กระทู้: เลิศเลอวงศา...โรมานอฟ ตอนสาม เริ่มกระทู้โดย: WIWANDA ที่ 25 ต.ค. 08, 00:49 พิธีทางศาสนา เปลี่ยนนิกายของอลิกซ์ได้รีบดำเนินการในเวลาต่อมาไม่นาน และได้พระนามใหม่ว่า Empress Alexandra Feodorovna เพื่อที่จะได้ทันจัดพิธีอภิเษกในวันที่ 26 พฤศจิกายน 1894 ที่ยิ่งใหญ่และอลังการ ในคืนวันอภิเษก อลิกซ์ได้เขียนบันทึกไว้ในไดอะรี่ของพระสวามีว่า..
"Never did I believe there could be such utter happiness in this world, such a feeling of unity between two mortal beings. I love you -those three words have my life in them." สองสามเดือนต่อมา..ปัญหาก็เริ่มส่อเค้าขึ้น..ก็คือ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ เพราะทั้งนิคกี้และอลิกซ์ได้ประทับอยู่ที่พระราชวังเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และเป็นการร่วมที่ประทับกับซารินา Marie Feodorovna ที่เริ่มไม่ค่อยลงรอยกับลูกสะใภ้ เพราะกรณีที่พระองค์ไม่ยอมส่งมอบเครื่องเพชรชุดใหญ่ให้..นอกเหนือไปจากที่ไม่ค่อยโปรดเป็นการส่วนตัวที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อลิกซ์และซารินาแม่พระสวามีจึงพยายามเลี่ยงการพบปะ.. อลิกซ์ไม่ค่อยชอบสังคมในเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่เต็มไปด้วยผู้คนและพระญาติหลากหลาย แต่ละคนสังคมจัดด้วยกันทั้งนั้น เธอพยายามแยกตัวออกไปจนกลายเป็น "หยิ่ง" และ"ไว้ตัว" สิ่งเดียวที่อลิกซ์สนใจ ก็คือ การช่วยเหลืองานราชการของพระสวามี งานแรกที่เธอมีส่วนเข้าไปแทรก นั่นคือ งานที่คณะบริหารฝ่ายจังหวัดที่เรียกว่า zemstvos ได้ถวายรายงานขออำนาจมีส่วนในการบริหาร ท้องถิ่นของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย อีกทั้งเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาลของซาร์ไป ทุกคนหวังดีในการที่จะช่วยบริหารบ้านเมืองให้กับซาร์พระองค์ใหม่ ไม่น่าจะมีปัญหา.. เมื่อรายงานนี้ได้มาถึงซาร์..พระองค์ตัดสินพระทัยไม่ถูก อลิกซ์จึงเข้ามาช่วยตัดสินใจให้ว่า พระองค์ไม่ควรแบ่งพระราชอำนาจออกไปให้ยุ่งยาก..เพราะ..ในอดีต..ซาร์อเล็กซานเดอร์ก็ไม่เคยให้สิทธินี้กับใคร บรรยากาศในฤดูหนาวของปีที่สูญเสียซาร์นั้นช่างอึมครึม ทุกแห่งหนในถนนหนทางถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยควันจากปล่องไฟที่มาจากหลังคาทุกบ้าน แต่ที่พระอารามหลวง Nevsky Prospekt (เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก) กลับเต็มไปด้วยฝูงชนจำนวนมหาศาลที่รอชมพระราชพิธีอภิเษกของซาร์พระองค์ใหม่กับเจ้าหญิงเยอรมันอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ว่าจะหนาวเหน็บประการใด แค่รถม้าสีทองระยิบระยับคันหรูๆที่เหล่าบรรดาแขกเหรื่อที่ผ่านไปแต่ละคันก็สร้างเสียงฮือฮาได้อย่างอื้ออึง แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ช่างเป็นภาพที่แตกต่างในบรรยากาศอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ การชิงกันซื้อภาพของซาร์องค์ที่เพิ่งล่วง ลับไป ที่มีมาวางขายในทุกพระอิริยาบท ประชาชนหลายกลุ่มยังร่ำไห้อาลัยในพระองค์อยู่ไม่คลาย ก็ต้องนับได้ว่าแทบทุกคนที่มาชุมนุมท่ามกลางหิมะนี้หวังใจที่จะได้ยลโฉมเจ้าหญิงคู่อภิเษก ที่ว่ากันว่า สวยงาม แต่ลึกแล้ว คือความรู้สึกที่ไม่ปลื้ม..ด้วยมีอคติที่ว่า เจ้าสาวอะไร ถึงจะมาแต่งงานในตอนที่กำลังโศกเศร้าอย่างนี้..อยากจะเป็นซารินาจนตัวสั่นละซิ.. ความคิดแบบนี้..แม้จากในวังและแขกเหรื่อชั้นเจ้านายก็คิดเช่นกัน ด้วยทุกคนรู้ดีว่า ซาร์นิโคลาสนั้นเป็นคนอ่อน ไม่มีปากมีเสียง..ไม่ค่อยจะมีปากมีเสียงกับใครและขี้เกรงใจคน พิธีอภิเษกได้แบ่งแขกออกเป็นกลุ่ม และแบ่งให้อยู่เป็นที่เป็นทาง เช่น ใน ห้องโถง Armorial Bearing เป็นที่รวมของกลุ่มเจ้านายฝ่ายหญิงที่แต่งชุดประจำชาติ นั่นคือ ชุดเสื้อคลุมยาวที่ปักด้วยเลื่อม แพรวพราว และ สวมศิราภรณ์ทรงสูงที่ทำด้วยกำมะหยี่และมีผ้าบางสีขาวห้อยเป็นชายยาว ในห้องโถง Field Marshals เต็มไปด้วยข้าราชการระดับสูงที่แต่งชุดเต็มยศ อีกทั้ง ทูตทุกประเทศที่แต่งกายประจำชาติกันละลานตา ในห้องโถง Nicholas I เป็นที่สำหรับเหล่านายทหารชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายชายทุกเหล่าทัพ ในห้องโถง Concert เป็นที่ชุมนุมของเหล่าข้าราชบริพารชั้นใน รวมทั้งกลุ่มนางกำนัลของเอมเปรสคนใหม่..ที่มีหัวหน้าที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาจากซารินา(พระมารดา)คือ Martha Mouchanow (ต่อไปจะเรียกเธอว่า มาร์ธา) มาร์ธา..ได้มีบันทึกเกี่ยวกับเอมเปรสองค์ใหม่ไว้ว่า.. "เมื่อได้พบกันครั้งแรก จึงได้เห็นว่า ซารินามีพระวรกายสูง แต่ก็งดงาม พระเกศาเป็นสีออกเข้มนิดๆ แต่ยามเมื่อต้องแสงไฟ ก็ออกเป็นประกายทองได้ ไม่เคยพบใครที่สวยอย่างนี้มาก่อน.. สวยสมกับการเป็นนางกษัตริย์ก็จริง แต่พระพักต์นั้นกลับดูไม่แจ่มใสเท่าที่ควร เป็นเพราะพระโอษฐ์ที่เป็นรูปเส้นตรงบางเฉียบนั้นตรึงตรงอยู่ตลอดเวลา " หมายเหตุ.... ดิฉันยังห่วงๆว่าคงไม่มีใครสนใจอ่าน เนื่องจากสืบสายญาติยุ่งยาก อีกทั้งเป็นเรื่องโบราณ แม้จะคลาสสิคก็ตาม อีกทั้งภาพยนตร์เรื่อง Nicholas and Alexandra ก็ไม่ได้อนุญาตให้ฉายที่เมืองไทย เลยทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว.. แต่ขอเรียนให้ทราบว่า ทุกอย่างเกี่ยวกับการเมืองในรัสเซียตอนนั้น เป็นเรื่อง"ใกล้ตัว" ในปัจจุบันของเราทั้งสิ้น อีกทั้งในความเป็นเอมเปรส อเล็กซานดรา ของอลิกซ์ที่มีกระแสด้านลบในหนังสือประวัติศาสตร์หลายๆเล่ม ซึ่งดิฉันอยากจะมาขยายความในกระทู้นี้.. ให้ผู้อ่านตัดสินกันเองว่า..พระองค์เป็น"เหยื่อ" หรือ "ตัวการ" กันแน่ |