กำเนิดโรงภาพยนตร์ในสยาม
นับจากปี ๒๔๔๐ เป็นต้นมา ได้มีคณะฉายภาพยนตร์เร่จากต่างประเทศเดินทางเข้ามาจัดฉายภาพยนตร์เก็บค่าดูจากสาธารณชนในสยามทีละรายสองรายเรื่อยมาโดยจัดฉายตามโรงละครบ้าง ตามโรงแรมบ้าง
จนกระทั่งปี ๒๔๔๗ มีคณะฉายภาพยนตร์เร่จากญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาจัดฉายภาพยนตร์ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับเหตุการณ์สู้รบระหว่างญี่ปุ่นกับรัสเซีย ซึ่งกำลังกระทำต่อกันอยู่ขณะนั้นโดยการกระโจมผ้าใบเป็นโรงฉายชั่วคราว ใบบริเวณลานว่างหรือเวิ้งของวัดชนะสงคราม (วัดตึก) กรุงเทพฯ
ชะรอยคณะญี่ปุ่นคงเห็นว่า สยามในขณะนั้นยังไม่มีใครตั้งโรงภาพยนตร์ฉายกันเป็นการประจำถาวร ทั้งๆ ที่ชาวสยามให้ความสนใจนิยมดูภาพยนตร์ ดังนั้นเมื่อคณะญี่ปุ่นกลับไปแล้ว ในปีต่อมาพวกเขาได้เดินทางกลับเข้ามาอีก คราวนี้เข้ามาจัดตั้งโรงฉายภาพยนตร์เป็นการถาวรขึ้นในบริเวณเวิ้งวัดตึกนั้นเองจัดฉายภาพยนตร์เป็นประจำทุกวัน จนชาวสยามเรียนภาพยนตร์ติดปากว่าหนังญี่ปุ่น และเรียกโรงภาพยนตร์นี้ว่าโรงหนังญี่ปุ่น นับว่ากิจการรุ่งเรืองมาก เป็นเหตุให้นักธุรกิจชาวสยามคิดจัดตั้งโรงภาพยนตร์ขึ้นบ้างที่ละโรงสองโรง เช่น โรงกรุงเทพซินีมาโตกราฟ หรือ บริษัทรูปยนตร์กรุงเทพ หรือโรงหนังวังเจ้าปรีดา (เปิด ๒๔๕๐) โรงหนังสามแยก (เปิด ๒๔๕๑) โรงหนังรัตนปีระกา (เปิด ๒๔๕๒) โรงหนังพัฒนากรหรือบริษัทพยนตร์พัฒนากร (เปิด ๒๔๕๓)
โรงภาพยนตร์ต่างๆ เหล่านี้ต่างก็แข่งขันกันอย่างเต็มที่ในการจัดรายการฉายภาพยนตร์ ซึ่งในเวลานั้นยังเป็นภาพยนตร์เบ็ดเตล็ดม้วนสั้นๆ ม้วนหนึ่งกินเวลาฉายไม่กี่นาที เป็นภาพยนตร์บันทึกเหตุการณ์สำคัญๆ หรือสถานที่ที่น่าสนใจอย่างภาพยนตร์ข่าวสาร สารคดี และภาพยนตร์ที่จัดฉากแสดงอย่างละครหรือนิยายสั้นๆ
การแข่งขันระหว่างโรงภาพยนตร์ต่างๆ ในกรุงเทพฯได้เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะระหว่างสองบริษัทใหญ่คือ บริษัทรูปยนตร์กรุงเทพ และ บริษัทยนตร์พัฒนากร ซึ่งนับจากปี ๒๔๕๖ ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ต่างก็แข่งกันสร้างโรงภาพยนตร์ในเครือของตนขึ้นตามตำบลสำคัญๆ ทั่วกรุงเทพฯ โรงภาพยนตร์ของบริษัทรูปยนตร์กรุงเทพได้แก่ โรงปีนัง โรงสิงคโปร์ โรงชะวา โรงสาธร ส่วนโรงภาพยนตร์ของบริษัทพยนต์พัฒนากร ได้แก่ โรงพัฒนากร โรงพัฒนาลัย โรงพัฒนารมย์ โรงบางรัก โรงบางลำพู โรงนางเลิ้ง
http://www.artbangkok.com/detail_page.php?sub_id=454