เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 15 เม.ย. 02, 00:05



กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 เม.ย. 02, 00:05
 คุณบัวบรรณ ซื้อหนังสือมาฝาก ๓ เล่มจากงานสัปดาห์หนังสือฯที่เพิ่งจบไป
เป็นรวมงานเขียนของอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ ๒ ท่านคือดร.ศักดิ์ศรี แย้มนัดดาและรศ.วิสุทธ์ บุษยกุล
ท่านทั้งสองจบวิชาสันสกฤต ปริญญาเอก และปริญญาโท มาจาก U of Pennsylvania สหรัฐอเมริกา  

ใครเรียนอักษรศาสตร์คงรู้ว่าวิชาสันสกฤต เรียนยากเย็นแสนสาหัส  จบปริญญาเอกและโทกันไม่กี่คนในประเทศไทย
ดิฉันเอกอังกฤษ เลยไม่ได้เรียนสันสกฤตที่พวกเอกไทยเขาเรียนกัน    เลยรอดตัวไปได้ ไม่งั้นก็คงเรียนไม่จบตรีจนแล้วจนรอด

ย้อนกลับมาเรื่องเดิมค่ะ  โชคดีมากที่ดิฉันได้หนังสือ ๓ เล่มนี้มาไว้ครอบครอง
บางเรื่องไม่เคยอ่านมาก่อน อย่างเรื่อง "พรหมลิขิต"ใน วิสุทธ์นิพนธ์  เป็นเรื่องล้อเลียนเสียดสี(satire) จากหนังสือชื่อ "ธรรมกัลปทรุมะ"
ขอเล่าให้ฟังสั้นๆ

ในสมัยโน้น  เมื่อเด็กทารกคลอดออกมาครบ ๖ วัน พระพรหมจะเสด็จลงมาจารึกชะตาชีวิตลงบนหน้าผากเด็ก  
หลังจากนั้นชีวิตเด็กก็จะเป็นไปตามที่พระพรหมท่านลิขิตเอาไว้   หลีกเลี่ยงกระดิกกระเดี้ยไปจากนั้นไม่ได้  ไม่ว่าจะยากเย็นหรือแปลกพิสดารไม่น่าเชื่อยังไงก็ต้องเป็นไปตามนั้น

เรื่องกล่าวถึงปุโรหิต(หรือที่ปรึกษาของพระราชา) ชื่อ "ชฺญาณนครฺภ " เป็นคนเก่งเฉลียวฉลาดรอบรู้ไม่มีใครสู้ได้ทั้งแผ่นดิน
พระราชานรวาหนะเจ้านายของเขาทรงมีโอรสธิดา ๓ องค์  ทุกครั้งเมื่อเจ้าชายเจ้าหญิงคลอดออกมา  
พอครบ ๖ วัน   ชฺญาณนครฺภก็จะแอบไปซุ่มอยู่ในห้องเด็ก  คอยดูว่าพระพรหมจะมาจารึกชะตาอะไรลงบนหน้าผาก

โอรสองค์แรก  พระพรหมทรงลิขิตว่า
" โตขึ้น เขาจะต้องเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์   แต่ในวันหนึ่งๆ  เขาจะจับสัตว์ได้เพียงวันละตัวเท่านั้น"

โอรสองค์ที่สอง พระพรหมทรงลิขิตว่า
"โตขึ้น เขาจะมีอาชีพเป็นคนขายหญ้า  และจะมีวัวเพียงตัวเดียวสำหรับบรรทุกหญ้าไปขาย"

ในเรื่องไม่ได้บอกว่าพระโอรส ๒ องค์นี้ทำกรรมอะไรเอาไว้ถึงเคราะห์ร้ายขนาดนี้  แต่ก็ยังไม่แย่เท่าพระธิดา ซึ่งถูกพระพรหมลิขิตว่า

" โตขึ้นนางจะต้องเป็นโสเภณี  และจะได้รับแขกคืนละคนตลอดไป"

ชฺญาณนครฺภได้แต่เก็บความสลดใจเอาไว้ ไม่แพร่งพรายบอกใคร  เพราะยังไงก็แก้ไขไม่ได้  รู้ไปพ่อแม่ก็ใจเสียเปล่าๆ

เวลาผ่านไปจนเจ้าชายหญิงเริ่มโตขึ้น    มีข้าศึกมาประชิดเมือง พระราชาออกรบแล้วสิ้นพระชนม์ในที่รบ  ก็เสียเมืองแก่ศัตรู    พระโอรสธิดาพลัดพรากกระจัดกระจายกันไป
ชฺญาณนครฺภด้วยความภักดีต่อนาย ก็ออกสืบหาลูกของนายอยู่หลายปี   จนกระทั่งพบเมื่อพวกนี้โตเป็นหนุ่มสาว
ปรากฏว่าพรหมลิขิตขีดเส้นตรงเผง    เจ้าชายและเจ้าหญิงดำเนินชีวิตตามแบบที่ถูกกำหนดไว้ไม่ผิดเพี้ยน   อยู่ในสภาพยากจนน่าเวทนากันทั้งสามคน

เจ้าชายคนแรกเป็นพรานก็จับสัตว์ได้แค่วันละตัวเดียว  ต่อให้เก่งยังไงก็ไม่ได้มากกว่านั้น  คนที่สองขายหญ้าก็มีวัวเพียงตัวเดียว   จะตัดหญ้าได้มากแค่ไหนก็หาวัวตัวที่สองมาบรรทุกไม่ได้จนแล้วจนรอด ส่วนเจ้าหญิงก็กลายเป็นโสเภณีมีลูกค้าคืนละคน  ไม่พอกินอีกเหมือนกัน

ชฺญาณนครฺภก็เลยใช้สติปัญญาตัวเอง  ช่วยลูกของนายให้อยู่สุขสบายกันได้ทั้ง ๓ คน  โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงพรหมลิขิตเลยสักนิดเดียว

จบนิทานไว้ค้างๆยังงี้ละค่ะ  
ลองมาทายกันไหมว่าชฺญาณนครฺภแกทำยังไง ถึงลองดีกับพระพรหมได้สำเร็จ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: ฟ้าฝัน ที่ 09 เม.ย. 02, 16:19
 คิด........(กุมขมับด้วยคะ)....อือ......ฮือ...
เฮ้อ...(ผ่านไป 10 นาที งานการไม่ได้ทำเลยคะ) คิดไม่ออกคะ (แสดงว่าฟ้าคงลองดีกับพระพรหมไม่ได้แน่ๆคะ) แล้วจะมาอ่านว่าชฺญาณนครฺภทำอย่างไรนะคะ    


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 09 เม.ย. 02, 16:52
 เคยเรียนแต่วรรณคดีสันสกฤตค่ะ ตอนเรียนปริญญาตรี เพราะเรียนภาษาไทยเป็นวิชาโท จำได้ว่ายากมาก ยากกว่าวรรณคดีอังกฤษหลายเท่า (ในความรู้สึกตัวเองนะคะ) พอมาตอนนี้เลยคิด คิด เท่าไรก็คิดไม่ออกซักที เหมือนคุณฟ้าฝันเลยค่ะ ขอรอฟังเฉลยดีกว่านะคะ    


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: เมรี ที่ 09 เม.ย. 02, 19:35
 เข้ามาวนๆดูอยู่2-3รอบแล้วค่ะ แล้วก้ิอยังคิดไม่ออกสักที
ขอเดาแบบโง่ๆได้ไหมคะเนี่ย
เอาเป็นว่า เจ้าชายคนแรกที่เป็นพรานก็ให้เลือกจับสัตว์ที่จะขายได้ราคาแพงๆ เช่น.. ช้าง แรด นกยูง .... ได้วันละตัวก็น่าจะอยู่ได้นะคะ
ส่วนคนที่สองที่ขายหญ้า และมีวัวเพียงตัวเดียว (ไม่รู้ปลูกหญ้าเองอะปล่าว) ก็ให้เลือกขนหญ้าพันธุ์ที่จะมีราคาดีๆ เหมือนกัน ไปขาย (น่าจะมีนะคะ หญ้าแบบราคาดีๆ) หรือไม่ก็อาจจะแปรรูปหญ้าก่อน ให้มันมีมูลค่าเพิ่มในตัวเองมากขึ้น
สำหรับ เจ้าหญิงที่กลายเป็นโสเภณีมีำได้ลูกค้าคืนละคน เฮ้อ อันนี้ยากจัง สงสัยต้องส่งเจ้าหญิงไปเรียนวิชาอย่างอื่นเพิ่มเติมได้ไหมคะ เหมือนเกอิชา หรือ นางคณิกาชั้นสูง ที่ประมาณว่าเลือกแขกได้เองด้วย อาจจจะต้อง ดีดสีตีเป่า (เครื่องดนตรี) เก่งๆ โคลงกลอนกาพย์ฉันท์ได้ และอื่นๆ ถ้าแบบนี้รับแค่คืนละคนแต่ขอแบบรวยๆ คงพอไหวนะคะ
ปวด ขมองจัง
แล้วมาขอนั่งฟังเฉลยดีกว่าค่ะ    


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 09 เม.ย. 02, 22:59
ขอทาย(เดา)ว่า ชฺญาณนครฺภ เป็นเศรษฐีมีเงิน  เลยยอมเสียสละเพื่อนายเก่า  ด้วยการรับเป็นลูกค้าของลูกนายเก่าทั้งสาม  แล้วให้ค่าตอบแทนอย่างสูง  แม้แต่สินค้าเป็นเพียง ตัวเดียว สิ่งเดียว ครั้งเดียว    


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: อ้อยขวั้น ที่ 10 เม.ย. 02, 10:27
 แอบมาเอาใจช่วยเพื่อนๆ ค่ะ  สงสัยตอนครบ 6 วันโดนลิขิตบนหน้าผากให้เป็นกองเชียร์  แหะๆ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: ฝอยฝน ที่ 10 เม.ย. 02, 18:54
 ขอแอบอยู่ใต้ถุนเรือนไปก่อนนะคะ  ไม่ค่อยถนัดเรื่องนิทานค่ะชอบฟังนิทานแต่แต่งเรื่องและแก้ปริศนาไม่ออกจริงๆค่ะ
มากๆนะคะ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 10 เม.ย. 02, 18:55
 กำลังคิดหาความสัมพันธ์ระหว่างสามอาชีพกับหนึ่งปุโรหิต คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เลยมานั่งรอฟังเฉลยครับ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: เมรี ที่ 10 เม.ย. 02, 18:56
 ว่าแต่ว่า จะมีเฉลยไหมคะ
แบบว่า ... อยากทราบคำตอบจะแย่แล้วเจ้าข้า


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 10 เม.ย. 02, 20:12
 แอบมาฟังเฉลยเหมือนกันค่ะ แต่ก็คล้อยตามคุณพวงร้อย
ไปกว่าครึ่งแล้วว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถึงแม้จะยังตะขิดตะขวงใจเรื่องเจ้าหญิงกับปุโรหิตอยู่ก็เถอะค่ะ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 11 เม.ย. 02, 09:14
 ด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของข้าน้อย มิอาจเดาได้ขอรับ ....โปรดไขให้ข้าน้อยหายสงกาด้วยเถิด ... นะท่าน    


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 เม.ย. 02, 14:51
 ณ เรือนนี้มีบัณฑิตรุ่นใหญ่รุ่นกลางอีกหลายรุ่น ล้วนพอใจเสพสุราแกล้มประวัติศาสตร์อินเตอร์กันเป็นประจำ
จะไขปัญหาเสียก่อน ก็เกรงเหล่าผู้อาวุโสจะน้อยใจว่ายังมิทันได้ประลองเคล็ดวิชา ชิงตอบเสียแล้ว
รอจนโพสต์เข้ามาครบ ๒๐ ก่อนแล้วจะแถลงคำตอบนะท่านบัณฑิตน้อย(หูยาวขนปุกปุย)

วันนี้ร้อนเหลือเกินค่ะ อุณหภูมิอย่างทางการประมาณ ๓๘ แต่ของจริงน่าจะ 40 ขึ้นไป
ขอส่งไอศกรีมไร้แคลอรี่มาให้ชิมไปพลางๆนะคะ ก่อนจะครบ ๒๐ ค่ะ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 11 เม.ย. 02, 15:17
 เมื่อวานนี้คุยกับเพื่อนทางเมืองไทย เค้าก็บ่นให้ฟังเหมือนกันค่ะ ว่าร้อนสาหัสสากรรจ์  เค้าก็บอกอย่างที่คุณเทาชมพูบอกน่ะค่ะว่า ทางการบอกว่าอุณหภูมิประมาณ 38 องศา แต่ของจริงน่าจะเกิน 40 แล้วเค้าก็แถมต่อท้ายด้วยอีกว่า เห็นมั้ย ดูสิรัฐบาลไม่กล้าบอกความจริงกับประชาชน แม้กระทั่งอุณหภูมิก็ยังต้องโกหกประชาชน

มาเพิ่มยอดค่ะคุณเทาชมพู ถึง 20 เมื่อไหร่คุณเทาชมพูจะได้เฉลย ดิฉันปัญญาน้อยนิด คิดไม่ออกเลยจริงๆว่า ปุโรหิตจะแก้ปัญหาอย่างไร    


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 11 เม.ย. 02, 15:54
 I do not neither.

Is it still cold at your place ka, Khun Nondhira?


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 11 เม.ย. 02, 15:57
 Sorry ka, I do not know neither.
I am not do it on purpose to increase the numbers of posting na ka Khun Taochompoo.


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 11 เม.ย. 02, 15:57
 Sorry ka, I do not know neither.
I am not do it on purpose to increase the numbers of posting na ka Khun Taochompoo.


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 11 เม.ย. 02, 16:02
 I apologize again ka.
I am not doing....
I think I should go to bed right now since I am so sleepy, that's why I typed those two sentences incorrectly. It is 2:00 A.M. in CA. ka.
Any way, it works! This is the number 16th na ka Khun Taochompoo.


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 11 เม.ย. 02, 19:21
 อย่างนั้นข้านัอยจักอุ่นสุรา รอท่านๆ ทั้งหลายมาร่วมเสวนา
และข้าน้อยจิบสุราไปพลาง ฟังไปพลาง ... หวังว่าท่านทั้งหลายคงไม่ว่านะขอรับ  


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: จดิษฐ์ มหันปรเมตรพงษ์ ที่ 12 เม.ย. 02, 00:24
 คุณเทาชมพู หายดีแล้วหรือครับ ยินดีด้วยนะครับ บอร์ดของเราจะได้ครึกครื้นต่อไป


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 12 เม.ย. 02, 00:50
 สวัสดีค่ะ คุณเทาชมพู  จะส่งรูปมาให้คลายร้อน  แต่ไม่ทราบจะปะติดรึเปล่าน่ะค่ะ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: จดิษฐ์ มหันปรเมตรพงษ์ ที่ 13 เม.ย. 02, 01:34
 ช่วยใส่ให้ครบ 20 ครับ อยากทราบคำเฉลยจัง


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: ป่านแก้วและใยไหม ที่ 13 เม.ย. 02, 14:53
 แวะเข้ามาขออนุญาตทานไอศกรีม ของคุณเทาชมพู ค่ะ

คำถามยากจังค่ะ  อยากทราบคำเฉลยจังเลยค่ะ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 เม.ย. 02, 09:10
 เรื่องนี้อาจารย์วิสุทธ์เล่าไว้สั้นๆ   ดิฉันมาใส่ไข่เติมผงชูรสอีกหน่อยค่ะ  ให้ฟังกันสนุกๆ  ไม่ใช่อ่านเชิงวิชาการ

ปุโรหิตคนนี้ อ่านแล้วรู้สึกว่าความฉลาดของแกเหมือนเชอร์ล็อคโฮล์มส์อยู่อย่าง คือเห็นสิ่งที่คนทั้งหลายมองข้ามไป
เรามองว่าพระพรหมเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตมนุษย์  คือยอมรับว่า มนุษย์เป็นผู้ถูกสั่ง  พระพรหมเป็นฝ่ายลงมติ  สั่งให้มนุษย์เป็นยังไงก็ได้
แต่อีตาปุโรหิต แกคงจะเก่งในหลักนิติศาสตร์เอาการ  แกจึงมองว่า เอ  จริงๆแล้วไม่ใช่การลงมติของฝ่ายเดียว
แต่ที่จริงพรหมลิขิตเป็น"พันธะสัญญา" ที่ผูกมัดทั้งสองฝ่าย ให้ต้องทำตามเงื่อนไขของพรหมลิขิต
ถ้าหากว่าใครล่วงรู้พรหมลิขิตก็สามารถพลิกแพลง สร้างเงื่อนไขบังคับพระพรหมได้ เหมือนอย่างที่แกทำ

การแก้ปัญหาของแกคือบอกพระโอรสองค์ใหญ่ที่เป็นพรานว่า   แทนที่จะมัวจับสัตว์กระจอกๆ อะไรเท่าที่จะเข้าป่าหาได้   ได้อย่างดีก็ไก่ป่าหรือเก้งวันละตัว
ขอให้ประกาศออกมาเลยว่า เป็นพรานจับช้างภัทรชาติ  ไม่จับสัตว์อื่น
ช้างประเภทนี้เป็นช้างวิเศษยอดเยี่ยมเกิดมามีแก้วอยู่บนหัว    เหมาะจะเป็นช้างทรงของมหาราชาเท่านั้น
ถ้าเทียบอย่างไทยๆก็คงพอจะเทียบได้กับช้างเผือกระดับพญาฉัททันต์
เจ้าชายก็เชื่อฟังที่ปรึกษาของพ่อ  เดินเข้าป่าไปทำบ่วงดักจับช้างอย่างเดียว  เสือสีห์หมีกระทิงเก้งกวางวิ่งผ่านเท่าไรก็ไม่สนใจอีกต่อไป  
อย่างที่บอกแล้วว่าพระพรหมท่านลิขิตว่าให้เจ้าชายจับสัตว์ได้วันละ ๑ ตัวไม่ขาดไม่เกินกว่านี้  เวลาผ่านไปจนเย็นย่ำค่ำดึกดื่นใกล้จะหมดวัน  เจ้าชายยังจับช้างไม่ได้สักที  หมดวันเมื่อไรพรหมลิขิตก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
พระพรหมก็จำต้องปล่อยช้างภัทรชาติมาให้ติด
บ่วงเจ้าชาย  ตามพรหมลิขิต
วันรุ่งขึ้น เจ้าชายก็ทำอย่างนี้อีก  พระพรหมก็ต้องหาช้างมาให้อีก
ขายช้างวิเศษวันละตัวให้พระราชา  ไม่รวยเดี๋ยวนี้แล้วจะไปรวยเมื่อไหร่ล่ะคะ

ส่วนพระโอรสองค์ที่สอง ถูกลิขิตให้มีวัวได้ตัวเดียวสำหรับบรรทุกหญ้าไปขาย
อีตาพราหมณ์ก็แนะนำให้ขายวัวเสียก่อนเอาเงินมาใช้จ่ายกินอยู่ให้สบาย  แล้วค่อยไปตัดหญ้าให้มากพอจะเอาไปขายได้
พระโอรสตัดหญ้าแล้ว   ไม่มีวัวไม่ได้ เพราะพรหมลิขิตกำหนดให้มีวัว ๑ ตัว    มีหญ้าเมื่อไรก็ต้องมีวัวบรรทุกไปขาย
พระพรหมก็ต้องบันดาลให้มีวัวมาถึงบ้าน  บรรทุกหญ้าไปตลาด
พระโอรสก็ขายทั้งวัวขายทั้งหญ้า  เอาเงินกลับบ้านมาจับจ่ายใช้สอย
ขายวัวย่อมได้ราคาแพง  เพราะเป็นสัตว์มีประโยชน์อันดับหนึ่งของสังคมอินเดีย    ส่วนขายหญ้าเป็นงานไซด์ไลน์
เจ้าชายก็เลยขยันตัดหญ้า  เพราะรู้ว่าเดี๋ยวก็ต้องได้วัวมาไม่ทางใดทางหนึ่ง   แล้วก็จริงอย่างที่คิด เพราะพระพรหมลิขิตไว้เช่นนั้น
ขายวัว ๑ ตัวทุกวัน  ไม่นานก็ได้เงินทองจนมั่งมี

ส่วนพระธิดา   ปุโรหิตแกก็แนะนำทำนองเดียวกันว่า อย่ารับลูกค้าแบบใครก็ได้อย่างเมื่อก่อน เพราะจะได้เงินน้อยไม่พอกิน
แต่ตั้งค่าตัวนางไว้เลยว่า ราคา ๑๐๐ เหรียญทอง
เทียบแบบไทยๆเอาเป็นว่าคืนละหนึ่งล้านบาท  ไม่ได้ขนาดนี้ก็ไม่รับแขก
ด้วยอำนาจของพรหมลิขิต   ก็มีลูกค้ามหาเศรษฐีมาหานาง คืนละคน ทุกคืน  นางก็มีเงินทองอยู่สุขสบาย

เป็นอันว่าพระโอรสธิดาทั้งสามแม้หลีกเลี่ยงพรหมลิขิตไม่ได้ก็ตาม  แต่ก็ไม่ได้ตกระกำลำบากตามเจตนาของพระพรหมอีกต่อไป     แต่ว่าผู้ที่ประสบความลำบากแสนสาหัสกลับเป็นพระพรหมเอง

ลำพังแต่หาวัววันละตัวมาให้พระโอรสองค์รอง โดยเจ้าชายไม่ต้องควักกระเป๋าซื้อเอง  พระพรหมก็เหนื่อยพออยู่แล้ว
มาถึงเรื่องหาช้างภัทรชาติวันละตัวมาให้พระโอรสองค์ใหญ่ และบรรดามหาเศรษฐีคืนละคนมาให้พระธิดา  หนักๆเข้าพระพรหมก็หมดปัญญาจะหา  ก็เลยปรากฏพระองค์ให้ปุโรหิตเจ้าปัญญาเห็น   ต่อว่าต่อขานเป็นการใหญ่ว่าเล่นไม้นี้พระองค์จะเนรมิตช้างกับมหาเศรษฐีที่ไหนมาให้ไหวทุกวี่ทุกวัน

อีตาชฺญาณแกได้ท่า  ก็ยืนกรานว่าแกมิได้ละเมิดพรหมลิขิตแต่อย่างใด   ในเมื่อพระพรหมตั้งเงื่อนไขเองก็ต้องทำตามมติเอง
เว้นแต่พระพรหมจะเปลี่ยนเงื่อนไขก่อน   แกก็จะเปลี่ยนเงื่อนไขของพระโอรสธิดาให้
พระพรหมเจอลูกไม้เด็ดเข้าก็จนใจ  ยอมรับว่าจะเปลี่ยนพรหมลิขิตให้  ดีกว่าพระองค์จะจนปัญญาทำตามพรหมลิขิตไม่ได้
อีตาชฺญาณแกก็เลยยื่นเงื่อนไขขอเมืองคืนให้พระโอรสธิดา ด้วยการบันดาลให้ศัตรูที่ยึดเมืองนั้นกระเจิดกระเจิงหนีไป
พระพรหมก็จำต้องยอม ไปบันดาลให้ตามข้อเสนอ
เมื่อพระโอรสธิดาได้เมืองคืนแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องประกอบอาชีพเดิม  พระพรหมก็โล่งอกพ้นพันธะไป

เป็นอันว่าจบค่ะ
ถ้าใครชอบเรื่องพระพรหมจนปัญญาแบบนี้  ช่วยเข้ามายกมือด้วย จะได้ตั้งกระทู้เล่าเรื่อง "พราหมณ์กินพรหม" ให้ฟัง

ตั้งเงื่อนไขบ้างละค่ะว่า ไม่ถึง ๑๐ คน ไม่เล่า


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 เม.ย. 02, 09:13
 ขอบคุณที่ส่งรูปมาให้คลายร้อนค่ะคุณพวงร้อย  แกรนด์แคนย่อนหรือเปล่าคะ?
ที่ประเทศไทยกำลังร้อนขนาดพอสุกเชียวละค่ะ  ฝนเทลงมานิดหน่อยที่บ้านเมื่อสามคืนก่อน วันนี้ร้อนเหมือนเดิมอีกแล้ว
เอาของหวานๆเย็นๆมาฝากทุกคนค่ะ  กินทางเน็ต ไม่อ้วน


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 14 เม.ย. 02, 11:48
 เข้ามารายงานตัวขอฟังนิทานเรื่องใหม่ด้วยคนค่ะ
เป็นคนแรกเลยได้แอบรับประทานไอศครีมก่อนใคร ๆ
ช่วงนี้อากาศร้อนมากจริง ๆ ค่ะ แถมกลางดึกเมื่อคืนนี้
มนุษย์ (การ) ไฟฟ้ายังใจร้ายแกล้งทำไฟดับในหมู่บ้าน
ที่ทองรักอยู่ตั้งชั่วโมงนึง  เฮ้อ ! ทั้งร้อนทั้งเซ็งจนสุดจะบรรยายเลยทีเดียว


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 14 เม.ย. 02, 12:42
 ขอบคุณครับคุณเทาชมพู
ยอดเยี่ยมเลยครับสำหรับเรื่องนี้ แก้เผ็ดได้แสบสันจริงๆ 5555
ยกมือให้สองมือด้วยครับ (ความจริงจะยกให้ทั้ง 4 ระยางค์ แต่เห็นว่า ไม่น่าดู)


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: เปี้ยว ที่ 14 เม.ย. 02, 17:56
 ยกมือด้วยคนครับ    


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: หนูน้อย ที่ 14 เม.ย. 02, 19:24
 ฟังเรื่องอย่างนี้แล้วทำให้เกิดกำลังใจดีจังค่ะ (แต่ที่จริงที่แอบคิดไว้คือสำหรับพระราชธิดานี่ปุโรหิตจะเสนอตัวเป็นลูกค้าเองซะอีก )
ขอมารอฟังเรื่องต่อไปด้วยคนค่ะ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: พลอย ที่ 14 เม.ย. 02, 19:28
 ยอดไปเลยค่ะ คิดไม่ถึงจริงๆ
เข้ามายกมือเพิ่มด้วยคนค่ะ จะได้ครบสิบเร็วๆ อยากฟังอีกค่ะ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 14 เม.ย. 02, 20:00
 มาเพิ่มยอดด้วยค่ะ จะได้ฟังเรื่องใหม่เร็วๆ ปุโรหิตนี่เยี่ยมยอดเลยค่ะ นึกไม่ถึงว่าแกจะมาไม้นี้


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: บัวบรรณ ที่ 14 เม.ย. 02, 20:20
 มานั่งพับเพียบงามๆรอฟังเรื่องใหม่จากคุณเทาชมพูค่ะ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 14 เม.ย. 02, 20:49
 มาลงชื่อรอฟังด้วยคนครับ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: ฝอยฝน ที่ 14 เม.ย. 02, 21:13
 ฝนขอจองนั่งฟังนิทานแถวหน้าเลยค่ะ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: จดิษฐ์ มหันปรเมตรพงษ์ ที่ 14 เม.ย. 02, 22:07
 อืม เป็นการลับคม สติปัญญาตนเองได้ดีจริงๆนั่งคิดอยู่ตั้งนาน ทำไมเรามองข้ามไปนะ  นี่ละเขาถึงบอกว่า เส้นผมบังภูเขา มัวแต่ไปนั่งนึกอะไรก็ไม่รู้


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 15 เม.ย. 02, 03:58
 โห... ปัญญาท่านปุโรหิตนี่ ...น่าดูชมเลยนะคะ

มิน่าล่ะ ถึงได้เป็นตั้งปุโรหิตน่ะ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 15 เม.ย. 02, 04:54
 โห เป็นพระพรหมก็ยังจนมุมปุโรหิตได้ด้วยแฮะ
ขอบคุณสำหรับนิทานแขกจากคุณเทาชมพูครับ

จบจากเมืองแขกเลี้ยวไปเมืองฝรั่ง ใครเรียนวรรณคดีอังกฤษบ้างครับ ผมเข้าใจว่ามีละครเรื่องหนึ่ง (ของกิลเบิตกับซัลลิแวน?) เป็นเรื่องของนายอะไรคนหนึ่งเป็นหลอด (กาแฟ) หรือเป็น (ปลา) ดุก อะไรก็ไม่ทราบล่ะ ที่ถูกสาปว่า ทุวันจะต้องประกอบกรรมชั่ว 1 ประการ มิฉะนั้นจะต้องตาย

พระเอกแกไม่ได้อยากเป็นคนชั่วเลยนะครับ แต่คำสาปทำให้แกต้องประกอบอาชญากรรมวันละครั้งๆ ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดแกเบื่อการเป็นอาชญากรเต็มทีก็เลยเกิดปัญญา บอกว่า วันนี้แกจะไม่ทำชั่ววันละครั้งอีกละ หมดวันแล้วจะตายก็ให้มันตายไป ไอ้การที่แกไม่ทำชั่วนั้นแกก็รู้อยู่ว่ามันจะต้องทำให้แกตายตามคำสาป เท่ากับว่าแกตั้งใจจะฆ่าตัวตายหรือประกอบอัตวินิบาตกรรม ทีนี้ การพยายามฆ่าตัวตายน่ะถือเป็นบาปนะครับ โดยเฉพาะสำหรับฝรั่งเคร่งศาสนา ดังนั้น การที่แกอยู่เฉยๆ ซึ่งเป็นการพยายามฆ่าตัวตายนี้ เท่ากับว่าแกทำชั่วไปแล้ว 1 อย่าง แปลว่าเย็นนั้นแกก็ไม่ต้องตายตามคำสาป รอดมาได้อีกวัน เช้าขึ้นแกก็ประกาศอีกว่าวันนี้ฉันจะไม่ทำบาปจะตายก็ให้ตายไป ... ไปเรื่อยๆ ทีละวัน จนแก่ตายไปเองตามอายุขัย

เรื่องชื่ออะไรก็ไม่รู้ ใครแต่งก็ไม่แน่ใจ จำได้แต่พล็อตนี่แหละ ใครรู้ข่วยบอกผมหน่อยครับ ขอบคุณครับ


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 เม.ย. 02, 09:24
 ไม่รู้จักเรื่องนี้ค่ะ  ละครเพลงของกิลเบิตและซัลลิแวน เท่าที่นึกออกก็มี Mikado ที่รัชกาลที่ ๖ ทรงแปลงมาเป็น วั่งตี่  นอกจากนี้ดูเหมือนจะมี Turandot เจ้าหญิงเจ้าปัญญา

แต่เรื่องคล้ายๆกันนี้ เป็นนิยาย ชื่อ Lord Arthur Seville's Crimes ของ Oscar Wilde

พระเอกชื่อลอร์ดอาเธอร์  กำลังจะแต่งงาน   แต่เกิดไปเจอหมอดูทำนายว่าชะตาเขาต้องฆ่าคน มิฉะนั้นจะยังแต่งไม่ได้  แต่งแล้วจะเกิดเหตุร้ายถึงขั้นวิบัติกะคนรัก

ลอร์ดอาเธอร์เลยพยายามฆ่าคนหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ   แคล้วคลาดทุกที  แกกลุ้มแทบบ้าตาย จนในที่สุดแกก็หาทางออกได้ คือผลักหมอดูตกน้ำตายไปเลย


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 15 เม.ย. 02, 13:28
 That fortune teller forgot to check his own luck!


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: เปี้ยว ที่ 15 เม.ย. 02, 17:29
 ผลักหมอดูตกน้ำตาย ฮ่าๆๆๆๆ  


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 15 เม.ย. 02, 23:35

แกรนด์แคนย่อนใช่แล้วค่ะ  สองปีก่อนไปตอนกลางเดือนเมษาอย่างนี้แหละค่ะ  มีพายุหลงฤดูมาถล่มหิมะใส่  นั่งเครื่องบิน(แกรด์ขย้อนแอร์ไลน์ไงคะ)ดูจากข้างบน  เห็นฝั่งเหนือขาวโพลนไปเลย  แต่ในหุบก็คงร้อนเหมือนกัน  ได้เห็นแม่น้ำโคโลราโดถนัดตาไปเลยค่ะ

มาขำเรื่องผลักหมอดูตกน้ำตายด้วยคน ก๊ากกก


กระทู้: พรหมลิขิต
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 16 เม.ย. 02, 00:05
 ค้นเจอแล้วครับ เรื่องนี้เป็นอุปรากรเบาสมองของกิลเบิตและซัลลิแวนจริงๆ ชื่อ Ruddigore บารอนแห่งรัดดีกอร์ถูกแม่มดสาปตั้งแต่ต้นตระกูลมาไม่รู้กี่ชั่วบารอนแล้วว่าให้ประกอบอาชญากรรมวันละครั้ง มิฉะนั้นจะต้องตายอย่างเจ็บปวดทรมานที่สุด
จนมาถึงรุ่นพระเอก ซึ่งไม่ต้องการแบกรับภาระคำสาปนี้ จึงหนีเตลิดหายสาปสูญไป น้องชายเลยต้องขึ้นเป็นบารอนและรับกรรมแทน แต่ต่อมา พระเอกซึ่งปลอมตัวหนีเตลิดไปนานแล้ว กลับมาที่บ้านเกิดโดยตอนแรกก็ไม่มีใครจำได้ มาเจอนางเอกแล้วมีซับพล็อตว่า นางเอกเป็นผู้ดี ถูกป้าผู้ปกครองบังคับให้ต้องแต่งกับคนตระกูลสูงด้วยกัน ถึงนางเอกจะรักไอ้หนุ่มพเนจรขนาดไหนก็แต่งกันไม่ได้เพราะฐานันดรคนละชั้น พระเอกก็ไม่กล้าเปิดเผยตัวว่าที่แท้เขาเป็นผู้ดีปลอมตัว เพราะถ้าเปิดตัวก็ต้องเข้าครองตำแหน่งและรับคำสาป แต่ในที่สุดความก็แตกจนได้ บารอนคนใหม่จึงจำใจต้องเข้ารับตำแหน่งแทนน้องชาย แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะไม่อยากประกอบอาชญากรรมจริงๆ แต่ในที่สุดก็มีคนหาทางออกให้ตามที่ผมว่า คือ การไม่ทำชั่วนั้นเป็นการพยายามฆ่าตัวตาย ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมอยู่แล้ว จึงไม่ต้องตายอย่างทรมาน พระเอกนางเอกก็เลยแต่งงานกันได้เสียที...