มันเป็นวิบากของท่านเองที่เกิดผิดปกติทางจิต
ดิฉันเห็นด้วยกับคำว่า ทรงเป็นมหาราชที่อาภัพ ก็ตรงเหตุผลข้างต้นนี้แหละค่ะ
ดิฉันเชื่อเป็นส่วนตัวว่า ทุกคนมีชะตากรรมลิขิตไว้ตามบุญและบาปที่เคยทำไว้ให้ต้องมาทำหน้าที่ในชาตินี้
ต่อให้อยากจะทำให้ดีสักเพียงไหน ก็ยากที่จะฟันฝ่าอำนาจของบุญบารมี(ความเคยชินในด้านดี)และวาสนา(ความเคยชินในด้านไม่ดี)เก่าที่สะสมไว้.....
แต่ก็ไม่ใช่จะฟันฝ่าไม่ได้ ต้องอาศัยกำลังสติปัญญาอย่างสูงที่จะชนะใจตนเองกำลังสติปัญญาอย่างสูงนี้ ใคร ๆ ก็อยากได้อยากมี อยากสะสมไว้ เพื่อหลุดพ้นจากการถูกวิบากกรรมสะกดให้นิ่งจมทุกข์จมบาปไม่สิ้นสุด
ด้วยเหตุนี้ การปฏิบัติธรรม จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะเพิ่มกำลังสติปัญญา แต่หากชาติปัจจุบัน ไปทำกรรมเวรอะไรที่แรง ๆ ไว้ กรรมนั้น ย่อมส่งผลให้จิตถูกรบกวน ยากที่จะสำเร็จผลในการพัฒนาสติปัญญา นี่จึงเป็นเหตุให้คำสอนในทุกศาสนา มักให้รักษาศีล 5 เป้นอย่างต่ำ
พระเจ้าตากสินนั้น ทรงอาภัพที่เกิดมาในทุรยุคค่ะ จำเป็นต้องรบพุ่งรักษาขอบขันธสีมาและ พระศาสนาให้ร่มเย็น
อันนี้เป็นเหตุให้ต้องปานาติบาต
เป็นการเสียสละตนเองที่ยิ่งใหญ่ เพื่อแลกกับประโยชน์ส่วนรวมการเสียสละนี้ เป็นเหตุให้ทรง Depress ในบั่นปลาย และจบลงด้วยการกระทำที่รุนแรง
นี่เป็นเพราะบุญบารมีเก่ายังไม่มากพอจะต้านทานสิ่งที่มากระทบใจแรง ๆ เช่นนี้ได้ ดังเช่นที่ อาจารย์ นวรัตน์กล่าวไว้ข้างต้นว่า
"เป็นวิบาก"(ขอให้นึกถึงพระเจ้าอโศกมหาราช นั่น ฆ่าคนเหลือคณานับ แต่กลับสามารถกลับใจ รักษาพระสติได้มั่นคง สมเป็นมหาจักรพรรดิ์ ทนุบำรุงพระศาสนาจนเราได้มีนับถือกันในประเทศไทย หรือแม้แต่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ที่ทรงเป็นนักรบร่วมสมัย ก็ยังคุมพระสติได้ดี สงบเยือกเย็น แม้แต่เจ้าคุณชูโต พี่ภรรยาท่านก็ยังไม่สงบเย็นเท่า)
ขอให้เราทุกคนน้อมจิตลงกราบพระองค์ท่านด้วยความระลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเสียสละอย่างสูงส่งนี้
สำหรับการตัดสินประหารชีวิตนั้น ขอให้คำนึงถึงสถานการณ์ในขณะนั้น
ไม่ควรเอามาตรฐานการตัดสินคดีในยุคบ้านเมืองสงบอย่างปัจจุบันไปเปรียบเทียบ
ไม่ยุติธรรมค่ะ