เมื่อสงครามโลกครั้งที่๒สงบลง บ้านเมืองคืนสู่สันติสุข พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลเสด็จนิวัตกลับประเทศไทยเป็นการถาวร มีผู้เสนอความคิดต่อรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งต่อมาได้รับสนองพระบรมราชโองการ ประสานงานไปยังรัฐบาลอาณานิคมของฮอลันดาที่จะอัญเชิญพระศพทูลกระหม่อมบริพัตรกลับสู่มาตุภูมิ
จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษบริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิต พระโอรสองค์ใหญ่เป็นผู้แทนพระองค์ พร้อมด้วยพระราชองค์รักษ์และเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง เป็นผู้ไปอินโดนีเซียเพื่อปฏิบัติภารกิจในการอัญเชิญพระศพกลับประเทศไทย
ขอบินเข้ามาเกาะดู ๆ และเพิ่มข้อมูลให้ดังนี้
บริเวณตำหนักที่บันดุง นั้นด้านหน้ามีวงเวียนตั้งอยู่ บรรดาพ่อค้าประชาชนต่างพากันขนานามวงเวียนแห่งนี้ว่า "บุนดะรันเซียม" แปลได้ว่า "วงเวียนไทย"
และเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์แล้วเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๔๘๗ พระประยูรยาญาติได้ซื้อที่ดินบรรจุพระศพอย่างถาวรที่สุสานเทศบาล ถนนปันดู "ตามพระประสงค์"
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่า พระศพสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ที่เกาะชวายังไม่ได้พระราชทานเพลิงตามประเพณี ในฐานะพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ จึงโปรดเกล้าให้อัญเชิญพระศพกลับพระนคร และเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ ก็ประดิษฐานพระศพที่พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตร