กระทู้: มาฆะบูชา กับ ศิวาราตรี เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 16 ก.พ. 03, 19:33 ไปเจอในเว็บนี้ครับผม http://www.budpage.com/maka.html
ก็เลยนำมาฝากกันครับ สาระสำคัญของวัน"มาฆบูชา"ที่คุณอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน ๑.วันมาฆบูชาเพิ่งจะถูกจัดให้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาในสมัยรัชกาลที่ ๔ นี้เอง ๒.วัน ๆ นี้ที่ว่ากันว่าพระอรหันต์จำนวน ๑๒๕๐ มาประชุมโดยมิได้นัดหมายกันมา ก่อน หาใช่เหตุการณ์มหัศจรรย์แต่อย่างใด เนื่องจากวันเพ็ญเดือน ๓ (มาฆะ) นี้เป็น วันสำคัญที่เรียกว่า "ศีวราตรี" ที่คนอินเดียในสมัยโบราณเขารู้สึกว่าน่าจะมาพบปะกันอยู่แล้ว ๓. การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมใหญ่มีชื่อเรียกว่า "มหาสันนิบาต" จัดประชุมที่ วัดเวฬุวัน (ป่าไผ่) อันเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ๓. วันมาฆบูชานี้เป็นวันพระพุทธองค์ทรงประกาศจุดยืนของพุทธศาสนาว่าแตกต่างจากศาสนาอื่นๆ อย่างไร ได้แก่ ก. พระพุทธองค์ทรงประกาศว่าการบำเพ็ญตบะนั้นหมายถึงเผากิเลส ไม่ใช่การทำตัวเองให้ทุกข์กาย ลำบากลำบน( เช่น ลัทธิเชน เป็นต้น) ข. ทรงประกาศว่าเป้าหมายสูงสุดของชาวพุทธ คือ นิพพาน หาใช่การเข้าถึงพระพรหม แบบของศาสนาพราหมณ์ และ ค. สองข้อสุดท้าย พระพุทธองค์ทรงย้ำว่าผู้ที่เป็นนักบวชจะต้องไม่เป็นผู้เบียดเบียนใครทั้งสิ้น (สมัยนั้นนักบวชพราหมณ์ถือตัวเองว่าเป็นตัวแทนของเทพเจ้า มีการให้คุณให้โทษต่อเพื่อนมนุษย์ และ มีการประกอบพิธีบูชายันต์ฆ่าสัตว์ตายมากมาย อย่างสมัยนี้ พระภิกษุที่ประพฤติมิชอบ ออกเที่ยวเรี่ยไรขอบริจาคเงินทอง ก็ถือว่าเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นเช่นเดียวกัน ) ๔. วาระต่อไปพระพุทธองค์จึงทรงประกาศหลักปฏิบัติอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ ๑. การไม่ทำชั่ว ๒. การทำกุศลให้ถึงพร้อม และ ๓. การชำระจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใส ๕. ในตอนท้ายของการประชุมพระพุทธองค์จึงทรงวางหลักปฏิบัติตัวสำหรับพระภิกษุสงฆ์ ให้ถือเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติสืบต่อไป ได้แก่ 1. ไม่กล่าวร้ายใคร 2. ไม่ทำร้ายใคร 3. ดำรงตนอยู่ในวินัยให้ดี 4.บริโภคใช้สอยปัจจัยสี่อย่างพอดี 5. ยินดีพอใจในที่อันสงัด 6. บำเพ็ญเพียรทางจิตให้พัฒนาก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป ๖. สรุปวันสำคัญทางพุทธศาสนาในเมืองไทยทั้งสามวัน มีความหมายที่จำกันได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ถือได้ว่า เป็น วันพระพุทธ วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเป็นครั้งแรก ถือได้ว่า เป็น วันพระธรรม วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระสงฆ์มาประชุมพร้อมเพรียงกัน รับฟังหลักการสำคัญ เพื่อแยกย้ายกันไปเผยแผ่พระศาสนา จึงถือว่าเป็นวันพระสงฆ์ และ ศิวาราตรี นั้นก็ขอยกข้อความจากเว็บ http://www.geocities.com/thaiganesh/s22.html ครับ ศิวาราตรี สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงเล่าถึงรายละเอียดของพิธีศิวาราตรี ที่เมืองพารณสี ซึ่งพระองค์ได้เสด็จไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง ดังจะขออัญเชิญมาต่อไปนี้......... "พิธีศิวาราตรี นี้เป็นพิธีลอยบาปของพราหมณ์คล้าย ๆมหาปวาณาจึงโปรดให้ทำตามธรรญเนียมเดิม พิธีนี้ทำในวันเดือนสามขึ้น 15ค่ำ คือเวลาค่ำพระมหาราชครูทำพิธี เริ่มแต่กระสูทธิ์อัตมสูทธิ์ตามแบบเหมือนพิธีทั้งปวงแล้วเอาเสาปักสี่เสา เชือกผูกคอหม้อโยงเสาทั้งสี่ ภายใต้หม้อตั้งพระศิวลึงค์ เจาะหม้อให้น้ำหยดลงมาได้ทีละน้อยเอาขลังสอดไว้ในช่องหม้อที่เจาะนั้นเฉพาะตรงพระศิวะลึงค์ให้น้ำหยดลงถูก พระศิวลึงค์ทีละน้อย แล้วไหลลงมาตามรางซึ่งรองรับพระศิวลึงค์ซึ่งพระพราหมณ์ในประเทศอินเดียซึ่งข้าพเจ้าเคยไปเห็นเรียกว่าโยนี แล้วมีหม้อรองที่ปากรางนั้นเติมน้ำและเปลี่ยนหม้อไปจนตลอดรุ่ง เวลาใกล้รุ่งทำพิธีหุงข้าวหม้อหนึ่งในเทวสถาน เจือน้ำผึ้ง น้ำตาล นม เนยและเครื่องเทศต่างๆสุกแล้วแจกกันกินคนละเล็กคนละน้อยทุกคนทั่วกัน พอได้อรุณก็พากันลงอาบน้ำในคลอง สระผมด้วยน้ำที่สรงพระศิวลึงค์ ผมที่ร่วงในเวลาสระน้ำเก็บลอยไปตามน้ำ แต่การพิธีนี้ไม่มีของหลวงพระราชทาน เป็นของพราหมณ์ทำเองเมื่อพิเคราะห์ดูการที่ทำนี้เห็นว่าจะเป็นการย่อมาเสียแต่เดิมแล้ว กระทู้: มาฆะบูชา กับ ศิวาราตรี เริ่มกระทู้โดย: คนชื่นชอบนิยาย ที่ 18 ก.พ. 03, 14:15
กระทู้: มาฆะบูชา กับ ศิวาราตรี เริ่มกระทู้โดย: วรินทรา ที่ 08 ส.ค. 03, 02:28 สวัสดีครับ
|