han_bing
|
มีผู้ถามข้าพเจ้าว่าการประดับตบแต่งของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามที่ใช้กระเบื้องในการประดับตบแต่งเป็นการประดับแบบจีนหรือไม่
คำตอบ คือ ใช่
หากถามต่อว่าลักษณะการตบแต่งดังกล่าวคือการตบแต่งแบบจีนตระกูลใด
คำตอบ คือ ขอใช้คำว่าสันนิษฐาน เผื่อว่าผิด แต่จากการตบแต่งที่ใช้กระเบื้องตัดเป็นชิ้นๆ และนำมาประกอบกันเป็นรูปร่างต่างๆ จะเป็นลักษณะการตบแต่งแบบหมินหนาน (闽南: min nan)
ดังนั้นไหนๆก็ไหนๆ วันนี้ข้าพเจ้าขอมาเล่าเรื่องการตบแต่งอาคารแบบหมินหนานให้ทุกท่านฟังละกัน
ภาพการประดับกระเบื้องในอาคารของวัดพระเชตุพนฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
han_bing
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 09:38
|
|
ก่อนที่จะอธิบายเกี่ยวกับศิลปะแบบหมินหนาน ขออธิบายก่อนว่า "หมินหนานคืออะไร" ชาวหมินหนาน (闽南: min nan) คือ ชาวจีนกลุ่มหนึ่งมีเขตวัฒนธรรมอยู่ทางใต้ของจีน ซึ่งในชาวจีนกลุ่มนั้นก็แยกๆกันไปอีก เป็นจีนแต้จิ๋ว โน้นนั้นนี้ เอาเป็นว่าเป็นวัฒนธรรมพื้นฐานของแถบฮกเกี้ยน และบางส่วนของกว่าตุ้ง ชาวแต้จิ๋วในไทย ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมหมินหนาน
การตบแต่งแบบหมินหนานที่เด่นๆนั้นจะมี ๔ ประเภท ได้แก่ การตบแต่งโดยการประดับด้วยกระเบื้องตัด (剪贴:jian tie) การตบแต่งด้วยภาพเขียนสีบนลายปูนปั้น (彩绘: cai hui) การประดับตบแต่งด้วยปูนปั้น (泥塑:ni su) และการตบแต่งด้วยไม้สลัก (木雕:mu diao)
แบบแรกที่ข้าพเจ้าจะนำมาเล่าสู่กันฟังคือ การตบแต่งโดยการประดับกระเบื้องตัด (剪贴:jian tie) ซึ่งเป็นประเด็นตั้งคำถามกันจากกระทู้ว่าด้วยวัดพระเชตุพนฯ
การประดับด้วยกระเบื้องตัด (剪贴:jian tie)
ชาวจีนหมินหนานนี้การประดับตบแต่งอาคารของเขาจะพิเศษมาก กล่าวคือ หรูหรามหาศาล องค์ประกอบอะไรต่ออะไรเยอะมากเมื่อเทียบกับทางเหนือ หนึ่งในลักษณะพิเศษคือ การตัดกระเบื้องแล้วเอามาแปะๆๆๆๆๆ เป็นรูปร่างต่างๆ
การประดับตบแต่งแบบหมินหนานว่าด้วยการตัดแปะกระเบื้องเป็นอย่างไร
การตัดแปะกระเบื้องนี้นึกภาพไม่ออกให้นึกถึงเอากระดาษมาตัดๆๆ แล้วก็แปะๆๆ แบบเด็กๆ แต่บังเอิญสิ่งที่ตัดเป็นกระเบื้อง ไม่ใช่กระดาษ และและเทนที่จะใช้กาวเป็นตัวยึดจะใช้ปูนแทน ปรกติการตบแต่งเช่นนี้นิยมประดับในส่วนสันหลังคาของอาคารประธาน ซุ้มหน้าต่างของระเบียง และซุ้มประตูของอาคารประธาน กล่าวคือ ส่วนที่มองแล้วจะงามสะดุดตาเป็นที่ยิ่ง และส่วนนั้นมีความสำคัญสักหน่อย จะนิยมประดับประดาลักษณะนี้ไว้
ปรกติแล้วลวดลายที่ใช้ประดับตัวอาคารจะแตกต่างกัน กล่าวคือ หากประดับบนสันหลังคาจะใช้ลวดลายดอกไม้ใบหญ้าอันเป็นมงคลประดับเป็นหลัก แต่หากเป็นส่วนซุ้มหน้าต่างของระเบียง และซุ้มประตูของอาคารประธานจะนิยมใช้ลวดลายเทพต่างๆ ปรกติแล้วที่นิยมที่สุดคือลายแปดเซียนข้ามทะเลย (八仙过海)
วิธีการประดับตบแต่งใช้การผูกเหล็กเส้นเป็นโครงรูปสิ่งที่ต้องการประดับ หลังจากนั้นใช้ปูนหุ้ม และสุดท้ายนำกระเบื้องที่ตัดมาแล้วค่อยๆประดับจนเป็นรูปร่าง
ทางเมืองจีนสันนิษฐานว่าส่งอิทธิพลมาให้ประเทศไทยด้วย ดังที่ปรากฎในวัดโพธิ์หรือวัดอรุณ
ภาพต่อไปคือการตบแต่งอาคารบริเวณหลังคา โดยการตัดกระเบื้องมาประดับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
han_bing
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 09:46
|
|
ภาพเขียนสีบนลายปูนปั้น (彩绘:cai hui)
ทางเหนืออาจมีการแกะสลักอิฐ ไม่ก็ทำกระเบื้องเป็นลายต่างๆเพื่อประดับอาคาร แต่ว่าทางใต้โดยเฉพาะแถบหมินหนาน อาจจะเป็นเพราะมีทรัพย์มากกว่า หรือมีรสนิยมหรูหราอลังการมากกว่า กระเบื้องก็ติดเยอะแล้ว ปูนปั้นธรรมดาๆก็ใช่ที่ อย่ากระนั้นเลย ทำลายปูนปั้นแล้ววาดสีลงไปดีกว่า
ในแถบหมินหนาน ปรกติแล้วการทำลายปูนปั้นเป็นรูปร่างต่างๆจะมีการประดับประดาระบายสีลงบนลายปูนปั้นด้วย เรียกว่า “ฉ่ายฮุ่ย” (彩绘:cai hui) อย่างไรก็ตามในบางพื้นที่ หากอากาศชื้นจัดส่วนที่ระบายสีประดับประดาจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง กล่าวคือ แทนที่จะระบายสีไว้ข้างนอกอาคาร จะเปลี่ยนเป็นระบายในส่วนใต้ชายคา หรือในผนังแทน ลวดลายที่ใช้ของภาพเขียนโดยมากเป็นรูปคน สัตว์ พรรณไม้ต่างๆนานา อย่างไรก็ตามจริงๆแล้วไซร้คือขึ้นอยู่กับลายปูนปั้นว่าจะเป็นลวดลายใด
สิ่งเหล่านี้พบเห็นได้ตามศาลเจ้าจีนในไทย เรื่อยไปจนถึงวัดบางแห่งในที่เป็นแบบพระราชนิยมของพระบาทสำเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวดังวัดราชโอรส ขอท่านลองไปดูวิหารน้อยซ้ายขวาบริเวณหน้าบัน และหน้าต่างจะเห็นปูนปั้นนูนต่ำทำเป็นลายมงคล
ขอย้ำสักนิด นี้ไม่ใช่จิตรกรรมฝาพนัง อย่าได้เข้าใจผิดไป
ภาพข้างล่างคือการตบแต่งในวัดจีน เทียบกับวิหารน้อยวัดราชโอรส
|
|
|
|
han_bing
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 09:52
|
|
การประดับตบแต่งด้วยปูนปั้น (泥塑:ni su)
ในแถบหมินหนาน (闽南: min nan) การประดับตบแต่งอาคารมีการใช้รูปปั้นจากดินมาประดับตบแต่ง เรียกว่า “หนี ซู่” (泥塑:ni su) รูปปั้นดินนี้มีข้อดีคือราคาถูก จะทำขนาดเล็กหรือใหญ่ทำได้ตามอัธยาศัยใจผู้ปั้น อย่างไรก็ตามข้อเสียที่มีคือใช้ไม่ค่อยจะทนเท่าไรนัก แต่ทนหรือไม่ทนไม่เป็นไร หลายพื้นที่ยังคงนิยมใช้รูปปั้นดินในการตบแต่งอาคาร อาทิ บริเวณคอสองของตึก ซึ่งภาษาจีนเรียกว่า (水车堵 : shui che du) ซึ่งเป็นส่วนเชื่อมระหว่างตัวอาคารกับหลังคา หรือประดับตามชายคา เรื่อยไปจนเหนือบานประตูหน้าต่าง
ทั้งนี้ลายรูปดินปั้นแต่ละพื้นที่ที่ประดับจะต่างกันไป กล่าวคือ บริเวณคอซองของอาคารจะประดับเป็นรูปสัตว์หรือลายพรรณพฤษาเป็นหลัก ขณะที่บริเวณเหนือบานประตูและหน้าต่างนิยมใช้สัญลักษณ์มงคลโชคลาภอายุยืน ที่คนไทยเรียกกันว่า “ฮกลกซิ่ว” นั้นแหละ ซึ่งภาษาจีนกลางเรียกว่า “ฟู่ ลู่ โซ่ว” (福禄寿: fu lu shou) ไม่ก็ตัวอักษรมงคลต่างๆ
การตบแต่งด้วยลายดินปั้นจะมีการระบายสีอย่างงดงาม โดยออกแบบให้เข้ากับสีสันของอาคาร ร่วมไปถึงจิตรกรรมที่ใช้ประดับตบแต่งส่วนต่างๆ
ภาพการประดับปูนปั้นในตัวอาคารของจีน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
han_bing
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 10:07
|
|
การตบแต่งด้วยไม้สลัก (木雕:mu diao)
ลักษณะการตบแต่งด้วยไม้แบบหมินหนาน นิยมใช้การแกะสลักบนโครงสร้างไม้ที่ใช้ประกอบเป็นอาคารเพื่อประดับอาคาร สามารถแบ่งได้เป็น ๓ ประเภทดังนี้
๑. การแกะสลักบนเครื่องไม้เอก ทำหน้าที่เป็นหลักในการรับน้ำหนักของอาคารของอาคาร อาทิ เสา คานค้ำยัน ในบริเวณนี้จะไม่สลักมากมายนัก อย่างมากสุดจะเพียงแค่สลักผิวไม้เป็นลวดลายเฉยๆ หากสงสัยว่าเพราะเหตุใด ตอบง่ายๆ ถ้ามันเกิดสลักจนโปร่ง มันจะถล่มลงมาทับตาย
๒. การสลักบนเครื่องไม้รอง ทำหน้าที่ใช้รับน้ำหนักบางส่วนของโครงสร้างอาคาร จะสลักภาพแบบนูนต่ำเป็นหลัก เหตุผลที่สลักนูนต่ำก็เหตุผลเดียวกับ อาทิ ทวยค้ำยันต่างๆ
๓. การสลักบนเครื่องไม้ที่เป็นชิ้นส่วนประกอบที่ช่วยยึดเครื่องไม้หลัก อาทิ เดือยต่างๆที่ยึดไม้ต่างๆไว้ด้วยกัน สามารถแกะสลักนูนสูงนูนต่ำได้ตามใจชอบ
ตามปรกติลวดลายที่ใช้แกะสลักเพื่อประดับประดานี้ สามารถทำได้ตามใจช่าง ไม่ได้มีการบังคับ โดยทั่วไป นิยมสลักลายมังกร หงส์ สัตว์มงคล ผลไม้มงคลเป็นต้น แต่ถ้าแถบใดการช่างหรือการเศรษฐกิจเจริญน้อยไปหน่อย ลวดลายก็จะลดน้อยตามความสามารถของช่าง หรือตามกำลังทรัพย์ของผู้จ้าง
ลักษณะการแกะสลักไม้ในอาคารจะมีลักษณะแตกต่างไปตามหน้าที่การใช้งานของอาคาร กล่าวคือ หาเป็นการแกะสลักสำหรับศาสนสถาน จะแกะสลักอย่างละเอียดประณีต และมีลวดลายซับซ้อนมากมาย พร้อมทั้งปิดทอง ระบายสีตบแต่งอย่างงดงาม เพื่อก่อให้เกิดความรู้สึกตะลึงตะลานกับความยิ่งใหญ่ของศาสนสถานนั้นๆ แต่ถ้าเป็นการแกะสลักไม้ตามบ้านเรือนประชาชน ลวดลายจะเรียบง่ายกว่า และไม่นิยมระบายสีหรือปิดทอง จะใช้สีธรรมชาติของไม้มากกว่า
ภาพโครงสร้างอาคารที่ใช้ไม้แบบหมินหนาน ภาพการตบแต่งโครงสร้างไม้ภายในศาสนาสถาน และในบ้านเรือนตามลำดับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 10:21
|
|
ได้ความรู้เยอะเลยครับ คุณหาญ
ศิลปะตกแต่งด้วยกระเบื้องทางเหนือ กับทางใต้ ห่างกันลิบเลยนะครับ จัดภาพกำแพงมังกรที่ตั้งอยู่ภายในพระราชวังกู้กง จะเห็นว่าการประดับกระเบื้องลวดลายมังกรจะไม่เหมือนกับทางใต้ตามที่คุณหาญ กล่าวมา คือ เป็นการปั้นลวดลาย ขึ้นรูปทั้งชิ้ แล้วตัดแยกเป็นแผ่น ๆ แยกเคลือบ แล้วนำมาประกอบกันใหม่
หากเป็นมังกรทางจีนตอนใต้คงจะเจียกระเบื้องเป็นชิ้น ๆ ปล่อยให้เกล็ดพริ้วไหว ล่องลอยตามจินตนาการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 10:27
|
|
นอกจากช่างไทยจะนำกระเบื้องเป็นชิ้น ๆ มาเรียงตัวกันเป็นรูปทรงต่าง ๆ แล้วท่านได้ค้นคิดหลักการฝังกระเบื้องปนกับพื้นปูน (ซึ่งคล้ายกับการฝังมุก ซึ่งถมด้วยรัก) แต่นี่ใช้กระเบื้องที่ทำได้รูปแล้ว เช่น ลายใบเทศ ลายใบไม้ ลายเถาเลื้อย ด้วยกระเบื้องเคลือบดินเผา เคลือบน้ำเคลือบ หรือ ลงสีเบญจรงค์ นำมาประดับและถมด้วยปูน ซึ่งเทคนิคนี้พบได้ที่วัดอรุณราชวราราม ฯ ซึ่งข้าพเจ้าได้แวะเวียนไปเยี่ยมชมเมื่อต้นเดือนมานี้เอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 10:34
|
|
กรอบซุ้มประตูด้านในวัดพระเชตุพนฯ ทำกระเบื้องลายดอกไม้ (ขอบกลม ขอบแหลม ขอบป้าน) งดงามมาก พร้อมศาสตราวุธ คือ ง้าวไขว้กัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 10:39
|
|
องค์พระเจดีย์สีขาบ ประจำรัชกาลที่ ๔
จะเห็นว่ามีศิลปะการประดับด้วยกระเบื้องชิ้นเล็ก ๆ เป็นลายดอกไม้เช่นกัน แต่....มีการพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง กล่าวคือ ใช้กระเบื้องชิ้นเล็ก ๆ น้อยลงไป ดอกไม้ก็ปั้นหล่อด้วยดินทั้งดอก ลงสีในตัว เป็นชุดดอกไม้สำเร็จรูป (คงลดระยะเวลาการประดับไปได้มาก)
ส่วนลายเครือเถาไม้เลื้อยก็ใช้รูปแบบ (Pattern) แบบเดียวกันหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 10:43
|
|
ภาพการประดับดอกไม้กระเบื้อง องค์พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 10:46
|
|
สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่มีการประดับกระเบื้องชิ้นเล็ก ๆ อย่างสวยงามคือ บริเวณหอไตร ตรงบริเวณส่วนย่อมุม ก็ไม่ปล่อยให้เกิดที่ว่าง จัดกระเบื้องจัดลีลาเป็น เฟื่องอุบะงดงามมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 10:52
|
|
กาบกนกที่ซุ้มประตูทางเข้าหอไตร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 10:55
|
|
นี่ก็เป็นมุมที่สวยงามมุมหนึ่ง "หอไตร" ประดับกระเบื้องชิ้นเล็ก ๆ จนงดงามมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 22 ก.พ. 12, 10:59
|
|
เท่าที่ค้นจดหมายเหตุบูรณะปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์มา ผมพบชื่อกระเบื้องอยู่ราวๆสัก 4 คำเห็นจะได้
คือ
1.) กระเบื้องปรุ หมายถึงกระเบื้องชิ้นโตๆที่พิมพ์เป็นลายฉลุ พวกนี้มักใช้เป็นช่องแสง 2.) กระเบื้องถ้วย หมายถึงถ้วยชามที่นำมตัดเป็นชิ้นๆ เพื่อใช้ในงานประดับ แบบที่เป็นลายดอกๆ ที่คุณ Siamese โพสต์ภาพไว้ 3.) กระเบื้องพิมพ์ หมายถึงกระเบื้องที่พิมพ์ลายเป็นชิ้นๆ 4.) กระเบื้องลาย หมายถึงกระเบื้องเขียนลาย หาดูได้ที่ขอบหน้าต่างพระอุโบสถครับ
เท่าที่อ่านมาร่วมสิบรอบ จดหมายเหตุไม่ได้เล่าเรื่องเนื้อกระเบื้องครับ ถ้าอยากทราบเพิ่มเติมคงต้องลองหาดูกันต่อไปครับผม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|