เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: เนยสด ที่ 19 เม.ย. 05, 00:02



กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 19 เม.ย. 05, 00:02
 ตอนเด็กๆ จำไดว่าพ่อ แม่ ครู บังคับให้ท่องกลอนมากมาย
ตอนนั้นก็คิดว่าไม่น่าจะสำคัญอะไร
แต่ตอนนี้ รู้สึกอยากกลับไปท่องมันมากๆ
บางบทก็จำได้อยู่ บางบทจำได้ครึ่งๆ กลางๆ บางบทจำไม่ได้เลย
มาช่วยกันรักษาของเก่า ที่ยังดูใหม่และดีชิ้นนี้กันดีกว่าครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 19 เม.ย. 05, 00:06
 อ๋อ บางอันอาจจะไม่ใช่กลอนนะครับ เป็นแต่บทท่องธรรมดา

บทท่องอักษรกลาง
ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง ฎ ฏ

ที่เหลืออัษรต่ำ กับสูง จำไม่ได้แล้วครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 19 เม.ย. 05, 00:08
 ผู้ใหญ่ ซื้อผ้าใหม่ ให้สะใภ้ อะไรต่อเนี่ย....

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดง ...

ช่วยๆ กันหน่อยนะครับ จำไม่ได้แล้ว
หรือใครจะโพสต์บทอื่นก็ดีครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 19 เม.ย. 05, 04:42
 ผู้ใหญ่ หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ ใช้คล้องคอ

ใฝ่ใจ เอาใส่หอ มิหลงใหล ใครขอดู

จักใคร่ ลงเรือใบ ดูน้ำใส และปลาปู

สิ่งใด อยู่ในตู้ มิใช่อยู่ ใต้ตั่งเตียง

บ้าใบ้ ถือใยบัว หูตามัว มาใกล้เคียง

เล่าท่อง อย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วน จำจงดี

สูตรท่องคำที่สะกดด้วย ไม้ม้วน ครับ มี ๒๐ ตัว


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 19 เม.ย. 05, 20:04
 ใฝใจ ให้ทานนี้   นอกในมีแลใหม่ใส
ใครใคร่และยองใย อันใดใช้อย่าใหลหลง
ใส่กล สะใภ้ใบ้ ทั้งต่ำใต้ แลใหญ่ยง
ใกล้ใบแลใช่จง ใช้ให้ตรงคำบังคับ

 


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ALoHA ที่ 19 เม.ย. 05, 20:38
 เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า  ดาดาว
จรูญจรัสรัศมีพราว            พร่างพร้อย
ยามดึกนึกหนาวหนาว        เขนยแนบ แอบเอย
เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย             เยือกฟ้าพาหนาว


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: โก๋แก่ ที่ 20 เม.ย. 05, 08:09
   

น้อง เนยสด เปิด ประเด็นได้ เยียมมากเลย

เชิญครับ คุณหมอ ศานติ อ พวงร้อย อ เทาชมพู ครีมสด ฯลฯ ช่วยเติม ฟัน ให้น้องเนยสดหน่อย

ไทยไม่รักไทย แล้วใครจะรัก (เป่า หา เสียง นา)



   


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: fon ที่ 20 เม.ย. 05, 14:55
 จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง
ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า
ขอช้างขอม้า ให้น้องข้าขี่
ขอเก้าอี้ ให้น้องข้านั่ง
ขอเตียงตั้ง ให้น้องข้านอน
ขอละคร ให้น้องข้าดู
ขอยายชู เลี้ยงน้องข้าเถิด
ขอยายเกิด เลี้ยงตัวข้าเอง


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 เม.ย. 05, 15:55

ตอนเล็กๆ คุณแม่เคยสอนให้ท่อง บทอาขยานของบราเธอร์ฮีแลร์ แห่งโรงเรียนอัสสัมชัญ

วิชาเหมือนสินค้า............อันมีค่าอยู่เมืองไกล
ต้องยากลำบากไป..........จึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้า............เป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธา.......แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ

นิ้วเป็นสายระยาง............สองเท้าต่างสมอไม้
ปากเป็นนายงานไป........อัชฌาสัยเป็นเสบียง
สติเป็นหางเสือ................ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง
ถือไว้อย่าให้เอียง............ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา

ปัญญาเป็นกล้องแก้ว......ส่องดูแถวแนวหินผา
เจ้าจงเอาหูตา.................เป็นล้าต้าฟังดูลม
ขี้เกียจคือปลาร้าย...........จะทำลายให้เรือจม
เอาใจเป็นปืนคม.............ยิงระดมให้จมไป
จะได้สินค้ามา................เป็นวิชาอันพิศมัย
จงหมั่นมั่นกายใจ...........อย่าได้คร้านการวิชา


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 เม.ย. 05, 16:03


 
อีกบทหนึ่งที่ดิฉันชอบมาก



What Rules The World

by William Ross Wallace



      They say that man is mighty;

      He governs the land and sea,

      He wields a might scepter

      O'er lesser powers that be.



      But a mightier power and stronger

      Man from his throne has hurled,

      For the hand that rocks the cradle

      Is the hand that rules the world."



พระราชธรรมนิเทศ ท่านแปลได้จับใจมาก ว่า

                  ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์

                  ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า

                  อันมือไกวเปลไซร้แต่ไรมา

                  คือหัตถาครองพิภพจบสากล "

เสียดายดิฉันไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร  ดูจากชื่อแล้วคิดว่าเป็นพระสงฆ์  ไม่ใช่ขุนนาง  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 20 เม.ย. 05, 16:22
 ๏ ๏ เด็กน้อย ๏ ๏
(ร้องลำฝรั่งรำเท้า)

เด็กเอ๋ย เด็กน้อย
ความรู้ เรายังด้อย เร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญ่ เราจะได้ มีวิชา
เป็นเครื่องหา เลี้ยงชีพ สำหรับตน
ได้ประโยชน์ หลายสถาน เพราะการเรียน
จงพากเพียร ไปเถิด จะเกิดผล
ถึงลำบาก ตรากตรำ ก็จำทน
เกิดเป็นคน ควรหมั่น ขยันเอย......


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 21 เม.ย. 05, 04:47
 พฤษภกาสร
อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง
สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย
มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี
ประดับไว้ในโลกา


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 22 เม.ย. 05, 11:52
จิงเอ๋ยจิงโจ้
เล่นโล้ในลำสำเภาใหญ่
ต้องออกแรงออกกำลังโดยตั้งใจ
ที่จะให้เข้มแข็งและอดทน
เรานักเรียนจงเพียรเร่งอุตส่าห์
เรื่องพละศึกษาต้องฝึกฝน
ให้แข็งแรงถ้วนทั่วทุกตัวตน
เกิดเป็นคนพึงหมั่นขยันเอย

นกเอ๋ยนกกลิ้งโครง
หลงเข้าโพรงนกเอี้ยงเถียงเจ้าของ
อ้อยอี๋เอียงอ้อยอี๋เอียงส่งเสียงร้อง
เจ้าของเขาว่าน่าไม่อาย
แต่นกยังรู้ผิดรัง
นักปราชญ์รู้พลั้งไม่แม่นหมาย
รู้ผิดรับผิดพอผ่อนร้าย
ภายหลังจงระวังอย่าพลั้งเอย

ถ้ามีผิดก็ช่วยกันแก้ด้วยนะครับ
จำมากว่า 40 ปีแล้ว


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 22 เม.ย. 05, 17:31
 ที่ดิฉันตอบข้างบนนั้นมาจาก กฤษณาสอนน้อง นะคะ

โคลงโลกนิติ

นาคีมีพิษเพี้ยง      สุริโย
เลื้อยบ่ทำเดโช      แช่มช้า
พิษน้อยหยิ่งยโส    แมลงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า      อวดอ้างฤทธีฯ

อีกบท

ห้ามเพิงไว้อย่าให้      มีควัน
ห้ามสุริยะแสงจันทร์   ส่องไซร้
ห้ามอายุให้หัน          คืนเล่า
ห้ามดั่งนี้ไว้ได้           จึ่งห้ามนินทาฯ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 22 เม.ย. 05, 17:59
 อุ๊ย เพิ่งเห็น

ห้ามเพลิง นะคะ ไม่ใช่ ห้ามเพิง


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: โก๋แก่ ที่ 22 เม.ย. 05, 18:58
     

ดีใจจังเข้ามาช่วยกันเยอะเลย เด็กไหม่ๆ อ่านไว้
เอาไปใช้บ้าง เป็นประโยชน์ แก่ตัว แก่ชีวิต แก่คนรอบข้าง ทั้งชาติ และ โลกด้วย
ใคร นึกอะไร ดีๆ อีก เชิญเลย

น้องเนยสด อ่านแล้ว อย่าลืมเอาไปเผยแพร่แก่เพื่อนๆ และไปใช้ในโอกาส อันควรได้ผลดีประการใด เล่าให้ฟังบ้าง

ของเก่าเรามีดี ไม่ควรที่จะทิ้งไป


     


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ศานติ ที่ 22 เม.ย. 05, 20:09
 มโนมอบพระผู้  เสวยสวรรค์
แขนมอบพระทรงธรรม เทิดหล้า
ดวงใจมอบเมียขวัญ แลแม่
เกียรติศักดิ์รักของข้า มอบไว้แก่ตัว

พระราชนิพนธ์รัชกาลไหนครับ?


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 22 เม.ย. 05, 20:35
 รัชกาลที่ 6 ค่ะ ถ้าจำไม่ผิดทรงแปลมาจากภาษาฝรั่งเศส

ขออนุญาตไปค้นก่อน แล้วจะเอามาแปะให้ค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 23 เม.ย. 05, 00:07
 ดีใจจังครับ ที่ยังมีคนรักภาษาไทยอยู่ ขอบคุณครับที่ช่วยฟื้นความจำผม
อ.นิรันดร์ครับ มีกลอนจิงโจ้ด้วยหรอครับ ตลกดีครับ
เพิ่งเคยได้ยินกลอนภาษาอังกฤษจากคุณเทาชมพูครั้งแรกเนี้ยแหละครับ
คุณโก๋แว๊บมาเยี่ยม ไม่ฝากกลอนเพราะๆ ไว้บางหรอครับ
ส่วนผมคงต้องทำตามที่คุณศศิศบอกแล้วครับ

ปลาร้าพันห่อด้วย......ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา.....คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา.........คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง......เฟื่องให้เสียพงศ์

อันอ้อยตาล หวานลิ้น แล้วสิ้นซาก
แต่ลมปาก หวานหู ไม่รู้หาย
แม้นเจ็บอื่น หมื่นแสน จะแคลนคลาย
เจ็บจนตาย นั้นเพราะเหน็บ ให้เจ็บใจ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 23 เม.ย. 05, 09:08
 โคลงภาษิตนักรบโบราณ

Mon âme au Dieu,
Mon bras au roi,
Mon coeur aux dames,
L'honneur à moi

มะโนมอบพระผู้..................เสวยสวรรค์
แขนทอดถวายทรงธรรม์.......เทอดหล้า
ดวงใจมอบเมียขวัญ.............และแม่
เกียรติศักดิ์รักของข้า...........มอบไว้แก่ตัว

มาต่อโคลงโลกนิติจากคุณเนยสดด้วยนะคะ

ใบพ้อพันห่อหุ้ม..........กฤษณา
หอมระรวยรสพา........เพริศด้วย
คือคนเสพเสน่หา........นักปราชญ์
ความสุขซาบฤาม้วย....ดุจไม้กลิ่นหอม


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 23 เม.ย. 05, 09:10
 เอ..ท่าทาง server นี้จะไม่ชอบอักษรประหลาดๆซักเท่าไหร่นะคะ ลองใหม่เป็นอังกฤษแล้วกัน

Mon ame au Dieu,
Mon bras au roi,
Mon coeur aux dames,
L'honneur a moi.


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 23 เม.ย. 05, 14:59
 ก่อนอื่นก็ต้องออกตัวก่อนว่า บทเหล่านี้ ผมเกิดไม่ทัน..เหอๆๆ แต่ค้นมาแปะไว้ให้กันครับผม

สำหรับ จิงโจ้ ของ อ.นิรันดร์  ครับผม

๏ ๏ จิงโจ้โล้สำเภา ๏ ๏
(ร้องลำมอญรำดาบ)
-หลวงวิจิตรวาทการ- แต่ง

จิงเอ๋ยจิงโจ้
เล่นโล้ ในลำ สำเภาใหญ่
เพื่อออกแรง ออกกำลัง โดยตั้งใจ
ที่จะให้ เข้มแข็ง และอดทน
เรานักเรียน ต้องไม่คร้าน การกีฬา
เรื่อง พลศึกษา ต้องฝึกฝน
ให้แข็งแรง ถ้วนทั่ว ทุกตัวคน
เพื่อเป็นคุณ แก่ตน และชาติเอย.......


แมวเหมียว แยกเขี้ยวยิงฟัน

แมวเอ๋ย แมวเหมียว
รูปร่าง ประเปรียว เป็นหนักหนา
ร้องเรียก เหมียวเหมียว ประเดี๋ยวก็มา
เคล้าแข้ง เคล้าขา น่าเอ็นดู
รู้จัก เอารัก เข้าต่อตั้ง
ค่ำค่ำ ซ้ำนั่ง ระวังหนู
ควรนับว่ามัน กตัญญู
พอดู อย่างไว้ ใส่ใจเอย......


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 23 เม.ย. 05, 15:04
 ๏ ๏ ตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน ๏ ๏
(ร้องลำลมพัดชายเขา)
-สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ- ทรงนิพนธ์

ตั้งเอ๋ยตั้งไข่
จะตั้งใย ไข่กลม ก็ล้มสิ้น
ถึงว่า ไข่ล้ม จะต้มกิน
ถ้าตกดิน เสียก็อด หมดฝีมือ
ตั้งใจ เรานี้ จะดีกว่า
อุตส่าห์ อ่านเขียน เรียนหนังสือ
ทั้งวิชา สารพัด เพียรหัดปรือ
อย่าดึงดื้อ ตั้งไข่ ร่ำไรเอย.......



๏ ๏ นกขมิ้นเหลืองอ่อน ๏ ๏
(ร้องลำพัดชา)
-หลวงพลโยธานุโยค(นก) - แต่ง

ปักเอ๋ย ปักษิน
นกขมิ้น เรื่อเรือง เหลืองอ่อน
ถึงเวลา หากิน ก็บินจร
ครั้นสายัณห์ ผันร่อน มานอนรัง
ความเคยคุ้น สกุณา อุตสาหะ
ไม่เลยละ พุ่มไม้ ที่ใจหวัง
เพราะพากเพียร ชอบที่ มีกำลัง
เป็นที่ตั้ง ตนรอด ตลอดเอย.......

อ่านต่อที่เว็บนี้เลยครับผม

-  บทอาขยาน
-  พ่อแม่รังแกฉัน  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 23 เม.ย. 05, 17:42
 เวนิวานิช (พระราชนิพนธ์แปลในรัชกาลที่ 6)

อันว่าความกรุณาปราณี
จะมีใครบังคับก็หาไม่,
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน:
เปนสิ่งดีสองชั้น; พลันปลื้มใจ
แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล:
เปนกำลังเลิศพลังอื่นทั้งสิ้น:
เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา,
ประดุจทรงวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์
เรืองจรัสยิ่งมกุฎสุดสง่า;
พระแสงทรงดำรงซึ่งอาชญา
เหนือประชาพสกนิกร,
ประดับพระวรเดชวิเศษฤทธิ์
ที่สถิตอานุภาพสโมสร;
แต่การุณยธรรมสุนทร
งามงอนกว่าพระแสงอันแรงฤทธิ์;
เสถียรในหฤทัยพระราชา,
เปนคุณของเทวาผู้มหิทธิ์;
และราชาเทียมเทพอมฤต
ยามบพิตรเผยแผ่พระกรุณา.
ฉะนั้นยิว, แม้อ้างยุติธรรม,
จงกำหนดจดจำไว้ด้วยว่า,
ในกระแสแห่งยุติธรรมา
ยากจะหาความเกษมเปรมใจ:


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: โก๋แก่ ที่ 23 เม.ย. 05, 19:06
   
โก๋เอาบ้าง
อภินันทนาการจาก กี๋สาว คู่หู โก๋แก่

ธรณีนี่นี้เป็น พยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เรา บ่ ผิดท่านมาล้าง ดาบนั้น คืนสนอง


ศรีปราชย์





กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 23 เม.ย. 05, 19:06
 กลอนข้างบนทรงแปลมาจาก The Merchant of Venice ของ William Shakespeare บทนี้ค่ะ

The quality of mercy is not strained:
It droppeth as the gentle rain from heaven
Upon the place beneath.  It is twice blessed:
It blesseth him that gives, and him that takes.
'Tis mightiest in the mightiest: it becomes
The throned monarch better than his crown;
His sceptre shows the force of temporal power,
The attribute to awe and majesty,
Wherein doth sit the dread and fear of kings;
But mercy is above this sceptred sway.
It is enthroned in the hearts of kings;
And earthly power doth then show likest God's,
When mercy seasons justice.  Therefore, Jew,
Though justice by plea, consider this,
That in the course of justice none of us
Should see salvation: .....

ดิฉันอ่านเท่าไหร่ก็ไม่เพราะเท่าภาษาไทยซักทีค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: โก๋แก่ ที่ 23 เม.ย. 05, 19:16
 ขอโทษที ศรีปราชญ์  ใช้ ญ ไม่ใช่ ย  สงสัยจะลืมกด Shift ต้อขอโทษ            ด้วยครับ  และจะขอให้ช่วยเติมต่อข้อความต่อไปนี้
    อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว  แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล                   .....................  ....................


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 23 เม.ย. 05, 19:23
 ตาม Theme ศรีปราชญ์ คุณโก๋แก่มาค่ะ

ว่ากันว่าเป็นตอนที่พ่อศรีแต่งโคลงถวายสมเด็จพระนารายณ์เป็นที่พอพระทัย ถึงกับพระราชทานพระธำมรงค์ให้ นายทวารเห็นแหวนสวย จึงเกิด ปุจฉา-วิสัชนา ดังนี้ค่ะ

นายทวาร: แหวนนี้ท่านได้แต่.........ใดมา
ศรีปราชญ์:เจ้าพิภพโลกา..............ท่านให้
นายทวาร: ทำชอบสิ่งใดนา............วานบอก
ศรีปราชญ์:เราแต่งโคลงถวายไท้....ท่านให้รางวัล


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ศานติ ที่ 24 เม.ย. 05, 00:43
 ข้อ ๒๓ ที่คุณ caeruleus เขียนมา ตอนนี้นักเรียนยังต้องท่องกันอยู่หรือเปล่าครับ?


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: Kudo_RCH ที่ 24 เม.ย. 05, 01:03
 จาก กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานครับ แต่เป็นส่วนของโลงสี่สุภาพ

แกงไก่มัสมั่นเนื้อ          นพคุณ พี่เอย
หอมยี่หร่ารสฉุน            เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์        พิศวาส หวังนา
แรงอยากยอหัตถ์ข้อน    อกให้หวนแสวงฯ

ก็ยังท่องๆกันอยู่นะครับ แต่ส่วนมากมักจะให้ท่องส่วนที่เป็นกาพย์ยานี ๑๑ ซะมากกว่า

เอาส่วนกาพย์ยานี ๑๑ ไปอ่านเล่นกันซักหน่อยดีมั้ยครับ

  มัสมั่นแกงแก้วตา          หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง           แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
  ยำใหญ่ใส่สารพัด          วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา               ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
  ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม    เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน               ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 24 เม.ย. 05, 04:21
 ตอบคุณศานตินะคะ

ตอนที่ดิฉันเรียนนั้นใช้แต่บทแรกค่ะ แต่มาหาอ่านเพิ่มเอาเองตอนโตแล้ว ดิฉันว่าอ่านจนได้ context ทั้งหมดก็น่าสนใจดี


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 24 เม.ย. 05, 04:41
 โคลงแม่บท โคลงสี่สุภาพ (นิราศนรินทร์)

จากมามาลิ่วล้ำ.........ลำบาง
บางยี่เรือราพลาง......พี่พร้อง
เรือแผงช่วยพานาง....เมียงม่าน มานา
บางบ่รับคำคล้อง.......คล่าวน้ำตาคลอ

โคลงแม่บท โคลงสี่สุภาพ อีกสำนวน

เสียงลือเสียงเล่าอ้าง............อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร.............ทั่วหล้า
สองเผือพี่หลับไหล..............ลืมตื่น ฤาพี่
สองพี่คิดเองอ้า...................อย่าได้ถามเผือ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 24 เม.ย. 05, 10:53
 ซักเอ๋ยซักซ่าว
ผลมะนาวทิ้งทานในงานศพ
เข้าแย่งชิงเหมือนสิ่งไม่เคยพบ
ไม่น่าคบเลยหนอพวกขอทาน
ดูประหนึ่งขัดสนจนปัญญา
มีทางหากินได้หลายสถาน
ประหลาดใจเหตุไฉนไม่ทำงาน
ประกอบการอาชีพที่ดีเอย

...

วังเอ๋ยวังเวง
หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน
ฝูงวัวควายฝ้ายลาทิวาการ
ค่อย ๆ ผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ
ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมลฑล
แลทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย

ความเอ๋ยความรู้
เป็นเครื่องชูชี้ทางสว่างไสว
หมดโอกาสที่จะชี้ต่อนี้ไป
ละห่วงไยอยากรู้ลงสู่ดิน
อันความยากหากให้ไร้ศึกษา
หยุดปัญญาความรู้อยู่แค่ถิ่น
หมดทุกข์ขลุกแต่กิจคิดหากิน
กระแสวิญญานงันเพียงนั้นเอย

สองบทหลังจากกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า
ถ้าตกผิดช่วยแก้ไขด้วยนะครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 24 เม.ย. 05, 10:56
 สายหยุดหยุ่ดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย
สายบ่หยุดสเน่ห์หาย ห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวาย วางเทวษ ราแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด

จากลิลิตตะเลงพ่ายครับ
เข้าใจว่าน่าจะเป็นตอนที่พระมหาอุปราชยกทัพมา


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 24 เม.ย. 05, 11:08
 ขอบพระคุณคุณหมอ"ศศิน"ที่เข้ามาแก้ไข"จิงโจ้โล้สำเภา"ให้นะครับ

ของเก่าเพราะ ๆ กินใจ สะสมไว้แถว ๆ นี้
คุณ"เนยสด"และท่านที่สนใจลองแวะอ่านนะครับ

 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=12498&page=1  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 24 เม.ย. 05, 11:20
 เสียแรงเกิดมาเป็นสตรี  เสียทีเสียตัวด้วยลมหวาน
เสียรู้เพราะหลงด้วยลมพาน เสียกลปานเสียชีวาลัย

จากรามเกียรติ ตอนที่หนุมานได้นางเบญจกายแปลงเป็นสีดา


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: โก๋แก่ ที่ 24 เม.ย. 05, 19:51
   

พฤษก พกาสร
อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง
สำคัญหมาย ในกายมี

นรชาติ วางวาย
มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่วแต่ ชั่วดี
ประดับไว้ใน โลกา

(โคลงโลกนิติ)



หากมีผิด ช่วยแก้ด้วย





กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: NorE ที่ 24 เม.ย. 05, 21:16
 ก้านบัวบอกลึกตื้น     ชลธาร
มรรยาทส่อสันดาน          ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน   ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ  บอกร้ายแสลงดิน
(โคลงโลกนิติ)


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 25 เม.ย. 05, 00:03
 คุณโก๋แก่คะ กลอนบทนั้นเป็นกาพย์ยานี 11 ค่ะ ไม่ใช่โคลงสี่สุภาพ มาจากเรื่องกฤษณาสอนน้องค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 25 เม.ย. 05, 00:07
 โคลงกระทู้ จากโคลงโลกนิตินะคะ

เพื่อนกิน สิ้นทรัพย์แล้ว.............แหนงหนี
หาง่าย หลายหมื่นมี..................มากได้
เพื่อนตาย ถ่ายแทนชี...............วาอาตม์
หายาก ฝากผีไข้.....................ยากแท้จักหาฯ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 เม.ย. 05, 08:23
 กระทู้เสีย...

.....เสีย . สินสงวนศักดิ์ไว้ ..... วงศ์หงส์
เสีย . ศักดิ์สู้ประสงค์ ............. สิ่งรู้
เสีย . รู้เร่งดำรงค์ ..................ความสัตย์ไว้นา
เสีย . สัตย์อย่าเสียสู้ ...............ชีพม้วยมรณา

กระทู้ เว้น...

..... เว้น . วิจารณ์ว่างเว้น .......... สดับฟัง
เว้น . ที่ถามอันยัง ...................  ไป่รู้
เว้น . เล่าลิขิตสัง   .......................เกตว่าง เว้นนา
เว้น . ดังกล่าวว่าผู้ ...................  ปราชญ์นั้นฤามี


กระทู้ ทะลุ่มปุ่มปู

.... ทะ . เลแม่ว่าห้วย ..........  เรียมฟัง
ลุ่ม . ว่าดอนเรียมหวัง ......... ว่าด้วย
ปุ่ม . เปือกปะการัง . .............เรียมร่วม  คำแม่
ปู . ว่าหอยแม้กล้วย  ............ ว่ากล้ายเรียมตาม


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 เม.ย. 05, 09:38
สมัยเรียน ม.ปลาย   อาจารย์วิชาภาษาไทยสั่งให้นักเรียนสายศิลป์ท่องกาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์จนขึ้นใจ
ออกข้อสอบด้วยค่ะ ให้เขียนทั้งบทนี้เลย

อาจารย์นิรันดร์คงนึกออกว่าโรงเรียนไหน   ยุคของอาจารย์มีหรือเปล่าคะ

ปางเสด็จประเวศด้าว......... ชลาลัย
ทรงรัตนพิมานไชย........... กิ่งแก้ว
พรั่งพร้อมพวกพลไกร ......แหนแห่
เรือกระบวนต้นแพร้ว........เพริศพริ้งพายทอง

พระเสด็จโดยแดนชล.......ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย.....พายอ่อนหยับจับงามงอน
นาวาแน่นเป็นขนัด...........ล้วนรูปสัตว์แสนยากร
เรือริ้วทิวธงสลอน...........สาครลั่นครั่นครื้นฟอง
เรือครุฑยุดนาคหิ้ว........... ลิ่วลอยมาพาผันผยอง
พลพายกรายพายทอง.......ร้องโห่เห่โอ้เห่มา
สรมุขมุขสี่ด้าน...............เพียงพิมานผ่านเมฆา
ม่านกรองทองรจนา.........หลังคาแดงแย่งมังกร
สมรรถไชยไกรกาบแก้ว....แสงแวววับจับสาคร  
เรียบเรียงเคียงคู่จร...........ดังร่อนฟ้ามาแดนดิน
สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อย....งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์  
เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์....ลินลาศเลือนเตือนตาชม
เรือไชยไวว่องวิ่ง................รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม
เสียงเส้าเร้าระดม...............ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน  
คชสีห์ทีผาดเผ่น............... ดูดังเป็นเห็นขบขัน
ราชสีห์ทียืนยัน..................คั่นสองคู่ดูยิ่งยง
เรือม้าหน้ามุ่งน้ำ................แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง  
เพียงม้าอาชาทรง............. องค์พระพายผายผันผยอง
เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน..........โจนตามคลื่นฝืนฝ่าฟอง
ดูยิ่งสิงห์ลำพอง............... เป็นแถวท่องล่องตามกัน
นาคาหน้าดังเป็น.............ดูเขม้นเห็นขบขัน
มังกรถอนพายพัน............ทันแข่งหน้าวาสุกรี  
เลียงผาง่าเท้าโผน............ เพียงโจนไปในวารี
นาวาหน้าอินทรี.............. มีปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม
ดนตรีมี่อึงอล ................. ก้องกาหลพลแห่โหม
โห่ฮึกครึกครื้นโครม........โสมนัสชื่นรื่นเริงพล
กรีฑาหมู่นาเวศ...............จากนคเรศโดยสาชล  
เหิมหื่นชื่นกระมล........... ยลมัจฉาสารพันมี


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: โก๋แก่ ที่ 25 เม.ย. 05, 12:12
   

หากมีการ โหวต กระทู้ ขอยกกระทู้ นี้ เป็นกระทู้ดีเด่น แห่งปี

ติด ท๊อป เทน ในหัวข้อภาษาใน 6 วัน

อัตราผู้ เข้าชมกับ ผู้ตอบ ดีที่สุด

ประโยชน์เชิง สร้างสรรค์ ดีเยี่ยม

ใครเห็น สถิติอื่นๆ ช่วย ประเมินด้วย
ท่านคณาจารย์ทั้งหลาย คงเคยเห็นกระทู้และคำตอบกระทู้ ของผู้ลงกระทู้ นี้ มาบ้างแล้ว(เนยสด)
อยาก ให้ลอง ประเมินศักยภาพ ในความรู้ความสามารถ ของท่านผู้นี้เพื่อเป็น ขวัญ และ กำลังใจ ที่จะทำประโยชน์แก่ การเรียนรู้ของ เยาวชน และประเทศชาติใน อนาคต






กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 เม.ย. 05, 13:02
 เป็นที่น่ายินดีครับพี่โก๋แก่ ที่มีคนรักในรสวรรณคดีไทยกัน
อะไร อะไร จะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่จะบอกว่าเราคือคนไทยก็คือ"ภาษา"
สงสัยว่าคุณ"เทาชมพู"จะรุ่นไล่เลียกันกับผม
ถ้าผมเรียนอักษรศาสตร์ก็อาจได้เป็นเพื่อนคุณเทาชมพูที่จุฬาก็ได้
เพราะผมก็ต้องท่องกาพย์แห่กระบวนเรือตอนอยู่ ม.ปลายเช่นกันครับ(ตอนนั้นเป็น ม.ศ. 4 - 5
แล้วก็ชอบมาก ได้อ่านที่คุณเทาชมพูแปะมาให้แล้วก็ระลึกสมัยที่ยังท่องกาพย์ห่อโคลง (ไม่แน่ใจเรียกถูกหรือเปล่า)
ผมอาจจะจำมาผิด ตรง

เรือริ้วปลิวธงสลอน

ผมจำมาเป็น

เรือริ้วทิวธงสลอน

รบกวนคุณเทาชมพูตรวจสอบด้วยนะครับ
อย่าคิดว่าจับผิดกันนะครับ ถ้ารู้สึกไม่ดี ผมขออภัยล่วงหน้าไว้ก่อนเลย
ผมมักจะถูกต่อว่าเรื่องใช้คำพูดไม่ค่อยเหมาะอยู่บ่อย ๆ แต่จริงใจก็ไม่ได้คิดล่วงเกินใครเลย เพียงอยากเสนอความคิดเห็นเท่านั้น


ที่ชอบมากอีกอันก็เห่ชมเครื่องคาวหวาน เห่ชมปลา ร่ายยาวมหาพระเวศสันดร ชาดก
ชอบเกือบทุกเรื่องที่เป็นวรรณคดีไทย    


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 เม.ย. 05, 13:21
 กลับไปเช็คดู  จากวรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่มที่พิมพ์โดยกรมศิลปากร
อาจารย์จำถูกค่ะ ดิฉันจำผิด
แก้ไขแล้วนะคะ  ขอบคุณมากที่ท้วงติง

ไม่เคยถือว่าจับผิดค่ะ  อย่ากังวลเลย
ว่างๆจะเอาบทจากเห่เรื่องอื่นๆที่อาจารย์ชอบ มาลง เพื่อฟื้นความหลังกันอีกที

คุณโก๋แก่  ถ้าคุณเนยสดเป็นเด็กนักเรียนม.ปลายอย่างที่แจ้งไว้ในฟอร์มประวัติ
ก็น่ายินดีมากที่เด็กม.ปลายสายวิทย์ สนใจภาษาไทยมากอย่างนี้  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: dinsor ที่ 25 เม.ย. 05, 13:45
 ชนวนชวนชนาง    ชนะข้างเคียงชบา
ชมดชม้อยตา       มองชม้ายชไมเหมือน
ชนิดชิดชนัก        ชอุ่มหนักชอ่ำเตือน
ชอื้อชวาเยือน      ชโลงใจได้ชโลม ( ชโลมใจได้ชโลง) วรรคสุดท้ายนี่ไม่แน่ใจค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 เม.ย. 05, 15:11
ขอบคุณในภาพดอกไม้สวย ๆ ครับ
ผมไม่ได้แค่ชอบวรรณคดีไทยธรรมดานะครับ
นึกอิจฉาเด็กศิลป์ด้วยที่ได้เรียนประวัติวรรณคดีไทยและการประพันธ์
ถึงกับไปซื้อประวัติวรรณคดีที่แต่โดยอาจารย์เสนีย์ วิลาวัลย์(ถ้าจำชื่ออาจารย์ผิดก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย)
มานั่งอ่านเรียนด้วยตัวเองควบคู่กับการเรียนสายวิทย์ ฯ
เรื่องที่ชอบมากก็ยังมี สามัคคีเภทคำฉันท์ ของนายชิต บุรทัต ครับ
ชอบถึงขนาดอ่านแล้วแต่งใหม่เป็นคำกลอนทั้งเรื่องแบบย่อ ๆ ลงตีพิมพ์ในหนังสือรุ่นทีเดียว
เสียดายที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเอามาก ๆ ก็เลยตัดใจเรียนวิทยาศาสตร์

คุณเนยสดนี่ คงมีอะไรคล้าย ๆ ผมหลายอย่าง น่าจะมาเกิดเป็นลูกชายผมนะ
อายุเท่าลูกชายคนเล็กผมพอดี    แต่ลูกผมไม่ค่อยสนใจเรื่องราวทางภาษา สนใจแต่วิทยาศาสตร์ครับ


นานาประเทศล้วน ... นับถือ
คนที่รู้หนังสือ .......... แต่งได้
ใครเกลียดอักษรคือ .....คนป่า
ใครเยาะกวีไซร้  ........แน่แท้คนดง

ผู้รู้ช่วยตรงสอบด้วยนะครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 เม.ย. 05, 17:28
 อะไรเอ่ย
อยู่กับบ้านติดประตู  อยู่กับครูติดคารม
 


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เหลนนางพญา ที่ 25 เม.ย. 05, 19:33
 มัจฉาปลานิล ของกินแสนอร่อย
ได้กินบ่อย ๆ เพราะปิติแสนดี
จึงขอขอบใจ ขอให้มั่งมี
รวยเป็นเศรษฐี เพราะปลานิลเทอญ

แหะ ๆ คิดถึงปิติและเพื่อนๆ จังเลยครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เหลนนางพญา ที่ 25 เม.ย. 05, 19:40
 วันหนึ่งม้าแก่ นอนแผ่ชูคอ เด็กสิบคนรอ ขอขี่ทุกวัน
บ้างว่าแก่ไป จะไม่ขี่มัน เก้าคนพากัน อยู่บ้านพอใจ
มีเด็กหนึ่งคน ซนจะขี่ม้า เอาไม้ตีขา ให้พาวิ่งไว
ม้าลุกเด็กแย่ ล้มแผ่ลงไป ม้าวิ่งไม่ได้ ล้มทับ เด็กซน

นี่ก็อีกบทหนึ่งครับ ที่จำได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นกลอนเก่าโบราณ แต่ทุกครั้งที่นึกถึงกลอนบทต่าง ๆในหนังสือภาษาไทย (ที่โดนคุณแม่ซึ่งเป็นครูภาษาไทย บังคับให้ท่อง) แล้วจะต้องอมยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้งเลยครับ คิดว่าคนรุ่นเดียวกับผมก็คงมีความรู้สึกเช่นเดียวกันนะครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 25 เม.ย. 05, 20:11
 พระนลคำหลวง

ดูรากุลบุตร์เชื้อ..........ชาติชาย ไทยเอย
อันชาติรุ่งเรืองฉาย......เฉิดแท้
แม้ไร้กะวีอาย............ทั้งชาติ เจียวพ่อ
เขาจะเยาะเล่นแม้.......หมดผู้รู้ดี

กะวีสง่าแม้น..............มณีสาร
คำเพราะคือสังวาลย์....กอบแก้ว
ควรเพิ่มพิริยการ.........กะวีเวท เทอญพ่อ
กอบกิจประเสริฐแล้ว....ไป่ต้องร้อนตัว

อย่ากลัวถูกติพ้น..........เกินสมัย หน่อยเลย
ใครเยาะก็ช่างใคร........อย่าเก้อ
เราไทยอักษรไทย.......เราแต่ง สิฮา
ใครติสิคือเส้อ.............ไม่รู้สีสา

นานาประเทศล้วน.........นับถือ
คนที่รู้หนังสือ...............แต่งได้
ใครเกลียดอักษรคือ......คนป่า
ใครเยาะกะวีไซร้...........แน่แท้คนดงฯ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 25 เม.ย. 05, 20:16
 โคลงโต้ตอบ (อีกครั้ง) กับศรีปราชญ์และพระเจ้าเชียงใหม่นะคะ

พระเจ้าเชียงใหม่: ศรีเอยพระเจ้าหื้อ.......ปางใด
ศรีปราชญ์:.........ปางเมื่อเสด็จไป.........ป่าแก้ว
พระเจ้าเชียงใหม่: รังสี บ่ สดใส.............สักหยาด
ศรีปราชญ์:.........ดำแต่นอกในแผ้ว.......ผ่องเนื้อนพคุณ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 เม.ย. 05, 22:16
 .... ความเอ๋ยความรัก
แรกสมัครชั้นต้น ณ หนไหน
เริ่มจำเพาะเหมาะกลางวางหัวใจ
หรือเริ่มในสมองตรองจงดี
แต่แรกเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง
อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่
ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี
ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย

... ตอบเอ๋ยตอบถ้อย
เกิดเมื่อเห็นน้องน้อยอย่าสงสัย
ตาประสบตารักสมัครไซ้ร
เหมือนหนึ่งให้อาหารสำราญครัน
แต่ถ้าแม้สายใจไม่สมัคร
เหมือนฆ่ารักเสียแต่เกิดย่อมอาสัญ
ได้แต่ชวนเพื่อนยามาพร้อมกัน
ร้องรำพันสงสารรักหนักหนาเอย

ไม่แน่ใจว่า ตอน ม. 2 หรือ ม. 3 จากบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 เรื่อง"เวนิสวานิช"


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 เม.ย. 05, 22:24
 นอกจากจิงโจ้ แล้วก็ยังมีตุ๊ดตู่ ด้วยครับ

ตุ๊ดเอ๋ยตุ๊ดตู่
ในเรี่ยวในรูช่างอยู่ได้
ขี้เกียจนักหนาระอาใจ
มาเรียกให้กินหมากไม่อยากคบ
ชาติขี้เกียจเบียดเบียนพวกเพื่อนบ้าน
การงานสักนิดก็คิดหลบ
ตื่นเช้าเราหมั่นขยันพลบ
ไม่ของพบชาติขี้เกียจเกลียดนักเอย


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 เม.ย. 05, 22:57
 เอามาฝากคุณพี่โก๋แก่ครับ

....อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุตส่าห์
มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน
จะตกถิ่นฐานใดคงไม่แคลน
ถึงยากแค้นก็พอยังประทังตน

อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว
แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล

อาจจะชักเชิดชูฟูสกนธ์
ถึงคนจนพงศ์ไพร่คงได้ดี
เกิดเป็นชายชาวสยามตามวิสัย
หนังสือก็ไม่รู้ดูบัดสี
ต้องอับอายขายหน้าทั้งตาปี
ถึงผู้ดีก็คงด้อยถอยตระกูล
จะต่ำเตี้ยเสียชื่อว่าโฉดช้า
จะชักพายศลาภให้สาบสูญ
ทั้งขายหน้าญาติวงศ์พงศ์ประยูร
จะเพิ่มพูนติฉินคำนินทา
หนึ่งหนังสือหรือตำรับฉบับบท
เป็นของล้วนควรจดจำศึกษา
บิดาปู่สู้เสาะสะสมมา
หวังให้บุตรนัดดาได้ร่ำเรียน
จะได้ทราบบาปบุญทั้งคุณโทษ
ปะบุตรโฉดต่ำช้าก็พาเหียร
ไม่สมหวังดังบิดาปู่ตาเพียร
แล่นจำเนียรแพลงพลัดกระจัดกระจาย

. จำไว้นานเต็มทีคงมีพลาด
เห็นประหลาดโปรดด้วยช่วยแก้ไข
อักขราวาทีที่เขียนไป
มาจากใจสู่ใจไปถึงกัน
ด้วยความรักปั้กใจในภาษา
แม้ตรึกตราในใจไม่แม่นมั่น
วอนมิ่งมิตรร่วมด้วยมาช่วยกัน
สืบสานวรรณคดีไทยให้ยั่งยืน


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 เม.ย. 05, 08:01
 เห่ครวญ ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ ค่ะ

รอนรอนสุริยคล้อย.........สายัณห์
เรื่อยเรื่อยเรื่อแสงจันทร์......ส่องฟ้า
รอนรอนจิตกระสัน......... เสียวสวาท   แม่เอย
เรื่อยเรี่อยเรียมคอยถ้า......ที่นั้นห่อนเห็น ฯ



   เรื่อยเรื่อยมารอนรอน........สุริยาจรเข้าสายัณห์
เรื่อรองส่องสีจันทร์ .............ส่งแสงกล้าน่าพิศวง
   ลิ่วลิ่วจันทร์แจ่มฟ้า........... เหมือนพักตราหน้านวลผจง
สูงสวยรวยรูปทรง............... ส่งสีเจ้าเท่าสีจันทร์
   เอวอ่อนชอ้อนองค์.............โฉมอนงค์ทรงสาวสวรรค์
หาไหนไม่เทียมทัน...............ขวัญเนตรพี่นี้น่ารัก
   ขาวสุดพุดจีบจีน............... เจ้ามีสีนพี่มีศักดิ์
ทั้งวังเขาชังนัก.....................แต่พี่รักเจ้าคนเดียว
   นอนนั่งตั้งอาลัย................สายสุดใจไม่แลเหลียว
หวังชมสมกลมเกลียว............ควรฤาน้องข้องใจเคือง
   ขาวสุดพุดซ้อนแซม..........เนื้อแอร่มอร่ามเหลือง
โฉมอ่ากว่าทั้งเมือง.............. หนแห่งใดไม่เหมือนเลย
   ได้น้องทองนพมาศ.......... มาสังวาสพาดชมเชย
ร่วมเรือนเพื่อนพิงเขนย ........ เคยวิงวอนอ่อนหวานคำ
   ฝนตกยกปีกป้อง................ฟ้าร้องต้องเอาตนงำ
ชิดเชื้อเนื้อนวลขำ.................. อ่อนละมุนอุ่นอกเรียม
   รักนุชสุดสายใจ.................ต้องฤทัยไม่เท่าเทียม
ขอต้องน้องอายเหนียม ........... เกรียมจิตเจ้าเฝ้าทุกข์ทน
   ฝนตกฝนหากตก................ แก้วกับอกอย่าโกรธฝน
ลมพัดรับขวัญบน.................. แก้วโกมลมานอนเนา
   ฝนตกไม่ทั่วฟ้า................  เย็นแหล่งหล้าในภูเขา
ไม่เย็นในอกเรา..................... เพราะเพื่อนเคล้าเจ้าอยู่ไกล
   เรียมร่ำน้ำตาตก................ อกร้อนรุ่มดังสุมไฟ
แสนคะนึงถึงสายใจ ................ เจ้าไกลสวาทนิราศเรียม


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 26 เม.ย. 05, 15:39
 ผมก็แค่เด็กม.ปลายคนหนึ่งที่รักภาษาไทยครับ
กลอนอันสุดท้ายของอ.นิรันดร์คงแต่งใหม่หรอครับ

สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน
ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม
กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม
อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม
แม้ล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปลื้ม
ดังดูดดื่มบอระเพ็ดต้องเข็ดขม
ผู้ดีไพร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์
ใครฟังลมเมินหน้าระอาเอย

เสียงลือเสียงเล่าอ้าง......อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร.......ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล........ลืมตื่นฤาพี่
สองพี่คิดเองอ้า............อย่าได้ ถามเผือ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: โก๋แก่ ที่ 26 เม.ย. 05, 15:57
   

โป้ง แล้ว อ.นิรันดร์ ว่า โก๋ฯ เกียจคร้านไม่เรียนหนังสือ
ก็ไม่มีใครเขารับ นี่ เขากลัวตายที่โรงเรียน

ภาษาไทย โก๋ฯแย่เต็มที ลองท่อง ก-ฮ เล่นอยู่หลายเที่ยวกว่าจะครบ 44 ตัว
เดี๋ยวนี้ ต้องพึ่ง กี๋(สาว) เรื่องภาษา แล้ว ฮิฮิ


         


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 26 เม.ย. 05, 18:23

ชวนชมสีชมพูจากสวนในบ้านผมครับ
น่าชมเหมือนกับกลอนกาพย์ที่น่าอ่านของคุณเทาชมพู
อ่านบทนี้แล้วให้นึกถึงตอนที่จีบคุณแม่ของเด็กที่บ้าน
ตอนนั้นก็นาน 33 ปีมาแล้ว ก็ท่องกาพย์บทนี้เล่นกันอยู่ครับ    
ลืมไปเกือบหมดแล้ว
จะพยายามท่องอีกรอบไปทำเซอร์ไพรซ์เธอครับ ขอบคุณมากคุณเทาชมพู

ใช่แล้วครับคุณเนยสด กลอนนี้แต่ขึ้นวันที่ 25 เม.ย.2548 เวลาเกือบ ๆ 5 ทุ่มเห็นจะได้  

อ้าวพี่โก๋แก่ มาโป้งกันได้อย่างไร  
ก็พี่โก๋แก่ถามมาเองนะครับ  
แต่ผมทวนให้ตั้งแต่ต้นให้ด้วยครับ แล้วก็ต่อให้จนจบ
กว่าจะจบ มือแทบหงิกเชียวนะเนี่ย

อย่าเกียจคร้าน...
เป็นความต่อกันกับ
อันความรู้....

แต่งโดยพระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย)

พี่โก๋แก่ ไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาไทยหรอกครับ

รู้ไฟฟ้าให้กระจ่างแต่อย่างเดียว .  ถึงไม่เชี่ยววรรณคดีก็มีค่า
ช่วยกันจรรโลงไทยพัฒนา . ชาววิชาการด็อทคอมสดุดี
ตอบปัญหาสารพันที่ท่านถาม . โก๋ก็ตามไปตอบเกือบทุกที่
สนุกปนวิชาการบรรดามี . ทั้งไมตรีที่ให้จะไม่ลืม

 


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 26 เม.ย. 05, 23:00
 ช่างประหลาดแต่งกลอนได้ดังใจคิด.....ทั้งฟิสิกส์ก็เชี่ยวชาญเป็นนักหนา
ความงดงามธรรมชาติต่างนานา..........ยิ่งความงามของพฤกษาพนาไพร
ที่กล่าวมาขช้างตันใช่ใครอื่น..............หนึ่งในหมื่นคงยังหามิได้
คืออาจารย์นิรันดร์คนนี้ไง..................เราคนไทยภูมิใจตัวท่านเอย

ฝักชวนชมผมแก่แล้วนะครับ อีกไม่กี่วันคงเอาเมล็ดออกมาได้
หากท่านใดต้องการปลูกชวนชม ติดต่อมาได้นะครับ
นอกเรื่องไปไกลแล้วครับ กลับมาเรื่องกลอนเก่าดีกว่าครับ

เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม.......ดนตรี
อักขระห้าวันหนี..........เนิ่นช้า
สามวันจากนารี...........เป็นอื่น
วันหนึ่งเว้นล้างหน้า......อับเศร้าศรีหมอง


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ALoHA ที่ 26 เม.ย. 05, 23:22
 ขอแจมด้วยคนอีกรอบ

น่านน้ำนองดินค่อยรินไหล
พึมพำแผ่วไหวเป็นวงวิ่ง
ไม้ครึ้มเงาคล้อยค่อยอ่อนอิง
ลุ่มลำน้ำปิง...พิงค์นคร

เช้าหมอกดอกฝ้ายกระจายฟ้า
ไหลยืนผืนผ้าบ่พักผ่อน
กงกวักกงกว้างกลางดินดอน
เป็นฟ่อนเป็นไยย้อมน้ำคราม

แผ่นดินรินน้ำไม่เคยสิ้น
น้ำเลี้ยงแผ่นดินอยู่หลากหลาม
ไหลชื่นรื่นเย็นไม่เว้นยาม
น้ำงามคนงามสะท้อนเงา

เจียระไนน้ำสวยด้วยแสงแดด
วงแวดเวิ้งว้างหว่างขุนเขา
ฝากดินฟ้าด้วยช่วยแนบเนา
อยู่เหย้าประจำยามรักน้ำปิง

ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยด้วย เพราะพิมพ์มาจากความจำ
บทประพันธ์ของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
หนังสือเขียนแผ่นดิน
อ่านแล้วรู้สึกดี อบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 27 เม.ย. 05, 22:44
 เพราะจังเลยครับคุณ ALoHA


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: กะเรกะร่อน ที่ 28 เม.ย. 05, 01:29
 น้องใหม่ขอแจมค่ะ...

บทนี้ชอบมาก  จาก "ขุนช้างขุนแผน"

เมื่อแรกว่าเนื้อทับทิมแท้
.มาแปรเป็นพลอยหุงไปเสียได้
กาลวงว่าหงส์ให้ปลงใจ
ด้วยมิได้ดูหงอนแต่ก่อนมา
คิดว่าหงส์จึงหลงด้วยลายย้อม
ช่างแปลงปลอมท่วงทีดีหนักหนา
ดังรักถิ่นมุจลินท์ไม่คลาดคลา
พอลับตาฝูงหงส์ก็ลงโคลน

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

"นิราศเดือน"  (นายมี)

จะว่าโศกโศกอะไรที่ในโลก
ไม่เท่าโศกใจหนักเหมือรักสมร
จะว่าหนักหนักอะไรในดินดอน
ถึงสิงขรก็ไม่หนักเหมือนรักกัน
จะว่าเจ็บเจ็บแผลพอแก้หาย
ถ้าเจ็บกายชีวาจะอาสัญ
แต่เจ็บแค้นนี่แหละแสนจะเจ็บครัน
สุดจะกลั้นสุดจะกลืนขืนอารมณ์
จะว่าขมขมอะไรในพิภพ
ไม่อาจลบบอระเพ็ดที่เข็ดขม
ถึงดาบคมก็ไม่สุ้คารมคม
จะว่าลมลมปากนี้มากแรง
จะว่าเมาเมาอะไรก็ไม่หนัก
อันเมารักเช่นนี้มีทุกแห่ง
เกิดยุ่งยิ่งชิงกันถึงฟันแทง
ใครพลาดแพลงล้มตายวายชีวา

^^


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: กะเรกะร่อน ที่ 28 เม.ย. 05, 15:58
 อยากได้บทเต็มของกลอนบทนี้ของ อ.สุจิตต์ วงษ์เทศน่ะค่ะ
หรือว่านี่คือบทเต็มแล้ว?  เคยได้ยินแค่นี้

เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก
ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน
ไม่รักกูกูก็จักไม่รักใคร
เอ๊ะน้ำตากูไหลทำไมฤา


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 05, 18:03
โอ้อกเรามีกรรมทำไฉน
จึงจะได้แนบชิดขนิษฐา
ได้แต่ชื่อไว้ชมตรมอุรา
ถึงได้ผ้าไว้ห่มก็ตรมใจ

ถึงได้แหวนไว้ชมก็ตรมจิต
ไม่เหมือนได้มิ่งมิตรพิสมัย
ได้ของอื่นหมื่นแสนในแดนไตร
ไม่เหมือนได้นิ่มน้องประคองนอน

จะว่าโศกโศกอะไรที่ในโลก
ไม่เท่าโศกใจหนักเหมือนรักสมร
จะว่าหนักหนักอะไรในดินดอน
ถึงสิงขรก็ไม่หนักเหมือนรักกัน

จะว่าเจ็บเจ็บแผลพอแก้หาย
ถ้าเจ็บกายแล้วชีวาจะอาสัญ
แต่เจ็บแค้นนี่แลแสนจะเจ็บครัน
สุดจะกลั้นสุดจะกลืนขืนอารมณ์

จะว่าขมขมอะไรในพิภพ
ไม่อาจลบบอระเพ็ดที่เข็ดขม
ถึงดาบคมก็ไม่สู้คารมคม
จะว่าลมลมปากนี้มากแรง

จะว่าเมาเมาอะไรก็ไม่หนัก
อันเมารักเช่นนี้มีทุกแห่ง
เกิดยุ่งยิ่งชิงกันถึงฟันแทง
ใครพลาดแพลงล้มตายวายชีวา

จากนิราศเดือน   ของนายมี(หลวงศุภมาตรา) ศิษย์สุนทรภู่


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: โก๋แก่ ที่ 28 เม.ย. 05, 21:29
   

รู้ไฟฟ้าให้กระจ่างแต่อย่างเดียว . ถึงไม่เชี่ยววรรณคดีก็มีค่า
ช่วยกันจรรโลงไทยพัฒนา . ชาววิชาการด็อทคอมสดุดี
ตอบปัญหาสารพันที่ท่านถาม . โก๋ก็ตามไปตอบเกือบทุกที่
สนุกปนวิชาการบรรดามี . ทั้งไมตรีที่ให้จะไม่ลืม

ขอบคุณ หลายๆ จะตอบให้บ้าง ถ้าคิดออก จะท่องไว้ครับ
น้อมรับด้วย ขอบคุณ



         


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 28 เม.ย. 05, 21:38
 ขอบคุณที่มีผมอยู่ในหัวใจครับ
แม้เพียงทราบว่าคิดก็ยินดีแล้ว
   


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: โก๋แก่ ที่ 29 เม.ย. 05, 00:01
     

แด่ อ.นิรันดร์ แห่ง ม . หหานคร


ขอบคุณกำลังใจให้โก๋แก่................. เป็นมิตรแท้ที่ดีมีแก่นสาร
อาจารย์นิรันดร์ความคิดสง่างาม...........   ตอบคำถามชาวดอทคอมทุกทุกคน
ความเก่งกาจทางฟิสิกส์เป็นที่หนึ่ง........... รู้ลึกซึ้งวรรณคดีมีเหตุผล
เชียวขาญภาพถ่ายกว่าหลายคน,,,,,,,,,,,, อีกทั้งมากล้นน้ำใจและไมตรี





กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 29 เม.ย. 05, 18:22
 ตายแล้ว...เล่นมาตั้งนานเพิ่งจะทราบว่า อ.นิรันดร์สอนอยู่ที่ ม.มหานคร ดิฉันเองก็มีรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยได้รับทุนมาเรียน แล้วก็กลับไปสอนที่นั่นเช่นกันค่ะ

ออกนอกเรื่องอีกแล้ว ขอวกกลับเข้ามาที่กลอนดีกว่า

กลอนสุภาพ
อันที่จริง....คนเขาอยาก..ให้เราดี
แต่ถ้าเด่น...ขึ้นทุกที........เขาหมั่นไส้
จงทำดี......แต่อย่าเด่น....จะเป็นภัย
ไม่มีใคร.....เขาอยากเห็น.เราเด่นเกิน

บทประพันธ์ของ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ)


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: กะเรกะร่อน ที่ 30 เม.ย. 05, 13:38
 ๐ อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ
ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก
จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย

(เพลงยาวถวายโอวาท)

๐ ใครลืม ลืมใคร ใจรู้
ใครอยู่ใครไปใจเห็น
ใครสุข ใครเศร้า เช้าเย็น
ใจเป็นที่แจ้งแห่งเรา
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครเบื่อ ใครบ่น ทนเอา
ใจเราร่มเย็นเป็นพอ

ชาญ  สิโรรส


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 30 เม.ย. 05, 20:05
...ไหนว่าไม่เป็นไง พี่โก๋แก่    ..... แต่ที่แท้ใช้ได้ไม่เป็นสอง
ทั้งปลูกยอพอชื่นใจไม่เป็นรอง .....แล้ววรรคทองคงจะมาไม่ช้าที
ขอบพระคุณ คำชมประโลมให้ ... เปรียบดั่งไม้ได้พิรุณอรุณศรี
ก็ผลิดอกออกช่อชูทวี .................. ทิพย์วาทีที่กล่าวพราวพร่างพรู
น้ำใจมีให้กันนั้นประเสริฐ ........... มิเพียงเพลิดเพลินอ่านคำหวานหรู
แต่เตือนใจให้หมั่นมั่นเป็นครู ...... สาธยายความรู้ต่อต่อไป
แม้มิมีสิ่งใดจะให้ตอบ ................ ก็ขอมอบคำมั่นสัญญาให้
จะรับใช้ประชาชนประเทศไทย .. จวบชีวันบรรลัยใคร่หยุดเอย



อย่างนี้ ก็เรียกว่าพบญาติสิครับคุณ caeruleus  

อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ลมปากหวานหูมิรู้หาย
อันเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายนั้นให้เหน็บเพราะเจ็บใจ

อันโบราณท่านว่าเหล็กแข็งกระด้าง
เอาเงินง้างอ่อนตามความประสงค์

........ อันใดย้ำแก้มแม่ . หมองหมาย
ยุงเหลือบฤาลิ้นพราย .... ลอบกล้ำ
ผิวชนแต่จักกราย .......... ยังยาก
ใครจักอาจให้ช้ำ ........... ชอกเนื้อเรียมสงวน

อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป
ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช
จัตุบาทกลางปีพนาสินธุ์
แม้ปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน
ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ
อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
แม้สงสัยไม่สิ้นในวิญญาณ์
จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 02 พ.ค. 05, 02:16
 ปางนั้นสมเด็จพระเวสสันดรอดุลดวงกษัตริย์
ตรัสทอดพระเนตรเห็นพระอัคเรศถึงวิสัญญีภาพสลบลงวันนั้น
พระทัยท้าวเธอสำคัญว่าพระนางเธอจะวางวาย
สะดุ้งพระทัยหายว่าโอ้อนิจจามัทรีเจ้าพี่เอ๋ย
หวังว่าจะให้ชุ่มชื้นฟื้นสมปฤดีคืน แห่งนางพระยานั้นแล

จากร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีค่ะ
เห็นอาจารย์นิรันดร์หยอดไว้ เลยไปรื้อมาจากงานที่เคยทำส่งอาจารย์สมัยเรียน ม.3 น่ะค่ะ

มีอีกบทหนึ่งเป็นกลอนที่ท่องกันเล่นๆกับเพื่อน โดยที่ไม่รู้ที่มาที่ไป อาจจะเพี้ยนไปบ้าง รบกวนชี้แนะด้วยนะคะ

  ศักดิ์แม่หญิงยิ่งกว่ามหาศักดิ์
แต่กูรักศักดิ์หยิ่งกูยิ่งกว่า
นอกกลางดินกินทรายอยู่กลางนา
ไม่แบกหน้าตายบนตักตำหนักใคร


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ชาหณวี ที่ 02 พ.ค. 05, 13:57
 จำได้ว่ามีบทหนึ่งชอบมากค่ะ จากท้าวแสนปม...อันของสูงแม้ปองต้องจิต...

...ในลักษณ์นั้นว่าน่าประหลาด
เป็นเชื้อชาติกษัตริย์กลั่นกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา
ฤๅจะกล้าแต่เพียงวาที
เห็นแก้วแวววับที่จับจิต
ไยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี
อันมณีฤๅจะโลดไปถึงมือ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤๅ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ
ฤๅจะยื้อถือได้โดยไม่ยอม
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง
คงชวดดวงบุปผชาติสะอาดหอม
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี...

แล้วก็อีกบทวีจำไม่ได้หมด ขาด ๆ เกิน ๆรู้แต่ความหมายดีมาก ใครพอจะทราบช่วยอนุเคราะห์ให้จบบทด้วยเถอะค่ะ
...วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าจากเมืองไกล
ต้องยากลำบากไป จึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้า เป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธา...
ใครจำได้ช่วยทีเถอะค่ะ อยากได้มาก ๆ เพราะความหมายดี ขอคิดดีจริง ๆ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: กะเรกะร่อน ที่ 02 พ.ค. 05, 14:25
 วิชาเหมือนสินค้า
อันมีค่าอยู่เมืองไกล
ต้องยากลำบากไป
จึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้า
เป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธา
แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ
นิ้วเป็นสายระยาง
สองเท้าต่างสมอใหญ่
ปากเป็นนายงานไป
อัชฌาสัยเป็นเสบียง
สติเป็นหางเสือ
ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง
ถือไว้อย่าให้เอียง
ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา
ปัญญาเป็นกล้องแกล้ว
ส่องดูแถวแนวหินผา
เจ้าจงเอาหูตา
เป็นลาต้าฟังดูลม
ขี้เกียจคือปลาร้าย
จะทำลายให้เรือจม
เอาใจเป็นปืนคม
ยิงระดให้จมไป
จึงจะได้สินค้ามา
คือวิชาอันพิสมัย
จงหมั่นมั่นหมายใจ
อย่าได้คร้านการวิชา

เอามาฝากคุณ ชาหณวี ค่ะ    


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: .....Tanu ที่ 03 พ.ค. 05, 11:29
 ..................เมื่อ ทศกรรฐ์เห็นนางสีดา

พิศพักตร์ผ่องพักตร์ดัง            พิศขนงก่งงอนดังคันศิลป
พิศเนตรดังเนตรมฤคิน       พิศทนต์ดังนิลอันเรียบราย
พิศโอษฐ์ดังหนึ่งจะแย้มสรวล       พิศนวลดังสีมณีฉาย
พิศปรางดังปรางทองพราย       พิศกรรณคล้ายกลีบบุษบง
พิศจุไรดังหนึ่งแกล้งวาด       พิศศอวิลาสดังคอหงส์
พิศกรดังวงคชาพงศ์       พิศทรงดังเทพกินรา
พิศถันดังปทุมเกษร       พิศเอวเอวอ่อนดังเลขา
พิศผิวผิวผ่องดังทองทา       พิศจริตกิริยาจับใจ

.................ผู้ หญิงคน นี้ สวย จริง ๆ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: .....Tanu ที่ 04 พ.ค. 05, 12:04
 ................อันบน ตก ไป นิด อันนี้ แก้ ครับ

พิศพักตร์ผ่องพักตร์ดังจันทร    พิศขนงก่งงอนดังคันศิลป
พิศเนตรดังเนตรมฤคิน       พิศทนต์ดังนิลอันเรียบราย
พิศโอษฐ์ดังหนึ่งจะแย้มสรวล    พิศนวลดังสีมณีฉาย
พิศปรางดังปรางทองพราย    พิศกรรณคล้ายกลีบบุษบง
พิศจุไรดังหนึ่งแกล้งวาด       พิศศอวิลาสดังคอหงส์
พิศกรดังวงคชาพงศ์       พิศทรงดังเทพกินรา
พิศถันดังปทุมเกษร       พิศเอวเอวอ่อนดังเลขา
พิศผิวผิวผ่องดังทองทา       พิศจริตกิริยาจับใจ


...............เค้าว่า นางสีดา เป็น นางในวรรณคดี ที่สวยที่สุด  ก้ บท นี้ หล่ะ ครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เสลภูมิ ที่ 07 พ.ค. 05, 13:19
 อันนี้ไม่ทราบว่าจะเก่าหรือปล่าวนะครับ
แต่เคยได้ใช้ร้องในทำนองเพลงมะตะแบเมื่อหลายปีก่อน

โอ้จันทรจรเร่ขอบเวหา
ไร้จันทราลอยเยี่ยมเหลี่ยมสิงขร
ดูว้าเหว่เอกาอนาทร
เที่ยวเร่ร่อนหวั่นหวาดอนาถใจ

หนาวน้ำค้างพร่างพรมจะห่มเสื้อ
พออุ่นเนื้อแนบสนิทพิสมัย
ถึงลมว่าวหนาวยิ่งจะผิงไฟ
แต่หนาวใจจำกลั้นทุกวันคืน

แม้นมีคู่ชูชิดสนิทนุ่ม
เหมือนห่อหุ้มผ้าทิพย์สักสิบผืน
หอมบุปผามาลัยไม่ยั่งยืน
ไม่ชูชื่นเช่นรสพจมาน

เพราะดีครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เสลภูมิ ที่ 07 พ.ค. 05, 13:43
 "ด้วยเดิมเรื่องเมืองนั้นถวัลย์ราชย์
เรียงพระญาติพระยากงสืบวงศา
เอาพานทองรองประสูติพระบุตรา
กระทบหน้าแต่น้อยเป็นรอยพาน

พอโหรทายร้ายกาจไม่พลาดเพลี่ยง
ผู้ใดเลี้ยงลูกน้อยจะพลอยผลาญ
พระยากงส่งไปให้นายพราน
ทิ้งที่ธารน้ำใหญ่ยังไม่ตาย

ยายหอมรู้จู่ไปเอาไว้เลี้ยง
แกรักเพียงลูกรักไม่หักหาย
ใครถามไถ่ไม่แจ้งให้แพร่งพราย
ลูกผู้ชายชื่นชิดไม่ปิดบัง

ครั้นเติบใหญ่ได้วิชาตาปะขาว
แกเป็นชาวเชิงพนมอาคมขลัง
รู้ผูกหญ้าผ้าพยนต์มนต์จังงัง
มีกำลังลือฤทธิ์พิสดาร

พระยากงลงมาจับกับรับรบ
ตีกระทบทับย่นถึงชนสาร
ฝ่ายท้าวพ่อมรณาพระยาพาน
จึงได้ผ่านภพผดุงกรุงสุพรรณ

เข้าหาพระมเหสีเห็นมีแผล
จึงเล่าแต่ความจริงทุกสิ่งสรรพ์
เธอรู้ความถามไถ่ได้สำคัญ
ด้วยคราวนั้นเขารู้ทุกผู้คน

ครั้นถามไถ่ยายหอมก็ยอมผิด
ด้วยปกปิดปฏิเสธซึ่งเหตุผล
เธอโกรธาฆ่ายายนั้นวายชนม์
จึงให้คนก่อสร้างพระปรางค์พระประโทน

แทนคุณตามความรักแต่หักว่า
ต้องเข่นฆ่ากันเพราะกรรมเหมือนคำโหร
ที่ยายตายหมายหลักปักเป็นหลักประโคน
แต่ก่อนโพ้นพ้นมาเป็นช้านาน

จึงสำเหนียกเรียกย่านบ้านยายหอม
ด้วยเดิมจอมจักรพรรดิอัธิษฐาน
ครั้นเสร็จสรรพกลับมาหาอาจารย์
เหตุด้วยบ้านนั้นมีเนินศีลา

จึงทำเมรุเกณฑ์พหลพลรบ
ปลงพระศพพระยากงพร้อมพงศา
แล้วปลดเปลื้องเครื่องกษัตริย์ขัตติยา
ของบิดามารดรแต่ก่อนกาล

กับธาตุใส่ในตรุบรรจุไว้
ที่ถ้ำใต้เนินพนมประธมสถาน
จึงเลื่องลือชื่อว่าพระยาพาน
ผู้สร้างชานเชิงพนมประธมทอง"

ตัดเก็บไว้นานแล้วครับ มาจากหนังสืออะไรก็จำไม่ได้ แหะๆ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูไผ่ ที่ 07 พ.ค. 05, 15:57
 ขอนำกาพย์-กลอนใหม่ ๆ  มาร่วมเสวนาด้วยค่ะ

ความคิดสร้างสรรค์  พรสวรรค์ที่พัฒนาได้

ตอนที่ 1:  กระบวนการสร้างสรรค์ ใช่จะสั้นแค่คิดได้

กระบวนการสร้างสรรค์   ใช่จะสั้นแค่คิดได้
มิควรด่วนดีใจ             ว่าใครใครจะเห็นตาม
ความคิดวิเศษสุด           ที่ผลิผุดจนล้นหลาม
สวยสดและงดงาม         ก็เพียงตามตนว่าดี
ความคิดเป็นจุดเริ่ม       เมื่อปรับเพิ่มเติมวิถี
ทำแล้วได้ผลดี               จึงเป็นที่นิยมชม
ผู้คนจะชื่นชอบ              ตอบรับตามความเหมาะสม
ดีกว่าฝันลมลม               แล้วตรอมตรมกับความจริง


ตอนที่ 2:  หลักพื้นฐาน 8 ประการ ในการปฏิบัติการคิดสร้างสรรค์

1. คนทุกคน มีสิทธิ์ คิดสร้างสรรค์

2. ไม่ใช่ฝัน อย่างเลื่อนลอย คอยเสี่ยงหา
แต่มีจุด มุ่งหมาย ใช้ปัญญา
แก้ปัญหา สร้างประโยชน์ ขึ้นทดแทน

3. ลักษณะ ที่สำคัญ ของการคิด (สร้างสรรค์)
ชนิดที่หนึ่ง คิดวิเคราะห์ เจาะให้เห็น
สองนั้นใช้ จินตนาการ สานให้เป็น
สามปฏิบัติ ให้เห็น เป็นความจริง
สี่ร่วมมือ คือทาง ความสำเร็จ
หากหมกเม็ด อุบไว้ กลัวใครเห็น
ทำคนเดียว ไม่ไหว มันลำเค็ญ
ถึงคิดเป็น ก็ไร้ค่า น่าเสียดาย

4. ข้อมูลเพียง อย่างเดียว ไม่พอคิด

5. ต้องใช้จิต จินตนาการ ให้เห็นภาพ
หากมีการ อุปมาอุปไมย ให้คมปลาบ
ก็จะซาบ ซึมลึก นึกออกเอง

6. ปัญหา ทุกปัญหา นั้นแก้ได้
ถ้าตั้งใจ ไม่ย่อ ไม่ท้อถอย
ความฝันที่ ฝันอย่าง ไม่เลื่อนลอย
มีไม่น้อย เป็นไป ดังใจจินต์

7. การคิด สร้างสรรค์นั้น มีทั้งใช้
การคิดใน ระดับ จิตสำนึก
โดยรู้ตัว ตั้งใจ ไตร่ตรองตรึก
ใต้สำนึก ก็คิดได้ ไม่รู้ตัว

8. การคิด สร้างสรรค์นั้น ปลอดผู้แพ้
มีก็แต่ ผู้ชนะ หรือเสมอ
เพราะมีทาง ให้เลือก ตั้งพะเรอ
ย่อมได้เจอ สักทาง อย่างแปลกดี


ตอนที่ 3: ...คือสมดุลของการคิดแบบเปิดปิด...

การคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์       หลักสำคัญคือคิดให้หลากหลาย
สร้างแนวทางแปลกใหม่ให้มากมาย     แต่สุดท้ายต้องเลือกคัดตัดสินใจ
คือสมดุลของการคิดแบบเปิดปิด       เปิดก่อนปิดปิดหลังเปิดเป็นไฉน
เปิดนั้นหรือคือการคิดอเนกนัย             ปิดนั้นไซร้เอกนัยไม่โลเล

หลักการคิดอเนกนัยหกข้อนั้น          หนึ่งไม่กั้นจินตนาการที่หลั่งไหล
เปิดใจรับความคิดให้กว้างไกล       อย่ารีบด่วนตัดสินใจใส่พลัง
สองมุ่งที่ปริมาณการคิดก่อน            ถอนเรื่องของคุณภาพไว้ภายหลัง
สามยอมรับทุกความคิดที่ประดัง     ไม่อินังว่าตลกรกหูตา
สี่พยายามยืดพรมแดนแห่งความคิด    อย่าดับจิตนั่งหลับทับสมอง
จงสังเกตสิ่งรอบตัวอย่างไตร่ตรอง      หรือทดลองสิ่งดีที่ไม่เคยทำ (สิ่งที่ไตร่ตรองแล้วว่าดี)
ห้าคิดหนักแล้วสุดสุดจึงหยุดคิด       ปล่อยจิตว่างผ่อนคลายหายช้ำ
บ่มความคิดไว้ในกระบวนธรรม*       อาจผุดนำความคิดใหม่ให้สำแดง
หกฝึกคิดต่อเติมเสริมแต่ง                ดัดแปลงต่อยอดทอดเถา
เชื่อมโยงความคิดเขาเรา                 หลอมเข้าเป็นหนึ่งซึ่งติดดาว

คิดเอกนัยก็มีหลักหกข้อครบ              หนึ่งคิดอย่างเป็นระบบมีเหตุผล
วางแผนตัดสินใจให้แยบยล              สองคิดจนแจ่มกระจ่างอย่างชัดเจน
สามไม่ด่วนตัดสินใจเร็วไปนัก           หลักนี้ใช้ได้ดีทุกที่เห็น
สี่กล้าเสี่ยงวิเคราะห์เจาะประเด็น       ไม่หลีกเร้นเงื่อนงำที่สำคัญ
ห้ามองหาส่วนดีและแง่บวก              อย่ารีบลวกตัดทิ้งสิ่งมีค่า
ต้องค่อยค่อยพินิจพิจารณา              หาจุดแข็งพลังเด่นอย่างเย็นใจ
หกยึดจุดมุ่งหมายไว้เป็นหลัก            ไม่ยึกยักตามพลังที่ผลักไส
ของเหตุการณ์เฉพาะหน้าอันยวนใจ   จนเบนไปจากจุดมุ่งหมายเดิม

* กระบวนธรรม หมายถึง กระบวนการของธรรมชาติ
---------------------------------------------------------

ไพจิตร สดวกการ
ประพันธ์จากคำสอนเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ของ รศ. ดร. ประสาร มาลากุล ณ อยุธยา


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: .....Tanu ที่ 09 พ.ค. 05, 15:45
 ..........ใคร หา บท พระมเหล เถไถ... ได้ มั่ง อ่ะ ครับ ลืม ไป แล้ว จริง ๆ

.......... พระมเหลเถไถพระมไหลถา...???

..........


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 09 พ.ค. 05, 16:58
..................................... พระมเหลเถไถมะไหลถา
สถิตยังแท่นทองกะโปลา . สุขาปาลากะเปเล
วันหนึ่งพระจึงมะหลึกตึก . มะไหลไถไพรพรึกมะรึกเข
แล้วจะไปเที่ยวชมมะลมเต . มะโลโตโปเปมะลูตู
ตริแล้วพระมะเหลจึงเป๋ปะ . มะไหลไถไคลคละมะหรูจู๋
จรจรัลตันตัดพลัดพลู . ไปสู่ปราสาทท้าวโปลา

ผิดถูกช่วยกันแก้ไขนะครับ จำยากมากบทนี้


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 09 พ.ค. 05, 17:03
 อีกเรื่องที่คุณสุวรรณแต่ง(ที่ผมทราบ) นอกจากพระมเหลเถไถ ก็คือ
อุณรุทร้อยเรื่อง
และตอนที่ชอบมากก็คือบทแปลงกาย
ดูได้ที่
 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=18&Pid=4636  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 09 พ.ค. 05, 17:08
 เรื่องพระมเหลเถไถ ดูทั้งหมดได้ที่

 http://www.arts.chula.ac.th/~complit/etext/maley.htm

 


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 10 พ.ค. 05, 06:30
 ของนายมีลูกศิษย์สุนทรภู่ครับ



ถึงมีเพื่อนเหมือนพี่ไม่มีเพื่อน

เพราะไม่เหมือนนุชนาฏที่มาดหมาย

มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย

มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนกับเพื่อนชม



Amidst Friends, I'm strangely friendless,

Barred from thy nearness, my heart's desire.

Playing Friends are no friends for whom I'll die.

Manly fires can't compare with Ladie's Charms.


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 10 พ.ค. 05, 06:37
 คำแปลภาษาอังกฤษของโคลงโลกนิติ ที่คุณ caeruleus โพสต์ไว้ในความเห็นที่ 13 ภาษาอังกฤษก็เพราะดีเหมือนกัน



Tell Fire not to smoke ............. Do try !

Tell The Sun not to shine ........ Try it !

Tell Age, Don't Decline ............ To Death !

All Such Accomplished, ............ can you end Slander.


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 10 พ.ค. 05, 06:41
ส่วนบทโปรดของผมในโคลงโลกนิติ ความหมายลึกซึ้งครับ

ฝูงชนกำเนิดคล้าย ........... คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ ....... แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน ............. กันหมด
เว้นแต่ชั่วดีกระด้าง ............. ห่อนแก้ฤาไหว

Born Men are we all ........ and one,
Brown, black by the sun ..... Cultured.
Knowledge can be won ........ alike.
Only the heart differs ........... from Man to Man.


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 05, 09:02
 โคลงโลกนิติ อีกบทค่ะ

ปลาร้าพันห่อด้วย ..........ใบคา  
ใบก็เหม็นคาวปลา..........  คละคลุ้ง  
คือคนหมู่ไปหา............. คบเพื่อน  พาลนา  
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง........... เฟื่องให้เสียพงศ์

ใบพ้อพันห่อหุ้ม.............กฤษณา  
หอมระรวยรสพา..........  เพริศด้วย  
คือคนเสพเสน่หา...........นักปราชญ์  
ความสุขซาบฤาม้วย........ดุจไม้กลิ่นหอม


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 05, 09:17

จากภาษิต อิศริญาณ

ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า
 น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย
เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ
รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ

ผู้ใดดีดีต่ออย่าก่อกิจ
ผู้ใดผิดผ่อนพักอย่าหักหาญ
สิบดีก็ไม่ถึงกับกึ่งพาล
เป็นชายชาญอย่าเพ่อคาดประมาทชาย

รักสั้นนั้นอย่าให้รู้อยู่เพียงสั้น  
รักยาวนั้นอย่าให้เยิ่นเกินกฎหมาย
มิใช่ตายแต่เขาเราก็ตาย
แหงนดูฟ้าอย่าให้อายแก่เทวดา

อย่าดูถูกบุญกรรมว่าทำน้อย
น้ำตาลย้อยมากเมื่อไรได้หนักหนา
อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา
ส่องดูหน้าเสียทีหนึ่งแล้วจึงนอน


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 05, 09:19

ภาษิต อิศริญาณ (ต่อ)

ถึงบุญมีไม่ประกอบชอบไม่ได้  
ต้องอาศัยคิดดีจึงมีผล
บุญหาไม่แล้วอย่าหลงทะนงตน
ปุถุชนรักกับชังไม่ยั่งยืน
*******************
ล้องูเห่าเล่นก็ได้ใจกล้ากล้า  
แต่ว่าอย่ายักเยื้องเข้าเบื้องหาง
ต้องว่องไวในทำนองคล่องท่าทาง
ตบหัวผางเดียวม้วนจึงควรล้อ
***********************
อันเสาหินแปดศอกตอกเป็นหลัก
ไปมาผลักบ่อยเข้าเสายังไหว
จงฟังหูไว้หูคอยดูไป
เชื่อน้ำใจดีกว่าอย่าเชื่อยุ
******************
ผีมันหลอกช่างผีตามทีมัน
คนเหมือนกันหลอกกันเองกลัวเกรงนัก


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 10 พ.ค. 05, 10:19
 ยินดีที่ได้รับกลอนเรื่อยๆ ครับ
ของคุณจ้อ มีแบบแปลอังกฤษด้วย มีอีกมั้ยครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 05, 10:49
 เสียสินสงวนศักดิ์ไว้...........วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์.............สิ่งรู้
เสียรู้เร่งดำรง....................ความสัตย์ ไว้นา
เสียสัตย์อย่าเสียสู้.............. ชีพม้วยมรณา

Robbed of wealth, your pride.........maintain.
Robbed of pride, do gain.................things wise.
Robbed of wisdom, a gain,..............to faith.
Robbed even of life,.......................... in faith ye be.

ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช แปล


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 10 พ.ค. 05, 14:25
 คุณเทาชมพูครับ
ตรงอิศริญาณภาษิต

ผมคิดว่าน่าจะเป็น
เสาศิลาแปดศอกตอกเป็นหลัก ..นะครับ ลองเชคดูนิดนะครับ  

จากสุภาษิตสอนหญิง แต่ผมแอบไปอ่านทั้งที่เป็นชายเต็ม 100%

อันนัยตาพาตัวให้มัวหมอง
เหมือนทำนองแนะออกบอกกระแส
จริงไม่จริงเขาก็เอาไปเล่าแซ
คนรังแกมันก็ว่านัยตาคม

อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม
อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี
อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี
เหย้าเรือนมีกลับมาจึงหารือ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 05, 15:30
 เช็คกับเว็บโครงการหอมรดกไทย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
ได้ออกมาอย่างที่พิมพ์ค่ะ
 http://www1.mod.go.th/heritage/nation/proverb/proverb.htm  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 10 พ.ค. 05, 16:43
 ขอบคุณครับ ผมคงจำมาผิดเอง    


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูไผ่ ที่ 10 พ.ค. 05, 19:51

ขอเอากาพย์ใหม่มาร่วมแจมค่ะ

ดอกไม้ต่างสีสัน         ต่างกลิ่นพันธุ์กิ่งก้านใบ
เข็มน้อยร้อยเรียงไป    เป็นมาลัยอันโสภา
คนเราแม้นต่างจิต      ต่างความคิดต่างสาขา
สวยได้ดังมาลา          เมื่อเรามาเติมเต็มกัน

ไพจิตร สดวกการ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูไผ่ ที่ 10 พ.ค. 05, 20:09
 กาพย์ยานี eleven ค่ะ

I pray to the god          With the thought in my heart
Wishing all of us           Do good task successfully

คำสุดท้ายอ่านเร็ว ๆ ให้ได้ 3 จังหวะนะคะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: หมูปุ้ย ที่ 10 พ.ค. 05, 21:18
 ปากหนึ่งว่าโอ้พิเภกเอ๋ย   ไฉนเลยมาแกล้งฆ่าพี่
ตัวเราก็จะม้วยชีวี            ในเวลานี้ด้วยศรพิษ
ปากสอง..........

คือจำบทต่อไปไม่ได้แล้วน่ะค่ะ  แต่รู้สึกว่าชอบมากเลยค่ะ  จำได้ว่ามาจากทศกัณฑ์น่ะค่ะ   สมัยตอนเรียนก็รู้สึกรำคาญครูว่า ทำไมต้องให้ท่องตั้งเยอะตั้งแยะ  แต่พอมาตอนนี้รู้สึกเลยว่าขนาดครูสั่งให้ท่องเรายังจำได้รางเลือนขนาดนี้  แล้วถ้าไม่ท่องเลยล่ะ  เราคงไม่มีกลอนเพราะอยู่ในหัวเราเลย   เพราะฉะนั้นเด็กๆ น่าจะดีใจนะ ที่เรามีกลอนเพราะให้ท่องน่ะ

ใครรู้จักกลอนข้างบน ช่วยต่อให้หน่อยนะคะ  เพราะอยากท่องได้อีกครั้งค่ะ  ขอบคุณมากๆค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 10 พ.ค. 05, 22:39
 ปากหนึ่งว่าโอ้พิเภกเอ๋ย ............ ไฉนเลยมาแกล้งฆ่าพี่
ตัวเราก็จะม้วยชีวี .................... ในเวลานี้ด้วยศรพิษ
ปากสองว่าเจ้าจะครองยศ .......... ร่วมท้องสืบสายโลหิต
จะได้ผ่านลงกาสมคิด ............... เป็นอิสรภาพแก่หมู่มาร
ปากสามขอฝากมณโฑด้วย ........ โปรดช่วยบำรุงเป็นแก่นสาร
ทั้งอัคคีกัลยายุพาพาล .............. ฝูงสนมบริวารทั้งนั้น
ปากสี่ว่าเจ้าจะครองยศ .............. ปรากฏเป็นจอมไอศวรรย์
จงเอ็นดูสุริยวงศ์พงศ์พันธุ์ .......... โดยธรรม์สุจริตประเวณี
ปากห้าจงดำรงทศพิธ ...............  อย่าทำทุจริตให้เหมือนพี่
ตัดโลภโอบอ้อมอารี ................. แก่โยธีไพร่ฟ้าประชากร
ปากหกว่าเจ้าจงอดโทษ ............. ซึ่งกริ้วโกรธด่าว่ามาแต่ก่อน
อย่าให้เป็นเวราอาวรณ์ ...............แก่เราผู้จะจรไปเมืองฟ้า
ปากเจ็ดขอฝากนคเรศ ............... อันทรงวงศ์พรหเมศนาถา
สืบมาแต่องค์พระอัยกา ............. เมตตาอย่าให้จลาจล
ปากแปดว่าเราเลี้ยงท่าน ............ ก็ประมาณหมายใจให้เป็นผล
ตัวเราชั่วเองจึงเสียชนม์ ............. แล้วได้ร้อนรนทั้งแผ่นภพ
ปากเก้าว่าพี่จะลาตาย ............... น้องชายเมตตาช่วยปลงศพ
อย่าให้ค้างราตรีในที่รบ ............ ไตรภพจะหมิ่นนินทา
สิบปากสิ้นฝากสิ้นสั่ง ................ สิ้นกำลังสิ้นคิดยักษา
พิษศรร้อนรุ่มทั้งกายา ............... อสุรากลิ้งเกลือกเสือกไป

ผิดตกบกพร่องขอให้ช่วยกันแก้ไขนะครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 10 พ.ค. 05, 22:48

ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า ...... พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี
ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี .... ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: หมูปุ้ย ที่ 11 พ.ค. 05, 08:55
 ขอบคุณอาจารย์มากเลยค่ะ  จะรีบท่องเลยค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 พ.ค. 05, 09:29

มีใครจำอาจารย์ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา หรือ " อุชเชนี" ได้บ้าง
ท่านเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปีเดียวกับคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

บทนี้ มาจาก "ขอบฟ้าขลิบทอง"

มิ่งมิตร........    
เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น
ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน    
ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม

ที่จะร่ำเพลงเกี่ยวโลมเรียวข้าว    
ที่จะยิ้มกับดาวพราวผสม
ที่จะเหม่อมองหญ้าน้ำตาพรม    
ที่จะขมขื่นลึกโลกหมึกมน

ที่จะแล่นเริงเล่นเช่นหงษ์ร่อน    
ที่จะถอนใจทอดกับยอดสน
ที่จะหว่านสุขไว้กลางใจคน    
ที่จะทนทุกข์เข้มเต็มหัวใจ

ที่จะเกลาทางกู้สู่คนยาก    
ที่จะจากผมนิ่มปิ้มเส้นไหม
ที่จะหาญผสานท้านัยน์ตาใคร    
ที่จะให้สิ่งสิ้นเธอจินต์จง

ที่จะอยู่เพื่อคนที่เธอรัก    
ที่จะหักพาลแพรกแหลกเป็นผง
ที่จะมุ่งจุดหมายประกายทะนง    
ที่จะคงธรรมเที่ยงเคียงโลกา

เพื่อโค้งเคียวเรียวเดือนและเพื่อนโพ้น    
เพื่อไผ่โอนพลิ้วพ้อล้อภูผา
เพื่อเรืองข้าวพราวแพร้วทั่วแนวนา    
เพื่อขอบฟ้าขลิบทองรองอรุณ

 http://www.geocities.com/thailiterature/kk.htm  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูไผ่ ที่ 11 พ.ค. 05, 16:43
 จากกระทู้ CT701  
ผู้ตั้งกระทู้ถามว่า "จะสอน จะกล่าวนำอย่างไร ให้บูรณาการ"

คำตอบ

ที่เห็นชัดหัดเขียนกลอนแล้วนำเสนอ
ผ่านคอมพิวเตอร์ตกแต่งด้วยแสงสี
พร้อมบันทึกเสียงอ่านเสนาะดี
ส่งไปที่เว็บไซต์ให้ชื่นชม

หรือออกแบบ เขียนแบบ คำนวณคิด
ก็พินิจเลือกได้ตามเหมาะสม
ด้วย tools ต่าง ๆ ที่นิยม
ให้กลืนกลมผสมสาระนานา

ที่สำคัญทำได้อย่างล้ำลึก
คือการฝึกกระบวนการแก้ปัญหา
นำความรู้หลากสายหลายวิชา
มาใช้กับเรื่องราวประจำวัน

ฝึกสติก็ดีนะจะบอกให้
เชื่อมโยงไปถึงธรรมอันล้ำเลิศ
เห็นชีวิตเป็นขณะขณะปัญญาเกิด
อุปมาดูเถิดจากการสร้างภาพเคลื่อนไหว

ภาพเคลื่อนไหวที่เห็นเป็นหนึ่งภาพ
แยกอย่างหยาบก็ยังได้ตั้งหลายท่า
สั่งให้แสดงทีละภาพตามเวลา
หลอกสายตาให้เห็นเป็นหนึ่งเดียว

โยงกระบวนการดังกล่าวสู่ชีวิต
เพ่งพินิจให้ถ้วนถี่สิ่งที่เห็น
จะเข้าใจความจริงได้ไม่ยากเย็น
ว่าเป็นเช่น Animation นั่นแหละค่ะ

ไพจิตร  สดวกการ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 พ.ค. 05, 18:48
 สงสัยว่า
กลอนของคุณไพจิตร
ทำไมมีสัมผัสระหว่างบทบ้าง
ไม่มีบ้าง
ล่ะคะ  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูไผ่ ที่ 11 พ.ค. 05, 20:47
 ขอบคุณค่ะที่ช่วยอ่านให้
ปกติถ้าเขียนบรรทัดละ 2 วรรคก็จะไม่ลืม เพราะดูง่าย
พอมาเขียนบรรทัดละวรรคเดียว  เลยลืมดูค่ะ

เดี๋ยวจะปรับใหม่ค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 12 พ.ค. 05, 04:29
 โคลงโลกนิติแปล ใช้ฉันทลักษณ์แบบกลอนอังกฤษนะคะ

บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 ค่ะ

Two Kinds of Friends

Those friends in feasts only;
....Send them away!
You'll find such easily
....On any day!
But those who'd stand over
....Firmly by you,
And forsake you never!
....There are too few!

So learn to know who are
....Those "friends" So sweet;
(Those knaves who only care
....For bread and meat!)
And learn likewise to know
....Those friends who will,
Though you've fallen, bestow
....Their friendship still!


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 13 พ.ค. 05, 07:01
 สยามมานุสสติ
บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6

รักราช จงจิตน้อม............ภักดี ท่านนา
รักชาติ์ กอบกรณีย์..........แน่วไว้
รักศาสน์ กอบบุญตรี........สุจริต ถ้วนเทอญ
รักศักดิ์ จงจิตให้.............โลกซร้องสรรเสริญฯ

ยามเดินยืนนั่งน้อม...........กะมล
รำลึกถึงเทศตน...............อยู่ยั้ง
เปนรัฏฐะมณฑล.............ไทยอยู่ สราญฮา
ควรถนอมแน่นตั้ง............อยู่เพี้ยงอวสานฯ

ใครรานใครรุกด้าว...........แดนไทย
ไทยรบจนสุดใจ..............ขาดดิ้น
เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล......ยอมสละ สิ้นแล
เสียชีพไป่เสียสิ้น............ชื่อก้องเกียรติงามฯ

หากสยามยังอยู่ยั้ง...........ยืนยง
เราก็เหมือนอยู่คง............ชีพด้วย
หากสยามพินาศลง..........ไทยอยู่ ได้ฤา
เราก็เหมือนมอดม้วย........หมดสิ้นสกุลไทยฯ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 26 พ.ค. 05, 18:24
 ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์  ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย
นาคมนุษย์ครุฑาสุลาลัย สุดแต่ใจจะปรองดองประคองกัน


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 26 พ.ค. 05, 18:26
 สุราทำให้ข้าทุกข์อย่างเป็นสุข  
แต่สตรีทำให้สุขอย่างเป็นทุกข์
รักสตรีทีไรก็ได้ทุกข์
ไม่เป็นสุขแสนประหลาดวาสนา


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ดารากร ที่ 31 พ.ค. 05, 20:48
 พฤษภกาสร
อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง
สำคัญหมายในกายมี

นรชาติวางวาย
มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี
ประดับไว้ในโลกา

นรชาติ จาก กฤษณาสอนน้องคำฉันท์ค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ดารากร ที่ 31 พ.ค. 05, 21:18
 หางนกยูงระย้าเรี่ยคลอเคลียน้ำ
แพนดอกฉ่ำช้อยช่อวรจิต
งามดั่งเปลวเพลิงป่ามานิรมิต
สร้อยโสภิตอภิรุมพุ่มหัวใจ

เพชรน้ำค้างค้างหล่นบนพรมหญ้า
เย็นหยาดฟ้าพาฝันถึงวันใหม่
เคล้าเคลียหยอกดอกหญ้าอย่างอาลัย
เมื่อแฉกดาวใบไผ่ไหวตะวัน


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: Lee ที่ 01 มิ.ย. 05, 16:13
 เฉน่งไอมาเวิ้งเวา วู่กา
รูกับกาวเมิงแต่ยา มู่ไร้
ปิดเศนจะมูซ่า เคราทู่
เฉะแต่จะตอบให้ หลิ่งกล้น กล ถนาง


(ตอนเด็กๆ ตกภาษาไทย อาจจำผิดได้ครับ)
(เด็กๆอ่านอาจงง เป็นคำผวนทั้งบทนะครับ)
ต.ย. เฉน่งไอ =ไฉนเอง
ปิดเศน =เป็นศิษฐ์
ขอบคุณครับ
จำไม่ได้ว่าเอามาจากไหนครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ลำดวนเอ๋ยพี่จะด่วนไปก่อนแล้ว ที่ 04 มิ.ย. 05, 22:30

"ลำดวนเอ๋ยพี่จะด่วนไปก่อนแล้ว
ทั้งเกิดแก้วพิกุลยี่สุ่นสี
จะแรมร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี
จำปีเอ๋ยกี่ปีจะมาพบ
ที่มีกลิ่นก็จะคลายหายหอม
จะพลอยตรอมเหือดสิ้นกลิ่นตลบ
ที่มีดอกก็จะวายระคายครบ
จะเหี่ยวเฉาเซาซบสลบไป
ต้นน้อยน้อยลูกย้อยระย้าดี
ตั้งแต่นี้จะไปชมต้นไม้ใหญ่
จะทิ้งเรือนไปร้องอยู่กลางไพร
ยุ่งร่านริ้นไรจะตอมกาย
รากไม้จะต่างหมอนนอนอนาถ
ดาวดาษจะต่างไต้น่าใจหาย
ลงบันใดใจเจียนจะขาดตาย
น้ำตาตกกระจายพรั่งพรายลง"  เป็นเนื้อร้องเพลงแขกลพบุรี ตอนวันทองจากเรือนขุนช้าง อ่านก็เศร้า ยิ่งได้นักร้องสตรีเสียงดีๆมาร้อง ยิ่งได้อารมณ์เพลงนึกสงสารนางวันทองเป็นกำลัง เคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น เป็นเมียขุนแผน พอผัวไม่อยู่ก็ถูกขุนช้างใช้เล่ห์เอาตัวไป หาขุนแผนกลับมาก็พอนางลาวทองมาให้ช้ำใจอีก พอจะสบายอยู่เรือนขุนช้างก็โดนขนแผนเอาตัวไปลำบากแทบจะตายกลางป่า  สุดท้ายก็ต้องราชอาญาตายไป เวรกรรมแต่ครั้งเก่าก็มาฉุดให้ไปเกิดเป็นเปตรทนทุกข์เวทนาไม่จบสิ้น  อย่างนี้ต้องเรียกว่า "ความสวยเป็นบาป"


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 12 มิ.ย. 05, 19:22
 ทำงานฉันทลักษณ์
ย่อมต้องรักฉันทะยิ่ง
ทะลักความรักจริง
สงบนิ่งยิ่งงดงาม
ไม่ย่อวิริยะ
อักขระพยายาม
เกลาแก้แต่ละความ
ตามฉันทะไม่ละเพียร
เอาจิตตะจดจ่อ
คำอ่อนข้อต่อขีดเขียน
เป็นนายได้แนบเนียน
เวียนตรองตริวิมังสา
ไร้แล้วฉันทลักษณ์
รู้แต่รักอักษรา
กรอบคำไม่นำพา
สัมผัสค่าสมาธิ

(คำนำ หนังสือ "บ้านเก่า")


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 14 มิ.ย. 05, 16:42
 กลอนใหม่ อาจจะดี

. . . ลูกปัดพราวขาวใสบนใบเขียว . . . ทอดยาวเรียวรับอรุณอุ่นวันใหม่
ก่อนแสงทองเผาน้ำค้างให้จางไป . . . . น้ำค้างได้โอกาสดีจึงมีงาน
ฉลองรำโลดเล่นบนเรียวหญ้า . . . . . . .ไม่หวั่นว่ารวีที่คลี่ผ่าน
จะทอแสงแรงกล้ามาประจาน . . . . . . .ถึงแดดรานเราก็ทำให้ฉ่ำใบ
มุ่งมั่นงานสานร้อยทะยอยแถว . . . . . .เรียงเป็นแนวดาหน้ารอฟ้าใส
มิยอมให้คนตื่นเช้าต้องเหงานัย . . . . . .มองพวกเราทีไรใจชื่นบาน
พินิจดูใกล้ใกล้พอได้เห็น . . . . . . . . . .น้ำค้างเป็นเลนส์ดีที่กล่าวขาน
ส่องให้เห็นเส้นขยายได้เบิกบาน . . . . . เล็กก็พาลเห็นใหญ่ได้ทัดเทียม
พรุ่งนี้หนาอย่าตื่นสายจะให้เห็น . . . . . .จะมาเป็นช่วงสั้นอันสวยเอี่ยม
มาพบกันอย่าปล่อยวันให้ตรมเกรียม . . .เราจะเรี่ยมโอ่อ่าเพียงนาที

ดูภาพประกอบที่
 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=91&Pid=28584

ในความคิดเห็นเพิ่มเติมที่ 113    


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 16 มิ.ย. 05, 12:59
 ฉันท์ยอเกียรติชาวนครราชสีมา
วสันตดิลกฉันท์

   อ้าเพศก็เพศนุชอนงค์   อรองค์
ก็บอบบาง
   ควรแต่ผดุงสิริสะอาง   ศุภลักษณ์
ประโลมใจ
   ยามเข็ญก็เข็นศิริรอวย   พลช่วย
ผจญชัย
   โอ้ควรจะเอื้อนพจนไข   คุณเลิศ
มโหฬาร
   อ้าหัตถ์ก็หัตถ์สุขุมชน   มนหวน
ฤดีดาล
   ควรแต่จะถือสุรพิมาล   ยประมูล
มโนรมย์
   ยามยุทธ์ก็ถือวิวิทธอา   วุธฝ่า
ระทมตรม
   โอ้ควรจะเอื้อนพจนชม   คุณชั่ว
นิรันดร์กาล
   อ้าเสียงก็เสียงนุชอนงค์   เสนาะส่ง
กระแสหวาน
   ควรแต่จะซร้องสรประสาน   ดุริยางค์
พยุงใจ
   ยามแค้นก็แค่นกมลซร้อง   สรก้อง
กระหึ่มไพร
   โอ้ควรจะชมนุชไฉน   นะจะหนำ
มนัสปอง
   อ้าจิตก็จิตวนิดา   กรุณา
ณชนผอง   
   โอ้ควรจะเอื้อกมลครอง   ฆรชื่น
มนัสชน
   ยามยุทธนาบ่มิขยาด   มนอาจ
ผจญรณ
   โอ้ควรจะนับคุณอนน   ตเอนก
รำพัน
   อ้าจงอนงค์คคุณจุ่ง   จรฟุ้ง
ณไกรวัลย์
   

จำได้กระท่อนกระแท่น คิดว่ามีผิดหลายแห่ง และยังไม่จบ
วานผู้รู้ช่วยแก้ไขด้วยครับ
ขอบคุณครับ    


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 16 มิ.ย. 05, 16:09
 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ... มิกราช
สยามินทร์
.... . . . . . . . .   ..นรภพ
คนึงถวิล
ยามสูญทิคัมพรและดิน คุณนุช
สูญเทอญฯ

ช่วยแก้และต่อเติมให้ถูกต้องด้วยนะครับ
ผมค่อย ๆ ๆ นึก นึก ได้ดีละนิด
ขอบคุณครับ    


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูไผ่ ที่ 20 มิ.ย. 05, 22:16
 ที่เห็นชัดหัดเขียนกลอนแล้วนำเสนอ
ผ่านคอมพิวเตอร์ตกแต่งด้วยแสงสี
พร้อมบันทึกเสียงอ่านเสนาะดี
ส่งไปที่เว็บไซต์ให้ชื่นชม

หรือออกแบบ เขียนแบบ คำนวณคิด
ก็พินิจเลือกได้ตามเหมาะสม
ด้วย tools ต่างต่าง ที่นิยม
ให้กลืนกลมผสมสาระนานา

ที่สำคัญทำได้อย่างล้ำลึก    
คือการฝึกกระบวนการแก้ปัญหา
นำความรู้หลากสายหลายวิชา    
ประยุกต์มากับชีวิตประจำวัน

ฝึกสติก็ดีนะจะบอกให้       
เชื่อมโยงไปถึงธรรมค่ามหันต์
เห็นชีวิตเป็นขณะขณะอย่างฉับพลัน    
เฉกรังสรรค์ภาพเขยื้อนเคลื่อนไหวนา

ภาพเคลื่อนไหวที่เห็นเป็นหนึ่งภาพ    
แยกอย่างหยาบก็ยังได้ตั้งหลายท่า
สั่งให้แสดงทีละภาพตามเวลา    
หลอกสายตาคนได้ไม่ยากเย็น

โยงกระบวนการดังกล่าวสู่ชีวิต    
เพ่งพินิจให้ถ้วนถี่สิ่งที่เห็น
จะเข้าใจความจริงได้ไม่ลำเค็ญ   
ดุจดังเช่น Animation นั่นแหละค่ะ

ส่งงานที่แก้ไข (โดยเพื่อนช่วย) มาให้คุณเทาชมพูตรวจให้ไหม่ค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 มิ.ย. 05, 05:31
 เก่งมากค่ะ
ฉันทลักษณ์ สัมผัส ถูกต้อง
เว้นแต่คำท้ายของกลอนบทสุดท้าย
คือลงท้ายว่า ค่ะ  เป็นเสียงวรรณยุกต์โท  เราไม่นิยมใช้ในการลงคำสุดท้ายในกลอนวรรคสุดท้ายค่ะ
ใช้ได้ คือเสียงสามัญกับเสียงตรี
แต่เดี๋ยวนี้เขาก็ไม่ค่อยถือกันแล้ว    
เอาเป็นว่าดิฉันให้ A ค่ะ  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 21 มิ.ย. 05, 09:02
 คุณ"เทาชมพู"ยังพอมีหรือหาต้นฉบับฉันท์ยอเกียรติชาวนครราชสีมาพบบ้างไหมครับ ถ้ามีรบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

คุณครูไผ่กลายเป็นนักกลอนเกรด A แล้ว ยินดีดีวยนะครับ    


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 21 มิ.ย. 05, 17:27
 ขึ้นกงจงจำสำคัญ
ทั้งกนปนกัน
รำพรรณ์มิ่งไม้ในดง
ไกรกร่างยางยูงสูงระหง
ตลิงปลิงปริงประยง
คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง
มะม่วงพวงทองช้องนาง
หล่นเกลื่อนเถื่อนทาง
กินพลางเดินพลางหว่างเนิน
เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน
เหมือนอย่างนางเชิญ
พระแสงสำอางข้างเคียง
เขาสูงฝูงหงษ์ลงเรียง
เริงร้องซ้องเสียง
สำเนียงน่าวังเวง
กลางไพรไก่ขันบันเลง
ฟังเสียงเพียงเพลง
ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง
ยูงทองร้องกระโต้งโห่งดัง
เพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสังข์กังสะดาลขานเสียง
กะลิงกะลางนางนวนนอนเรียง
พระยาคล้เคียง
แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง
ค้อนทองเสียงร้องปองแปง
เพลินฟังวังเวง
อีเก้งเริงร้องลองเชิง
ฝูงละมั่งฝั่งเดินกินเพลิง
คางแข็งแรงเริง
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
ป่าสูงยูงยางช้างโขลง
อึงคะนึงผึงโผง
โยงกันเล่นน้ำคล่ำไปฯ

ดูความน่ามหัศจรรย์สิครับ ทั้งบทมีแต่มาตราตัวสะกด ก กา แม่ กน และแม่ กง
ถ้าเป็นบทแรก จะมีแต่ ก กา อย่างเดียว และบทถัดมาก็จะเป็น ก กา กับ กนปนกัน
ถ้าสนใจผม จะทะยอย เอามาลงทั้งหมดให้อ่านกันนะครับแต่บทนี้ชอบเป็นพิเศษ กับอีกบทหนึ่งเป็นแม่ กบ
ที่มา
พอเริ่มจะรู้หนังสือขึ้นมาบ้าง เขียนตามคำบอกได้ คุณยายผมที่เรียนหนังสือเพียง ป.2 ก็บอกให้จดกาพย์พระไชสุริยาจากที่ท่านจำได้ พอขึ้นชั้นประถม 3 หรือ 4 ก็ได้มาเรียนกาพย์พระไชสุริยา ก็เลยรู้สึกว่าการท่องจำเป็นสิ่งที่น่าสนุกสนาน โดยเฉพาะอาขยานภาษาไทย เพราะคุณพ่อ คุณแม่ และคุณยาย ท่องกันทั้งบ้าน เป็นที่ครึกครื้นเครง

คิดถึงคุณยายจัง    


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูไผ่ ที่ 23 มิ.ย. 05, 02:55
 ขอบคุณคุณเทาชมพูและอาจารย์นิรันดร์ค่ะ
ขอปรับแก้ใหม่อีกนิดหนึ่งนะคะ


ภาพเคลื่อนไหวที่เห็นเป็นหนึ่งภาพ
แยกอย่างหยาบก็ยังได้ตั้งหลายท่า
สั่งให้แสดงทีละภาพตามเวลา
หลอกสายตาคนได้ไม่ยากเย็น

โยงกระบวนการดังกล่าวสู่ชีวิต
เพ่งพินิจให้ถ้วนถี่สิ่งที่เห็น
จะเข้าใจความจริงได้ไม่ลำเค็ญ
ดุจดังเช่น Animation นั่นแหละนะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ozzy2004 ที่ 26 มิ.ย. 05, 08:24

อยากได้กลอนของวานิช ครับ
ที่ว่า
เจ้าจะเป็นคนดีพรุ่งนี้หรือ
เจ้าคือผู้แตกดับอยู่กับที่
อะไร..นี่แหละครับ
ขอบคุณครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ALoHA ที่ 27 มิ.ย. 05, 17:56
 ตะวันลาลับขอบฟ้า   ไกลกัน
ฝากโลกกับแสงจันทร์  อาบฟ้า
มินานรวิพลัน  จักกลับ
หวนสู่คู่โลกหล้า โอบอุ้มปฐพี


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: viva ที่ 27 มิ.ย. 05, 19:37
 แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์   มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด  ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
มนุษย์นี้มีที่รักอยู่สองสถาน    บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน       เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา
แม้ใครรักมั่งชังชังตอบ          ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา                   รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 28 มิ.ย. 05, 13:48
 ต้องบทนี้ของท่านอังคาร  กัลยาณพงศ์ ซึ่งเป็นงานเขียนแนว (Syneccoche)

เกิดเป็นกวีที่โซโง่เขลา
เบาปัญญาเอกาน้ำตาไหล
รักรู้ปรัชญาศึกษาไป
จนไส้แห้งฐานะยากจน


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 28 มิ.ย. 05, 14:21
 งานเขียนอีกชิ้นหนึ่งของ โชคชัย  บัณฑิต ลองอ่านดูว่าเป็นอย่างไรบ้างแต่ผมว่าไม่เลวทีเดียวสำหรับชิ้นนี้ ที่รวมเล่มไว้ใน หนังสือ "บ้านเก่า" รางวัลซีไรต์ ปี 2544
ปีกไม้-ลายแทง

อ่านลายวงปีที่ตอไม้    
ยืดเยื้อเหลือหลายกว่ากว่าได้ที่
ละวงลงไว้ลงลายปี
ยืดเยื้อเหลือที่วงชีวิต
วงปีถี่ห่างแตกต่างรุ่น
น้ำดินสมดุลลายหมุนประดิษฐ์
ถ่างช่องพร่องวัยมิให้ชิด
บางปีถี่ติดอาจพิษแล้ง
ปุ่มปมกลมโตด้วงโซเจาะ
บางปีเปลือกเลาะเพราะไฟแต่ง
จิตรกรรมธรรมชาติสามารถแสดง
เข้าคู่ขัดแย้งเขียนแต่งลาย
ค่อยก่อพญาพฤษาร่ม
ใบห่มลมหับลมวับว่าย
ปรกดินอุดมพนมไม้
ถักถ่ายลายแทงสำแดงทาง
จึ่งได้ลายแทงแห่งตอไม้
ตอบถามความหมาย,เป็น-ตาย,กระจ่าง
หนึ่งวงคงค่าเหรียญตราวาง
วงปีถี่ห่างวาดถ่างชิด
 อ่านลายวงปีที่ตอไม้
ยืดเยื้อเหลือหลายอ่านลายผนิด
บัดนี้วงปีสิ้นชีวิต
ทิ้งลายประดิษฐ์ประดับโต๊ะ

เป็นอย่างไรบ้างครับคุณเทาชุมพู งานเขียนของโชคชัยฯ ชิ้นนี้พอจะให้สักกี่คะแนน


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 05, 09:33
 กรรมการซีไรต์ท่านให้คะแนนไปแล้วนี่คะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 02 ก.ค. 05, 19:43
 ไม่ทราบว่า คุณเทาชุมพูเคยเจอ คุณโชคชัย บัณฑิต และพอจะทราบเหตุผลบ้างไหมครับว่าทำไมคุณโชคชัยไม่ค่อยออกหนังสือรวมเล่มเลย แล้วเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ทำอะไรครับ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ดารากร ที่ 04 ก.ค. 05, 01:46
 ปางก่อนเคยร่วมน้ำ.....ใจจิต
ไถ่ทาสเปลี่ยนชีวิต.........ปลดให้
เคยเป็นมิ่งเมียสนิท........หลายชาติ  มานา
ในชาตินี้จึ่งได้...............เสพสร้องครองกัน

  พิศไท้ไท้ว่าไท้........ทินกร
พิศอ่อนคือศศิธร.........แจ่มฟ้า

วรรคที่เหลือดิฉันจำไม่ได้แล้วล่ะค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ดารากร ที่ 04 ก.ค. 05, 02:07
 ขาวสุดพุดจีบจีน
เจ้ามีสินพี่มีศักดิ์
ทั้งวังเขาชังนัก
แต่พี่รักเจ้าคนเดียว

เป็นพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่เท่าไรจำไม่ได้เหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าจะทรงแต่งตั้งแต่ก่อนขึ้นครองราช พระราชทานผู้หญิงฝ่ายในคนหนึ่งที่เป็นลูกสาวเจ้าสัวซึ่งต่อมาได้เป็นเจ้าจอมมารดาค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 04 ก.ค. 05, 11:18
 อ่านเรื่องราวของ
ขาวสุดพุดจีบจีน
ได้ที่
 http://numtan.com/story_4/view.php?id=38  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ค. 05, 13:36
คุณดารากรคะ
บทที่ว่า  เป็นพระนิพนธ์กาพย์เห่เรือในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์  สมัยปลายอยุธยาค่ะ
แต่ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เชื่อว่าเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ทรงหมายถึงเจ้าจอมมารดาอำภา   ซึ่งเป็นเจ้าจอมมารดาของกรมขุนวรจักรธรานุภาพ ต้นราชสกุล ปราโมช


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ลิงน้อย ที่ 04 ก.ค. 05, 18:32
 เกิดเป็นหญิงให้เห็นว่าเป็นหญิง      
อย่าทอดทิ้งกริยาอัชฌาสัย
เป็นหญิงครึ่งชายครึ่งอย่าพึงใจ
ใครเขาไม่สรรเสริญเมินอารมณ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ดารากร ที่ 05 ก.ค. 05, 17:29
 ขอบคุณคุณเทาชมพูมากนะคะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 10 ก.ค. 05, 03:07
 เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างแต่ข้างขึ้น
กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า
แต่ทรามวัยใสสุกทุกเวลา
ในอกข้าเมามึนทั้งขึ้นแรม
(น.ม.ส.)
......................................................................
พราบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ

แฮะแฮะใครอย่าเย้ย        หยันเด็ก
พริกก็พริกเม็ดเล็ก            เผ็ดล้ำ
ใครใครจะกินเหล็ก           ห่อนเล่า ลือนา
โคแก่มีเขาง้ำ                    เด็กขึ้นขี่คอ
................................................................................


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ค. 05, 13:17
 ที่ถูกต้องเป็นอย่างนี้ค่ะ

เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างแต่ข้างขึ้น
กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า
อันทรามวัยใสสุกทุกเวลา
น้ำใจข้าเมามึนทั้งขึ้นแรม

ได้ยลพักตร์รักเหลือไม่เบื่อรัก
อกจะหักเพราะอนงค์ศรทรงแหลม
ให้แค้นคิดจิตเจ็บที่เหน็บแนม
ไม่ยิ้มแย้มเยื้อนให้ชื่นใจเอย

จากพระนิพนธ์ " นิทานเวตาล"
ใน พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ (น.ม.ส.)
......................................................................


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 10 ก.ค. 05, 14:54
 ว้า.....อีกแล้วก็ตอนท่องมันเป็นอย่างนี้และท่องอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ของผมเลยต้องผิด ขอบคุณครับที่ทำให้กระจ่าง

ผานิตพิชิตรมด      ฤ จะอดบอาจจะมี
แม่เหล็ก ฤ เหล็กดี  อยะยั่วก็พัวก็พัน
พื้นภพอำเภอภพ    ก็ประสพเสมอสวรรค์
อยู่ชั่วนิรันดร์กัลป์   อวสานประมานประเมิน
       อิลราชคำฉันท์          "ผัน  สาลักษณ์"


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ค. 05, 17:34
แก้ให้อีกหนได้ไหม

ผาณิตผิชิดมด ค่ะ
ไม่ใช่ พิชิตร
มันเป็นสองคำ  คือ ผิ กับ ชิด
แปลว่า น้ำตาล หากว่าอยู่ใกล้มด
ผิ = แม้ หากว่า หรือ แม้นว่า
ชิด = ใกล้
สรุปคือน้ำตาลหากว่าอยู่ใกล้มด  มดก็ไม่อาจจะอดได้


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: กำไลแก้ว ที่ 10 ก.ค. 05, 18:28
 สวัสดีค่ะ เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกของ web นี้ค่ะ ขอร่วมวงด้วยคนนะคะ
ถึงบางพูด พูดดี มีศรีศักดิ์
มีคนรัก รสถ้อย อร่อยจิต
แม้นพูดชั่ว ตัวตาย ทำลายมิตร
จะชอบผิด ในมนุษย์ เพราะพูดจา
..........................................
ไม่แน่ใจว่าจะจำถูกหรือเปล่านะคะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 10 ก.ค. 05, 21:19
 แฮะแฮะ ต้องขอขอบคุณอีครั้งขอรับท่าน เทาชมพู
วิทยาเปรียบด้วยกำลังเหมาะ
สุจริตคือเกราะป้องกันได้
ปัญญาคืออาวุธยุทธพิชัย
สติไซร้คุ้มพลยุทธนา  (จำไม่ได้ว่าของใคร)แต่น่าจะเป็นของ รัชกาลที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้
................................................
อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า       มาถนอม
สูงสุดมือมักตรอม           อกไข้
เด็ดแต่ดอกพยอม           ยามยาก ชมนา
สูงก็สอยด้วยไม้              อาจเอื้อมเอาถึง
                             (กรมพระยาเดชาดิศร)
......................................................................
สำหรับบทนี้ขอจัดให้คุณเทาชมพูเป็นพิเศษ

สุมามาลย์หวานฉ่ำกับน้ำค้าง
ก็อ้างว้างเพราะพิษความคิดถึง
ใจนั้นหวั่นปั่นปวนและอวลอึง
เพ้อรำพึงเหมือนมิเคยใจเอ๋ยใจ
                      (เนาวรัตน์ฯ)


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูหมูอ้วน ที่ 11 ก.ค. 05, 22:29

สวัสดีค่ะ คุณเทาชมพู ไม่ทราบว่าบทแปล
โคลงโลกนิติที่เป็นภาษาอังกฤษ
นอกจากเสียสินสวงนศักดิ์ มีบทอื่นนำเสนออีกบ้างหรือเปล่าคะ  ลองเปิดกระทู้ 3 หน้าแล้ว พบเพียงบทเดียว  หากมีจะนำไปให้นักเรียน
ได้เรียนรู้ที่ http://www.st.ac.th/bhatips/loganit.html  ขอบพระคุณค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูไผ่ ที่ 12 ก.ค. 05, 09:18
 แหม แหม ครูหมูอ้วนรู้สึกจะสวยเกินหน้าครูไผ่ไปแล้วนะคะ

ผลการช่วยปรับปรุงของครูหมูอ้วนทำให้ครูไผ่ได้ A จากคุณเทาชมพูไปแล้วค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูหมูอ้วน ที่ 12 ก.ค. 05, 20:02
 สวัสดีค่ะครูไผ่ ความงามนี้ฝีมือคนอื่นค่ะ เห็นน่ารักดีจึงขโมยมา  ยินดีด้วยค่ะ ครูคณิตศาสตร์แต่งกลอนได้เกรด เอ อิอิ   มาเก็บวรรคทอง และกลอนเก่าที่เรือนไทยไปรวบรวมกับวรรคทองของ จอมยุทธเมรัยที่พันทิพ  มาเป็นวรรคทองในห้องเรียนสีชมพู  และตั้งใจจะนำบทแปลในโคลงโลกนิติไปปรับปรุงเนื้อหาโคลงโลกนิติ
ในห้องเรียนสีชมพูค่ะ  มีอะไรให้ครูไผ่ดูที่กระดานสีชมพู แวะดูนะคะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.ค. 05, 20:24
 มีที่ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชแปลไว้ค่ะ
แต่ว่ายังค้นหาเว็บไม่เจอ
เจอเมื่อไรจะมาทำลิ้งค์ให้
คุณพวงร้อย พอจำได้ไหมคะ  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 12 ก.ค. 05, 21:45
 อยากรู้จังทำไมต้องเป็น เทาชมพู อายุอานามเท่าไหร่ ถึงมีความรู้ได้ดีด้านนี้ ก็เก่งดีแฮะ อยากทายจังว่าอายุประมาณ 45 สำหรับคุณเทาชมพูนะ แต่ก็ใช่ว่าจะแน่ใจนะ เก็บตัวเงียบจังเลย
"กระบี่คมสมแล้วอยู่ในฝัก"

เทาแดง


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ค. 05, 09:09
เจ้าประจำที่นี่เขารู้กันว่าเทาชมพูเป็นใคร
เทา=สีคณะ
ชมพู= สีมหาวิทยาลัย



กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ค. 05, 09:13
 ขอต้อนรับคุณกำไลแก้วค่ะ  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: กำไลแก้ว ที่ 13 ก.ค. 05, 11:47
 ขอบคุณสำหรับดอกไม้ช่อสวยนะคะ อาจารย์เทาชมพู
โดยส่วนตัวที่ชอบ อีกเรื่องทีจำได้ เพราะว่าอ่านแล้วฮามาก นี่ก็เรื่องนางประแดะค่ะ โดยเฉพาะตอนที่บรรยายความงามของนางเอก
สูงระหงทรงเพรียวเรียดชะลูด
งามละม้ายคล้ายอูฐกะหราป๋า
พิศแต่หัวจรดเท้าขาวแต่ตา
ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ
จริงๆมีอีก แต่ความจำ จำกัดอยู่แค่นี้เองค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 13 ก.ค. 05, 13:19

เป็นงั้นไป ก็เลยไม่รู้อะไรเลยเหมือนเดิม ยากยิ่งกว่าปริศนาอักษรไขว้อีก เฮ้อ...........
จำได้ดีอีกบทหนึ่งตอนไปดูงานที่ ศ.อ.ศ.อ.
"ประวัติศาสตร์ชาติไทยสอนในชั้น
ใครกอบกู้บ้านนั้นไม่ต้องถาม
สำคัญอยู่ที่ครูพยายาม
ปลูกฝังความดีเด่นเพื่อเป็นไทย"
..........................................................................
อันว่าห่วงใดใดในสงสาร     จะเปรียบปานห่วงลูกหามีไม่
ถึงจะห่วงจะรักสักปานใด    ก็วางใจให้อยู่กับครูเอย

เมื่อก่อนจิตสำนึกความเป็นครูสูงมากนะครูบาอาจารย์น่าเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งกลับกันเมื่อได้มองครูอาจารย์ปัจจุบันความทุ่มเทเอาใจใส่ลดน้อยถอยลงขึ้นไปทุกที หรือระบบการศึกษาสำเห็นที่ควรทำการปฏิรูปจริงจักกันได้แล้ว


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 13 ก.ค. 05, 13:24
 ยินดีต้อนรับสมาชิกใหมครับ  
จากบทละครเรื่อง"ระเด่นลันได"ครับ

สูงระหงทรงเพียวเรียวชลูด
งามละม้ายคลายอูฐกะหลาป๋า
พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา
ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ
คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย
จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ
หูกลวงดวงพักตร์หักงอ
ลำคอโตตันสั้นกลม
สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว
โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม
เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม
มันน่าเชยน่าชมนางเทวี ฯ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 13 ก.ค. 05, 21:18
 ฝูงชนกำเนิดคล้าย............คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ.......แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน...........กันหมด
เว้นแต่ชั่วดีกระด้าง...........ห่อนแก้ ฤๅไหว
(จาก โคลงเสด็จประพาสยุโรป รศ.129 บทพระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

มวลมนุษย์ผู้เปรื่อง...........ปรีชา เชียวแฮ
เพราะใคร่ใฝ่ศึกษา...........สิ่งรู้
รู้กิจผิดชอบหา................เหตุสอด ส่องนา
นี่แหละบุคคลผู้...............เพียบด้วย ความเจริญ
(โคลงสลับกาพย์ พระยาอุปกิตศิลปสาร)


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 13 ก.ค. 05, 21:40
 ไม่ได้แวะมานานเลยครับ ประมาณว่าไม่ค่อยมีข้อมูลมากเท่าไหร่
เลยหาเรื่องมาพูดคุยด้วยไม่ค่อยได้ครับ
วันก่อน ค้นบ้านมา เจอหนังสือเรียนภาษาไทยเก่าๆ
เปิดอ่านดู กลอนเพรามาก ขอเอามาลงอีกซักหน่อยละกันครับ

ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้...........ของไทยแน่นั้นหรือคือภาษา
ซึ่งผลิดอกออกผลแต่ต้นมา..........รวมเรียกว่าวรรณคดีไทย
อนึ่งศิลป์งามเด่นเป็นของชาติ.......เช่นปราสาทปรางค์ทองอันผ่องใส
อีกดนตรีร่ายรำลวดลายไทย.........อวดโลกได้ไทยแท้อย่างแน่นอน
และอย่าลืมจิตใจแบบไทยแท้.......เชื่อพ่อแม่ฟังธรรมคำสั่งสอน
กำเนิดธรรมจริยาเป็นอาภรณ์........ประชากรโลกเห็นเราเป็นไทย
แล้วยังมีประเพณีมีระเบียบ...........ซึ่งไม่มีที่เปรียบในชาติไหน
เป็นของร่วมรวมไทยให้คงไทย......นี่แหละประโยชน์ในประเพณี
ได้รู้เช่นเห็นชัดสมบัติชาติ............เหลือประหลาดล้วนเห็นเป็นศักดิ์ศรี
ล้วนไทยแท้ไทยแน่ไทยเรามี.........สิ่งเหล่านี้คือวัฒธรรม
(หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล)


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 14 ก.ค. 05, 11:54
 “เออ อุเหม่นนะมึงชิช่างกระไร
ทุทาสสกุลฉะนี้ไฉน    ก็มาเป็น
ศึกก็ยังมิถึง และมึงก็ยังมิเห็น
จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น    ประการใด”

จำไม่ได้ว่าของใคร
เทาแดง


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ค. 05, 12:24
 สามัคคีเภทคำฉันท์
ของ
นายชิต บุรทัต
???


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ค. 05, 12:31
 เทวีที่รักแก้ว...........กลอยใจ
เธอช่วยกล่อมหฤทัย..........พี่แผ้ว
เสริมสุขดับทุกข์ใน............ดวงจิต
ด้วยสิเน่ห์ดังแก้ว...............ก้องพื้นเพหา

อ้าน้องจงรับด้วย...............ใจดี
ลิลิตเป็นพลี.......................รักล้ำ
พยานรักซึ่งมี....................ห่อนเหือด หายเลย
จนจวบสิ้นดินน้ำ...............ฟากฟ้าคลาสูญ

ใครทายได้บ้างคะว่าเป็นฝีปากกวีคนไหน


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ค. 05, 13:50
ตอบ ความเห็นที่ 140  คุณครูหมูอ้วน

โคลงโลกนิติ ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ อยู่นี่ค่ะ
http://www.suphawut.com/translations/masterpieces/seni/2.htm


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูหมูอ้วน ที่ 14 ก.ค. 05, 15:02
 ขอบพระคุณมากค่ะ คุณเทาชมพู

ขอความช่วยเหลือ ต่อนะคะ
ขออนุญาตใช้กระทู้  ถามคำถามค่ะ  เป็นประเด็นเล็ก ๆ ไม่อยากไปเปิดกระทู้ใหม่  เพื่อนที่สอนมีปัญหาภาษาไทย 2 ประเด็นค่ะ  
1. จากบทกลอนเรื่องขุนช้างขุนแผน
"............................
ลงพระราชอาชญาตามว่าไว้....พระจึงให้ตั้งกฤษฎีกา
ว่าตั้งแต่วันนี้สืบต่อไป   ............หน้าที่ของผู้ใดให้รักษา
ถ้าประมาทราชการไม่นำพา....ปล่อยให้ใครเข้ามาในล้อมวง
ระวางโทษเบ็ดเสร็จเจ็ดสถาน  ถึงประหารชีวิตเป็นผุยผง"

ปัญหาคือ เบ็ดเสร็จเจ็ดสถาน  คือเจ็ดชั่วโคตร หรือเปล่าคะ

2. การใช้ "เสด็จพระราชดำเนิน"  ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
จากการสังเกตเกือบทุกฉบับ
กับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ จะใช้ เสด็จ ฯ
แต่กับ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ฯ อัครราชกุมารี
จะใช้   เสด็จ โดยไม่มีไปยาลน้อย  อย่างนี้สื่อใช้ถูกต้องหรือเปล่าคะ    ขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ค. 05, 10:13
 1 ช่วยบอกด้วยว่าขุนช้างขุนแผนตอนไหน  เปิดหาไม่เจอค่ะ
2 ใช่ค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูหมูอ้วน ที่ 17 ก.ค. 05, 11:35
 ขอบพระคุณมากค่ะ
ขุนช้างขุนแผนตอนขุนช้างถวายฎีกา ค่ะ  ตอนที่ขุนช้างดำน้ำไปถวายฎีกาค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.ค. 05, 12:34
 ระวางโทษเบ็ดเสร็จเจ็ดสถาน   ไม่ได้แปลว่าประหารเจ็ดชั่วโคตรค่ะ

หมายความว่า  ถ้าพวกขุนนางมหาดเล็กเด็กชาที่มีหน้าที่รักษาพระองค์ ปล่อยช่องโหว่ให้คนนอกล่วงล้ำเข้ามาในที่ล้อมวง  
ซึ่งหมายถึงที่ประทับ ซึ่งต้องมีการอารักขาหนาแน่นมาก
จะต้องได้รับโทษ ตามที่ตราเป็นกฎไว้  รวมแล้ว  7 ขั้น มีตั้งแต่น้อยไปหามาก  
ขึ้นกับว่าจะประมาทมากน้อยแค่ไหน
อย่างเบาก็ตั้งแต่เฆี่ยน จองจำ ปลด  ฯลฯ ไปจนกระทั่งโทษหนักสุด
คือประหารชีวิต


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.ค. 05, 11:56
 เจ้าพระยา ท่าพระจันทร์ สัญลักษณ์
แทนตำหนักศักดิ์ตำแหน่งแห่งความหลัง
ทั้งโดมทิพย์ยูงทองผ่องพลัง
คือวิญญาณที่ยังขลังประโคม

จาก
ตำนานวังหน้า
ของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ดารากร ที่ 22 ก.ค. 05, 17:16
 กำเนิดนามธรรมศาสตร์และการเมือง
อร่ามเรื้องเหลืองแดง ณ แห่งหน
เจ้าพระยาท่าพระจันทร์บันดาลดล
ศาสตร์แห่งคนผู้รักความเป็นธรรม...

...ฉันแสนรักธรรมศาสตร์เป็นยิ่งนัก
เพราะธรรมศาสตร์สอนให้รักประชาชน

เจ็ดทศวรรษ ธรรมศาสตร์
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูหมูอ้วน ที่ 22 ก.ค. 05, 18:19
 ขอบพระคุณ คุณเทาชมพูที่ถ่ายทอดความรู้เป็นวิทยาทาน
เป็นอย่างสูงค่ะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ค. 05, 10:26

ด้วยความยินดีค่ะ คุณครู

เชิญอ่านกลอนต่อนะคะ

เที่ยงคืนดื่นดึกเมื่อเดือนตรง
ดอกไม้เจ้าจะทรงช่อเกสร
เก็บได้ก็จะรายไว้ที่นอน
ถนอมอ่อนอุ่นแอบแนบนิทรา

ลมประเลงลำนำกล่อมลำน้ำ
ยามค่ำย่ำคืนสะอื้นหา
ผิวแผ่วเป็นเพื่อนเดือนดารา
เพ้อภาษาอารมณ์ที่ลามลวง

กาเอ๋ย เจ้ากาหลง
จะหลงลงดงใดใครเขาห่วง
คนจรนอนดินถวิลดวง
ดอกฟ้าฤๅจะร่วงลงมามือ

จาก
คำหอม
ของ
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: นิรนารี ที่ 24 ก.ค. 05, 03:13

ชอบบทรำพึงในป่าช้า (ครูให้ท่องจำ/วิชาวรรณคดี)
เคยเรียนตอน มัธยมต้น บทดอกสร้อย หรืออะไรประมาณนี้

จำไม่ได้ว่าเป็นพระราชนิพนธ์ของพระองค์ใดเปล่า
อาจารย์เทาชมพูทราบช่วยบอกเป็นวิทยาทานบ้าง ...

วังเอ๋ยวังเวง
หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน
ฝูงวัวควายพ่ายลาทิวากาล
ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน

ชาวนาเหนือยอ่อนต่างจรกลับ
ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล
และทิ่งตนตูเปลี่ยยวอยู่เดียวเอยฯ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ค. 05, 10:49
 " รำพึงในป่าช้า" ผู้แต่ง คือ พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนชีวะ)

แปลมาจากElegy Written in a Country Churchyard ของ Thomas Grey ค่ะ



The curfew tolls the knell of parting day,

 The lowing herd wind slowly o'er the lea,

The plowman homeward plods his weary way,

 And leaves the world to darkness and to me.



อ่านได้ที่นี่
 http://faylicity.com/echo/echo2.html  


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ส.เพลิง ที่ 24 ก.ค. 05, 11:11
 คุณโชคชัย บัณฑิต แกขายผลไม้ และก็เปนกวี


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: ครูหมูอ้วน ที่ 24 ก.ค. 05, 21:00
 เวลาที่ท้อแท้ กลอนบทนี้ปลอบใจได้ดีนะคะ
แต่จำชื่อและเนื้อหาทั้งหมดไม่ได้

...ฉันหยุดลงตรงนี้นะที่รัก
วางความหนักใจหน่ายบนปลายหญ้า
ก่อนดาวแรกแซกแสงแจรงฟ้า
ฉันพบหยาดน้ำพร่าบนตาตน
..อย่าอย่าเพ่อต่อว่าฉันท้อแท้
ฉันสู้แน่ด้วยเจตน์และเหตผล
แต่ยามนี้มีมารผลาญเหลือทน
ขอสักหนขอพักสักนิดนะ
.............?...............
ก่อนก้าวสู่.........ของอิสระ
เปล่าฉันไม่ได้ท้อต่อพันธะ
..........?..................
ของจินตนา  ปิ่นเฉลียว  ประมาณ 29 ปีมาแล้วนะคะ


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 24 ก.ค. 05, 23:05
 ไพเราะมาก เคยอ่านครั้งแรกเลย
ขอบคุณครูหมูอ้วนมาก


กระทู้: กลอนเก่า ของดี
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 24 ก.ค. 05, 23:13
 เคยอ่านอยู่แต่จำไม่ค่อยจะได้แล้ว ว่าอยู่ในหลังสือเล่มไหน ฝากคุณเทาชมพูหาให้ด้วยนะครับ
ความรักเปรียบเหมือนนก   ไร้วิตกสุดสดใส
ความรักเปรียบดวงใจ        ดั่งดนตรีปิติศาสติ์
............................           .......................
...........................           ....................
ทีเหลือจำไม่ได้จิง ๆ ฝากด้วยละกัน