เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการขุดพบซากโครงกระดูกของวัวทะเลชเตลเลอร์ ซึ่งเป็นสัตว์โบราณขนาดมหึมาที่สูญพันธุ์ไปแล้วเกือบ ๓๐๐ ปี ที่บริเวณชายฝั่งหมู่เกาะคอมมานเดอร์ บนคาบสมุทรคัมชัตคาในประเทศรัสเซีย โดยการค้นพบในครั้งนี้เริ่มจากการที่ผู้ตรวจการสาวคนหนึ่งได้สังเกตเห็นซี่โครงของโครงกระดูกชนิดหนึ่งยื่นขึ้นมาเหนือพื้นดิน จึงได้ทำการเริ่มต้นขุดลงไปเพื่อค้นหาความจริงนานหลายชั่วโมง
หลังจากทำการขุดเสร็จสิ้น พวกเขาได้พบกับโครงกระดูกของวัวทะเลชเตลเลอร์ ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากเมื่อเทียบจากขนาดและอายุของมันแล้ว โดยชิ้นส่วนทั้งหมดประกอบด้วยกระดูกสันหลังจำนวน ๔๕ ชิ้น กระดูกส่วนสะบัก ซี่โครง และอื่น ๆ รวมกันอีก ๒๕ ชิ้น แต่ละชิ้นส่วนของมันมีขนาดใหญ่มาก แต่ในการขุดครั้งนี้ไม่พบกะโหลกศีรษะแม้ว่าจะทำการขุดลงไปลึกแล้วก็ตาม
สำหรับเจ้าสัตว์ทะลที่สูญพันธุ์ชนิดนี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า
Hydrodamalis gigas เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งในอันดับพะยูน (Sirenia) ในอดีตสัตว์เหล่านี้มีประชากรค่อนข้างมาก พวกมันมีอำนาจเหนือหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า ๑๗ เกาะ ในน่านน้ำอาร์กติกของรัสเซียในทะเลแบริ่ง ซึ่งที่นี่คือแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมัน และเป็นบริเวณเดียวกันกับที่ทุกคนได้รู้จักกับสัตว์ชนิดนี้เป็นครั้งแรก โดยนายเกอร์ก วิลเฮล์ม ชเตลเลอร์ (Georg Wilhelm Steller) ได้ค้นพบพวกมันในปี พ.ศ. ๒๒๘๔ และตั้งชื่อให้กับเจ้าสัตว์สายพันธุ์พะยูนตัวนี้ว่า “วัวทะเลชเตลเลอร์” (Steller's sea cow)
การค้นพบในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะนอกจากจะเป็นข้อมูลให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้กันแล้ว ครั้งหนึ่งเราก็เคยรับรู้ว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ชนิดนี้เคยมีชีวิตและอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ของเรามาก่อน
http://scienceillustratedthailand.com/nature/ขุดพบโครงกระดูกของวัว/