มีอีกเรื่องที่อยากจะถาม
การแต่งกายเสืื้อคอปิดแขนยาวและผ้าม่วงโจงกระเบน แบบนี้เคยเห็นในรูปเก่าๆบางรูป อยากจะทราบว่าเป็นชุดอะไร ถ้าเป็นราชปะแตน ทำไมไม่ใช่เสื้อสีขาว
สวมในโอกาสไหน เป็นการแต่งกายครึ่งยศของพลเรือนหรือเปล่าคะ
และสีสันของจริงคือสีดำทั้งเสื้อและผ้าม่วงหรือว่าเป็นสีเข้มสีอื่นเช่นน้ำเงินแก่ คะ
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ต่อต้นรัชกาลที่ ๖ เสื้อที่ใช้ในราชการมี ๒ แบบ คือ เสื้อราชปะแตนดุม ๕ เม็ด มีกระเป๋าใบปกที่ตอนบน ๒ กระเป๋า เหมือนที่ใช้อยู่ปัจจุบัน
กับอีกแบบหนึ่งคือ เสื้อทูนิก (Tunic) ซึ่งเป็นต้นแบบของเสื้อราชปะแตน ต่างกับเสื้อราชปะแตนตรงที่เสื้อทูนิกนั้นกลัดดุม ๗ ดุม และไม่มีกระเป๋าเสื้อทั้งตอนบนและตอนบ่าง กับที่เอวจะมีตะเข็บรอบ เวลาแต่งเสื้อทูนิกจึงต้องมีประคตรัดเอวเพื่อปิดรอยต่อของตะเข็บรอบเอว เสื้อทูนิกนั้นปกติจะใช้เป็นเครื่องแบบทหาร มีทั้งชนิดคอตั้งเหมือนเสื้อราชปะแตนและคอพับ ดังภาพเจ้าพระยาบดินทรเดชานุชิตที่นำเสนอไว้ก่อนหน้า ส่วนพระรูป ๔ พระองค์นั้นทรงฉลองพระองค์ราชปะแตนแบบคอพับ
ดูจากภาพแล้วเสื้อที่ท่านสวมกันอยู่น่าจะเป็นเสื้อราชปะแตนสีดำ ส่วนผ้านุ่งน่าจะเป็นผ้าม่วงสีน้ำเงินแก่ เพราะเครื่องแบบเต็มยศข้าราชการพลเรือนในสมัยรัชกาลที่ ๕ - ๖ ต่างก็ใช้เสื้อโค๊ตยาวสีดำ กางเกงดำแถบทอง ส่วนครึ่งแบบในภาพน่าจะเป็นครึ่งยศดำ ถ้าเป็นครึ่งยศขาวก็จะใช้เสื้อราชปะแตนสีขาว นุ่งกางเกงดำแถบทองเหมือนที่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ทรงในภาพ
เคยอ่านพระราชบันทึกในรัชกาลที่ ๖ ทรงจดไว้ว่าอุณหภูมิในกรุงเทพฯ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน - มกราคม อุณหภูมิจะต่ำกว่า ๒๐ องศา และบางวันอุณหภูมิลดถึง ๑๒ องศาก็มี
ภาพข้างลรี้เป็นภาพเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) แต่งเครื่องแบบเต็มยศข้าราชการพลเรือน