naitang
|
ความคิดเห็นที่ 90 เมื่อ 07 ก.ย. 16, 19:35
|
|
ที่ได้เล่ามาทั้งหมด เป็นเรื่องของไวน์ที่เข้ามามีส่วนร่วมอยู่ในงานทางสังคม แต่ที่จะว่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของกิจกรรมของคนที่นิยมเมรัยไวน์เช่นเดียวกันกับนักเล่น(นักสะสม)ของเก่า
ก็มีคำที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Chateau, Weingut, Estate และ Heurige คำทั้ง 4 นี้หมายถึงผู้ปลูก ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายไวน์ที่มีไร่องุ่น มีโรงหมัก มีโรงบ่ม และมีสถานที่จำหน่ายเป็นของตนเอง
และก็มีคำว่า Cellar และ Tavern ซึ่งคำทั้ง 2 นี้หมายถึงสถานที่บ่มหรือเก็บไวน์ (ที่อยู่ในขวดแล้ว)
แล้วก็คำว่า Enoteca และ Vinothek (Vinotheque) ซึ่งหมายถึงสถานที่ลองชิม ลองดื่ม และเพื่อซื้อยกลังในพื้นที่แหล่งผลิต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 91 เมื่อ 07 ก.ย. 16, 19:48
|
|
กิจกรรมที่ไปเกี่ยวกับชื่อเหล่านี้ มักจะเป็นกิจกรรมในช่วงวันหยุด ในช่วงเวลาช่วงบ่ายๆ และในบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆ หลายแห่งเปิดเป็นร้านอาหารแบบง่ายๆ หลายแห่งเปิดเป็นร้านอาหารแบบภัตตาคาร หลายแห่งเปิดในลักษณะร้านกินเหล้า และหลายๆแหล่งก็มีที่พักแบบง่ายๆ (ไม่กี่ห้อง)ให้บริการด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 92 เมื่อ 07 ก.ย. 16, 20:22
|
|
คำว่า Chateau ใช้ในฝรั่งเศส คำว่า Weingut ใช้ในพื้นที่ๆใช้ภาษาเยอรมัน คำว่า Estate ใช้ในพื้นที่ๆใช้ภาษาอังกฤษ ส่วนคำว่า Heurige ใช้ในออสเตรียพื้นที่ด้านตะวันออก
คำว่า Travern และ Cellar นั้น สองคำนี้ส่วนมากจะพบอยู่ในเมืองและเป็นชื่อของร้านอาหารดังๆ ส่วนในพื้นที่นอกเมืองนั้น จะพบอยู่ตามเนินในพื้นที่เกษตรกรรมต่างๆ มีถนนเข้าถึง มีประตูปิด หรือไม่ก็ตามสำนักสงฆ์หรือปราสาทต่างๆ
Enoteca เป็นคำอิตาลี Vinothek เป็นภาษาเยอรมัน พบอยู่ในหมู่บ้านที่ผลิตไวน์ต่างๆ และในถนนคนเดินใจกลางเมืองในยุโรป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Naris
|
ความคิดเห็นที่ 93 เมื่อ 08 ก.ย. 16, 08:16
|
|
ยังติดตามชิม เอ๊ะ ตามอ่านอยู่นะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 94 เมื่อ 09 ก.ย. 16, 18:55
|
|
ขอบคุณครับ
จะขอเว้นไปอีกวันนึงครับ เป็นไข้หวัดครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 95 เมื่อ 10 ก.ย. 16, 19:21
|
|
ผมไม่เคยสัมผัสกับ Chateau เลย เคยแต่ผ่านเข้าไปในพื้นที่ตอนเหนือของฝรั่งเศสที่ชื่อ Alsace เท่านั้น แล้วก็ถัดไปเข้าดงไวน์ตามแม่น้ำไรน์ที่ใช้ภาษาเยอรมัน ส่วนที่เรียกกันว่า Estate นั้น เคยอยู่สองครั้งในประเทศออสเตรเลีย และสำหรับที่เรียกกันว่า Weingut และ Heurige นั้น ค่อนข้างจะหลายครั้งมาก ทั้งในออสเตรียและเยอรมัน
พอจะเก็บภาพมาเล่าเป็นภาพโดยสังเขปในองค์รวมได้ดังนี้
ผู้ที่นิยมเดินทางออกนอกเมืองในวันหยุดนั้น ทางเลือกที่นิยมกันเรื่องหนึ่งก็คือ ไปสัมผัสและพักผ่อนในพื้นที่ๆเป็นธรรมชาติ ซึ่งพื้นที่ร่องเขากว้างๆที่มีแม่น้ำไหลผ่านและมีชุมชนเมืองเล็กตั้งอยู่เป็นหย่อมๆนั้น จะเป็นพื้นที่ๆสวยงามเอามากๆ และก็มีไร่องุ่นปลูกอยู่เป็นย่านๆไป [เป็นร่องเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็ง มีลักษณะเป็นรูปอักษรตัว U เรียกกันว่า U-shape valley ซึ่งผืนดินในพื้นที่ตามร่องเขาเหล่านี้ มักจะประกอบไปด้วยตะกอนหยาบเป็นส่วนมาก ได้มาจากการกระแทก ทุบ บดย่อยลงมา มิใช่มาจากการผุพังตามกระบวนการทางเคมี ทำให้ดินโปร่ง เมื่อน้ำไหลผ่านถ่ายเทดี แดดดี มีความชื้นในอากาศพอเพียง ก็ยังผลให้เป็นผืนดินที่เหมาะสมกับการปลูกองุ่น]
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 96 เมื่อ 12 ก.ย. 16, 19:23
|
|
ในแผ่นดินยุโรปนั้น มีผู้คนกลุ่มเล็กลุ่มน้อยหลายชาติพันธุ์ หลายภาษา หลายวัฒนธรรม ...ฯลฯ ทำให้ในอดีตจึงมีลักษณะการปกครองแบบนครรัฐทั้งในแบบเป็นเมืองอิสระ เป็นเมืองทางศักดินา เป็นเมืองขึ้นหรือภายใต้บังคับ...ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดถูกผูกเข้าด้วยกันและอยู่ในอิทธิพลทางศาสนา กลายเป็นพื้นที่ของศาสนจักร แน่นอนว่า เมื่อมีสภาพเป็นเช่นนี้ ก็จึงทำให้มีวัด มีสำนักสงฆ์ มีปราสาท และมีป้อมค่าย กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปหมด ก็แน่นอนอีกด้วยว่า ตำแหน่งที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างเหล่านี้จะต้องอยู่ในพื้นที่สูงข่ม จุดที่สามารถควบคุมเส้นทางการคมนาคม จุดที่ผืนดินมีความสมบูรณ์ ทำเกษตรกรรมได้ ...ฯลฯ
จากภาพที่เล่ามานี้ ก็คงจะทำให้พอจินตนาการต่อไปได้นะครับว่า ด้วยเหตุใด ในพื้นที่ของแหล่งปลูกองุ่นและแหล่งผลิตไวน์ต่างๆในยุโรปจึงมักจะมีปราสาท สำนักสงฆ์ และชุมชนเล็กๆ ซึ่งเกือบทั้งหมดจะเป็นเมืองที่ยังคงมีสิ่งก่อสร้างเก่าๆหลงเหลือให้เห็นอยู่ ก็เมืองและสถานที่เหล่านี้แหละที่ผู้ที่นิยมออกไปพักผ่อนนอกเมืองจะไปกันในวันหยุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 97 เมื่อ 12 ก.ย. 16, 19:29
|
|
เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ชาวบ้านก็เห็นโอกาสแสวงหารายได้เพิ่มเติม ก็มีทั้งการเปิดที่พักค้างแรม (B&B ซึ่งรัฐสนับสนุน)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 98 เมื่อ 12 ก.ย. 16, 19:56
|
|
ในภาษาอังกฤษเรียกว่า B&B (Bed and Breakfast) ในภาษาเยอรมันเรียก Zimmer ซึ่งก็คือห้องในบ้านหรือในโรงนาที่จัดเป็นห้องนอนให้ผู้เดินทางท่องเที่ยวได้พักค้างแรม คิดราคารวมอาหารเช้าแบบง่ายๆ ภาษาอื่นผมไม่รู้ครับ แต่รู้ว่ามีพวกที่พักแบบนี้ในทุกประเทศในยุโรปตะวันตก ในบ้านเราดูจะเรียกว่า Home stay (ซึ่งมีทั้งความเหมือนและความต่าง)
ห้องพักแบบนี้มีราคาถูกและมีกระจายอยู่ทั่วไปตามเส้นทางถนนในชนบท อาจจะกล่าวได้ว่า ผู้ที่นิยมท่องเที่ยวแบบอิสระสามารถจะเลือกไปเที่ยวพักผ่อนได้ในเกือบจะทุกลักษณะภูมิประเทศและลักษณะสังคม ตามไร่องุ่นและตามบ้านที่ทำไวน์ก็ย่อมต้องมีแน่นอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 99 เมื่อ 13 ก.ย. 16, 19:21
|
|
ในพื้นที่ๆเหมาะสมกับการปลูกองุ่นนั้น จะมีชาวไร่รายย่อยอยู่เป็นจำนวนมาก ที่อยู่ในระดับคหบดีเป็นเจ้าของที่ดินผืนใหญ่นั้นจะมีอยู่น้อยรายมาก (หรือมีผืนเล็กแต่กระจายอยู่หลายที่) แต่ละรายก็จะเลือกปลูกองุ่นสายพันธุ์ที่คิดว่าเหมาะสมกับสภาพผืนดินของตนเอง ก็มีทั้งปลูกเพื่อขายผลองุ่นให้กับผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ (หรือหีบองุ่น) หรือเพื่อทำไวน์ขายเองในลักษณะของผู้ผลิตรายย่อย (SME) หรือไม่ก็ทำของดีจากผลผลิตครัวเรือน
ซึ่งพวกผู้ผลิตรายย่อยและแบบครัวเรือนนี้ มักจะเป็นพวกที่ปลูกองุ่นพันธุ์ที่แปลกเหล่าออกไป หรือไม่ก็แบ่งผลผลิตองุ่นที่ผลิตเพื่อขายเอามาทำเองส่วนหนึ่ง กลุ่มพวกนี้แหละที่มักจะทำที่พักค้างแรมและทำร้านอาหารขายมื้อกลางวัน อาหารง่ายๆและเบาๆ เหมาะที่จะกินร่วมกับไวน์ขาวฝีมือของตนในบรรยากาศแบบสบายๆที่ล้อมรอบด้วยภูมิประเทศที่สวยงาม เป็นการโชว์ฝีมือหรือเอกลักษณ์ของไวน์ที่ตนเองผลิต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 100 เมื่อ 13 ก.ย. 16, 19:58
|
|
อาหารตามร้านพวกนี้มีเมนูที่ปรุงด้วยของสดน้อยมากหรือไม่มีเลย จะว่าเป็นจานกับแกล้มก็คงจะไม่ผิดไปนัก อาหารที่มีอยู่ในเมนูก็มักจะไม่หนีพวกใส้กรอก เบคอน แฮม ชีส ขนมปัง และไขกระดูก ซึ่งเป็นพวกของที่มีรสเค็ม ซึ่งก็จะเข้ากันดีกับไวน์ขาวที่ออกรสเปรี้ยว หรือกับไวน์แดงที่บ่มมาในช่วงระยะเวลาค่อนข้างสั้น (ซึ่งรสจะแหลมไปทางเปรี้ยว) คงทราบกันแล้วว่า ไวน์ขาวนั้นไม่ต้องการระยะเวลานานในการบ่ม ต่างกับไวน์แดงที่ต้องการระยะเวลาในการบ่มที่นานกว่า
ร้านหรือบ้านพวกนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ดีๆที่ทำโดยแม่บ้าน (เจ้าของบ้าน) เช่น แยมต่างๆ น้ำดอกไม้ (แบบยาอุทัย) น้ำมันเมล็ดฟักทอง เครื่องเย็บปักถักร้อย งานฝีมือ ..ฯลฯ ผมไม่เคยมีความรู้สึกว่าไม่ดี ไม่มีความสุข หรือไม่อร่อยเลยสักครั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 101 เมื่อ 13 ก.ย. 16, 20:18
|
|
B&B dinner
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 102 เมื่อ 13 ก.ย. 16, 20:48
|
|
Wow..!
อาหารน่าทาน บรรยากาศดีจังเลยครับ Simple and Clean
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 103 เมื่อ 13 ก.ย. 16, 21:16
|
|
ในนิยายเรื่อง "รัตนาวดี" ของว.ณ ประมวลมารค มีฉากนางเอกไปเที่ยวเยอรมันและสวิตเซอร์แลนด์ ไปที่ร้านอาหารแบบชาวบ้าน กินอาหารคือเนยแข็งกับเหล้าแดง(หมายถึงไวน์แดง) ตอนอ่านก็ยังเด็ก หนังสือเล่ายังไงก็อ่านไปตามนั้นค่ะ ไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้เกิดสงสัยขึ้นมาว่า การกินเนยแข็งกับไวน์แดง เขากินกันเป็นของคาวหรือยังไงคพ เท่าที่จำได้คือมื้อนั้นมีขนมปังกับเนย และเนยแข็งกับเหล้าแดง ไม่มีเนื้อสัตว์ มีของหวานส่งท้ายคือสตรอเบอรี่กับครีม และน้ำตาล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 104 เมื่อ 15 ก.ย. 16, 18:27
|
|
ขออภัยครับ เขียนแต่ส่งไม่ได้มาสองวันแล้วครับ เขียนยังไม่ทันจบความ หลานก็เข้ามาเล่นด้วย เลยไปไม่รอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|