เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 4801 ค่าขมิ้นสีเท้าห้าชั่ง
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 23:07

อ่านมาจาก  มหามุขมาตยานุกูลวงศ์  เล่ม ๑
ว่าด้วยลำดับวงศ์ตระกูลขุนนางไทยทั้งสิ้นในแผ่นดินสยาม

นายก.ศ.ร. กุหลาบ  อายุศม์ ๗๒ ปี
เป็นผู้เรียบเรียงข้อความตามต้นฉบับเดิม

ลงพิมพ์ครั้งที่ ๑  พันฉบับ
ตีพิมพ์ที่โรงพิมพ์สยามประเภท
หน้าวัดราชบพิธ  ถนนเฟื่องนคร  กรุงเทพฯ

เมื่อรัตนโกสินทรศก ๑๒๔(พ.ศ.​๒๔๔๘)
ราคาเล่มละ ๑๐ บาท



เก็บความมาจากหน้า ๓๑ - ๔๗ 

ประวัติเจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิง)


นายสิงเป็นบุตรคนที่ ๔ ของเจ้าพระยาอภัยราชา(ปิ่น)กับ ท่านผู้หญิงนิ่มนวลหรือฟัก
เกิดเมื่อ จ.ศ.​๑๑๒๙ ปีที่ ๑๐ ในแผ่นดินพระเจ้าตากกรุงธนบุรี

เมื่ออายุ ๑๖ ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ใน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ในรัชกาลที่ ๑
โปรดฯ ให้เป็นมหาดเล็กรายงานการต่อสำเภาเพื่อจะบันทุกสินค้าไปขายเมืองจีน

นายสิงรับราชการเรื่อยมาโดยได้รับตำแหน่งเป็นนายนรินทรธิเบศร์มหาดเล็กหุ้มแพรฝ่ายพระราชวังบวร

ในรัชกาลที่ ๒    นายนรินทรธิเบศร์(สิง)ได้เลื่อนเป็น จมื่นศรีบริรักษ์  ปลัดกรมพระตำรวจนอกขวาฝ่ายพระราชวังบวร
อายุได้ ๓๓

ในสงครามเมืองถลาง  จมื่นศรีบริรักษ์เป็นปลัดรองนายเรือลาดตระเวณ
กองนี้มีเรือรบ ๙ ลำ เป็นเรือลาดตระเวณกองหน้า
(รายละเอียดเรื่องการรบขอผ่านไปก่อนนะคะ)
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 23:10

ท่านผู้อ่านอยากปาดเมื่อใดก็เชิญนะคะ  เพราะคงเล่าอีกนานกว่าจะไปถึง ค่าขมิ้นสีเท้า ๕ ชั่ง

ขออนุญาตยังไม่ตอบคำถามเพราะเกรงจะเลี้ยวลงจากถนนใหญ่
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 23:29

ได้เลื่อนเป็นพระพรหมสุรินทร์เจ้ากรมพระตำรวจใหญ่ขวา ฝ่ายในพระราชวังบวร

กองทัพไทยไปฟังข่าวราชการเมืองเขมร
พระพรหมสุรินทร์(สิง)ได้เป็นนายทัพกองนำ
(เรื่องการรบมีกลอุบายน่าฟังอยู่   ขออนุญาตข้ามไป)


กลับมาได้เป็นพระราชโยธา  แล้วเลื่อนเป็น พระยาเกษตรรักษา อธิบดีกรมนาฝ่ายพระราชวังบวร

เกิดการตัดหน้าฉาน  โดนถอด และจำอยู่ได้ ๔ เดือน

พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์กราบบังคมทูลขอพระเกษตรรักษาให้มาช่วยราชการ

ทรงใช้สอยต่อสำเภาหลายลำเพราะเป็นผู้ชำนาญ

ได้เป็นพนักงานตรวจตราศาลฎีกา
ได้ช่วยดูแลการก่อภูเขาขุดสระน้ำทำเก๋งจีนในพระราชอุทยาน

ได้เทียบที่พระท้ายน้ำ
แต่ยังเป็นพระยาเกษตรรักษานอกราชการอยู่

โดนฟ้องเรื่องส้องสุมผู้คน  เพราะไปทำนาใหญ่โที่ตำบลบางยี่โท  ในแควแม่น้ำสีกุกแขวงกรุงเก่า
ปลูกโรงใหญ่โตล้อมด้วยไม่ไผ่ทั้งลำ  พูนโคกขุดคูทำสนามเพลาะ เกลี้ยกล่อมผู้คนไว้มากมาย
สะสมศาตราวุธ  ซื้อโคกระบือของผู้ร้าย

โดนจำไว้ในทิมตำรวจริมกำแพงด้านเหนือวัดพระแก้ว ภายในพระบรมมหาราชวัง  รอพิจารณาความ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 23:38

นายเถื่อนบุตรพระหฤไทย  เป็นมหาดเล็กรายงาน  กำกับศาลรับสั่งกรมพระตำรวจทั่งแปดศาล
เวลานั้นเขาเรียกนายเถื่อนคางแพะ



วันหนึ่งบ่าวมาแจ้งพระยาเกษตรรักษาว่า   ท่านนิ่มนวลหรือท่านผู้หญิงฟักมารดากำลังจะถึงอนิจกรรมวันนี้แล้ว
มีความกตัญญูต่อมารดา  จึงขอให้ผู้คุมรองไปเรียนเจ้ากรมปลัดกรมตำรวจผู้บังคับทิมตรางว่า
ขออนุญาตออกไปอาบน้ำศพมารดา


เจ้ากรมปลัดกรมพระตำรวจ  สังเวชเพื่อนมนุษย์ หาได้คิดว่าเป็นความผิดต่อราชการ  จึงอนุญาต


บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 23:48

นานเถื่อนมหาดเล็กรายงานได้ยินเข้า  จึงส่งทนายไปเรียกหมื่นหาญผู้คุมใหญ่มาถาม
ว่าทำไมไม่บอก  มีความผิดรู้ไหม  แล้วสั่งเฆี่ยนหมื่นหาญ ๓๐ ที


นายเถื่อนสั่งให้เสมียนเขียนรายงานว่าจะนำขึ้นกราบบังคมทูล

นายเถื่อนนั้นมีบุญยิ่งกว่าเจ้ากรมพระตำรวจ  มีวาศนายิ่งกว่าหัวหมื่นมหาดเล็ก   คนทั่วไปเรียกต่อหน้าว่า ใต้เท้ากรุณาเจ้า(เท่าเจ้าพระยาพานทอง)
นายเถื่อนหมอบเฝ้าท้ายพระแท่นหน้าหัวหมื่นมหาดเล็ก   เวลาตามเสด็จกฐินหลวงนั่งเรือกันยาฝีพาย ๕๐ คน


ในบ่ายวันนั้น  เจ้ากรมพระตำรวจให้หมื่นหาญไปตามตัวพระยาเกษตรรักษากลับมาขังไว้ในทิมดั่งเดิม
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 23:52

เวลานั้นพระเกษตรรักษา(สิง)อาบน้ำศพมารดาแล้วแต่ยังไม่ทันจะนำศพลงหีบไม่
ตกใจกลัวราชทัณฑ์   ก็รีบกลับเข้ามาอยู่ในทิม


ได้เรียกเงินสองชั่งจากทางบ้านมาทำขวัญหมื่นหาญตามมีตามเกิด



ถึงตอนสำคัญแล้วค่ะ....
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 23:59

ค่ำวันนั้นพระยาเกษตรรักษาใช้คนสนิทไปพูดจาอ่อนน้อมกับนายเถื่อน   ขอความกรุณาอย่านำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา
ขอให้งดไว้

จะให้เงิน ๕​ ชั่งเป็นค่าขมิ้นสีเท้า    ก.ศ.ร.กุหลาบวงเล็บไว้ว่าเงิน ๕​ชั่งสมัยดน้นมีค่าเท่ากับเงิน ๕๐ ชั่งสมัยนี้(สมัยก.ศ.ร.เล่าเรื่อง)


นายเถื่อนรับเงินแล้ว  รับรองว่าจะไม่กราบทูล(ตกลงเงิน ๕​ ชั่งปิดปากบอนผู้มีบุญหยุด)
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 05 ธ.ค. 09, 00:18

อิอิ   รู้สึกชอบวลี  ค่าขมิ้นสีเท้า จังเลย    นอบน้อมถ่อมตนดีมาก





ถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

นายเถื่อนได้เป็นหลวงชาติสุริยง  ข้าราชการฝ่ายพระราชวังบวร สมทบในวังหลวง




พระยาเกษตรรักษาได้เป็น เจ้าพระยาบดินทรเดชา  แม่ทัพใหญ่ไปทำศึกญวน
หลวงชาติสุริยง(เถื่อน)ถูกเกณฑ์ไปกับกองทัพ



ณ เมืองระสือ เขตแดนเขมร      เจ้าพระยาบดินทรเดชามีบัญชาให้หลวงชาติสุริยง(เถื่อน)
คุมทหารไปทำสะพานเชือกข้ามคลองกระพงปลัก  เป็นที่ล่อแหลม  เพราะอยู่ในระยะปืนจากญวนยิงได้ตรง ๆ ง่าย ๆ

ชาติสุริยงไม่สามารถจะทำตามคำสั่งได้  ญวนยิงออกมาจากค่ายได้ถนัด และยิงปืนหน้าเรือมาเป็นห่าฝน
จึงถอยทัพมาฟังข่าวใต้คลองกะพงปลัก   รายงานเข้ามาว่าทำสะพานเชือกไม่ได้  ไม่มีปืนใหญ่จะยิงสู้  เหลือกำลังที่จะทำ

เจ้าพระยาบดินทรเดชามีบัญชาว่า  หลวงชาติสุริยงเป็นคนขลาด  ขักคำสั่งแม่ทัพใหญ่  ผิดไอยการศึก
ให้ทะลวงฟันพาตัวไปประหาร
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 05 ธ.ค. 09, 00:27

หลังจากนั้นท่านก็ไม่ได้ใช้ใครไปทำสพานเชือกอีกต่อไป
เมื่อจะไปรบ  ท่านก็หาไปทางที่สั่งหลวงชาติสุริยงไปไม่  ท่านเลือกไปทางอื่น



นำมาเล่าเพราะเกร็ดประวัติศาสตร์ลงตำแหน่งขุนนางผู้ใหญ่ไว้ละเอียดดีมาก
เมื่อออกจากที่คุมขังท่านได้เป็นพระยาราชสุภาวดี  แล้วเป็นเจ้าพระยาราชสุภาวดีก่อนได้เป็นเจ้าพระยาบดินทรเดชา

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 05 ธ.ค. 09, 09:10

สนุกมากค่ะ  ราวกับดูละครย้อนยุค 
เดาว่านายเถื่อนน่าจะเป็นมหาดเล็กคนโปรดของรัชกาลที่ ๒  หมอบเฝ้าใกล้ชิด จะเพ็ดทูลอะไรก็ได้ ไม่ต้องรายงานตามขั้นตอน
ใกล้ชิดพระองค์ แบบเดียวกับสุนทรภู่ คือ
" เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตรลบ   ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา"
แต่สุนทรภู่คงจะหมอบเฝ้าใกล้ชิดเฉพาะบางโอกาสที่ทรงกลอนวรรณคดี     หรือในงานพระราชพิธีที่โปรดให้อาลักษณ์ตามเสด็จ   
ส่วนนายเถื่อนคงได้หมอบเฝ้าตลอดเวลาออกทรงว่าราชการ  เลยสามารถกร่างได้เหนือขุนนางที่ใหญ่กว่า

พอสิ้นรัชกาลที่๒  พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ไม่ได้โปรดมหาดเล็กของพระราชบิดาเป็นพิเศษ   ก็เลื่อนขึ้นให้เป็นขุนนางตามลำดับขั้นตอน
เลยได้เป็นแค่คุณหลวง   ส่วนพระยาเกษตรรักษา ได้เป็นใหญ่ถึงเจ้าพระยา   สมเด็จพระนั่งเกล้าฯทรงถือว่าเป็นขุนพลแก้ว 
เจ้าพระยาท่านก็เลยได้โอกาสเอาคืนคุณหลวง   แบบเนียนๆเสียด้วย   ไม่มีใครตำหนิได้เลย  สำหรับขุนนางที่กระทำผิดคำสั่งราชการเมื่อไปทัพ  ก็ต้องถูกประหารเป็นธรรมดา

โดยส่วนตัว ดิฉันเคยสงสัยหนังสือเล่มนี้ว่านายกุหลาบอ้างอิงเรื่องจริงที่รู้มา    หรือว่าแต่งตำนานให้เราอ่านกัน แบบเดียวกับซินแสทำนายพระภิกษุสินและภิกษุทองด้วง สมัยปลายอยุธยา กันแน่
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 05 ธ.ค. 09, 09:53

หน้า ๔๗

มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไปในกองทัพครั้งนั้น  พากันเห็นเหตุว่า  ท่านฆ่าหลวงชาติสุริยง(เถื่อน)เสียครั้งนี้เพราะมีเหตุอาฆาฏพยาบาทมาแต่ก่อน
แม้นจะฆ่าหลวงชาติสุริยงในครั้งนี้ก็ไม่ผิดต่อกฎไอยการศึกเลย

ถ้าไม่ฆ่ายกโทษไว้ครั้งหนึ่งก็จะดี   คงมีคำสรรเสริญว่า  ท่านไม่มีความอาฆาฏพยาบาท(รักษาตัวสะกดเก่า)



หน้า ๕๒
อีกหนึ่งตำราที่ ก.ศ.ร.กุหลาบใช้แต่ไม่ได้ระบุชื่อ

เมื่อมีโจทก์มาฟ้องกล่าวโทษว่าพระยาเกษตรรักษาทำการทุจริตผิดจากธรรมดา
คือไปตั้งทำนาที่ตำบลบางยี่โทแขวงกรุงเก่า  ตั้งค่าย ขุดคู พูนมูลดินทำสนามเพลาะ  ดูท่าทางเหมือนจะคิดเป็นขบถต่อแผ่นดิน

ให้มีตระลาการสืบพยานรางวัดชัณสูตรมาพิจารณาก็หาสมจริงตามคำกล่าวของโจทก์ไม่

สืบได้ความจริงแต่เพียงพูนมูลดินทำโคกโรงนาใหญ่โตกว่าธรรมดาจริง   ทำโรงนาด้วยไม้ไผ่ทั้งลำคล้ายค่ายจริง ๆ
และขุดคูรอบโรงนาเหมือนสนามเพลาะจริง   แลซ่องสุมผู้คนมากเกินปรกติจริง    มีกระบือเป็นพาหนะมากจริง
ที่พระยาเกษตรรักษาจัดการนั้น   ก็ล้วนเป็นการทำนาทุกอย่างทั้งสิ้น

แต่ผิดที่ทำท่าทางเกินกว่าทำนาไป   พิจารณาจึ่งไม่ใช่การเปนขบถต่อแผ่นดินได้
ตกลงเป็นแต่ตั้งซ่องมั่วสุมผู้คนทำนาเกินกว่าปรกติไป
หาได้บอกกับเจ้าบ้านผ่านเมืองไม่        จึงตกอยู่ในความผิดต่อราชการมากอยู่
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 05 ธ.ค. 09, 10:24

มีรายละเอียดเรื่องที่ตั้งของบ้านเรือนน่าฟังอยู่ค่ะ




เมื่อท่านผู้หญิงฟักถึงแก่กรรม  บ้านเรือนของเจ้าพระยาอภัยราชาที่ถึงพิราลัยก็ตกมาเป็นของหลวง
เพราะบุตรก็ต้องโทษ
บ้านช่องใหญ่โตกว้างขวางไม่มีผู้อยู่รักษา  รังจะเปนรังฟืนเชื้อไฟ  บ้านก็ตั้งอยู่ใกล้กับตึกดินน่ากลัวนัก
(ตึกดินในสมัยโน้นอยู่ที่กลางสระน้ำ  ตรงหอสี่มุขหลังโรงเรียนนายร้อยทหารบก หรือหลังพระราชวังสราญรมย์
หรือหน้าวัดราชประดิษฐ์)



เมื่อเจ้าอุปราชเมืองนครจำปาศักดิ์   วิวาทบาดหมางกันกับเจ้านครจำปาศักดิ์หนีมาอยู่กรุงเทพ  ก็ได้รับพระราชทาน
บ้านเรือนหลังนี้ให้อาศัย

ภายหลังเจ้าอุปราชกลับบ้านเมืองไปแล้ว   บ้านก็กลายเป็นบ้านรับแขกเมืองประเทศราช   มีเจ้าลาวหลวงพระบางหรือลาวเมืองน่าน
แลลาวเมืองเชียงใหม่ลาวเมืองนครลำปางลำพูน  แลเจ้าเมืองไทรบุรี  ตานีกลันตันลังกานู ได้พักอยู่ที่บ้านนี้เป็นเวลาช้านาน



ในรัชกาลที่สาม  โปรดเกล้าพระราชทานบ้านให้พระบวรวงศ์เธอชั้น ๓ พระองค์เจ้าสว่างพระราชบุตรที่ ๓ในพระบวรราชเจ้ามหาศักดิเสพ กรมพระราชวังบวร

(ในรัชกาลที่ ๕ ได้รื้อวัง   แบ่งทำเปนตึกแถวห้างแบดแมนแอนโกบ้าง  ทำเปนศาลโปริสสภาบ้าง   ทำเปนกระทรวงเมืองบ้าง)




พระยาเกษตรรักษา(สิง)หลังจากพ้นโทษและโปรดฯให้เปนพระยาราชสุภาวดี  ไม่มีบ้านอยู่
ไปอาศัยวังเก่าของกรมขุนสุนทรภูเบศร์ อยู่ริมคลองหลอดครงกับโรงช้างแโรงไหม หรือ ตรงกับวัดพระแก้ววังหน้าด้วย)(หน้า ๕๕)



ต่อมาพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพตรัสสั่งให้เจ้าพนักงานซ่อมวังเพื่อจะให้พระองค์เจ้าน้อย(เจ้าฟ้าอืศราพงศ์)

พระยาราชสุภาวดี(สิง)จึงลงไปอยู่ในแพจอดอยู่หน้าบ้านพระยาพิไชยวารี(โต)เพราะสนิทสนมกันมาก  (หน้า ๕๖)



บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 05 ธ.ค. 09, 11:23

ต่อเรื่องเจ้าพระยาบดินทรเดชาค่ะ


ท่านมรกฏบุตรีคนที่ ๙ ของท่านผู้หญิงใหญ่เพ็ง   มีความเสน่หาสวามิภักดิ์ยินยอมพร้อมใจตนเอง
เปนภรรยาพระยาวิบูลย์สงคราม(นุ้ย)ผู้ว่าราชการเมืองนครนายก

พ่อตาไม่สู้จะชอบลูกเขย เพราะไม่ได้รับอนุญาตบิดาให่ทำการวิวาหะมงคล



เจ้าพระยาบดินทร์(สิง)จึ่งมีใบบอกกราบบังคมทูลพระกรุณา  จะขอรับพระราชทานพระยาพิบูลย์สงคราม(นุ้ย)บุตรเขย
แต่ยังเปนข้าราชการชั้นผู้น้อยอยู่นั้น  ให้ออกไปรับราชการในกองทัพ


พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่โปรด   
ให้พระยาสีสหเทพ(ทองเพ็ง)มีท้องตราพระราชสีห์น้อยว่า
"ทรงพระกรุณาขอพระยาพิบูลย์สงครามไว้ใช้สอยราชการในกรุงเทพฯ"



ทรงพระราชปรารภเกรงว่า  เจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิง)จะฆ่าบุตรเขยในระหว่างศึก
เพราะเคยเห็นน้ำใจมามากมายหลายครั้งแล้ว

๑.   ครั้งนายแสงหลานชายหลบกระสุนปืนญวนมาแอบหลักจังกูดหางเสือเรือรบนั้น  ท่านทรางท่านก็ฆ่าเสียว่าเป็นคนขลาด
      หลานแท้ๆก็ฆ่า  ไม่ภาคทัณฑ์ไว้เลย

๒.  เรื่องหลวงชาติสุริยง(เถื่อน) ที่เล่าไปแล้วข้างบน

๓.  เมื่อนายสนิท(แสง)มหาดเล็กหุ้มแพรบุตรชายลักลอบขายฝิ่น เพราะเป็นของต้องห้าม   จมื่นไชยพร(พิน)มากราบเรียน
     ท่านให้นำคามาสวมคอนายสนิท  มัดมือมัดเท้าโยงกับหลักปักคา
     ให้เฆี่ยนนายสนิทที่หน้าหอนั่งในจวน ๑๐๐ ที

     พอเฆี่ยนได้ ๘๔ ที  นายสนิทก็สลบอยู่กับคา

     เจ้าหมื่นสรรพเพ็ธภักดี(ปาน)บุตรเขยนำความมากราบเรียนท่าน ขอแก้ไขให้หายก่อนจึ่งจะเฆี่ยนต่อภายหลัง
     ท่านกลับถามว่ายังเหลืออีกกี่ทีให้เฆี่ยนต่อจนกว่าจะครบตามบัญชา

     พอเฆี่ยนครบก็กลับมารายงาน
     ท่านถามว่า ตายแล้วหรือยัง
     กราบเรียนว่า  ยัง
     มีบัญชาว่า  ปล่อยตัวไปรับราชการดั่งเก่า




พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสถาม พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี(ทัด) ว่าวันนี้ทำไมมาเฝ้าดึก

เจ้าคุณกราบทูลว่า(หน้า ๖๓    ขออนุญาตย่อความ/วันดี)    ได้ข่าวว่า พณท่านสมุหนายกมีบัญชาสั่งให้เฆี่ยนนายสนิท(แสง)ร้อยที 
จึงชวนพระยาราชนิกูล(เสือ)  กับพระยาอภัยโนริด(บุนนาก)  กับ พระยาศรีสหเทพ(ทองเพง) ซึ่งเปนผู้ที่ชอบพอกับ พณ สมุหนายก
เพื่อจะขอโทษนายสนิท    ขอไม่ได้   ขอเดชะ


พระเจ้าอยู่หัวทรงถามพระยาราชนิกูล(เสือ)
"อ้ายเสือ  เองไปขอโทษอ้ายแสงต่อพี่บดินทร์ ๆ ให้หรือเปล่า?"

กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า  "ไม่ให้หามิได้ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม"


แล้วมีพระราชดำรัสถามพระยาอภัยโนริด(บุนนาก)

"เจ้าบุญนาก  เจ้าไปพูดกับพี่บดินทร์ว่าอย่างไร?"
"ข้าพระพุทธเจ้าทราบเกล้าทราบกระหม่อมว่า  ท่านเจ้าคุณแม่ทัพกำลังโกรธหนัก  ก็เกรงบารมีท่าน
 หาได้พูดจาปราไศรยอันใดไม่  เปนแต่ตามเจ้าคุณพระคลังสินค้าไปเท่านั้น  ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม"


มีพระดำรัสถามพระยาศรีสหเทพ(ทองเพ็ง)ว่า
"เจ้าศรี  เจ้าก็ไปกับเขาด้วยหรือ?"
"ข้าพระพุทธเข้าขัดบัญชาเจ้าคุณพระคลังสินค้าไม่ได้ก็ต้องตามไปอย่างนั้นเอง
เมื่อไปถึงจวนแล้ว  เห็นว่าเปนการใหญ่โตเกินกว่าการที่จะขอคงไม่ให้
จึ่งมิได้พูดจากล่าวขอร้องประการใดมิได้   เปนแต่กราบแล้วก็หมอบนิ่งอยู่ที่เชิงบันไดอัฒจันท์ศิลาเป็นช้านาน
จนเฆี่ยนเสร็จแล้ว   ท่านเจ้าคุณแม่ทัพก็ลุกขึ้นเข้าข้างใน   มิได้ทักทายพูดจากับใครไม่
แต่เจ้าคุณพระคลังสินค้าก็พูดได้คำเดียวเท่านั้น
ขณะนั้นเจ้าคุณสัสดีก็นั่งอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว  ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม"


ดำรัสถามพระยาราชสุภาวดี(โต)ว่า
"เจ้าสัวเหยียบหัสตะเภา  ไปกับเขาด้วยหรือ?"
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 05 ธ.ค. 09, 11:43

พระยาราชสุภาวดี(โต)  ต่อมาคือ เจ้าพระยานิกรบดินทร์  กราบทูลว่า
"หลวงนายสิทธิ์(เกด) ไปพูดจาอ้อนวอนข้าพระพุทธเจ้าให้มาขอโทษน้องชายด้วย
ข้าพระพุทธเจ้าขัดไม่ได้ก็ต้องไป  ขอลองดูตามบุญตามกรรม  แต่คิดด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมว่า
คงขอไม่ได้

พอมาถึงจวนเจ้าคุณผู้ใหญ่    ท่านก็พูดว่า


"เราเปนเสนาบดีผู้ใหญ่  ต่างพระเนตรพระกรรณล้นเกล้าล้นกระหม่อม
เราเห็นว่าผู้ใดเปนเสี้ยนหนามหลักตอ  ต่อราชการแผ่นดินแผ่นทราย ประพฤติผิดพระราชกำหนดกฎหมายแล้ว
เรามีอำนาจอันชอบธรรมที่จะลงโทษผู้กระทำผิดได้

ครั้งนี้อ้ายแสงประพฤติผิดกฎหมาย  ลักลอบขายฝิ่นที่เปนของต้องห้ามตามพระราชประสงค์นั้น
เราจึ่งจะลงโทษเฆี่ยนหลังอ้ายแสง ๑๐๐ ที  ตามมีในพระราชบัญญัติในรัชกาลปัจจุบันนี้

ถ้าผู้ใดไม่เปนคนทนสาบาลต่อน่ำพระพิพัฒน์สัตยาแล้ว   คงจะไม่มาเกี่ยวข้องขัดขวางทางที่จะลงโทษอ้ายแสงนี้

ถ้าผู้ใดเปนใจร่วมคิดด้วยอ้ายแสงผู้กระทำความผิดแล้ว    ผู้นั้นคงมากีดขวางขัดข้องด้วยการจะลงโทษอ้ายแสงนี้บ้าง"

ข้าพระพุทธเจ้าก็นั่งดูอยู่ที่นั้จนเฆี่ยนครบร้อยที   จะได้พูดจาว่ากล่าวขอร้องประการใดไม่
ด้วยเปนการจนใจ  ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม"


บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 05 ธ.ค. 09, 16:18

ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  จึ่งมีพระบรมราชดำรัสว่าดั่งนี้

"เจ้สัวพูดไม่ออก  พี่บดินทร์แกฉลาดล้นเหลือ  แกพูดเผื่อแผ่เกียจกันกั้นกลางเสียก่อนหมดแล้ว"

มีพระราชดำรัสเท่านี้ก็ทรงพระสรวล  แล้วจึ่งมีพระราชดำรัสให้หานายสนิท(แสง)ให้เข้าไปเฝ้าใกล้ ๆ
นายสนิท(แสง)มหาดเล็กหุ้มแพรจึ่งคลานเข้าไปใกล้

ทรงทอดพระเนตรเห็นแผลที่หลังนายสนิท(แสง)ถูกเฆี่ยนมาก  เปนรอยยับเหมือนสับฟากแลสับเขียง
จึ่งทรงพระสังเวชสลดพระราชหฤไทย

จึ่งมีพระราชดำรัสสั่งขุนธนสักดิ์(ม่วง)ให้นำเงินในคลัง ๕ ชั่งมานายสนิธไปเจียดยามารักษาแผลที่หลัง




(ผู้เรียบเรียงอธิบายว่าได้ค้นตำราต่าง ๆ ทางราชการหลายฉบับ รวมตำราของเจ้าพระยามุขมนตรี(เกด)ด้วย)
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 19 คำสั่ง