เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7
  พิมพ์  
อ่าน: 5671 ขัติยราชปฏิพัทธ รักเร้นในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
superboy
พาลี
****
ตอบ: 224


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 16 ม.ค. 24, 14:00

เรื่องราวช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งนัก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 17 ม.ค. 24, 10:14

   ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ
   เห็นว่าความยากลำบากในเรื่องความรักครั้งนี้ น่าจะเป็นแรงจูงใจอีกแรงหนึ่งให้เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรทรงมุมานะจะฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้     แตกต่างจากความรักครั้งก่อนๆที่ทรงมีต่อเจ้าจอมหม่อมห้ามทั้งหลาย คือทรงอยากได้คนไหนก็ไม่มีอุปสรรค    พ่อแม่ก็ยินดีถวายลูกสาวอยู่แล้ว 
   เมื่อทรงเห็นเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษมนตรียังคงไม่ไยดีกับคำเกลี้ยกล่อม   ด้วยความเป็นศิลปิน ก็ไม่ทรงหักหาญเอาชนะแบบไม่แคร์หน้าอินทร์หน้าพรหม    แต่ก็ทรงหาอุบายขั้นต่อไป ที่ชั้นเชิงสูงกว่าครั้งแรก
   ท่านก็ทำทีปรารภกับกรมหลวงพิทักษมนตรี ว่า 
   " ใจของพี่ ถ้าพี่น้องได้กันเองอย่างเช่นเรื่องอิเหนา ไม่ถือต่ำถือสูงว่าลูกพี่ลูกน้อง พี่จะมีความยินดีเปนที่ยิ่ง โดยสมบัติพัสถานก็จะไม่กระจัดกระจาย"
    ที่ตรัสว่า "ไม่ถือต่ำถือสูงว่าลูกพี่ลูกน้อง"  ก็เพราะว่าพระมารดาของกรมหลวงพิทักษมนตรีเป็นป้า  สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เป็นน้าชาย   ธรรมเนียมถือกันว่าลูกลุงกับป้าจะศักดิ์สูงกว่าลูกน้าลูกอา   ถึงอายุอ่อนกว่าก็ต้องนับเป็นพี่  แต่เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรสุนทรก็ตัดบทง่ายๆว่าไม่ถือสาเรื่องนี้    แล้วเกลี้ยกล่อมต่อว่า  ญาติได้กันเองน่ะดีแล้ว   ทำนองเรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน  ดีกว่าไปได้กับตระกูลอื่น
    จากนั้นก็ทรงส่งหมัดเด็ดไปว่า
    "พี่กังวลอยู่อย่างหนึ่ง   ด้วยแม่แจ่ม(หมายถึงเจ้าฟ้าหญิงกรมหลวงศรีสุนทรเทพ  พระขนิษฐา) ชอบเล่นป้านชาถ้วยชา    กวนให้หาร่ำไป หรือพ่อจุ้ย(หมายถึงกรมหลวงพิทักษมนตรี) มีป้านชาถ้วยชายี่ห้อต่างๆ จัดเข้าไปให้เขาบ้างเปนไร เผื่อยี่ห้อจะแปลกกันกับเขาที่มีอยู่"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 17 ม.ค. 24, 10:20

   หมัดนี้ได้ผล   กรมหลวงพิทักษมนตรีได้ทรงฟังดังนั้น ก็มีพระพักตร์แช่มชื่นขึ้นทันที  เพราะทรงดูออกว่า   พี่ชายของสาวเจ้าเปิดทางให้ดังนี้   แสดงว่าเต็มพระทัยจะรับพระองค์เป็นน้องเขย  ได้เสกสมรสกับกรมหลวงศรีสุนทรเทพ จึงทูลตอบว่า
  "ป้านชาถ้วยชายี่ห้อต่างๆ เรือของหม่อมฉันมีเข้ามาหลายอย่าง แล้วจะจัดให้คนเข้าไปถวาย"
   ทั้งนี้เพราะทรงค้าสำเภา  มีของดีๆจากเมืองจีนส่งมาขายในสยามหลายอย่าง   จากนั้นถึงเวลาเข้าเฝ้า  ก็ไม่ได้รับสั่งเรื่องนี้กันอีก   เป็นอันว่าตกลงกันโดยไม่ต้องพูดตรงๆว่า  กรมหลวงพิทักษมนตรีก็ไม่ได้ขัดข้องที่จะได้เป็นเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรเป็นพี่เขยอีก
  ถ้าใครสงสัยว่า เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรจะยกน้องสาวให้กรมหลวงพิทักษมนตรีจริงๆหรือ    เจ้าฟ้าหญิงเจ้าตัวจะทรงว่าอย่างไร   อยู่ๆถูกยกให้พระญาติที่ไม่ได้มีวี่แววว่าเสน่หากันมาก่อน   ก็ขอตอบว่า อ๋อ เปล่าค่ะ  เจ้าฟ้าชายพระเอกของเราท่านชั้นเชิงสูงกว่านั้น
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 18 ม.ค. 24, 07:48

   เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรทรงทราบแน่แก่ใจว่า  ทรงเจรจาไปตามนี้ พระน้องนางคือกรมหลวงศรีสุนทรเทพไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย    ถ้าหากว่ารู้ขึ้นมาเมื่อใด  เห็นทีจะเกิดเรื่อง   เพราะไม่ได้ทรงเสน่หากรมหลวงพิทักษมนตรีมาก่อน
   ดังนั้นพอออกจากเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว   เจ้าฟ้าชายก็เสด็จเข้าไปที่ตำหนักพระกนิษฐภคินีทั้งสองพระองค์  เรียกกรมหลวงเทพยวดีพระขนิษฐาองค์เล็กมากระซิบกระซาบบอกความทุกประการ เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนปลาย ซึ่งกรมหลวงพิทักษมนตรีทราบระแคะระคาย  จึงทำกิริยามึนตึง  ไม่พอพระทัยเรื่องทรงลักลอบพบเจ้าฟ้าบุญรอด
    ดังนั้น  ท่านก็ต้องยกเรื่องนี้ขึ้นเป็นอุบายล่อลวงจนถึงแก่หายขัดเคือง  กรมหลวงพิทักษมนตรีหลงเชื่อ  เต็มอกเต็มใจจะจัดป้านชาถ้วยชายี่ห้อต่างๆ มาให้กรมหลวงศรีสุนทรเทพเพื่อผูกไมตรี  
    เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรก็กระชับกรมหลวงเทพยวดี ว่า  
    " เจ้าจงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ  อย่าบอกให้เจ้าตัวรู้ตัวเขาจะโกรธ   เมื่อกรมหลวงพิทักษมนตรีหลงเชื่อจัดป้านชาสวยๆงามๆ ให้นางข้าหลวงเอามาถวาย   ก็ขอให้เจ้าออกหน้ารับเสียเอง    แล้วตอบกลับนางข้าหลวงไปว่า กรมหลวงศรีสุนทรเทพทรงได้รับแล้วและขอบพระทัย   แค่นี้ก็จบเรื่อง"
   ในบันทึกไม่ได้บอกว่ากรมหลวงเทพยวดีทรงรับคำโดยดี หรือว่าบ่ายเบี่ยงไม่อยากจะเอาตัวไปเสี่ยงกับความโกรธของพี่สาว     แต่ก็บันทึกไว้ว่า เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรทรงอยู่ที่ตำหนักจนเย็นถึงเสด็จกลับวังที่ฝั่งธน
    ก็น่าจะเดาได้ว่าคงเกลี้ยกล่อมอย่างหนัก จนกระทั่งพระน้องนางจำใจยอมทำเพื่อพี่ชาย  และคงจะต้องเห็นว่าไม่มีวิธีไหนกลบเกลื่อนเรื่องได้ดีเท่านี้    เพราะจะปล่อยให้กรมหลวงพิทักษมนตรีกริ้วต่อไปจนเอาไปทูลฟ้องพระเจ้าอยู่หัว ความก็จะแตก โดนลงโทษกันทั้งหมดทุกคน
    หรือจะปล่อยให้กรมหลวงศรีสุนทรเทพรู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้อีก  เพราะไม่ได้เสน่หากรมหลวงพิทักษมนตรี  ยังไงก็ไม่ยอมร่วมมือด้วย   พี่น้องก็จะทะเลาะกันยกใหญ่  กลายเป็นผูกปัญหาใหม่ขึ้นมาซ้ำซ้อน
    เพราะฉะนั้น  ใช้อุบายปิดบังไม่ให้กรมหลวงศรีสุนทรเทพรู้  ในการตุ๋นกรมหลวงพิทักษมนตรีจนเปื่อยแบบนี้น่ะดีแล้ว  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 19 ม.ค. 24, 13:55

    เหตุการณ์ก็ดำเนินไปด้วยดี    ต่อมาเมื่อเรือสำเภาที่กรมหลวงพิทักษมนตรีทรงค้าขายกลับเข้ามาถึงสยาม  ท่านก็จัดสิ่งของต่างๆ เข้าไปถวายกรมหลวงศรีสุนทรเทพอยู่เนืองๆ
    ทางฝ่ายกรมหลวงศรีสุนทรเทพก็ไม่รู้เรื่อง   กรมหลวงเทพยวดีก็ปิดปากสนิท  ออกมารับหน้าเสียเองทุกครั้งไป       เมื่อถึงหน้าผลไม้ต่างๆ เป็นต้นว่ามะม่วง มะปราง เงาะ ลางสาด   กรมหลวงเทพยวดีก็ทูลพระพี่นางว่ากรมหลวงพิทักษมนตรีมีน้ำพระทัยกว้างขวาง  ส่งของเล็กๆน้อยๆมาถวายอยู่เสมอ  ก็ควรตอบแทนท่านบ้าง  เช่นปอกผลไม้อย่างประณีตฝีมือชาววัง  ให้นางข้าหลวงนำไปถวายพร้อมกับเครื่องคาวหวาน เป็นการแสดงน้ำใจ
    กรมหลวงศรีสุนทรเทพก็มิได้ระแวงอะไร ก็ทรงทำตามที่พระน้องนางแนะนำ  เพราะเจ้านายต่างวังจะมีของกำนัลเผื่อแผ่ถึงกันเป็นเรื่องธรรมดา     เมื่อใครให้มาก็ต้องตอบแทนเป็นธรรมดาอีกเช่นกัน   ไม่ได้เป็นเรื่องพิเศษอะไรตรงไหน
    ส่วนกรมหลวงพิทักษมนตรีหลงเชื่อเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรไปเสียแล้ว   พอได้รับของกำนัลตอบแทนก็ยิ่งมั่นพระทัยว่านี่คือการตอบรับไมตรีจากเจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ   ท่านก็เลยปลื้มพระทัย  หายมึนตึงกับเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร  แสดงพระอัธยาศัยรักใคร่สนิทสนมกันดังเดิม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 20 ม.ค. 24, 08:35

ิิ  ในเมื่อปัดกวาดอุปสรรคออกไปได้สำเร็จ   เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรก็สบายพระทัย  จากนั้นก็เสด็จไปตำหนักพระน้องนางได้สะดวก  สองวันสามวันก็เสด็จเข้าไปที  แล้วก็เลยไปตำหนักเจ้าฟ้าบุญรอดโดยไม่ต้องกลัวหน้าไหนอีก
   ก็น่าจะกินเวลาราว 2 ปี ตามที่นิพนธ์ในกาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวานในภายหลัง
         ทองหยอดหยอดสนิท           ทองม้วนมิดคิดความหลัง
        สองปีสองปิดบัง                 แต่ลำพังสองต่อสอง
   แต่ในเมื่อความลับไม่มีในโลก   วันหนึ่งเจ้าฟ้าบุญรอดก็ทรงพระครรภ์  ทรงปิดความได้ถึง 4 เดือนจนปิดไม่ได้อีกต่อไป
    เรื่องเจ้านายสตรีที่ยังเป็นสาวโสด อยู่ๆตั้งครรภ์ขึ้นมา ถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับฟ้าผ่าลงมาบนพระราชมณเฑียรก็ว่่าได้    เพราะเจ้านายฝ่ายในเหล่านี้ถูกกฎมณเฑียรบาลควบคุมอย่างเข้มงวด กระดิกกระเดี้ยไม่ได้   อย่าว่าแต่จะพูดจากับชายใดที่ไม่ใช่พี่น้อง  แม้จะไปไหนมาไหนก็ต้องเดินฉนวนมีฉากกั้น   นั่งเรือไปไหนก็ต้องนั่งเรือประทุนมีม่านบัง  ชายสามัญชนไม่มีโอกาสแม้แต่จะมายืนจ้องมองตามสบาย
   เกิดเหตุขึ้นมาแบบนี้    แม้แต่เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรเองก็ไม่อาจใช้อุบายปัดเป่าได้อีก    ความลับเปิดเผยออกมาเมื่อใดเห็นจะต้องโทษหนัก    เจ้าฟ้าบุญรอดจึงมีหนทางเดียวคือไปขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่ทั้งเจ้านายฝ่ายหน้าและฝ่ายในยำเกรงวาสนาบารมี    ผู้นั้นคือพระสนมเอกผู้มีนามว่าคุณแว่น
 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 21 ม.ค. 24, 09:05

      คุณแว่นหรือเจ้าจอมแว่น เป็นชาวเวียงจันทน์ มีนามเดิมว่าเจ้านางคำแว่น เป็นธิดาพระนครศรีบริรักษ์ บุตรของพระเจ้าไชยราชาธิราชที่ 3  หรือพระเจ้าสิริบุญสาร  ในสมัยปลายธนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เมื่อครั้งทรงเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก นำทัพไทยไปปราบจลาจลในเวียงจันทน์   ขากลับได้นำเจ้านางคำแว่นกลับมาด้วยในฐานะบริจาริกา   จึงกลายเป็นประเด็นขัดแย้งรุนแรงกับท่านผู้หญิงเอกภรรยา  ในที่สุดสมเด็จเจ้าพระยากับท่านผู้หญิง(หรือคุณหญิง)นาค ก็ขาดจากกัน 
      เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯมิได้สถาปนาคุณแว่นขึ้นเป็นเจ้า  คงเป็นแต่พระสนม  แต่ถึงกระนั้นก็เป็นผู้ที่ผู้คนรวมทั้งพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกเธอเกรงกลัวกันทั้งวัง    เพราะท่านได้ชื่อว่าเป็นคนดุ  จนมีสมญาว่า "เจ้าคุณเสือ"    เป็นคนเดียวที่กล้ากราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวด้วยเรื่องต่างๆที่คนอื่นไม่มีใครกล้า 
     เรื่องเจ้าฟ้าบุญรอดทรงพระครรภ์ขึ้นมาก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ไม่มีใครอื่นกล้า
     
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 21 ม.ค. 24, 09:11

     ในเรื่องเล่าว่า
      " วันหนึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จประทับอยู่ที่ซอง เป็นวันสบายพระราชหฤทัย รับสั่งเล่าถึงเรื่องความเก่าๆ แต่ครั้งกรุงศรีอยุธยายังไม่เสียแก่พม่าข้าศึกให้ท้าวนางฟัง ถึงที่สนุกสนานก็ทรงพระสรวลมีพระสุรเสียงอันดัง ตรัสอยู่ประมาณสักครึ่งชั่วทุ่ม ขณะนั้นเห็นได้ช่องคุณเสือจึงคลานเข้าไปใกล้พระองค์แล้วจึงทูลกระซิบว่า
      “ขุนหลวงเจ้าขา ดิฉันจะทูลความสักเรื่องหนึ่ง แต่ขุนหลวงอย่ากริ้วหนา ถ้าขุนหลวงกริ้วดิฉันก็จะไม่ทูล”
        พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเมื่อได้ทรงสดับคำคุณเสือดังนั้น ก็เฉลียวพระทัยว่าน่าจะเปนความชอบกลอยู่ จึงรับสั่งว่า
         "เออ พูดไปเถอะ กูไม่โกรธดอก"
         คุณเสือจึงกราบทูลว่า
         " ดิฉันไม่เชื่อขุนหลวงที่รับสั่งว่าไม่กริ้ว ครั้นดิฉันทูลขึ้นแล้วขุนหลวงก็จะกริ้ววุ่นวายไป ถ้าอย่างนั้นขุนหลวงสบถให้ดิฉันเสียก่อน ดิฉันจึงจะทูล"
          พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงรับสั่งด่าว่า
         " อีอับปรี บ้านเมืองลาวของมึงเคยให้เจ้าชีวิตรจิตรสันดานสบถหรือ กูไม่สบถ พูดไปเถิดกูไม่โกรธดอก"
          คุณเสือก็ทูลว่าดิฉันไม่เชื่อ แล้วก็ทำเป็นคลานถอยออกมาเสียให้ห่างพระองค์
          พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงรับสั่งว่า
          "อย่าเพ่อไป จะไปข้างไหน มาพูดไปเถอะ เอ็งจะให้ข้าสบถว่ากระไร"
           คุณเสือจึงทูลว่า  "ดิฉันจะให้ขุนหลวงสบถว่าถ้าดิฉันทูลขึ้นแล้วขุนหลวงกริ้ว ให้ขุนหลวงตกนรกเท่านั้นแหละ"
            พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกรับสั่งว่า
            "เอ็งจะมาให้ข้าสบถว่าไม่ให้โกรธนั้น ถ้ามีผู้ใดคิดร้ายต่อข้า  เอ็งมาบอกขึ้น ก็จะห้ามไม่ให้โกรธ คนที่ใจเป็นดังนี้ บ้านเมืองของมึงมีอยู่หรือ"
            คุณเสือจึงทูลตอบว่า
            " ถ้าเป็นเรื่องใครเขาคิดร้ายต่อพระองค์  ดิฉันก็ไม่ทูลขอห้ามไม่ให้ขุนหลวงกริ้ว นี่ไม่ใช่เรื่องอย่างนั้น เป็นแต่การเล็กน้อย ครั้นขุนหลวงทราบก็จะกริ้วกราดเปนมากเป็นมายถึงแก่เฆี่ยนแก่ตี นิดก็เฆี่ยนหน่อยก็เฆี่ยน
           (ท่านทูลดังนี้คือท่านกลัวเหมือนเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ หลงเจ้าคุณที่ต้องรับพระราชอาญา ๓๐ ที)
           ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็อยากจะใคร่ทรงทราบว่าเป็นเรื่องอะไร จึงรับสั่งว่าพูดไปเถิดกูไม่เฆี่ยนดอก คุณเสือจึงทูลว่า
            "ถ้าขุนหลวงเฆี่ยน  ให้ขุนหลวงตกนรกหนา"
            พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกอึดอัดพระทัย ครั้นจะทรงนิ่งเสียคุณเสือก็จะไม่ทูลความ เรื่องราวจะตื้นลึกเปนประการใดก็จะใคร่ทรงทราบ จึงรับสั่งว่า
           "เออ กูไม่เฆี่ยนดอก"
           คุณเสือจึงเขยิบเข้าไปใกล้พระองค์แล้วค่อยกระซิบทูลว่า
           "แม่รอดเดี๋ยวนี้ท้องขึ้นมาได้ ๔ เดือน"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 21 ม.ค. 24, 09:58

 
อ้างถึง
(ท่านทูลดังนี้คือท่านกลัวเหมือนเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ หลงเจ้าคุณที่ต้องรับพระราชอาญา ๓๐ ที)
    ใครทราบบ้างคะ ว่าเรื่องอะไร   เดาว่าเจ้าคุณในที่นี้คือเจ้าคุณสี( หรือศรี)
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 21 ม.ค. 24, 12:22

อ้างถึง
(ท่านทูลดังนี้คือท่านกลัวเหมือนเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ หลงเจ้าคุณที่ต้องรับพระราชอาญา ๓๐ ที)
    ใครทราบบ้างคะ ว่าเรื่องอะไร   เดาว่าเจ้าคุณในที่นี้คือเจ้าคุณสี( หรือศรี)

อ่านพบที่นี่ ครับ  https://www.posttoday.com/politics/327781
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 22 ม.ค. 24, 10:00

    ขอบคุณค่ะคุณหมอ SILA   เสียดายไม่ทราบว่าท่านถูกเฆี่ยน 30 ทีเพราะไปทำอะไรผิดกับเจ้าจอมมารดาสีเข้า  แต่เดาว่าก็คงลอบพบปะกัน แบบเดียวกับเจ้าฟ้าบุญรอด    แล้วผู้ใหญ่จับได้
    ย้อนกลับมาเรื่องพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ กับคุณจอมแว่น หรือ "เจ้าคุณเสือ"
    โปรดสังเกตว่า คุณจอมไม่ได้ใช้ราชาศัพท์กับพระเจ้าอยู่หัว  แม้แต่เวลาเรียกในฐานะบุรุษที่ 2   ก็เรียกเพียง "ขุนหลวง"  แม้แต่การเรียกพระนามเจ้าฟ้า ก็เรียกอย่างคนธรรมดา   แสดงว่าคุณจอมแว่นเรียกอย่างคนในครอบครัว  ต่อเนื่องมาจากสมัยธนบุรี เมื่อครั้งยังทรงเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก   แต่แทนที่จะเรียกว่า "เจ้าคุณ" อย่างคุณหญิงนาคเรียก  ก็ยกขึ้นสูงตามฐานะในปัจจุบัน คือ "ขุนหลวง"
    การที่คุณจอมแว่นเรียกเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ว่า "พ่อฉิม" และเรียกเจ้าฟ้าบุญรอดว่า "แม่รอด" ก็บอกอยู่ในตัวแล้วว่าใครอยู่ในฐานะที่น่าเกรงใจมากกว่ากัน   เจ้าฟ้าหรือพระสนมเอก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 22 ม.ค. 24, 10:32

    ในเรื่องบรรยายว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ทรงสดับดังนั้นก็ทรงพระพิโรธยิ่งนัก จึงรับสั่งถามว่าท้องกับใคร คุณเสือจึงทูลว่าจะมีใครเล่า พ่อโฉมเอกของขุนหลวงนั่นซิ
    คำว่า "พ่อโฉมเอก" หมายถึงผู้ชายรูปหล่อมากๆ  สมัยนี้คงจะตรงกับ "โคตรหล่อ"   พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชโอรสรูปงามอยู่ 2 พระองค์ คือเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร   และเจ้าฟ้ากรมขุนเสนานุรักษ์(ต่อมาเลื่อนขึ้นเป็นกรมหลวง)   พอได้ยินคำว่า "โฉมเอก"  ก็ไม่แน่พระทัยว่าองค์ไหนที่ไปก่อเรื่องขึ้นมา
      รับสั่งถามว่าคนใหญ่หรือคนเล็ก คุณเสือจึงทูลว่า
      "พ่อฉิมนั่นแหละเจ้าค่ะ" และทูลต่อไปว่า  "น่ารักน่าชมสมกันจริงๆ มีลูกมีเต้าออกมาจะอุ้มจะชูก็ไม่น่ารังเกียจ ขุนหลวงอย่ากริ้วหนา"
      ทั้งๆทรงรับปากว่าจะไม่พิโรธ  แต่พอรู้คำตอบก็พิโรธเป็นฟืนเป็นไฟ   รับสั่งว่า
      " มึงเห็นดีไปคนเดียวเถิดซิ พี่น้องเขาอยู่ออกเปนก่ายเปนกอง เขาไม่รู้เขาก็จะว่ากูสมรู้ร่วมคิดเปนใจให้ลูกมาข่มเหงเขา อนึ่งทำดูถูกเทวดารักษารั้ววังไม่มีความเกรงกลัว ถ้าจะรักใคร่กันก็บอกกล่าวผู้ใหญ่ให้เปนที่เคารพนบนอบแต่โดยดี นี่ทำบังอาจเอาแต่ใจ ไม่คิดแก่หน้าผู้ใด"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 22 ม.ค. 24, 10:51

   "พี่น้องเขาอยู่ออกเป็นก่ายเปนกอง    เขาไม่รู้เขาก็จะว่ากูสมรู้ร่วมคิด  เป็นใจให้ลูกมาข่มเหงเขา"
   กรมพระศรีสุดารักษ์ ผู้เป็นพระพี่นางและเจ้าขรัวเงินพระสวามี สิ้นชีพไปแล้วทั้ง 2 องค์  แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าก็ยังเกรงพระทัยพระเจ้าหลานเธอที่เป็นพระโอรสในพระพี่นางอีก 3  องค์  ได้แก่เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์(ต้นราชสกุลเทพหัสดิน)   เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษมนตรี (ต้นราชสกุลมนตรีกุล) และเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ (ต้นราชสกุลอิศรางกูร)
   ทั้ง 3  องค์ล้วนแล้วแต่เป็นเจ้านายชั้นผู้ใหญ่   พระชันษาก็อยู่ในวัยผู้ใหญ่  มีพระจริยาวัตรเป็นที่น่านับถือกันทั้ง 3 องค์  ไม่เคยทำอะไรเสียหาย จนเป็นเรื่องน่าตำหนิได้  สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าทรงเกรงว่า พระราชโอรสทรงทำผิดราชประเพณีร้ายแรงเช่นนี้  เจ้าฟ้าหลานน้าทั้ง 3 องค์จะหาว่าพ่อรู้เห็นเป็นใจกับลูก   ปล่อยให้ลูกชายมาล่วงละเมิดเจ้าฟ้าหญิงที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน  ก็จะแค้นเคืองกล่าวโทษมาถึงพระองค์เอาได้
   ส่วนข้อหารองลงมาคือ  "ทำดูถูกเทวดารักษารั้ววังไม่มีความเกรงกลัว ถ้าจะรักใคร่กันก็บอกกล่าวผู้ใหญ่ให้เป็นที่เคารพนบนอบแต่โดยดี นี่ทำบังอาจเอาแต่ใจ ไม่คิดแก่หน้าผู้ใด"
   ข้อนี้ก็น่าคิดเหมือนกัน  ว่าทำไมเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรซึ่งก็เคยโดนพระราชบิดาสั่งเฆี่ยนหลังลายมาแล้วเรื่องผู้หญิง   ยังไม่เข็ด   ยังเสี่ยงลักลอบรักใคร่กับลูกพี่ลูกน้องถึง 2 ปี   ทั้งๆกว่าจะรักกันได้ก็ทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย     ทำไมไม่ใช้วิธีง่ายกว่านี้คือกราบบังคมทูลพระราชบิดา ขอให้สู่ขอเจ้าฟ้าบุญรอดมาเป็นพระชายาเอก   พี่น้องเจ้าฟ้าบุญรอดหรือจะกล้าขัดพระเจ้าอยู่หัว    เสกสมรสกันไปแต่แรกน่าจะง่ายดายกว่า
    ดิฉันเดาว่าน่าจะเป็นพระนิสัยศิลปินของพระองค์ท่าน  คือไม่ชอบอะไรที่เรียบร้อยอยู่ในกรอบ   เพราะทรงมีหม่อมห้ามมากมายหลายคนแล้ว ล้วนแต่ได้มาด้วยวิธีถูกต้องตามประเพณี จนไม่มีความตื่นเต้น  แบบนี้กว่าจะพบกันได้แต่ละที มันยาก มันเสี่ยง  ก็เลยยิ่งเป็นรสชาติให้ความรักแน่นแฟ้นขึ้นกว่าหม่อมทุกคนที่ผ่านมา
บันทึกการเข้า
Rattananuch
อสุรผัด
*
ตอบ: 37


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 22 ม.ค. 24, 12:48

ขอถามถึงคู่รองหน่อยค่ะ กรมหลวงพิทักษ์มนตรีก็ยังส่งของบรรณาการแทนรักแก่กรมหลวงศรีสุนทรเทพตลอดเวลาสองปีนี้โดยมิได้กราบบังคมทูลสู่ขอกรมหลวงฯจากพระพุทธยอดฟ้าฯเลยหรือคะ ซึ่งถ้าท่านทำ..ความก็คงแตกโพละนานแล้ว และถ้าไม่ได้ทำอะไรนอกจากส่งบรรณาการ..ท่านก็ช่างใจเย็นแท้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33595

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 22 ม.ค. 24, 18:30

  ในต้นฉบับไม่ได้เล่าต่อว่า คู่รองลงเอยกันอย่างไรค่ะ  ความแตกหรือไม่ ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน   แต่เดาว่าก็คงเจ๊ากันไป   เพราะเมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นว่าเจ้าฟ้าบุญรอดทรงพระครรภ์   พระเชษฐาคือเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์กริ้วเป็นไฟไหม้ป่า    (เดี๋ยวจะเล่าต่อไปค่ะ)   
  ถ้าเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพมนตรีจะขอผู้ใหญ่ไปสู่ขอ    ผู้ใหญ่นั้นก็มีแต่พระเชษฐา   ท่านก็ชังเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรเอามากมาย   คงไม่อยากได้น้องสาวฝ่ายนั้นมาเป็นน้องสะใภ้     อีกทางที่เป็นได้คืออาจมีการทาบทามแล้วเจ้าฟ้ากรมขุนศรีสุนทรเทพปฏิเสธ  เรื่องจึงเงียบกันไป
   เจ้าฟ้ากรมขุนศรีสุนทรเทพสิ้นพระชนม์เมื่อพ.ศ. 2351   คือ 7 ปีนับแต่ความแตก    ก็เป็นอันว่าจบเรื่องกันแต่เพียงนี้
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.065 วินาที กับ 19 คำสั่ง