้หญิงมีสวนดอกไม้ที่เป็นมงคลและมีชื่อในวรรณคดี  เช่น


ราชพฤกษ์                  ชัยพฤกษ์                เกด             แก้ว                 พิกุล
บุนนาค                    สารภี                    ประยงค์            กาหลง              ชงโค
โยทะกา                 มหาหงส์                  มะลิลา                มะลิซ้อน              จำปี
จำปา                 กระดังงา                   ลำดวน                   บุหงา                  ลำเจียก
ปีป                สายน้ำผึ้ง                    จำปาแขก                   จันทน์กะพ้อ                นมแมว
เทียนกิ่ง       เขี้ยวกระแต                    ชะลูด                           และ โมก  เป็นต้น

คุณวันดีจัดสวนดอกไม้ได้สวยงาม



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 10, 08:50
มุหน่าย คงเปรียบได้กับเจลใส่ผมสีดำ      ขุนช้างแต่งตัวออกงานทีไร ไม่เคยลืมเมคอัพศีรษะด้วยมุหน่าย
ในฉบับหอพระสมุด    ตอนแต่งตัวไปวัด งานเทศน์มหาชาติ    กวีท่านบรรยายว่า

ควักเอามุหน่ายขึ้นป้ายปีก           ฉีกผมปกกบาลให้ล้านหาย


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 พ.ค. 10, 09:01
     สวัสดีค่ะคุณเพ็ญชมพู

บ้านท่านคงกว้างขวางมากนะคะ  มีพิกุลและกระดังงา


ปีบก็ขยายพันธุ์เร็ว  รากยึดพื้นที่ได้ไว    จำปีและจำปานั้นถ้ามาปลูกใกล้ปีป  จะไม่งาม


เรื่องกระดังงากับการเวกยังเป็นปัญหาไม่ค่อยจะตกลงกันได้ในหมู่นักอ่าน
เพราะเราเข้าใจมาตลอดว่า  ดอกไม้กลีบแข็งที่ส่งกลิ่นหอมหวานตอนเย็นๆ นั้นคือ กระดังงา
กิ่งยืดตัวได้เร็วมากค่ะ



คุณเพ็ญชมพูที่รักและคุณหลวงที่นับถือ  กรุณาอธิบายเรื่อง สตรีที่โดนเปรียบว่ากระดังงาลนไฟได้ไหมคะ




เรื่องจัดดอกไม้ท่านผู้หญิงได้อบรมเด็ก ๆ  บุตรหลาน  ที่ต่อมาได้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านจัดดอกไม้
เช้นคุณวลี  ยุวบูรณ์เป็นต้น

ท่านผู้หญิง  เป็นบุคคลที่รู้จักคน  หัดคนเป็น   และมีผู้กตัญญูรู้คุณเสมอ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 พ.ค. 10, 09:05

ฉีกผม(ฉีก   ทำให้แยกจากกัน)     นี่คือการเกลี่ยผมทีละสองสามเส้น  จากด้านข้างขึ้นมาหรือคะ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 พ.ค. 10, 09:17

       เมื่อเจ้าพระยามหธร  สมัครเป็นทวยนาครของดุสิตธานี    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงสมมติพระนามเป็น  นายรามณะกรุงเทพ  อาชีพทนายความ   

ได้ทรงออกหนังสือรายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง  เรียกว่าดุสิตสมิต



ท่านผู้หญิงได้สมัครเป็นสมาชิกสตรีคนแรก  เพราะสนใจในการอ่านหนังสือเป็นอันมาก

ท่านเล่าว่ามีใจรักการหนังสือ

ท่านได้เป็นสมาชิกทวีปัญญาสมาคมซึ่งเป็นสโมสรวรรณกรรม  จัดตั้งขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งแต่เป็นมงกุฎราชกุมาร



(ง่า....ดิฉันยังขาด ทวัปัญญาเล่ม ๕ กับ ๖  อยู่ค่ะ)


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 10, 09:25
หัวของขุนช้าง คงไม่ใช่ล้านทั้งหัวอย่างยูล บรินเนอร์  แต่ต้องมีผมอยู่บ้าง    ล้านแบบไหน  ขุนช้างรำพันถึงตัวเองว่า
ควักเอามุหน่ายขึ้นป้ายปีก                            ฉีกผมปกกบาลให้ล้านหาย
ยังโล่งเลี่ยนเตียนกลางอย่างแปลงควาย           หัวกูฉิบหายน่าอายใจ
.............................
เดินย่องไปส่องกระจกใหญ่                           ทุดหัวจัญไรเหมือนล่องขี้

แสดงว่าหัวขุนช้างโล่งเฉพาะกลางศีรษะ แต่มีผมขึ้นเป็นปกติ  เป็นปีกอยู่สองข้าง    พอป้ายมุหน่ายลงบนปีกผม  (ซึ่งคงมีผมอยู่ไม่น้อย  ถึงเรียกว่าปีกผม   ถ้ามีแค่สองสามเส้นคงเป็นปีกไม่ได้)  ก็เหมือนใส่เจล  
ดึงผมที่เหนียวเข้ารูป สองข้างมาบรรจบกันตรงกลาง   พอกล้อมแกล้มไปได้ว่ามีผมดกดำอยู่กลางศีรษะ  แต่คงปิดไม่มิด เลยเหลือเป็นร่องเตียนโล่งอยู่ตรงกลาง


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 10, 09:44
อ้างถึง
ข้าวผัดน้ำมันเนย
ผัดหอมกระเทียม    ผัดข้าวที่คลุกน้ำพริกเผา    ใส่ไข่
รับประทานกับกระเทียมดอง และแกงจืด

ไม่เคยเห็นน้ำมันเนย  เคยแต่อ่านพบว่าใช้แทนกะทิได้   คุณหญิงดาริน วราฤทธิ์แห่งเพชรพระอุมาเคยทำแกงเขียวหวานเนื้อกวาง ใช้น้ำมันเนยแทนกะทิ     ให้คณะพรรคกินกลางป่า
แต่ที่อ่านของคุณวันดี  ยังสงสัยว่าเมนูนี้ เอาข้าวมาผัดกับน้ำมันเนย  หอม กระเทียม   แล้วคลุกกับน้ำพริกเผาอีกทีหรือคะ

กระดังงา  ถ้าลนไฟเสียอีกที    จะหอมจัดกว่ากลิ่นธรรมชาติค่ะ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 พ.ค. 10, 10:30


ข้าวคลุกน้ำพริกเผาก่อนค่ะ  แล้วเอาไปผัด
ตั้งกะทะแล้วใส่หอมกระทียมก่อนเพื่อเพิ่มกลิ่นเตะจมูก


ท่านผู้หญิงมีตำราข้าวผัดที่แสนจะน่ากินอย่างยิ่งยวด อีก สองตำรา คือ

ข้าวผัดชาววัง

ต้มเค็มหมูสามชั้นปนกับหมูแดง  หั่นชิ้นใหญ่ๆ ต้มเค็มกับน้ำตาล น้ำปลา รากผักชี กระทียม พริกไทย
โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย  แล้วผัดให้หอม   ใส่ต้มเค็มจนหมูเปื่อย

เครื่องปรุงอื่น ๆ ยังมีกุ้งสด  ไข่จืด  ใบหอม ผักชี

ตักน้ำมันหมูในหมูต้มเค็ม(ลอยเป็นฝา)ใส่กระทะ  ปอกกุ้งทั้งตัว ทำความสะอาดตัดหนวดแกะเส้นดำ
ผัดจนสุก  ใส่ข้าว  ผัดต่อ   
ตักเนื้อหมูต้ทเค็มใส่ลงไปด้วย   ตอกไข่ใส่  คนจนไข่สุก

โรยผักชีพริกชี้ฟ้าแดง


ข้าวผัดตลาด

ข้าวสวย  น้ำมันหมู  เนื้อวัวหรือเนื้อไก่  แตงกวา  ผักชี  ใบหอม  ซอสมะเขือเทศ  น้ำเต้าหู้ยี้  น้ำปลาญี่ปุ่น

(น่าจะทำเป็นทุกคน)

แค่ข้าวสวย ตีกระเทียมกับน้ำมันหมู  ก็น่าจะน่ากิน  แถมน้ำเต้าหู้ยี้ ผัดไปด้วย



(นักอ่านบางคนเป็นนักกินอย่างร้ายกาจ  คือเชี่ยวชาญที่หาของกิน แล้วประกอบอาหารขึ้นมา   เวลารับประทานก็อ่านหนังสือไปด้วย
นักอ่านระดับประเทศคนหนึ่ง  รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ   บ้านอยู่เกาะแห่งหนึ่ง((แน่นอนที่จะ ๒ แห่งไม่ได้อยู่แล้ว)) 
ท่านเดินไปยืมหนังสือที่บ้านญาติ  แล้วเดินกลับบ้าน  ปีนต้นไม้ขึ้นไปซ่อนตัว แล้วอ่านหนังสือ
มารดามาตามตัวไปกินข้าวเย็น  ท่านก็ไม่ขานรับเพราะยังอ่านหนังสือไม่เสร็จ)



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 พ.ค. 10, 11:24
หิวข้าวๆ   ;D  เอารูปท่านผู้หญิงกลีบ  มหิธร ตอนรับพระราชทานตราจตุตถจุลจอมเกล้า เป็นคุณหญิง เมื่อ ๑๖ พ.ย. ๑๒๕  การแต่งกายในภาพเป็นการแต่งกายเต็มยศ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 พ.ค. 10, 11:26
ภาพนี้เคยมีคนเอามาลงแต่ภาพไม่สมบูรณ์  ภาพนี้สมบูรณ์  ดูลักษณะการแต่งกายในยามอยู่บ้านของท่านผู้หญิงกลีบ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 พ.ค. 10, 11:29
ภาพต่อไป  เจริญอายุขึ้นมาอีก  แต่ยังดูสง่างาม  (ตอนนี้น่าจะเป็นท่านผู้หญิงแล้ว)


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 พ.ค. 10, 11:30
ภาพนี้เป็นภาพหมู่ 


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 10, 14:56
ภาพในค.ห. ๔๘    ท่านผู้หญิงในเครื่องแต่งกายเต็มยศ  ของคุณหญิงเมื่อรับพระราชทานเครื่องราชฯจุลจอมเกล้า     
อยากให้สังเกตสายสะพาย      สมัยนั้นคุณหญิงจะได้รับสายสะพายด้วย  เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า สายสะพายแพรปัก    ถ้าเป็นทางการเรียกว่า แพรห่มเครื่องยศ    สีสันคือสีชมพู

รูปหมู่ในค.ห. ๕๑    หญิงสาวคนขวาสุด น่าจะเป็นท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล  บุตรีของท่านผู้หญิงกลีบ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 10, 15:06
ขอแถมรูปเก่าให้ดูกันสักรูป    สตรีในภาพคือคุณหญิงนิมิราชทรงวุฒิ  (เนือง บุณยรัตพันธุ์ หลานปู่ของเจ้าพระยาภูธราภัย (นุช)  )  แต่งกายตามแฟชั่นสมัยปลายรัชกาลที่ ๕   แต่สะพายแพรธรรมดา ไม่ใช่สายสะพาย
เข็มกลัดยาวๆที่เห็นกัน  เป็นพระนามเจ้านายสตรี  พระราชทานให้นางข้าหลวง หรือผู้มีความดีความชอบ ถวายงานในโอกาสใดโอกาสหนึ่งเป็นพิเศษ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 พ.ค. 10, 16:18
   
       วังของพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤติยากร อยู่ที่ถนนราชวิถี ติดอยู่กับบ้านท่านผู้หญิง
จึงมีโอกาสได้คุ้นเคยกับเสด็จในกรมและหม่อม ตลอดจนท่านหญิงพระขนิษฐา


     ท่านผู้หญิงได้มีโอกาสนั่งโต๊ะหลวง รับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำ ในการเลี้ยงพระราชทานเป็นเกียรติแก่ทูตานุทูต และบุคคลสำคัญชาวต่างประเทศบ่อย ๆ

ท่านเสาะหาผู้มีวุฒิพิเศษ เช่นในวิชาละเลงขนมเบื้อง  วิชาปอกมะปรางริ้วเป็นลายแปลก ๆ และขนมไทยโบราณให้มาสอนบุตรหญิง


     อาหารฝรั่งนั้น  ท่านเจ้าคุณชอบ และต้องมีสามสิ่งทุกวัน        ท่านจึงจ้างกุุ๊กฝีมือดีที่กรมหลวงราชบุรีทรงฝึกไว้แล้วมาเป็นพ่อครัวประจำ
ท่านเรียนอาหารฝรั่งจากพ่อครัวจนชำนาญ   สามารถทำอาหารฝรั่งยาก ๆ เช่น พายได้


ส่งบุตรหญิงไปรับการอบรมเรื่อขนบประเพณีจากคุณท้าวนารีคณารักษ์พี่สาวของท่านเจ้าคุณ  ที่วังฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมาทุกวันเสาร์หลังจากกลับจากโรงเรียนครึ่งวัน


เรื่องราวของท่านผู้หญิงหาอ่านได้จากหนังสือเล่มที่ใช้นี้

คัดลอกด้วยความชื่นชมสุภาพสตรีไทยที่เคียงคู่กับสามีตลอดมา

มีการตัดทอนเรื่องราวให้สั้นลงบ้างเพื่อความเหมาะสมในการถ่ายทอด   ขอประทานโทษต่อหลานๆของท่านผู้หญิงด้วย



ท่านมีบุตรธิดา ๑๒ คน  และมีธิดาที่เลิศแล้วด้วยความสามารถที่เราอยากนำมาเสนอต่อไป



เมื่อวันฉลองอายุ  มีงานทางสงฆ์และงานเลี้ยงดูกัน  ตั้งเวที      ลูกๆคิดจะทำตราที่หน้าโรงละคร  จึงปรึกษากันว่าจะเป็นกลีบดอกไม้อะไรดี

ท่านผู้หญิงแจ้งว่า ควรจะเป็นกลีบดอกจำปา   เพราะท่านชื่อ กลีบจำปา

บุตรธิดาดีใจและประหลาดใจมาก ว่า ทำไมไม่เคยเล่า และไม่เคยได้ยินใครพูด


     ท่านผู้หญิงหัวเราะและตอบว่า   ท่านเจ้าคุณตัดชื่อท่านให้เหลือพยางค์เดียวตั้งแต่แต่งงาน  เพราะเกรงจะเป็นการทำเทียมเจ้านาย



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: ritti018 ที่ 10 พ.ค. 10, 16:33
ชอบมากๆเลยครับ สำหรับเรื่องราวของท่านผู้หญิงกลีบ ขอขอบคุณ คุณwandee มากๆที่กรุณานำบทความพร้อมภาพมาให้ชื่นชม.........


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 10, 16:50
ชื่อกลีบจำปา  ฟังเป็นนางในวรรณคดี มากค่ะ
อ่านถึงบทบาทสตรีสมัยก่อนแล้ว    น่าสรรเสริญมาก
อายุ ๑๙  ท่านผู้หญิงกลีบก็ต้องเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทครอบครัวใหญ่   พ่อสามีเป็นประธานกรรมการ  บริหารพนักงานกว่า ๑๐๐ชีวิต  โดยไม่มีวันเกษียณ  แถมยังต้องต้อนรับแขกผู้มาเยือนบริษัทไม่เว้นแต่ละวัน   ต้องบริหารงานไม่ให้บกพร่อง     บริษัททำท่าจะขาดทุน ก็ต้องรีบหาทุนมาเพิ่มเติม    ยังไม่รวมบทบาทแม่ของลูก ๑๒ คน อีกล่ะ     ถือว่าเป็นยอดนักบริหารสตรี

ถ้าต้องเกิดเมื่อ ๑๐๐ ปีก่อน   ดิฉันสมัครใจจะอยู่เป็นโสด  สบายกว่ากันแยะ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 พ.ค. 10, 17:35
ขอบคุณคุณ Ritti018  ที่แวะมาบอก  กรุณามากค่ะ

ประวัติของบุคคลสำคัญไทย มักจะขาดตกข้อมูลด้านภรรยา
เมื่อเห็นและได้มา     ประทับใจ  ก็นำมาเล่าสู่กันฟัง

ยังมีคุณหญิงอีกท่านที่ต้องทำขนมให้บ่าวหาบไปขายถึงวันละ ๔ หาบ  เพื่อไม่ให้เป็นภาระของสามีที่อยู่ต่างประเทศต้องส่งเสีย
ยกย่องการทำหน้าที่ของท่านเหล่านี้ 

เมื่อยามคับขัน  ท่านก็ทำงานในหน้าที่คืองานปรุงอาหาร  ปรุงเครื่องหอม เพื่อพยุงครอบครัวไว้

เหมือนที่คุณเทาชมพูเอ่ยเลยค่ะ   เหนื่อยแย่เลย






กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: ritti018 ที่ 10 พ.ค. 10, 21:10
ถูกต้องครับคุณWandee ข้อมูลฝ่ายภรรยาของบุคคลสำคัญ มักจะไม่ใคร่จะมีผู้ใดกล่าวถึง อย่างวันก่อนก็ได้อ่านประวัติของคุณหญิงหลุยส์  มไหสวรรย์ ภรรยาของพระยามไหสวรรย์ ซึ่งต้องดูแลบุตร-ธิดาถึง 10 คน อ่านแล้วได้อรรถรสเป็นอย่างยิ่ง

ที่คุณWandee กล่าวถึงคุณหญิงที่ทำขนมให้บ่าวไปขายนั้น ทำให้นึกถึงเรื่องราวของคุณหญิง ผู้เป็นมารดาของท่านอาจารย์สัญญา  ธรรมศักดิ์ ที่ต้องระเห็จในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนแม้กระทั่งเมื่อคราวถึงแก่กรรมก็ต้องทำการปลงศพอย่างสามัญชนแทบไม่มเหลือเค้าของคุณหญิงเลยครับ...........


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 พ.ค. 10, 21:33
ขอแบ่งปันความรู้อันหาได้ยากบ้างซิคะ

น้ำลายไหลแหมะ ๆ เลยแถวนี้

ราวกับเห็นมะกอกทรงเครื่อง


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 10, 21:47
แวะเข้ามาบอกว่า อดกินน้ำปลามะกอกเสียแล้ว  เพราะไม่ใช่หน้ามะกอก  ในสวนเลยไม่มี  :'(
กำลังคิดว่ามีหนังสืองานศพของสตรีสำคัญคนไหน ที่เป็นช้างเท้าหลังอันทรงพลัง    แต่ยังนึกไม่ออก  ต้องมานั่งรอวิสัชนาจากคุณหลวงเล็ก ด้วยอีกคน

เรื่องราวของท่านผู้หญิงกลีบ  จบแค่นี้หรือคะ?


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 11 พ.ค. 10, 00:33
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านต่อวันนี้เอง  เลยได้อ่านรวบยอดจุใจ ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาให้ความรู้ค่ะ
อย่าเพิ่งจบได้ไหมคะ  ขออีกคำถามเดียว  น้ำมันตานีคืออะไรคะ  อ้อ ! ขอแถมอีกหนึ่งนะคะ 
ผู้คนอาศัยในบ้านตั้ง100 คน !  นี่ถือเป็นเรื่องปกติของบ้านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสมัยนั้น 
หรือเพราะที่บ้านเจ้าพระยามหิธร  ท่านผู้หญิงกลีบตั้งโรงงานย่อยๆขึ้นในบ้านจึงต้องเลี้ยงบริวารมากคะ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 11 พ.ค. 10, 05:24
เท้าหลังที่ชื่อ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์  ค่ะ  คุณเทาชมพู


พระเจ้าอยู่หัวถึงกับตรัสว่า สั่งอะไรเจ้าคุณภาส  ท่านผู้หญิงก็รับสนองพระราชดำรัสว่า พิ๊เจ้าค่ะ ตลอด
ท่านคงร่วมปรึกษาหารือกันจุ๊ก ๆ จิ๊กๆ
ท่านเจ้าคุณก็กลับไปอ่านหนังสือที่แผ่ไว้เต็มระเบียง(ยืมมาแล้วเก็บเข้าตู้ตนเอง  ตีตราด้วย)
ท่านผู้หญิงก็ประหยัดสุดเหวี่ยงเหมือนกันนะคะ  คือขนมที่มีคนจะมาสอนเอาสตังค์  ท่านก็ค้นคิดทดลองเอาเองหลายครั้ง



ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา  ที่ท่านบิดาเลี้ยงใกล้ตัวเหมือนเสียวเจี้ยะในวรรณคดีจีนที่เก่ง...ง่า...มาก  ถ้าไปสอบจอหงวน ท่านก็ต้องได้รุ่นนั้น
(หนังสืออ้างอิงไม่อยู่ไปเดินเล่นค่ะ)
จำได้ลาง ๆ ว่า ตอนท่านจะสมรสไปกับม.ล.ปิ่น  ท่านบิดาเสียดายมาก
ที่จริงรายนี้จะพูดว่าเท้าหลังอาจจะไม่ถูกต้อง


ขออนุญาตจบเรื่องท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร ค่ะ 

ขอไปที่จมื่นมานิตย์นเรศก่อนนะคะ         ขอชวนคุณ Anna  แวะด้วยนะคะ   ชีวิตที่ท่านเล่าสนุกสนานใหญ่หลวงนัก


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 พ.ค. 10, 08:59
ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา เขียนไว้ในประวัติของท่านว่า  เจ้าพระยามหิธรทำนายว่า วันหนึ่งหนูจะได้เป็นเสนาบดีหญิง
ต่อมาท่านก็ได้เป็นภรรยาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ     ท่านมีห้องทำงานของท่านอยู่บนตึกที่ว่าการด้วย
ท่านไม่ใช่ช้างเท้าหลังแน่นอนค่ะ


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 23 พ.ค. 10, 22:54
ขออนุญาตเรียนถามเรื่องตำรากับข้าวเล็กน้อยครับ

          ขณะนี้เรียนหนังสืออยู่เมืองไกล (ก็ไม่ไกลเท่าไรนะเมืองจีนเอง) ขาดแคลนซึ่งกับข้าวไทย และตำราอาหารไทย แต่วัตถุดิบพอหาได้บ้างในระดับหนึ่ง
อ่านข้าวผัดเต้าหู้ยี้แล้วอยากทานมาก แต่ว่าด้วยทำกับข้าวไม่ค่อยเก่งจึงอยากเรียนถามว่า หนึ่งต้องเอากระเทียมเจียวน้ำมัน แล้วใส่ข้าวลงไปผัด หลังจากนั้นนำเต้าหู้ยี้ลงไปยีใส่หรือเปล่าครับ เพราะจะลองทำกินดู
         ขอบพระคุณอีกครั้งนะครับ
         สวัสดี


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 23 พ.ค. 10, 23:29
โอ๊ะ!    นักเรียนไกลบ้าน   เครื่องปรุงน่าจะหาได้ง่าย


น่าจะขยี้เต้าหู้ยี้  หรือตีกับน้ำสุกเสียก่อนพอขลุกขลิก       จะได้คลุกได้ทั่วๆ  เพราะอาจจะเค็มเกินไปถ้าไม่คลุกด้วยน้ำเต้าหู้ยี้

ข้อสำคัญอยู่ที่น้ำมันหมู  เพราะหอมอร่อย

ข้าวนั้นควรจะหุงแบบละมุลละไม  คือสุกพอดี  ไม่แฉะ   ทิ้งให้เย็น แล้วค่อนนำมาผสมกับน้ำเต้าหู้ยี้


ไม่ทราบว่าใช้กระเทียมสดหรือไม่  ถ้าเป็นกระเทียมแห้งที่หั่นมาแล้วเป็นแว่นๆ   พรมน้ำแล้วทิ้งไว้จนอิ่มน้ำนะคะ  ไม่อย่างนั้นจะไหม้เร็ว

กระทะต้องได้สัดส่วนกับข้าวนะคะ  ควรผัดหมูสับหรือไก่หั่นตอนกระเทียมกำลังจะเหลือง  แล้วก็ใส่ข้าวที่คลุกน้ำเต้าหู้ยี้ไว้แล้ว


เคล็ดลับอยู่ที่การใช้ไฟค่ะ    เมื่อผัดข้าวไฟค่อนข้างแรง   กลับตะหลิวไปมาบ่อยๆ  ให้ข้าวมีส่วนกระทบกับกระทะ
เรียกว่าให้ข้าวกระโดด   ผัดให้แห้งนะคะ


ไข่เจียวนั้นทอดบางๆ  หั่นเป็นเส้นโรยก็จะหรู   ไม่ต้องลงไปผัดกับข้าวนะคะ  เพราะจะทำให้รสหอมของเจ้าหู้ยี้ลดไปบ้าง


ขอแถมเมนูหมูเต้าหู้ยี้ให้อีกนิด
เนื้อหมูติดมัน  หั่นบาง    คลุกน้ำเต้าหู้ยี้    ทิ้งไว้ในที่เย็นสักสองชั่วโมง
ผัดเลยค่ะ   ใส่กระเทียมทุบสับ  ใส่น้ำตาลปลายช้อน   เมื่อปิดไฟแล้วใส่เหล้าจีนนิดหนึ่ง  ดีกว่าน้ำมันหอยหรือซอสอื่นๆอีกค่ะ

กินกันให้อิ่มจุก  จะได้ดูหนังสือสบายใจ
ต้นหอมผักชีแล้วแต่ความสามารถ



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 24 พ.ค. 10, 20:39
       ขอบพระคุณครับสำหรับตำราอาหาร จะลองเอาไปทำดู ท่าทางน่ากิน จะทำอวดเพื่อนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกัน (ทุกวันนี้เป็นสมาคมแม่บ้านกลายๆ ทำกับข้าวแบ่งกันกิน และอวดกันนิดๆระหว่าง ไทย มาเลย์ อินโด เวียดนาม และลาว)
         ตอนนี้เรียนอยู่ที่นานกิง เครื่องปรุงหาได้ง่าย เพราะมันไม่ค่อยต่างจากไทยเท่าไรนัก แต่อ่านไปอ่านมา เกิดอยากแทรกเรื่องอาหารนิดหน่อย (เพราะชอบกินเหมือนกัน) มาอยู่นี้ได้รู้ว่าอาหารจีนที่เรากินกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในไทยไม่พบในจีนทั่วแผ่นดินนะ มีแต่ แถวกวางตุ้งกับฟูเจี้ยน มีต้มอย่างหนึ่งที่ใช้หมูสามชั้นคล้ายๆพะโล้ แต่ไม่ใส่ผงพะโล้ หากินได้ง่ายทั่วไปในภูเก็ตและทางภาคใต้แถวสงขลา (ส่วนสามจังหวัดนี้มีหรือไม่ไม่กล้าถาม) เรื่อยไปจนถึงบ้านคนจีนที่อยู่ในมาเลย์เซีย เรียกว่าแกงหมูฮ้อง คือใส่หมูสามชั้นผัดกับกระเทียมตำ ขิงหันเป็นแว่นๆบางๆ แล้วใส่น้ำตาลกรวด ซี้อิ้วดำ แต่เห็นทางภูเก็ตของเรา (กับปีนัง) ใส่รากผักชีตำด้วย (ซึ่งทุกวันนี้ทำแบบภูเก็ตกิน) แต่ที่บ้านจะใส่เหล้าจีนลงไปด้วยตอนผัด หลังจากนั้นค่อยเติมน้ำลงไปจนท่วม ใส่โป๊ยกั๊ก และอบเชย ราไฟอ่อนๆ ตุ๋นสักหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นจนกระทั่งน้ำแกงเหลือเพียงคลุกขลิก ทั้งนี้หากอยากกินเผ็ดนิดๆ สามารถใส่พริกแห้งหันลงไปขณะผัดได้ คนมาเลย์เรียกเป็นภาษาจีนว่า 卤肉 ru rou หลูโร่ว แปลว่า เนื้อตุ๋น
        คือมาอยู่นี้เห็นคนมาเลย์ทำ แล้วทางใต้เราก็ทำ ไปๆมาๆ วันหนึ่งไปกิดร้านบะหมี่เปิดใหม่ โห แกทำเหมือนกินในไทยเลยแฮะ คุยไปคุณมาแกเป็นคนฟูเจี้ยน ไปๆมาๆแกเลยชวนกินหมูพะโล้ของแก ตกใจมาก เพราะเหมือนกับที่เรากินอยู่ทุกเมื่อเชื้อวัน ไม่เหมือนของทางฮกเกี้ยน
        พูดถึงตรงนี้เลยไปซื้อหนังสือประวัติอาหารแต้จิ๋วมาอ่านเลย แล้วอยากเทียบกับอาหารเก่าๆของไทย โดยเฉพาะอาหารจีน ใครมีตำหรับแม่ครัวหัวป่าเล่าสู่กันฟังหน่อย เพื่อว่าจะได้กระจายความรู้
       สวัสดี
        ปล. ทำสำเร็จแล้วอย่างไรจะมาเล่าอีกนะครับ ขออภัยที่นอกเรื่องไปหน่อย


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 25 พ.ค. 10, 07:53
ตำรากับข้าวจีนโบราณนั้นพอมีค่ะ
ของ ป. พิศนาคะ  ยังมี(ท่านอยู่โรงพิมพ์  เลยพิมพ์อุตลุด)



เรียนเชิญคุณ hand_bing  เปิดกระทู้เล่าเรื่องอาหารการกินของจีนมาสู่กันฟัง

วัฒนธรรมการกินนั้นเป็นเรื่องใหญ่

เราเคยสั่งกระทะเหล็กจากจีนมาหลอมใช้ทำอาวุธนะคะ
เพราะตอนนั้นจีนไม่ยอมขายเหล็กให้สยาม

แถมเรื่องผ้าโบราณสักหน่อยพอเป็นแนวทาง เพราะในสายตาคนรักประวัติศาสตร์แล้ว
อะไร ๆ ก็น่าสนใจทั้งสิ้น



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ค. 10, 08:41
ดีค่ะ มารอด้วยคน
เคยไปกินอาหารจีนที่ปักกิ่ง และอีกหลายเมืองของจีน   พบว่าใส่น้ำมันเยอะเหลือเกิน   ผัดผัก ไม่ได้ผัด น่าจะเรียกว่าผักต้มน้ำมัน เพราะผักลอยอยู่ในชามน้ำมัน
อีกอย่างคืออะไรๆก็ใส่หน่อไม้   ซุปก็มีหน่อไม้บดผสมลงไป ทำให้ดิฉันผู้แพ้หน่อไม้ กินเข้าไปลมพิษขึ้นไปทั้งคืน


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 25 พ.ค. 10, 16:15
เรียนสมาชิกเรือนไทยทราบ

        อันนี้เป็นเกร็ดเล็กๆเกี่ยวกับอาหารจีน กล่าวคือ ทำไมอาหารจีนมีน้ำมันเยอะ เพราะว่าเขาเชื่อว่าทำอาหารแล้วไม่มีน้ำมันลอยหน้าไม่หอม ไม่อร่อย ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สาบานได้ เขาบอกอย่างนี้จริงๆ
       น้ำมันอ้นท่วมท้นจนเราสามารถเอาไปทอดไข่ได้อีกรอบนั้น เรียกว่า “โยว่ซุ่ย” (油水: you shui) แปลตรงตัวเลยว่าน้ำน้ำมัน อาจารย์บอกว่านี้แหละความหอมและมีประโยชน์อยู่ตรงนี้ ไม่มีถือว่าทำอาหารไม่เป็น คนไทยฟังก็อี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ซึ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เห็นด้วยทุกคน)
       อย่างไรก็ตามการที่กินอาหารภาคเหนือและภาคใต้ต่างกันสุดฟ้า อนึ่งทางภาคเหนือลิ้นทำจากเกลือหรืออย่างไรไม่ทราบ คือ ชอบกินเค็มสุดขาดใจ ส่วนทางใต้ แถวๆเจียงหนาน (ใต้แม่น้ำแยงซีเกียง พวกนานกิง ซูโจว หางโจว เป็นอาทิ) ชอบกินหวานมากกกกกกกกกกกก แต่สำหรับคนไทยไม่หวานนะ ปกติดี ส่วนทางเสฉวนหรือทางหูหนานชอบกินเผ็ด เผ็ดแบบนรกแตก ส่วนเรื่องน้ำมัน มันเหมือนกันทุกที่ แต่ทางภาคเหนือจะมันยิ่งกว่าใครแค่นั้นเอง
       ที่คุณเทาชมพูไปทานอาหารที่ปักกิ่งแล้วเจอน้ำมันจม ไม่ต้องแปลกใจ เรื่องปกติ เขาถือว่าของดีมีประโยชน์   ::) ใครไม่กินสิแปลก ดังนั้นคนไทยเลยกลายเป็นคนแปลก เพราะครั้งหนึ่งเคยทำก้อยกิน เพื่อนคนจีนมานั่งมองแล้วเขาเห็นเรารวนหมูด้วยน้ำเปล่า ทำเสร็จทั้งจานไม่มีน้ำมันเลย คนจีนงง บอกว่ากินไปได้อย่างไร ไม่มีประโยชน์แน่ๆ คนไทยฟังแล้วงงยิ่งกว่า ???
      อนึ่ง เรื่องเป็ดนี้จริงๆต้องมากินที่นานกิงนะ เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องเป็ด จริงๆเป็ดปักกิ่งได้รับอิทธิพลไปจากเป็ดย่างของนานกิง ใครมาแล้วมาลองชิมบอกเลบอร่อยกว่าเป็ดปักกิ่งของปักกิ่ง เพราะที่นี้จะไม่มีน้ำมันมาก
       พูดแล้วขอไปกินเป็ดย่างก่อน
       สวัสดี


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: ธีร์ ที่ 27 พ.ค. 10, 16:22
จากสมาชิกใหม่ครับ อ่านเจอเรื่องน้ำปลามะกอกแล้วก็ชวนในนึกถึงอาเขยจากปากน้ำเห็นน้ำปลานี้ครั้งแรกร้องเสียทำเอาขำกันทั่ว เพราะอาแกเล่นบอกว่าน้ำปลาเสียแล้วกินไม่ได้  ???
ก็น้ำปลาที่จะเสียละก็ในเมื่อพึ่งจะทำไม่นาน ด้วยเพราะน้ำปลามะกอก ถ้าทิ้งไว้จะดำดูไม่น่ากินครับ

น้ำปลามะกอกก็น้ำปลาพริกที่เรากินกันนี้ละครับ แต่ว่าใช้มะกอกป่า(มะกอกที่เห็นตามตู้ส้มตำชาวอิสานนั้นละ) เอาที่เหลืองหน่อย เอามาปอกเปลือกแล้วฝานเป็นริ้วๆ แทนมะนาวจะมีหอมแดงด้วยก็ได้ไม่ผิดกฏิกาครับ
ทานกับปลานึ่ง ถ้าบ้านใครอยู่ใกล้ตลาดแล้วเจอปลาลังสดๆนำมานึ่ง จะลืมไม่ลงเพราะทั้งหอมและอร่อยมาก


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 27 พ.ค. 10, 20:14
ยินดีต้อนรับคุณ ธีร์ ค่ะ    ขอบคุณที่มาแวะคุยกัน
เรื่องข้าวใหม่  ปลามันนี้ก็ยังเป็นชนวนศึกสงครามได้ค่ะ

ลองอ่านกระทู้ของเรือนไทยให้ทั่วๆ   เรื่องวรรณคดี ศิลปวัฒนธรรม  มีพร้อมค่ะ

คุยกันด้วยไมตรี

สงสัยว่าจะตอบกระทู่ไม่ได้  แหะ ๆ...ใช้ตัวช่วยค่ะ

ลองอ่านกระทู้ของคนช่างถามแถวนี้ดูนะคะ



กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 11 มิ.ย. 10, 12:35
ขออนุญาตเล่าสิ่งที่ประสพเรื่องอาหาร..........เมื่อกาลก่อน


ประมาณปี 2526 ไปติดอยู่เกาะฮ่องกงคนเดียว เพื่อนที่ไปด้วยเข้าจีน -

เพราะพูดจีนไม่เป็น ปะกิตพอได้    1 สัปดาห์ ต้องกินแต่อาหารจานด่วน / ข้าวหน้าเป็ดติดกระดูก เนื่องจากไปสั่งก๋วยเตี่ยวริมฟุตบาทแล้วอาซิ๊มแกตักน้ำมันหมูกระเทียมเจียวให้ 1 ช้อนตักซุป เท่าๆกับ 10 ช้อนโต๊ะได้กระมัง อ้าปากค้างเพราะบอกไม่ทัน 

2529 เข้าไปจีน 1 เดือน ไล่จากกวางตุ้ง ค่อยๆขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ใช้เวลาแต่ละเมืองประมาณ 2-3 วัน จนถึงปักกิ่ง


คราวนี้เตรียมพร้อม เอาน้ำพริกนรกไปพร้อมกับพริกขี้หนู ครึ่งกิโล เพื่อนร่วมคณะประมาณ 30 คน หัวเราะครืนทั้งคณะ ตั้งแต่มื้อแรกที่กวางตุ้ง


หลังจากนั้นไม่มีใครหัวเราะอีกเพราะต้องมาขอแบ่งพริกคนละเม็ดสองเม็ด  ตลอดการเดินทาง   แน่นอน แค่สัปดาห์ที่สองก็หมดแล้ว





นี่คิอปัญหาทางชนชาติ/ชาติพันธ์? 

ทางใต้ของจีนอากาศก็เริ่มหนาว....ยิ่งขึ้นเหนือก็ยิ่งหนาว  สิ่งหนึ่งที่สังเกตุเปรียบเทียบได้ชัดเจนคือ ยิ่งหนือ(ยิ่งหนาว) คนยิ่งกินมัน  ...น้ำมันเยอะมาก


จึงได้ข้อคิดโดยธรรมชาติว่า  ..อาหาร ช่างเกี่ยวข้องกับอุปนิสัยและอากาศจริง


 :D


กระทู้: ท่านผู้หญิง กลีบ มหิธร
เริ่มกระทู้โดย: overhaul ที่ 12 มิ.ย. 10, 00:12
ขอเรียนถามคุณวันดีนอกเรื่องครับ
ไม่ทราบว่า คุณวันดีทราบมั้ยครับว่า
กลิ่นยี่โถแดง ตรงกับชีวิตใคร?
หากเกรงถูกตัวแดง หรืออักษร ฉ.
โปรดส่งมาทางtelephoneเถิด
เรื่องนี้ผมอยากทราบมานานครับ :)