สืบเนื่องจากเรื่องนี้ครับ ความสำคัญอยู่ในสองท่อนข้างล่าง
๑
นายสมิธได้นั่งเรือไปที่ป้อมนี้วันที่เกิดเหตุ ขณะนั้นเรือรบฝรั่งเศสทั้งสองลำมาถึงปากอ่าวแล้วรอเวลาน้ำขึ้นเต็มที่อยู่ ผู้บังคับการชาวเดนมาร์กของป้อม เรือเอกเกิตส์เช ยังไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวที่เกิดขึ้นนอกป้อมของตนเลย เมื่อนายสมิธทักว่าทหารของยูดูดีนะ เขาก็ตอบว่าไม่เลวละ แต่ไม่เคยยิงปืนใหญ่ซักกะนัดเดียว ไอได้แต่หวังว่าคงไม่จำเป็นต้องจะยิงมันจนกว่าทหารของไอจะได้รับการฝึกมากกว่านี้.
.
๒
เรือรบฝรั่งเศสทั้งสองลำแล่นผ่านป้อมไปในท่ามกลางความมืด ผู้บังคับการป้อมมองเห็นไฟตะเกียงเดินเรือเคลื่อนที่มา แต่ระบุไม่ได้ว่าเป็นเรือของใคร อาจเป็นเรือสยามก็ได้จึงไม่กล้ายิง พอเรือแองกงสตังค์ผ่านไปแล้ว ผบ.เรือโคแมตเห็นเสาธงของป้อมก็จำได้เพราะเคยเข้ามาเมืองไทยก่อนหน้านี้ เลยระดมยิงมาที่ป้อมหลายตับ ทหารในป้อมบาดเจ็บเล็กน้อย๑๒คน ทหารไทยยิงปืนเล็กโต้ตอบไปบ้างซึ่งก็ไม่ทราบว่าได้ผลอย่างไรต่อมา คุณสมุน007ได้ทักท้วง
ความคิดเห็นที่ 148 เมื่อ 13 ก.ค. 13, 00:14
________________________________________
อ้างจาก: NAVARAT.C ที่ 12 ก.ค. 13, 23:26
ยิงปืนเล็ก กับยิงปืนใหญ่มันผิดกัน ป้อมผีเสื้อสมุทรไม่ได้ยิงปืนใหญ่สักโป้ง แต่ยิงปืนเล็กไปเปาะๆแปะๆ จะยากอะไร จิ๊กโก๋ก็ยิงได้ นายป้อมเองยังบอกว่าคงไม่ได้ผล เพราะยิงเข้าไปในความมืด
samun007
เอ ...ผมว่าป้อมผีเสื้อสมุทรก็ยิงปืนอาร์มสตรองตอบกลับไปนะครับ ในรายงานของผู้การเกิตเช่ก็เขียนไว้ว่าสั่งให้ยิงตอบกลับไป ไม่ได้บอกว่ายิงปืนอะไร
ผมพักสมองเสียสองสามวัน แล้วกลับไปค้นอ่านเอกสารจำพวกบันทึกของฝรั่งอีกครั้ง จึงหาเหตุของ “สัญญา”อันแปลว่าความจำได้หมายมั่นของผม เจอว่ามีที่มาจากความตามนี้
.....
ยังเหลือป้อมที่เกาะเล็กอยู่อีกป้อมหนึ่ง ซึ่งเรือโคแมตเคยรู้จัก เพราะเคยมาจอดอยู่ใกล้ๆเป็นเวลาสามวันเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และยังได้เห็นพระเจ้าแผ่นดินสยามเสด็จมาตรวจป้อมนี้ เราได้เพ่งสายตาหาป้อมในความมืด ขณะเดียวกันก็ได้บรรจุกระสุนปืนของเราด้วยด้วยกระสุนเมลิไนท์จำนวนสี่นัด เตรียมคอยไว้ เวลา๑๙๑๐ได้มาถึงป้อมนี้ซึ่งสงบเงียบอยู่ และเรือแองกงสตังต์ได้แล่นผ่านไปโดยมิได้สังเกตเห็น แต่เรายังมองเห็นเสาธงเหล็กของป้อมอยู่จึงใช้เป็นที่เล็งเป้า เราได้ทำการยิงเข้าไปและปืน๒๑เซนติเมตรของป้อมก็ได้ยิงตอบออกมาโดยไม่ถูกเรือเราแต่อย่างได้ เสียงปืนเล็กดังสนั่นอยู่ริมฝั่งก่อนจะเงียบเสียงไป เราแล่นเลยเมืองปากน้ำไปโดยข้าศึกไม่กล้าติดตามมาเลย เราเร่งเครื่องจักรเต็มที่มุ่งสู่กรุงเทพ เรือแองกงสตังต์จุดตะเกียงหลังให้เห็น เราจึงได้แล่นตามเรื่อยไป.
ข้อมูลอะไรต่อมิอะไรในขณะค้นคว้ามาเขียนเรื่องมันเยอะจนปิดกั้นความฉลาดของผมเสีย ปืน๒๑เซนติเมตรมันไม่มีในสารบบของไทย นึกว่ามันคงเป็นปืนเล็กชนิดหนึ่ง เพราะผมไปยึดติดกับคำว่าปืนเล็กดังสนั่นอยู่ริมฝั่ง
ประกอบกับที่นายสมิธเขียนว่าทหารของเรือเอกเกิตส์เช ไม่เคยยิงปืนใหญ่ซักกะนัดเดียว ผมก็เขียนคคห.ของผมไปอย่างที่เห็นกัน
เมื่อสมองกลับมาสดดังเดิมแล้ว จึงถึงบางอ้อว่า ๒๑เซนติเมตร=๘นิ้ว ก็คือกระสุนขนาด๘นิ้วที่ปืนอาร์มสตรองใช้
ดังนั้น ในหัวค่ำของวันที่ทำการรบที่ปากน้ำ ป้อมผีเสื้อสมุทรได้มีโอกาสยิงปืนเสือหมอบซึ่งมีประจำการรวม๓กระบอกออกไป
ตามหลักฐานเอกสารของฝรั่งเศส แต่จะกระบอกใดกระบอกหนึ่งหรือทั้งสามกระบอก ผมไม่พบปรากฏในเอกสารทางการของไทย หรือของฝรั่งชาติใดอีก
แต่ทว่ามีตำนานเรื่องเล่าของชาวปากน้ำ เกี่ยวกับสะพานเล็กๆแห่งหนึ่งว่า
"คุณก็อตเช่" มีชื่ออยู่บนป้อมผีเสื้อสมุทร ในช่วงที่เกิดเหตุ ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ.๒๔๓๖) เป็นคนที่ออกคำสั่งไม่ให้ปืนเสือหมอบยิงตอบโต้กองเรือฝรั่งเศส โดยอ้างว่ามืดมากเดี๋ยวจะยิงกันเอง แล้วมีข่าวว่าถูกทหารไทยรุมทำร้าย เพราะหาว่าเข้าข้างพวกฝรั่งด้วยกัน ท่านเป็นนายทหารในปี ๒๔๓๖ ดังนั้น ปี ๒๔๒๕ จึงไม่น่าจะเป็นปีที่เกิดเออนะ ก็สอดคล้องกับที่นายสมิธเขียนไว้อีกในเรื่องความกระด้างกระเดื่องของทหารไทยว่า “คืนนั้นเรือเอกเกิตส์เชก็ถูกยิง”
samun007
ท่านพลเรือตรีแชน บอกไว้ว่า รายงานของฝรั่งโดยเฉพาะฝรั่งเศสอย่าไปเชื่อให้มากนัก
.
.
.
คราวนี้จะทำอย่างไรดีละครับ