คุณนกข. นักการทูตตัวจริงเสียงจริง เล่าถึงวงการทูตเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อน ไว้ว่า
นักการทูตเป็นอาชีพที่ฟังดูฝัน ๆ อาชีพหนึ่งครับ จึงมีบทบาทโผล่ในนิยายไทยนิยายฝรั่งบ่อย เห็นในละครทีวีไทยก็บ่อย ภาพของนักการทูตในใจคน ผมว่ายังคงเป็นภาพชายหนุ่มรูปหล่อ อาจจะเชื้อพระวงศ์ นักเรียนนอก กิริยามารยาทนุ่มนวล ปากหวานพูดเก่ง เผลอ ๆ ก็คาบไปป์ และต้องรวยพอที่จะควักสตางค์ส่วนตัวเพื่อหน้าตาของประเทศได้ ดูเหมือนในหนังในนิยายก็ไม่เห็นค่อยต้องทำอะไรนัก ไปงานเลี้ยง ไปเที่ยวเมืองนอก (ยุโรปหรืออเมริกา) พาสาวเที่ยว
ภาพนั้นอาจจะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง ในสมัยสักห้าสิบปีมานี้ ฝรั่งเองก็เคยมีภาพนั้น เอ่ยถึง an American diplomat in Paris ล่ะก็ฟังดูหรูหราเชียว แต่สมัยนี้ โดยเฉพาะนักการทูตไทย ภาพนี้จางไปเยอะแล้วครับ อาจจะไม่ถึงกับว่าหายไปหมด แต่มีความเป็นจริงอื่น ๆ เกิดขึ้นคู่กับภาพพวกนี้หลายอย่างหลายประการ
ข้อแรก ไม่จำเป็นเลยที่นักการทูตต้องเป็นพระเอก เป็นนางเอกก็ได้ สมัยนี้ผู้หญิงเป็นนักการทูตออกเยอะไป มาดามอัลไบรต์รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยังงี้เป็นต้น ที่เมืองไทย เรามีเอกอัครราชทูตหญิง อธิบดีหญิง หลายคนแล้วครับ มีมานานแล้วด้วย เดี๋ยวนี้ก็ยังมี ในระดับเจ้าหน้าที่ก็มีนักการทูตสาว ๆ เผลอ ๆ จะครึ่งกระทรวงต่างประเทศเข้าไปแล้ว (กระทรวงผมเล็กครับ มีเจ้าหน้าที่ประมาณ ๑,๕๐๐ คนทั่วโลก) ยังไม่นับ "นักการทูตเฉพาะด้าน" ที่มาจากกระทรวงอื่นอีกล่ะ เรามีข้าราชการที่ทำงานอยู่ในต่างประเทศ ที่ไม่ได้มาจากกระทรวงต่างประเทศแต่ดั้งเดิม เช่น กระทรวงพาณิชย์เป็นต้น ท่านเหล่านี้ก็ทำงานการทูตเหมือนกัน และในจำนวนนั้นก็เป็นผู้หญิงเยอะด้วย
เท่าที่ผมนึกออก นิยายไทยเก่า ๆ ที่ให้ผู้หญิงทำงานทำการเป็นทูต ไม่มีเลย มีแต่จะเป็นคุณหญิงทูต ใหม่หน่อยก็เรื่อง รัฐมนตรีหญิง ของดวงใจละมั้ง เรื่องนั้น นางเอกเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไทยสมัยอเมริกันถอนฐานทัพเชียวนะครับ ที่ใหม่ขึ้นมากว่านั้นก็คงจะมี เห็นแว็บ ๆ ว่ามีนักการทูตหญิงในนิยายใหม่ๆ ไทยบางเรื่องบ้างแล้ว
ข้อสอง นักการทูตไม่ได้ทำงานอยู่ใน ยุโรป อเมริกา เสมอไปครับ เรามีสถานทูตสถานกงสุล คณะทูตถาวรไทยอยู่ทั่วโลกประมาณ ๗๐ กว่าแห่ง กว่าเท่าไหร่ผมก็ลืม ในแอฟริกาเราก็มี อเมริกาใต้ก็มี เอเชียก็มี เมืองแขกมี เมืองญวนมี พม่ามี ในยุโรปตะวันออกก็มี แล้วความเป็นอยู่ในที่เหล่านี้ ก็ไม่ถึงกับสบายมากเสมอไป มีตั้งแต่พอทนอยู่ได้ไปจนถึงทนลำบาก แต่ก็ต้องทนให้ได้ หรือทนอยู่ไม่ไหวต้องเผ่นหนีเหมือนกัน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไซ่ง่อนหรือพนมเปญตอนจะแตก มีสถานทูตไทยนะครับ คูเวตก็มี ตอนนั้นต้องบริหารวิกฤตกันอุตลุด เบลเกรดก็เคยมีตอนอดีตยูโกสลาเวียจะแตก เดี๋ยวนี้ที่แบกแดดในอิรักที่ถูกมาตรการคว่ำบาตรอยู่ก็ยังมีสถานทูตไทยเปิดทำการอยู่ ผมไม่เคยลำบากเหมือนเพื่อนข้าราชการบางท่าน แต่หนแรกที่ออกประจำการผมไปอยู่เมืองจีน ที่ปักกิ่ง เมื่อหลายปีก่อน ไม่ถึงกับสบายแต่ก็ไม่ถึงกับลำบาก แต่ที่แน่ ๆ ไม่เหมือนยุโรปในนิยายแน่ครับ
ข้อสาม นักการทูตไทยสมัยนี้ ที่เป็นเชื้อพระวงศ์คงมีบ้าง แต่น้อยจะเกือบไม่มีแล้ว ที่ร่ำรวยก็พอจะมี แต่ที่เป็นคนชั้นกลางก็มี และเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ครับ (ผมก็บ้านไม่รวย - แหะ ๆ) อาจารย์ "ดวงใจ" และ คุณประภัสสร เสวิกุล เคยเขียนถึงนักการทูตพวกนี้ไว้ในนิยายไทยเหมือนกัน เช่น ฝันคว้าง หรือ เมเปิ้ลแดง ต่างจากพระเอกนักการทูตรุ่นเก่า (ซึ่งสะท้อนความจริงสมัยนั้น) ที่ต้องมีสมบัติเก่ามากพอที่จะมารับราชการเอาแต่เกียรติ แล้วแถมเผลอ ๆ ก็ควักเงินส่วนตัวจุนเจือหลวงอีก ความจริงสมัยนี้ก็ยังมีครับ บางกรณี ที่เราเห็นว่าค่าใช้จ่ายบางอย่างเบิกไม่ได้ก็หยวน ๆ ไป ช่วยราชการเท่าที่เราพอจะมีกำลังทำได้ แต่ว่า ไม่ใช่ทุกคนแล้วครับที่จะมีคฤหาสน์บ้านทรายทองอยู่ที่กรุงเทพฯ เหมือนชายกลาง
คุณนกข. เล่าไว้อีกหลายประการ หากคุณ atomicno1 สนใจลองเข้าไปอ่านได้ที่กระทู้
นักการทูตในชีวิตจริง กับภาพฝันของนักเขียนในนิยาย