SILA
|
ความคิดเห็นที่ 630 เมื่อ 16 ต.ค. 13, 09:35
|
|
ผนังชั้นล่างริมทางเดินมีรูปสลัก St. Anthony อยู่ใต้โค้งระหว่างเสา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 631 เมื่อ 16 ต.ค. 13, 09:39
|
|
ส่วนมุมล่างขวาปรากฏรูปสลักเจ้าของบ้านผู้นอบน้อมถ่อมตนแอบเอื้อมมือมาขอแตะ ไม้เท้าท่านนักบุญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 632 เมื่อ 16 ต.ค. 13, 10:02
|
|
Saint Anthony Abbot - ca. 261-356 - นักบุญแอนโทนี (หรืออันตน) อธิการ
ท่านคือชายหนุ่มชาวอียิปต์ผู้ตั้งใจจะเดินตามรอยพระเยซู ท่านจึงมอบและขาย ทรัพย์สมบัติแล้วนำเงินไปให้คนยากไร้ ก่อนที่จะออกเดินทางไปในทะเลทรายโดยยึดถือคติ ความสันโดษและยากจนเป็นหลักในการขัดเกลาตนเอง ท่านเป็นผู้นำของนักพรตในศาสนา คริสต์และเป็นต้นแบบนักพรตแคธอลิกในยุโรปในเวลาต่อมา รูปของท่านมักปรากฏสิ่งของบางอย่างติดมือ ในรูปสลักนี้คือ กระดิ่งที่บ้างกล่าวว่า ท่านใช้สั่นเรียกหมู สื่อความหมายว่าท่านปกป้องหมูและสัตว์อื่นๆ แต่บ้างก็ว่าสื่อถึงพลังอำนาจ ของท่านในการขับไล่ปีศาจที่มาคุกคาม ส่วนไม้เท้านั้น คือสัญญลักษณ์ของคณะนิกายในอียิปต์ ทั้งยังเป็นเครื่องหมายถึงการเดินทางในทะเลทรายและการเดินออกจากทางโลกสู่ทางธรรม
The Torment of Saint Anthony โดย Michelangelo
ภาพวาดที่เป็นที่รู้จักภาพแรกสุดของ Michelangelo
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 633 เมื่อ 16 ต.ค. 13, 10:50
|
|
อยากดูหน้าชาวบ้าน เห็นแล้วเหมือนอาแป๊ะกำลังทำท่าจะฉกชิงวิ่งราวฝรั่งเลยนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 634 เมื่อ 16 ต.ค. 13, 14:11
|
|
อยากดูหน้าชาวบ้าน เห็นแล้วเหมือนอาแป๊ะกำลังทำท่าจะฉกชิงวิ่งราวฝรั่งเลยนะครับ
'อาแป๊ะขโมยซีน' ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 635 เมื่อ 21 ต.ค. 13, 09:51
|
|
ก่อนจะเดินออกจากวังไปยังสถานที่ใกล้เคียง ย้อนกลับมามองกำแพง และประตูวังที่ไม่มีเวลาพอจะเดินดูได้โดยรอบ (ต้องอาศัยเน็ทช่วยเช่นเคย)
วังซึ่งมีพื้นที่ยาวกว่า 2 เท่าและกว้างกว่า 1 สนามฟุตบอลนี้ พื้นที่พื้นฐาน เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ด้านใต้(ชายทะเล)ของวังมีความยาว 157.5 ม. เป็นระเบียง และมีประตูวังขนาดเล็ก ในขณะที่ด้านตะวันออกกับตะวันตกซึ่งยาวประมาณ 190 ม. และด้านเหนือซึ่งยาว 150.9 ม. มีประตูขนาดใหญ่ กำแพงสูงราว 17 ม. หนา 2 ม. โอบล้อมวังซึ่งมีผังเหมือนกับค่ายทหาร โรมัน พร้อมด้วยหอคอยสี่เหลี่ยมสี่มุม และระหว่างสี่มุมกับประตู นอกจากนี้ยังมีหอ คอยแปดเหลี่ยมประกบสองข้างประตูทั้งสามด้านที่เปิดติดต่อกับแผ่นดินด้วย ส่วน กำแพงด้านใต้ที่ในอดีตเป็นส่วนติดชายทะเลถูกคลื่นซัดสาดและอยู่ในส่วนราชฐาน จึงไม่ใช่ที่ทางหลัก(สำหรับคนทั่วไป)ใช้เข้าออกเมือง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 636 เมื่อ 21 ต.ค. 13, 09:56
|
|
ตัวกำแพงป้องวังสร้างด้วยหินก่อสร้างรูปสี่เหลี่ยม (ashlar blocks) ก่อเรียง แล้วยึดโดยเหล็กคีบ รูปแบบกำแพงไม่ได้มีลักษณะเป็นปราการเชิงเทินหากแต่เป็นกำแพง สูงและมีช่องยิงธนูพร้อมป้อมแข็งแกร่ง ยากที่ศัตรูจะทลายกำแพงหนา 6 ฟุตเข้ามาได้ ต่อมาพวกเวนิสยังได้สร้างเสริมเติมสิ่งกีดขวาง (barricade) รูปดาวเพื่อป้องกันการรุกราน จากพวกเตอร์คในช่วงศตวรรษที่ 16 - 17 สมัยที่องค์จักรพรรดิประทับอยู่ภายในวังมีผู้อาศัยรวมทั้งกองทัพด้วยเป็นจำนวน 10,000 ชีวิต ส่วนในปี 1955 เขตวังมีอาคาร 540 หลัง ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นที่อาศัยของประชากรราว 3200 คน รูปร่างโดยสถาปนิกชาวสก็อต Robert Adam เมื่อครั้งทัวร์ยุโรปในช่วงครึ่งหลัง ศตวรรษที่ 18 แสดงให้เห็นสิ่งกีดขวางรูปดาวจากสมัยเวนิสที่นายพลฝรั่งเศสสั่งให้รื้อลง ในเวลาต่อมาเมื่อสปลิทตกเป็นของจักรวรรดินโปเลียน เขตท่าเรือได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1492 เมื่อชาวยิวซึ่งถูกขับไล่ออกจากสเปนได้อพยพมาตั้งรกรากที่นี่แล้วดำเนินกิจการจนทำให้ สปลิทกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจพาณิชย์แห่งแดลเมเชีย
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 637 เมื่อ 21 ต.ค. 13, 10:04
|
|
กำแพงส่วนใหญ่ยังคงสภาพสมบูรณ์ มีบางส่วนที่ถูกทำลายลง เมื่อเมือง ขยายตัวออกไปทางตะวันตก กำแพงทางด้านนี้จึงถูกรื้อถอนเพื่อเปิดทางสะดวก สำหรับการผ่านเข้าออก ปัจจุบันภายในกำแพงวังยังมีผุ้คนอาศัยอยู่เกือบพันครอบครัว บางรายอาศัย "อยู่ในกำแพง" จริงๆ นั่นคือในกำแพงบางส่วนที่หนาและมีช่องว่างเป็นห้องอาศัยได้
ภาพแสดงหินที่ยื่นออกมาคล้ายบันไดคือส่วนของกำแพงที่ยังเหลืออยู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 638 เมื่อ 21 ต.ค. 13, 10:12
|
|
ประตูทางเข้าวังทั้งสี่ที่นำไปสู่ถนนสองสายตัดกันเหมือนกับค่ายโรมัน มีชื่อตามโลหะว่า Iron, Silver, Brass และ Gold การตั้งชื่อประตูเป็นโลหะนี้มีบันทึกไว้ในปี 1553 ตามความนิยมในยุคเรเนซอง ที่จะยกย่องของเก่าให้มีคุณค่า(เป็นเงิน เป็นทอง)และจัดสิ่งของให้เข้าเป็นชุด(โลหะ)
ประตูทองเหลือง (The Brass บ้างแปลว่า Bronze Gate) ทางด้านทิศใต้ชายทะเลที่ได้เดินผ่านเพื่อเข้าไปในใต้ถุนวังมาแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 639 เมื่อ 21 ต.ค. 13, 10:16
|
|
เป็นประตูสร้างอย่างเรียบง่ายเพื่อใช้งานสำหรับรับสิ่งของขนส่งทางเรือ เข้าสู่(ใต้ถุน)วัง มีขนาดย่อมกว่าและปราศจากการตกแต่งประดับประดาเช่นประตูทิศอื่นๆ อีกชื่อหนึ่งของประตูนี้คือประตูนิรภัย(safety gate) เพราะใช้เป็นประตูหนีภัยออกไป ทะเลได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 640 เมื่อ 21 ต.ค. 13, 10:20
|
|
เมื่อมองจากด้านนอกกำแพงของวังด้านชายฝั่งทะเล แลเห็นส่วนของกำแพง ที่เหนือชั้นใต้ถุนเรียงรายด้วยเสาหลายสิบต้นขนาบช่องเปิดโค้งบนรับลมชมทะเลที่ ในช่วงยุคกลางเมื่อวังกลายเป็นเวียงช่องเปิดนี้ได้ถูกปิดเป็นกำแพงเจาะหน้าต่างขนาดเล็ก ต่อมาในศตวรรษที่ 19 ร้านรวงออกแบบโดยสถาปนิกเยอรมันก็ผุดขึ้นที่บริเวณตีนกำแพง อีกทั้งยังมีอาคารสูงถูกสร้างขึ้นติดและหลังกำแพง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 641 เมื่อ 21 ต.ค. 13, 10:27
|
|
อีกมุมมองหนึ่งบนทางเลียบชายฝั่งย้อนกลับทิศกับภาพข้างบน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33596
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 642 เมื่อ 21 ต.ค. 13, 10:47
|
|
ยังคงเดินตามคุณ SILA ทุกก้าวอยู่ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 643 เมื่อ 22 ต.ค. 13, 09:47
|
|
^ เดินกันต่อไปอีกไกลกว่าจะสุดทาง ครับ
ประตูทอง (The Golden Gate) ด้านทิศเหนือ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 644 เมื่อ 22 ต.ค. 13, 09:52
|
|
ประตูที่งดงามสำคัญสมคำเรียกขาน คือทวาราที่จักรพรรดิทรงใช้เป็นทางผ่าน เมื่อแรกเสด็จมายังวังในวันที่ 1 มิถุนายน ปี 305 นอกจากนี้เหล่าอาคันตุกะจาก ซาโลนา เมืองหลวงโรมันแห่งแดลเมเชียต่างก็เดินเข้าสู่วังด้วยประตูรูปสี่เหลี่ยมนี้ ที่เคยมีรูปสลัก"จตุราธิบดี"(ผู้ปกครองทั้งสี่) ประดับอยู่ ส่วนบนประตูเป็นคานรับโค้งครึ่งวงกลม สองข้างขนาบด้วยช่องเว้าสำหรับ วางรูปสลักประดับ เหนือขึ้นไปอีกยังมีแถวช่องเว้ารับโค้งขนาดย่อมกว่ารายเรียง ส่วนหอคอยแปดเหลี่ยมขนาบประตูสองข้างไม่เหลืออยู่แล้ว ประตูทองนี้มีสองชั้น - นอกและใน พื้นที่ขนาด 9 x 9 เมตรระหว่างสองประตูนี้ คือกับดัก Propugnaculum กักคนที่บุกรุกเข้ามา เหนือประตูมีโบสถ์น้อยเก่าแก่สมัย ศตวรรษที่ 5 - Chapel of St. Martin ท่านคือนักบุญผู้พิทักษ์เหล่าทหาร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|