กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 เม.ย. 02, 00:05 คุณบัวบรรณ ซื้อหนังสือมาฝาก ๓ เล่มจากงานสัปดาห์หนังสือฯที่เพิ่งจบไป
เป็นรวมงานเขียนของอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ ๒ ท่านคือดร.ศักดิ์ศรี แย้มนัดดาและรศ.วิสุทธ์ บุษยกุล ท่านทั้งสองจบวิชาสันสกฤต ปริญญาเอก และปริญญาโท มาจาก U of Pennsylvania สหรัฐอเมริกา ใครเรียนอักษรศาสตร์คงรู้ว่าวิชาสันสกฤต เรียนยากเย็นแสนสาหัส จบปริญญาเอกและโทกันไม่กี่คนในประเทศไทย ดิฉันเอกอังกฤษ เลยไม่ได้เรียนสันสกฤตที่พวกเอกไทยเขาเรียนกัน เลยรอดตัวไปได้ ไม่งั้นก็คงเรียนไม่จบตรีจนแล้วจนรอด ย้อนกลับมาเรื่องเดิมค่ะ โชคดีมากที่ดิฉันได้หนังสือ ๓ เล่มนี้มาไว้ครอบครอง บางเรื่องไม่เคยอ่านมาก่อน อย่างเรื่อง "พรหมลิขิต"ใน วิสุทธ์นิพนธ์ เป็นเรื่องล้อเลียนเสียดสี(satire) จากหนังสือชื่อ "ธรรมกัลปทรุมะ" ขอเล่าให้ฟังสั้นๆ ในสมัยโน้น เมื่อเด็กทารกคลอดออกมาครบ ๖ วัน พระพรหมจะเสด็จลงมาจารึกชะตาชีวิตลงบนหน้าผากเด็ก หลังจากนั้นชีวิตเด็กก็จะเป็นไปตามที่พระพรหมท่านลิขิตเอาไว้ หลีกเลี่ยงกระดิกกระเดี้ยไปจากนั้นไม่ได้ ไม่ว่าจะยากเย็นหรือแปลกพิสดารไม่น่าเชื่อยังไงก็ต้องเป็นไปตามนั้น เรื่องกล่าวถึงปุโรหิต(หรือที่ปรึกษาของพระราชา) ชื่อ "ชฺญาณนครฺภ " เป็นคนเก่งเฉลียวฉลาดรอบรู้ไม่มีใครสู้ได้ทั้งแผ่นดิน พระราชานรวาหนะเจ้านายของเขาทรงมีโอรสธิดา ๓ องค์ ทุกครั้งเมื่อเจ้าชายเจ้าหญิงคลอดออกมา พอครบ ๖ วัน ชฺญาณนครฺภก็จะแอบไปซุ่มอยู่ในห้องเด็ก คอยดูว่าพระพรหมจะมาจารึกชะตาอะไรลงบนหน้าผาก โอรสองค์แรก พระพรหมทรงลิขิตว่า " โตขึ้น เขาจะต้องเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์ แต่ในวันหนึ่งๆ เขาจะจับสัตว์ได้เพียงวันละตัวเท่านั้น" โอรสองค์ที่สอง พระพรหมทรงลิขิตว่า "โตขึ้น เขาจะมีอาชีพเป็นคนขายหญ้า และจะมีวัวเพียงตัวเดียวสำหรับบรรทุกหญ้าไปขาย" ในเรื่องไม่ได้บอกว่าพระโอรส ๒ องค์นี้ทำกรรมอะไรเอาไว้ถึงเคราะห์ร้ายขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่แย่เท่าพระธิดา ซึ่งถูกพระพรหมลิขิตว่า " โตขึ้นนางจะต้องเป็นโสเภณี และจะได้รับแขกคืนละคนตลอดไป" ชฺญาณนครฺภได้แต่เก็บความสลดใจเอาไว้ ไม่แพร่งพรายบอกใคร เพราะยังไงก็แก้ไขไม่ได้ รู้ไปพ่อแม่ก็ใจเสียเปล่าๆ เวลาผ่านไปจนเจ้าชายหญิงเริ่มโตขึ้น มีข้าศึกมาประชิดเมือง พระราชาออกรบแล้วสิ้นพระชนม์ในที่รบ ก็เสียเมืองแก่ศัตรู พระโอรสธิดาพลัดพรากกระจัดกระจายกันไป ชฺญาณนครฺภด้วยความภักดีต่อนาย ก็ออกสืบหาลูกของนายอยู่หลายปี จนกระทั่งพบเมื่อพวกนี้โตเป็นหนุ่มสาว ปรากฏว่าพรหมลิขิตขีดเส้นตรงเผง เจ้าชายและเจ้าหญิงดำเนินชีวิตตามแบบที่ถูกกำหนดไว้ไม่ผิดเพี้ยน อยู่ในสภาพยากจนน่าเวทนากันทั้งสามคน เจ้าชายคนแรกเป็นพรานก็จับสัตว์ได้แค่วันละตัวเดียว ต่อให้เก่งยังไงก็ไม่ได้มากกว่านั้น คนที่สองขายหญ้าก็มีวัวเพียงตัวเดียว จะตัดหญ้าได้มากแค่ไหนก็หาวัวตัวที่สองมาบรรทุกไม่ได้จนแล้วจนรอด ส่วนเจ้าหญิงก็กลายเป็นโสเภณีมีลูกค้าคืนละคน ไม่พอกินอีกเหมือนกัน ชฺญาณนครฺภก็เลยใช้สติปัญญาตัวเอง ช่วยลูกของนายให้อยู่สุขสบายกันได้ทั้ง ๓ คน โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงพรหมลิขิตเลยสักนิดเดียว จบนิทานไว้ค้างๆยังงี้ละค่ะ ลองมาทายกันไหมว่าชฺญาณนครฺภแกทำยังไง ถึงลองดีกับพระพรหมได้สำเร็จ กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: ฟ้าฝัน ที่ 09 เม.ย. 02, 16:19 คิด........(กุมขมับด้วยคะ)....อือ......ฮือ...
เฮ้อ...(ผ่านไป 10 นาที งานการไม่ได้ทำเลยคะ) คิดไม่ออกคะ (แสดงว่าฟ้าคงลองดีกับพระพรหมไม่ได้แน่ๆคะ) แล้วจะมาอ่านว่าชฺญาณนครฺภทำอย่างไรนะคะ กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 09 เม.ย. 02, 16:52 เคยเรียนแต่วรรณคดีสันสกฤตค่ะ ตอนเรียนปริญญาตรี เพราะเรียนภาษาไทยเป็นวิชาโท จำได้ว่ายากมาก ยากกว่าวรรณคดีอังกฤษหลายเท่า (ในความรู้สึกตัวเองนะคะ) พอมาตอนนี้เลยคิด คิด เท่าไรก็คิดไม่ออกซักที เหมือนคุณฟ้าฝันเลยค่ะ ขอรอฟังเฉลยดีกว่านะคะ
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: เมรี ที่ 09 เม.ย. 02, 19:35 เข้ามาวนๆดูอยู่2-3รอบแล้วค่ะ แล้วก้ิอยังคิดไม่ออกสักที
ขอเดาแบบโง่ๆได้ไหมคะเนี่ย เอาเป็นว่า เจ้าชายคนแรกที่เป็นพรานก็ให้เลือกจับสัตว์ที่จะขายได้ราคาแพงๆ เช่น.. ช้าง แรด นกยูง .... ได้วันละตัวก็น่าจะอยู่ได้นะคะ ส่วนคนที่สองที่ขายหญ้า และมีวัวเพียงตัวเดียว (ไม่รู้ปลูกหญ้าเองอะปล่าว) ก็ให้เลือกขนหญ้าพันธุ์ที่จะมีราคาดีๆ เหมือนกัน ไปขาย (น่าจะมีนะคะ หญ้าแบบราคาดีๆ) หรือไม่ก็อาจจะแปรรูปหญ้าก่อน ให้มันมีมูลค่าเพิ่มในตัวเองมากขึ้น สำหรับ เจ้าหญิงที่กลายเป็นโสเภณีมีำได้ลูกค้าคืนละคน เฮ้อ อันนี้ยากจัง สงสัยต้องส่งเจ้าหญิงไปเรียนวิชาอย่างอื่นเพิ่มเติมได้ไหมคะ เหมือนเกอิชา หรือ นางคณิกาชั้นสูง ที่ประมาณว่าเลือกแขกได้เองด้วย อาจจจะต้อง ดีดสีตีเป่า (เครื่องดนตรี) เก่งๆ โคลงกลอนกาพย์ฉันท์ได้ และอื่นๆ ถ้าแบบนี้รับแค่คืนละคนแต่ขอแบบรวยๆ คงพอไหวนะคะ ปวด ขมองจัง แล้วมาขอนั่งฟังเฉลยดีกว่าค่ะ กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 09 เม.ย. 02, 22:59 ขอทาย(เดา)ว่า ชฺญาณนครฺภ เป็นเศรษฐีมีเงิน เลยยอมเสียสละเพื่อนายเก่า ด้วยการรับเป็นลูกค้าของลูกนายเก่าทั้งสาม แล้วให้ค่าตอบแทนอย่างสูง แม้แต่สินค้าเป็นเพียง ตัวเดียว สิ่งเดียว ครั้งเดียว
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: อ้อยขวั้น ที่ 10 เม.ย. 02, 10:27 แอบมาเอาใจช่วยเพื่อนๆ ค่ะ สงสัยตอนครบ 6 วันโดนลิขิตบนหน้าผากให้เป็นกองเชียร์ แหะๆ
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: ฝอยฝน ที่ 10 เม.ย. 02, 18:54 ขอแอบอยู่ใต้ถุนเรือนไปก่อนนะคะ ไม่ค่อยถนัดเรื่องนิทานค่ะชอบฟังนิทานแต่แต่งเรื่องและแก้ปริศนาไม่ออกจริงๆค่ะ
มากๆนะคะ กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 10 เม.ย. 02, 18:55 กำลังคิดหาความสัมพันธ์ระหว่างสามอาชีพกับหนึ่งปุโรหิต คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เลยมานั่งรอฟังเฉลยครับ
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: เมรี ที่ 10 เม.ย. 02, 18:56 ว่าแต่ว่า จะมีเฉลยไหมคะ
แบบว่า ... อยากทราบคำตอบจะแย่แล้วเจ้าข้า กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 10 เม.ย. 02, 20:12 แอบมาฟังเฉลยเหมือนกันค่ะ แต่ก็คล้อยตามคุณพวงร้อย
ไปกว่าครึ่งแล้วว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถึงแม้จะยังตะขิดตะขวงใจเรื่องเจ้าหญิงกับปุโรหิตอยู่ก็เถอะค่ะ กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 11 เม.ย. 02, 09:14 ด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของข้าน้อย มิอาจเดาได้ขอรับ ....โปรดไขให้ข้าน้อยหายสงกาด้วยเถิด ... นะท่าน
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 เม.ย. 02, 14:51
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 11 เม.ย. 02, 15:17 เมื่อวานนี้คุยกับเพื่อนทางเมืองไทย เค้าก็บ่นให้ฟังเหมือนกันค่ะ ว่าร้อนสาหัสสากรรจ์ เค้าก็บอกอย่างที่คุณเทาชมพูบอกน่ะค่ะว่า ทางการบอกว่าอุณหภูมิประมาณ 38 องศา แต่ของจริงน่าจะเกิน 40 แล้วเค้าก็แถมต่อท้ายด้วยอีกว่า เห็นมั้ย ดูสิรัฐบาลไม่กล้าบอกความจริงกับประชาชน แม้กระทั่งอุณหภูมิก็ยังต้องโกหกประชาชน
มาเพิ่มยอดค่ะคุณเทาชมพู ถึง 20 เมื่อไหร่คุณเทาชมพูจะได้เฉลย ดิฉันปัญญาน้อยนิด คิดไม่ออกเลยจริงๆว่า ปุโรหิตจะแก้ปัญหาอย่างไร กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 11 เม.ย. 02, 15:54 I do not neither.
Is it still cold at your place ka, Khun Nondhira? กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 11 เม.ย. 02, 15:57 Sorry ka, I do not know neither.
I am not do it on purpose to increase the numbers of posting na ka Khun Taochompoo. กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 11 เม.ย. 02, 15:57 Sorry ka, I do not know neither.
I am not do it on purpose to increase the numbers of posting na ka Khun Taochompoo. กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 11 เม.ย. 02, 16:02 I apologize again ka.
I am not doing.... I think I should go to bed right now since I am so sleepy, that's why I typed those two sentences incorrectly. It is 2:00 A.M. in CA. ka. Any way, it works! This is the number 16th na ka Khun Taochompoo. กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 11 เม.ย. 02, 19:21 อย่างนั้นข้านัอยจักอุ่นสุรา รอท่านๆ ทั้งหลายมาร่วมเสวนา
และข้าน้อยจิบสุราไปพลาง ฟังไปพลาง ... หวังว่าท่านทั้งหลายคงไม่ว่านะขอรับ กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: จดิษฐ์ มหันปรเมตรพงษ์ ที่ 12 เม.ย. 02, 00:24 คุณเทาชมพู หายดีแล้วหรือครับ ยินดีด้วยนะครับ บอร์ดของเราจะได้ครึกครื้นต่อไป
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 12 เม.ย. 02, 00:50
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: จดิษฐ์ มหันปรเมตรพงษ์ ที่ 13 เม.ย. 02, 01:34 ช่วยใส่ให้ครบ 20 ครับ อยากทราบคำเฉลยจัง
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: ป่านแก้วและใยไหม ที่ 13 เม.ย. 02, 14:53 แวะเข้ามาขออนุญาตทานไอศกรีม ของคุณเทาชมพู ค่ะ
คำถามยากจังค่ะ อยากทราบคำเฉลยจังเลยค่ะ กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 เม.ย. 02, 09:10 เรื่องนี้อาจารย์วิสุทธ์เล่าไว้สั้นๆ ดิฉันมาใส่ไข่เติมผงชูรสอีกหน่อยค่ะ ให้ฟังกันสนุกๆ ไม่ใช่อ่านเชิงวิชาการ
ปุโรหิตคนนี้ อ่านแล้วรู้สึกว่าความฉลาดของแกเหมือนเชอร์ล็อคโฮล์มส์อยู่อย่าง คือเห็นสิ่งที่คนทั้งหลายมองข้ามไป เรามองว่าพระพรหมเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตมนุษย์ คือยอมรับว่า มนุษย์เป็นผู้ถูกสั่ง พระพรหมเป็นฝ่ายลงมติ สั่งให้มนุษย์เป็นยังไงก็ได้ แต่อีตาปุโรหิต แกคงจะเก่งในหลักนิติศาสตร์เอาการ แกจึงมองว่า เอ จริงๆแล้วไม่ใช่การลงมติของฝ่ายเดียว แต่ที่จริงพรหมลิขิตเป็น"พันธะสัญญา" ที่ผูกมัดทั้งสองฝ่าย ให้ต้องทำตามเงื่อนไขของพรหมลิขิต ถ้าหากว่าใครล่วงรู้พรหมลิขิตก็สามารถพลิกแพลง สร้างเงื่อนไขบังคับพระพรหมได้ เหมือนอย่างที่แกทำ การแก้ปัญหาของแกคือบอกพระโอรสองค์ใหญ่ที่เป็นพรานว่า แทนที่จะมัวจับสัตว์กระจอกๆ อะไรเท่าที่จะเข้าป่าหาได้ ได้อย่างดีก็ไก่ป่าหรือเก้งวันละตัว ขอให้ประกาศออกมาเลยว่า เป็นพรานจับช้างภัทรชาติ ไม่จับสัตว์อื่น ช้างประเภทนี้เป็นช้างวิเศษยอดเยี่ยมเกิดมามีแก้วอยู่บนหัว เหมาะจะเป็นช้างทรงของมหาราชาเท่านั้น ถ้าเทียบอย่างไทยๆก็คงพอจะเทียบได้กับช้างเผือกระดับพญาฉัททันต์ เจ้าชายก็เชื่อฟังที่ปรึกษาของพ่อ เดินเข้าป่าไปทำบ่วงดักจับช้างอย่างเดียว เสือสีห์หมีกระทิงเก้งกวางวิ่งผ่านเท่าไรก็ไม่สนใจอีกต่อไป อย่างที่บอกแล้วว่าพระพรหมท่านลิขิตว่าให้เจ้าชายจับสัตว์ได้วันละ ๑ ตัวไม่ขาดไม่เกินกว่านี้ เวลาผ่านไปจนเย็นย่ำค่ำดึกดื่นใกล้จะหมดวัน เจ้าชายยังจับช้างไม่ได้สักที หมดวันเมื่อไรพรหมลิขิตก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป พระพรหมก็จำต้องปล่อยช้างภัทรชาติมาให้ติด บ่วงเจ้าชาย ตามพรหมลิขิต วันรุ่งขึ้น เจ้าชายก็ทำอย่างนี้อีก พระพรหมก็ต้องหาช้างมาให้อีก ขายช้างวิเศษวันละตัวให้พระราชา ไม่รวยเดี๋ยวนี้แล้วจะไปรวยเมื่อไหร่ล่ะคะ ส่วนพระโอรสองค์ที่สอง ถูกลิขิตให้มีวัวได้ตัวเดียวสำหรับบรรทุกหญ้าไปขาย อีตาพราหมณ์ก็แนะนำให้ขายวัวเสียก่อนเอาเงินมาใช้จ่ายกินอยู่ให้สบาย แล้วค่อยไปตัดหญ้าให้มากพอจะเอาไปขายได้ พระโอรสตัดหญ้าแล้ว ไม่มีวัวไม่ได้ เพราะพรหมลิขิตกำหนดให้มีวัว ๑ ตัว มีหญ้าเมื่อไรก็ต้องมีวัวบรรทุกไปขาย พระพรหมก็ต้องบันดาลให้มีวัวมาถึงบ้าน บรรทุกหญ้าไปตลาด พระโอรสก็ขายทั้งวัวขายทั้งหญ้า เอาเงินกลับบ้านมาจับจ่ายใช้สอย ขายวัวย่อมได้ราคาแพง เพราะเป็นสัตว์มีประโยชน์อันดับหนึ่งของสังคมอินเดีย ส่วนขายหญ้าเป็นงานไซด์ไลน์ เจ้าชายก็เลยขยันตัดหญ้า เพราะรู้ว่าเดี๋ยวก็ต้องได้วัวมาไม่ทางใดทางหนึ่ง แล้วก็จริงอย่างที่คิด เพราะพระพรหมลิขิตไว้เช่นนั้น ขายวัว ๑ ตัวทุกวัน ไม่นานก็ได้เงินทองจนมั่งมี ส่วนพระธิดา ปุโรหิตแกก็แนะนำทำนองเดียวกันว่า อย่ารับลูกค้าแบบใครก็ได้อย่างเมื่อก่อน เพราะจะได้เงินน้อยไม่พอกิน แต่ตั้งค่าตัวนางไว้เลยว่า ราคา ๑๐๐ เหรียญทอง เทียบแบบไทยๆเอาเป็นว่าคืนละหนึ่งล้านบาท ไม่ได้ขนาดนี้ก็ไม่รับแขก ด้วยอำนาจของพรหมลิขิต ก็มีลูกค้ามหาเศรษฐีมาหานาง คืนละคน ทุกคืน นางก็มีเงินทองอยู่สุขสบาย เป็นอันว่าพระโอรสธิดาทั้งสามแม้หลีกเลี่ยงพรหมลิขิตไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ตกระกำลำบากตามเจตนาของพระพรหมอีกต่อไป แต่ว่าผู้ที่ประสบความลำบากแสนสาหัสกลับเป็นพระพรหมเอง ลำพังแต่หาวัววันละตัวมาให้พระโอรสองค์รอง โดยเจ้าชายไม่ต้องควักกระเป๋าซื้อเอง พระพรหมก็เหนื่อยพออยู่แล้ว มาถึงเรื่องหาช้างภัทรชาติวันละตัวมาให้พระโอรสองค์ใหญ่ และบรรดามหาเศรษฐีคืนละคนมาให้พระธิดา หนักๆเข้าพระพรหมก็หมดปัญญาจะหา ก็เลยปรากฏพระองค์ให้ปุโรหิตเจ้าปัญญาเห็น ต่อว่าต่อขานเป็นการใหญ่ว่าเล่นไม้นี้พระองค์จะเนรมิตช้างกับมหาเศรษฐีที่ไหนมาให้ไหวทุกวี่ทุกวัน อีตาชฺญาณแกได้ท่า ก็ยืนกรานว่าแกมิได้ละเมิดพรหมลิขิตแต่อย่างใด ในเมื่อพระพรหมตั้งเงื่อนไขเองก็ต้องทำตามมติเอง เว้นแต่พระพรหมจะเปลี่ยนเงื่อนไขก่อน แกก็จะเปลี่ยนเงื่อนไขของพระโอรสธิดาให้ พระพรหมเจอลูกไม้เด็ดเข้าก็จนใจ ยอมรับว่าจะเปลี่ยนพรหมลิขิตให้ ดีกว่าพระองค์จะจนปัญญาทำตามพรหมลิขิตไม่ได้ อีตาชฺญาณแกก็เลยยื่นเงื่อนไขขอเมืองคืนให้พระโอรสธิดา ด้วยการบันดาลให้ศัตรูที่ยึดเมืองนั้นกระเจิดกระเจิงหนีไป พระพรหมก็จำต้องยอม ไปบันดาลให้ตามข้อเสนอ เมื่อพระโอรสธิดาได้เมืองคืนแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องประกอบอาชีพเดิม พระพรหมก็โล่งอกพ้นพันธะไป เป็นอันว่าจบค่ะ ถ้าใครชอบเรื่องพระพรหมจนปัญญาแบบนี้ ช่วยเข้ามายกมือด้วย จะได้ตั้งกระทู้เล่าเรื่อง "พราหมณ์กินพรหม" ให้ฟัง ตั้งเงื่อนไขบ้างละค่ะว่า ไม่ถึง ๑๐ คน ไม่เล่า กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 เม.ย. 02, 09:13
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 14 เม.ย. 02, 11:48 เข้ามารายงานตัวขอฟังนิทานเรื่องใหม่ด้วยคนค่ะ
เป็นคนแรกเลยได้แอบรับประทานไอศครีมก่อนใคร ๆ ช่วงนี้อากาศร้อนมากจริง ๆ ค่ะ แถมกลางดึกเมื่อคืนนี้ มนุษย์ (การ) ไฟฟ้ายังใจร้ายแกล้งทำไฟดับในหมู่บ้าน ที่ทองรักอยู่ตั้งชั่วโมงนึง เฮ้อ ! ทั้งร้อนทั้งเซ็งจนสุดจะบรรยายเลยทีเดียว กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 14 เม.ย. 02, 12:42 ขอบคุณครับคุณเทาชมพู
ยอดเยี่ยมเลยครับสำหรับเรื่องนี้ แก้เผ็ดได้แสบสันจริงๆ 5555 ยกมือให้สองมือด้วยครับ (ความจริงจะยกให้ทั้ง 4 ระยางค์ แต่เห็นว่า ไม่น่าดู) กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: เปี้ยว ที่ 14 เม.ย. 02, 17:56 ยกมือด้วยคนครับ
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: หนูน้อย ที่ 14 เม.ย. 02, 19:24 ฟังเรื่องอย่างนี้แล้วทำให้เกิดกำลังใจดีจังค่ะ (แต่ที่จริงที่แอบคิดไว้คือสำหรับพระราชธิดานี่ปุโรหิตจะเสนอตัวเป็นลูกค้าเองซะอีก )
ขอมารอฟังเรื่องต่อไปด้วยคนค่ะ กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: พลอย ที่ 14 เม.ย. 02, 19:28 ยอดไปเลยค่ะ คิดไม่ถึงจริงๆ
เข้ามายกมือเพิ่มด้วยคนค่ะ จะได้ครบสิบเร็วๆ อยากฟังอีกค่ะ กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 14 เม.ย. 02, 20:00 มาเพิ่มยอดด้วยค่ะ จะได้ฟังเรื่องใหม่เร็วๆ ปุโรหิตนี่เยี่ยมยอดเลยค่ะ นึกไม่ถึงว่าแกจะมาไม้นี้
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: บัวบรรณ ที่ 14 เม.ย. 02, 20:20 มานั่งพับเพียบงามๆรอฟังเรื่องใหม่จากคุณเทาชมพูค่ะ
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 14 เม.ย. 02, 20:49 มาลงชื่อรอฟังด้วยคนครับ
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: ฝอยฝน ที่ 14 เม.ย. 02, 21:13 ฝนขอจองนั่งฟังนิทานแถวหน้าเลยค่ะ
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: จดิษฐ์ มหันปรเมตรพงษ์ ที่ 14 เม.ย. 02, 22:07 อืม เป็นการลับคม สติปัญญาตนเองได้ดีจริงๆนั่งคิดอยู่ตั้งนาน ทำไมเรามองข้ามไปนะ นี่ละเขาถึงบอกว่า เส้นผมบังภูเขา มัวแต่ไปนั่งนึกอะไรก็ไม่รู้
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 15 เม.ย. 02, 03:58 โห... ปัญญาท่านปุโรหิตนี่ ...น่าดูชมเลยนะคะ
มิน่าล่ะ ถึงได้เป็นตั้งปุโรหิตน่ะ กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 15 เม.ย. 02, 04:54 โห เป็นพระพรหมก็ยังจนมุมปุโรหิตได้ด้วยแฮะ
ขอบคุณสำหรับนิทานแขกจากคุณเทาชมพูครับ จบจากเมืองแขกเลี้ยวไปเมืองฝรั่ง ใครเรียนวรรณคดีอังกฤษบ้างครับ ผมเข้าใจว่ามีละครเรื่องหนึ่ง (ของกิลเบิตกับซัลลิแวน?) เป็นเรื่องของนายอะไรคนหนึ่งเป็นหลอด (กาแฟ) หรือเป็น (ปลา) ดุก อะไรก็ไม่ทราบล่ะ ที่ถูกสาปว่า ทุวันจะต้องประกอบกรรมชั่ว 1 ประการ มิฉะนั้นจะต้องตาย พระเอกแกไม่ได้อยากเป็นคนชั่วเลยนะครับ แต่คำสาปทำให้แกต้องประกอบอาชญากรรมวันละครั้งๆ ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดแกเบื่อการเป็นอาชญากรเต็มทีก็เลยเกิดปัญญา บอกว่า วันนี้แกจะไม่ทำชั่ววันละครั้งอีกละ หมดวันแล้วจะตายก็ให้มันตายไป ไอ้การที่แกไม่ทำชั่วนั้นแกก็รู้อยู่ว่ามันจะต้องทำให้แกตายตามคำสาป เท่ากับว่าแกตั้งใจจะฆ่าตัวตายหรือประกอบอัตวินิบาตกรรม ทีนี้ การพยายามฆ่าตัวตายน่ะถือเป็นบาปนะครับ โดยเฉพาะสำหรับฝรั่งเคร่งศาสนา ดังนั้น การที่แกอยู่เฉยๆ ซึ่งเป็นการพยายามฆ่าตัวตายนี้ เท่ากับว่าแกทำชั่วไปแล้ว 1 อย่าง แปลว่าเย็นนั้นแกก็ไม่ต้องตายตามคำสาป รอดมาได้อีกวัน เช้าขึ้นแกก็ประกาศอีกว่าวันนี้ฉันจะไม่ทำบาปจะตายก็ให้ตายไป ... ไปเรื่อยๆ ทีละวัน จนแก่ตายไปเองตามอายุขัย เรื่องชื่ออะไรก็ไม่รู้ ใครแต่งก็ไม่แน่ใจ จำได้แต่พล็อตนี่แหละ ใครรู้ข่วยบอกผมหน่อยครับ ขอบคุณครับ กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 เม.ย. 02, 09:24 ไม่รู้จักเรื่องนี้ค่ะ ละครเพลงของกิลเบิตและซัลลิแวน เท่าที่นึกออกก็มี Mikado ที่รัชกาลที่ ๖ ทรงแปลงมาเป็น วั่งตี่ นอกจากนี้ดูเหมือนจะมี Turandot เจ้าหญิงเจ้าปัญญา
แต่เรื่องคล้ายๆกันนี้ เป็นนิยาย ชื่อ Lord Arthur Seville's Crimes ของ Oscar Wilde พระเอกชื่อลอร์ดอาเธอร์ กำลังจะแต่งงาน แต่เกิดไปเจอหมอดูทำนายว่าชะตาเขาต้องฆ่าคน มิฉะนั้นจะยังแต่งไม่ได้ แต่งแล้วจะเกิดเหตุร้ายถึงขั้นวิบัติกะคนรัก ลอร์ดอาเธอร์เลยพยายามฆ่าคนหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ แคล้วคลาดทุกที แกกลุ้มแทบบ้าตาย จนในที่สุดแกก็หาทางออกได้ คือผลักหมอดูตกน้ำตายไปเลย กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 15 เม.ย. 02, 13:28 That fortune teller forgot to check his own luck!
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: เปี้ยว ที่ 15 เม.ย. 02, 17:29 ผลักหมอดูตกน้ำตาย ฮ่าๆๆๆๆ
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 15 เม.ย. 02, 23:35
กระทู้: พรหมลิขิต เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 16 เม.ย. 02, 00:05 ค้นเจอแล้วครับ เรื่องนี้เป็นอุปรากรเบาสมองของกิลเบิตและซัลลิแวนจริงๆ ชื่อ Ruddigore บารอนแห่งรัดดีกอร์ถูกแม่มดสาปตั้งแต่ต้นตระกูลมาไม่รู้กี่ชั่วบารอนแล้วว่าให้ประกอบอาชญากรรมวันละครั้ง มิฉะนั้นจะต้องตายอย่างเจ็บปวดทรมานที่สุด
จนมาถึงรุ่นพระเอก ซึ่งไม่ต้องการแบกรับภาระคำสาปนี้ จึงหนีเตลิดหายสาปสูญไป น้องชายเลยต้องขึ้นเป็นบารอนและรับกรรมแทน แต่ต่อมา พระเอกซึ่งปลอมตัวหนีเตลิดไปนานแล้ว กลับมาที่บ้านเกิดโดยตอนแรกก็ไม่มีใครจำได้ มาเจอนางเอกแล้วมีซับพล็อตว่า นางเอกเป็นผู้ดี ถูกป้าผู้ปกครองบังคับให้ต้องแต่งกับคนตระกูลสูงด้วยกัน ถึงนางเอกจะรักไอ้หนุ่มพเนจรขนาดไหนก็แต่งกันไม่ได้เพราะฐานันดรคนละชั้น พระเอกก็ไม่กล้าเปิดเผยตัวว่าที่แท้เขาเป็นผู้ดีปลอมตัว เพราะถ้าเปิดตัวก็ต้องเข้าครองตำแหน่งและรับคำสาป แต่ในที่สุดความก็แตกจนได้ บารอนคนใหม่จึงจำใจต้องเข้ารับตำแหน่งแทนน้องชาย แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะไม่อยากประกอบอาชญากรรมจริงๆ แต่ในที่สุดก็มีคนหาทางออกให้ตามที่ผมว่า คือ การไม่ทำชั่วนั้นเป็นการพยายามฆ่าตัวตาย ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมอยู่แล้ว จึงไม่ต้องตายอย่างทรมาน พระเอกนางเอกก็เลยแต่งงานกันได้เสียที... |