เรือนไทย

General Category => ทันกระแส => ข้อความที่เริ่มโดย: ติบอ ที่ 27 ม.ค. 12, 22:20



กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 27 ม.ค. 12, 22:20
กระทู้นี้เริ่มต้นมาจากการเปิด gallery ภาพชวนคุย
เรื่อง 'สวยวิบาก' ไว้ใน facebook
เพื่อเตือนใจมนุษย์ทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
แต่กลับชอบคิดว่าการ 'จัดการธรรมชาติให้เป็นไปอย่างใจเราต้องการ' คือ 'ความงาม'
ว่าความงามอย่าง 'ผิดธรรมชาติ' นั้นน่ากลัวเพียงใด!!


ขออนุญาตเริ่มต้นความงามอย่างผิดธรรมชาติ
ไว้ด้วยวัฒนธรรมผิดธรรมชาติชนิดหนึ่ง
ที่กำลังจะหมดไปจากโลกยุคปัจจุบันใน generation ของพวกเราครับ....


'การมัดเท้า'


(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/404682_332557163444988_100000721218208_1043696_202051738_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ม.ค. 12, 11:32
มาเสริมด้วยรูป  "ดอกบัวทอง"  The golden lotus
ที่จริงมันก็คือการรัดเท้าผู้หญิงมิให้เติบโตตามวัย  จนเท้าพิการเดินไม่ได้ หรือเดินได้ก็กระโผลกกระเผลก
ในประเทศไทยยุคก่อนดิฉันเกิด   มีผู้ใหญ่เล่าว่าผู้หญิงจีนหลายคนแถวเยาวราชถูกมัดเท้าแบบเดียวกัน   


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 28 ม.ค. 12, 12:01
ขอบพระคุณ อ. เทาชมพู มากๆครับผม
เอารูปรองเท้าคู่น้อยมาร่วมด้วยช่วยกันครับอาจารย์


(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/395204_307240935992599_143065632410131_919969_1285865099_n.jpg)

ลองเทียบขนาดรอเท้ากับฝ่ามือคนถือดู... แล้วจะรู้ว่าเท้าพวกนี้เล็กแค่ไหน


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 28 ม.ค. 12, 12:11
บทสนทนาต่อไปนี้เกิดขึ้นระหว่างคนกลุ่มเล็กๆ
เมื่อผมโพสต์ภาพเท้าที่ถูกมัดมาเป็นเวลานานภาพหนึ่งไว้ใน fb



(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/429362_307240662659293_143065632410131_919962_420705763_n.jpg)



เพื่อน 1: เวลาเดินเขาเดินไงครับ ต้องมีคนอยู่ข้างๆ หรือว่าต้องนั่งราชยานคานหามครับ

ติบอ: รอให้นักนิยมจีนอย่าง คุณ han_bing หรือ คุณ ขนิษฐา ขนิษฐานันท์ มาตอบดีกว่าครับ... ผมไม่เคยเห็นเลยอะคับ

han_bing: ก็ เดินได้ตามปรกติแหละ ไม่ต้องแบกหรือหามอะไรหรอก แบกน้ำเดินยังเดินได้เลย เพียงแค่จะทรมาน เจ็บ ปวด มากๆก็เท่านนั้นเอง

han_bing: วิธีมัดก็ไม่ได้ยากอะไร แค่เอาเท่าแช่ในน้ำอุ่น แล้วก็หาอะไรมาทุบๆกระดูกเท้าบริเวณนี้วชี้วของนิ้วเท้าจนถึงนิ้วก้อย แล้วก้พันหักลงมา แล้วเอาผ้ามัดไว้ พอเนื้อเน่าก็ตัดๆทิ้งไป

han_bing: นึกภาพไม่ออกคล้ายๆเรากำมือแล้วชูแต่หัวนิ้วโป้งออกมาเท่านั้น แต่บังเอิญเป็นนิ้วเท้า

han_bing: ถ้าพลาดก็แค่ตัดเท้าเท่านั้นเอง ไมมีอะไรมากไปกว่านี้หรอก

ติบอ: โอ้ย อ่านแล้วสยองอะคับ คุณภูมิใจร้ายจัง

เพื่อน 1: แทบไม่อยากรู้ต่อไปแว้ววว ทำไปทำไมกันน้ออ เริ่มนิยมในยุคไหนครับ

han_bing: เริ่่มตอนราชวงศ์ซ่ง 宋朝


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 28 ม.ค. 12, 12:15
(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/407069_307240772659282_143065632410131_919964_2105722675_n.jpg)



เพื่อน 1: เริ่มโดยมีพระราชนิยมว่ากระไรครับ

han_bing: เขาว่าผู้หญิงเดินโอนไปเอนมาน่าชมดี ในวังเริ่มก่อนนะ แว่วๆว่่าพวกนางรำทำ หลังๆนอกวังเลยนิยม ไม่มีใครบังคับ แต่อยากทำกันเอง เลิกตอนยุคคอมมิวนิสต์ครองเมือง

han_bing: ชาวแมนจูเห็นยังสยอง เลยไม่กล้าให้ลูกหลานตัวเองมัด คนจีนก็ยึดมั่นไว้ต่อไป

เพื่อน 1: แค่เห็นภาพก็น่ารักแย้วค้าฟฟฟฟ

เพื่อน 2: กลัววว

ติบอ: กลัวด้วยคน

han_bing: กลัวอะไร ธรรมดาๆออก

han_bing: ภาพนี้เท้ายังดีๆ บางคนเท้าเน่าและต้องเฉือนเนื้อที่ตายทิ้ง

ติบอ: ง่ะ... เย็นนี้ว่าจะไปกินสุกี้เนื้อเปื่อยอยู่พอดีเลย... เปลี่ยนเป็นกินอาหารเจดีกว่าไหมผม 555+


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 28 ม.ค. 12, 12:20
(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/420052_307240885992604_143065632410131_919968_2114709976_n.jpg)



han_bing: ข้าพเจ้าดูโหดร้ายไปหรือเปล่านี้

ติบอ: ไม่หรอกคราบ... แซวกันเล่นๆครับ อิอิอิ

han_bing: จริงๆสถิติเล็กสุดมัดได้เหลือขนาดสามนิ้วเท่านั้นนะ

คุณ ขนิษฐา: ยายของเรามัดเท้า เวลาเดินต้องเอามือเกาะผนังแล้วค่อยๆเดิน ตอนเด็กๆ มีหน้าที่ให้เกาะไหล่เวลาเดินไปศาลเจ้า เวลาเล็บยาวจะตัดยากมาก

คุณ jean1966: ย่าทวดผมแบบนี้เลย


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 28 ม.ค. 12, 12:21
http://www.youtube.com/watch?v=XnmOqpoDFEw



สารคดีเรื่องนี้เขียนบทได้ดีครับ หาภาพผิดบ้างนิดหน่อย... แต่ไม่เหมาะกับคนจิตอ่อน
*คำเตือน* หากคุณเป็นคนจิตอ่อน... กรุณาอย่าเปิดดูโดยเด็ดขาด!

han_bing: 裹脚 guo jiao ออกเสียงว่า "กั่วเจี่ยว" แปลเป็นไทยว่า เท้าที่ถูกห่อหรือถูกพัน


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 28 ม.ค. 12, 12:23
http://www.youtube.com/watch?v=1Pnf1S8uhNg&feature=related


เมื่อรอยเตอร์สัมภาษณ์คุณยายที่มัดเท้าในมาเลเชีย


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 28 ม.ค. 12, 12:26
http://www.youtube.com/watch?v=iCkr7X2-dds



สำหรับคนที่อยากเห็น 'ท่าเดินของคนที่ถูกมัดเท้า' ครับ
เราจัดให้ตามคุณสงสัยแล้วนะคราบบบบบ....

ที่สุดยอดยิ่งกว่า คือ คุณยายอายุ 80 กว่าแล้ว
แต่ยังต้องใส่แว่นตาเย็บ & ปักรองเท้าเองด้วยครับ!



(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/401288_307240865992606_143065632410131_919967_1127501153_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ม.ค. 12, 20:43
มาตรฐานความยาวของเท้า "ดอกบัวทอง" คือ 3 นิ้ว  ถือว่าสวยที่สุด    ห่อหุ้มด้วยรองเท้าปักคู่เล็กๆพอดีเท้า    ยังสงสัยว่า 3 นิ้วที่ว่าคือนิ้วฟุตหรืออะไร   มัดเท้าทรมานทรกรรมกันท่าไหนถึงเล็กขนาดนั้น
ดูในรูปล่างซ้ายจะเห็นว่าเล็กเหมือนรองเท้าทารก  เทียบกับมือคน
ตอนเด็กๆอ่านเกร็ดพงศาวดารจีนเรื่อง จอยุ่ยเหม็ง   มีอยู่ตอนหนึ่งพระเอกเล่าว่ามีภรรยาน้อยอยู่คนหนึ่งตายจากไป  เสียใจอาลัยอาวรณ์มาก   จึงเก็บรองเท้าไว้เป็นที่ระลึก
ยังสงสัยว่าทำไมเก็บรองเท้า  แทนที่จะเก็บเครื่องประดับหรือผ้าเช็ดหน้าก็ยังดี    มาอ่านพบในประวัติของเท้าดอกบัวทองว่า รองเท้าปักแบบนี้นิยมมอบกันเป็นที่ระลึกให้ชายคนรัก   หรือสามี


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 28 ม.ค. 12, 23:49
เห็นคำถามของ อ.เทาชมพู เข้า
ผมเลยลองถามคุณแม่ ว่า 1 'ฉุ่ง' ยาวสักแค่ไหน

(สำหรับคำว่า 'ฉุ่ง' ผมไม่แน่ใจนะครับว่าคำนี้ควรใช้ตัวสะกด
ด้วยแม่กง หรือแม่กน.. เพราะภาษาแต้จิ๋วแต่ละท้องถิ่น
ก็มีเสียงที่แตกต่างกันออกไป.. ภาษาในครอบครัวผมมาจากซัวเถา
เวลาพูดเราจะออกเสียงตัวสะกดค่อนไปทาง 'ง'
และ เสียงวรรณยุกต์ ค่อนไปทางเสียงเอก กัน
และที่จริงแล้วเสียง ง (ng) ก็มีเสียง น (n) แทรกอยู่ด้วย

ถ้าคุณ CRazyHorse หรือ คุณ han_bing
จะกรุณาเพิ่มเติมข้อมูลให้ได้ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ)


คุณแม่ยิ้ม แล้วบอกให้ผมเดินไปที่โต๊ะทำงานของท่าน
ท่านรื้อของในหีบเครื่องเขินสีดำใบเก่า ที่ตอนนี้ถลอกปอกเปิกมากแล้ว
สมบัติทั้งหมดเป็นสมบัติตกทอดมาจากรุ่นคุณทวด และคุณยาย
แต่ละอย่างเป็นของไม่ได้มีค่าอะไร แต่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้สาระพัดชนิดของช่างตัดเสื้อ
มีตั้งแต่เกรียงทองเหลืองบางๆสำหรับปาดแป้งเปียกบนผ้า ไปจนถึงกรรไกรรยี่ห้อตุ๊กตาคู่รุ่นเก่า
เพราะครอบครัวของเราทำงานเสื้อผ้ามาจนถึงผมก็ 4 ชั่วคนแล้วครับ

ในที่สุดคุณแม่ก็หยิบไม้บรรทัดไม้มาอันหนึ่ง
ตัวไม้เป็นไม้เนื้อแข็งสีเข้ม ฝังหมุดบอกระยะด้วยหมุดทองเหลือง
(ที่ตอนนี้เนื้อทองกระดำกระด่างไปตามกาลเวลาแล้ว)
'เอ๊า เอาไปวัดเทียบดูซะนะ' ท่านพูดกับผมในที่สุด

'ซาฉุ่งกิมน้ย... แปลให้สวยหน่อยก็ สามนิ้วประทุมทอง
ยายชั้น... ทวดเธอนั่นแหละก็มัดเท้า สมัยเด็กๆชั้นก็เห็นอยู่ทุกวัน'
'เธอวัดดูเองแล้วกัน ว่ามันซักกี่เซนต์' ท่านพูดไล่หลังมาในที่สุดครับ

มาเรียนให้อาจารย์ทราบว่า
ผมลองวัดดูแล้ว 3 นิ้วจีนก็ตกราวๆ 4.5 นิ้วฟุตได้นะครับ



ปล. ลองตรวจข้อมูลกับลิงก์นี้ดูได้นะคราบบบ
http://kantakian.blogspot.com/2008/04/blog-post.html



แถมสักหน่อย... รองเท้าบู้ตสำหรับคนมัดเท้าครับ
เปรี้ยวขนานแท้ อิอิ


(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/s720x720/422962_307240845992608_143065632410131_919966_1346078681_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 ม.ค. 12, 11:14
รบกวนถามคุณติบอ ผมมีข้อสงสัยบางประการเรื่องการมัดเท้า

1. การมัดเท้านั้น กระทำกันตอนเป็นเด็ก ๆ ทั้งนี้ตัวเด็กน้อยนั้น มิอาจจะตัดสินอนาคตตนได้เองได้เลยหรือว่าจะทำหรือไม่ทำการมัดเท้า

2. จากภาพถ่ายเมื่อร้อยปีก่อน ถ่ายไว้เมื่อ ค.ศ. 1870 เมืองฟุโจว จะเห็นกลุ่มสตรี เห็นส่วนมากไม่มัดเท้า ยกเว้นที่เห็นชัดเจนคือ สตรีคนแรกขวามือเรา ที่มัดเท้า จึงสงสัยว่าไม่ใช่สตรีทุกคนจะต้องทำจริงไหม และถ้าไม่มัดเท้าแล้ว ก็ยังสามารถแต่งงานมีลูกหลานได้เช่นกัน


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 ม.ค. 12, 11:17
ภาพถ่ายโดยทอมป์สัน ช่างภาพที่โด่งดัง ถ่ายสตรีชาวจีนไว้กับสตรีมัดเท้า


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 ม.ค. 12, 11:24
ย่าผมเป็นชาวจีนปักกิ่งโดยกำเนิด บ้านอยู่ที่ปักกิ่งมีบริเวณบ้านและปลูกเรือนใหญ่โตตามฐานะคหบดีปักกิ่ง ท่านเล่าว่าท่านก็ถูกมัดเท้า แต่ไม่เล็กเหลือ  3 - 4 นิ้ว หากแต่เป็นสภาพดังในภาพ คือ มีการหักพับ 4 นิ้วให้พับย่นลงไป ท่านเล่าว่า ทำเมื่อตอนเด็ก ๆ จำได้ว่า ถูกจับเอาเท้าแช่ในน้ำอุ่นไว้ให้นิ่ม แล้วเอาไม้ไผ่คม ปาดที่ฝ่าเท้าแล้วใช้ผ้ามัดรัดเท้าไว้ ความทรมานคงไม่ต้องพูดถึงครับ

ภาพถ่ายลักษณะเท้า ถ่ายโดยทอมป์สัน


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 29 ม.ค. 12, 12:58
ถูกอย่างคุณ Siamese เข้าใจครับ...
เรื่องค่านิยมการมัดเท้า ก็เป็นแค่ค่านิยมอย่างหนึ่ง
ไม่ได้จำเป็นจะต้องมัด หรือไม่มัด อะไร และก็ไม่ได้เกี่ยวกับการแต่งงานด้วย

เหมือนค่านิยมที่เจาะหูให้เด็กชายชาวจีนเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง
(อันนี้ก็ฟังดูเป็นค่านิยมแปลกประหลาดอีกอย่างหนึ่งเหมือนกัน
แต่รุ่นคุณตาของผมบางท่านที่เกิดมาแล้วป่วยบ่อยก็เจาะหูกันครับ)

สำหรับเรื่องอนาคตของเด็ก... เด็กแทบไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรทั้งนั้นครับ
เด็กหญิงที่ถูกมัดเท้า ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กหญิงที่ถูกเอาตัวไปเกณ์ฑเป็นนางใน
หรือเด็กชายที่ถูกตัดอวัยวะบางส่วนไปเพื่อให้ได้มีโอกาสเป็นขันทีเด็ก....
หรือแม้แต่หนุ่มสาวที่ต้องแต่งงานกันด้วยการคลุมถุงชน

ในสังคมสมบูรณาญาสิทธิราช ที่เปิดโอกาสให้กับหลายๆชีวิตน้อยกว่าสังคมทุนนิยมมาก
ชีวิตของลูกขึ้นกับทิศทางที่พ่อแม่จะพาไป...
เหมือนที่ชีวิตของพ่อแม่เองก็ขึ้นอยู่กับเส้นทางที่ลูกจะพาไปได้ไม่น้อยเลย
พวกเราอาจจะคุ้นชินกับชีวิตประจำวันในสังคมที่เปิดโอกาสให้กับเรามากแล้ว
เลยมักรู้สึกว่ายุคที่เงื่อนไขของสังคมยังไม่ได้เป็นอย่างนี้ดูเป็นเรื่อง 'รับไม่ได้' กันบ่อยๆน่ะครับ


ปล. ที่จริงจนทุกวันนี้พ่อแม่หลายคนก็ยังชอบยัดเยียด
'สิ่งที่ตัวเองคิดว่าดี' สาระพัดชนิดให้ลูกอยู่...
โดยไม่ได้ดูเลยนะครับว่าลูกๆจะรับไหวไหม เหอะๆ




อีกสักภาพครับ รองเท้าส้นสูงสำหรับสาวมัดเท้า
เพราะส้นสูงไปหน่อย คู่นี้เลยต้องมีพยุงเท้าด้วยครับ :)



(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/421443_307240609325965_143065632410131_919961_363008645_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 29 ม.ค. 12, 17:30
(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/418067_308458865870806_143065632410131_923166_1312464440_n.jpg)



เผือจะช่วยคลายความสงสัยของสมาชิกเรือนไทยแต่ละท่านกันได้
ลองมาดูกันครับ ว่ารองเท้าคู่น้อยคู่นี้ใหญ่สักแค่ไหน...



(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/404609_308458935870799_143065632410131_923168_1097143284_n.jpg)



ราวๆ 5 นิ้วฟุ๊ตครับผม


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 29 ม.ค. 12, 17:37
(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/419865_308458792537480_143065632410131_923165_2131887236_n.jpg)


ขออนุญาตนำภาพถ่ายโบราณมาฝากคุณ Siamese บ้างครับ
ขนาดรองเท้าคนปกติ เทียบกับเท้าของสาวมัดเท้า และแก้วน้ำชา
ดูแล้วค่อนข้างจะโหดร้ายทารุณอยู่ไม่น้อย...
ถ้าจะต้องใช้ชีวิตชีวิตบนเท้าแบบนี้


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 ม.ค. 12, 19:27
ขอบคุณครับคุณติบอ เห็นภาพเก่าเห็นแต่สตรีเลยวัยแรกรุ่นหลายภาพ ผมจึงขอนำภาพนักร้องหน้าตาเด็ก ๆ พันข้อเท้า โชว์เท้าเล็ก ๆ ให้ชมครับ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ม.ค. 12, 21:17
เห็นคำถามของ อ.เทาชมพู เข้า
ผมเลยลองถามคุณแม่ ว่า 1 'ฉุ่ง' ยาวสักแค่ไหน

มาเรียนให้อาจารย์ทราบว่า
ผมลองวัดดูแล้ว 3 นิ้วจีนก็ตกราวๆ 4.5 นิ้วฟุตได้นะครับ


4.5 นิ้ว  เท่ากับความยาวของไอโฟน :o


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ม.ค. 12, 21:26
ประเพณีมัดเท้า ไม่เกี่ยวกับส่งเสริมสุขภาพหรือถือเคล็ดถือลางอะไร แต่เป็นค่านิยม ที่เริ่มต้นขึ้นจากในวังมาก่อน   เคยอ่านพบว่าเป็นวิธีป้องกันมิให้นางสนมกำนัลที่ถูกส่งตัวเข้าวังหาทางเล็ดรอด ปีนกำแพงหนีไปได้     ก็เลยกลายเป็นค่านิยมว่าเท้าเล็กคือความงาม
เด็กหญิงที่เป็นลูกผู้ดีจนถึงลูกชาวบ้านที่พอมีฐานะทั่วไป จะถูกมัดเท้าตั้งแต่อายุ ๕-๖ ขวบ   แม้จะเจ็บปวดขนาดไหนจนร้องไห้กันทั้งแม่ทั้งลูก  แม่ก็จำต้องทรมานลูกสาว  เพื่อวันหนึ่งลูกเป็นสาวแต่งงานไป แม่ผัวจะได้ไม่รังเกียจ     ว่ากันว่าสิ่งแรกที่แม่เจ้าบ่าวจะสำรวจลูกสะใภ้เมื่อนั่งเกี้ยวไปถึงบ้านฝ่ายชาย คือดูเท้าก่อนอื่นว่าได้มาตรฐานหรือเปล่า
ท่าเดินกระโผลกกระเผลกของหญิงสาวจีน ถือเป็นท่าอ่อนช้อยดังสนต้องลม   กลายเป็นเสน่ห์เซกซี่ที่สุดของผู้หญิง
ลูกสาวขุนนางเศรษฐีจีน ไปไหนถ้าไม่นั่งเกี้ยวก็ต้องมีสาวใช้ห้อมล้อม    เพื่อจะพยุงให้เดิน  เพราะเธอเดินด้วยตัวเองไม่สะดวก

แต่...หญิงชาวบ้านระดับล่าง  สาวใช้  หรือทาสหญิง  ไม่ถูกมัดเท้า   พวกนี้เมื่อถูกขายมารับใช้ในบ้านคนฐานะดี จะถูกมองว่าน่าเกลียดเพราะขนาดเท้าใหญ่ตามธรรมชาติ
ถ้าใครอ่าน ทรัพย์ในดิน หรือ The Good Earth ของ Pearl S. Buck มีการพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน    โอลันนางเอกของเรื่องที่เป็นสาวใช้และหญิงชาวนา ไม่ต้องมัดเท้า


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 29 ม.ค. 12, 23:39
พูดถึงปรเพีการมัดเท้ามาได้สักพักหนึ่งพอหอมปากหอมคอแล้ว
ความวิบากบนถนนสายความงามชนิดถัดไปที่จะพูดถึง
ยังอยู่กับหลักฐานโบราณในประเทศจีนอยู่ครับ..

หลักฐานที่ว่าไม่ใช่ภาพถ่ายหรือบันทึกชิ้นไหนๆ
แต่เป็น 'ภาพเขียนสมัยราชวงศ์ถัง' หลายภาพ.. 'corset' ครับ



(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/s720x720/420300_308459095870783_143065632410131_923173_648944545_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 30 ม.ค. 12, 00:10
(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/418719_308458962537463_143065632410131_923169_1654724942_n.jpg)

สำหรับคนที่ยังสงสัยอยู่ ราชวงศ์ถังอายุราวๆสักพันกว่าปี
(คิดให้ง่าย็ร่วมสมัยกับ 'ทวารวดี' ของไทยโดยประมาณ)
คือ แปลว่าก่อนเมืองพระนครที่ทะเลสาบเขมรจะกลายเป็นเมืองเสียอีก

น่าอิจฉาประเทศเขตอบอุ่นไม่น้อยเลยครับ
ที่เขามีของงามๆหลงเหลือมาให้เห็นกันได้นานๆ
อยู่บ้านเราเมืองเรา ทั้งปลวก ทั้งฝน ทั้งรา ทั้งนิสัยคน และสภาพอาคาร
ไม่เอื้ออำนวยให้เราได้เห็นหลักฐานโบราณวัตถุแบบนี้กันเลย เหอๆ...




ปล. คนเล่าเอง ขออนุญาตนอกเรื่องสักนิดเถอะนะครับ...
เห็นภาพผู้หญิงสมัยราชวงศ์ถังเซตนี้ทีไร...
ผมอดนึกถึง Norma Desmond ใน Sunset Boulevard ไม่ได้ทู้กที
แปะเพลงนอกเรื่อง... ไม่ได้เกี่ยวกับ corset
แต่ไปดูความงามอย่างวิบากชนิดไม่ยอมหมดงามกันสักนิดนะคราบบบบ




http://www.youtube.com/watch?v=ivPWlawFmOc


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ม.ค. 12, 10:13
ยังมองไม่ออกว่า corset ของสาวราชวงศ์ถังเป็นแบบไหน    แต่ corset หรือชุดชั้นรัดทรงของสาวยุโรปสมัยวิคตอเรียนเป็นแบบนี้    เอวเล็กสุดอันเป็นอุดมคติสุดยอดของสาวสมัยนั้นคือ 17 นิ้ว


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ม.ค. 12, 10:31
คำว่า corset  น.ม.ส. ทรงใช้ว่า "เฝือก" อ่านแล้วก็เห็นภาพความอึดอัดรัดแน่นทรมานกายได้ดี
รูปข้างล่างนี้  เป็นรูปทางการแพทย์  วิเคราะห์ถึงคอร์เซ็ตต์ว่ามีผลอย่างไรกับอวัยวะภายในของสตรีบ้าง  เพราะ "เฝือก" ที่รัดแน่นจนท่อนกลางของร่างกายกลายเป็นนาฬิกาทรายไปนั้น ทำให้อวัยวะภายในถูกบีบอัด จนวางผิดที่ผิดทางไปหมด  
ส่งผลเสียต่อการทำงานของตับ ไต ไส้พุง โดยตรง    
โรคภัยที่ผู้หญิงสมัยนั้นเป็นกันบ่อยๆ คือเป็นลมหน้ามืดง่าย    จนดูว่าสาวๆล้วนอ่อนแอบอบบางน่าทะนุถนอม  ได้ข่าวว่าแฟนตายในสนามรบก็ล้มพับลงกับพื้น   เห็นหนูวิ่งผ่านก็ซวนเซหน้ามืด   เจอผู้ร้ายก็ตกใจร้องกรี๊ดล้มสลบ     ที่จริงพวกหล่อนหายใจได้ลำบากเพราะเฝือกเจ้ากรรมพวกนี้      ประเพณีกำหนดให้สาวๆวัยรุ่นไปจนสาวเต็มตัวต้องใส่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพื่อให้รูปร่างสวยงาม
อีกโรคที่เป็นกันง่ายมาก  คือตั้งครรภ์แล้วแท้ง  เพราะไม่ถอดเฝือก มดลูกขยายไม่ได้

ท่านสมาชิกที่มีความรู้เรื่องการแพทย์ คงอธิบายได้ละเอียดกว่าค่ะ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 30 ม.ค. 12, 13:52
Corset สมัยราชวงศ์ถังไม่ได้รับรูปอะไรมากมายนักครับอาจารย์
ในสังคมยุคยังมิได้เกิดการปฏิวัติเกษตร ณ เวลานั้น
อาหารการกินยังเป็นของหายาก คนทั่วไปมีโอกาสได้กินน้อย ต้องทำงานหนัก
มีแต่คนฐานะดีเท่านั้น ถึงจะ 'มีอันจะกิน' และ 'มีข้าทาสบริวาร' ได้
ความงาม กับความเจ้าเนื้อเลยยังเป็นของควบคู่อยู่ด้วยกันอย่างแยกไม่ออก




(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/s720x720/401270_308458739204152_143065632410131_923164_708401931_n.jpg)



(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/396446_308459035870789_143065632410131_923171_552831133_n.jpg)



(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/419587_309083419141684_143065632410131_925404_605564880_n.jpg)



สาวงามสมัยถังในหลายภาพที่ผมโพสต์มา
ล้วนแล้วแต่ใส่เฝือกของ น.ม.ส. รัดตัวทั้งนั้นครับ
แต่เฝือกของพวกเธอรัดแค่ให้เสื้อผ้าอยู่ติดกับร่างกาย
ไม่ใช่รัดจนหุ่นเป็นนาฬิกาทรายแบบ corset รุ่นหลังปฏิวัติอุตสาหกรรมโลก


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ม.ค. 12, 13:57
สาวจีนนอกจากทรมานเท้าแล้ว  คงไม่ต้องทรมานเอวอย่างสาวยุโรป
ความนิยมเอวเล็กยังมีเรื่อยมาในสังคมไทย จนกระทั่งกระโปรงทรงกระสอบ ที่เรียกว่าชุดแสค  เข้ามาปลดแอกให้สาวๆ ในปลายทศวรรษ 1960s
นางงามยุคก่อนนี้เอวบาง โดยไม่ต้องผ่ายผอมสูงชะลูดอย่างสมัยนี้   รูปร่างยังมีเนื้อมีหนัง  แต่เอวเล็ก  จำได้ว่าประมาณ 22 นิ้ว อย่างคุณอาภัสรา หงสกุลสมัยเป็นนางสาวไทยใหม่ๆ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 30 ม.ค. 12, 13:59
ที่ออกจะกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันบ่อยสักหน่อย
คือ ปรากฏการณ์จากภาพยนต์อิงประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบันหลายเรื่อง
ที่ตั้งใจเอา corset ผิดยุคผิดสมัยไปให้นักแสดงในภาพยนต์ใส่
เพื่อเพิ่มความดราม่าให้กับคาแรกเตอร์ของตัวละครในหนัง

เลยกลายเป็นเหตุที่พาให้คนที่ยังไม่คุ้นกับการหาหลักฐาน
หรือคนที่ลืมนึกไปว่า 'หนังก็เป็นแค่หนัง' อีกหลายคน
เข้าใจไปเสียแล้วว่า corset สมัยราชวงศ์ถังต้องรัดติ้ว
เหมือนที่ฮองเฮากงลี่ในหนังเรื่อง Curse of The Golden Flower ใส่กันครับ...



(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/409044_309085702474789_143065632410131_925407_915710711_n.jpg)



(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/419148_309085722474787_143065632410131_925408_498984941_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 30 ม.ค. 12, 14:08
ความน่าตกใจอย่างหนึ่งของ Corset คือ
ในสังคมช่วงหลังปฏิวัติอุตสาหกรรมใหม่ๆ อย่างยุค Victorian
corset ไม่ได้บีบรัดตับไตไส้พุงของเหล่าสาวๆแต่เพียงเพศเดียว



(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/431037_309088959141130_143065632410131_925419_1950075562_n.jpg)



ยังมีหนุ่มๆอีกไม่น้อยที่ยอมตกเป็นทาสของเจ้าเฝือกมหาวิบากนี่
เพื่อให้ตัวเองมีรูปร่างดี มีเอวคอด อกผาย ไหล่ผึ่งกว่าหนุ่มคนอื่นๆ...
มิหนำซ้ำ หนุ่มๆเหล่านี้บางคนยังเป็นถึงนายทหารในกองทัพเสียด้วย...



(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/420848_309089142474445_976622788_n.jpg)



(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/409363_309089185807774_143065632410131_925425_818575438_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ม.ค. 12, 15:03
ว่ากันว่าเพื่อให้เอวคอดสุดๆ   ผู้หญิงวิคตอเรียนบางคนยอมให้แพทย์ผ่าตัดเอากระดูกซี่โครงล่างสุดออกไป    แต่ยังหาหลักฐานไม่ได้ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่  เพราะการผ่าตัดในสมัยนั้นน่าจะเสี่ยงตายอยู่มาก


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 30 ม.ค. 12, 23:58
เรื่อง 'Rib removal surgery' สมัย victorian
ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับอาจารย์
เคยได้ยินมาจากสมัยเรียนกายภาพบำบัด..
แต่ขนาดอาจารย์หมอที่เล่าเองก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

โดยส่วนตัวขออนุญาตตอบว่ารูปแม่สาวคนกลาง
ในความคิดเห็นด้านบนนั่นก็ดูคล้ายอยู่มากครับ
เพราะคนที่ไม่ได้ผ่าตัดเอาซี่โครงออกไป
ต่อให้ใส่ corset รัดสักแค่ไหนแรงต้านจากซี่โครงก็น่าจะยังมีมากอยู่
และมากพอจะไม่ทำให้เอวหักเป็นรูปนาฬิกาทรายแบบแม่คนนี้ครับ

สำหรับหลายคนที่สงสัยว่าการผ่าตัดซี่โครงซี่ล่างๆออกไป
จะทำให้เอวเล็กลงได้อย่างไร? หรืออันตรายไหม?
ขอให้รอสักสองสามวันนะครับ... ผ่านเรื่อง corset ไปเมื่อไหร่
เรามาคุยกันเรื่องนี้ต่อก็น่าจะสนุกดีครับ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ม.ค. 12, 10:30
น่าจะมีสาวใจถึงยอมผ่าตัดเอาซี่โครงออกไปจริงๆนะคะ   ดูจากรูปพวกนี้ เป็นรูปถ่ายเก่าสมัยนั้น
เอาไว้คุยเรื่องนี้กันต่อ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 01 ก.พ. 12, 13:26
เอวอย่างที่อาจารย์เทาชมพูนำภาพมาให้ชมกันนี่แหละครับ
สาวใจถึงที่ซี่โครงล่างไม่เหลือแล้วขนานแท้  :-X :-X


หลายคนคงสงสัยว่าการผ่าตัดซี่โครงส่งผลอะไรกับขนาดเอวของคนเราบ้าง
เรามาดูภาพกันชัดๆครับ... ว่าซี่โครงของมนุษย์เราหน้าตาเป็นอย่างไร





(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/427163_310504288999597_143065632410131_928457_420166063_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 01 ก.พ. 12, 13:49
ง่ะ... ผมโพสต์ภาพผิดครับ
แต่จะว่าไป... กระดูกซี่โครงของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดไหนๆ
ก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่นะครับ... เพราะเราเป็นญาติๆกัน
ถึงจะต่างกันไปบ้างตามรูปร่าง และถิ่นอาศัยของเจ้าของร่างกายก็เถอะ




(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/s720x720/407250_310503138999712_143065632410131_928456_409545783_n.jpg)


กลับมาเรื่องคนกันดีกว่า
กระดูกซี่โครงของคน มี 12 คู่ หรือ 24 ซี่ครับ

10 คู่บนยึดติดกับกระดูกสันหลังทางด้านหลัง
และเชื่อมต่อกับกระดูกอกไก่ทางด้านหน้า
ซี่โครงบนพวกนี้ทำหน้าที่ปกป้องอวัยวะภายในทั้งหลาย
ไม่ให้ถูกกระทบกระเทือนจากแรงกระแทกภายนอก

ส่วน 2 คู่ล่างเป็นกระดูกซี่โครงลอย
ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงทางด้าหลัง
(สงสัยจะเพราะธรรมดามนุษยชาติ
คนที่ชอบแทงกันข้างหลังมีเยอะกว่าข้างหน้าแยะ เหอะๆ)

และอีกหน้าที่หนึ่ง คือ ช่วยประคองให้ซี่โครงอีก 10 คู่บน
อยู่ในรูปร่างที่พวกมันควรจะอยู่


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 01 ก.พ. 12, 14:00
การใส่ corset โดยทั่วไป แรงรัดตัวจาก corset
จะส่งผลให้กระดูกซี่โครงทั้ง 2 ซีก หนีบตัวเข้าหากัน
(เหมือนในภาพที่ผมลงไว้นี่แหละครับ)


(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/423696_309089062474453_143065632410131_925422_2017205006_n.jpg)


แต่จะหนีบตัวเข้าหากันสักแค่ไหน เจ้ากระดูกซี่โครง 2 คู่ล่าง
ที่ลอยเท้งเต้งอยู่กลางหลังของคนใส่
ก็ยังเป็นอุปสรรคค้ำอยู่... เหมือนก้างชิ้นบะเริ่ม
เอวที่ถูกบีบเข้าหากันเลยยังไม่คอดไม่กิ่ว
หุ่นคุณนายไม่กลายเป็นนาฬิกาทรายสมใจสาวๆเสียที

คุณหมอหัวใสจำนวนหนึ่งก็เลยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ สาวๆไฮโซพวกนี้
โดยการ 'ตัด' เอากระดูกซี่โครง 2 คู่ล่างนั่นออกไป
บางครั้ง 2 คุ่ล่างยังไม่พอ กระดูกซี่โครงคู่ที่ 10 ก็จะถูกตัดออกไปด้วย
เพื่อให้ corset จะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่...
เหมือนทรัพย์ที่คุณหมอจะได้จากสาวๆพวกนี้อย่างเต็มที่ไงครับ เหอๆ

ในภาษาอังกฤษมีคำชมรูปร่างของผู้หญิงว่า 'hourglass figure'
โดยทั่วไปแปลว่ารูปร่างเหมือนนาฬิกาทราย....
ใช้เรียกคนที่รูปร่างดี มีอก มีสะโพก แต่เอวคอด

แต่พอมาคู่กับหุ่นชวนสยองของคุณป้าคนนี่แล้ว...
มีใครกลัวเอวป้าแกจะหักคาที่เวลาลมแรงๆพัดใส่บ้างไหมครับ?
ผมคนนึงล่ะ ที่แอบหวั่นอยู่ในใจลึกๆ เหอๆ



(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/427646_310503112333048_143065632410131_928455_570320123_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.พ. 12, 14:21
รูปซี่โครงย่างในค.ห. 31 ชวนให้หิวมากค่ะ

ดิฉันกำลังจะเอารูปผู้หญิงข้างบนนี้มาให้คุณติบอดูพอดี    เธอเป็นชาวอเมริกันชื่อ Cathie Jung   หนังสือสถิติโลกกินเนสบุ๊ครับรองว่าเป็นผู้หญิงเอวเล็กที่สุดในโลก    ตัวจริงเป็นคุณยายวัย 74 สูง 172 ซ.ม. หรือ 5 ฟุต  8 นิ้ว    เวลารัดเฝือก  ขนาดเอว  38.1 ซ.ม. หรือ 15 นิ้ว  แต่ถ้าถอดเฝือกวัด จะยืดออกมาเป็น 53.34 ซ.ม. หรือ 21 นิ้ว
ขนาดวัดเอวธรรมชาติ   ไม่ได้รัดคอร์เซ็ตต์  ก็ยังเล็กกว่าสาวๆสมัยนี้อยู่หลายนิ้ว

คุณยายให้สัมภาษณ์ว่าเดิมเคยมีเอวขนาด 26 นิ้ว  แต่เธอหันมาใส่เฝือกรัดทรงตลอด 24 ช.ม.   เวลานอนก็ไม่ถอด  นอนมันทั้งยังงั้น    เอวก็เลยลดลงเหลือ 15 นิ้วในที่สุด    แต่เธอไม่ได้บอกว่าเธอไปเอาซี่โครงออก  แค่มีข่าวลือเท่านั้นเอง
แต่ดูจากกายภาพ สงสัยจริงๆว่าซี่โครงคุณยายยังอยู่ครบรึเปล่า  


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 01 ก.พ. 12, 14:30
สงสัยเหมือนอาจารย์เช่นกันครับ..
ดูจากภาพแล้วถ้าขออนุญาตเดาว่าถ้าคุณยายเธอยังมีซี่โครงอยู่
น่ากลัวซี่โครงของคุณยายจะฝ่อ หรือไม่ก็อ่อนแอลงมากแล้วเป็นแน่แท้
ถึงได้ยอมให้เฝือกรัดเครื่องในเข้าไปได้มากมายถึงเพียงนั้น
ตับ ไต ไส้ พุง ม้าม ปอด และหัวใจของคุณยายคงอยู่กันอย่างอบอุ่นพิลึกนะครับ

เรื่องผ่าตัดเอาซี่โครงออกไป ผมลองถามเพื่อนๆหมอบางท่านดูแล้ว
เขาว่าตราบใดที่ยังไม่ได้ลองคลำ หรือ X-ray ดูน่าจะตอบลำบาก
แค่เดาจากรูปร่างไม่เรียกว่ามั่นใจได้ 100% ครับ... เหอ...


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.พ. 12, 14:43
เอามาให้ดูอีกคนค่ะ 
เธอเป็นซูเปอร์โมเดลในยุค 1950s    ชื่อ Betty Brosmer  หุ่นนาฬิกาทรายอย่างเธอเป็นยอดนิยมในสมัยนั้น   เป็นแบบที่หนุ่มๆฝันถึงและสาวๆอยากจะมีบ้าง
แต่ดูแล้ว  ซี่โครงน่าจะอยู่ครบนะคะ  เพียงแต่รัดเอวเข้าไปเต็มเหนี่ยวเท่านั้นเอง


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 01 ก.พ. 12, 23:57
แม่คนใหม่นี่เธอเจ้าเนื้อไม่ใช่น้อยเลยนะครับอาจารย์
เห็นทีขึ้นลิฟต์ตัวเล็กๆไม่น่าจะได้... หน้าอกหน้าใจคงใหญ่คับลิฟต์

หุ่นสาวแบบที่อาจารย์นำมาให้ชมกันคนนี้
ค่อนข้างจะเอนไปทางอเมริกันมากแล้วครับ
ก่อนหน้านั้น สักต้นๆคริสต์ศตวรรษที่ 20 เห็นจะได้
มีอยู่พักใหญ่ๆที่สาวๆใส่ corset
เพื่อให้ได้มามากกว่า 'เอว' และ 'หน้าอก'
พวกเธอต้องการ 'สะโพก' ด้วย!!!!
เห็นแล้วอยากเอาแก้วไวน์ไปวางบนสะโพกพวกเธอจัง!




(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/407258_310752535641439_143065632410131_928861_1277318241_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 02 ก.พ. 12, 10:43
เรื่องน่าตกใจอย่างหนึ่ง คือ
ทุกวันนี้ นอกจากสาวๆจะใช้ corset กันแล้ว
ว่ากันว่าหนุ่มๆที่ยังใช้ corset กันอยู่ ก็มีมากพอๆกับสาวๆครับ

หนุ่มที่ว่านี่ไม่ใช่หนุ่มใจสาว อยากเป็นสาว
หรือไปทำสาวมาเรียบร้อยแล้วแต่อย่างใดนะครับ...
แต่เป็นหนุ่มที่ต้องการให้หุ่นตัวเองเป็นรูปตัววีสวยๆ
เช่น นายแบบ หรือ นักกล้าม ที่ต้องโชว์หุ่นตัวเองล่ะครับ



 ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::)




(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/424746_309090849140941_143065632410131_925431_1942842633_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 02 ก.พ. 12, 10:56
อุ้ยตาย..ว้าย กรี๊ด...ทำไปได้!!!


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 02 ก.พ. 12, 17:00
หมดเวลาสนุกแล้วสิ...เดี๋ยวคุณ : D : D จะเชื่อที่ผมอำเล่นจริงๆ...
Corset แบบที่หนุ่มๆเขาใส่กัน ส่วนมากหน้าตาเป็นอย่างนี้ครับ
เขาว่าเอาไว้รัดชายโครงล่างให้เพรียวงาม หุ่นเป็นตัว 'V' ครับ




(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/420330_309090872474272_143065632410131_925432_2125192777_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.พ. 12, 21:47
Betty Brosmer ไม่ใช่นางแบบแสดงแบบเสื้อ  แต่เป็นนางแบบภาพ พิน-อัพ  ค่าจ้างแพงที่สุดในทศวรรษ 1950s ค่ะ 
สัดส่วนของเธอ 38-18-36  นิ้ว     
คำว่า pin-up   หมายถึงภาพถ่ายผู้หญิงสวยเซกซี่ ที่ตัดจากแมกกาซีน หรือถ่ายเดี่ยวๆโดยเฉพาะ  หนุ่มๆนิยมนำไปติดฝาผนังหรือด้านในตู้เสื้อผ้าเอาไว้ดู  อาจเป็นดารานักแสดง หรือนางแบบอาชีพก็ได้   
ส่วนผู้หญิงนุ่งกระโปรงที่เหมือนเอาโต๊ะใส่ไว้ด้านหลังกระโปรง  เป็นชั้นในชนิดหนึ่งเรียกว่า bustle   ก่อนหน้านี้มี crinoline หรือโครงชั้นในที่เราเรียกว่าสุ่มไก่  เพราะหน้าตาเหมือนสุ่มไก่จริงๆ  นุ่งด้านในกระโปรงดันชั้นนอกให้พองบานออกไป    ต่อมาแฟชั่นเปลี่ยนจากสุ่มไก่ที่บานทั้งตัว มาเป็นผ่าซีกเหลือเฉพาะด้านหลัง   เรียกว่า bustle (อ่านว่าบัซเซิล)
ผู้หญิงที่สวมบัซเซิล เดินไปไหนก็เหมือนผ่าโต๊ะครึ่งซีกติดบั้นท้ายไปด้วย     แต่ร่างกายไม่ได้ถูกดันหรือบีบรัดอย่างคอร์เซ็ตต์    เพียงแต่เวลานั่งคงทุลักทุเลอยู่บ้าง


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 05 ก.พ. 12, 01:59
รู้จักเจ้า 'Corset' กันมาบ้างแล้ว
เรามารู้จัก 'ความงามบนถนนสายวิบาก' อีกชนิดหนึ่งกันดีกว่าครับ

ความงามชนิดนี้เป็นความงามของคนที่เห็นว่า 'ความสูง คือ ความงาม'
แน่นอนว่าโดยธรรมชาติ... ความสูงของมนุษย์แต่ละคนถูกกำหนด
โดยเหตุปัจจัยหลายประการ ตั้งแต่ อาหารการกิน, พันธุกรรม,
สิ่งแวดล้อม หรือ สภาพวิถีชีวิต-ความเป็นอยู่ของเจ้าของสังขารนั้นๆ

แต่ธรรมดามนุษย์โลก... ที่หลายคนไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่
คนที่ไม่พอใจในระดับความสูงของตัวเองหลายคน
เลยต้องมาพึ่ง 'วิธีเสาะแสวงหาความงามชนิดนี้' กัน



(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/405880_311274912255868_143065632410131_929947_1338832143_n.jpg)


แม่สาวคนนี้อายุอยู่ในวัย 20 ต้นๆ
เธอเพิ่มความสูงของเธอได้มากถึง 14 ซ.ม. ในเวลาราวปีเศษ....
เรียกว่าจากกระปุกตั้งฉ่ายกลายเป็นนางแบบเลยก็คงจะได้
เดากันได้ไหมครับ ว่าวิถีทางไหน
ที่ถนนสายความงามบนแดนวิบากเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงเธอไป???


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.พ. 12, 11:05
นึกไม่ออก  ผ่าตัดหรือคะ
คงไม่มีเครื่องมืออะไรที่ยืดขาให้ยาวออกมาได้


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 05 ก.พ. 12, 15:41
อาจารย์เทาชมพูดเดาถูกทางแล้วครับ
เป็นการผ่าตัดชนิดหนึ่ง...
แต่แค่ผ่าตัดธรรมดาจะไปยืดกระดูกอะไรคงไม่ได้

การผ่าตัดชนิดนี้ เลยเป็นการผ่าตัดชนิดพิเศษ
เรียกเป็นภาษาวิชาการหน่อยๆ ว่า 'limb lengthening operation'
หรือ แปลเป็นภาษาไทยว่า 'การผ่าตัดยืดระยางค์' ครับ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 05 ก.พ. 12, 16:01
การผ่าตัดชนิดนี้ ที่จริงแล้วโดยปกติจะใช้เมื่อผู้ป่วยกระดูกขาหัก หรือแตก
เพื่อจัดรูปร่างกระดูกที่หักไปให้กลับเข้าสู่รูปร่างปกติ ไม่ผิดรูปไป

อุปกรณ์โลหะที่เอามาช่วยยึดกระดูกนั้นอยู่ภายนอกร่างกาย
และปรับรูปของอุปกรณ์ได้จากภายนอกร่างกายของผู้ป่วย
ทางการแพทย์เลยเรียกกันว่า 'External Fixator'
แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า 'อุปกรณ์ยึดจากภายนอก'
แต่ที่จริงก็ต้องมีอุปกรณ์บางส่วนยึดอยู่ภายในด้วยเช่นกัน



(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/418636_313348748715151_143065632410131_934721_1389304648_n.jpg)



คลิปนี้เป็นรายละเอียดแสดงวิธีการผ่าตัดครับ
เหมาะกับคนชอบเพลงคลาสสิคที่จิตแข็ง
คนจิตอ่อนกรุณาพิจารณาสติของตัวเองก่อนเปิดดูนะครับ




http://www.youtube.com/watch?v=FdJfKOKZwNs&feature=related


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.พ. 12, 16:06
กระดูก คงยืดไม่ได้ หมายถึงยืดเอ็นหรือคะ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.พ. 12, 19:33
กระดูกยืดได้ มิใช่ยืดเอ็น

http://www.youtube.com/watch?v=JhlbdzgH6eE

 ;D


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.พ. 12, 19:52
เพิ่งรู้จากคุณหมอเพ็ญโนนี่ละค่ะ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 06 ก.พ. 12, 00:17
มีธุระตอนเย็น ต้องออกจากบ้านพอดี
เลยไม่ทันมาตอบคำถามของ อ.เทาชมพู
ขอบคุณ อ.เพ็ญชมพูมากๆเลยครับผม

ขออนุญาตเล่าสั้นๆเสริมจากในคลิปนะครับ
ว่าที่จริงกระดูกสามารถยืดออกไปได้เรื่อยๆ
แต่ข้อจำกัดสำคัญที่สุดข้อหนึ่ง คือ 'เส้นประสาท' ครับ

เนื่องจากเซลประสาทแต่ละเซลเป็นเซลล์เดี่ยวๆ
ที่ยืดตัวเองออกมาเป็นเส้นยาวๆไปตามร่างกาย
เส้นประสาทแต่ละเส้นเกิดจากเซลล์ประสาทแบบนี้
เข้ามารวมตัวกันเป็นกลุ่ม และกลายเป็นสายยาวๆ

ที่จริงเส้นประสาทยืดได้ครับ เพราะตลอดเวลาที่เราเติบโต
เส้นประสาทก็ยืดตัวตามการเติบโตของร่างกายของเราอยู่แล้ว

แต่การเติบโตของพวกเราเป็นไปอย่างช้าๆครับ
อย่างมากที่สุดก็ไม่เกินปีละ 10 -15 เซนติเมตร
และยังอยู่ในวัยเด็กด้วย เซลล์ประสาทเลยยังมีความยืดหยุ่นอยู่
เส้นประสาทก็เลยยืดตัวได้ตามทันกับความสูงของร่างกาย

แต่การผ่าตัดยืดกระดูก เพื่อเพิ่มความสูง
มักต้องทำตอนที่เราเริ่มเป็นผู้ใหญ่ หรือเป็นผู้ใหญ่แล้ว
และยืดค่อนข้างไวมาก (ราววันละ 0.5-1 ม.ม.)
เส้นประสาทก็อาจจะยืดตัวตามไม่ทันได้

การยืดกระดูกเกิน 10% ของความยาวกระดูกนั้นๆ
ก็เลยค่อนข้างมีความเสี่ยงต่อเส้นประสาทสูงครับ
ใครที่อยากเพิ่มความสูงให้ได้มากๆ
ก็เลยอาจจะต้องผ่าตัดยืดกระดูกหลายชิ้นหน่อย
คือ ทั้ง ต้นขา และปลายขา...

แล้วพอยืดความยาวขาได้มากๆแล้ว
ถ้าอัตราส่วนความยาว แขนกับขา ไม่สมดุลกัน
ก็อาจจะต้องผ่าตัดยืดกระดูกแขนให้สมดุลกับขาด้วย....
นิดนึงนะครับ 'เพื่อความสวย'



(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/432237_313348762048483_143065632410131_934722_47237842_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.พ. 12, 22:14
ปัจจุบันนี้ ในประเทศไทย  มีการผ่าตัดยืดขา เพื่อเสริมความสูงโดยไม่เกี่ยวอะไรกับการรักษาขาไหมคะ
พูดง่ายๆ เขานิยมทำศัลยกรรมยืดขาเพื่อให้หุ่นดีขึ้นหรือเปล่า


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 06 ก.พ. 12, 22:33
มีครับอาจารย์ แต่ความนิยมก็ยังไม่มากนัก
อาจจะเพราะเป็นของใหม่ประการหนึ่ง

ที่สำคัญการผ่าตัดยืดขา (ถ้ายืดมากๆก็ต้องยืดแขนด้วย)
เป็นการผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลานาน งบประมาณมาก
ที่สำคัญ คือ ต้องตัดกระดูกด้วย ความเสี่ยงก็มากขึ้น

ไม่ใช่ผ่าตัดชนิดที่ 2 ชั่วโมงเสร็จ 7 วันหาย
เหมือนทำตา 2 ชั้น, เสริมหน้าอก, หรือเสริมจมูก
และไม่ใช่แค่ดัดกระดูกนิดๆหน่อยๆ เหมือนการจัดฟัน

ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป บวกกับความยุ่งยากที่เพิ่มขึ้นก็ไม่น้อยเลย
คนที่จะตัดสินใจยืดความสูงตัวเองเลยมีน้อยหน่อยน่ะครับ
(อย่างน้อยผมว่าก็น้อยกว่าคนผ่าตัดแปลงเพศหลายเท่าน่ะครับ)




(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/403740_313348798715146_143065632410131_934723_1928308158_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: กระต่ายหมายจันทร์ ที่ 07 ก.พ. 12, 00:07
เข้ามาอ่านข้อมูลของคุณหมอ แล้วนึกขอบคุณที่ไม่ได้เกิดสมัยนั้น โดนรัดเท้า บีบซี่โครง ทรมานน่าดู

แต่สมัยนี้ก็ไม่น้อยหน้านะคะ มีนวัตกรรมรัดหน้า อ้างว่าจะทำให้หน้ากว้างๆ แบนๆ เข้ารูปมากขึ้น ดูแล้วเหมือนฆาตรกรโรคจิต Hannibal Lecter ยังไงชอบกล แถมยังไม่รับรองผลอีกต่างหาก

(http://i.crackedcdn.com/phpimages/article/0/2/0/52020.jpg?v=1)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.พ. 12, 10:59
ดิฉันยังไม่รู้จักกรรมวิธีรัดหน้าอย่างรูปที่คุณกระต่ายหมายจันทร์ลงให้ดูเลยค่ะ      ใครช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยว่ามันคืออะไร
เคยเห็นแต่วิธีสักคิ้ว สักขอบปาก  ซึ่งแค่เห็นก็เจ็บแล้วค่ะ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 07 ก.พ. 12, 13:12
เห็นวิธีรัดหน้าแบบที่คุณกระต่ายหมายจันทร์ลงไว้แต่แรกแล้ว
แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเป็นวิธีเดียวกับที่ผมรู้จักหรือเปล่า
เลยยังไม่ได้เล่าอะไรต่อไปน่ะครับ

การรัดหน้าทั่วๆไปทางการแพทย์
ทั้งชนิดที่ใช้เพื่อการรักษาและเพื่อความงาม
โดยมากมักเป็นแบบนี้ครับ


(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/399840_314776665239026_143065632410131_938257_338439449_n.jpg)


ถ้าทางความงาม ทั่วไปใช้สำหรับหนุ่มใหญ่-สาวใหญ่
ที่กลัวว่าหน้าตัวเองจะ 'คล้อย' หรือ 'มีเหนียง'
อุปกรณ์รัดหน้าชนิดที่ว่าจะช่วยพยุงผิวหนังไว้ไมให้หย่อนคล้อย


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 07 ก.พ. 12, 13:17
ส่ยรุ่นที่ใช้การรัดหน้าเพื่อช่วยจัดรูปขากรรไกรล่าง
ไม่ให้ยื่นออกมาข้างหน้ามากเกินไปก็พอมีอยู่ครับ


(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/425551_314776728572353_143065632410131_938258_274150193_n.jpg)


ชนิดที่โหดกว่านี้สักหน่อย เป็นแบบหน้ากากรัดทั้งหน้า
โดยมากมักใช้กับผู้ป่วยเกิดอุบัติเหตุ บนใบหน้า
ทั้งเป็นแผลทั่วไป หรือ ไฟไหม้-น้ำร้อนลวก
เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นขนาดใหญ่บนใบหน้า
แต่ถ้าหนุ่มๆ สาวๆ คนไหนรักสวยรักงาม
อยากจะเอามาใช้ ก็คงไม่เป็นไรกระมัง



(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/418602_314776635239029_143065632410131_938256_1146752183_n.jpg)



เท่าที่ผมพอจะรู้จักมีเท่านี้ครับ
ไม่แน่ใจว่าจะตรงกับที่คุณกระต่ายหมายจันทร์นำมาโพสต์ไหม
เพราะอันนี้เห็นแล้วก็แปลกใจดี... สีก็สดใสกว่าที่ตัวเองคุ้นตา
(แอบรู้สึกว่ารัดเข้าไป คนถูกรัดคงดูคล้ายมนุษย์ต่างดาวอยู่ไม่น้อย)

อยากขอความรู้จากคุณกระต่ายหมายจันทร์ด้วยนะครับ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.พ. 12, 13:46
เรื่องความสวย ความงาม มิยอมให้น้อยหน้า ไม่ว่าใครก็ตามต้องมองฉันเป็นคนสวย ในแอฟริกาก็เช่นเดียวกัน ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในประเทศเอธิโอเปีย ฝ่ายสตรีมีธรรมเนียมการนำไม้กลึงแผ่นบาง หรือแผ่นกลมดินเผารูปทรงกลม หรือรูปทรงจอบ นำมาไว้ที่ริมฝีปากล่าง โดยการเจาะและใส่แผ่นดังกล่าว ยิ่งแผ่นโคยิ่งเพิ่มความสวยงามให้กับตนเอง

ภายหลังการดัดแปลงใส่ริมฝีปากนี้ พัฒนาไปในหลายมิติ

๑. บ่งบอกสถานะทางสังคมและชนชั้น

๒. เลี่ยงการถูกจับตัวไปเป็นทาส

๓. มีการเพิ่มใส่แผ่นไว้ที่ริมฝีปากบน เพื่อจุดประสงค์ทางสังคม

ต่อมาไม่มีแต่เฉพาะสตรี หากแต่บุรุษก็เริ่มทำการใส่กัน


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.พ. 12, 13:48
จานแผ่นโตแบบนี้ เจาะบนและล่าง งามสง่ามาก


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.พ. 12, 13:54
ภาพและเรื่องจาก Lips Plate (http://www.ezakwantu.com/Gallery%20Lip%20Plugs%20Lip%20Plate.htm)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.พ. 12, 14:06
ชาวป่าเผ่ากินคน กลุ่มหนึ่งนิรเวณป่าปาปัวนิวกินี มีวัฒนธรรมความงามที่เป็นเอกลักษณ์ที่ซ่อนไว้ภายใน นั่นคือ การเหลาฟันให้แหลมคม โดยการเหลาฟันจะใช้ตะไบเหลาฟันให้แหลมเข้าไว้ ยิ่งแหลมเท่าไร ยิ้มให้เห็นฟันยิ่งงามนักแล


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.พ. 12, 14:18
เฉกเช่นเดียวกันกับ "กระเหรี่ยงคอยาว" ที่ได้รับอิทธิพลความเชื่อในด้านต่าง ๆ ทำให้ความสวยได้รับการตอบรับด้วยการรัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นลำคอ แขน และขา ทั้งนี้ไม่ทราบที่มาที่ชัดเจนในการกระทำดังกล่าว แต่โดยทั่วไปกำหนดไว้ดังนี้

๑. เพื่อความสวยงาม ยิ่งห่วงมาก คอยาว ยิ่งสวย

๒. ป้องกันอันตรายจากเสือคาบคอ (แล้วผู้ชายละ  ???)

๓. เชื่อกันว่าการไว้ห่วงนี้จะเป็นบทบาททางสังคมได้

๔. ตำนานเก่าแก่ของชาวกะเหรี่ยงเชื่อว่าตนเองสืบเชื้อสายจากลูกมังกร จึงต้องพันร่างกายให้ยาว ๆ ด้วยห่วง


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.พ. 12, 22:12
เห็นความงามในรูปต่างๆแล้วสยองทุกรูป 
พวกปากจานนี่เขากินอาหารกันสะดวกไหมคะ  จะเคี้ยวกันยังไงนี่

นำความสวยแบบเจ็บเนื้อเจ็บตัวมาร่วมวงอีก ๒ รูปค่ะ     ปัจจุบันยังนิยมกันอยู่  คือการสักตัว
ต้องถามคุณติบอว่า สักแบบนี้ต้องฉีดยาชาหรือเปล่ากว่าจะทำเสร็จ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.พ. 12, 22:46
เห็นความงามในรูปต่างๆแล้วสยองทุกรูป 
พวกปากจานนี่เขากินอาหารกันสะดวกไหมคะ  จะเคี้ยวกันยังไงนี่


คลิปการดื่มน้ำครับ  ;)
http://www.youtube.com/watch?v=nIuDeoOERe0


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.พ. 12, 22:51
อาบน้ำ ทาปากแดงด้วย

http://www.youtube.com/watch?v=fnxF4WS044A&feature=related


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: กระต่ายหมายจันทร์ ที่ 07 ก.พ. 12, 22:59
รูปการรัดหน้าของอาจารย์ติบอดูเป็นวิทยาศาสตร์มากกว่าที่ต่ายเจอเยอะเลยค่ะ

ผลิตภัณฑ์หน้ากากสีสดใสที่เอารูปมาลงให้ดูก่อนหน้านี้เป็นผลิตภัณฑ์ของชาวญี่ปุ่นค่ะ แว่วว่าได้รับความนิยมพอสมควรเพราะคนญี่ปุ่นเชื่อว่าตัวเองหน้ากางไม่สวย

(http://i.crackedcdn.com/phpimages/article/0/4/6/52046.jpg?v=2)

ผลิตภัณฑ์อื่นที่เห็นในปัจจุบันเช่น ที่หนีบดั้งจมูก หรือ ที่ถ่างปาก (จะได้หลอกตาว่าหน้าเล็กลง เพราะปากใหญ่ขึ้น)

(http://i.crackedcdn.com/phpimages/article/0/2/3/52023.jpg?v=1)

(http://i.crackedcdn.com/phpimages/article/0/2/6/52026.jpg?v=1)

ไม่มีรายงานทางการแพทย์ค่ะว่าผลิตภัณฑ์ที่เห็นได้ผล แต่คงหลอกเงินในกระเป๋าสาวหนุ่มยุคนี้ไปได้พอสมควรค่ะ  ;D


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 08 ก.พ. 12, 00:56
เห็นคลิปของคุณ Siamese และเครื่องเสริมความงาม
ของคุณกระต่ายหมายจันทร์แต่ละอย่างแล้ว...
เห็นทีผมน่าจะเปลี่ยนชื่อกระทู้เป็น
'ชีวิตรันทดบนถนนสายความงาม'
เพราะแต่ละอย่างมันเกินแค่ 'วิบาก' กันไปทั้งนั้น

เรื่องรอยสักของ อ.เทาชมพู ไม่น่าจะต้องฉีดยาชาครับ
แต่ต้องทนกับอาการเหมือนโดนเข็มแทงไปจนกว่าจะเสร็จ
(หรือจะใช้ยาชาแบบทาหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจนะครับ)

เคยอ่านงานเขียนของคนฟิลิปปินส์คนหนึ่ง
อ้างว่าที่คนผิวขาวต้องสัก เพื่อเพิ่มความอบอุ่นในการทำงานใต้แสงแดด
ผมไม่ทราบว่าจริงไหม? ถ้าจริงทำไมเวลาหนาวไม่ใส่เสื้อผ้าซะก็สิ้นเรื่อง





(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/421531_315085658541460_143065632410131_939102_1809931043_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 08 ก.พ. 12, 00:59
ที่จริงถ้าเป็นสมัยโบราณ
รอยสักส่วนมากมักมีความหมายพิเศษ
เป็นต้นว่าบอกสังกัด หรือเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์
คนที่ผ่านคุกผ่านตารางมาหลายคนเป็นพวกชอบตีรันฟันแทง
ตามตัวก็เลยมักมีรอยสักมากเป็นธรรมดา

คำว่า 'prison' ในภาษาอังกฤษนอกจากจะหมายถึงคุกแล้ว
ยังหมายถึงคนที่รอยสักเต็มตัวไปหมดก็ได้

หนุ่มสาวสมัยใหม่ไม่ได้อยู่ในสังคมแบบนั้นแล้ว
เห็นรอยสักเป็นของเท่ ของสวย ก็เลยสักกันเต็มตัว
อยากเหมือนยากูซ่าก็มี อยากเหมือนนักโทษก็มี...
พวกผู้ใหญ่จะดีใจหรือเสียใจดีล่ะเนี่ยะ เหอๆ




(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/418932_315085755208117_143065632410131_939104_399654810_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 08 ก.พ. 12, 01:04
http://www.youtube.com/watch?v=umt5wcy785E



พูดถึงเรื่องสักแล้วอดนึกถึงเพลงนี้ไม่ได้
ขออนุญาตเอามาลงแกล้มกระทู้นะคราบบบ

จะว่าไป แฟชั่นสมัยใหม่นอกจากสักแล้วต้อง 'เจาะด้วย'
แม่สาวในคลิปนี้ยอมลงทุนเจาะหลังตัวเองเป็น 2 แถวยาว
เอาไว้ร้อยริบบินให้กลายเป็น corset ให้ได้...
จะมากไปไหมนี่!




http://www.youtube.com/watch?v=yT1gCJcYs4Y


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.พ. 12, 10:49
มาถึงสวยวิบาก เรื่อง เจาะ  ขอเว้นเจาะหูไปก่อน เพราะทำกันเป็นเรื่องธรรมดา จนไม่รู้สึกว่าเป็นวิบากอีกแล้ว   ขอข้ามไปถึงการเจาะที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสอง คือเจาะจมูก
แพร่หลายมากที่สุดในอินเดีย


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: puyum ที่ 08 ก.พ. 12, 14:18
ไปเห็นมาที่วัดบางพระ นครชัยศรี


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 08 ก.พ. 12, 14:20
http://www.youtube.com/watch?v=yGrgYFAtWRQ



สาวคนนี้ได้รับการบันทึกในกินเนสต์ ว่า 'เจาะเยอะที่สุดในโลก'

เออ.... จะเจาะกันมากมายไปถึงหน๊ายยย....
มีใครรู้สึกว่าน่ากลัวมากกว่าน่าดูไหมครับนี่
ทำไมผมเห็นแล้วนึกถึงประติมากรรมแนว Vanitas หลายๆชิ้น
ที่ชอบเอาหัวกระโหลกมาทำงานยังไงพิกลอะครับ เหอๆ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.พ. 12, 14:50
แม่คนข้างบนนี้เธอล้างหน้าด้วยวิธีไหนเนี่ย  เช็ดๆก็คงเจ็บ  อักเสบจากการกระทบกระเทือน
ถ้าล้างน้ำ ก็อาจจะติดเชื้อเป็นหนองได้ง่าย
อาบน้ำฝักบัวคงไม่ได้เลยละมังคะ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 08 ก.พ. 12, 14:57
http://www.youtube.com/watch?v=wnSxYyFL8Mk&ob=av3e



น่ากลัวจะต้องลองถามตาคนนี้ดูครับอาจารย์
(นาทีที่ 1.11 นะครับ)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: กระต่ายหมายจันทร์ ที่ 08 ก.พ. 12, 18:10
เข้ามาดูรูปดูคลิปแล้วรู้สึกเสียววาบๆ ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ บอกไม่ถูก  ::) ::) ::) ::) ::)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.พ. 12, 19:57
ดูรูปสวยวิบากอีกแบบค่ะ   เจาะปากเจาะลิ้น    ไม่รู้กินอาหารได้ยังไง
ดูมากๆประสาทจะชา หายกลัวไปเองค่ะ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 09 ก.พ. 12, 00:56
ตอนแรกว่าจะพูดเรื่องเจาะต่อ...
แต่เห็นทีถ้าพูดต่อไป คุณกระต่ายอาจจะหลอนอีกเป็นแน่

คืนนี้เลยมาแวะดูความงามอีกชนิดหนึ่งบนถนนสายวิบากนะครับ
ความงามชนิดนี้... ทำให้ 1 pack กลายเป็ 6 pack ได้



(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/405593_315778558472170_143065632410131_940436_692833342_n.jpg)



แล้วก็ทำให้ 6 pack ยู่ยี่ๆ แบบนี้...
กลายเป็น 1 pack ก็ได้เหมือนกัน



(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/421298_315778471805512_143065632410131_940434_347239046_n.jpg)



เดากันได้ไหมครับ... ว่าความงามชนิดนี้ คือ อะไรเอ่ย?


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: กระต่ายหมายจันทร์ ที่ 09 ก.พ. 12, 22:03
สวัสดีค่ะคุณหมอติบอ...

น่าจะเป็นการผ่าตัดดูดไขมัน (Liposuction) ที่มีการดูดไขมันออกจากใต้ผิวหนัง ในรายที่ดูดออกมากจะพบหนังส่วนเกินจึงต้องมีกระบวนการตามด้วยการตัดหนังหย่อนยานออก และเย็บให้สวยๆ ค่ะ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 09 ก.พ. 12, 23:05
(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/399795_315085688541457_143065632410131_939103_1382554708_n.jpg)


ดรู๊ดดดดดดดดดดด ขัยมัลลลล์
Liposuction ถูกต้องนะฮ๊าบบบบบบ


ปล. เค้าบ่จั้ยคุงหมออ่ะตะเอง... เค้าเป็ง 'คุงมู๋' อ่า.... แหะๆ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.พ. 12, 13:06
ศัลยกรรมหน้า  ก็สวยวิบากนะคะ

ผู้หญิงคนนี้ชื่อ Cayetana de Silva  เธอเป็นผู้ดีมีตระกูลสูงศักดิ์ที่สุดของสเปน มีบรรดาศักดิ์เป็น  Duchess of Alba   รูปเหล่านี้ถ่ายเมื่อวัยสาว  เธอแต่งงานเมื่อพ.ศ. 2490
เห็นได้ว่าเป็นหญิงสาวสวยคมทีเดียว สมกับเป็นสายเลือดสเปน
รูปขวาสุดถ่ายเมื่อปี  2499 


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.พ. 12, 13:12
ในเมื่อกาลเวลาและสังขารไม่หยุดนิ่งอยู่กับใคร     อภิมหาเศรษฐีนีอย่างดัชเชสก็ไปทำศัลยกรรมหน้าเพื่อยื้ดยุดความสาวความสวยเอาไว้ให้นานที่สุด
ผลออกมาว่า    เธอเกิดคลั่งไคล้ใหลหลงศัลยกรรมความงามขึ้นมายังไงก็ไม่ทราบ    ก็เลยไปทำเสียหลายครั้ง    กี่ครั้งยังหาข้อมูลไม่พบ
พบแต่ว่าเมื่อเธออายุ 85  ในปี 2554  หน้าตาเธอออกมาเป็นยังงี้ละค่ะ  


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.พ. 12, 13:19
ใครอ่านกระทู้มาถึงรูปข้างบนนี้แล้วอ้าปากจะร้องจ๊ากออกมา  กรุณากลืนเสียงลงไปก่อน
เพราะยังไงมันก็ได้ผลนะคะ  

ดัชเชสวัย 85  ย้ำ  85 ในปีก่อน  ปีนี้ก็ 86 แล้ว  เพิ่งเข้าสู่ประตูวิวาห์ครั้งที่ 3  (เธอเป็นแม่ม่าย  สามีเธอคนที่หนึ่งและคนที่สอง ถึงแก่กรรมไปตามอายุขัย ก่อนหน้าแล้ว)  เธอพบรักกับผู้ชายที่อ่อนกว่าเธอ 25 ปี
งานนี้เป็นวิวาห์บันลือโลก  ที่กว่าจะแต่งกันได้   ลูกๆที่เกิดจากสามีทั้งสองก็เคี่ยวเข็ญให้เธอเซ็นโอนมอบทรัพย์สินมหาศาลของตระกูลให้ลูกๆเสียก่อน    เธอก็เซ็น   แล้วก็เข้าพิธีวิวาห์ไปกับหนุ่มใหญ่วัย 60 ที่เต็มใจจะแต่งงานด้วยอยู่ดี

ใครในเรือนไทยที่บ่นอุบอิบว่ายังไม่เจอเนื้อคู่จนแล้วจนรอด    โปรดพิจารณาทบทวนเรื่องศัลยกรรมอีกครั้ง  ;) ;) ;)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.พ. 12, 13:20
แปดสิบห้ายังไหว กับลีลาศในงานเลี้ยงฉลองวิวาห์


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.พ. 12, 13:33
ท่านที่เข้ามาอ่าน ถ้าขวัญที่บินหายไป กลับคืนมาเรียบร้อยแล้ว 
ดิฉันจะจูงมือพาอีกคนมาแนะนำ  ตอนนี้โชว์รูปตัวอย่างก่อนค่ะ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: กระต่ายหมายจันทร์ ที่ 10 ก.พ. 12, 20:11
ถ้าคุณติบอเป็น คุงมู๋ ... เราก็สปีชีส์เดียวกัน  ;D

คุณดัชเชสในรูปเต้นฉลองงานแต่งดูเธอผิวขาวซีดแปลกๆ นะคะ อาจารย์เทาชมพู  ??? ??? หรือเป็นเพราะแสงตอนถ่ายรูป


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.พ. 12, 20:28
ผิวเธอขาวจนซีดอยู่แล้วค่ะ  รูปแต่งงานน่าจะเกิดจากเมคอัพ หรือแสงจ้ามากก็ได้
รูปนี้ถ่ายกับคามิลล่า ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.พ. 12, 21:43
กลับมาคุยถึงสวยวิบากของศัลยกรรมเสริมสวย ที่เรียกว่า plastic surgery
สาวในรูป 82  ได้รับสมญาว่า lion woman  จะเรียกนางสิงห์ก็จะฟังเหมือนสาวห้าวประเภทดวลปืนกับผู้ร้ายในหนัง    ขอแปลตรงๆว่าสาวสิงโตดีกว่า   เพราะหน้าเธอละม้ายสิงโตราวกับเป็นเครือญาติสนิท  ผลจากทำศัลยกรรมครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้ออกมาเป็นอย่างนี้   ไม่ใช่ว่าหมอผ่าตัดฝีมือไม่ดี

ผู้หญิงคนนี้มีนามว่า จอสลีน วิลเดนสไตน์  รายงานข่าวเล่าว่า  เธอเป็นสาวสวิสที่บุญหล่นทับได้เป็นภรรยาของอภิมหาเศรษฐีซึ่งรักของสะสมสองอย่างในโลกคือภาพวาดศิลปะ  กับอุทยานส่วนตัวที่เขาเลี้ยงสิงโตเอาไว้       เพื่อจะเอาชนะใจสามีให้หันมาเอาใจใส่เธอมากกว่าหญิงอื่น  ตอนแรกเธอก็ทำศัลยกรรมให้สวยขึ้นอย่างผู้หญิงทั่วไปทำกัน  แต่ผูกใจสามีไม่ได้นาน    เธอก็เลยผ่าตัดใหม่ ทำหน้าให้ออกมาละม้ายสิงห์   ด้วยความหวังว่าสามีผู้รักสิงโตเป็นชีวิตจิตใจจะหันมารักนางสิงโตเป็นๆในบ้าน
ผลกลับกลายเป็นตรงข้าม   พอสามีเห็นหน้าศัลยกรรมก็ขวัญหนีดีฝ่อ  รายงานข่าวกระซิบดังๆว่าพี่แกแผดเสียงร้องออกมาสุดเสียง     ภรรยาก็ได้แต่ผิดหวังไป   เธอก็เลยหันกลับไปทำศัลยกรรมอีก  ทำแล้วทำอีกจนเดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้ว   เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยโดยหวังว่าจะถูกใจสามีสักที

อาการของเธอ  เรียกง่ายๆว่า plastic surgery addict   ดิฉันไม่ทราบว่ามีศัพท์เทคนิคทางการแพทย์หรือไม่   แต่น่าจะอาการคล้ายๆคุณดัชเชสสาวสองพันปีข้างบนโน่น    พวกนี้จะทำศัลยกรรมหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก จนผิดมนุษย์  ด้วยความเชื่อว่ายิ่งทำก็ยิ่งสวย  หักห้ามใจตัวเองจากถูกผ่า กรีด ดึง เย็บ  ไม่ได้จนแล้วจนรอด 
จนออกมาอย่างที่เห็นนี่ละค่ะ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.พ. 12, 21:49
หน้าเมื่อไม่ได้ทำศัลยกรรม  กับหน้าในปัจจุบันล่าสุด


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 11 ก.พ. 12, 00:00
สองสามวันนี้ติดธุระนอกบ้านมากไปนิด
กลับมาถึงเข้ามาอ่านความเห็นของ อ. เทาชมพู
(พร้อมๆกับกินไส้กรอกไปด้วย...)

เออ... ผมหยุดการกินไว้สักพักดีกว่าครับ เหอๆ


ที่จริงกลุ่มอาการทางประสาท
เหมือนอาการ Plastic Surgery Addiction
ไม่ใช่โรคร้ายแรงที่กระทบกระเทือนผู้ป่วยอะไรมากนักครับ

อาการในกลุ่มคล้ายๆกันนี้ก็มีอีกหลายอาการ
เช่น อารบ้าซื้อของ ซื้อแล้วซื้ออีก ซื้อไม่หยุดไม่หย่อน
อาการต้องใช้ของแบรนด์เนม ไม่ใส่แบรนด์เนมไม่กล้าออกจากบ้าน
อาการชอบแต่งตัวบ้าๆบอๆ ให้สะดุดตาเวลาไปออกงาน เป็นต้น

ว่ากันด้วยหลักการทางจิตวิทยา
อาการพวกนี้มักเกิดกับคนรวยเกือบทั้งหมด
(คนจนๆที่ไหนจะมีปัญญาหาเงินไปจ่ายให้กับเรื่องพรรค์นี้ได้ล่ะครับ)

มูลหตุพื้นฐานเห็นเขาว่ากันว่า 'มาจากความไม่มั่นใจเรื้อรัง' ของผู้ป่วยครับ
ที่จริงคนเราก็เกิดมาในสังคมด้วยความ 'ไม่เท่ากัน' ตั้งแต่แรกอุแว๊กันทุกคน
แต่คนที่ป่วยด้วอาการพวกนี้มักคิดว่าตัวเอง 'มีไม่พอ' อยู่เป็นประจำ
ก็เลยหันไปทำตัวเองให้ดูเด่นเป็นจุดสนใจมากขึ้น ด้วยวิธีการต่างๆนานา
ที่ไปได้ดีก็อาจจะกลายเป็นคนบ้างาน... หรือชอบบริจาคนั่นนี่เพื่อให้มีชื่อเสียงก็มี
ส่วนคนอีกพวกหนึ่งที่มีเงิน.. แต่ไม่รู้จะใช้วิธีไหน ก็เลยหันไปทำตัวแบบนี้กันครับ

พูดมาขนาดนี้ หลายๆท่านที่อ่านระทู้คงพอนึกออก
ว่าคนไทยที่ป่วยด้วยอาการพวกนี้ก็มีอยู่ไม่น้อยเลย
หลายคนก็กลายมาเป็น 'คนดังในสื่อ' ออกข่าวให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ

เอาเถอะ.... ถ้าไม่ได้ไปสร้างความเดือนร้อนให้ใคร
ไม่ได้ไปปลุกระดมคนที่ไหนให้ลุกขึ้นมาทะเลาะกัน
อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะน่อ ไฮโซ ไฮซิ้ม ทั้งหลาย


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 11 ก.พ. 12, 00:22
เอาล่ะ... ไส้กรอกหมดแล้ว เล่าเรื่องต่อได้

เห็นคุณดัชเชสต์ชาวสเปน กับแม่สาวสิงห์โต
ที่อาจารย์เทาชมพูนำภาพมาให้ชมกันไปบ้างแล้ว
มาดูแม่สาวอังกฤษนางนี้กันบ้างดีกว่าครับ

เธอชื่อ Naleen Namita เป็นคุณแม่ลูก 3 แล้วล่ะครับ
เมื่อสัก 20 ปีที่แล้ว เธอเริ่มฝันว่าตัวเองมีชาติที่แล้ว
แต่ชาติที่แล้วของเธอไม่เหมือนชาติที่แล้วของคนอื่น
เพราะเธอเป็น 'ราชินีเนเฟอร์ติติ' พระราชินีผู้ทรงไว้ซึ่งความงามสูงสุด
และงดงามกว่าราชินีองค์ใดๆในประวัติศาสตร์อียิปต์ยุคโบราณ



(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/400991_317148748335151_143065632410131_943535_1152031092_n.jpg)



ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Naleen
ก็เริ่มหาวิธีเชื่อมโยงร่างกายของเธอในชาติภพนี้
ให้เข้ากับสิ่งที่เธอเชื่อว่าเธอเป็นในอดีตชาติของเธอ...

ในที่สุด เธอก็ป่วยด้วยอาการ Plastic Surgery Addict อย่างหนักครับ
ล่าสุดเมื่อปีกลาย หลังจากหมดเงินกับการทำศัลยกรรมไปแล้วร่วมสิบล้านบาท
Naleen ได้รับสถิติใหม่ในการทำศัลยกรรมเพื่อความงามมาแล้ว 51 ครั้ง
และได้ใบหน้าแบบใหม่ (ทีผมว่าดูยังไงก็ไม่ได้คล้ายเนเฟอร์ติติเลย) มาอยู่บนบ่า



(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/419078_317148785001814_143065632410131_943537_1933283462_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 11 ก.พ. 12, 00:25
(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/428106_317148835001809_143065632410131_943538_895473927_n.jpg)


ภาเปรียบเทียบช่วงเวลาต่างในชีวิตของ Naleen ครับ
ก่อนทำศัลยกรรม ขณะเจ็บตัว และปัจจุบัน....
ไม่แต่งหน้าให้คล้ายขึ้นมา ใครจะว่าเธอเหมือนเนเฟอร์ติติ ก็แล้วแต่
ผมคนนึงล่ะครับ ที่เถียงหัวชนฝาสุดใจขาดดิ้น!


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.พ. 12, 20:29
เจอรูป Naleen เทียบกับเนเฟอร์ตีติอีกรูป    ดูยังไงก็ไม่เห็นฝุ่นค่ะ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 11 ก.พ. 12, 21:01
เป็นวิมานในอากาศหลังใหญ่มหึมา
ที่ Naleen ทุ่มทุนสร้างมันขึ้นน่ะครับอาจารย์
เห็นทีในอนาคตข้างหน้า พวกลูกๆอาจจะโกรธเธอได้
โทษฐานที่ทำให้มรดกของพวกเขาเหลือไม่กี่บาทครับ


ผมค้างสัญญาเรื่องคลิป Liposuction
ไว้กับสมาชิกเรือนไทยท่านหนึ่งเมื่อวันก่อน
มาดูกรรมวิธีการดูดไขมันกันดีกว่าครับ
(คลิปนี้ก็ไม่เหมาะกับคนจิตอ่อนอีกเช่นเคยนะครับ)

เจอะเพลงประกอบ กับวิธีการดูดไขมันเข้าให้แล้ว...
ดูคุณหมอจะสนุกกับการทำงานไปนิดนะครับ เหอๆ




http://www.youtube.com/watch?NR=1&v=6KoNGAhdX9g&feature=endscreen


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 13 ก.พ. 12, 02:50
กลับมาที่แม่สาว Naleen กันดีกว่า
ลิงก์นี้ให้ข้อมูลใหม่ว่าเธอผ่าตัดศัลยกรรมมาแล้ว 53 ครั้ง
และคลั่งไคล้การผ่าตัดศัลยกรรมมากเกินธรรมดา
จนถึงขั้นยกเลิกการเรียนของลูกเธอในโรงเรียนที่เขากำลังเรียนอยู่

ภาพที่ผมแนบมาด้วยเป็นลิงก์ไปถึงเรื่องราวของ Naleen
บางส่วนเป็นความรู้สึกของเด็กสาวอายุ 16 ปี
ที่เล่าถึงพฤติกรรม 'อยากเป็นเนเฟอร์ติติ' ของแม่ของเธอครับ



"I would love to see Mum grow old naturally" she says. "I don't believe she is happy. She has come home in tears after people have stared at her. I've seen photos of her as a young woman. She had a beautiful face which makes her surgery all the more inexplicable. Wrinkles are lovely and are nothing to be ashamed of. They tell the story of your life. I just wish Mum could see it that way."

"หนูอยากเห็นแม่แก่ลงอย่าปกติ" ลูกสาวของ Naleen พูด "หนูไม่เชื่อ ว่าแม่จะมีความสุข แม่กลับมาบ้านพร้อมน้ำตาเวลาที่แม่ถูกคนจ้องมองอย่างแปลกๆ หนูเห็นรูปของแม่สมัยที่แม่ยังเป็นสาว แม่เป็นคนสวย สวยจนหนูไม่รู้ว่าแม่จะทำศัลยกรรมไปทำไม รอยย่นเป็นสิ่งที่น่ารัก และไม่เห็นจำเป็นต้องอายกับมัน มันบอกเล่าถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตของเรา หนูคงได้แต่หวังว่าแม่จะมองรอยเหี่ยวย่นในวิถีทางนั้นได้"




(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/427372_317148728335153_143065632410131_943533_258885117_n.jpg) (http://voices.yahoo.com/the-plastic-surgery-addicted-mother-believes-shes-5748294.html)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 13 ก.พ. 12, 03:11
ดูเหมือน clip นี้จะเหมาะกับกระทู้แมวของคุณ Wandee ด้วย
เพราะลุงคนนี้ทำศัลยกรรมตัวเองให้ 'กลายเป็นมนุษย์แมว' ครับ!




http://www.youtube.com/watch?v=LJ7zyNnEeyM&feature=related


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 13 ก.พ. 12, 13:59
หลังจากความปลอยในการผ่าตัดศัลยกรรมมีมากขึ้น
มนุษยโลกก็หันมาใช้บริการทางการแพทย์ประเภทนี้กันมากขึ้น
หลายคนยอมรับวิบากกรรมที่จะเปลี่ยนรูป เปลี่ยนร่างของพวกเขาไปตลอดชีวิตได้อย่างเต็มใจ

บางคนอาจจะอยากได้มาแค่การชะลอความงามไว้กับตัว
เหมือนคุณดัชเชสวัย 85 ปี และแม่สาวสิงห์โต
ที่อาจารย์เทาชมพูจูงมือมาออกรายการไปแล้ว

ที่มากกว่านั้น หลายคนเปลี่ยนแปลงตัวเอง 'เพื่อให้ได้มามากกว่าความงาม'
คนพวกนี้มักมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ มากกว่าแค่ 'ความสวย'
คุณแม่ Naleen Namita วัย 50 เศษ ที่อยากเป็นเนเฟรอ์ติติ
และคุณลุงมนุษย์แมวที่ยอมสักหน้า และขลิบปากตัวเองออกไป
เพื่อให้ตัวเองมีรอยยิ้มเหมือนแมวเป็นตัวอย่างจำนวนหนึ่งสำหรับคนจำพวกนี้

มาลองดูกันต่อดีกว่า ว่าคนที่ยอม 'วิบาก' ขนาดนี้ 'เพื่อความสวย'
จะยอมทำอะไรโหดๆ กับเรือนร่างตัวเองกันบ้าง

ตาคนนี้อยากเป็น 'มนุษย์กิ้งก่า' ครับ
มาลองดูกันดีกว่า ว่าพี่แก 'ยอมลงทุน' อะไรบ้าง กับร่างกายตัวเองไปแล้ว




(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/401007_319004834816209_143065632410131_949812_507620229_n.jpg)


ดูจากรูปข้างบน หลายคนคงตอบได้ทีละข้อว่า
1.) สักหน้า
2.) ตัดปลายลิ้นให้เป็นแฉก
3.) เสริมคิ้วให้เป็นปุ่ม


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 13 ก.พ. 12, 14:03
(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/431410_319004874816205_143065632410131_949813_1643536263_n.jpg)



ทีจริง... พี่แกต้อง 'เจาะหูเป็นรูใหญ่' และ 'กำจัดขนหน้าอกถาวร' ด้วยครับ...
ถ้าลองดูจากภาพนี้ ขนบนตัวแกก็มีอยู่มิใช่น้อย

สาวๆคนไหน อยากใส่กระโปรงสั้น
แล้วต้องผ่านประสบการณ์ wax ขนหน้าแข้งมาบ้างคงพอรู้
ว่าไอ้การกำจัดขนอย่างนี้มันเจ็บปวดทรมานสักแค่ไหน...


เชื่อไหมครับ ว่าตามนุษย์กิ้งก่ามีอะไรมากกว่าที่เห็นกันไปแล้วอีก...
แล้วจะมาเล่าต่อครับผม


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.พ. 12, 22:05
คุณติบอยังไม่เข้ามาต่อเรื่องมนุษย์กิ้งก่า  เลยเอารูปสาวน้อยมาคั่นรายการไว้ก่อน    
เธอเป็นเด็กสาวสวยน่ารัก    ถ้าเป็นหญิงอื่นก็คงดีใจ  ที่เกิดมาหน้าตาอย่างนี้
แต่เธอผู้นี้ก็ยอมฝ่าฟันมีดหมอ  เผชิญสวยวิบากไปอีกหลายขั้น  กว่าจะมาถึงปัจจุบัน


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.พ. 12, 22:16
จำได้แล้วใช่ไหมคะ ว่าสาวน้อยข้างบนนี้คือใคร?  


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.พ. 12, 22:20
กว่าจะมาถึงวันนี้ ของแอนเจลิน่า โจลี่


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 13 ก.พ. 12, 23:41
เหนื่อยแทนแม่โจลี่ครับ.... เท่าที่แรกมีคงยังไม่พอ
ช่วงที่ทำงานเบื้องหลังวงการแฟชั่นอยู่พักหนึ่ง
เจอนางแบบ-นายแบบบางคนทีไร หน้าตาต้องมีอะไรเปลี่ยนไปทุกที
เห็นแล้วทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บแทน... แต่แรกก็ดีอยู่แล้ว
จะพยายามเพิ่ม พยายามเติม กันไปถึงไหนน้อ


(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/421702_319004761482883_143065632410131_949808_1083752049_n.jpg)



(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/430938_319004814816211_143065632410131_949811_1561264763_n.jpg)



ค้างกันไว้ตอนบ่ายๆ เรื่องมนุษย์กิ้งก่า
ที่จริงตาคนนี้เป็นพวกเล่นมายากลครับ
แกเลยไปเปลี่ยนรูป แปลงร่างมา
ทั้งเจาะ สัก ตัดปลายลิ้น กำจัดขนหน้าอก เหลาฟัน และเจาะจมูก
เพื่อให้ได้งานทำเพิ่มขึ้น


แต่ถ้าทำจนเหมือนข้างล่างนี่... ผมคนนึงล่ะ ที่เห็นแล้ว 'สยอง' ครับ เหอๆ



(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/406987_319004798149546_143065632410131_949810_291668209_n.jpg)


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 14 ก.พ. 12, 00:02
http://www.youtube.com/watch?v=_pT7dqUmHFQ



ในที่สุด มนุษย์กิ้งก่า และมนุษย์แมว ก็โคจรมาพบกัน
ที่ 'พิพิธภัณฑ์ของแปลก' ครับผม... ก็สมควรอยู่ล่ะเนาะ เหอๆ


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.พ. 12, 22:25
พิพิธภัณฑ์ของแปลกแบบนี้  คงไม่ซื้อตั๋วเข้าชมละค่ะ

ย้อนกลับมาถึงสวยวิบากของเหล่าดาราและไฮโซ   บางคนเจ็บตัวแล้วหล่อขึ้นสวยขึ้น ก็ยังดี    แต่บางคนเจ็บตัวแล้วไม่คุ้ม   เพราะหน้าตายิ่งแย่ลงกว่าเก่า
อย่างเมลานี กริฟฟิธ  หน้าเดิมสวยอยู่แล้ว  ไปทำเปลือกตาให้ลึก และฉีดปากให้อวบอิ่ม  เลยออกมาไม่สวยทั้งตาและปาก


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.พ. 12, 22:34
เม็ก ไรอัน "หวานใจของอเมริกา"  เป็นดาราสาวที่สวยเหมือนรูปวาดในวัยสาว


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.พ. 12, 22:36
แต่เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน   เธอไม่ยอมที่จะให้ตัวเองเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ    แต่กลับไปทำศัลยกรรมเพื่อยื้อยุดความสาวความสวยเอาไว้ให้เหมือนเก่า
มีดหมอสู้ธรรมชาติไม่ได้  ผลเลยออกมาเป็นอย่างนี้  น่าจะเรียกว่าเจ็บตัวฟรี


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.พ. 12, 21:26
ดาราฮอลลีวู้ดที่หน้าตาเป็นธรรมชาติตามที่พ่อแม่ให้มา หายากมาก  ส่วนใหญ่จะต้องเผชิญกับสวยวิบาก หรือหล่อวิบาก เพื่อให้ออกมาดูดีต่อหน้าคนดูนับพันล้านทั่วโลก
บางคนก็สวยขึ้นหล่อขึ้น คุ้มเจ็บ  แต่บางคนก็น่าเสียดาย  เสียทั้งเงินและหน้าตา   อย่างแบรี่ มานิโล   ในรูปที่เปรียบเทียบก่อนและหลัง ข้างล่างนี้


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: กระต่ายหมายจันทร์ ที่ 18 ก.พ. 12, 22:34
เม็ก ไรอัน "หวานใจของอเมริกา"  เป็นดาราสาวที่สวยเหมือนรูปวาดในวัยสาว

ดาราคนโปรดเลยค่ะ ชอบเม็ก ไรอัน กับ โจดี้ ฟอสเตอร์ที่สุด  :D :D :D :D :D


กระทู้: สวยวิบาก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 19 ก.พ. 12, 20:59
(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/421183_320033661379993_143065632410131_951682_346808897_n.jpg)


พูดถึงความ 'วิบาก' ชนิดน่าสยดสยอง
จนท่านเจ้าเรือนถงกับออกปากว่า 'จะไม่ไปชมพิพิธภัณฑ์ชนิดนั้นแน่ๆ' แล้ว...
มาดูความวิบากชนิด 'กึ่งดิบกึ่งดี' กันบ้างดีกว่า...


หนุ่มปินอยคนนี้อยากเป็น 'ซุปเปอร์แมน' ครับ
เขาเลยไปจัดการโมหน้า (จากทางซ้าย) มาเป็นอย่างทางขวาที่พวกเราเห็นกันนั่นแล