เอาตำนานรถซีตรองของคุณ NAVARAT.C มาเล่าใหม่
สวัสดีตอนค่ำครับ
เข้ามาแก้ตัวเรื่องรถซีตรองก่อน คือผมก็เข้าใจแต่แรกว่ารถที่จอมพลป.จะใช้หนีไปคือธันเดอร์เบิร์ดตัวดัง คิดว่าเคยอ่านเจออย่างนั้นเหมือนกัน แต่พอถึงตอนเขียนกระทู้ แบบอ่านไปเขียนไปทีละหน้า พอถึงตอนนี้ เอ้า หนังสือเล่มที่กำลังเอาข้อมูลมาใช้อยู่เขาว่าเป็นซีตรอง หยิบอีกเล่มนึงมาดู ก็เป็นซีตรองอีก แต่ไม่มีรายละเอียดสักเล่มเดียวว่าเป็นรุ่นอะไร พอดีผมเคยเป็นแฟนรถซีตรอง ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนท้าย เลยเข้าเวปซีตรองหาดูว่ารุ่นล่าสุดที่จอมพลป.จะใช้ในทริปสำคัญปี2500นั้นควรจะเป็นรุ่นไหน แล้วก็หยิบตัวท็อปมาลงไว้ ไม่นึกว่าจะเป็นรุ่นDS 19 เพราะเป็นแค่รถบ้านเท่านั้น แต่เมื่อมีหลักฐานของคุณอำพล โหตระกิตย์แห่งชมรมซีตรองแห่งประเทศไทย ผมก็ขอสารภาพครับว่าเดาผิด
ซีตรองเป็นรถวิเศษอย่างที่คุณอำพลว่าไว้จริงๆ เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน ผมไปซื้อรถมือสองของท่านเศรษฐีคนหนึ่งมาใช้เป็นรถประจำตัวของผม เป็นซีตรอง รุ่นเพรสตีจตัวท็อปที่เคยอิมพอร์ตเข้ามาในประเทศไทย ถามว่าทำไมเจ้าของเดิมจึงขาย เขาบอกว่าโรงรถที่บ้านเขาจอดรถได้แค่10คัน พอดีไปออกรถใหม่มาก็ต้องขายทิ้งเสียคันหนึ่ง ผมเห็นสภาพกับราคาแล้วไม่ต้องคิด ถ้าไปซื้อรถป้ายแดงจะได้แค่รถญี่ปุ่นตัวเล็กสุดเท่านั้น
เส้นทางที่วิ่งประจำคือกรุงเทพ-กระบี่ สมัยโน้นสภาพถนนทางใต้ก็เหมือนอย่างที่คุณอำพลว่า เป็นลูกรังก็มี แต่ถึงจะลาดยางแล้วก็ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ ซีตรองเป็นรถล้ำสมัยที่ระบบกันสะเทือนเป็นไฮโดรลิก ระบบการทรงตัวดีมาก เข้าโค้งไม่มีหวาดเสียว ล้อหายไปล้อหนึ่งเหลือ3ล้อก็ยังวิ่งได้ และไม่สะเทือนเหมือนแหนบหรือโชคอัพ แต่จะประคองตัวถังให้ลอยขึ้นๆลงๆเหมือนเรือมากกว่ารถ นั่งสบายมาก แต่ที่คนไม่นิยมเพราะระบบนี้มันเสียทีนึง เจ้าของแทบร้องไห้ และ“เขาว่า”เสียบ่อย ผมใช้สมบุกสมบันไม่จริงเรื่องเสียบ่อย แต่จริงเรื่องค่าซ่อมแพง อาศัยต้นทุนตัวรถถูก ก็ทนได้
ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ผมคิดว่าผมตัดสินใจเลือกรถคู่กายถูก ครั้งนั้นเป็นขากลับจากกระบี่ในคืนหนึ่ง ปกติผมจะมีลูกน้องนั่งไปด้วย เขาเป็นสารพัดช่างไม่ใช่คนขับรถ ผมจึงจะขับเองนอกจากง่วงจัดขึ้นมา ก็สลับให้เขาขับ นอนสักชั่วโมงสองชั่วโมงหายง่วงแล้วผมก็ขอขับต่อ มาตีสามกว่าๆใกล้ถึงเพชรบุรีแล้ว เขานอนหลับสนิท ผมก็ขับมาด้วยความเร็วประมาน100-110 รู้สึกมีเสียงดังปุแล้วพวกมาลัยกระดิกนิดนึง ผมนึกว่ารถทับพวกกระป๋องนมหรืออะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้เสียความเร็วอะไร วิ่งมาอีกสักพักใหญ่ๆก็เห็นด่านตำรวจที่ผมต้องชะลอรถผ่านด่าน ตำรวจให้สัญญาณผมลดกระจกลงแล้วเดินเข้ามา ผมก็ถามออกไปก่อนว่าผมทำอะไรผิดหรือครับ ตำรวจยิ้มๆบอกว่าพี่ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก แต่จอดรถแอบก่อนแล้วเชิญลงมาดูรถพี่สักหน่อย ผมรีบทำตามตำรวจสั่ง มองไปทางที่เขาชี้ โอ้ย-โหย่ย-โย้ ล้อหน้าขวาของผมมีแต่กระทะล้อกับเศษยางนอกรุ่งริ่งติดขอบอยู่นิดเดียว นี่ผมวิ่งซีตรอง3ล้อด้วยความเร็วร้อยกว่ามาอย่างน้อย15นาที ผ่านโค้งซ้ายขวาไม่ทราบกี่โค้งโดยไม่รู้ตัวเลย ตำรวจมามุงรถผมกันใหญ่บอกว่าเกิดมาไม่เคยเห็น ตอนนี้ลูกน้องผมตื่นแล้วและหายง่วงสนิท เขาเปลี่ยนยางอะไหล่แล้วก็เป็นคนขับต่อกลับบ้าน
ตอนนี้ซีตรองสีทองคันนี้ผมยังเก็บไว้ เพราะทำใจไม่ได้ที่จะขายทิ้ง เล่นตีราคาให้ผมถูกๆ เลยทำสีใหม่เบาะใหม่อย่างดี เอี่ยมอ่องเสร็จก็ไม่ได้วิ่ง จอดคลุมผ้าไว้เฉยๆ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3438.msg69954#msg69954