เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 03, 11:15



กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 03, 11:15

ในปลายทศวรรษที่ 1930    สมัยที่สยามยังไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปในยุโรป
เจ้าชายสยามองค์หนึ่งทรงทำให้ชื่อของประเทศสยามระบือลื่อเลื่องลงหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในอังกฤษ   ชื่อเสียงขจรขจายทั่วประเทศอื่นๆในยุโรป
ที่สนใจกีฬา
เพราะทรงชนะเลิศอันดับหนึ่งของการแข่งรถระหว่างชาติทั่วทวีปยุโรป   3 ปีซ้อน คือ 1936,1937 และ 1938  จนคว้าตำแหน่ง   "ดาราทอง" ของสมาคมนักแข่งรถอังกฤษมาครองได้

เกียรติประวัติที่ควรจารึกไว้ คือ
ทรงชนะที่หนึ่ง 4 ครั้ง  จากการชิงถ้วยเจ้าชายเรนีย์แห่งโมนาโก   ชิงรางวัลระหว่างชาติที่บรูคแลนด์ส    ชิงรางวัลใหญ่ของปีการ์ดี และชิงรางวัลของอาลบี
ชนะที่สอง 2 ครั้ง จากการแข่งที่เกาะแห่งเมน และการแข่งขันที่กรุงดับลิน
ชนะที่สาม 2 ครั้งจากการแข่งที่ภูเขาไอเฟิล  และการชิงแชมเปี้ยนภูเขาที่บรูคแลนด์ส

เจ้าชายสยามองค์นั้นคือพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช
หรือคนไทยเรียกกันสั้นๆว่าพระองค์พีระ

เมื่อเสด็จกลับสยาม สื่อมวลชนไทยในสมัยนั้นถวายสมญาว่า "เจ้าดาราทอง"
ราษฎรไปรับเสด็จกันคับคั่ง  ทรงกลายเป็นวีรบุรุษในวงการกีฬาและขวัญใจประชาชน
สีฟ้าสดของรถแข่งที่ทรงขับ เรียกกันว่าสีฟ้าพีระ หรือ Bira blue กลายเป็นสีฮิทกันพักใหญ่ของสาวๆ
ในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นต้อนรับพระองค์เจ้าพีระฯ    แขกสาวๆในงานแต่งกายด้วยสีฟ้าสด สวยละลานตากันทั้งงาน


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 03, 11:22
 พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช  ทรงถือกำเนิดเป็นหม่อมเจ้า พระโอรสในเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์  สมเด็จกรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้เป็นพระราชอนุชาพระองค์เล็ก ร่วมพระชนกชนนีกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
หม่อมมารดาของพระองค์พีระ คือหม่อมเล็ก สกุลเดิมยงใจยุทธ  เป็นป้าของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนหม่อมเจ้าพีระขึ้นเป็นพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า
ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "พระองค์เจ้าตั้ง" คือพระองค์เจ้าที่เลื่อนขึ้นจากหม่อมเจ้า
โอรสธิดาของท่านดำรงฐานันดรเป็นหม่อมราชวงศ์ ตามลำดับฐานันดรเดิมของท่านพ่อ

อย่างไรก็ตาม  ชีวิตของพระองค์เจ้าพีระฯ ในเบื้องต้น ดำเนินไปเหมือนเจ้าชายในเทพนิยาย
นอกจากชาติกำเนิดสูงแล้ว  เจ้าชายสยามก็ยังมีการศึกษาดีเยี่ยมสำหรับเจ้าชายไทยในสมัยนั้น
พระชนม์ 13  ก็เสด็จไปศึกษาต่อที่โรงเรียน อีตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมขึ้นชื่อที่สุดของอังกฤษ มีแต่เจ้านายและลูกผู้ดีมีตระกูลเรียนกันทั้งนั้น
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็เคยทรงศึกษาที่นี่เช่นกัน

พระองค์เจ้าพีระเป็นเด็กชายลักษณะดี    เป็นที่เมตตาของผู้ใหญ่     พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเมตตาประหนึ่งเป็นพระราชบุตร ทรงรับไว้ในปกครอง

เมื่อเสด็จไปอังกฤษ  พระองค์พีระทรงพบกับพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์( พระโอรสในเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ)  ซึ่งทรงศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
ถ้าลำดับญาติกันแล้วพระองค์พีระอยู่ในฐานะอา  และพระองค์จุลเป็นหลาน  
แต่ว่าพระองค์จุลทรงมีพระชันษาแก่กว่า 7 ปี   เกิดถูกชะตาเหมือนเป็นพี่ชายน้องชายแท้ๆ
พระองค์จุลจึงทรงทูลขอพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ขอเป็นผู้ปกครองพระองค์พีระแทน
ทรงสนับสนุนให้เข้าแข่งกีฬา   จนได้ชัยชนะ  โดยที่ทรงดูแลออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้
และทรงอุปการะพระองค์พีระอย่างดีจนตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์จุล

(ภาพถ่ายนี้พระองค์พีระทรงฉายกับหลวงสุรณรงค์


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 03, 11:23

ภาพนี้ค่ะ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 03, 13:17
 นอกจากความสามารถในการแข่งรถ  พระองค์พีระยังเป็นนักกีฬาที่โปรดการเล่นเรืออีกด้วย
ที่น่าทึ่งมากคือทรงมี "หัว" ทางศิลปะ ควบคู่ไปกับการกีฬา
จนตัดสินพระทัยไม่เข้าศึกษาต่อที่เคมบริดจ์ แต่เบนเข็มไปศึกษาด้านประติมากรรมแทน

ทรงไปศึกษาเรื่องการวาดลายเส้นที่ Byam Shaw Art School  ที่นี่เองทรงพบหญิงสาวสวยชาวอังกฤษชื่อ ซีริล เฮย์ค็อก

ซีริลเป็นลูกผู้ดี  พ่อมีเชื้อสายขุนนางเก่าแก่  ส่วนทางตระกูลแม่ก็เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยจนได้บรรดาศักดิ์เป็นเซอร์  
ญาติคนหนึ่งเคยเป็นนายกเทศมนตรีของลอนดอนผู้เคยรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาแล้ว

พระองค์พีระและซีริลหลงรักกันตั้งแต่แรกพบ   จนกระทั่งได้แต่งงานกันในที่สุด
เธอก็เลยกลายมาเป็นหม่อมซีริล ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา  เดินทางมาประเทศไทยพร้อมกับพระสวามี
เธอชอบประเทศไทยมาก


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 03, 13:57
 หลังจากอยู่สยามได้ระยะหนึ่ง  พระองค์พีระก็พาหม่อมกลับอังกฤษเพื่อเตรียมตัวแข่งขันรถ Grand PriX ต่อไป
หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปี  สงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้นจากเยอรมันบุกโปแลนด์แบบสายฟ้าแลบ      พระองค์พีระยังทรงอยู่ที่อังกฤษ  ไม่กลับสยาม
เหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศตอนนั้นวุ่นวายมาก   ในตอนแรกสยามก็ดูจะเข้าข้างพันธมิตร  
แต่ต่อมา  ญี่ปุ่นบุกไทยเป็นทางผ่านไปสู่พม่า   รัฐบาลตัดสินใจยอมประนีประนอมเพื่อไม่ให้เสียเลือดเนื้อคนไทย
แล้วก็ตกบันไดพลอยโจน คบญี่ปุ่นเป็นมหามิตร จนถึงขั้นประกาศเป็นฝ่ายเดียวกับญี่ปุ่น แล้วเลยกลายเป็นศัตรูกับฝ่ายพันธมิตร

ทูตไทยถูกเรียกตัวกลับ   สถานทูตปิด   พระองค์พีระไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลไทย ก็ตัดสินพระทัยสมัครเข้าร่วมรบเป็นฝ่ายเดียวกับพันธมิตร
เสด็จไปเข้าศูนย์ฝึกอบรมการบิน เข้าประจำศูนย์ในฐานะครูฝึกเครื่องร่อนซึ่งทรงชำนาญอยู่แล้ว  ได้ตำแหน่งเป็นเรืออากาศโท  มีลูกศิษย์ลูกหาชาวอังกฤษมากมาย

เจ้านายสยามหลายพระองค์ที่อยู่อังกฤษ เข้าร่วมรบกับพันธมิตรต่อต้านเยอรมัน  พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาพพระอนุชาพระองค์พีระ ที่เป็นพระโอรสบุญธรรมในสมเด็จพระปกเกล้าฯ สมัครเข้าเป็นนักบินอาสาสมัคร  นำเครื่องบินไปส่งลงเรือรบ
นักเรียนไทยรวมกันจัดตั้งขบวนการเสรีไทย   มีหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์เป็นหัวหน้า

น่าเสียดายว่าพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯประสบอุบัติเหตุเครื่องบินชนภูเขาสิ้นพระชนม์  แต่ก็นับว่าโชคดี พระองค์พีระทรงอยู่รอดปลอดภัยมาได้ตลอดสงคราม
จนกระทั่งเยอรมันและญี่ปุ่นแพ้ฝ่ายพันธมิตร   สงครามโลกก็สงบลงในพ.ศ. 2488  สันติภาพคืนมาสู่ยุโรป

พระองค์พีระก็ทรงเริ่มชีวิตนักแข่งรถอีกครั้ง ทรงเดินทางไปแข่งตามประเทศต่างๆในยุโรป  มาจนถึงอเมริกาใต้ - อาร์เจนตินา
ทุกหนทุกแห่งที่เสด็จไป  ทรงได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม  ผู้คนเข้ามารุมล้อมขอลายเซ็นไม่ผิดกับดาราดังๆของฮอลลีวู้ด


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 31 ต.ค. 03, 15:16
 มาอ่านครับ

พระองค์พีระและสีฟ้าพีระมีชื่อเสียงมากในหมู่คนไทยสักสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง

ในกระทู้หนึ่งเก่ามากบนเรือนไทย ตกกระดานไปนานแล้ว เคยมีใครสักคนตั้งกระทู้ถามว่าพระองค์พีระฯ เคยทรงแข่งรถกรังด์ปรีซ์ฟอร์มูล่าร์วันหรือไม่ เห็นจะไม่ทรงเคยนะครับ เพราะไอ้เจ้าฟอร์มูลาร์วันนั่นมันมาแข่งกันทีหลังยุคของท่านหลายปี

เรื่องท่านพีระผมไม่ค่อยมีอะไรจะแจม ขอฟังคุณเทาชมพูไปเรื่อยๆ แจมได้แต่เพียงว่า คุณหลวงสุรณรงค์ที่อยู่ในพระรูปคู่กับท่านพีระนั้น เข้าใจว่าในรัชกาลปัจจุบันท่านได้เป็นราชองครักษ์ (มาถึงตอนนี้ 2546 ท่านคงจะถึงแก่กรรมไปแล้วแหละ) แต่ท่านเคยตามเสด็จในหลวงรัชกาลปัจจุบันไปสหัฐอเมริกา ปี 2503 พระองค์เจ้าหญิงวิภาวดีฯ ทรงเล่าไว้ในจดหมายเหตุตามเสด็จอเมริกาของท่านว่า ฝรั่งสมัยโน้น หรือแม้แต่สมัยนี้ก็เถอะ อ่านชื่อไทยหรือชื่อบรรดาศักดิ์ไทยที่ถอดเป็นตัวหนังสือภาษาฝรั่งได้อย่างขลุกขลักมาก เรียกว่าอ่านแล้วเจ้าของชื่อฟังไม่ออกว่าฝรั่งเขากำลังเรียกชื่อตัวเองอยู่ ในงานถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำครั้งหนึ่งก็มีการขานชื่อยังงี้แหละ ขานแล้วผู้ถูกขานก็ต้องลุกขึ้นยืนถวายคำนับและแสดงความเคารพเจ้าภาพ มาถึงคุณหลวง ฝรั่งคนขานชื่อเรียกท่านว่า "ลู- อัง ซู- รวง - นาหรวง"  คุณหลวงฟังไม่เข้าใจ นั่งเฉยสบายดี ร้อนถึงผู้ตามเสด็จท่านอื่นต้องเตือนกันว่าเป็นชื่อคุณหลวงเอง


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 03, 16:16

ภาพประวัติศาสตร์ที่หายากยิ่งภาพหนึ่ง
คือภาพพระองค์พีระทรงขับเรือ "มัจฉาณุ" ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เมื่อพระชนม์แค่ 11 พรรษา
พระองค์ถัดไปคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
และพระองค์ริมสุดคือสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา  กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 08:21
 ชื่อคนไทยเป็นชื่อที่ฝรั่งกล้ำกลืนออกเสียงยากที่สุดชาติหนึ่งในโลก  โดยเฉพาะครูฝรั่งที่เรียกชื่อลูกศิษย์ด้วยนามสกุล
ของเขามีมิสเตอร์สมิธ  มิสเตอร์โจนส์    มาเจอนามสกุลคนไทย 20 พยางค์ขึ้นไป   อาจารย์ฝรั่งแทบจุกไปหลายรายแล้ว
ดิฉันเคยเรียนกับอาจารย์ฝรั่งอเมริกัน สอนภาษา พูดจาสำเนียงบอสตันด้วยความภูมิใจว่าออกเสียงอะไรต่อมิอะไรได้ถูกต้องชัดเจน   ไม่เหน่ออย่างพวกอเมริกันฝั่งตะวันตก  
ตลอดเทอม   อาจารย์ไม่เคยเรียกดิฉันผู้มีนามสกุลยาว 12 พยางค์เลยค่ะ   กลัวออกเสียงผิดแล้วเสียประวัติอาจารย์

ขอตัวไปพิมพ์ประวัติเจ้าดาราทองต่อค่ะ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 13:17
 เมื่อสันติภาพคืนมาสู่สังคมยุโรปอีกครั้ง    กิจกรรมสังคมอย่างการกีฬาก็เฟื่องฟูขึ้นมาอีก  
ชีวิตของเจ้าชายหนุ่มสยาม และชายาสาวชาวอังกฤษดำเนินไปเหมือนความฝันเท่าที่มนุษย์จะพึงมีได้
พรั่งพร้อมทั้งสุข ความรัก  ชื่อเสียง ความสำเร็จ
มีโอกาสท่องเที่ยวอย่างเศรษฐีไปในสถานที่สวยงามหลายแห่งของโลกด้วยกันทั้งยุโรปและอเมริกา
ไม่ว่าไปไหนก็เป็นแขกเกียรติยศของสมาคมและบุคคลสำคัญ ในฐานะบุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลก
ครั้งหนึ่งได้รับเชิญให้เข้าเฝ้าพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งอังกฤษ (พระราชบิดาของพระราชินีนาถเอลิซาเบธในปัจจุบัน)เพราะโปรดเรื่องรถแข่งมาก  ทรงต้อนรับเจ้าชายสยามด้วยพระอัธยาศัยดีเหมือนเป็นพระญาติสนิทด้วยกัน

หม่อมมณี ภาณุพันธุ์ ณอยุธยา(คุณหญิงมณี สิริวรสาร)อดีตชายาของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต บันทึกเอาไว้เกี่ยวกับท่านในหนังสือ "ชีวิตเหมือนฝัน" ว่า

"นิสัยใจคอของสองพระองค์นั้นต่างกันมาก   พระองค์จิรศักดิ์ฯ นั้นโปรดการสนทนาปราศรัยกับคนอื่น และมีจิตใจนึกถึงแต่ส่วนรวมเสมอ ส่วนพระองค์พีระฯทรงสนุกสนานร่าเริงกับสิ่งที่พอพระทัย   ไม่สนพระทัยกับเรื่องราวของคนอื่นๆเลย

วันหนึ่งดิฉันล้อเลียนท่านว่า พระองค์เป็นเศรษฐีขี้คร้าน The Idle rich ไม่เห็นทรงทำสิ่งใดให่้เป็นประโยชน์  คิดแต่ความสนุกสนานของท่านฝ่ายเดียว  
พระองค์พีระก็ทรงพระสรวลอย่างอารมณ์ดีและตรัสว่า

"ที่จริงพวกเธอน่ะสิที่ชอบวุ่นวาย   อยากให้ความช่วยเหลือคนอื่นๆทั้งๆที่พวกเขาไม่เห็นต้องการ  เช่นพวกมิชชั่นนารีเป็นต้น   พวกนั้นพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างไปอยู่ต่างแดน   ทำงานไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก  แต่พวกเขาก็ไม่เห็นได้ทำอะไรให้เป็นผลสำเร็จมากนัก  
ปรัชญาชีวิตของฉันก็คือว่า ไม่ขอไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของคนอื่น    และฉันทำสิ่งที่ฉันพอใจถ้าหากสามารถทำได้   ถึงแม้ว่าฉันจะมิได้ทำประโยชน์อะไรให้เกิดขึ้นแก่ผู้ใด   แต่ก็ไม่เคยทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อน     การที่อยู่เฉยๆโดยไม่เบียดเบียนใครก็เป็นผลดีอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ"

ก็มาดูกันต่อว่าปรัชญาชีวิตของพระองค์พีระ มีผลอย่างไรกับชีวิตของท่านค่ะ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 13:30
 ความสุขเหมือนฝันของพระองค์พีระและหม่อมซีริลยืนยาวได้แค่ 11 ปี    ขึ้นปีที่ 12   ปรัชญาชีวิตของพระองค์พีระก็ก่อผลกระทบต่อหม่อม ในข้อที่ว่า ขอทำสิ่งที่พอใจ ถ้าหากสามารถทำ

ความที่ทรงเป็นคนดัง บุคลิกดี    ตรัสได้คล่องทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส  และยังใช้ชีวิตอย่างเศรษฐี
สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแรงดึงดูดผู้หญิงอื่นๆให้เข้ามาหลงใหลท่าน

พระองค์พีระมิได้เลิกรักหม่อมซีริล   เพียงแต่ว่า เมื่อถึงเรื่องที่ทรงพอพระทัยถ้าหากทำได้  ก็ทรงทำ
ถ้าหากว่าหม่อมซีริลโอนอ่อนผ่อนตามได้ไม่เดือดร้อน  ก็คงจะครองชีวิตคู่กันต่อไปได้  ถือว่าพวกหล่อนจะไม่มีความหมายกับท่านเท่าภรรยาตามกฎหมาย
แต่ว่าหม่อมซีริลทำใจไม่ได้ที่พระองค์พีระมีหญิงอื่น  แม้จะไม่ทรงจริงจังด้วยนัก    เธอถือว่าเป็นความเดือดร้อนสาหัสของภรรยา  เธอก็ตัดสินใจแยกกันอยู่พักหนึ่งเพื่อระงับจิตใจ

ระหว่างที่แยกกันอยู่โดยยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน  สถานการณ์ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองห่างเหินกันมากขึ้นอีก  
พระองค์พีระเสด็จไปแข่งรถที่อาร์เจนตินา ก็ได้พบชลิต้า หญิงสาวเลือดละติน ผู้สวยสดงดงามราวกับดาราหนัง    เมื่อทรงรับบาดเจ็บจากการแข่งรถ ก็มีหล่อนคอยปรนนิบัติดูแล  
ในที่สุดก็ทรงพาหล่อนกลับมาอังกฤษด้วยกัน  ประทับอยู่กับหล่อนไม่ได้กลับบ้านไปหาหม่อมซีริล
หม่อมซีริลจึงตัดสินใจหย่าขาดจากพระองค์พีระตามกฎหมาย   เมื่อค.ศ. 1950 ทั้งที่ยังรัก  พระองค์พีระเองก็ทั้งรักและอาลัยหม่อม  
ทรงอ้อนวอนให้หม่อมเปลี่ยนใจไม่หย่าแต่ก็ไม่ทรงคิดที่จะสละชลิต้าไปได้อยู่ดี  
ทั้งคู่จากกันด้วยน้ำตา  เพราะรู้ตัวว่าสามารถครองคู่กันได้เพียงแค่นี้   เหลือแต่ความเป็นเพื่อน

หม่อมซีริลไม่ได้แต่งงานใหม่  เธอมีเพื่อนใจเป็นหนุ่มโสดอายุ 40 กว่า
คบหากันมาจนเขาตายจากไปโดยไม่ได้สมรสกัน
ส่วนทางฝ่ายพระองค์พีระ  ทรงลังเลอยู่ถึง 3 ปีถึงตัดสินพระทัยเสกสมรสใหม่กับหม่อมชลิต้า
แต่ก็ยังระลึกถึงหม่อมซีริลเสมอ   ทรงเป็นมิตรกับเพื่อนชายของหม่อมซีริล แล้วพาชลิต้าไปด้วยเพื่อให้รู้จักกับหม่อม  ไปไหนมาไหนกัน 4 คน
แต่หม่อมซีริลก็ไม่ได้กลับมาหาท่านอีก    คงพบปะกันอย่างเพื่อนสนิทเท่านั้น


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 14:06
ชีวิตในช่วงที่สอง เป็นช่วงโชคดีของพระองค์พีระอีกครั้ง เพราะนอกจากจะมีีหม่อมสาวสวยคนใหม่ที่รักกันดูดดื่มแล้ว ก็ยังได้รับมรดกก้อนโตจากการขายมรดกวังบูรพาแบ่งกันในระหว่างเจ้าพี่เจ้าน้อง ทรงโอนไปไว้ที่ปารีสทั้งหมด  
เงินจำนวนนี้มากพอจะทำให้พระองค์พีระทรงซื้อรถยนต์บูอิคเปิดประทุนสีฟ้าพีระ เรือยอชต์ใหม่   และปรับปรุงวิลลาที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศสที่ทรงซื้อไว้แล้ว  ดำเนินชีวิตอย่างเศรษฐี  

การใช้ชีวิตในช่วงนี้หรูหรามาก   เวลาขับบูอิคคันงามไปไหนมาไหนชาวปารีสมองกันจนเหลียวหลัง  
แต่การใช้ชีวิตอย่างเศรษฐี  มีแต่รายจ่าย  อยู่วิลล่าที่เมืองคานส์ ก็หมดเงินทั้งค่าภาษีและค่าซ่อมแซมดูแล แพงลิบ  
เมื่อโปรดขับรถเร็ว ก็ทรงขับบูอิคไปชนกับรถอีกคัน  รถใหม่เอี่ยมพังยับเยิน  ไม่มีประกันเสียด้วย  ต้องทรงจ่ายเงินอีกก้อนใหญ่ซ่อมรถกับจ่ายให้คู่กรณี

ในที่สุด ถึงปลายปี 2497  ก็ทรงเห็นว่าพ้นยุคที่จะทรงแข่งรถอีกต่อไปแล้ว  รถแข่งรุ่นใหม่ๆสมรรถภาพดีเกิดขึ้น แซงหน้ารถที่ทรงขับไปได้ง่ายๆ   ถ้าจะลงทุนซื้อรถใหม่พร้อมการดูแลในการแข่งรถอีกก็เป็นเรื่องสิ้นเปลืองมหาศาล

ประกอบกับหม่อมชลิต้ามีโอรส คือม.ร.ว. พีรเดช   จึงตัดสินพระทัยแขวนนวมอำลาชีวิตนักแข่ง  พาครอบครัวกลับมาตั้งรกรากในเมืองไทยใน พ.ศ. 2499
ทรงจบบทบาทของเจ้าดาราทองที่โด่งดังไปทั่วยุโรปและอเมริกา เมื่อพระชนม์ได้ 42 พรรษา


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 14:29
 ถ้าหากว่าชีวิตของพระองค์พีระเป็นนิยาย   ฉากสุดท้ายก็คงเป็นตอนที่ทรงอำลาชีวิตนักแข่งรถ
แล้วเสด็จกลับบ้านเกิดเมืองนอนพร้อมครอบครัวที่สมบูรณ์แบบครบถ้วนพ่อ แม่และลูกชายวัยน่ารัก
จบลงอย่างมีความสุขทั้งคนดูและคนประพันธ์เรื่อง

แต่ชีวิตจริงยังไม่จบแค่นั้น  ยังมีความยุ่งยากตามมาอีกมากมาย
เริ่มต้นด้วย  หม่อมชลิต้าไม่มีความสุขที่อยู่ในประเทศไทย
เธอทนอยู่ได้แค่ 11 วันก็บินกลับไปฝรั่งเศส
อีก 7 เดือนต่อมาพระองค์พีระก็ทรงบินไปหย่าขาดจากหม่อมคนที่สอง
โดยตกลงกันว่าคุณชายพีรเดชจะอยู่ในความปกครองของมารดาจนอายุ 21 ปี

ก่อนหน้านี้พระองค์พีระเคยพบปะแอร์โฮสเตสสาวสวยคนไทยคนหนึ่งแล้ว
ทรงพอพระทัยมากถึงกับเคยเชิญเธอไปเป็นแขก ณ วิลล่าที่เมืองคานส์  
ทำให้หม่อมชลิต้าหึงหวงอยู่พักใหญ่  
แต่ก็จบลงด้วยการที่ทรงคืนดีกับหม่อมแล้วใช้ชีวิตครอบครัวด้วยกันต่อมา
หญิงสาวสวยชาวไทยคนนี้ ก็คือคุณสาลิกา  กะลันตานนท์    
เธอคือหม่อมคนที่สามของพระองค์พีระ   ทรงสมรสด้วยเมื่อพ.ศ. 2500      
ส่วนเรื่องงาน ก็ทรงเริ่มชีวิตนักธุรกิจ  ตั้งบริษัท Bira Sport  เป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ nectar จากเยอรมัน


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 18:02

ภาพพระองค์พีระ เมื่อครั้งยังหวานชื่นกับหม่อมชลิต้า  


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 02 พ.ย. 03, 08:41
 ไม่ได้เข้ามาเรือนไทยเสียนาน  ดีใจที่ได้เห็นคุณเทาชมพูกลับมาเล่าเรื่องหายากให้ฟังอีกค่ะ  เคยอ่านเรื่องของท่านท่านจาก "เกิดวังปารุสก์"  แล้วก็มีติดค้างในใจมานานว่า  ชีวิตของท่านดำเนินไปอย่างไร  เพราะไม่เคยทราบเรื่องราวต่อมาอีกเลย  ขอขอบคุณคุณเทาชมพูเป็นอย่างยิ่ง  ที่กรุณานำเรื่องน่าสนใจมาเล่าด้วยนะคะ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 03, 10:59
 สวัสดีค่ะคุณพวงร้อย   ดีใจที่ได้เจอกันอีกค่ะ  
แวะเข้ามาให้สุ้มเสียงกันบ่อยๆนะคะ

ดิฉันไม่ได้เข้ามาที่นี่พักใหญ่ๆ    
พอดีเจอหนังสือน่าสนใจเข้าหลายเล่มตอนนี้ก็เลยเก็บความมาเล่าสู่กันฟัง
จะบอกรายชื่อหนังสือไว้ตอนท้ายค่ะ เผื่อสนใจไปหาอ่านต่อ

สมาชิกหน้าเก่าๆที่ล้อมวงคุยกันหายไปเกือบหมด
เห็นคุณนิลกังขาโผล่มาคนเดียว
คุณพวงร้อยแวะเข้ามานั่งฟัง   ถ้ามีอะไรสงสัยก็เชิญถามได้
จะพยายามไปหาคำตอบมาให้ค่ะ

จะพิมพ์วันละเล็กละน้อยเท่าที่หาเวลาได้  เล่าเรื่องพระองค์พีระจนจบ
แล้วเรียบเรียงเป็นบทความใส่ไว้ในเรือนไทย
เผื่อใครจะอยากนำไปศึกษาหรืออ้างอิง


มอบช่อดอกไม้ให้คุณพวงร้อยค่ะ
ที่โน่นเข้าหน้าหนาวหรือยังคะ?


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 03 พ.ย. 03, 11:14

ขอบพระคุณมากค่ะคุณเทาชมพู  ดอกไม้สวยมากค่ะ  จะคอยตามอ่านเรื่องของพระองค์พีระนะคะ  ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าท่านทรงหย่าขาดหม่อมซีบิลน่ะค่ะ  สนใจมากเลยค่ะว่าบั้นปลายชีพทรงเป็นไปอย่างไรบ้าง  จะมาตามอ่านอยู่ค่ะ

ทางนี้อากาศประหลาดมากค่ะ  ร้อนจัดมาตลอด  ขนาดเข้าเดือนตุลาที่แต่ก่อนมาถ้ามีฮีตเวฟอย่างมากก็อยู่อาทิตย์เดียว  แต่นี่อยู่นานสามสี่อาทิตย์  จนเกิดไฟไหม้ดังที่คงได้ทราบข่าวแล้ว  ไฟที่ Rancho Cucamanga หรือที่เค้าเรียก Grand Prix/Old Fire นี่ไหม้มากที่สุด  รูปถ่ายจากอวกาศก็แสดงให้เห็นควันมากที่สุด  อันที่สองจากขวาน่ะค่ะ   ดีว่าสามวันที่ผ่านมาอากาศอยู่ๆก็เย็นลงมากๆ  แถมยังมีฝนตกอีก  เลยช่วยการดับไฟได้มาก


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 03 พ.ย. 03, 11:18

พอดีวันเสาร์ที่แล้ว  ซึ่งเป็นตอนที่ไฟเริ่มมาได้สองวันแล้ว(ไหม้หนักหน่วงที่สุดราวๆวันจันทร์-อังคารน่ะค่ะ  ตอนนี้ก็ดับเกือบหมดแล้ว  คาดว่าจะดับได้หมดพรุ่งนี้ค่ะ)  แต่ควันหนาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย  เคยผ่านไฟมาหลายครั้งแล้ว  แต่ไม่เคยเห็นควันมากมายอย่างนี้เลยค่ะ  รูปข้างบนถ่ายวันเสาร์ที่แล้วบนฟรีเวย์ตอนกำลังออกจากควันทะมึนเหนือหัวค่ะ

วันพุธก็เริ่มเจ็บคอแล้วค่ะ  ตอนนี้ยังไม่หายดี  แต่ก็ยังดีกว่าคนอีกจำนวนมากที่ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่  แถมบางบ้านถูกไฟไหม้ราบเรียบไปหมด  ขออภัยที่นอกเรื่องนะคะ  ยังไม่หายตื่นเต้นเท่าไหร่เลยค่ะ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 03 พ.ย. 03, 12:04
 มาต้อนรับคุณพวงร้อยครับ ยินดีที่ได้พบกันอีก และหวังว่าคงไม่ได้รับความกระทบกระเทือนมากเกินไปจากไฟป่า

ระยะหลังเรือนไทยค่อนข้างเงียบ สมาชิกบางคน (เช่นคุณจ้อและผมเป็นต้น) ช่วงไม่กีเดือนมานี้อยู่ระหว่างการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่และงานใหม่ในเมืองไทย อย่างผมก็เพิ่งกลับมาจับงานใหม่ที่กรุงเทพฯ ได้เพียงสามเดือนเศษ  แล้วช่วงที่ผ่านมางานใหม่ก็ถาโถมเข้ามาเต็ๆ เลย เลยไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาเรือนไทย แต่เห็นสมาชิกท่านอื่นหลายคนก็หายหน้าไปเหมือนกัน

ขออภัยที่ออกนอกเรื่องหัวข้อกระทู้ แต่ไหนไหนก็ได้ออกนอกเรื่องแล้ว ขอ "ป่าวหมู่เทวฤทธิ์" เชิญสมาชิกเก่า สมาชิกใหม่ในเรือนไทยมาร่วมวงถกเถียงเสวนากันให้สนุกอีกสักหนเถอะครับ ผมคิดถึงทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง - อะแฮ่ม - "ขุนศึก" ก็จะเป็นหนังอีกรอบแล้ว ตัวผมก็กลับมาเมืองไทยแล้ว แม่หญิงเรไรช่วยเยี่ยมหน้าต่าง เอ๊ย โผล่วินโด้ว์มาทางเว็บนี้ให้ผมหายคิดถึงสักทีด้วยเถอะครับ...

(เผื่อจะล่อคุณแจ้ง ใบตอง ให้ออกมาได้อีกคนด้วย...)


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 03, 12:33
 ดิฉันปล่อยให้เจ้าดาราทองคอยค้างเติ่งอยู่ใน notepad    มาปลอบขวัญคุณพวงร้อยก่อน  
ขนาดดิฉันเห็นรูปที่เอามาลงยังใจไม่ค่อยสบาย  มันเป็นภาพน่ากลัวมาก   คนที่เจอ แม้จะอยู่รอบนอกห่างออกมาไม่ได้โดนเข้าโดยตรง คงใจคอไม่อยู่กับตัวเท่าไร
คิดว่าคงสงบกันได้ในวันพรุ่งนี้   ฟังข่าวพบว่าตายไปหลายราย  น่าสงสารมาก โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ทำงานอย่างหนัก

เทพบุตรนางฟ้าฤทธิ์มากที่คุณนิลกังขาถามถึง   ดิฉันจะพยายามดำเนินการใต้ดินบนดิน
เอาตัวมาคุยกันเหมือนเดิมให้ได้ค่ะ
คุณแจ้งส่งข่าวมาว่าตอนนี้งานท่วมหัวท่วมหูอยู่   ตั้งแต่เรียนจบก็ดูเหมือนจะแบกภาระหนักกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
แต่น่าจะปลีกตัวมาเยี่ยมเรือนไทยได้บ้าง
ส่วนแม่หญิงเรไร  ไม่รู้ว่าตามพ่อเสมาไปไหน   ถ้ายังไม่ไกลเกินกู่ จะไปจูงกลับมาอีกคน
คุณจ้อก็คงอยู่แถวๆนี้ละค่ะ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 03, 13:51
 วงล้อแห่งโชคชะตาได้หมุนพาพระองค์พีระขึ้นสู่จุดสูงสุดตั้งแต่พระชนม์ยี่สิบเศษๆ มาแล้ว แล้วหยุดอยู่ตรงจุดนั้นจนถึงพระชนม์สี่สิบเศษ
หลังจากนั้นวงล้อก็เริ่มหมุนลง

เริ่มต้นด้วยธุรกิจรถยนต์สั่งจากเยอรมัน ต้องล้มเลิกไป
พระองค์พีระเป็นนักกีฬาระดับอัจฉริยะก็จริง  แต่ไม่ทรงมีหัวทางธุรกิจ
เพียงสามปีก็ทรงจำต้องเลิกกิจการ แล้วตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Bira Commmerce Co. แทน  
ต่อมาทรงดำริจะตั้งบริษัทเกี่ยวกับการบินชื่อ Bira Air Transport เพื่อขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างไทยกับลอนดอน
แต่ธุรกิจนี้ก็ไปไม่รอดอีก

หลังสงครามโลกจบลง  ประเทศไทยได้มหามิตรรายใหม่คือสหรัฐอเมริกา  วัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบอเมริกันหลั่งไหลเข้ามาแทนที่วัฒนธรรมยุโรปที่เคยรับมาตั้งแต่รัชกาลที่ 6
รถยนต์อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมันที่คนไทยเคยชอบก็ถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ยี่ห้อต่างๆของอเมริกาแทน
รถอเมริกันอย่างไครสเลอร์ คาดิลแลค โอลสโมบิล  พลีมัธ  วิ่งกันหนาตาในช่วง 2500-2510
กิจการบริษัทของพระองค์พีระก็ต้องหยุดลงอีกครั้ง

เรื่องที่สองคือผู้เป็นที่รักยิ่งของท่าน จากไปทั้งสองคนในปีเดียวกัน
พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์สิ้นพระชนม์ด้วยโรคมะเร็ง เมื่อพ.ศ. 2506
ส่วนหม่อมสาลิกาผู้ครองรักกันอย่างเป็นสุขมา 6 ปีก็จำใจทูลลาหย่าขาดจากท่าน
จากกันด้วยน้ำตาเช่นเดียวกับหม่อมซีริล

การสูญเสียของพระองค์พีระไม่ได้จบลงแค่นี้  
แปดปีต่อมา ม.ร.ว. พีรเดช ผู้กำลังเป็นหนุ่มวัยรุ่น  น่าจะมีอนาคตอีกไกล
เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตับ อย่างไม่น่าเชื่อสำหรับเด็กหนุ่มวัยนี้


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 03 พ.ย. 03, 22:43
ขอบพระคุณในความห่วงใยค่ะ  เพิ่งตื่นมาอากาศก็อีมครึม  แสดงว่าฝนและหิมะยังตกอยู่  ไฟถ้ายังไม่ดับก็คงจะดับอีกไม่นานแล้วค่ะ

ดีใจที่ได้พบคุณนิลกังขาอีกค่ะ  ไม่ทราบเลยว่ากลับไปเมืองไทยแล้ว  หวังว่าไม่หักโหมกับงานมากเกินไปด้วยนะคะ  ทานของอร่อยๆเผื่อมั่งละกันนะคะ

อืมม  น่าสนใจมากเลยนะคะ  น่าสงสารท่านมากนะคะ  ดูเหมือนจะทรงโหยหาไขว่คว้าอะไรบางอย่างที่ขาดหายไปตลอดพระชนม์ชีพ  ทำให้อยากฟังต่อว่าตอนต่อไปเป็นอย่างไรบ้าง  คุณเทาชมพูเล่าได้สนุกมากค่ะ

ไม่ทราบมาอีกเหมือนกันว่า  บุคคลที่ดิฉันชื่นชมมากที่สุดคนหนึ่ง  คือพระองค์จุลฯได้สิ้นด้วยโรคมะเร็ง  สองพระองค์ทรงเติบโตมีชีวิตมาคล้ายๆกัน  แต่ปรัชญาการดำรงชีพต่างกัน  เส้นทางชีวิตก็ทรงแตกต่างกันมากนะคะ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ย. 03, 08:48
 เพื่อนคนหนึ่งของดิฉันอพยพย้ายบ้านหนีไปแล้ว  ได้ข่าวว่าอยู่ใกล้เส้นทางไฟมาก   ต่อให้ไม่ถึงบ้านเธอก็คงเห็นควัน ได้กลิ่น  มลพิษกระจายไปถึงจนทนอยู่ไม่ได้
แต่ตอนนี้ก็โล่งใจว่ามีฝนและหิมะ  สถานการณ์คงปกติในอีกไม่กี่วัน

ถ้าหากว่าคุณพวงร้อยสนใจจะอ่านเรื่องพระองค์จุล  ดิฉันจะเล่าให้อ่านกันในกระทู้ใหม่ค่ะ

ตอนนี้เชิญนั่งล้อมวงฟังเรื่องพระองค์พีระ ตอนจบนะคะ

หลังพ.ศ. 2506  เมื่อหม่อมสาลิกาแยกทางไปแล้ว
ชีวิตหลังจากนั้นค่อนข้างคลุมเครือสำหรับผู้สนใจศึกษาชีวประวัติ
ทราบแต่ว่า พระองค์เจ้าพีระทรงมีหม่อมอีก 2 คน  ที่ไม่ปรากฏในสังคม   และหนึ่งในจำนวนนี้มีโอรส(หรือธิดา) ด้วยกัน
แต่ไม่มีรายละเอียดให้ทราบมากกว่านั้น

ที่รู้คือในพ.ศ. 2514  เสด็จไปยุโรปอีกครั้ง เพื่อเตรียมแข่งขันเรือใบสำหรับกีฬาโอลิมปิคที่เยอรมนี แล้วแวะเยี่ยมหม่อมซีริลที่อิตาลี

ต่อจากนั้น ข่าวคราวของพระองค์พีระหายเงียบไปจากสังคม  อาจจะมีแต่พระญาติสนิทเท่านั้นที่รู้ว่าทรงอยู่ที่ไหนอย่างไร

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เกิดหลังสงครามโลก เป็นหนุ่มสาวในยุค 1960s   เกือบทั้งหมดไม่รู้จักพระนามเจ้าดาราทองอีกแล้ว
สังคมไทยเปลี่ยนโฉมหน้าไปมากมาย   ความสนใจของหนุ่มสาวมุ่งไปที่เสียงเพลงมากกว่ากีฬา
หรือถ้ามีการแข่งขันกีฬาใหญ่โตอย่างเอเชียนเกมส์   ความสนใจก็พุ่งไปที่กัฬาฟุตบอล  วิ่ง   ว่ายน้ำ  เสียมากกว่า

เวลาผ่านไปจนถึงทศวรรษ 1970s
ความโอ่อ่ารุ่งเรืองในอดีตกลายเป็นเรื่องที่ถูกเก็บลงหีบ หมดสิ้นไปกับกาลเวลา  
พระองค์พีระมีพระชนม์หกสิบเศษ  อาจจะเสด็จปะปนไปกับฝูงชนริมถนนในกรุงเทพโดยไม่มีใครรู้จักว่าชายชราผู้นี้คือใคร
ในบั้นปลายพระชนม์ชีพ เท่าที่ทราบคือทรงดำเนินชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย  ฐานะความเป็นอยู่ก็ไม่อำนวยให้ทรงอยู่ได้อย่างชั้นหนึ่งเหมือนเมื่อก่อนอีก

เมื่อพ.ศ. 2526 เสด็จกลับไปอังกฤษอีกครั้ง  เก็บพระองค์่อย่างชายชราที่ไม่มีใครรู้จัก ทรงแวะเยี่ยมหม่อมซีริลเป็นครั้งสุดท้าย


สองวันก่อนคริสต์มาส 23 ธันวาคม  พ.ศ. 2528    ผู้คนในลอนดอนกำลังชุลมุนวุ่นวายจับจ่ายซื้อข้าวของต้อนรับเทศกาลสำคัญที่สุดของชาวคริสต์
ชายชราคนหนึ่งล้มลงที่สถานีรถไฟบารอนส์คอร์ต    สิ้นลมหายใจก่อนแก้ไขทัน
ไม่มีใครทราบว่าชายชาวเอเชียคนนี้เป็นใคร   ไม่มีหลักฐานอะไรในตัวเขา   นอกจากจดหมายเขียนเป็นภาษาที่ตำรวจอ่านไม่ออก   สก๊อตแลนด์ยาร์ดส่งจดหมายไปสอบถามผู้เชีี่ยวชาญทางภาษาที่มหาวิทยาลัยลอนดอน

กินเวลาถึง 7 วันก่อนจะรู้และแจ้งสถานเอกอัครราชทูตไทย ในลอนดอนว่า พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช   เจ้าดาราทองผู้้โด่งดังที่สุดเมื่อ 50 ปีก่อนสิ้นพระชนม์เสียแล้ว พระชนม์ 71 พรรษา
BBC  ออกข่าวโทรทัศน์ทั่วประเทศทั้งเช้า กลางวัน เย็น ถือเป็นข่าวใหญ่ ITV ออกข่าวไปทั่่วโลก
ข่าวสิ้นพระชนม์ลงข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ไทยทุกฉบับ  รวมทั้งนสพ.อังกฤษและประเทศอื่นๆที่เคยทรงทำชื่อเสียงไว้

สถานทูตจัดพิธีสวดพระอภิธรรมถวายอย่างสมพระเกียรติ   บรรดาเชื้อพระวงศ์ที่อยู่ในอังกฤษได้รับแจ้งข่าวนี้ทั้งหมด

เมื่อพระศพถูกเคลื่อนย้ายไปที่สุสานเพื่อถวายพระเพลิง    นักแข่งรถดังๆสมัยเดียวกันรวมตัวกันทั่วยุโรป บินมาร่วมแสดงความคารวะ  
ม.ร.ว. นริศรา จักรพงษ์ ธิดาในพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์เป็นผู้อัญเชิญธูปเทียนพระราชทานมาร่วมงาน   ข้าราชการไทยในสถานทูตไปร่วมงานกันทั้งหมด

ม.ร.ว. มาลินี จักรพันธุ์ ผู้รวบรวมประวัติของท่าน ส่งท้ายไว้อย่างงดงามว่า

" ดวงพระวิญญาณลอยละล่องขึ้นสู่สรวงสวรรค์   พระองค์สิ้นพระชนม์อย่างโดดเดี่ยว    เพียงแค่จดหมายภาษาไทยหนึ่งฉบับที่ทรงทิ้งไว้เพื่อส่งท้ายให้ได้ทราบว่าพระองค์คือใคร
เทพส่งพระองค์ท่านลงมาจุติอย่างงามสง่า   พระนามขจรขจายก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปทั่วโลก  
และเทพได้นำพระองค์ท่าน "เจ้าดาราทอง" เสด็จกลับขึ้นไปอย่างเดียวดาย  เหมือนสวรรค์แกล้งให้โลกลืม"

หนังสืออ้างอิง
1 ต้นกำเนิดที่เกิดเหตุ  "เจ้าชายดาราทอง"   โดย หญิงหมัด( ม.ร.ว. มาลินี จักรพันธุ์ )
2   ชีวิตเหมือนฝัน เล่ม 1   โดย  คุณหญิงมณี สิริวรสาร

บวกกับการเที่ยวไปถามผู้เกี่ยวข้องและรู้เรื่องนี้เท่าที่จะเจอกันได้...ค่ะ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 04 พ.ย. 03, 10:58
 อ่านจบแล้ว  ก้อนแข็งๆที่จุกคอค่อยๆคลายตัวกลั่นออกมาเป็นน้ำตา  ในช่วงยี่สิบปีที่ท่านหายหน้าหายตาจากสังคม  คงมีบทเรียนชีวิตที่มีคุณค่ายากที่จะหาคนที่ได้เข้าถึงขั้นนั้นได้  อยากทราบเหลือเกินว่า  ในจดหมายฉบับนั้นทรงเขียนไว้ว่าอย่างไรนะคะ  ขอบคุณคุณเทาชมพูเป็นอย่างยิ่งเชียวค่ะ  จะรออ่านเรื่องของพระองค์จุลฯนะคะ  

ดิฉันได้อ่านหนังสือเรื่อง "เกิดวังปารุสก์" จนจบทั้งสามเล่มเมื่ออายุได้ ๑๓ ปี  ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้  ก็เก็บคำถามอยู่ในใจที่หาใครตอบไม่ได้ว่า  เกิดอะไรขึ้นต่อมาจากเรื่องในหนังสือ  ได้อ่านชีวิตของพระองค์พีระไปท่านหนึ่งแล้ว  ถึงแม้จะทิ้งความอาดูรไว้มากมาย  แต่ก็เหมือนใจได้คลายขมวดไปปมหนึ่ง   ยังอยากทราบมากๆว่า  ชีวิตต่อจากหนังสือของพระองค์จุลฯ  จะเป็นเช่นใด  ท่านเป็นบุคคลคนหนึ่งที่ดิฉันเทิดทูนนับถือมาตั้งแต่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้นมาตลอดเลยค่ะ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ย. 03, 14:55

นำรูปมาฝากอีกครั้งค่ะ
พระองค์พีระทรงนำรถแข่ง Romulas สีฟ้าพีระ เข้าสู่เส้นชัย

ชายหนุ่มหน้าตาคมสันแบบฝรั่งที่ยืนอยู่ขวาสุดคือพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์

รถคันนี้ทรงขายไปแล้ว  ตกเป็นของเศรษฐีชาวเยอรมันนักสะสมรถแข่ง  ยังเก็บรักษาไว้ในสภาพดีที่อังกฤษ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 04 พ.ย. 03, 18:19
 ขอบคุณคุณเทาชมพูครับ



ฉากสุดท้ายในพระชนมชีพของ Prince Bira ที่อังกฤษ ทำให้ผมนึกเปรียบเทียบกับฉากสุดท้ายในพระชนม์ชีพพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์หนึ่ง ที่เสด็จสวรรคตในอังกฤษเหมือนกัน คือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.7 ซึ่งสวรรคตก่อนพระองค์พีระสิ้นพระชนม์สามสิบกว่าปี แต่เป็นการสวรรคตและสิ้นพระชนม์ในต่างแดนเช่นเดียวกัน (ประเทศเดียวกัน) หลังความผันผวนในพระชนมชีพคล้ายกัน ในหลวง ร.7 สวรรคตในฐานะอดีตราชันผู้นิราศจากแผ่นดินของพระองค์ เพิ่งทรงสละราชบัลลังก์ไปก่อนหน้านั้น ประทับอย่างเงียบๆ ที่สุด ถ้าผมจำไม่ผิด ในงานพระบรมศพดูเหมือนจะไม่มีเครื่องสังข์แตรประโคม ไม่มีแม้แต่พระสงฆ์ไทยเจริญพระพุทธมนต์ถวายในโอกาสสุดท้ายก่อนถวายพระเพลิงด้วยซ้ำ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีวัดไทยที่โน่น  กว่าพระบรมอัฐิจะได้รับถวายพระเกียรติยศตามโบราณราชประเพณีก็อีกหลายปีต่อมา เมื่อสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จนิวัติเมืองไทยแล้ว



งานพระศพของพระองค์พีระอาจจะไม่เดียวดายขนาดนั้น เพราะสถานทูตไทยจัดถวายอย่างสมพระเกียรติ มีเพื่อนนักแข่งรถร่วมสมัยไปถวายความคารวะเป็นครั้งสุดท้าย ชุมชนไทยในอังกฤษสมัยปี 1970's ก็อุ่นหนาฝาคั่งมากแล้ว



แต่ในทางกลับกัน ช่วงชีวิตช่วงสุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ของพระองค์พีระเทียบกับพระราชประวัติช่วงสุดท้ายก่อนสวรรคตของในหลวง  ร.7 ผมก็อยากจะคิดว่า พระองค์พีระอาจจะทรงโดดเดี่ยวกว่า ในหลวง ร.7 ท่านยังทรงมีสมเด็จพระนางเจ้าฯ รำไพพรรณีเคียงข้างพระองค์จนถึงวาระสุดท้าย มีเจ้านายบางพระองค์ที่ยังเสด็จมาเฝ้าแหน รวมทั้งคนไทยบางคนที่ยังคงภักดีกับท่าน แต่พระองค์พีระต้องสิ้นพระชนม์เงียบๆ พระองค์เดียว ที่สถานีรถไฟอังกฤษ โดยไม่มีใครรู้จักเลย กินเวลาตั้ง 7 วันกว่าจะรู้ว่าเป็นใคร น่าเศร้ากว่ากันนะครับ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 04 พ.ย. 03, 18:50
 มารายงานตัวครับ

ขอบคุณๆเทาชมพูมากครับ
แต่อ่านแล้วรู้สึกเศร้าๆจัง

สวัสดีคุณนกข และพี่พวงร้อยครับ
หวังว่าพี่พวงร้อยไม่ถูกผลกระทบจากไฟป่ามากนักนะครับ
ตอนนี้มหาวิทยาลัยเปิดเทอมแล้วเลยต้องปวดหัวกับเรื่องของเด็กๆครับ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 06 พ.ย. 03, 11:36
 สวัสดีค่ะคุณจ้อ  ไม่ทันไรสอนมาได้หนึ่งปีแล้วนะคะ  สักอีกปีคงอยู่ตัวได้มังคะ  ฝากกินโจ๊กสามย่านเผื่อด้วยละกันนะคะ อิๆๆ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ย. 03, 09:18
มีภาพของหม่อมสาลิกามาฝากค่ะ      
เธอเป็นสาวไทยที่สวยน่ารักมาก แต่งตัวทันสมัย ในยุค 46 ปีก่อน


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ย. 03, 09:21
 หนังสือพิมพ์ลงข่าวกันเอิกเกริกในวันเสกสมรส   ขนานนามหม่อมสาลิกาว่าเป็นซินเดอเรลลาของเมืองไทย
ภาพนี้ถ่ายที่ตำหนักสร้างใหม่ในซอยกลาง สุขุมวิท  ในวันที่พระองค์พีระเสกสมรสและจดทะเบียนกับหม่อมสาลิกา
ท่าทางเจ้าบ่าวเจ้าสาวมีความสุขมาก  


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ย. 03, 09:23
 พระองค์พีระโปรดการขับเรือ  ส่วนหม่อมสาลิกาก็เล่นสกีน้ำเก่ง
ในยุค 46 ปีก่อน  ผู้หญิงเล่นสกีน้ำได้ ไม่ธรรมดาเลยละค่ะ
ต้องถือว่าสุดยอด  


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 08 พ.ย. 03, 13:41
 ตอนนี้ผมกำลังลดพุงครับพี่พวงร้อย
ต้องหยุดข้าวขาหมูซักเดือน ฮี่ๆๆ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 09 พ.ย. 03, 15:47
 มารายงานตัวค่ะ
สวัสดีคุณนกข. คุณพวงร้อย คุณจ้อด้วยค่ะ
ช่วงนี้เพิ่งย้ายที่ทำงานใหม่ค่ะ งานยุ่งมากเลย

ขอบคุณคุณเทาชมพูมากค่ะ ที่มาเล่าเรื่องพระองค์เจ้าพีระ ฯ ให้พวกเราฟัง อ่านตอนจบแล้วเศร้าจังค่ะ

อ่านวังปารุสก์จบหลายรอบแล้ว สงสัยเช่นเดียวกับคุณพวงร้อยค่ะ ว่าเรื่องราวหลังจากนั้นเป็นอย่างไร ตอนนี้เลยสมใจแล้ว
เพราะคุณเทาชมพูจะมาเล่าให้ฟัง


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 10 พ.ย. 03, 04:55
 โห คุณเทาชมพูช่างเสาะแสวงหาภาพมากเลยค่ะ  หม่อมของท่านนี่งามๆทั้งนั้นนะคะ  

คุณจ้อ ไม่ได้ฝากทานข้าวขาหมูนี่คะ  สงสัยของโปรดคุณจ้อละมัง ฮี่ๆๆ  สวัสดีคุณทองรักด้วยค่ะ  ดีใจมากที่ได้อ่านเรื่องอย่างนี้ด้วยจริงๆเลยค่ะ  อย่าทำงานหนักเกินไปนะคะ  รักษาสุขภาพด้วย


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ย. 03, 10:37
 คุณพวงร้อย และคุณทองรัก  ตลอดจนผู้สนใจ
เชิญอ่านเรื่องชีวิตของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ได้ที่กระทู้  เจ้าวังปารุสก์   บนนี้ค่ะ
 http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Pid=16387  


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: หม่อมจุมพฏเพ็ชรกล้า ที่ 24 ก.ค. 05, 20:00
 พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 28 ต.ค. 05, 00:04
 มาอ่านเจ้าดาราทองตามคำแนะนำของอาจารย์ค่ะ ชีวิตของพระองค์ ถ้าตามภาษาจีนแต้จิ๋ว ต้องเรียกว่า
อู่ฮ่ออึ่มใจฮ่อ...แปลว่ามีดีแล้วไม่รู้จักว่าดี เหมือนท่านทรงแสวงหาความพอใจไปเรื่อย เห็นภาพ polygamy
(ที่ค้างมาจากกระทู้สี่แผ่นดิน) ได้ดีจริงๆค่ะ

-ใน ค.ห. ที่ 7 อาจารย์ตั้งใจจะหมายความว่า 12 พยางค์ หรือ 12 letters ค่ะ

-ดิฉันเคยมี visiting professor มาสอนตอนซัมเมอร์ มาจากบอสตันเหมือนกันค่ะ
ด้วยความที่นักเรียนในห้องมีเกือบ 40 คน และทนสำเนียงบอสตันไม่ได้ พอครูพูดถึง "chair"
นักเรียนทั้งห้องเลียนเสียงอาจารย์ออกไปพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย ว่า "แชวร์" ลากเสียงยาวๆ
รวมทั้ง 1 กระเหรี่ยงจากประเทศไทยด้วย เท่านั้นแหละคะ อาจารย์จาก MIT ท่านนี้หน้าแดง สอนต่อไปไม่ได้


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ต.ค. 05, 08:39
 นามสกุลของดิฉันสมัยเรียน ถ้าสะกดเป็นภาษาอังกฤษ มี 12 letters ค่ะ
ขออภัย ควรเขียนว่า พยัญชนะ 12 ตัว ไม่ใช่ 12 พยางค์  


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: หม่อมจุมพฏเพ็ชรกล้า ที่ 30 ต.ค. 05, 23:23
 พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ
พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ
พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ
พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: DrJfk ที่ 05 ก.ค. 16, 21:21
เข้ามาปักหมุดอ่าน กระทู้เก่าในตำนานของเจ้าดาราทองคนโปรดของผม


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: ราชประชา ที่ 27 ก.ค. 16, 17:19
พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ

พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ

พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ

พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ

พันตรี หม่อมราชวงศ์พีรานุพงศ์ ภาณุพันธ์

(http://www.grandprix.co.th/gpinews/wp-content/uploads/2014/07/bira_c_17.jpg)

https://www.youtube.com/watch?v=evlf7IYddZo (https://www.youtube.com/watch?v=evlf7IYddZo)


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: ศุศศิ ที่ 29 ก.ค. 16, 11:09
ผมรู้จักได้ยินชื่อท่านครั้งแรก จากนิยายชุดสามเกลอ มีการเอ่ยถึงบ่อยโดยเฉพาะตอนที่เปรียบเทียบการขับรถของอาเสี่ยเหมือนท่าน พีระ ต่อมาถึงได้รู้ รู้สึกทึ่งมากน่าจะเป็นคนไทยคนแรกๆที่โด่งดังระดับโลกด้านการกีฬา


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: ราชประชา ที่ 29 ก.ค. 16, 14:45
เรื่องของพระองค์พีระหาอ่านได้ในเว็ปกีฬาของต่างประเทศมีเยอะเลย เฉพาะภาพถ่ายก็เป็นร้อยครับ

http://www.dailymotion.com/video/x4mbjom_siam-historic-race_sport (http://www.dailymotion.com/video/x4mbjom_siam-historic-race_sport)




กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: สุขประเสริฐ ที่ 15 มี.ค. 17, 14:41
ไม่ทราบว่าสมาชิกท่านอื่นเคยอ่านเรื่องที่พระองค์พีระขุดสมบัติที่วัดกุฎีดาว จ.พระนครศรีอยุธยาหรือไม่  ตามลิงค์นี้เลยครับ
 http://thailandtopvote.com/วัดกุฎีดาว-อยุธยา/
สอบถามผู้รู้หน่อยครับว่าเป็นเรื่องเล่าหรือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
ขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ครับ _/\_


กระทู้: เจ้าดาราทอง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 มี.ค. 17, 13:54
พาเข้าลิงก์

http://thailandtopvote.com/วัดกุฎีดาว-อยุธยา/ (http://thailandtopvote.com/วัดกุฎีดาว-อยุธยา/)

ประวัติศาสตร์กระซิบ  ;D

https://youtu.be/ACpUMTIh8K4