เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 15:24



กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 15:24
 สวัสดีครับ วันนี้ผมมาขอเสนอเชิญชวนให้ร่วมกันแปะ บทกลอนความรักซึ้งๆกินใจ ลงที่กระทู้นี้ครับ ใครที่รักชื่นชอบในความงามของบทกลอน ความไพเราะ ซึ้งซาบไปกับเสน่ห์ของมันมาร่วมแบ่งปันมันให้กับคนอื่นๆเถอะครับ    

ปล.แด่ผู้ที่กำลังมีความรัก กำลังตามหาความรัก และไม่คิดจะมีความรักครับ

กติกาไม่กำหนดครับว่าบทกวีนั้นจะต้องมาจากไหน จากวรรณคดี หรือ จากบทประพันธ์ทั่วไปก็ได้ครับ  


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 15:54
 "เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก
แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นจืดจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
แต่น้ำตาลก็ว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล"

"พระอภัยมณี" - สุนทร ภู่


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 15:59

ยังไม่เคยเอ่ยว่า ' รัก ' เลยสักหน
แต่ใจนั้นเปี่ยมล้นด้วยรักยิ่ง
ไม่เคยมีทีท่าว่ารักจริง
แต่ทุกสิ่งที่กระทำคือความรัก
ถ้าความรักคือความปราถนาดึ
ฉันก็มีปราถนานั้นอย่างแน่นหนัก
ปราถนาให้หัวใจได้ผ่อนพัก
ทอดสายตาทายทักกับความจริง

บางส่วนจาก เธอผู้เป็นที่รัก
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์  


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:00
 เหมือนชีวินสิ้นหวังพลังแล้ว
เหมือนเพลงแผ่วสิ้นเสียงจำเรียงเสนอ
พลันชีพชื่นรื่นกมลด้วยปรนเปรอ
ที่มีเธอคอยถวิลรินศรัทธา

"มนต์รัก" - ถาวร ชนะภัย


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:02

บนลานอโศก

หยาดน้ำแก้วกลอกกลิ้งกิ่งอโศก
โลกทั้งโลกลอยระหว่างความว่างเปล่า
มีความรื่นร่มเย็นแผ่เป็นเงา
ลมแผ่วเบาบอกลำนำคำกวี

เราพบกันในฝันไกลในความรัก
เริ่มรู้จักซึ้งใจในทุกที่
มีแต่เรามิมีใครในที่นี้
ใบไม้สีสดสวยโบกอวยชัย

อยากให้รู้ว่ารักสักเท่าฟ้า
หมดภาษาจะพิสูจน์พูดรักได้
เต็มอยู่ในความว่างกว้างกว่าไกล
คือหัวใจสองดวงห่วงหากัน

หลับตาเถิดที่รักเพื่อพักผ่อน
ฟังเพลงกลอนพี่กล่อมถนอมขวัญ
ใจระงับรับใจในจำนรรจ์
ต่างแพรพันผูกใจห่มให้นอน

โอ้ดอกเอ๋ยดอกโศกตกจากต้น
เปียกน้ำฝนปนทรายปลายเกษร
โศกสำนึกหนาวกมลคนสัญจร
นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะร่อนลง

เมตตาแล้วแก้วตาอย่าทิ้งทอด
ช่วยให้รอดอย่าปล่อยบินลอยหลง
จะหุบปีกหุบปากฝากใจปลง
ขอเกาะกรงแก้วกมลไปจนตาย

งามเอยงามนัก
แฉล้มพักตร์ผ่องเหมือนเมื่อเดือนฉาย
งามตาค้อนคมเยื้องชำเลืองชาย
ลักยิ้มอายแอบยิ้มงามนิ่มนวล

จะห่างไกลไปนิดก็คิดถึง
ครั้นดื้อดึงโดยใจก็ไห้หวล
ถนอมงามน้ำใจควรไม่ควร
ให้ปั่นป่วนทั่วทุกยามนะความรัก

ผีเสื้อทิพย์พริบพร้อยลอยแตะแต้ม
เผยอแย้มยิ้มละไมใจประจักษ์
ทุกก้านกิ่งมิ่งไม้เหมือนทายทัก
ร้อยสลักใจเราให้เฝ้ารอ

ฝันถึงดอกบัวแดงแฝงผึ้งภู่
คล้ายพี่อยู่เป็นเพื่อนในเรือนหอ
ชื่นเสน่ห์เกษรอ่อนละออ
โอ้ละหนอหนาวนักเอารักอิง

ในห้วงความคิดถึงซึ่งเงียบเหงา
ใจสองเราเลื่อนลอยอย่างอ้อยอิ่ง
คอยคืนวันฝันเห็นจะเป็นจริง
โลกหยุดนิ่งในสนิทแนบนิทรา

ร่มอโศกสดใสในความฝัน
ร่มนิรันดร์ลานสวาทปรารถนา
ร่มลำธารสีเทาเจ้าพระยา
และร่มอาณาจักรความรักเรา

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:04
 คือน้ำผึ้งคือน้ำตาคือยาพิษ
คือหยาดน้ำอมฤตอันชื่นชุ่ม
คือเกสรดอกไม้คือไฟรุม
คือความกลุ้มคือความฝัน...นั่นแหละรัก

"ไฟรัก ไฟลา ไฟชัง" - รยงค์ เวนุรักษ์


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:06
 ให้เธอทั้งหมดเท่าที่มี
เท่าที่ชีพนี้จะมีได้
มีใจก็จะให้หัวใจ
ไม่มีก็จะให้เท่าที่มี

ตรงนั้นน้ำค้างระยางระยับ
วูบวับกลอกแก้วกระจายสี
ค่อยหยดค่อยหยาดยินดี
ตรงที่เธอปรารถนาปอง

เป็นเพื่อนดื่มด่ำกับความคิด
เป็นมิตรสนิทเมื่อเธอหม่นหมอง
เป็นร่มรายรับประคับประคอง
เป็นพรมลาดรองรับเท้าเธอ

ทั้งหมดทั้งนั้นที่ฉันมี
ยินดีมอบให้เธอเสมอ
บางสิ่งที่เธอใฝ่เจอ
คือสิ่งเลิศเลอที่ฉันมี

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:08
 ขอให้คิดถึงฉันวันละหนึ่ง
ฉันคิดถึงเธอวันละพันหน
และมีจิตคิดถึงเพียงหนึ่งคน
ไร้กมลที่จะเหลือเผื่อผู้ใด

แม้นมาหาเธอได้จะไม่ยั้ง
ที่ต้องรั้งแม้จะรู้เธออยู่ไหน
ไม่อยากเห็นเธออยู่คู่กับใคร
คงขาดใจถ้าเธออยู่กับผู้นั้น

คุณนภาลัย (ฤกษ์ชนะ)


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:09
โอ้ว่าอนิจจาความรัก
พึงประจักษ์ดังสายน้ำไหล
มีแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป
ไหนเลยจะไหลกลับมา

"อิเหนา" - พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ (แก้ไขแล้ว)


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:11
 ถึงกลางวันสุริยันแจ่มประจักษ์
ไม่เห็นหน้านงลักษณ์ยิ่งมืดใหญ่
ถึงราตรีมีจันทร์อันอำไพ
ไม่เห็นโฉมประโลมใจก็มืดมน

"วิวาห์พระสมุทร" - พระมงกุฎเกล้า


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:12
 อันความรักเหมือนน้ำอมฤต
ได้ดื่มแล้วชื่นจิตพิศวง
ระงับโรคสูญพูนพะวง
เพราะรักรื่นยืนยงยั่วยวนใจ

  "สาวิตรี"  - พระมงกุฎเกล้า


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:13
 ความรักเหมือนโรคา  
บันดาลตาให้มืดมน
    ไม่ยินและไม่ยล
อุปะสัคคะใดใด
    ความรักเหมือนโคถึก
กำลังคึกผิขังไว้
    ก็โลดจากคอกไป
บยอมอยู่ ณ ที่ขัง
    ถึงหากจะผูกไว้
ก็ดึงไปด้วยกำลัง
     ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง
บหวนคิดถึงเจ็บกาย

"มัทนะพาธา" - พระมงกุฎเกล้า


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:14
 อันแผลกายง่ายนักเมื่อรักษา
หมั่นทายาเช้าเย็นก็เห็นผล
แต่แผลใจเจ็บหนักยากทานทน
ขาดสติก็เสียคนไปจนตาย

"แผลกาย แผลใจ" - กวี นิรนาม


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:17
 หยาดน้ำค้างหยดแต้มบนแก้มหญ้า
หยาดน้ำตาหยดแต้มบนแก้มสาว
หยาดน้ำทิพย์หยดแต้มบนแก้มดาว
เป็นเรื่องราวรักหรือใคร่ก็ไม่รู้

"บทเรียนราคาแพง" - สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:20
 ขอพบเธอในนามของความรัก
และเอ่ยทักในนามความคิดถึง
อ้างพยานมิตรภาพอันซาบซึ้ง
เพื่อตามหึงห่วงหวงทวงไมตรี

  "ในนามของความรัก" - ประทีป พฤกษากิจ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:20
 ไฟนั้นร้อนเท่าใดใครก็รู้
เมื่อสุมอยู่กลางกมลฤๅทนได้
ฉันพร้อมแล้ว .. สำหรับจะดับไฟ
เพื่ออิ่มกระไอ ความรักของนักบุญ

"ไฟนักบุญ" - พเยาว์ ปั้นแดง


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:21
 โอ้หนาวเย็นเป็นไข้ทั้งในนอก
คมรักยอกใจรอหมอสมาน
แม้หมอไม่เมตตาพยาบาล
โปรดให้ทานยาพิษอีกนิดเอย

  "เพลงยาวสำนวนชาย"  - สันทนา ทองบุญส่ง


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:22
 แม้ไม่เอื้ออาถรรพ์สมานแผล
โปรดลงแส้ซ้ำใจเสียให้สม
หวดตรงขั้วหัวใจให้สิ้นลม
อย่าใช้คมตาเฉือนแล้วเบือนเลย

"คมตา" - สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:23
 ฝากสายขวัญสายใจสายลมหนาว
ไปบอกข่าวความรักจักมาสู่
พร้อมกุหลาบดอกนี้สีชมพู
ให้รับรู้ว่าเรา รักเจ้าแล้ว

"วันแห่งความรัก" - สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:23
 ฉันใส่แหวนวงน้อยฝังรอยรัก
ถึงนานนักเพียงไรไม่เคยหมอง
ลงยางามวามวับรับเรือนทอง
ยิ่งชวนมองหมายแม้นแทนหัวใจ

"แหวนสวาท" - อร อักษรา


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:24
 รำพึงรัก

๏ เงียบสงัดชัฎรกร้าง........................ระงมวัน วิเวกเอย
เย็นเยียบเชียบทรวงศัลย์.................โศกซ้อน
เรไรหริ่งรัวบรร-.................................เลงศัพท์ แซ่เอย
เสียงเสียดทรวงสั่นร้อน..................อกร้าวระทมมาน ๚
๏ รัตติกาลเด่นด้วย...........................เดือนสรวง ส่องฤๅ
สาดทั่วธรณิศร์ปวง...........................ป่าไม้
ดูเด่นดุจเงินยวง................................ย้อยหยด หยาดแล
ยลยิ่งยลยิ่งให้.....................................เหือดแห้งหฤหรรษ์ ๚
๏ ถวิลวันบรรสบน้อง.......................นวลอนงค์ นางเอย
เริงรื่นฤดีจง.........................................ต่อเจ้า
เคยเสพสวัสดิมง-..............................คลคู่ เคียงแม่
สองสุขปราศจากเศร้า.......................ส่ำอ้อนอรเดียว ๚
๏ ใจเฉลียวเปลี่ยวอกโอ้....................อนิจจา อกเอย
พลาดรักอกหักมา..............................ปิ่มม้วย
ขวัญแขวนใฝ่ฝันหา..........................ห่วงแม่ ยิ่งแม่
อกวะหวิวหวาดด้วย........................เดือดดิ้นแดถวิล ๚
๏ จวบสิ้นสิริมาสเข้า........................ขวบปี
ฤทธิ์รักร้อนรนฤดี............................บ่ร้าง
รักทับเปี่ยมทุกข์ทวี..........................ท่วมอก แล้วเอย
ใครประสบเช่นเราบ้าง....................จึ่งรู้ฤทธิ์สมร ๚

อาจิณ จันทรัมพร , ๒๕๘๕


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:25
 ดอกรักบานในหัวใจใครทั้งโลก
แต่ดอกโศกบานในหัวใจฉัน
และอาจเป็นเช่นนี้ชั่วชีวัน
เมื่อรักอันแจ่มกระจ่างเลือนร้างไกล

  "บทสุดท้ายของนิยายรัก" - เฉลิม รงคผลิน


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:26
 เหม่อมองท้องฟ้ากว้างกว่ากว้าง
แสนอ้างว้างหวั่นไหวให้ถวิล
คนใกล้ใจไกลห่างต่างแผ่นดิน
มิสุดสิ้นอาลัยใฝ่คะนึง

"นิยามของความรัก" - มัสยามาศ ขวัญชื้น


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:27
 เตือนใจหญิง

ด่วนเด็ดดอกกุหลาบงามในยามนี้
เวลามีอยู่น้อยจะลอยหาย
สุมาลีคลี่เกษรขจรขจาย
พรุ่งนี้กลายกลับเหี่ยวหล่นไม่ทนทาน

สุริยันอันจะเปรียบประทีปรัตน์
ก็ด่วนลัดล่วงฟ้าสุธาสถาน
มิช้าสิ้นแสงสดเพราะหมดวาร
รัตติกาลเข้ามาแทนทั่วแดนดิน

อันวัยเยาว์นับว่าเลิศประเสริฐสุด
เลือดฝาดผุดผ่องพิศเป็นนิจศิล
แล้วก็เฒ่าชราพาชีวิน
จนถึงสิ้นสูญสลายมลายชนม์

จะอายไย, จงรีบใช้โอกาสเถิด
คือหาคู่ไว้ชูเชิดก่อเกิดผล
แม้นไร้หวังในวัยรุ่นขุ่นกมล
เธอจักทนทรมานจวบกาลมรณ์

แปลจาก "COUNSEL TO GIRLS"  ของ R. HERRICK
โดย อาจิณ จันทรัมพร ๒๕๘๙


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:27
 หนึ่งจะมีรักใหม่อย่าให้รู้
สองจะอยู่กับใครอย่าให้เห็น
ให้ฉันเถิดขอร้องสองประเด็น
แล้วจะเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง

                        สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:28
 น้องเคลียแก้มเกลือกไว้ก่อนให้พี่
ซ้ำกราบที่กลางหมอนเคยนอนหนุน
ยามพี่แนบหน้านอนหมอนละมุน
จงหอมกรุ่นแก้มและกราบกำซาบทรวง

สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:29
 เทพีพร

๏ เจ้างามสรรพกว่าอัปสรบังอรสวรรค์
ศักดิ์ฐานันดร์สูงส่งยิ่งหงส์เหิน
เทียบสมบัติกุลสตรีมีค่าเกิน
เหลือประเมินคำชมให้สมจริง

เหมือนหยาดฟ้ามาสถิตกลางจิตพี่
เฉิดฉวีคมขำล้ำผองหญิง
ห่มสไบลายทองผ่องเพริศพริ้ง
สมเป็นมิ่งขวัญฟ้าสุดาดวง

ยามเยื้องย่างอรชรแสนอ่อนช้อย
เท่าปลายก้อยหรือจะไม่ให้พี่หวง
หวั่นทวยเทพริษยาลงมาทวง
พรากพุ่มพวงจากพี่มิเกรงใจ

อยากอัญเชิญขวัญฟ้ามาสู่เหย้า
มาร่วมเนาเชยชิดพิสมัย
แต่เกรงหอโบราณแบบบ้านไม้
จะฉุดให้ขวัญฟ้าเสื่อมค่าพลัน

ถึงสุดรักสุดหมายสายสมร
ก็มิกล้าเอื้อมอรอัปสรสวรรค์
ระหว่าง "รักสูงค่า" กับ "ฐานันดร์"
เจ้าเท่านั้นชี้ชัดตัดสินใจ

เจ้างามสรรพเท่าอัปสรบังอรสวรรค์
ศักดิ์ฐานันดร์ใครมิเปรียบเทียบเจ้าได้
พี่แสนรัก บูชา เจ้ากว่าใคร
เทิดเจ้าให้เป็นศรี... เทพีพร ๚

ชุมพล ปิตุทิพย์


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:29
 จะหักอื่นขืนหักก็จักได้
หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
สารพัดตัดขาดประหลาดนัก
แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ

"นิราศอิเหนา" - สุนทร ภู่


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:30
 อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า       มาถนอม
สูงสุดมือมักตรอม             อกไข้
เด็ดแต่ดอกพยอม             ยามยาก ชมนา
สูงก็สอยด้วยไม้                อาจเอื้อมเอาถึง  

        "โคลงโลกนิติ" - กรมพระยาเดชาดิศร


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:31
 เรียมรักนุชนาฏด้วย         เห็นใจ จริงเอย
ใช่รักรูปวิไล                     เลิศล้ำ
ชื่นจิตแต่หล่อนไข              คำซื่อ
อีกสิ่งปฏิบัติซ้ำ                  ส่งให้รักแรง

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:31
 ยามนางรักสมัครหมาย
รสคล้ายน้ำทิพย์สวรรค์
ยามนางหน่ายก็ปานกัน
กะน้ำพิษระอิดระอา

                    จารึก


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:32
 สุมามาลย์หวานฉ่ำกับน้ำค้าง
ก็อ้างว้างเพราะพิษความคิดถึง
ใจนั้นหวั่นปั่นป่วนและอวลอึง
เพ้อรำพึงเหมือนมิเคยใจเอ๋ยใจ

"เสน่หา" - เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:34
 อันนี้เขาว่าหาอ่านยากนัก ลองอ่านดูครับ

เมื่อดวงใจได้เฉลยเอ่ยคำรัก
ใจก็มักมั่นคงไซร้ไม่เหหน
ไม่เปลี่ยนแปรใจแท้แม้ใจดล
ทรชนเล่ห์ล่วงหลอกลวงใจ

ใจเพียงหนึ่งดึงดื้อถือรักเถิด
แม้รักเกิดก่อทุกข์ไร้สุขไฉน
ใจยังฝังหยั่งรักล้ำประจำใจ
โอ้ว่าใจ ใจหนอใจ ไยมั่นคง

คุณหญิงกุลทรัพย์ รุ่งฤดี


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:35
 เมื่อดอกไม้โรย

ดอกไม้สีม่วงร่วงตรงหน้า
น้ำตาพร่าพร่างกลางกลีบอ่อน
โอ้ใครไหนเลยจะเชยช้อน
ร้าวรอนแหลกเปล่าเฉาช้ำ

ลมหยุดพัดผ่านไปนานนัก
ไม่ทายทักใบไม้ไม่ชื่นฉ่ำ
ท้องฟ้าวันนี้เป็นสีดำ
สายน้ำนิ่งสงบซบเซา

โลกแตกดับแล้วหรือนี่
ทันทีที่สบตารู้ว่าเขา
สักนิดมิได้รักเรา
โศกเศร้าเจ็บปวดทั่วหัวใจ

โอ้ความใยดีที่มอบมั่น
เขาหยันหยามเราเท่าไหน
ซื่อนักโง่นักเมื่อรักใคร
เทิดเทินให้ได้ทั้งนั้น

ความทรงจำเมื่อวันวานอ่อนหวานยิ่ง
ทุกสิ่งงดงามคือความฝัน
เพียงกระพริบตาก็ดับฉับพลัน
ตื้นตันน้ำตาอาวรณ์

ดอกไม้สีม่วงร่วงต่อหน้า
รอเขามาเหยียบยับกับกลีบอ่อน
และหัวใจผู้หญิงเขลาซึ่งร้าวรอน
จะวางซ้อนอ่อนแอบอยู่แทบเท้า

ปิ่นฤทัย  รวิปรีชา


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:38
 ขอ

ไม่มีความรักใดให้อีกแล้ว
สำหรับแก้วขวัญจิตยอดมิตรเอ๋ย
ไม่มีแล้วสิ่งใดให้อีกเลย
แม้คำเอ่ยว่าสนิทเหนือมิตรใด

เพียงสำนึกหนึ่งยังหวังอยู่ว่า
จะเห็นฟ้าพร้อยดาวพราวไสว
ระยิบแสงแข่งแขแลไกลไกล
เหนือดวงใจดวงหนึ่งซึ่งมืดมน

ขอให้ความระลึกที่มีต่อมิตร
ได้ตามติดเฝ้าแฝงทุกแห่งหน
เพื่อเป็นเพื่อนยามพรั่นหวั่นกมล
จากเราคนที่หวงห่วงและตอย

ถ้าทำได้ทุกทางเหมือนอย่างคิด
จะตามติดต่อไปไม่ท้อถอย
ในความรักความฝันอันเลื่อนลอย
แม้เปิดรอยแผลใจไว้อาวรณ์

แต่เกินจะทำอะไรต่อไปแล้ว
เพียงมีแววเรียงร้อยถ้อยอักษร
ฝากความรักซ่อนซุกมาทุกตอน
ทุกคำกลอนคือใจรักไม่คลาย

โอ้ความรักความหวังดังดอกฟ้า
เลื่อนลงมาให้สอยแล้วลอยหาย
เหลือริ้วรอยร้อยอยู่มิรู้วาย
สุดสิ้นสายสวาทช้ำชีพลำเค็ญ

หากเธอมีรักใหม่อย่าให้รู้
และถ้าอยู่กับใครอย่าให้เห็น
ให้ฉันเถอะ...ขอร้องสองประเด็น
แล้วจะเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง

                    สนธิกาญจน์  กาญจนาสน์
                     2518 - รวมกลอนชมรมนักกลอน


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:39
 นี่แหละฉันละ

๏ คนอย่างฉันถ้าใครทำให้โกรธ
ก็ใจโหดโกรธมากยากจะหาย
เช่นเดียวกันถ้าใครทำให้อาย
ใจฉันร้ายพอที่จะย้อนประจาน

อาจเห็นว่าอ่อนไหวและใจน้อย
สะกิดหน่อยแต่เลือดก็เดือดพล่าน
ใจกลับดำคำกลับกล้าวาจาพาล
และอาจรานให้อีกฝ่ายทลายลง

ตรงกันข้ามกับที่ใครทำให้รัก
ย่อมประจักษ์แก่ตาว่าฉันหลง
ทั้งจะห่วงท้วงทักพะวักพะวง
ยอมให้ทรงสิทธิ์สุขทุกสิ่งอัน

เธอก็รู้อยู่เต็มใจมิใช่หรือ
คนหัวดื้อคนนี้...นี่แหละฉัน
นี่แค่เรื่องเคืองคับลิ้นกับฟัน
เธอยกมันขึ้นมาเป็นอารมณ์

รู้ว่าโกรธยังกล้าท้าให้โกรธ
เลยลงโทษคนที่ท้าอย่างสาสม
ปล่อยให้สองตาฉ่ำน้ำตาตรม
รอยแค้นบ่มค้างอยู่ในใจฉันนี้

อยากแก้แค้นเธอนักที่รักเอ๋ย
อย่างที่เคยทำทุกคนจนผละหนี
แต่ฉันพบการแก้แค้นซึ่งแสนดี
คือการที่ฉันยอมให้อภัยเธอ ๚

ทวีสุข ทองถาวร


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:42
 นิยาม

การจากไกลเป็นนิยามของความรัก
การอกหักเป็นนิยามของความหลง
การภักดีเป็นนิยามความมั่นคง
ความซื่อตรงเป็นนิยามความศรัทธา


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:42
 ข้างบนแปะไม่ครบ ขออภัยครับ

    นิยาม

การจากไกลเป็นนิยามของความรัก
การอกหักเป็นนิยามของความหลง
การภักดีเป็นนิยามความมั่นคง
ความซื่อตรงเป็นนิยามความศรัทธา

การร้องไห้เป็นนิยามความพ่ายแพ้
การผันแปรเป็นนิยามความใฝ่หา
ความเจ็บช้าเป็นนิยามของน้ำตา
การจากลาเป็นนิยามแห่งความจริง


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:46
 บทนี้ชอบมากครับ ลองอ่านดู

แด่อดีต

๏ " เดือนค้างฟ้าลาลับดับดวงแล้ว
เสียงไก่แก้วขันขานกังวานใส
นิทราเถิดจอมขวัญจักหวั่นไย
พี่อยู่ใกล้แนบกมล...แล้วคนดี

หยุดสะอื้นกลืนกล้ำความช้ำเถิด
อย่าเตลิดขวัญล่องให้หมองศรี
กลางลมหนาวเจ้าพระยาค่อนราตรี
"ประเพณี" เกินพรากเราจากกัน

ไม่มีแม้ฐานะ , ตระกูล , ชาติ
สุดอำนาจเงินตรามาขีดคั่น
มีแต่ความรักแท้แน่นิรันดร์
ตราบตะวันจะยัง...มิรังรอง

นิทราเถิดขวัญหทัยในอ้อมรัก
ขอจงหักใจห้ามความหม่นหมอง
หลับในอ้อมกอดพี่ที่ตระกอง
ก่อนเราต้องจากกัน...จวบวันตาย

"เจ้าพระยา" หลับแล้วแก้วใจเอ๋ย
ดาวก็เลยลาล่วงดับดวงหาย
หนาวลมหนาวโชยผ่านสะท้านกาย
หลับเนตรพรายให้สนิทสู่นิทรา

อ้อมกอดพี่จักให้ไออบอุ่น
ก่อนอรุณรุ่งแรงแสงอุษา
คืนแห่งการจากกันขวัญชีวา
ขอพี่จารึกไว้ในกมล "

เดือนค้างฟ้าลาลับ...ดับดวงแล้ว
ลมหนาวแผ่วเยียบเย็นทุกเส้นขน
ภวังค์ตื่นคืนสำนึกรู้สึกตน
หัวใจท้นชอกช้ำเกินคร่ำครวญ

นับตั้งแต่วันนั้น...ถึงวันนี้
วัน , เดือน , ปีผ่านไปนับไม่ถ้วน
เจ้าพระยาเปลี่ยนกระแสหลากแปรปรวน
ลมหนาวหวน...แล้วห่างร้างนิวรณ์

แต่...ดวงใจดวงนี้มีเพียงหนึ่ง
รักสิตรึงตราอยู่ยากรู้ถอน
ต่อให้สิ้นกัปกัสป์พุทธันดร
ก็สุดรอนรักล่วงพ้นห้วงจินต์

เธอจะอยู่แห่งไหน...ในผืนหล้า
รู้เถิดว่าพี่ครวญหวนถวิล
ไม่สิ้นแรงร่างล้มลงถมดิน
พี่ไม่สิ้นคำนึง...คิดถึงเธอ

สุรพล  สุมนนัฏ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:47
 คนใกล้

๏ ยิ่งใกล้เธอเท่าใดยิ่งไหม้หมอง
เพราะจำต้องหักอารมณ์ข่มแรงหวัง
แม้รสรักขื่นเศร้าเท่ารสชัง
ก็สุดรั้งฤดีไว้มิให้ภักดิ์

ยิ่งใกล้เธอเท่าใดใจแทบขาด
ถ้าความบาดใจเป็นเช่นรอยสัก
การพบกันแต่ละครั้งดังชนัก
คงจำหลักแดพร้อยนับร้อยพัน

หากฉันมีคุณค่ามากกว่านี้
ก็พร้อมที่ทำตามความใฝ่ฝัน
และหากลืมข้อแตกต่างระหว่างกัน
จิตหมายมั่นเพียงใดจะให้รู้

แต่รำลึกตัวดีมีค่าน้อย
ฉันคนด้อยเกียรติมวลไม่ควรคู่
ม่านไมตรีก็จะเป็นประตู
ที่ปิดอยู่ซ่อนสำนึกอันลึกซึ้ง

ตาต่อตามิได้หมายถึงจิต
กายอยู่ชิดเมื่อใจเอื้อมไม่ถึง
ยิ้มตอบยิ้มใช่สลักรักรัดรึง
คนใกล้จึงแสนไกลในชีวิต ๚

สินี เต็มสงสัย


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:48
 เหมือนนกขมิ้น
     
๏ ความเป็นห่วงของใครก็ไม่รู้
มาซุกอยู่ใต้หมอนฉันนอนหนุน
พรางสื่อพจน์รสถ้อยร้อยละมุน
ซ้ำยังกรุ่นกลิ่นแก้มไว้แกมกัน

นี่รอยแก้มแต้มไว้..ของใครหนอ
แนบแก้มคลอเคลียครองข่มหมองขวัญ
ฉันว้าเหว่แรมหวังมาทั้งวัน
ขอฝากฝันพอแฝงสร้างแรงใจ

เดือนข้างแรมค้างรุ่งรอพรุ่งนี้
เหมือนใจที่ทุกข์ท้อรอวันใหม่
คืนพรุ่งนี้นี่จะนอนแนบหมอนใคร
เหลือบ้างไหมชายคาที่อาทร

" โอ้อกเอ๋ยหัวอกนกขมิ้น
เจ้าเสเพลพลัดถิ่นเที่ยวบินร่อน
นี่ดึกแล้วเตลิดหลงกลางดงดอน
จะเกาะคอนเคียงใครที่ไหนเอย "

ฉันถูกปล่อยอยู่กลางความว่างเปล่า
เหมือนอกเจ้านกขมิ้นชินจนเฉย
พรุ่งนี้ขวัญคงคว้างอีกอย่างเคย
ชีพสังเวยความทุกข์ที่คุกคาม

กราบหมอนน้อยเพื่อนนอนค่อนคืนนี้
ขอพรศรีสรวมกมล " คนต้องห้าม "
ยืมเยื่อใยใต้หมอนสะท้อนความ
แทนถ้อยถามทักท้วงเธอห่วงใย

สำหรับเธอที่ฉันเฝ้าฝันหา
หากถามว่าคืนนี้นอนที่ไหน
" จะตอบถ้อยที่ถามไปตามใจ
ฉันหลับแล้วอยู่ใกล้ใกล้หัวใจเธอ " ๚

ทวีสุข ทองถาวร


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:51
เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างแต่ข้างขึ้น
กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า
อันทรามวัยใสสุกทุกเวลา
น้ำใจข้าเมามึนทั้งขึ้นแรม

"นิทานเวตาล" - น.ม.ส.


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:56
 ใครบอก
ใครบอกคิดถึงเธอ    แค่อยากเจออยากเห็นหน้า
ใครบอกว่าอยากมา    บังเอิญน่าไม่ตั้งใจ
ใครบอกว่าฉันหวง    แค่อย่าควงกับใครใคร
ใครบอกว่าห่วงใย    แค่กลัวภัยมาใกล้เธอ
ใครบอกว่าฉันหลง    แค่ซื่อตรงมั่นคงเสมอ
ใครบอกว่าละเมอ    แค่แอบเพ้อเพราะเผลอไป
ใครบอกว่าหมายปอง    แค่แอบมองผิดตรงไหน
รักเธอก็ไม่ใช่    แต่ทั้งใจให้หมดเลย


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:57
 ยังน้อยกว่า
ถึงพระลอลืมเลือนเพื่อนแพงสนิท
ถึงกามนิตลืมยุพาวาสิฏฐี
ถึงพระนลลืมนิยม ทมยันตี
ถึงคาวี ลืมขวัญจันทร์สุดา

ถึงพระรามลืมสีดาทำน่าแค้น
ถึงขุนแผนลืมนางพิมไม่ยิ้มหา
ถึงอิเหนาลืมนุชบุษบา
ยังน้อยกว่าตัวเราถูกเขาลืม!

หรือว่า...

ถึง..พระลอลืมเลือนเพื่อนแพงสนิท
ถึง..กามนิตลืมยุภาวาสิฐี
ถึง..อานนท์ลืมนิยมทมยันตรี
ถึง..คาวีลืมขวัญจันทร์สุดา
ถึง..พระรามลืมสีดาทำหน้าแค้น
ถึง..ขุนแผนลืมพิมไม่ยิ้มหา
ถึง..อิเหนาลืมนุชบุษบา
มิโศกากว่าฉันเศร้าเมื่อเขา..ลืม

ถึงพระลอลืมเลือนเพื่อนแพงสนิท          
ถึงกามนิตลืมบุพผาวาสิฏฐี        
ถึงพระนลลืมอนงค์ทมยันตี      
ถึงคาวีลืมขวัญจันทร์สุดา
ถึงพระรามลืมผกาสีดาเจ้า        
ถึงอิเหนาลืมยุพินจินตหรา        
ถึงอิศวรลืมสมรอรอุมา
ไม่เศร้ากว่าตัวเราถูกเขาลืม

ถึงพระรามลืมสีดาไม่น่าแค้น
ถึงขุนแผนลืมพิมไม่ยิ้มหา
ถึงอิเหนาลืมนงนุชบุษบา
ไม่เศร้ากว่าตัวเราถูกเขาลืม


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 16:59
 ไม่อาจห้ามใจ

จะให้ลืมลืมอย่างไรใจยังรัก
จะให้หักหักอย่างไรใจยังหลง
ถึงจะห้ามห้ามอย่างไรใจพะวง
ใจยังคงฝันซึ้ง.....คิดถึงเธอ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 17:10

ตบท้ายด้วยกลอนอมตะนิรันดร์กาลครับ

ถึงม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้เกิดใน ใต้ฟ้า สุธาธาร
ขอพบพาน พิศวาส ไม่คลาดคลา

แม้เนื้อเย็น เป็นห้วง มหรรณพ
พี่ขอพบ ศรีสวัส ดิ์เป็นมัจฉา
แม่เป็นบัว ตัวพี่ เป็นกุมรา
เชยผกา โกสุม ประทุมทอง

เจ้าเป็นถ้ำ อำไพ ขอให้พี่
เป็นราชสีห์ สิงสู่ เป็นคู่สอง
จะติดตาม ทรามสงวน นวลละออง
เป็นคู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป…………

พระอภัยมณี…ท่านสุนทรภู่

รูปประกอบโหดไปไหมครับ อิอิ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ย. 06, 17:23

.
Love: a temporary insanity, curable by marriage...
~ by Ambrose Bierce ~

ความรัก: อาการวิกลจริตชั่วคราว  บำบัดให้หายได้ด้วยการสมรส
แปลโดย เทาชมพู  


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 17:30
บางบทผมนำมาจากเว็บไซต์อื่น ไม่ทันได้ตรวจสอบเช่นกัน อาจเพราะด้อยความรู้

ท่านใด เห็นกลอนบทใดข้อผิดพลาดหรือบกพร่อง สามารถแก้ไขได้เลยครับ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 17:31
 อิอิ เห้นนิยามความรักที่คุณเทาชมพูนำมาแล้ว ให้รู้สึกขำจนหยุดแทบไม่ได้


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ก.ย. 06, 17:53
 ความเห็น ๘  -  โอ้ว่าอนิจจาความรัก  จากอิเหนาเป็นพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒  ครับ  และ

ความเห็น ๒๕  -  น้องเคลียแก้มฝากไว้ก่อนให้พี่
                       เป็นเนื้อร้องจากเพลง  ฝากหมอน  ที่คุ้นเคยจากเสียงร้องของคุณ บุษยา รังสี


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: Peking Man ที่ 27 ก.ย. 06, 19:05
 ไม่มีกลอนใด
ไม่มีความรัก
หากไม่มีเธอ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 27 ก.ย. 06, 21:13
 หายใจหายคอแทบไม่ทันเลยพ่อคุณ

ชุดใหญ่จริงๆ    


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 21:24
 เรียนคุณศิลา ครับ

น้องเคลียแก้มเกลือกไว้ก่อนให้พี่
ซ้ำกราบที่กลางหมอนเคยนอนหนุน
ยามพี่แนบหน้านอนหมอนละมุน
จงหอมกรุ่นแก้มและกราบกำซาบทรวง

บทกวีนี้ถูกแต่งขึ้นโดย คุณ สวัสดิ์  ธงศรีเจริญ ครับ
แล้วถูกนำไปใช้แต่งเป็นเพลงสุนทราภรณ์
ในภายหลังครับ อย่างที่คุณกล่าวมา


ส่วนกลอนนี้เป็นตอนที่ จินตหรารำพันถึงอิเหนาว่า
โอ้ว่าอนิจจาความรัก                    เพิ่งประจักษ์ดังสายน้ำไหล
ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป            ที่ไหนจะไหลคืนมา

จากข้อมูลที่หาได้ลองดูตามนี้นะครับ ผมไม่แน่ใจว่าส่วนนี้จะมาจากอิเหนาเล็กหรือไม่

ขออนุญาตยกข้อความมาจาก สกุลไทย
 http://www.sakulthai.com/dsakulcolumnDetail.asp?stcolumnid=1623&stissueid=2497&stcolcatid=2&stauthorid=13

ประวัติเรื่องที่มาแพร่หลายในเมืองไทยปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศกษัตริย์พระองค์ที่ ๓๑ เป็นที่รู้กันอยู่ว่าพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศนั้น ทรงมีพระมเหสี พระสนม และพระราชโอรสธิดามากมายกว่ากษัตริย์พระองค์ใด พระมเหสีองค์หนึ่งคือเจ้าฟ้าสังวาลย์ (เจ้าฟ้าสังวาลย์ซึ่งนัยว่ามีความสัมพันธ์ชู้สาวกับเจ้าฟ้ากุ้งหรือเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และพระอัครมเหสีนั่นแหละ) เจ้าฟ้าสังวาลย์มีพระราชธิดาสององค์ คือเจ้าฟ้ากุณฑลกับเจ้าฟ้ามงกุฎ ทั้งสองพระองค์มีพระพี่เลี้ยงเป็นแขกมลายู พระพี่เลี้ยงได้เล่าเรื่องอิเหนาให้ฟังแต่เล่ากันเป็นทำนองนิทานหลายอย่าง บ้างก็ว่าอิเหนาไปหลงนางชาวป่า บ้างก็ว่าอิเหนาไปหลงธิดาเมืองอื่น ดังนั้น สองพระองค์จึงทรงพระนิพนธ์บทละครกันพระองค์ละเรื่อง เจ้าฟ้ากุณฑลทรงพระนิพนธ์เรื่อง “ดาหลัง” หรืออิเหนาใหญ่ เจ้าฟ้ามงกุฎทรงพระนิพนธ์เรื่อง “อิเหนา” หรือ อิเหนาเล็ก

           ปรากฏว่าคนชอบเรื่องอิเหนามากกว่าเรื่องดาหลัง เรื่องอิเหนาเล็กจึงแพร่หลายมากกว่า

           เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาบทละครเรื่องอิเหนากระจัดพลัดพราย แต่มีผู้จำเอาไว้ได้บ้างต้นฉบับเหลืออยู่บ้าง ถึงสมัยกรุงธนบุรี ระยะนั้นมิได้มีการชำระหรือนิพนธ์ขึ้นใหม่ มีแต่เจ้าพระยาพระคลัง (หน) แต่ครั้งยังเป็นหลวงสรวิชิตแต่งเป็นอิเหนาคำฉันท์ไว้เพียงบางตอน

           จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ได้ทรงพระราชนิพนธ์ เข้าใจว่าคงจะทรงพระราชนิพนธ์จากที่จำๆ กันมาบ้างจากต้นฉบับเดิมสมัยกรุงศรีอยุธยาบ้าง ทว่าไม่จบเรื่อง ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เพียงบางตอนเท่านั้น

           ถึงรัชกาลที่ ๒ จึงทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใหม่ทั้งหมดแต่ต้นจนจบเรื่อง ทว่าบางตอนนั้นก็มีที่คัดมาจากของเก่าอันเป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ บ้าง บางตอนซึ่งมักเป็นตอนที่ไม่สู้สำคัญนักก็มีที่โปรดฯให้ผู้อื่นช่วยแต่งบ้าง เช่น ตอนบุษบาเล่นธารที่ทำให้เป็นเหตุเล่ากันมาว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวครั้งยังเป็นพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงมีเรื่องขัดเคืองกับสุนทรภู่ เรื่องสุนทรภู่ “หักหน้า” หน้าพระที่นั่ง เรื่องนี้เคยเล่าไว้แล้วในเวียงวัง

 http://www.nuanphun.com/no102.html

คืออย่างนี้นะครับ ถูกแล้วครับที่ท่านผู้รู้กล่าวว่าเป็นของรัชกาลที่ 2 เพียงแต่จากแหล่งข้อมูลข้างบนกล่าวว่ารัชกาลที่ 2 ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ทั้งหมดเป็นส่วนใหญ่ บางส่วนเอาจากของร.1 บางส่วนโปรดให้ผู้อื่นแต่งขึ้น

คือผมคิดว่ากลอนบทนี้อาจจะมีโอกาสที่รัชกาลที่2 ทรงนำมาจากของเก่าต้นซึ่งรัชกาลที่ 1 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ แล้วรัชกาลที่ 1 ก็ทรงพระราชนิพนธ์จากที่จำๆ กันมาบ้างจากต้นฉบับเดิมสมัยกรุงศรีอยุธยาบ้าง  โดยส่วนที่จำมา(ก็คือกลอนบทนี้)อาจจะเป็นของเจ้าฟ้ามงกุฏ(จากอิเหนาเล็กเพราะอิเหนาเล็กได้รับความนิยมมากกว่าอิเหนาใหญ่ โอกาสที่คนจำกันได้น่าจะมีมากกว่า)ก็เป็นได้ ใช่ไหมครับ

คือผมไม่ยืนยันหรอกนะครับว่าเจ้าฟ้ามงกุฏเป็นผู้แต่ง เพราะผมเองก็ไม่ทราบเช่นกัน เพียงแต่แสดงความคิดเห็นว่าทำไมแหล่งของกลอนที่ผมนำมาจึงเขียนว่าเป็นของพระมงกุฏ ซึ่งก็อาจจะผิดก็เป็นได้ครับ

ท่านไหนพอจะมีแหล่งข้อมูลที่เท็จจริงมาช่วยยืนยันหรือแย้งอย่างไรโปรดมาแปะทีครับ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ย. 06, 21:46
อิเหนา เป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ ค่ะ  ของเดิมคือพระนิพนธ์เจ้าฟ้ามงกุฎ (พระธิดาพระเจ้าบรมโกศ) ขาดหายไป จึงต้องมาแต่งขึ้นใหม่

เจ้าฟ้ามงกุฎ กับ พระมงกุฎเกล้า คนละพระองค์กันค่ะ ในค.ห. 8 เขียนผิด


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 27 ก.ย. 06, 21:49
 จริงด้วยครับ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยเปลี่ยนเป็น เจ้าฟ้ามงกุฏ
ให้ได้ไหมครับ

ขอขอบพระคุณ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: กุรุกุลา ที่ 28 ก.ย. 06, 20:19
 สวัสดีครับคุณโอโบโร กำลังพยายามตามอ่านให้ทันอยู่ครับ ขอเวลานิดนะครับ หุหุ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 29 ก.ย. 06, 13:47
 ดีใจครับ มีเหยื่อมาอ่าน อิอิ

เอ หรือว่าคุณกุรุกุลา กำลังอยู่ในห้วงแห่งความรักกันหนอ?    


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 29 ก.ย. 06, 20:25
 เอ... ทำไมไม่มีใครมาช่วยแจมเลยน้า      

จะเป็นคำคมความรัก ก็ได้ครับ  ของต่างประเทศก็ไม่ว่ากัน

แปลให้ด้วยจะเป็นพระคุณมาก
ของเชค สเปียร์ก็ดีครับ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ย. 06, 20:59
โรครักนี้แรงหาน้อยไม่
ร้ายยิ่งกว่าโรคาอย่างใดๆ
ยิ่งกว่าไข้จับหนาวร้าวรานครัน

แม้มิได้ชื่นชมให้สมจิต
เหมือนเพลิงพิษเผาอุราแทบอาสัญ
ไม่เห็นหน้าคู่รักเพียงสักวัน
จิตพลันร้อนผ่าวราวอัคคี

ศกุนตลา
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ย. 06, 21:01
 แม้รักจริงหวานยิ่งบุหงาสวรรค์
ยิ่งกว่าแก่นจันทร์อันหอมโหย
รักร่วมชีวาไม่ราโรย
จะช่วยโชยกลิ่นสวาทไม่ขาดเอย

บทละคร ชิงนาง
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ย. 06, 21:09
 โอ้วันใดมิได้ประสบพักตร์
ราวหัวอกจะหักเสียให้ได้
หวามอุราน้ำตาก็ตกใน
กลายเป็นไฟเผาร้อนรอนชีวี

พญาราชวังสัน
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ย. 06, 21:11
 รสใดไม่เหมือนรสรัก
หวานนักหวานใดจะเปรียบได้
แต่มิได้เชยชมสมใจ
ขมใดไม่เทียบเปรียบปาน

ท้าวแสนปม
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 29 ก.ย. 06, 21:12
 ขอบคุณ อาจารย์ที่กรุณาร่วมสรรหาแบ่งปันกลอนหวานๆครับ

ไว้ผมสอบเสร็จจะลองหากลอนหรือโคลงของกวีต่างประเทศแล้ว จะมาลองแปลดูครับ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 29 ก.ย. 06, 21:18
 อาจารย์พอมีโคลง กลอนหวานๆของเชค สเปียร์มั้ยครับ

ถ้ามีจะโปรดกรุณามาลงให้ได้ชื่นชมบ้าง จะรบกวนไปไหมครับ

ขอขอบพระคุณ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: กงกง ที่ 15 ต.ค. 06, 21:38
 เข้ามาแอบอ่านด้วยคนครับ

....ฉันพร้อมจะเจ็บกับหนึ่งคำที่เธอเอื้อนเอ่ยมา
.......ดีกว่าช้ำอยู่อย่างนี้ ..กับการจากไปไร้คำลา
..........บอกฉันมาสักคำ.. ฉันทำผิดอะไร...

..จำๆมาอ่ะครับ ไม่รู้ถูกรึป่าว จาก เพลงในละคร .. น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ..แค่บอกลา


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: กงกง ที่ 15 ต.ค. 06, 21:46
 ...เธอหายจากฉันไปไร้คำลา...

...ทิ้งฉันไว้กับน้ำตาอยู่อย่างนี้...

...มันทั้งเจ็บทั้งช้ำรู้ไหมคนดี...

...ทำแบบนี้ไม่รู้ฉันผิดอะไร...

แต่งเองครับ จากเค้าโครง...แค่บอกลา


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: อ้อ ที่ 29 พ.ย. 06, 14:28
อัศจรรย์พลังแห่งความรัก
หากประจักษ์รักแท้แน่สุขสันต์
หากรักปลอมแสนเศร้าเฝ้าจาบัลย์
ความรักนั้นเปลี่ยนแปลงได้ทั้งร้ายดี

ส่วนตัวฉันในนามของความรัก
ได้รู้จักรักแท้แน่สุขขี
เกิดพลังสรรสร้างแสนทวี
ชีวิตนี้มีค่ากว่าเมื่อวาน

สิ่งแวดล้อมรอบกายคล้ายบังเกิด
ให้กำเนิดโลกสวยด้วยอ่อนหวาน
มองท้องฟ้าใบหญ้ามาลำธาร
เชื่อมผสานเมฆน้อยล่องลอยไกล

แม้กลางคืนมืดมิดสนิทเงียบ
เย็นยะเยียบหนาวเหน็บกว่าที่ไหน
แต่ดวงจิตอบอุ่นอยู่ภายใน
กายห่างไกลแต่ใจอยู่ใกล้กัน

โอ้ความรักเคยชนะและเคยแพ้
เคยอ่อนแอเคยล้มป่วยแปรเปลี่ยนผัน
จะอย่างไรให้อภัยเชื่อใจกัน
เพราะรักนั้นยังอยู่ไม่เคยตาย


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: ศานต ที่ 29 พ.ย. 06, 20:00
 ความเห็นเพิ่มเติมที่ 29 แจ้งลบความคิดเห็นนี้  





เรียมรักนุชนาฏด้วย เห็นใจ จริงเอย

ใช่รักรูปวิไล เลิศล้ำ

ชื่นจิตแต่หล่อนไข คำซื่อ

อีกสิ่งปฏิบัติซ้ำ ส่งให้รักแรง



พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว





โดย:   OBORO





...................

ถ้าจำไม่ผิดผมเคยเห็นโคลงบทนี้ใน นวนิยายเรื่อง สองฝั่งคลอง ของ ว.วินิจฉัยกุล น่ะครับ  เขาเขียนว่า



พี่รักนุชนาฏด้วยเห็นใจ  จริงแฮ

ใช่รักรูปวิไล                เลิศล้ำ

ชื่นจิตแต่หล่อนไข        คำซื่อ

อีกสิ่งปฏิบัติซ้ำ            ส่งให้รักแรง



** ของ ร.๖



สรุปว่าอย่างไหนถูกหรือครับ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: nozame ที่ 29 พ.ย. 06, 21:39
รักไม่ต้องการสิ่งตอบแทน
รักเหนือสิ่งหมื่นแสนที่ให้ได้
รักเป็นสื่อกลางระหว่างใจ
รักและห่วงใยคือความผูกพัน
รักไม่มีกรอบล้อมรอบคำว่าให้
รักคือความจริงใช่ความฝัน
รักเป็นความผูกพันชั่วนิรันดร์
รักฉันนั้นจึงมีเพียงแต่เธอ
รักบางทีก็มีความขัดแย้ง
รักมักแกล้งเราไปให้พลั้งเผลอ
รักบางครั้งทำให้เราหลงละเมอ
รักอาจทำให้พบเจอและเจ็บใจ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 06 ธ.ค. 06, 13:30
 เข้ามาแจมด้วยค่ะ

หากจะรักรักนั้นต้องทั้งหมด
เกียรติยศฤาชีวิตปลิดให้ได้
ถึงโลกจะมหาศาลค่าปานใด
จะวางไว้ในอุ้งหัตถ์"รักนิรันดร์"

จากรอยอินทร์ของโรสราเลนค่ะ


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: ขิมจัง ที่ 08 ธ.ค. 06, 11:09
 เจ้าหน้านวลยวนใจให้พี่เชย
ไม่ละ ไม่เลยไ ม่ลืมชม
แม้นห่างอินทรีย์ อกพี่ระบม
อกตรอม อกตรม เสียจริงเอย
เจ้าภุมรินเอย กลั้วกลิ่นบุปผา
เกษรผกาไม่ราโรย
จะคลึง จะเคล้า จะเฝ้าสงวน
จะยั่ว จะยวน เมื่อลมโชย
จะกอบ จะโกย กลิ่นไปเอย
ดอกเอ๋ย...เจ้าดอกจิก
หัวใจแทบจะพลิก พลิกเสียแล้วเอย

เนื้อเพลงไทยเดิม พระอาทิตย์ชิงดวง ถ้าใครได้ฟังทำนองและคำร้องจากเพลงจริงๆ จะยิ่งชอบค่ะ เพราะว่าไพเราะมากๆๆๆ เอามาฝากให้ลองหาฟังดูนะคะ  


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: ที่ 08 ธ.ค. 06, 13:47
  ตอบ 68
เป็นของ ร. 5 แน่นอนค่ะ
ในนิยายสองฝั่งคลองพิมพ์ผิด  


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: นชน ที่ 11 ธ.ค. 06, 02:32
 ชอบบทเพลงนี้

รักมิใช่ดวงดาวเมื่อพราวแสง
ใช่ร้อนแรงดั่งแสงอาทิตย์ส่อง
รักมิใช่ภูผาสุดจับจอง
ใยใครมองหารักกันทำไม


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: ดอกไม้ไฟ ที่ 11 ธ.ค. 06, 04:52
 ขออนุญาตเข้ามาดื่มด่ำรสกวีด้วยคนนะคะ


"ยังไม่เคยเอ่ยว่ารักเลยสักหน
แต่ในใจเปี่ยมล้นด้วยรักยิ่ง
ไม่เคยมีทีท่าว่ารักจริง
แต่ทุกสิ่งที่กระทำคือความรัก"

เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: ดอกไม้ไฟ ที่ 11 ธ.ค. 06, 04:58
 บทสุดท้ายของนิยายรัก

๏ จริงหรือนี่ที่ว่ารักเราจักร้าว
นึกแล้วหนาวเหน็บนักแก้วรักเอ๋ย
รสสัมผัสอ่อนละมุนที่คุ้นเคย
ไยจึงเผยรสร้างจืดจางกัน

เราเคยร่วมใจฝันว่าวันหนึ่ง
เราจะถึงวันที่งามเหมือนความฝัน
ฟ้าสีทอง ดอกไม้บาน ธารพระจันทร์
และรักอันคงค่าสถาพร

ฉันเฝ้ารอคอยวันที่ฝันไว้
รอด้วยรักด้วยใจไม่ถ่ายถอน
แต่นี่สร้อยสายสวาทมาขาดตอน
เธอกล้ารอนลงด้วยมือเธอหรือไร

เมื่อเธอสิ้นเสน่หามาสนอง
รักที่ปองมอดหมดความสดใส
แผลรักร้ายบ่อนทั่วเนื้อหัวใจ
จะต้องปวดร้าวไปถึงไหนกัน

ดอกรักบานในหัวใจใครทั้งโลก
แต่ดอกโศกบานในหัวใจฉัน
และอาจเป็นเช่นนี้ชั่วชีวัน
เมื่อรักอันแจ่มกระจ่างกลับร ้างไกล

นิยายรักยืดยาวของเรานั้น
คงไร้วันสดชื่นขึ้นบทใหม่
หมดความหมายที่จะรอกันต่อไป
เพราะเปลวไฟรักดับลงกับตา ๚

เฉลิมศักดิ์ (ศิลาพร) รงคผลิน  


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: ดอกไม้ไฟ ที่ 11 ธ.ค. 06, 05:01
   รวมกลอนรัก  (เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์)

หัวใจรักเจ้าเอยช่างเอ่ยเอื้อน..........                       แว่วแว่วเหมือนมาตามมาถามข่าว
มีน้ำอย่างหยาดแก้วกลบแววดาว๑...............              เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง๒
อารมณ์รักมักให้เห็นเป็นกวี..............                      ถ้อยคำรักคือวลีที่เริงรุ่ง
ถึงไม่จำแต่ไม่ลืมยังปลื้มปรุง...........                       หอมแห่งทุ่งดอกไม้รักรายรอง
อ้อมกอดพี่จะสงวนไม่ด่วนเสนอ.............                อ้อมตักเธอจงถนอมก่อนยอมสนอง๓
ทั้งคมคำคมความให้ตามตรอง...........                     กระเทือนห้องหัวใจกันหลายชั้น
ดอกรักบานในใจใครทั้งโลก.............                     แต่ดอกโศกบานอยู่ในหัวใจฉัน๔
คนเคยรักเคยร้างเคยห่างกัน............                      ยังหวั่นหวั่นหวามหวามอยู่รำไร
โอ้นกเขาเจ้าขันกระชั้นแจ้ว.............                     เราโตแล้วหาตักอุ่นหนุนไม่ได้๕
ถ้าไม่ไปหาเขาเราเสียใจ............                        แต่ถ้าไปหาเขาเราเสียตัว๖
ทั้งเสียวสะแสบไส้กระไรเลย...........                       อุแม่เอ๋ยเอาหัวใจออกไขทั่ว
กล้าก็กล้าใจหนอกลัวก็กลัว............                       เหมือนมายั่วมาย้ำมานำชัก
ขณะที่ปากมีไว้เพื่อให้พูด.............                       เธอก็ใช้ลิ้นการฑูตพูดเสียหนัก
ส่วนหัวใจมีไว้เพื่อให้รัก...........                         เธอไม่ยักใช้มัน...ฉันเสียดาย๗
เหมือนระย้าผกาแก้วแววระยับ...............                 กระทั่งกับภูผาน่าใจหาย๘
คือดวงแก้วแห่งรักมักวับวาย..........                      มีแต่จะตกกระจายไม่วายเว้น
หนึ่งจะมีรักใหม่อย่าให้รู้...........                        สองจะอยู่กับใครอย่าให้เห็น
ให้ฉันเถิดขอร้องสองประเด็น.............                  แล้วจะเป็นผู้แพ้ที่แท้จริง๙
สารพันสารพัดจะสัตย์ซื่อ.........                          ความรักคือความทุกข์ถูกทุกสิ่ง
ประเดี๋ยวสุขสมหมายก็พรายพริ้ง.............                 ประเดี๋ยวยิ่งปวดร้าวก็เศร้าทรุด
ถ้ารักใครไม่ได้ก็ไม่รัก............                           แต่กุจักชักดาบเข้าฉาบฉุด
ดั่งโคถึกคึกคะนองลำพองรุด.............                   ใครจะยื้อใครจะยุดจะฉุดใจ๑๐
เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก............                          ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน
ไม่รักกุกุก็จักไม่รักใคร..........                           เอ๊ะ  น้ำตากุไหลทำไมฤๅ๑๑
ข้อยฉวยช้อนกลอนรักมาถักร้อย...........                  เป็นสายสร้อยดอกไม้สร้อยลายสือ
มอบไว้เป็นของขวัญมั่นกับมือ.............                     เสมอสื่อสารรู้...ใจสู่ใจ

๑  ตุลย์เทพ     สุวรรณจินดา
๒  อังคาร     กัลยาณพงศ์    
๓  สวัสดิ์     ธงศรีเจริญ
๔  เฉลิมศักดิ์     ศิลาพร
๕ นิภา     บางยี่ขัน
๖  กรรณิการ์     เฮงรัศมี
๗  รังษี     บางยี่ขัน
๘  อุชเชนี
๙  สนธิกาญจน์     กาญจนาสน์
๑๐  ขรรค์ชัย     บุญปาน
๑๑  สุจิตต์     วงษ์เทศ
 


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: Gotz21 ที่ 13 ธ.ค. 06, 00:56
 "อิเหนา" - พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

"โอ้ว่าอนิจจาความรัก
พึงประจักษ์ดังสายน้ำไหล
มีแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป
ไหนเลยจะไหลกลับมา"

อาจเคยฟังกันบ่อยๆ แต่ฟังทีไรก็ยังเป็นบทที่สะเทือนใจผมทุกที ...


กระทู้: บทกลอนแห่งความรัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ธ.ค. 15, 14:48
ดึงกระทู้เก่าขึ้นมาเพราะไปเจอกลอนของดวงใจ รวิปรีชา หนึ่งในสี่มือทองวรรณศิลป์ของธรรมศาสตร์เมื่อห้าสิบปีก่อน   บัดนี้ดวงวิญญาณของเธอขึ้นไปสู่สวรรค์ชั้นกวี ร่วมวงกับเพื่อนๆหลายคน
อาจารย์ประยอม ซองทอง  ศิลปินแห่งชาติ นำกลอนของเธอมาลงไว้ใน facebook    กลอนของเธอยังเต็มเปี่ยมด้วยพลังยากจะหาผู้เสมอเหมือน

คำตัดพ้อของดอกไม้โรย

คือนิยายน้ำเน่าของสาวใหญ่
มีเปลวไฟความรักคอยหักโหม
มีดวงตาว่างเปล่าเศร้าและโทรม
ความเหงาโน้มเน้นใจให้เป็นทุกข์

ถูกร้างรามาตลอดพร้อมทอดทิ้ง
ชีวิตจริงไม่รู้จักรักและสุข
พรางด้วยยิ้มซ่อนเหงาที่เร้ารุก
แล้วหัวเราะราวสนุกไม่ทุกข์ร้อน

นั่นมิใช่ตัวจริงของฉัน
ความสุขสันต์คือคราบของภาพหลอน
ความทุกข์คือความจริงอันนิรันดร
เป็นเงาซ้อนซ่อนในตัวชั่วชีวี

เหมือนดอกไม้ได้บานเมื่อวันก่อน
ถูกน้ำร้อนก็โรยสิ้นกลีบกลิ่นสี
เหลือเพียงความทรงจำย้ำฤดี
ถึงผู้ที่เคยช้อนชมดมผกา

ถ้าชีวิตเป็นเชือกเลือกตัดได้
จะตัดให้ขาดลงที่ตรงหน้า
ไม่ต้องแอบอ้างว้างอยู่ค้างคา
ทรมาเพราะพิษผิดหวังตรม

เธอก็รู้เรื่องดีฉะนี้แล้ว
ฉันใช่แก้วหากคือกรวดอวดขื่นขม
เธอก็คงคล้ายน้ำค้างที่พร่างพรม
เกลือกกลีบชมผกาชื่นชั่วคืนเดียว

ปิ่นฤทัย รวิปรีชา
(ดวงใจ รวิปรีชา)